วิริยาธิกะพิเศษบันทึก

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย pco-, 7 มิถุนายน 2010.

  1. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ก็ยังดีนะพี่ที่พวกเรารู้สึกตัวกันเร็ว เท่าที่สังเกตุดู พุทธภูมิจะรู้สึกตัวเร็วเผลอไผลอะไรไปก็ไม่นาน เพราะความที่รักดีมาแต่เดิมมากกว่ารักในทางไม่ดี ทำอะไรลงไปก็ต้องการผลในความดีทั้งนั้น แม้บางครั้งทำในเรื่องที่มันผิดในศีล ในธรรม ผิดทำนองครองธรรม ด้วยจำเป็น ด้วยเหตุอันสุดวิสัย ก็ล้วนแต่หวังผลไปในทางที่ดี พอรู้ว่าไม่ดีในไม่ช้าก็เลิกลาไป ความดีกับความถูกต้องมันคนละเรื่อง ทำถูกต้องแต่ไม่ดีนั้นมีเยอะ เช่นข้อห้ามต่างๆ ห้ามอย่างนั้นอย่างนี้ถามว่าถูกต้องไม๊ มันก็ถูก แต่พอถามอีกคำว่าดีไม๊ตอบว่าไม่ดี ลูกหลานทำผิดหากผิดมากต้องโดนทำโทษโดนไม้เรียวอาญาสิทธิ การทำโทษนั้นถูก แต่การทำโทษการเฆี่ยนตีไม่ดีเลย

    ทีนี้การก๊งยาดองจนเมาแถไปแถมา เดินเด้งหน้าแล้วก็เด้งหลัง เซไปทางซ้ายแล้วก็เซมาทางขวา หัวสมองมึนงง หัวมีอาการหนัก เมื่อเอาหัวทิ่มลงไปที่ตรงใหนไม่ว่าจะมีหมอนที่อ่อนนุ่ม หรือขอนไม้แข็งๆ แม้แต่รองเท้าบู๊ทที่ใส่ทำงาน เวลามึนเวลาเมาเอามารองหนุนหัว มันอยากนอนแนบ ไม่อยากยกหัวออกจากที่หนุน หัวมันยกไม่ไหว ยกไม่ขึ้น มันเป็นความรู้สึกดีเยี่ยมของเราเมื่อตอนเมา โลกในความมึนเมามันสุดแสนจะดีสำหรับคนชอบเมา มันไม่ถูก แต่มันดีสำหรับเราขณะนั้นขณะที่นิยมความเมา

    พุทธภูมิ ภูมิของคนที่เรียนรู้ แม้จะยังไม่ได้ชื่อว่าพุทธะที่แปลว่าผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน แต่ก็เรียนมาแล้วไม่น้อย ถึงจะยังไม่จบหลักสูตร ยังสลึมสลือ ยังไม่ตื่นเต็มที่ แต่ก็ใกล้จะตื่นแล้ว หลับมานานมากพอสมควรแก่เวลา แล้วโดนเคี่ยวโดนเข็ญมาแล้วอย่างหนัก เรื่องนรก เรื่องอบายภูมินั่นมันเป็นสมบัติของเรามาช้านาน เราน่าจะยกให้เป็นสมบัติของคนอื่นไปซะมั่ง อะไรก็อุตส่าห์สละ อุตส่าห์บริจาค แม้แต่น้องนางแก้วยังจะมาให้เราสละบริจาค เราก็สละใหญ่ ยกนรกทั้งหมดแถมกระทะทองแดงให้เขาไปซะเลย แม้จะรู้สึกเสียดายอาลัยอาวรณ์ นรกขุมต่างๆ มันก็ต้องทำใจนะพี่ พุทธภูมิมันต้องยกสมบัติต่างๆให้เขาหมดอยู่แล้ว


    นี่พวกเรามันรู้สึกตัวง่าย แม้ผมเองต้องอุดหนุนเจ้าของโรงงานน้ำพวกนี้ ก็รวมแล้วนับพันลิตร แต่ถึงแม้ว่าจะอย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งก็ไม่อยากให้ใครมีความประมาท เหมือนเราขับรถบนไฮเวย์ ผมก็ไม่อยากเห็นใครแถลงไปหงายท้อง หรือนอนตะแคงข้างทาง ผมมันนิสัยเสียชอบจะเอาอย่าง เห็นใครแถเดี๋ยวก็จะแถกะเขามั่งเพราะเข้าใจว่าการไปหงายท้องข้างถนนมันดีกว่าวิ่งบนถนนไฮเวย์ ก็คนมันรักจะดีนะพี่อะไรที่เข้าใจว่าดี ก็จะทำแม้แต่การเมาเพราะคิดว่ามันเป็นของดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 ธันวาคม 2014
  2. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    จากหนังสือ


    พุทธสาสนสุวัณณภูมิ ปกรณ์ : ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย

    อนาคตวงค์ที่สุดยอดแห่งการบริจาคมหาทานพระอีกพระองค์หนึ่ง

    ในพระพุทธวงศ์ และ อนาคตวงศ์[FONT=&quot]ซึ่งเป็นพระพุทธพจน์ตรัสแก่พระสารีบุตรเถร ทรงตรัสไว้ตั้งแต่สมัยปฐมโพธิกาล ณ[/FONT][FONT=&quot]คราวที่เสด็จสู่กรุงกบิลพัสดุ์ครั้งแรกในพระพุทธพรรษาที่ ๓[/FONT][FONT=&quot]ได้ทรงกระทำตามพระพุทธวงศ์ ก็คือพระพุทธองค์ที่ได้ตรัสรู้มาแล้ว[/FONT][FONT=&quot]และได้ตรัส-อนาคตวงศ์ ก็คือ พระพุทธองค์ที่จะได้ตรัสรู้ในอนาคตกาลอีก ๑๐ พระองค์[/FONT][FONT=&quot]อนาคตวงศ์ทรงปรารภ-พระนางมหาปชาบดีโคตมี และ อชิตภิกขุ จึงตรัสทักขิณาวิภังคสูตร์[/FONT]

    [FONT=&quot]ต่อมา พระสารีบุตรเถรได้ทูลถาม จึงตรัสอนาคตวงศ์ จะได้ย่อพอได้ความ[/FONT][FONT=&quot]เพื่อเป็นหลักฐานในยุคสมัยขุนสรวงนางสาง และ[/FONT][FONT=&quot]พระพุทธันดรพระกุกกุสันธพุทธกาลนั้น[/FONT]ในกาลที่อายุมนุษย์ลดลงมาเหลือเพียง ๔หมื่นปีนั้น[FONT=&quot]ชมพูทวีปได้มีชื่อว่า โสฬสนคร [/FONT][FONT=&quot]ในส่วนอื่นมีชื่อว่า เมืองทอง และเมืองแก้ว[/FONT][FONT=&quot]ปนๆกันอยู่ [/FONT][FONT=&quot]คือ เมืองพลิน กรุงพาลี บ้าง ช้างป่า-ชื่อปาลิไลยยกะ[/FONT][FONT=&quot]ซึ่งเป็นพระบรมโพธิสัตว์วิริยาธิกพุทธภูมิ ได้เกิดเป็น[/FONT][FONT=&quot]สมเด็จพระเจ้ามหาปนาทบรมจักรพรรดิราชาธิราชเจ้า ทรงพระบรมเดชานุภาพตลอดทวีปทั้ง๔[/FONT][FONT=&quot]ทรงมี สัตตรัตนสมบัติ๗ประการ กับมี คทาใหญ่ สถิต ณ เชิงรอง ซึ่งตั้งบนพานทองใหญ่[/FONT][FONT=&quot]อันเป็นนิมิตสมบัติจักรพรรดิชุดบก และเป็นเนมิตนามชื่อว่า มหาปนาทจักรพรรดิ[/FONT][FONT=&quot]เป็นประจำมา[/FONT]

    [FONT=&quot]ก็สัตตรัตนสมบัติ๗ประการนั้นคือ ๑)จักกรัตนะ จักร์แก้ว[/FONT][FONT=&quot]๒)หัตถิรัตนะ ช้างแก้ว ๓)อัสสรัตนะ ม้าแก้ว ๔)มณีรัตนะ มณีแก้ว แก้วทับทิม[/FONT][FONT=&quot]๕)อิตถีรัตนะ นางแก้ว ๖)คหปติรัตนะ ขุนคลังแก้ว ๗)ปรินายกรัตนะ ขุนพลแก้ว[/FONT]

    [FONT=&quot]ทั้งนี้มีอยู่๒ชุด ชุดบกและชุดน้ำ ถ้ามีพระคทาใหญ่(กระบองยอด) สถิต ณ[/FONT][FONT=&quot]เชิงตั้งบนพานทองใหญ่ เพราะมหาคทานั้นเป็นนิมิตที่ระบุนามชื่อว่า[/FONT][FONT=&quot]มหาปนาทบรมจักรพรรดิ จึงเป็นชุดบก[/FONT][FONT=&quot]หรือชุดแผ่นดิน[/FONT]

    [FONT=&quot]และสัตตรัตนสมบัติ๗ประการนั้น แต่มี สังข์ใหญ่ หรือมหาสังข์[/FONT][FONT=&quot]สถิต ณ เชิงพานทองใหญ่ อันเป็นนิมิตสมบัติจักรพรรดิชุดน้ำ หรือชุดทะเล[/FONT][FONT=&quot]และทั้ง๒ชุดนั้น ก็มีปราสาทแก้ว ปราสาททอง หรือ รัตนปราสาท สุวรรณปราสาท[/FONT][FONT=&quot]พร้อมกับมร แก้ว[/FONT][FONT=&quot],[/FONT][FONT=&quot]ทอง[/FONT][FONT=&quot],[/FONT][FONT=&quot]เงิน[/FONT][FONT=&quot],[/FONT][FONT=&quot]แร่ธาตุต่างประดับพร้อมทุกประการ[/FONT][FONT=&quot]ในพระพุทธันดรต้นภัทรกัปนี้[/FONT][FONT=&quot]พระเจ้ามหาปนาทบรมจักรพรรดิ ได้อุบัติขึ้นแล้ว ณ เมืองแก้วมีนามว่า ยอดแก้วไทย[/FONT][FONT=&quot]ครั้นเจริญถึงอายุกาลแล้ว จึงมีปราสาทแก้วปรากฏขึ้น[/FONT][FONT=&quot]แม้ภูเขาใหญ่ๆก็กลายเป็นปราสาทขึ้น บ้างก็เกิดเป็นพื้นทองขึ้น[/FONT][FONT=&quot]เป็นสิริเกียรติสมบัติ บริชน และพาหนะก็เป็นรัตน จึงเป็น สัตตรัตนสมบัติมีมหาคทา[/FONT][FONT=&quot]สถิตเป็นสิริบรมจักรพรรดิราชสมบัติ ณ ทวีปทั้ง๔ มีทวีปน้อย๒พันเป็นบริวาร[/FONT][FONT=&quot]ทรงสำราญเป็นปกติตลอดกาลนาน ในกาลชนม์ชีพนั้น ทรงชำนาญศิลปวิทยาการตลอดทุกชนิด[/FONT][FONT=&quot]ได้ทรงประดิษฐ์และสร้างเสกสรรเครื่องกลต่างๆได้ และปรินายกช่วยทำขึ้นตามประสงค์[/FONT]

    [FONT=&quot]บางทีช้างแก้ว ม้าแก้ว นำมาให้ บางอย่าง จักรแก้วบันดาลให้ เช่น[/FONT][FONT=&quot]ดวงแก้วลอยในท้องฟ้า ส่องให้มองเห็นได้ทั่วทุกทวีปใหญ่น้อย หลายอย่างที่แก้วมณีรัตน[/FONT][FONT=&quot]ดลดาลให้เช่น ไฟฟ้า และเสียงสายฟ้า[/FONT]

    ที่ทรงคิดเป็นพิเศษก็คือ - ลายสือ ซึ่งทรงคิดว่า[FONT=&quot]ถ้าเอาเสียงคำพูด กับจำนวนนับเข้าลายเส้นได้ คงจะคงที่ และอยู่ได้นาน[/FONT][FONT=&quot]ทั้งจะนำไปไหนก็ได้ เมื่อครุ่นคิดอยู่นั้น ด้วยบุญญานุภาพพระบารมี๑๐ ทั้งรัตน๗[/FONT][FONT=&quot]และเทพโพธิสัตว์มิตรสหายทั้งหลาย ก็ร่วมกันส่งแสงสว่างเป็นปัญญาบารมี[/FONT][FONT=&quot]พร้อมพลันก็บันดาลให้เกิดปัญญาญาณสว่างแจ้ง ส่องให่เห็น ก.กา ข.ขา ข่า. ข้า เป็นต้น[/FONT][FONT=&quot]และอินทรีย์ทั้งปวงก็คล่องแคล่ว จึงใช้มือเขียนได้ ใช้เสียง และปาก อ่านได้[/FONT][FONT=&quot]ใช้ปัญญาส่องทราบได้ว่า ถูก และผิด[/FONT]

    [FONT=&quot]เมื่อทรงคิดได้ เขียนได้ อ่านได้คงที่[/FONT][FONT=&quot]และชำนาญแล้ว จึงสอนขุนคลังแก้วให้ทำบัญชี สอนขุนพลแก้วให้เขียนวิชาสอนทหาร[/FONT][FONT=&quot]และเขียนกดหมาย และสอนชาวเมืองให้เขียนวิชาต่างๆ และให้นางแก้วทั้งบริวาร เรียน[/FONT][FONT=&quot]เขียน จดคำสอน คำเพลง คำกลอน และข้อความทำดีให้จำ ทำชั่วให้ละเว้น มีการประพฤติผิด[/FONT][FONT=&quot]ลักฉ้อ ทำร้ายฆ่าฟัน กล่าวเท็จหลอกลวง กินดื่มของมึนเมา และ ติดตัง [/FONT][FONT=&quot]เอื้อเอ็นดู ช่วยเหลือกัน ซื่อตรงต่อกัน อ่อนน้อมผู้ใหญ่พ่อแม่[/FONT][FONT=&quot]ผู้ชายให้รู้ต่อสู้ทำงาน ป้องกันตัว คุ้มครองสินตน ผู้หญิงเรียนรู้การครัว การเรือน[/FONT][FONT=&quot]เลี้ยงลูก คุ้มครองสินสาวตัวตน ตลอดถึงทุกคนให้รู้เซ่นสรวงอำนวยผีต้น ฯลฯ[/FONT]

    ครั้นล่วงมาถึงกาล สมเด็จพระกุกกุสันธ[FONT=&quot]ได้ตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูสัมมาสัมพุทธองค์แล้ว[/FONT][FONT=&quot]ได้เสด็จไปแสดงพระธรรมจักกัปปวัฎฎนสูตร์จบแล้ว[/FONT][FONT=&quot]เทพพรหมตลอดสุดนั้นได้เปล่งเสียงรับต่อๆกัน[/FONT][FONT=&quot]ทั้งได้เกิดมหัศจรรย์ให้หมื่นโลกธาตุสะท้านสะเทือนหวั่นไหว ตลอดถึงเมืองแก้ว[/FONT][FONT=&quot]ซึ่งได้ทำให้มหาคทานั้นพลัดตกจากเชิงกระเด็นลง ณ พื้นปราสาท แต่ไม่แตกหัก[/FONT][FONT=&quot]จึงทรงดำริถึงบุญบารมี มหาคทาก็ลอยขึ้นสถิต ณ เชิงตามเดิม ได้ทรงเห็นเช่นนั้น[/FONT][FONT=&quot]ทรงดำริก็ทรงทราบด้วยญาณปัญญาว่า พระมหาบุรุษได้อุบัติ และได้ตรัสรู้[/FONT][FONT=&quot]กับได้แสดงธัมมจักกัปปวัฎฎนสูตร์จบแล้ว เป็นกาลถึงพร้อมพระรัตนไตรแล้ว[/FONT][FONT=&quot]พระเจ้าจักรพรรดิจึงตรัสประกาศให้รัตนะนั้นๆไปนำรัตนะนั้นๆมาถวายให้ตลอด[/FONT][FONT=&quot]ได้ทรงสำราญประทับอยู่โดยปกติ[/FONT]

    [FONT=&quot]พระพุทธกาลที่ได้ตรัสรู้นั้นได้ล่วงไปนาน[/FONT][FONT=&quot]กระทั่งพระปัญญาบารมีแก่กล้าที่จะเพิ่มได้อีก ทรงระลึกได้[/FONT][FONT=&quot]จึงตรัสสั่งขุนคลังแก้วว่า ท่านจงไปสู่โสฬสมหานครนั้น นำเอามณีรัตนมาให้เรา[/FONT][FONT=&quot]ขุนคลังแก้วได้รับโองการแล้ว เพราะเป็นคหบดีรัตนจึงมีอิทธิพลสมบูรณ์[/FONT][FONT=&quot]ได้เหาะขึ้นไปยังโสฬสมหานครทางอากาศ[/FONT]

    [FONT=&quot]ณ ปัจจุสมัยเช้าตรู่วันนั้น[/FONT][FONT=&quot]พระผู้มีพระภาคเจ้ากุกุกสันธนั้นทรงทอดพระเนตรตรวจโลกได้ทรงเห็น และทรงทราบแล้ว[/FONT][FONT=&quot]มีพระพุทธประสงค์ทรงโปรดพระอนาคตพุทธองค์ทั้งสองนั้น[/FONT][FONT=&quot]และวันนั้นเป็นวันอุโบสถและวันฟังธรรม ประชาชนต่างหลั่งไหลไปสู่มหาวิหาร[/FONT][FONT=&quot]พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประทับในมหาวิหารนั้นได้ประทับอยู่ในสมาธิทรงอธิษฐานพระพุทธรัสมีให้แผ่ซ่านสว่างไปในอากาศให้เห็นได้เฉพาะ[/FONT][FONT=&quot]คหบดีรัตนก็ได้เห็นในอากาศแต่ที่ห่างไกล[/FONT]

    [FONT=&quot]คหบดีรัตนได้ลงสู่พื้นก็ได้เห็นหมู่ชาวชนหญิงชายต่างไหลหลั่งเข้าสู่มหาวิหารเพื่อรักษาอุโบสถ[/FONT][FONT=&quot]และฟังธรรม ก็เข้าไปด้วย ครั้นเข้าไปแล้วก็ได้เห็นพระกุกกุสันธซึ่งประทับนั่ง ณ[/FONT][FONT=&quot]พระพุทธอาสน์ก็มิได้รู้จัก ได้กระทำเคารพกราบไหว้แล้วจึงถามว่า[/FONT]
    [FONT=&quot]-[/FONT][FONT=&quot]มาณพผู้เจริญ[/FONT][FONT=&quot]ท่านมีนามชื่อว่าอะไร จึงมีรูปโฉมเป็นอันดี ได้ฟังตรัสตอบว่า-คหบดีรัตน เราชื่อว่า[/FONT][FONT=&quot]พุทธศาสดาจารย์ ซักต่อไปว่า - ท่านชื่อว่า-พนะศาสดาจารย์ เพราะอะไร[/FONT][FONT=&quot]ได้ฟังตรัสตอบว่า-เราชื่อว่า-ศาสดาจารย์นั้น ก็เพราะประกอบด้วยอาจริยคุณ๓๑ ว่า อิติ[/FONT][FONT=&quot]ปิ โส ภควา (พระพุทธคุณนี้ นับเป็นตัวอักษรได้๕๖ นับเป็นศัพท์ได้๓๑[/FONT][FONT=&quot]จึงเป็นคุณ๓๑)[/FONT]

    [FONT=&quot]ขุนคลังแก้วจึงจดจารึกเป็นลายสือลงบนแผ่นทองคำ[/FONT][FONT=&quot]แล้วจดจารึกอาการ๓๒ คือ เกสา โลมา ฯลฯ มุตตํ มตถเก มตถลุงคํ(ผม ขน ฯลฯ มูต มันสมอง)[/FONT][FONT=&quot]กับจดจารึก ทวัตติงสมหาปุริสลักษณะ๓๒ประการ และจดจารึกกำหนด อนุพยัญชนะ๘๐[/FONT][FONT=&quot]กับทั้งวาดเขียนพระรูปโฉมส่วนสัดสูง๖๐ศอก ลงในแผ่นทองคำทั้ง๒[/FONT][FONT=&quot]เสร็จแล้วได้กราบทูลลาเหาะลอยกลับมายังพระราชสำนักสมเด็จพระมหาปนาทบรมจักรพรรดิ[/FONT][FONT=&quot]ได้ถวายพระสุพรรณบัฎทั้ง๒ นั้นให้ทอดจักษุญาณพิจารณาพระคุณพิเศษ[/FONT][FONT=&quot]และพระสิริลักษณะพระรูปโฉมส่วนสัดพระองค์สูง๖๐ศอกของพระกุกกุสันธพุทธองค์นั้น[/FONT][FONT=&quot]พร้อมกับตัวสือจารึกพระพุทธคุณ๓๑ และอาการ๓๒[/FONT][FONT=&quot]ทั้ง๒อย่างนั้น[/FONT]

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 ธันวาคม 2014
  3. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ได้ทอดพระเนตรแล้วมิได้รู้จัก[FONT=&quot]และมิได้ทราบแจ้งพระพุทธคุณนั้น ฯ จึงตรัสถามปุโรหิตพราหมณ์ซึ่งเฝ้าอยู่นั้น[/FONT][FONT=&quot]ก็ได้ทรงสดับคำทูลว่า - อักษรลายสือจารึกนี้เป็นพระพุทธคุณเที่ยงแท้แล้ว ดังนี้[/FONT][FONT=&quot]สมเด็จพระเจ้ามหาปนาทบรมจักรพรรดิได้สดับแล้วทรงเกิดปีติโสมนัสปลาบปลื้มพระทัยสลบลงกับที่[/FONT][FONT=&quot]ครั้นทรงฟิ้นขึ้นแล้วจึงตรัสถามอีกได้สดับคำทูลว่า[/FONT][FONT=&quot]พระคุณวิเศษนี้ เป็นพระพุทธคุณของพระสัมมาสัมพุทธเที่ยงแท้แล้ว ดังนี้[/FONT][FONT=&quot]ก็ทรงปีติโสมนัสปลาบปลื้มพระทัยสลบลงอีกเป็นครั้งที่สอง[/FONT][FONT=&quot]ครั้นทรงฟื้นขึ้นแล้วก็ได้ตรัสถามถึงภาพวาดเขียนพระรูปโฉมสิริลักษณ์วรกายนั้นเป็นอย่างพระพุทธรูปจริง[/FONT][FONT=&quot]หรือ ประการใด[/FONT][FONT=&quot]ก็ได้สดับคำทูลว่า-พระรูปโฉมที่วาดมานี้เป็นพระรูปโฉมของสมเด็จพระพุทธองค์เที่ยงแท้[/FONT][FONT=&quot]ดังนี้แล้ว ก็ได้ทรงปีติโสมนัสปลาบปลื้มพระทัยสลบลงอีกเป็นคำรพที่๓[/FONT]

    [FONT=&quot]ครั้นทรงฟิ้นแล้วได้ตรัสว่า-บัดนี้[/FONT][FONT=&quot]เราได้ฟังประพฤติเหตุแห่งสมเด็จพระพุทธองค์อันเป็นดวงแก้วหาค่ามิได้[/FONT][FONT=&quot]เพราะตัวท่านอันเราใช้ให้ไป จึงได้รู้แจ้งพระพุทธรัตนนั้น เครื่องสักการะบูชาอื่นๆ[/FONT][FONT=&quot]หาควรกระทำสักการะบูชาแก่ท่านไม่ สมบัติจักรพรรดิทั้งหมดนี้จึงควรแก่ท่าน[/FONT][FONT=&quot]ดังนี้แล้ว ได้ทรงกระทำราชาภิเษก[/FONT][FONT=&quot]คหบดีรัตนขุนคลังแก้วให้เสวยสิริราชสมบัติจักรพรรดิ[/FONT][FONT=&quot]กับได้ทรงอธิษฐานสัตรัตนสมบัติทั้งพระมหาคทาให้คงอยู่เพื่อดำรงสิริสมบัตินั้นๆให้ครองครองสืบต่อไปแล้ว[/FONT]

    [FONT=&quot]สมเด็จพระเจ้ามหาปนาทบรมจักรพรรดิทรงสละจักรพรรดิสมบัติแล้ว[/FONT][FONT=&quot]พระองค์เดียวเสด็จไปทางทิศภาคที่สมเด็จพระกุกุกสันธบรมศาสดาเสด็จประทับอยู่ ณ[/FONT][FONT=&quot]โสฬสมหานครนั้น ด้วยพระตนุกานุภาพพระเจ้าจักรพรรดิอันมีฉลองพระบาทแก้ว และ[/FONT][FONT=&quot]พระมหามกุฏแก้วนั้นซึ่งประจำพระองค์อยู่จึงส่งให้เสด็จได้เร็ว แลเสด็จได้ไกล[/FONT][FONT=&quot]ครั้นเสด็จถึงมหานิโครธ ไทรใหญ่ต้นหนึ่ง[/FONT][FONT=&quot]จึงเข้าไปอาศัยประทับนั่งในร่มไทรนั้นพอบรรเทาเหน็จเหนื่อยแล้ว[/FONT]

    [FONT=&quot]ทรงสบายพระวรกายแล้ว ก็ทรงกระทำนมัสการลงด้วยเบญจางคประดิษฐ์[/FONT][FONT=&quot]ไปในทางที่พระพุทธองค์ประทับอยู่นั้นแล้ว[/FONT][FONT=&quot]ทรงกระทำอธิษฐานปราถนาว่า-พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงโปรดให้ปีติโสมนัสในพระองค์เกิดแก่ข้าพระองค์แล้ว[/FONT][FONT=&quot]ด้วยเดชะความสัตย์นี้ ขอบริขาร๘อันเป็นทรัพย์มรดกของพระภิกษุสงฆ์จงเลื่อนลอยมาเถิด[/FONT]

    ครั้งนั้น สมเด็จพระสัพพัญญูกุกกุสันธทรงทราบวาระจิตแล้ว[FONT=&quot]จึงตรัสให้บริขาร๘นั้นลอยมาตกลงตรงพระพักตร์พระเจ้ามหาปนาทบรมจักรพรรดินั้นด้วยพระพุทธานุภาพ[/FONT][FONT=&quot]สมเด็จพระเจ้ามหาปนาทบรมจักรพรรดิได้ทอดพระเนตรเห็นเป็นมหัศจรรย์แล้วได้ใช้พระหัตถ์ทั้งคู่นั้นประคองบริขาร๘ยกขึ้นเหนือเศียรเกล้า[/FONT][FONT=&quot]ตรัสว่า-บริขาร๘เราจักอาศัยท่านออกจากสังสารทุกข์[/FONT][FONT=&quot]ให้ได้พบพระนิพพานอันประเสริฐสุดวิสัย[/FONT][FONT=&quot]ตรัสเสร็จแล้วทรงเปลื้องเครื่องราชอิสริยาภรณ์ออกจากพระวรกายแล้ว[/FONT][FONT=&quot]ได้ครองสบงทรงจีวรซ้อนสังฆาฎิพาดคาดกายพันมั่นคงทรงเพศบรรพชิตอุปสมบทเป็นภิกษขุภาวะสำเร็จแล้ว[/FONT][FONT=&quot]จึงเอาพระมหามงกุฏแก้ววางลงในฝ่าพระหัตถ์แล้วตรัสว่า-มงกุฎแก้ว[/FONT][FONT=&quot]จงไปสู่สำนักสมเด็จพระพุทธเจ้าแล้วกราบทูลพระองค์ว่า-บัดนี้[/FONT][FONT=&quot]พระเจ้ามหาปนาทบรมจักรพรรดิเสียสละราชสมบัติออกทรงเพศบรรพชิตเป็นพระภิกขุในพระพุทธศาสนาแล้ว[/FONT][FONT=&quot]มีความปราถนาเพื่อจะมายังสำนักสมเด็จพระทศพลญาณ ท่านจงไปกราบทูล ดังนี้แล้ว[/FONT][FONT=&quot]มหามงกุฎแก้วก็เลื่อนลอยไปในอากาศเวหาประดุจว่าพระยาราชหงส์[/FONT][FONT=&quot]ถึงแล้วจึงลงยังสำนักแล้วตั้งอยู่แทบพระบาท[/FONT][FONT=&quot]ได้กราบทูลดุจมีวิญญาณ[/FONT]

    [FONT=&quot]สมเด็จพระบรมโลกุตมาจารย์ได้ตรัสรับว่า-สาธุ แล้ว[/FONT][FONT=&quot]ลำดับนั้น[/FONT][FONT=&quot]สมเด็จพระเจ้ามหาปนาทบรมจักรพรรดิซึ่งสำเร็จเพศเป็นพระภิกขุด้วยพระพุทธดำรัสว่า-สาธุ[/FONT][FONT=&quot]ดังนี้แล้ว จึงเป็นอุปสมบทสมบูรณ์แล้วด้วย[/FONT][FONT=&quot]พระองค์ก็เที่ยวโคจรบิณฑบาตไปตามละแวกบ้าน ได้อาหารบิณฑบาตพอเป็นยาปนมัต[/FONT][FONT=&quot]ก็บริโภคฉันพอทรงพระชนม์ชีพ สำเร็จแล้ว ก็เจริญพระกัมมัฎฐานอยู่ในที่อันสมควร[/FONT][FONT=&quot]พิจารณาซึ่งพระพุทธคุณว่า-อิติปิ โส ภควา เป็นอาทิ[/FONT][FONT=&quot]และเจริญกายคตาสติ-กัมมัฎฐานว่า-เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ ฯลฯ(ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง[/FONT][FONT=&quot]ฯลฯ) เป็นต้น[/FONT]

    [FONT=&quot]ทรงเจริญไปด้วยอุตสาหะตลอดอย่างนั้น ได้ยังโลกียณาน[/FONT][FONT=&quot]และอภิญญา๕ ให้บังเกิดขึ้นด้วยพระบารมีที่สร้างสมมานานแล้วนั้น[/FONT][FONT=&quot]จึงเหาะลอยขึ้นไปโดยทางอากาศเวหากระทั่งถึงสำนักสมเด็จพระพุทธเจ้า[/FONT][FONT=&quot]พอได้โอกาสจึงเข้าเฝ้าได้ทัศนาการพระรูปโฉม[/FONT][FONT=&quot]และพระสิริลักษณะของสมเด็จพระกุกกุสันธสัมมาสัมพุทธองค์อันประดับไปด้วยพระมหาปุริสลักขณะ๓๒[/FONT][FONT=&quot]และ อนุพยัญชนะ๘๐ อันงามบริบูรณ์ครบทุกประการแจ่มแจ้งแล้ว[/FONT][FONT=&quot]ก็บังเกิดปีติโสมนัสปลาบปลื้มเต็มเปี่ยมซาบซ่านทั่วสรพางค์ตลอดสกลกายแล้วก็สลบลง ณ[/FONT][FONT=&quot]ที่นั้น[/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 ธันวาคม 2014
  4. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    สมเด็จพระภควันต์ทรงเอาอุทกวารีประพรมลงเหนือพระอุระก็ทรงฟื้นสมประฤดีขึ้นมา[FONT=&quot]แล้วพระองค์จึงถวายนมัสการกราบลงด้วยเบญจางคประดิษฐ์แทบพระบาท[/FONT][FONT=&quot]กราบทูลอาราธนาให้สมเด็จพระพุทธองค์ทรงประทานพระสัทธรรมเทศนา ครั้งนั้น[/FONT][FONT=&quot]สมเด็จพระกุกกุสันธทศพลบรมศาสดาจารย์ก็ทรงประทานพระสัทธรรมเทศนาว่า-ภิกขุ[/FONT][FONT=&quot]ท่านจงพิจารณาซึ่งสภาวธรรมที่จะนำตนไปสู่พระนิพพานด้วยตนเองเถิด[/FONT]

    [FONT=&quot]พระภิกขุมหาปนาทฯบรมโพธิสัตว์วรพุทธางกูร[/FONT][FONT=&quot]ได้สดับกระแสพระพุทธดำรัสตรัสเป็นนัยดังนั้นแล้ว[/FONT][FONT=&quot]พระองค์ก็ปีติโสมนัสอิ่มอาบซาบซ่านทั่วสรพางค์กาย[/FONT][FONT=&quot]จึงทรงอธิษฐานใช้เล็บของพระองค์ให้คมดุจมีดโกนเด็ดเศียรเกล้าตรงคอให้ขาด[/FONT][FONT=&quot]แล้วจับยกขึ้นกระทำสักการะบูชา[/FONT][FONT=&quot]ฝ่ายเศียรเกล้านั้นได้กราบทูลว่า-พระองค์พระผู้มีพระภาคเจ้า[/FONT][FONT=&quot]พระองค์ได้โอกาสโปรดฝูงสัตว์ทั้งหลายก่อน[/FONT][FONT=&quot]ข้าพระองค์มีความปราถนาเป็นพระพุทธองค์เมื่อภายหลัง[/FONT][FONT=&quot]ด้วยผลศีลทานของข้าพระองค์ในครั้งนี้[/FONT][FONT=&quot]ขอเชิญองค์พระอัครมุนีพระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดเสด็จสู่พระนิพพานก่อนเถิด[/FONT][FONT=&quot]ข้าพระองค์ขอตามเสด็จพระพุทธองค์เข้าสู่พระนิพพานต่อภายหลัง[/FONT]

    [FONT=&quot]พอขาดคำแล้ว[/FONT][FONT=&quot]พระภิกขุมหาปนาทบรมจักรพรรดิก็ดับขันธ์สิ้นชีวิตินทรีย์ และพลันนั้น[/FONT][FONT=&quot]พระเศียรซึ่งตั้งบนฝ่าหัตถ์ทั้งคู่ก็เกร็งแข็งด้วยอานุภาพอธิษฐานชูบูชาอยู่ตามเดิมนั้น[/FONT][FONT=&quot]ก็ลุกโพลงขึ้นตลอดถึงพระสรีรสรพางค์เป็นดวงประทีปเทียนสักการะบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้าพระกุกกุสันธสัมมาสัมพุทธองค์[/FONT][FONT=&quot],[/FONT][FONT=&quot]พระธรรม[/FONT][FONT=&quot],[/FONT][FONT=&quot]พระสงฆ์[/FONT][FONT=&quot],[/FONT][FONT=&quot]ตามธรรมนิยม[/FONT][FONT=&quot]มีกลิ่นหอมเป็นทิพย์ มีสว่างกระจ่างแจ่มแจ้ง ไม่มีควันอบอวล ไม่ร้อนอบอ้าว[/FONT][FONT=&quot]เป็นดวงสุกโพลงเฉพาะ ไม่ไหม้ลุกลามไปอื่น ทั้งนั้น[/FONT][FONT=&quot]เป็นไปตามพระพุทธานุภาพที่ได้ทรงโปรดประทาน[/FONT][FONT=&quot]ส่วนพระภิกขุพระเจ้ามหาปนาทบรมจักรพรรดินั้นก็จุติไปอุบัติเกิด ณ[/FONT][FONT=&quot]ดุสิตสวรรค์เสวยทิพยสมบัติเป็นสุขสถาพร[/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 ธันวาคม 2014
  5. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    พระเจ้ามหาปนาทบรมจักรพรรดินี้ ในเรื่องว่า-ครองอานาจักวรรดิ์ หรือจักรพรรดิราชสมบัตินั้น ซึ่งมีทวีปใหญ่ทั้งสี่ จะเห็นในปัจจุปันนี้มีก็คือ-ชมพูทวีป ทวีปเอเซียยุโรป1 กาฬทวีป ทวีปดำคือแอฟริกา ชาวคนดำ-เป็น ๒ กัทมทวีป ทวีปเทา คือ โปลา ออสเตรเลีย ชาวคนเทา เป็น ๓ ปภัสสรทวีป ทวีปแสงแดง หรือ ปุพวิเทหะ คือทวีปตะวันออก ก็คือเอมุก อมริก อเมริกา ไทยว่า อเมริกัน เป็นที่ ๔ จึงทรงอำนาจมาก ในระยะที่ขุนครังแก้วไปนั้น ต้องเหาะไป แม้เสด็จไปเอง ก็ทำฌาณสสมาบัติให้เกิดขึ้นเป็นพาหนะ หรืออิทธิพล(กำลังแรงฤทธิ) จึงเสด็จเหาะลอยลิ่วไปได้ และมีชื่อว่าแก้ว(รตน) ตลอดทั้งหมดนั้น กับคนไทยนี้ก็ไปอยู่ทั่วมาแล้ว จึงเห็นว่า-เป็นไปได้ ได้นำมาอ้างขึันตามต้นเรื่องนั้น ทั้งอนาคตวงค์นี้ก็เป็นต้นเรื่องดึกดำบรรพทั้งในอดีต อนาคต และทั้งทวีปใหญ่ในโบราญก็มี ๔ ชื่อ คือ ชมภูทวีป ๒ อุตตรกุรุทวีป ๓ ปุพพวิเทหทวีป ที่ใกล้กับไทยก็ลงไปถึงออสเตรเลีย ๔ อมรยานทวีป ชื่อก็ใกล้กับ-เอมุก อมริก อเมริกา ก็มีชื่อเดิมอย่างนี้

    สมเด็จพระเจ้ามหาปนาทบรมจักรพรรดิราชาธิราชเจ้า ซึ่งได้ทรงกระทำปรมัตถทานบารมีครั้งนั้น ทรงสละหมดทุกอย่างตั้งแต่จักรพรรดิราชสมบัติอันเกิดเอง และ พระโอรสธิดา พระมเหษี หรือจักรพรรดินี อิตถีรัตน คือนางแก้วนั้น ได้ทรงอธิฐานให้ทรงสภาพอยู่ตามเดิม ได้สละให้ขุนคลังแก้วทรงประกาศ และกระทำพระราชพิธีราชาภิเษก ให้เป็นจักรพรรดิแทน เป็นการสักการะบูชาที่ขุนคลังแก้วนำข่าว กับ จารึกคุณ และวาดเขียนพระรูปพระโฉมพระผู้มีพระภาคเจ้ามาถวายให้ทอดพระเนตรทรงทราบแน่ชัดแล้ว ครั้นเมื่อได้เสด็จไปถึงเข้าเฝ้าได้ทอดพระเตนรเห็นพระคุณพิเศษพระศิริลักษณะ พระอาการ ๓๒ ชัดเจนแล้ว ได้ถวายพระเศียรเกล้า และสรีรสรพางค์กายจุดเป็นประทีปเป็นแสงสว่างถวายเป็นพระพุทธบูชา พระธรรมบูชา พระสังคบูชา ในครั้งนั้น จึงเป็นปรมัตถบารมียอดสุดทุกชนิด เมื่อดับขันธไปแล้ว ก็ไปอุบัติ ณ ดุสิตภพ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 ธันวาคม 2014
  6. โพธิ์ญาณ

    โพธิ์ญาณ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +7
    ความเป็นพุทธะ ไม่ใช่เกิดจากปัจจัยภายนอก แต่เกิดจากปัจจัยภายใน
    และต่อเมื่อสร้างปัจจัยภายในให้เข้าถึงความเป็นพุทธะจึงจะเริ่มเดินตามแนวทางของพุทธะ

    ปัจจัยภายในอันได้แก่ สมาบัติ 8 รูปณาน 4 อรูปณาน 4 มรรคมีองค์ 8 มีอะไรอยู่ในตัวท่านเจ้าของกระทู้บ้างหรือยัง
    พิมพ์กระทู้นี้เพื่อสงเคราะห์ท่านโดยเฉพาะ ถ้าปรารถนาให้บุญบารมีเต็มเร็วก็เดินตามที่แนะนำนี้
     
  7. Armarmy

    Armarmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +1,659
    แหม . . มี "ผู้หวังดี" ถึงกับสมัครสมาชิกใหม่มาโปรดพวกเราเสียแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ

    เอ้า มารับพรท่านหน่อยเถอะพี่ PCO ฮ่าๆๆๆๆ ผมอดหัวเราะไม่ได้
     
  8. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ขอบคุณมากครับ อภิญญาสมาบัตินั้นสำหรับผมต้องเรียนอยู่แล้ว พุทธภูมิไม่มีสุขขวิปัสโก มรรคมีองค์แปดนี่มันมักจะพูดกันในหมู่นักธรรม เรียนนักธรรมตรีก็ว่ากันด้วยหัวข้อนี้ นักปริยัตินี่ชอบพูดกันจัง เรื่องมักแปด คุยเป็นคุ้งเป็นแคว พอถามถึงผลแปดมักจะเงียบ พอถามอารมณ์ของผลแปดมักเงียบ เรื่องธัมมะเพื่อการหลุดพ้น หากเอาด้านสมาธิกรรมฐาน ด้านสมถะกรรมฐานว่าตั้งแต่ขณิขะสมาธิ ไปยันกันที่อรูปฌาณ เมื่อทำได้แล้วแม้เพียงทรงฌาณหนึ่ง แล้วนำไปพิจาระณาอริสัจ ตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทประหาร นี่พูดเรื่องปริยัติ พูดทฤษฎี อ่านหนังสือจำได้แล้วหลับตาก็พูดได้ ผมก็อ่านแล้วก็สอบนักธรรมได้หลายนักธรรมนาทำเล่นไป


    นี่หากว่าไม่สึกจากนักบวช ผมก็มุดน้ำดำดิน เดินบนน้ำ เหาะเล่นปุเลงๆอยู่ในป่า แล้วก็รีบตายไปแล้ว คงไม่มีใครรู้จักว่ามีPCOพุทธภูมิวิริยาธิกะพิเศษแอบตามขบวนกองเกวียนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อมาเกิดกับเขา ผมก็เรียนไล่ๆกันกับหลวงพี่พระครูเจ้าอาวาสวัดท่าซุง หลวงพี่ชัยวัฒน หลวงพี่เล็ก แล้วอีกหลายหลวงพี่ อีตอนเรียนพระเดชพระคุณหลวงพ่อคงจะเห็นว่าผมมันพิเศษ ไม่ต้องเรียนในสำนัก ฟังคำสอนแล้วเอาการบ้านไปทำ ผมก็รักดีซะอย่างก็ไปหามจั่วอยู่ที่วัดศรีมณีวรรณไม่ไกลเสียงหลวงพ่อที่สอนศิษย์พี่ศิษย์น้องในวัด

    คันถะธุระมันมองเห็นแตะต้องได้ การบ้านอันนี้พอเอาไปวางโชว์ ทำส่งอาจารย์ได้วางแถวเดียวกันได้เลยกับศิษย์พี่ศิษย์น้อง โรงเลื่อยจักรขนาดผ่าต้นไม้เส้นผ่าศูนย์กลางสองเมตรครึ่งได้ ที่ไม่มีสักวัดเดียวในเมืองไทยอันนี้ทำส่งอาจารย์ โรงสีข้าวขนาดแปดตัน หรือแปดเกวียนต่อวัน ธนาคารข้าวขนาดแปดสิบเกวียน สหกรร้านค้าหมู่บ้านที่สร้างในวัดสินค้าเป็นของชุมชน ระบบชลประทาน เขื่อนกันดินพังหน้าวัด อันนี้พากันขนดินไม่รู้ไปถมน่าจะเลยพันคันรถสิบล้อทำกันอยู่หลายเดือนกว่าจะเสร็จ ทางเจ้าท่าก็มามองอย่างกับว่าเราจะกลั้นแม่น้ำเจ้าพระยา


    แล้วอีกหลายการบ้านมากที่อาจารย์ยังไม่บอกให้ทำแต่แอบทำล่วงหน้าแล้วก็ทำอย่างปราณีตใส่ความพิเศษเข้าไปแบบแอบๆแต่หลวงพ่อรู้ แหมท่านอยู่ตั้งไกล ท่านมองเห็น แถมได้ยินทุกคำที่ผมพูดปรึกษากันกับญาติโยม ส่วนวิปัสสนาธุระนี่หลวงพ่อบอกว่าแอบๆทำอย่าไปนั่งหลับตาอวดชาวบ้าน ผมก็โน่นเลยแอบย่องๆไปจองกุฏินอกที่ท้ายสวนของวัดศรีมณีวรรณช่วงเข้าพรรษาอยู่ที่ท้ายสวนช่วงดึกๆไม่มีใครเห็นแต่สองหลวงปู่่แอบมาดูผมบ่อย คงมาดูว่านักบวชอย่างผมมันไปทำอะไรของมัน หรือไม่อย่างนั้นท่านก็คงจะมาปรามๆว่าเป็นนักบวชหัวไม่เหมือนชาวบ้านเขาก็ประพฤติตัวอย่างนักบวช

    ไม่เคยแม้แต่ท่องหนังสือสวดมนต์ให้ใครได้ยิน มันจะได้ยินยังไงผมจดใส่สมุดเล่มเล็กๆ เวลาเดินบิณฑบาตรก็เอาออกมาวางบนฝาบาตร เดินไปก็ดูหนังสือไป ท่องในใจคู่กับอานาปานุสติแหมมันจำง่ายเมื่อจำได้ก็ลืมยาก พระเณรในวัดก็ไม่เห็นว่าผมเอาเจ็ดตำนานมาดูทำไมสวดมนต์ได้ ก็อย่างหลวงพ่อสั่งอย่าไปทำอวดชาวบ้านเขา ผมมันประเภทพิเศษชาววัดผมก็ไม่ทำให้เห็น

    นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสอย่าไปอวดชาวบ้านว่าเป็นนักบวชที่เคร่งครัดแต่ใจทำเพื่อประจบชาวบ้านเพราะทางใจนี่หลวงพ่อก็แอบรู้อีก

    เรื่องการเรียนรู้มรรคแปดพอเข้าใจ แต่ยังไม่เรียนจริงจังซะอย่าง นี่มันเรื่องของผม ผมจะเลือกเรียนอะไรก่อนอะไรหลังท่านอาจารย์ของผมไม่ได้บังคับ สมาธิกรรมฐานเพื่อให้เป็นฌาณสมาบัติของผมท่านบอกให้ผมเอางานเป็นสมาธิ แล้วก็ประยุกต์แบบมโมยิทธิ มันเป็นไงก็ต้องลองไปทำเอง

    เรื่องบารมีหากว่าหมายความว่าคือบุญญาธิการ บุญทานกองการกุศลทั้งปวง อ้นนั้นเต็มเมื่อไรก็ไม่เป็นไร ไม่รีบ ยังมีเวลาอีกเยอะ เพราะถึงผมจะรีบรดน้ำพรวนดินให้ตายยังไง ใส่ปุ๋ยวันละสามกิโลโพธิต้นของผมก็ค่อยๆกระย่องกระแย่งโตไปนาทีละเล็กละน้อย ขนาดใช้แว่นขยายส่องดูมันยังดูไม่ออกว่ามันโตยังไง

    แต่หากคำว่าบารมีแปลว่ากำลังใจแบบที่หลวงพ่อสอน อีนี้มีเยอะ เต็มใจที่จะให้ทาน เต็มใจที่จะรักษาศีล เต็มใจในการที่จะสั่งสมบารมีสิบทุกรูปแบบ ไม่มีอะไรในเรื่องของบุญทานกองการกุศลที่เวลาทำแล้วไม่เต็มใจ

    ส่วนในตัวผมไม่มีอะไรคุณวิเศษ แต่ที่สันหลังมีเหล็กไทเทเนี่ยมดามไว้แล้ว ในใจมีแต่คำสั่งและคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานวัดท่าซุง ท่านสอนแบบใหนผมทำตามแบบนั้น ไปหาท่านอีตอนจะไปอยู่ป่ากะว่าท่านจะให้โอวาสยาวๆสอนยาวๆ กราบท่านไปสามครั้ง ทุกทีท่านจะคุยอย่างนั้นอย่างนี้คุยยาว อีวันนั้นตั้งใจจะไปเอาเป็นเอาตายในป่าซะหน่อยใจนั้นขอให้ท่านสอนยาว ท่านก็นั่งยิ้มเอากล้องยานัตถุมาเคาะ เอายานัตถุมาเททีฝ่ามือของท่าน แล้วก็เอากล้องมาใส่ยานัตถุใส่เสร็จท่านก็ค่อยมองมาที่ผมที่นั่งคุกเข่าพนมมือฟังท่านอยู่ ท่านกล้มลงมาหน่อยหนึ่งแล้วก็บอกว่า จงทำดี จงทำดี แล้วก็จงทำดี ท่านไม่ยอมสอนยาว ไม่แนะนำให้ผมทำสมาบัติแปด แต่ไม่เป็นไรเห็นเขาฮิตกัน เรื่องอภิญญาสมาบัตินี่เดี๋ยวผมจะแอบๆย่องไปเอาคู่มือพระกรรมฐานของท่านมาแอบเรียน พี่Amarmy เดี๋ยวเราพากันแอบไปฝึกกันหลังวัด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 มกราคม 2015
  9. โพธิ์ญาณ

    โพธิ์ญาณ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +7
    แนะนำท่านเพราะความปรารถนาดี เห็นท่านพยายามทำความดีภายนอกมานาน แต่ภายในท่านทำเพียงน้อยนิด จึงได้มาเตือน ไม่เช่นนั้น ความปรารถนาท่านจะไม่สามารถนับอสงไขยได้เลยว่าจะเข้าถึงเมื่อไร

    ธรรมะที่จะให้แก่พวกท่านนี้มีเพียงประโยคเดียว คือ คนฉลาด เขาไม่ปิดกั้นตนเอง

    ส่วนท่านจะฟังหรือไม่ขึ้นอยู่กับบุญกับกรรมท่านแล้วล่ะ สงเคราะห์ท่านได้เท่านี้ คงไม่แนะนำอะไรท่านเพิ่มซ้ำอีกต่อไป
     
  10. Armarmy

    Armarmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +1,659
    ขอท่านช่วย ขยายความครับ ทำภายนอก ทำภายใน

    ทำภายนอกเป็นเช่นไร ?

    ทำภายในเป็นเช่นไร ?

    เรามาแลกเปลี่ยนกันรอบดึกนี่หน่อยครับ วันนี้ผมมีเวลาพอสมควร
     
  11. kongkiatm

    kongkiatm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +1,263
    ขอขอบคุณในความหวังดีของท่าน ที่ได้ตักเตือน แนะนำคนในกระทู้ครับ อย่าได้นำธรรมมาเบียดเบียนกันเลย

    การสร้างบารมีจะกระทำเรื่องใดนั้น ย่อมเป็นไปตามกำลังใจของผู้นั้น แต่บางทีก็ขึ้นอยู่กับความตั้งใจที่จะกระทำเรื่องนั้นด้วย ส่วนใหญ่ก็ตั้งมั่นในคุณงามความดีอยู่แล้ว ควรแก่การอนุโมทนา สาธุ

    การให้ธรรมนั้นควรให้เหมาะสมกับคนๆนั้น ควรให้ให้ตรงกับเรื่องที่ผู้นั้นกระทำอยู่ เพราะจะเกิดประโยขน์แก่ผู้นั้น ไม่จำเป็นต้องให้ธรรมอันเป็นสูงสุด หรือ ธรรมที่เหนือกว่า จะไม่เกิดประโยชน์ อันใดเลย เช่น

    เรื่องทาน ก็ควรให้ ธรรมในเรื่องทาน
    เรื่องสมาธิ อภิญญา ก็ควรให้ธรรมให้ตรง

    ไม่ได้คิดสอนผู้ใด ออกเสียงตามความเห็นครับ
     
  12. zipp

    zipp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +141
    ท่านนี้มีหลายชื่อนะ คล้ายๆกับจะเป็นพหูสูตร เห็นบางคนเรียกว่าอาจารย์ มีความรู้รอบตัวเลย นับถือๆ
     
  13. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    เรื่องการปิดกั้นตัวเองนั้นผมเองปิดๆเปิดๆ เรื่องใหนสมควรปิดก็ปิด เรื่องใหนสมควรเปิดก็เปิด เรื่องการฟังก็ฟังเรื่องอะไรที่ควรฟังก็ฟัง เรื่องบางเรื่องแม้จะโกนหัวนุ่งห่มผ้าเหลือง แต่พูดเพื่อประโยชน์แต่ตัวเอง แฝงไปด้วยโลกธรรมแปด เจตนาในการพูดไม่เป็นไปเพื่อความหลุดพ้น มันฟังออก แม้จะนั่งพูดบนธรรมมาศผมก็ลุกหนีไม่เสียเวลาฟัง

    ผมมันเด็กอู่ซ่อมรถข้างถนนมาแต่เดิม วิชาความรู้ในการเคาะ พ่นสีรถยนต์มันได้มาจากผลของการปฏิบัติล้วนๆไม่ลงมือฝึกหัดแต่เล็กแต่น้อย ยืนดูเขาทำ อ่านตำราให้ตายอีกเจ็ดชาติก็ไม่มีวันทำได้

    ตอนหลังไปเป็นช่างเชื่อมก็พัฒนาตัวเองจนกลายไปเป็นผู้ตรวจสอบ เป็นครูฝึก เรื่องของช่างเหล่านี้มาจากผลของการปฏิบัติ ไม่ลงมือฝึกหัดอ่านหนังสือจนตายไปอีกแปดชาติก็ไม่มีวันเชื่อมได้อยากจะรู้ว่ามันยากมันง่ายก็ต้องลงมือทำดู

    พอมาเจอเรื่องธัมมะ อ่านหนังสือประวัติหลวงปู่ปาน ตอนที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อไปเรียนกับท่าน หลวงปู่บอกว่าหากจะเรียนกับท่านต้องเรียนอย่างคนโง่ ท่านห้ามฉลาด แหมมันตรงกับนิสัยวิริยาธิกะที่เขาลือกันว่าไม่ค่อยใช้ปัญญาเข้าพอดี ผมก็เลยเรียนต่อกับหลวงพ่อได้ นี่หากผมทำเป็นฉลาดแสนรู้ก็คงไม่ได้เป็นช่าง ไม่ได้เรียนกับหลวงพ่อ ผมต้องกลับไปถามท่านก่อน ว่าผมจะฉลาดได้หรือยัง คือโบราญบอกว่าลูกสาวลูกชายที่โง่ๆเซ่อๆมักจะอยู่บ้านได้อยู่กับพ่อกับแม่ เมื่อท่านแก่เฒ่าชราภาพก็ได้อาศัยพวกลูกโง่ๆนี่แหละอยู่ข้างกาย ไอ้ลูกที่ฉลาดหลักแหลมมักจะไปเป็นประโยชน์กับผู้อิ่น แต่กับพ่อกับแม่กับหมู่ญาติไม่ค่อยมีประโยชน์เขาลือกันมาว่าอย่างนี้

    เต็มๆนะครับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เล่าประวัติหลวงปู่ปาน

    https://www.youtube.com/watch?v=N1aSP94YBR0

    <TABLE class=tablebg cellSpacing=1 width="100%"><TBODY><TR class=row1><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=5 width="100%"><TBODY><TR><TD>เข้าเขตกาสาวพัสตร์ โดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน 2514 เป็นวันที่ 3 ของการบันทึกความทรงจำ การเขียนกำหนดแน่นอนไม่ได้ เพราะว่างก็เขียน สบายใจก็เขียน ถ้าไม่ว่างหรือไม่สบายกายใจก็ไม่เขียน สุดแล้วแต่อารมณ์หลวงตาแก การเขียนนี้ตั้งใจจะเขียนไม่มากนัก เพราะหนังสือหนามากอ่านนานจบ คนขี้เกียจอ่าน เปลืองเงินคนออกสตางค์ค่าพิมพ์ เขียนยาวไปก็ได้ประโยชน์น้อย เพราะไม่ใช่หนังสือสอนวิชาร่ำรวย ไม่ใช่แบบบอกหวยบอกโป เขียนมากก็ไร้ประโยชน์ จะเขียนเท่าที่พอใจ

    วันนี้จะเขียนเรื่องเข้าเขตกาสาวพัสตร์ คือเข้าบวช ท่านผู้อ่านจงทราบเจตนาในการบวชของฉันเสียก่อน คนอื่นที่เขาจะบวชเขามีเจตนาอย่างไรฉันไม่ทราบ แต่ฉันก่อนบวช ฉันมีเจตนาอย่างนี้ คือ ไม่บวชตามประเพณี พอครบอายุจะบวชได้ก็บวช ก่อนที่ฉันจะบวช ฉันอยากหาอาจารย์ต่อวิชาให้ฉัน เพราะปกติฉันไปเที่ยวนรกได้ แต่ไปเพียงเขตแดนนรกกับแดนอิสระ ยังเข้าเขตนรกจริงไม่ได้ เมื่อไปถึงชายแดนก็ต้องไปนั่งจ๋องคอยถามตาลุง อยากเห็นอะไรก็ต้องนึกให้ภาพนั้นมาปรากฏที่ข้างหน้า มันเป็นอย่างนี้มา 10 ปีเศษ เรื่องของคนที่ตัณหาบังคับสันดาน มันมีคำว่าพอที่ไหน เห็นได้รู้ได้แล้วมีความพอใจเมื่อไร อยากลงไปท่องนรกได้ด้วยตนเองก็ไม่กล้าไป เพราะตาลุงแกสั่งไว้ไม่ให้ไป แกห้าม ความดีของตาลุงฉันลืมไม่ได้ ฉันมีธุระไปกวนแกทุกวัน เพราะท่านยายชอบฟังเรื่องคนลงนรก และก็ชอบถามว่าเขาทำบาปอะไรจึงลงนรก แล้วก็ถามต่อไปว่าเราจะช่วยเขาได้ด้วยการทำบุญอย่างไร ฉันก็เลยต้องกลายเป็นพระมาลัยลอยไปลอยมาระหว่างนรกกับมนุษย์เป็นกิจประจำวัน

    ท่านยายเมื่อทราบว่าใครลงนรก ถ้าเขาผู้นั้นอยู่ไม่ไกล ท่านมักจะสอบถามญาติของคนที่ลงนรกว่า เมื่อก่อนตายคนที่ตายทำบาปอย่างที่เคยทราบมาหรือเปล่า เมื่อเจ้าภาพรับคำว่าเคยทำ ท่านก็จัดแจงทำบุญสงเคราะห์ทันที และตัวท่านเองก็เกาะหลวงพ่อปานแจ เรียนพระกรรมฐานและร่วมบำเพ็ญกุศลเป็นประจำ ท่านหายใจเป็นหลวงพ่อปานทุกวัน อะไรๆ ท่านว่าหลวงพ่อปานบอกท่านมา ท่านทำตามทุกอย่าง มีอย่างเดียวที่หลวงพ่อปานไม่บอกแต่ท่านทำก็คือ เรื่องลูกและหลานเจ้าชู้ น้าหลาน 2 คน เป็นคนมีเมตตาสูง สงเคราะห์สาวเรื่อยตลอดมา คือ พยายามหาเมียมาฝากแม่เสมอ ไม่รู้ว่ากี่คน เมื่อนำมาท่านก็รับภาระปกครองให้เสมอ บางรายยังเด็กมาก แม่ผัวต้องปอกอ้อยให้ลูกสะใภ้กินก็มี เพราะเมื่อท่านสั่งให้ลูกสะใภ้ปอกอ้อยให้กิน คุณลูกสะใภ้เกิดปอกอ้อยไม่เป็น ภาระการปอกอ้อยก็เลยต้องเป็นภาระของแม่ผัว

    เมื่อมีสาวน้อยและสาวมากมาบ้านมาถามหาท่านน้าหรือเจ้าเล็ก ท่านมักจะออกปากบอกว่าเจ้า 2 คน หมายถึงน้าหรือเจ้าเล็กไปทำอะไรเอ็งบ้าง ถ้ามันเป็นอะไรขึ้นมา หมายถึง มีครรภ์เอ็งบอกแม่นะ แม่จะรับภาระเอง แล้วท่านก็ประกาศเป็นกฎของท่านว่า เจ้า 2 คน น้าหลานนี้เจ้าชอบเป็นคนเจ้าชู้ ถ้ามีใครเขามาแจ้งพวกเอ็งไปทำเขาตั้งท้องฉันจะรับทันที โดยที่พวกเจ้าจะค้านไม่ได้ นี่เป็นกฎของท่านยาย และท่านก็ทำจริงตามท่านพูด เมื่อมีใครมาแจ้งว่าท่านน้าย่องไปทำให้แกมีลูก ท่านไม่สอบสวน ท่านรับทันที เมื่อน้ามาจากทำงานสอบถามน้าปรากฏว่าจริงทุกราย เป็นอันว่าจำเลยทำเป็นปกติ เมื่อศาล รับฟ้องก็ไม่ต้องสอบสวนจำเลย ด้วยมันจริงเสียทุกราย สำหรับรายการของเจ้าเล็กก็จอมซุกซนเหมือนกัน แต่ทว่ามียาวิเศษไม่ต้องกินไม่ต้องทาไม่ต้องรักษาก็ไม่มีใครมีลูก ท่านยายเลยไม่ต้องแบกภาระ การรับ ลูกสะใภ้แบบสาธารณะนี้หลวงพ่อปานไม่ได้สอน แต่ท่านทำของท่าน เมื่อท่านอาจารย์ทราบปฏิปทาเข้าก็ชมเชยเป็นการใหญ่ ท่านเลยทำใหญ่ ท่านบอกว่าที่ท่านทำท่านเห็นใจลูกผู้หญิงด้วยกัน ไม่ประสงค์ชื่อเสียงความดีเด่นอะไร

    เมื่อฉันมีศรัทธาอยากจะบวช ที่จะบวชไม่ใช่เลื่อมใสใคร อยากได้อาจารย์ดีที่ต่อวิชาความรู้ให้ได้สิ่งที่ต้องการก็คือ

    1. อยากไปเที่ยวในเขตนรกด้วยตนเอง
    2. อยากไปเที่ยวสวรรค์ เขาว่ามีนางฟ้ามากและสวยๆ เสียด้วย
    3. อยากไปชมพรหมโลก เห็นคุณยายบอกว่าหลวงพ่อปานท่านว่าเป็นดินแดนที่สวยกว่าเมืองเทวดา

    เมื่อเข้าไปหาหลวงพ่อปานท่านก็รับรองทุกอย่าง ท่านว่าท่านไปได้และท่านสามารถสอนให้ไปได้ ถ้าคนที่เรียนจะเรียนกับท่านอย่างโง่ๆ คือไม่ทำอะไรเกินอาจารย์สั่ง ฉันชอบใจมาก ในอันดับแรกฉันบอกท่านว่าฉันกลัวผี แต่ทว่าฉันก็สงสัยเรื่องผีว่ามันมีจริงเพียงใด เรื่องของสัตว์นรก ตาลุง หลวงพ่อองค์ยิ้ม ฉันไม่คิดว่าเป็นผี ท่านสามารถให้พิสูจน์ด้วยการภาวนาคาถา 4 คำ การพิสูจน์คราวนั้นมีคนร่วมพิสูจน์ ไม่น้อยกว่า 200 คน แต่ละคนล้วนแล้วแต่เป็นผู้ทรงศักดิ์ทางราชการ เมื่อต่างภาวนาไม่เกิน 5 นาที ทุกคนยอมรับว่าเห็นผีทุกคน สำหรับคนอื่นเขาเห็นอย่างไรเป็นเรื่องของเขา ฉันจะแอบไปรู้เรื่องคนอื่นเข้ามันจะเกินพอดี ฉันเองเห็นหลายผี มันเป็นคนที่ฉันรู้จักเสียส่วนใหญ่ที่เขาตายไปแล้วนั่งอยู่ข้างตัวฉัน ที่ไม่รู้จักก็มี บางคนก็เหมือนคนธรรมดา บางคนก็สวยมาก ฉันไม่เห็นน่ากลัวตรงไหน บางรายสวยเสียจนอยากเห็นบ่อยๆ

    เมื่อทุกคนยอมรับว่าเห็น ท่านก็เลยเทศน์เรื่องสวรรค์ นรก พรหม และพระนิพพาน อีก 4 รายการ ท่านก็ทำให้เห็นได้ คราวนี้ฉันกับเพื่อนฉันเป็นยอดนักเบ่งด้วยกัน เกิดอยากเห็นสวรรค์มีนางฟ้ามากกว่าเทวดา เทวดา 1 องค์ มีนางฟ้าเป็นร้อยๆ พันๆ สงสารนางฟ้าแกจะเหงา จะหาโอกาสไปเป็นเพื่อนคุยกับแก อ้ายคนเราลงมีใจเลวลงเสียอย่างเดียวมันก็เลวหมดตัว เขาเรียนกรรมฐานกันเพื่อพระนิพพาน แต่ฉันอยากเรียนเพื่อจะไปเป็นผัวนางฟ้า อารมณ์อย่างนี้ถ้ายังไม่ว่าเลว คนประเภทใด เลวกว่านี้ยังมีอีกหรือ

    เมื่อท่านเทศน์จบ ท่านถามว่า ใครอยากเห็นสวรรค์ พรหมโลก และพระนิพพานบ้าง ฉันกับเพื่อนเกลออีก 3 คน ยกมือก่อนเพื่อน ท่านเห็นเข้าท่านก็กวักมือเรียกให้เข้าไปหา ท่านถามว่าอยากเห็นจริงหรือ เรียนท่านว่าอยากเรียนขอรับ ท่านบอกว่า สำหรับคณะของเธอ 4 นี้ เรียนได้และได้ผลมากเกินคาด จะเรียนไหม เรียนท่านว่าคณะผมพร้อมที่จะเรียนครับ

    ท่านบอกว่าฉันรับเธอเป็นศิษย์ฉันตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป แต่ทว่าถ้าเธอเรียนกับฉันเพื่อเอาดีต้องเรียนอย่างคนโง่นะ คือว่า ถ้าฉันสอนแบบไหน ให้ทำอย่างไร เธอต้องทำและคิดเท่านั้น การเรียนเอาดีต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เรายอมตายดีกว่าปฏิบัติไม่ได้ผล หรือยอมตาย ดีกว่าฝ่าฝืนคำสั่งครูบาอาจารย์ เต็มใจรับท่าน เพราะเรื่องการรับคำสั่งแล้วรักษาคำสั่งเป็นของปกติ ไม่มีอะไรหนักใจเลย ด้วยทำมาตั้งแต่รู้ภาษาคน ไม่เคยขัดคำสั่งที่ประกอบด้วยเหตุผล แต่ทว่าคนที่ไร้เหตุผลถ้าสั่งงานก็มักจะพบศอกกลับที่คาดไม่ถึงทุกราย จนเป็นที่รู้กันในวงงานที่ทำ เขาหาว่าบ้า โต๊ะคนบ้า ใครอย่าก้าวก่าย ถ้าขืนสั่งนอกเหนืออำนาจ ดีไม่ดีมันชักปืนไล่ยิงเอาเฉยๆ ใครอย่าไปยุ่งกับคนบ้า ความจริงเขาหาว่าฉันและเพื่อนบ้า เพราะฉันบ้าระเบียบวินัยก็เลยสบาย เพราะพวกบ้าฝ่าฝืนระเบียบวินัยไม่กล้ายุ่ง เมื่อฉันมีอารมณ์บ้าระเบียบวินัยอยู่แล้ว

    ท่านบอกอย่างนั้นจะมีอะไรหนักใจ ทุกคนยอมรับอย่างไม่มีอะไรหนักใจ หลวงพ่อท่านยิ้ม ท่านบอกว่าพวกเธอเข้มแข็งมาก เรื่องนรก สวรรค์ พรหมโลก เธอปฏิบัติกับฉันไม่เกิน 3 เดือนเป็นอย่างช้า ไปได้สบาย ฉันกับพวกกราบท่านและขอเรียนทันที ท่านบอกเรียนได้ แต่ผมยังยาวเรียนไม่ได้ ผมมีสภาพเหมือนเขา เธอมีสภาพเหมือนกระทิงเปลี่ยว เมื่อกระทิงเปลี่ยวตัวเมามันและมีอานุภาพมากยังมีเขาอยู่ ทำพระกรรมฐานเอาดียาก และภาระของเธอก็มาก เธอต้องตัดเขาเสียก่อน คือโกนผมเข้าวัดบวชเป็นพระ เมื่อเธอบวชแล้วไม่เกิน 3 เดือน ฉันรับรองว่าเธอทั้ง 4 ท่องสวรรค์ นรก พรหมโลกได้อย่างสบาย

    คณะของฉันยิ้มสดชื่นไปตามๆ กัน รับรองท่านว่าจะบวชและก็ยอมบวช เรื่องอาชีพ ไม่อาลัย ไม่จำเป็นต้องอาศัยอาชีพเดิม ถ้าสึกอาชีพเก่าเขาไม่ให้ทำก็ทำสวน กินตามเดิมก็ได้ ที่ดินก็มี สวนของยายก็ไม่มีอะไรน่าวิตก เป็นอันว่ารับกับท่านว่าจะบวชแน่นอน เดือนกรกฎาคม 2480 เป็นเดือนบวช เดือนที่ตกลงกันเป็นเดือนเมษายน 2480 เมื่อตกลงกันแล้วท่านแจกหนังสือวิสุทธิมรรคสมาธินิเทศคนละเล่ม ดูเหมือนท่านจะเตรียมมาให้ ท่านให้อ่านให้เข้าใจ เดือนมิถุนายนท่านให้ไปซักซ้อมความเข้าใจกับท่านที่วัด

    เมื่อท่านสั่งแล้วเวลาก็ใกล้ 14 น. ท่านก็ลาที่ประชุมกลับ พวกฉันก็กลับ นับตั้งแต่รับหนังสือวิสุทธิมรรคมาแล้วก็พยายามอ่าน หนังสือนี้ต้องพยายามอ่านจริงๆ อ่านรู้เรื่องยากแท้ๆ ภาษาพระฉันไม่ชินมาก่อน และก็แถมเกลียดพระที่บวชแล้วชอบอวดรู้อวดวิเศษเที่ยวเทศน์สอนชาวบ้านเรื่องบุญบาปนรกสวรรค์ แต่ตัวท่านเองเมามันดูไม่ได้เลย เป็นพระแล้วยังบ้าลาภ อยากร่ำรวย อยากสวยงาม อยากมียศ อยากให้ชาวบ้านชม เมื่อเทศน์แล้วถามว่านรกสวรรค์ท่านเห็นหรือเปล่า

    ก็ตอบว่าไม่เห็น ไม่เคยทำให้เห็นตามที่เทศน์สอนชาวบ้าน แต่เที่ยวสอนคนอื่นเขา เราเห็นมาเองก็ดันมาว่าเป็นเรื่องโกหกพกลมบ้าๆ บอๆ ถ้าหลงทำไปจะบ้าแก้ไม่หาย พระระยำแบบนี้ทำให้ฉันไม่ไหว้พระ ฉันเกลียดพวกบ้ารวย บ้ายศ บ้าสรรเสริญ บ้าสวย พระต้องละ ดันมาเกาะเลว เมื่อเลวเท่ากัน แถมฉันดีกว่าที่เห็นหลวงพ่อองค์ยิ้มได้ ไปนรกได้ ถามตาลุงก็ได้ อยากเห็นอยากรู้เรื่องเมืองนรกตรงไหนก็ได้ เมื่อคนสอนมีความสามารถไม่เท่าฉัน เลวกว่าฉัน บางท่านดันลงอเวจี ฉันจะไหว้จะเคารพให้เสียศักดิ์ศรีฉัน หาทำไมตำแหน่งเจ้าคุณ ดีจริงทำไมไม่กันนรกให้ได้ เป็นอะไรก็ลงนรก เป็นเพื่ออะไร เพราะฉันไม่สังคมกับพระที่ไม่ถูกใจฉันๆ เลยไม่ค่อยรู้ภาษาพระ

    เมื่อมาอ่านวิสุทธิมรรคเข้าก็ชวนนอนหลับเสมอ กว่าจะเข้าใจภาษากันวันเวลาก็ผ่านไปเกือบ 10 วัน พอจะเริ่มรู้ภาษากันบ้าง ท่านผู้ใหญ่ไปหารือกับพระ ฉันบอกว่าพระสวะพระจัญไร ฉันไม่ขอพึ่งบารมี ดีไม่ดีจะแนะนำผิด เว้นไว้แต่หลวงพ่อปาน ยังไม่อยากไหว้พระองค์อื่นจนกว่าฉันจะเห็นว่าท่านดี เรื่องของกิเลสตัณหาเป็นอย่างนี้ แถมพระท่านก็เป็นทาสกิเลสตัณหาเสียด้วย ก็เลยไม่มีที่พึ่ง




    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR class=row1><TD class=profile align=middle></TD><TD height=22></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 มกราคม 2015
  14. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ นักรบเงา
    เสี่ยง และ ดูจะเลื่อนลอย ประมาทเกินไป ที่จะไปช่วย หรือ ปรับทิฐิ ของบุพการี ในยามที่ท่านป่ายมาก หรือ ตายไปแล้ว


    .....ท่านผู้มีน้ำใจโพธิสัตว์ หวังช่วยเหลือสรรพชีวิตที่ไกลตัวให้พ้นจากกองทุกข์ มีวิธีการ หรือกุศลโลบาย ที่ใชั้ได้จริง ในการช่วยเหลือบุพการี ให้ผ่อนหนักเป็นเบา จากโทษแห่งมิจฉาทิฐิ ในยามที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ......อย่างไร




    นำมาสอดแทรก กระทู้พี่ พีซีโอ 29/12/57 สวัสดีครับ ท่านนักรบเงา พี่ๆน้องๆทุกๆท่าน เมื่อวาน 28/12/57 ผมเดินทางไป นครปฐม ไปร่วมทำบุญบ้านน้องสาวผม ต.แหมบัว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ซึ่งเขตุ ติดต่อ อ.เมือง นครปฐม ไม่ไกลจาก วัดสามควายเผือก และอีกแถบ ติดต่อ อ.ดอนตูม จ.นครปฐม เขตุติดต่อ ๓ อำเภอ ผมออกจากบ้าน ตี ๔ ครึ่ง จากอุทัยธานี ผ่านโป๊ะมโนรมย์ -ชัยนาท -สรรคบุรี - เขตุ หันคา -เดิมบาง- นางบวช -สาวชุก-ศรีประจัน -อ.เมืองสุพรรณ-บางปลาม้า-สองพี่น้อง--บางหลวง-บางเลน-เกาะแรด-ดอนพุทรา-บ้านหลวง-ลานแหลม-ห้วยกรด-โครกเขมา และมาบ้านน้องสาว สะพานขาว - ใกล้ลำท่าโพธิ์

    ก็เป็นเวลา ตก เกือบ ๒ โมงเช้า เมื่อไปถึง ก็พบแม่ผม มาด้วย ทีแรก ได้ข่าวว่า อาจมาไม่ได้ ก่อนหน้านั้นป่วย มาก เข้าๆออกไปหาหมอ และทุกคน น้องๆ บอกให้ผมเอาแม่ไปหาหมอที่อุทัย ก่อนหน้านั้น หลายเดือน ผมไปย้ายท่านมา อุทัย ในการรักษา เพราะ คนแก่ รักษาฟรีอยู่แล้ว ย้ายที่นี่ ได้แค่ ครั้ง ๒ ครั้งเท่านั้น จะเสียเงิน ผมก็หงุดหงิดพอควร จะให้แม่มาอยู่ด้วย อะไรๆ ก็ไม่เอามา ด้วย เสื้อผ้า เข้าของ ที่ท่านใช้ ผมก็บอกหลายประการ ทำไงอีกครับ ก็ต้องทำใจครับ อะไรๆ มันขัดเคืองใจเราครับ ไม่สมประสงค์ ทุกคนเอือมระอา กับแม่ ให้อยู่บ้านเฉยๆ ท่านอยู่มิค่อยได้ ชอบไปช่วยเขาเก็บพริกบ้าง หักข้าวโพดบ้าง ทำอย่างอื่นบ้าง บอกก็ไม่ฟัง


    พอร่างกายเป็นหนัก ก็ไม่พ้นพวกเขาลูกๆพาไปหาหมอ มีเงินให้คนอื่นยืม บางคนโกง จนลูกๆ เอือมระอาหมด ลูกบางคน ก็ชอบยืม ไม่ค่อยจะให้ ทำให้แกสาบแช่งด่าชักหักกระดูกเอาอีก คนอื่นนี้ เงียบ แช่งไม่ค่อยออกครับ เวลาไม่มีเงิน เครียด คิดมาก จะตายอีก ผมรับมาถึงบ้าน เมื่อคืน ตกเกือบ ๒ ทุ่ม ตี ๕ ผมต้องขับรถ พาแฟน แม่ไปส่ง โรงพยาบาล เพื่อให้หมอ รักษาและตรวจเลือด เดี๋ยวโดนหมอ ด่าว่าอีก แหละครับ รักษาไม่ต่อเนื่องที่นี่ แต่ไปอยู่ด่านช้าง ก็ไปหาหมอ ด่านช้าง แต่ละที่ เขา วางยา ไม่ค่อยตรงกันครับ มีเปลี่ยนยา กันนิดหน่อยครับ นี่ผมเองไม่รู้ตัวมาก่อนครับ ว่าเขาเหล่านั้น จะส่งท่านแม่ ให้ผมแบบดื่อๆ

    ทำไงครับ ผมก็ต้องรับสภาพสิครับ กืนไม่เข้าคายไม่ออก คงไม่มีปัญหา ทุกอย่างแก้ได้หมดแหละครับ ถ้าเหตุการณ์ มันเกินวิสัย จริงๆ ก็ต้องวางเฉยเหมือนกันครับ เราจะทำให้ดี ที่สุด ของเรา เรื่อง ทุกเรื่อง นี่ มันอยู่ที่เหตุการณ์ สถานการณ์ ชีวิต ความเป็น อยู่ด้วยนะครับ ฟังดูแล้วง่าย แต่ทำยาก พระโมคคัลละนะ ฆ่าพ่อแม่เพราะอะไร ไปหาประวัติอ่านดูครับ พ่อแม่ท่านสุดยอดแล้วครับ ต่างกับแม่ผม ราวฟ้ากับดิน พระอรหันต์ ในพุทธกาล แม่ น้องสาว กับพระน้องชาย ไปอเวจี มหานรก พระลูก ชาย ที่เป็นพระอรหันต์ เป็นทั้ง ลูกชาย และเป็น พี่ชาย ของพระและพี่ชาย ลูกผู้หญิงนั้น ท่านจบกิจ เป็นพระอรหันต์ ไปพระนิพพาน นี่ต่างกันแบบนี้ ขนาดลูกชาย เป็นพระอรหันต์ ยังโปรดไม่ได้ครับ ก็ว่ากันไป ชของใครของมัน ผมว่ายังมีตัวอย่างอีกเยอะแยะครับ

    ส่วนในกรณี ของผม เมื่อแม่มาอยู่ ผมก็บำรุง ท่านให้ดีที่สุด ซื้อของให้ท่านกินดี กว่าที่ดีกว่าเรา จะกิน หรือทำอะไรๆ ก็หนักกว่าเดิม ไม่เหมือนที่เราทำเป็นอยู่ปัจจุบัน เป็นอย่างนั้นจริงๆนะครับพี่น้อง ที่ผมทำอยู่เวลานี้ ทุกอย่างไม่ใช่บังเอิญ ต่อไปคือ ทุกเช้าๆ ตี ๔ ครึ่ง ผมต้อพาลูกๆ ๒ คน สวดมนต์ไหว้พระ แม่ผม ก็ต้อง มาสวดมนต์เหมือนกันครับ ได้แค่ไหน ก็แค่นั้น ทุกอย่างมิอาจฝืนได้ และมีโอกาศ ก็พาไปใส่บารต หรือทำบุญ สุนทานครับ ที่ลูก พึงกระทำ หาที่อยู่อาศัย ให้พอควรพอเหมาะ ยารักษาโรค พึงหากินหาอยู่ ขาดสิ่งไหน ถ้าไม่เกินวิสัย ก็หามาให้ครับ เอาสิ่งดีๆให้ท่าน อดีด คือ อดีด ทำให้ดีคือ ปัจจุบันครับ นี่ผมเอา ปัจจุบัน ทันด่วนสดๆ ที่พิมอยู่นี่ เมีย แม่ ยังไม่กลับจาก โรงพยาบาล คงกลับใกล้ๆ ๕ โมงเช้าโน่นแหละครับ จะช่วยคน หรือ สัตว์ ต้องช่วยคนใกล้ตัวเราก่อนครับ ถ้าช่วยได้ ช่วย ช่วยไม่ได้ ควรวางเฉย เมื่อมีโอกาศ ก็ทำ พระพุทธเจ้า ยังช่วยไม่ได้หมด แล้วเราเป็นใคร
     
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,850
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,041
    ********************************
    ทําให้นึกถึงตอนที่พระอัสสชิมหาเถระท่านตอบคําถามของท่านอุปปะติสสะ(ท่านพระธรรมเสนาบดีเสรีบุตร)ว่าอาตมาเพิ่งเข้าสู่ศาสนาพระโคดมเมื่อไมนานมานี้ อาตมาได้สดับมาดังนี้......
    ทั้งๆที่ท่านเป็นพระอรหันต์แล้วก็ยังถ่อมตนถึงเพียงนั้น
    สาธุธรรม
    ขอให้เจริญในธรรมทุกๆท่านค่ะ
     
  16. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    45,850
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,041
    ******************************
    อนุโมทนาสาธุในสิ่งที่คุณน้องทําด้วยค่ะ
     
  17. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814



    :cool:({) สวัสดีครับ พี่พีซีโอ พี่ๆน้องๆทุกๆท่าน ทราบ ถ้าพูดถึงเรื่องการรักษาแล้ว ขออุปมา อุปมัยหน่อยนะครับ ซึ่งผมเอง ก็เป็นลูกหลาน ของผู้เป็นหมอ ตำแย หมอ โบราณ หมอ ไสยเวท หมอน้ำมนต์ หมอ สะเดาะเคราะ หมอต่อชตา หมอสักยันต์ ไม่ใช่เอาเท้ายันนะครับ แล้วก็เคยช่วยคนมาพอสมควรแล้วครับเป็นประสบการณ์ จริง ไม่ได้อิง นิยายครับ ถ้าพูดเรื่องนี้ คุยกันเป็นวันแล้วไม่จบแน่นอนครับ เมื่อวานอ่านแล้วไม่ตอบ ไม่อยู่ไปทำบุญที่นครปฐมมาครับ มีโอกาศวันนี้จึงเข้ามาเล่าต่อ เพราะมันเป็น ยุคของในสมัย กะปลิ้งปิดปิครับ ฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


    ไม่รู้ว่า พระพุทธเจ้าท่านตรัส หรือ ครูบาอาจารย์ บอกมา เรื่องมีอยู่ว่า โรคบางโรค หมอสมัยเก่า รักษาไม่หาย ต้องรักษาด้วย หมอ สมัยใหม่ครับ หมอ สมัยใหม่ รักษาไม่หาย ต้องรักษา แบบ หมอสมัยเก่า โรค บางอย่าง ทั้ง สมัยเก่า และ สมัยใหม่ ก็ไม่หาย ต้อง ใช้ หมอ ไสยเวทปัดเศก เป่า ด้วยมนต์คาถา ถอดถอน ด้วยน้ำมนต์ โรค บางโรค ทั้ง ปัดเปล่า ปลุกเศกเลขยันต์ ถอดถอน น้ำมนต์ ทั้งหมอเก่า หมอใหม่ มันไร้ผล ต้องใช้ ธรรมมะโอสถครับ โรคหลายๆโรค เป็นเองหายเอง โดยไม่ต้องพึ่งอะไรเลยครับ นี่แค่ค่าวๆครับ ทุกท่านเข้าอยู่แล้ว เพราะ เป็นคนมีปัญญากันทั้งนั้น


    มาพูดถึง ขี้คนกันดีกว่า ครับ ในสมัย คนหรือเด็ก หรือ สาวๆรุ่นวัยเอ๊าะๆ ใช้กระปิ้ง ปิดปิดีกว่า ซึ่งมองดูตูดขาวโพน นม ตั้งเต้า เท่าลูกบักนาว ฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ผมซึ่งเป็ลูก ของท่านพ่อผม พ่อผมเป็นหมอโบราณ รักษาด้วย เศกเปล่า น้ำมนต์ สะเดาะเคราะ ต่อชะตา ไสยเวท ใช้หวายตีผี ถอดถอน คุณไสย คุณคน เสน่ ยาแฝด ถูกการกระทำ ด้วย สิ่งต่างๆ แม้คน บ้าวิชา นำมาล่ามโซ่ สะเดาะ กุญแจหลุด ก็เคยเห็น พ่อผมรักษา นี่ขนาด บ้า ยังสะเดาะกุญแจหลุด ก็คิดเอาเถอะครับ และเป็นหมอปราบ ปลอบวิชา ถ้า เรามีวิชา ด้วยกว่า ปลอบวิชา เอาอะไร ไปไล่มัน มันสวนมาหมด ไม่ว่า คาถาบทไหน มันสอนหมด ถ้าเหนือมัน ๆกลัว บางที หมอยังไปไม่ถึง คนป่วยเลยมันเผ่นแน่บแล้วครับ



    ตอนผมเด็กๆ ผมมักถูกพ่อใช้ให้ไปเก็บขี้ ตากแห้ง ในป่า ที่ใครๆ มักไปถ่ายทิ้งไว้ เพราะ ในสมัยโน้น ไม่มีส้วม ส้วมอย่างดี ก็แบบพี่ว่ามานั่นแหละครับ ขอแถม หน่อย ถ้าเป็นของพระในวัด จะดีกว่า ชาวบ้านทั่วไปครับ คือสร้างแบบ ขุดหลุด ใต้ถุน ให้ลึกหน่อย แล้วสร้างด้วย เสาร์ ๔ ต้น คล้ายๆกุฏิพระ หลังคาทรงไทย แล้วเอาไม้พาด หรือไม้ กระดาน พอว่า เวลาขี้ หรือถ่ายมูลลง ทำไว้ช่องพอเหมาะ แบบโถส้วม ปัจจุบัน เวลาขี้ จะได้ลงไปพอเหมาะ ดังพ๊วดๆ ป๊าดๆ แล้วมีไม้ ไว้ ปาด รูตูด หรือรูขี้ เช็ดก้น ไม้ไผ่ผ่าใส่กระป็องตะกร้าไว้ครับยังว่า ไม่ต้องอธิบายแล้วครับ พี่รู้ดี แต่ผม น่ะจะบอก ให้ไอ้พวก ลูกหลานมันที่ไม่เคยเห็นครับ เผื่อมันมาอ่านกัน จะได้รู้ว่า ที่พวกมันรู้ ยังมีอะไรที่พวกมันไม่เคยได้ยินได้รู้กันอีกเยอะครับพี่



    ผมเองน่ะ ไม่ค่อยได้กินเท่าไหร่ ขี้คนน่ะครับ เพราะกินทีไรนี่ มันออกหมด ถ้ารู้ แต่ขี้ไก่แห้ง บนคอนนี่ กินเป็นประจำครับ พอได้ หอมดีด้วยครับ คั่วให้ดี เหมือนคั่ว กาแฟนั่นแหละครับ ขี้คนก็หอม นะครับ ถ้านำไปคั่วแล้ว แล้ว เปลือกแคนี่ ก็กินเป็นประจำ แก้ ท้องอืด เฟ้อ หรือ ท้องลง ถ่ายท้อง ท้องเสีย ปวดท้อง อะไรทำนองเนี้ย นานแล้ว จำผิดขออภัยครับ เยี่ยวนี่ ผมน่ะ ถ่ายให้พ่อผม เอาไปรักษาคนไข้ เป็นประจำครับ พ่อผมนี่ ดู รอยตีน คนเก่ง ท่านแค่เห็น รอยตีน เดิน ตามรอยพื้นดิน ท่านจะบอกเลย นี่ รอยตีน คนนั้น คนนี้ ลูกคนนั้น ลูก คนนี้ ผิดยากครับ ของท่าน แกะรอยเก่งทีเดียว



    บางครั้ง ท่านจะไปรักษาใคร ต้องดูเวลา ออกจากบ้าน ไปเป็นยังไง หรือไป เห็นคนไข้ นอนหันหน้าไปทางไหน จะหายไม่หาย จะรับหรือไม่รับ รักษาหายไม่หาย ท่านรู้เลย ก็ดุนพินิจ ของท่านครับ ค่ารักษาไม่มี มีแค่ค่าครู ๑ สลึงเท่านั้นครับ ส่วนย่าผม เป็นหมอตำแยพื้อบ้าน เวลา ไปเอาลูกใครออก ผมเคยไปกับท่านย่าผม วิธี จับท้อง ผู้หญิง นี่ ผมเห็น ผมสังเกตุมาหมดครับ เพียงแต่ ผมไม่ได้จับท้องผู้หญิงเท่านั้นเองครับ แต่มาได้ทำจริงๆ ก็ตอน ท่านย่าผม มาเอาน้องๆผม ออก จาก ท้องแม่ผม ตัดสะดือ นี่ ผมทำมาแล้วครับ หลายคน เมื่อก่อน เขาไม่ใช้ ตะไก ตัดครับ เขา ใช้ หัวไพร ลองสายสะดือ ผ่าหัวไพร แล้ว ใช้ เปลือก หรือผิว ไม้รวก ทำให้พอเหมาะ ตัดสายสะดือเด็ก หรือน้องผม แล้วใช้ได้ ขาวๆ ผูก หรือได้สายสิญ ผูก



    มาว่าต่อครับ และการล้าง ผ้าถุงนี่ ผมนี่ ซักผ้าถุง ของแม่ หลายวาระ หลายคน ที่แม่ออกน้องๆ มันเหม็นคาวเลือด ออ๊กแตก อ๊อกแตน บางทีกินข้าวมาใหม่ๆ ออกไม่เหลือเลย ต้องใช้ตีน ถูล้าง ขัด เอาผ้าวาง ตาม พื้นดิน ที่มีหญ้า ถูไถไปกับน้ำ พื้นเรื่อยไป จนหมด หรือ สะอาด การเก็บ รก เมื่อก่อน คนตะก่อน เอารก ใส่ไห กระเทียม หรือไห เหล้าไหปลาร้า ไปไว้ชายรั้วบ้าน แล้วเอา หนาม ขอ หนามต่างๆมาปิดไว้ คนโบราณ เขาบอก จริงเท็จประการใด เขากลับบอก พวกผีปอบ ผีกระสือกระหัง อะไรพวกเนี้ย มาเอา ไปกิน ถ้าเอาหนามปิด พวกนี้ไม่กล้ามากิน นี่ ส่วนหนึ่ง ประสบการจริงของผมครับ :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2014
  18. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    :cool:({) ขอต่ออีกหน่อยครับ เมื่อก่อน พ.ศ.๒๐ ผมไปเรียน วิชา รักษาคนด้วย แบบ วิธีเคาะ แบบหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค วิธีกอบ โรค ผมน่ะ ไปเรียน ที่ อ.ทัน รุจิเรข อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันต์ ท่านเป็นหลาน หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง ปากเกร็ด นนทบุรี มีเชื้อมอญ อ.ทัน รุจิเรข ท่านเรียน วิชาเคาะมาจาก หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง หลวงพ่อแฉ่ง เรียนมาจาก หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค และผมน่ะ เรียนเขียนยันต์เกราะเพชร มาด้วย พร้อมหลายๆอย่าง ผมอ่าน ประวัติ หลวงปู่ปาน พ.ศ.๑๗ หรือ ๑๘ นี่แหละครับ พ.ศ.๑๙ บวชเณร และมาอยู่ หลังเขา หลากฉลาม เฉียงหลังค่ายทหารธนะรัตน ช่วย อ.ชาลี ลูกครูทัน รุจิเรข รักษาโรค ด้วย วิชาเคาะ และกรอบโรค

    ๑ พรรษา คนมารักษาพอ สมควร มีอยู่ครั้งหนึ่ง มารักษา ไปรักษาที่ไหนๆ ก็ไม่หาย ไปหาหมอ ที่ ค่ายธนรัตน หมอไม่รับ หรือรักษาไม่หาย หรือไงนี่แหละจำไม่ค่อยได้แล้ว ตอนที่นำมา หามกันมา เดินไม่ได้เลยครับ หมอบอก ตายอย่างเดียว นี่ญาติ เขาบอก พวกเรา ช่วยกัน เคาะ สมาธิช่วย วันนั้น เริ่ม เบาๆ นิดๆ พอวัน ๒ เริ่ม เดินได้ พอวันที่ ๓ หายเลย เดินได้ปร๋อเลย ดีใจใหญ่เลยครับ ผมอยู่ได้พรรษาเดียว ก็ศึก ทีแรก อยากบวข ตลอดไปเหมือนกัน ผมเคยบอกแล้ว ถ้ากำลังใจ คำนวนไม่ได้โน่นแหละ ถึงจะประกาศได้ เรียกว่า ในปีนั้น สบายมาก ใครถูก ตะขาบ กัด หรือแมลงปล่อง ต่อย หลายคน มาหาผม หรือผมเห็น จะเข้าช่วยทันทีครับ ใช้วิชา ที่เรียนมา กรอบหรือเปล่า บางที สมาธิดีๆ กรอบแค่ ๓ ครั้ง หายเลย บางคน ต้องใช้มีดหมอ เคาะ นานถึง จุดธูป ชั่วธูปหมด จึงหาย หรือทุเลา


    ที่ผมต้องทิ้ง วิชานี้ไป แล้ว ทะลุ หายไปจากใจผม จะเล่าค่าวๆให้ฟัง มีครั้งหนึ่ง ผมนำคน ที่ บ้านรางแคสูง ต.อะไรจำไม่ได้ครับ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ห่างจาก วัดพระแท่นดงรัง ไม่ไกลนัก ผู้หญิงท่านนี้ เป็นมะเร็งที่ปาก แต่ไปฉายแสงมา เนื้อสุกหมดแล้ว ผมไปช่วยรักษา ตกเดือน ต่อมา เขาตามมารักษาที่บ้านผม บ้านสระสี่เหลี่ยม อ.ดอนตูม จ.นครปฐม พศ.๒๐ เศษๆนิด ผมก็รักษา ด้วยที่ปากเขาเหม็นมาก ผมทำอย่างดี เขาบอก ถ้าผมรักษาเขาหาย เขาไปบอก คนทั่ว จะยก ลูกสาวให้ผม ซึ่ง ก็ลูกสาวนี้ สวยใช้ได้เลยทีเดียว ในสมัยนั้นนะ ต่อมา พ่อผมเริ่ม ไม่พอใจ หลายๆอย่าง ในที่เห็นผม เอาอกเอาใจใส่เกินพอดี ซึ่ง หลังจาก เขาไปจากบ้านผมแล้ว พ่อบอก มึง รักษาเขาดูแลอย่างดี ทีพ่อไม่ใคร่ สนใจ จึงเกิดการ ลำเอียง ว่างั้นเถอะ ไม่พอใจ เขากลับไปแล้ว ผมว่า ถ้าเขาไม่ฉายแสง เนื้อไม่สุก มีสิทธิหาย หรือเบาลงมาก หรืออาจตายช้าลง


    หลังจากนั้นมีเหตุการมากมาย จำไม่ค่อยได้แล้วครับ มันตก ๔๐ ปีแล้ว ผมไม่รับรักษาใครอีก ทิ้งไปเลยครับ เล่า เป็นวัน รับรองไม่จบแน่นอนครับ
     
  19. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ใช่ครับช่วยขยายให้หน่อยครับ
    ทำภายนอกอย่างไร?
    ทำภายในอย่างไร?
     
  20. Armarmy

    Armarmy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +1,659
    ฟังเพลงกันครับ

    <iframe width="420" height="315" src="//www.youtube.com/embed/qNDifMyQuv8" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...