เรื่องเด่น นานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย Wannachai001, 16 กันยายน 2014.

  1. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    เจริญพระคาถาเงินล้านแล้วทำให้สามารถหลีกเคราะห์กรรมได้ อ่านได้ในเรื่อง"พระศุกร์เล็งพระเสาร์"

    หลวงพ่อแนะวิธีตั้งศาลเอง อ่านได้ในเรื่อง "บนจะตั้งศาลพระภูมิ"

    คนป่วยหนัก เราบนหลวงพ่อ 5 พระองค์ท่านอาจช่วยได้นะครับ ในเรื่อง "หลวงพ่อบนบวชพระ"



    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    (จากธัมมวิโมกข์ มีนาคม 2536 หน้า 62 - 72)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กุมภาพันธ์ 2016
  2. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/good3.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/good3.jpg" border="0" alt=" photo good3.jpg"/></a>
     
  3. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    สัญญาว่าจะมาเป็นแม่ครัวให้หลวงพ่อ

    ละเมียด วุฒิยากร


    แต่ก่อน...หลวงพ่อจำพรรษาอยู่ที่วัดสะพาน จ.ชัยนาท ประมาณปี พ.ศ.2510 หลวงพ่อมาที่ ต.วังตะกู อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร มาที่บ้านคุณสมจิต (ป้อม) บ้านอยู่ในตลาดวังตะกู ฉันก็ได้มีโอกาสไปกราบหลวงพ่อที่บ้านคุณสมจิต พอกราบท่านแล้วท่านก็ถามว่าบ้านเดิมฉันอยู่ที่ไหน ก็เล่าให้ท่านฟังตามที่ท่านถาม แล้วฉันก็ถามหลวงพ่อว่า “เมื่อไรฉันจะรวยเสียที?”

    หลวงพ่อพูดว่า “แกกิเลสหนา แกไม่ได้ทำมาอย่างเขา (ไม่ได้ทำบุญมาแบบเขา) ก็จะไม่ได้อย่างเขา (ก็จะไม่รวยอย่างเขา)”
    หลวงพ่อจึงบอกให้ฉันขึ้นกับกรรมฐานกับท่านเสียนะ ฉันก็ขึ้นกรรมฐานกับท่าน ช่วงนั้นหลวงพ่อสอนมโนมยิทธิอยู่ พอฉันขึ้นกรรมฐานแล้ว ปรากฏว่าฉันฝึกไม่ได้
    หลวงพ่อพูดว่า “แกไม่ได้สำเร็จ "นะมะ พะทะ" มา (หมายถึงของเดิมไม่ได้ศึกษามาทางนี้) แกสำเร็จ "พุท-โธ" มา ต้องนั่ง "พุท-โธ" จึงจะไปได้”

    ฉันบอกหลวงพ่อว่า “ฉันไปไม่ได้ (คือฝึกไม่ได้)”
    ท่านก็ว่าฉันว่า “แกขี้เกียจนะซิ แกมี 10 นิ้วหรือเปล่า? แกมีลูกเป็นไหม? มีผัวเป็นไหม? ถ้าตัวแกไม่ขี้เกียจจะทำไมจะไปไม่ได้”
    ตอนฝึกกรรมฐานอยู่นั้น คนอื่นที่ฝึกได้ ก็เต้นๆ (เพราะฝึกแบบนี้ คนจะได้ เขาจะมีอาการทางกายเต้นๆ) ฉันไปไม่ได้

    หลวงพ่อก็พูดว่า “หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ท่านมาบอกว่า ขอฝากแกไว้กับข้าด้วย”
    ทีแรกหลวงพ่อก็ไม่ค่อยรู้จักชื่อฉัน หลวงพ่อพูดว่า (ขณะนั่งกรรมฐานกันอยู่) “ข้ามัวแต่ส่งจิตไปวัดสุขุมาราม (วัดพระครูสุรินทร์ ที่วังตะกู) ที่นั่นเขาฝึกกรรมฐานเต้นกัน ตุ๊บตั๊บๆ ข้ากลับมาหมดเวลาพอดี ลุงพุฒิเอาบัญชีทองมาจด "ละเมียด" ชื่อแกอยู่บนโน้นแล้ว แกอย่าทำความชั่วอีกนะ ชื่อแกเป็นชื่อสุดท้ายพอดี”

    จากนั้น ฉันก็มากราบหลวงพ่อที่วัดสะพานเรื่อยๆ ฉันคิดถึงท่านก็มากราบท่าน ส่วนใหญ่จะมาช่วยเป็นแม่ครัว หลวงพ่อย้ายมาอยู่วัดท่าซุง ฉันก็ย้ายตามมาที่วัดท่าซุงอีก ท่านชวนฉันมาอยู่วัด และให้ขายบ้านขายที่ไปเลย ฉันก็ปฏิเสธที่จะมาอยู่ แต่ก็ไปๆ มาๆ

    ท่านสอนว่า “ละเมียด... แกเป็นผู้หมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง เวลาตาย... แกจะเอาบ้านไปด้วยหรือไง”
    ท่านพูดว่า “ให้มาอยู่ที่วัด แกสัญญามาจากบนโน้น ว่าจะมา (เกิด) เป็นแม่ครัวให้ฉัน แกจะหนีไม่พ้น ไปไหนก็ต้องกลับมาอีก” ท่านพูดของท่านอย่างนี้


    ฉันมาอยู่วัดท่าซุง 3 เดือน 6 เดือน ก็กลับบ้านที เพราะต้องกลับไปหาเงิน มีอยู่คราวหนึ่งไปลาท่าน ท่านบอกไม่ให้กลับ ท่านพูดว่า “ฉันเลี้ยงแกได้นะ มีอะไรก็ให้กินกันไป” ฉันฟังแล้วก็ร้องไห้
    ท่านถามว่า จะไปกี่วันจึงจะกลับ
    ฉันบอกว่า ถ้ามีตังค์ ก็จะกลับมา

    ท่านก็พูดว่า “ละเมียด แกมาเดี๋ยวแกก็กลับ แกจะได้อะไร ฉันไม่อยู่กับแกนาน ฉันจะอยู่อีกแค่ 4 ปี (ตอนนั้น อายุท่านจะอยู่แค่นั้น ตอนหลังต่ออายุออกไปอีก) เท่านั้นนะ”
    ท่านพูดอีกว่า “ถ้าฉันตาย แกจะไปไม่ได้”
    ท่านบอกให้ขายบ้านเสีย ฉันก็ไม่ยอมขาย บอกท่านว่า ถ้าขายแล้วจะไปอยู่ที่ไหน

    ท่านบอกว่า “ให้มาอยู่วัด ถ้าเขาไปนิพพานกัน ถ้าไม่ขายบ้าน แกจะเป็นจิ้งจก ตุ๊กแก เกาะบ้านอยู่นั่นแหละ”

    ฉันก็ลาหลวงพ่อ บอกท่านว่าฉันมาตั้ง 6 เดือนแล้ว บ้านเป็นไงก็ไม่รู้ ก็ลาท่านแล้วไปรอรถที่หน้าวัด ตั้งแต่เวลา 7 โมงเช้าถึง 8 โมง รถประจำทาง (แต่ก่อนรถเมล์จะผ่านหน้าวัด) 2 คันผ่านหน้าฉัน แต่ไม่ยอมหยุดรับฉัน (ฉันคิดเอาเองว่าคงมีอะไรทำให้คนขับรถมองไม่เห็นฉัน) ฉันก็เลยเดินกลับเข้าวัด

    หลวงพ่อหัวเราะใหญ่ แล้วพูดกับฉันว่า “ฉันพูดกับคนอื่นไม่เกิน 3 วาระ พูดกับละเมียดจนปากจะฉีกถึงหูก็ไม่ฟัง ดื้อรั้น แกเป็นคนคิดมาก ขี้แสนงอน และดื้อรั้นมาหลายแสนกัปแล้ว ชาตินี้..เป็นชาติสุดท้ายสันดานยังจะไม่หมด”
    ตอนที่ฉันเดินกลับเข้ามาก็ร้องไห้ด้วย ครั้นหลวงพ่อพูดไปแล้ว ท่านก็พูดอีกว่า “ทำยังไง แกก็ไม่ยอมอยู่ละ ให้เอี่ยมเอาเรือหางยาวไปส่งแกที่มโนรมย์”

    พอฉันกลับไปถึงบ้านฉัน (ที่ จ.พิจิตร ตลาดวังตะกู) ก็ไปยืนร้องไห้ที่หน้าต่าง มันว้าเหว่ บอกไม่ถูก ไปอยู่ 2 – 3 เดือน พอหาตังค์ได้ก็กลับมาอยู่วัดอีก พอกลับมาถึงวัดท่าซุง หลวงพ่อเห็นหน้าปั๊บก็พูดขึ้นว่า “แกไปถึงบ้าน แกไปร้องไห้ แกไปทำไม?” (เรื่องร้องไห้นี่ ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง ฉันยืนร้องไห้คนเดียวไม่ให้ใครเห็น แต่ท่านรู้)

    หลวงพ่อให้คุณนนทา อนันตวงษ์มาบอกฉันว่า ท่านสร้างที่ให้อยู่แล้ว (ที่อยู่ปัจจุบันเดิมเป็นหอลอย เป็นเรือนหลังใหญ่ ติดอยู่กับโรงครัว อยู่ข้างๆ ต้นโพธิ์ใหญ่) ให้ไปขายบ้าน ขายนา แล้วมาอยู่วัด

    ฉันก็บอกท่านว่า ฉันอยู่วัดตลอดไม่ได้ ขอไปๆ มาๆ ก็แล้วกัน เวลาหลวงพ่อมีงานก็จะมาช่วย ขณะนั้น ฉันนึกตำหนิหลวงพ่ออยู่ในใจ (เพียงแต่นึกในใจ ไม่ได้พูดอะไร) ว่า “หลวงพ่อ จะสร้างโรงโกดังเก็บศพเรานะ พวง (น้าพวง) (แต่ก่อนฉันอยู่กับน้าพวงที่เรือนหลังนี้)” เพราะว่าแต่ก่อนเรือนพักหลังนี้ฝ้าก็ไม่มี พื้นก็ไม่ได้อัดตะปู เอาไม้วางเรียงๆ ไว้เฉยๆ

    พอรุ่งขึ้นอีก 2 วัน หลวงพ่อมาคุมงานเอง สั่งให้เขามาทำฝ้า ติดมุ้งลวด กรงเหล็ก พื้น ห้องน้ำ ห้องส้วมทำเรียบร้อย มีหลวงพี่พระใบฎีกาประทีป มาช่วยทำให้ด้วย และองค์อื่นๆ ที่มาช่วยก็สึกขาลาเพศไปหมดแล้ว ตอนที่มาอยู่วัดใหม่ ๆ ที่พักยังไม่ค่อยมี มีตึกหลวงพ่อ (ตึกริมน้ำ) หลวงพ่อพักชั้นบน ฉันและคนอื่นๆ ก็นอนเรียงกันที่ชั้นล่าง นอนกันเป็นแถวหลายคน

    พอระยะใกล้งานกฐิน จะมีคนมาที่วัดเยอะ วันหนึ่งหลวงพ่อจึงถามฉันว่า “ละเมียด เดี๋ยวงานกฐิน คนจะมากันเยอะ แกจะไปนอนที่ไหน?”
    พอฉันฟังปั๊บ ฉันก็โมโหหลวงพ่อแล้วก็ร้องไห้ แล้วก็ตอบไปว่า “ฉันนอนในส้วมก็ได้”
    หลวงพ่อก็สวนมาทันทีว่า “แกพูดว่า ยังไงนะ”
    ฉันก็ตอบหลวงพ่อไปว่า “ก็หลวงพ่อไม่มีที่ ฉันไปนอนในส้วมก็ได้”
    แล้วหลวงพ่อก็นิ่ง

    ตอนหลังพอน้ำท่วม ฉันก็ต้องไปนอนหน้าส้วม 2 ปี (เฉพาะตอนน้ำท่วม) เพราะไม่มีที่นอน ที่เรือนพักน้ำก็ท่วมหมด ฉันว่าเป็นเพราะปากฉันไม่ดี เลยเป็นไปตามปาก ชอบเถียงหลวงพ่อ ฉันก็รู้ตัวว่านิสัยเป็นอย่างนี้เสมอมา

    มีอยู่คราวหนึ่ง ที่หอกรรมฐานเก่า (ตึกขาว ติดกับกุฏิหลวงพ่อ) มีคนมาฝึกกรรมฐานประมาณ 30 คน (คณะคุณนายอ๋อย ภรรยา พล.อ.ท.เสริม ศุขสวัสดิ์) เขานั่งกรรมฐานกันทั้งหมด ฉันก็มาคนสุดท้าย เข้ามาแล้วก็นั่งต่อท้าย

    พอเลิกกรรมฐานหลวงพ่อก็เล่าให้ฟังว่า “พระยายมเอาบัญชีมาจด บอกว่าหลวงพ่อปานบอกว่าลูกศิษย์ที่มานั่งที่นี่ทั้งหมด ลำบาก มาหลายแสนกัป ขอเอาเข้านิพพานทั้งหมด และให้ลุงพุฒิจดชื่อไว้”

    พอลุงพุฒิจดชื่อเสร็จ หลวงพ่อก็เล่าให้ฟังต่ออีกว่า “พอจดชื่อเสร็จแล้ว เทพชั้นดุสิตก็ลงมาขอกับลุงพุฒิว่า พวกที่มานั่งอยู่นี่ทั้งหมด ขอให้เอาไปอยู่ชั้นดุสิต”
    พระยายมบอกไม่ได้... ท่านปานท่านมาตัดหน้าไปแล้ว บอกว่าพวกนี้เขาลำบากกันมามากแล้ว ขอให้เอาเข้านิพพานให้หมด”

    หลวงพ่อเล่า ตอนเลิกกรรมฐานบอกว่า “ถ้าพวกแกตาดีๆ จะเห็นว่าเป็นบัญชีทองทั้งหมดสวยงามมาก”

    เมื่อก่อน เวลาหลวงพ่อตักเตือนอะไรฉัน ฉันมีนิสัยไม่ค่อยยอมใคร แม้กระทั่งหลวงพ่อ ฉันก็ไม่ละเว้น ชอบเถียงท่านเป็นประจำ จนกระทั่งวันหนึ่ง พอฉันเถียงหลวงพ่อ ท่านก็พูดกับฉันว่า “แกชอบมาเถียง ไม่มีใครกล้ามาเถียงฉัน แกเถียงพระจะบาป แกรู้ไหม แกเถียงฉัน แกจะลงนรก”

    ต่อมา หลวงพ่อมีจดหมายไปถึงเจ๊กิมลั้ง เขาก็เอาจดหมายให้ฉันอ่าน มีใจความย่อๆ ว่า ท่านป่วยเข้าโรงพยาบาล ท่านบอกว่า ท่านจะปลงอายุสังขาร พอฉันอ่านแล้ว ฉันก็ตกใจ คิดว่า “ศัพท์การปลงอายุสังขารนี้ ใช้สำหรับพระอรหันต์นี่”

    ฉันก็เลยรีบมากราบขอขมาหลวงพ่อ เอาดอกไม้ ธูป เทียน มาขอขมาสิ่งที่ฉันได้ล่วงเกินหลวงพ่อมาช้านาน ด้วยกายกรรมก็ดี ด้วยวจีกรรมก็ดี ด้วยมโนกรรมก็ดี ขอหลวงพ่ออโหสิกรรมให้แก่ฉันด้วย
    หลวงพ่อบอกว่า “แกมาขอขมากับฉันไม่ได้ ต้องไปขอกับพระรัตนตรัย ต่อหน้าพระพุทธรูปนั้นจึงจะได้”


    ฉันก็ไปทำตามนั้น และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ก่อนนอนพอฉันสวดมนต์เสร็จ ฉันต้องขอขมาต่อพระรัตนตรัย ที่หน้าพระพุทธรูปทุกคืนไม่เคยขาด
    เมื่อฉันปฏิบัติตามคำแนะนำหลวงพ่อ ท่านก็พูดกับฉันว่า “แกนี่ยังใช้ได้ ผิดแล้วยังยอมรับผิด ต่อไปแกจะเป็นนักปราชญ์ราชบัณฑิต”
    ฉันก็ถามหลวงพ่อว่า “ฉันมาจากไหน? ไปแล้วจะไปไหน?” (หมายถึง เกิดมาจากไหน? ตายแล้วจะไปไหน?)

    หลวงพ่อตอบมาว่า “ถ้าแกไป (ตาย) ข้าเอาหัวเป็นประกัน แกไม่ไปอบายภูมิ แกไปสูง”
    มีอีกคราวหนึ่ง มีหมอดูไพ่ป๊อกดูแม่น ฉันเล่าให้หลวงพ่อฟังว่า อยากไปให้หมอดูไพ่ป๊อกดูให้ หลวงพ่อก็เมตตาพูดว่า ข้าดูให้ก็ได้ ไม่ต้องไปให้หมอดูไพ่ป๊อกดูให้หรอก
    ท่านพูดว่า “แก่ตัว.. แกจะไม่ลำบาก แกจะนั่งกินลม”

    ฉันก็พูดกับหลวงพ่อว่า เรื่องแก่แล้วสบายนั้นก็ดีแล้ว หมายความว่า ฉันไม่มีจะกินหรือไง จึงต้องไปกินลม
    หลวงพ่อก็สวนออกมาว่า “อ้าว.. คิดเข้าไป คิดช้างคิดม้า”
    ฉันก็ร้องไห้เลย ไม่ยอมถามอีก

    พออีก 2 – 3 ปี ฉันมานั่งสมาธิภาวนาๆ ไปๆ ใจสบายก็มาคิดได้ว่า อ๋อ... ที่หลวงพ่อพูดว่า ฉันจะสบายมานั่งกินลม ก็คือได้มานั่งภาวนาสบายๆ นี่เอง
    ตอนสามีฉันตายใหม่ๆ มาถามหลวงพ่อว่าเขาตายแล้วไปไหน?
    ท่านบอกว่าไปเกิดแล้ว
    ถามว่า เกิดเป็นอะไร?
    ท่านว่า “ไปเกิดเป็นผี (หมายถึงเทวดา)”

    แล้วท่านก็พูดว่า “เดี๋ยวแกนั่งสมาธิไปได้เอง แกก็รู้เองแหละ เห็นเขามาหา เขาเป็นเทวดา อยู่สวรรค์ชั้น 6”
    ฉันก็ไปเล่าให้หลวงพ่อฟังว่า ฉันพบเขาแล้ว และเล่าให้ท่านฟังว่า ฉันนึกว่าสวรรค์เป็นชั้นๆ แบบตึกหลายๆ ชั้น กลายเป็นว่าสวรรค์แบ่งเป็นเขตๆ
    หลวงพ่อก็บอกว่า “แกนั่งแล้วรู้เอง แกรู้แล้วใช่ไหม? ไม่ต้องมาถามข้าอีก แกรู้แล้ว แกก็สตาร์ทขึ้นเลย (ท่านพยายามดึงให้ฉันสตาร์ทช่วยสามีให้ขึ้นไปพรหม)”

    เวลาฉันถูกหลวงพ่อดุทีไร ก็ร้องไห้กลับบ้าน พอไปแล้ว ก็กลับมาใหม่อีก ยิ่งคิดว่าจะไม่กลับมา ยิ่งกลับมาเร็วขึ้น แสดงให้เห็นว่า ฉันคงติดตามหลวงพ่อมานานแล้ว ไปแล้วก็คิดถึงท่านอยู่ไม่ได้ ต้องกลับมาอีก
    มีอยู่คราวหนึ่ง หลวงพ่อและคณะจะไปวังบางปะอิน ก็จะชวนฉันไปด้วย ฉันก็พูดว่า “ไม่ไป”
    หลวงพ่อก็พูดว่า “แกเคยเห็นวังรึ! ให้เอาไปด้วย”
    ผลที่สุด ก็เลยไปกับคณะของท่าน

    ไปถึงวัง ครูยุ้ยเข้าห้องน้ำช้า ฉันก็รอเลยตกรถ รถของคณะหลวงพ่อก็ไปอยุธยา เขาไปอยุธยากันหมด เหลือแต่ฉันกับครูยุ้ย ไปไหนไม่ได้ ก็เลยรออยู่หน้าวังบางปะอิน ครูนนทา อนันตวงษ์ ก็มาตามตัวฉัน โดยนั่งรถเก๋งมารับ

    ตอนนั้น เป็นเวลาเพลแล้ว พอหลวงพ่อฉันเสร็จแล้ว ท่านไม่ยอมให้ใครยกสำรับอาหารของท่านออก คราวนั้นคนก็ไปกันเยอะ ใครหายไปท่านรู้ ท่านพูดว่า ให้คอยก่อน (ท่านไม่ให้ใครยกสำรับออก) ขาดลูกศิษย์อีก 2 คน”

    พอฉันกลับไปแล้ว ทานอาหารเรียบร้อย หลวงพ่อก็พูดว่า “ครูยุ้ยไปเข้าห้องน้ำเสีย เดี๋ยวจะไปหลงอีก”
    การไปเที่ยวที่ไหนๆ ฉันเบื่อคนอยู่แล้ว ไม่ชอบเท่าไร ครั้นต่อๆ มาหลวงพ่อก็พาไปเที่ยวที่อื่นอีก (ฉันพูดว่าไปเที่ยว แต่การไปแต่ละครั้ง หลวงพ่อมีจุดประสงค์มากกว่าการไปเที่ยวเฉยๆ) ฉันรำคาญคนก็ไม่อยากไป

    พอเจอหน้าหลวงพ่อ ฉันก็นึกอธิษฐานในใจเฉยๆ ว่า “ต่อไปนี้ ฉันไม่ขอตามหลวงพ่อไปเที่ยวไหนๆ อีก ไม่ว่าหลวงพ่อจะไปไหน ฉันก็ไม่อยากไปด้วยแล้ว แต่ขอตามหลวงพ่อเข้านิพพานอย่างเดียว” แต่นึกแค่นั้นนะ
    หลวงพ่อก็พูดต่อหน้าฉันเลยว่า “แกอย่ามาอธิษฐานอย่างนี้นะ” (ฉันนึกอะไร ท่านก็พูดเลย)


    บางทีทำอะไรก็ถูกคนฟ้อง ก็เลยนึกในใจว่า “ฉันจะรักษาความดี เหมือนเกลือรักษาความเค็ม”
    พอคืนนั้นแหละ ขึ้นไปนั่งกรรมฐานที่หอขาว หลวงพ่อก็พูดคืนนั้นเลยว่า “ให้รักษาความดี เหมือนเกลือรักษาความเค็มนั่นแหละ”
    ฉันฟังแล้วตกใจ ฉันทำอะไร คิดอะไรตลอดมา หลวงพ่อรู้ใจฉันไปหมด ปิดท่านไม่ได้เลยสักอย่าง

    บ่อยๆ เป็นประจำ เวลานั่งกรรมฐานทีไร มักจะมีมารผจญอยู่เสมอ คือ ทางซ้ายของวัดท่าซุง ก็เป็นวัดยาง ทางขวาก็เจ้าอาวาสเดิม

    พอได้เวลาที่หลวงพ่อ และพวกฉันไปนั่งกรรมฐานที่หอขาวทีไร ทางด้านซ้ายคือวัดยาง ก็จะตีกลองเข้าไมค์ เสียงดัง ส่วนทางขวา เจ้าอาวาสเดิมก็เปิดเสียงออกไมค์ มีพวกขี้เหล้าร้องเพลงเข้าไมโครโฟนออกมาทางลำโพงเสียงดัง ทั้งด้านซ้าย ด้านขวาฉันนั่งกรรมฐานมันก็หนวกหู ฉันก็นั่งไม่ได้ ฉันคิดว่าเสียงดังอย่างนี้ ฉันไปไม่ได้อยู่นั่น มันหนวกหูเหลือเกิน แต่ฉันก็คิดปลงอยู่ในใจ (ฉันปลงอยู่ในใจ แต่หลวงพ่อท่านรู้หมด)

    ฉันก็คิดปลงในใจว่า “ฉันเกิดมา พ่อแม่ตายหมด กำพร้าพ่อแม่มาแต่เด็ก พี่น้องก็ไม่มี สามีก็ตายแล้ว ลูกก็ไม่มี ตัวเราก็ไม่มี เราต้องตายแน่ คิดว่ายังไงๆ เราต้องตายแน่”
    พอนั่งกรรมฐานเลิก หลวงพ่อก็ว่าฉันเลย ท่านพูดว่า “จิตแกขึ้นไปเฝ้าสมเด็จองค์ปฐม และก็สมน้ำหน้า ถูกเขาไล่ลงมา พรหมวิหาร 4 มีไม่ครบ แกปลงอย่างนั้นนะ สมเด็จองค์ปฐมตรัสว่า แกปลงถูกแล้ว เวลานั่งกรรมฐานให้ปลงอย่างงั้น”

    ท่านก็สอนฉันเรื่อย ฉันก็โดนดุมาเรื่อย
    หลวงพ่อก็พูดต่อไปอีกว่า “สมเด็จองค์ปฐมก็ดุข้าด้วย ท่านตรัสว่า สอนยังไง ลูกศิษย์พรหมวิหาร 4 มีไม่ครบ”

    นี่เป็นความจริงทั้งนั้น ไม่ว่าจะคิดอะไร ทำอะไร ฉันอยู่ที่วัดติดตามหลวงพ่อมาเป็นเวลาประมาณ 25 ปี คิดอะไรทำอะไร แต่ก่อนท่านรู้ทุกอย่าง เล่ากี่วันก็ไม่จบ ฉันถูกดุมามากมาย เพราะความดื้อรั้นที่ฉันไม่ค่อยยอมใคร แต่ฉันก็รักหลวงพ่อ และสงสารท่านมากๆ บางครั้งฉันก็ร้องไห้

    มีอยู่วันหนึ่ง ฉันพูดกับหลวงพ่อว่า “ตัวฉันคนเดียว เวลาฉันตาย ฉันขอฝากสังขารฉันกับหลวงพ่อด้วย”
    หลวงพ่อก็นิ่งสักพัก แล้วท่านก็พูดว่า “สังขารแกมันเน่า มันเหม็น ฉันไม่เอาหรอก”
    ฉันก็พูดกับหลวงพ่อว่า “จริงๆ นะ ฉันฝากหลวงพ่อจริงๆ นะ ฉันไม่มีใครนะ”

    หลวงพ่อก็นิ่งเงียบ
    ต่อมา ฉันก็ไปป่วยที่บ้าน ตอนป่วย ฉันก็ไม่ทิ้งภาวนา ก็นอนภาวนา ครึ่งหลับครึ่งตื่น เห็นหลวงพ่อไปหา สะพายย่ามสีเขียวยืนอยู่
    ตอนนั้น ฉันก็นึกใจใจว่า “ถ้าฉันตาย หลวงพ่อจะมาจัดการเรื่องศพฉันหรือเปล่าเนี่ย”

    จิตฉันก็ได้ยิน หลวงพ่อยืนพูดกับฉันชัดเจนว่า “เออ ฉันช่วยแกมาตลอด และจะช่วยแกตลอดไป”
    จิตฉันก็ถามท่านว่า “ฉันจะตายก่อนหลวงพ่อหรือเปล่า?”
    จิตฉันได้ยินท่านพูดว่า “เออ แกตายก่อนฉัน”

    มีอยู่คราวหนึ่ง เมื่อฉันอยู่วัดมานานหลายเดือนก็อยากกลับบ้าน กลับด้วยความน้อยใจ พอกลับไปแล้วแขนหัก เข้าเฝือกอยู่ตั้งนาน เลยต้องกลับมาอยู่วัดอีก ฉันคิดเอาเองว่า ฉันคงไปไหนไม่ได้อย่างที่หลวงพ่อเคยพูดไว้

    แต่ฉันก็ชอบลากลับบ้าน เป็นครั้งเป็นคราว มีอยู่คราวหนึ่ง ฉันลากลับบ้าน ท่านก็ถามฉันว่า “แกได้อะไรไป?”
    ฉันพูดว่า “ไม่เอาอะไร”
    ท่านก็พูดกับฉันว่า “แกจะเอาอะไร ฉันจะให้” (ฉันคิดว่า ท่านคงจะให้พระ, ให้วัตถุมงคล)

    ฉันก็กราบเรียนท่านว่า “ฉันไม่เอา (ไม่เอาวัตถุมงคล) ฉันตัวคนเดียว ไม่อยากได้อะไร” ฉันสงสารท่าน
    แล้วหลวงพ่อก็พูดว่า “เออ แกเอาธรรมะชั้นสูงไป ฉันให้แก”

    หลวงพ่อ เคยไปนอนค้างคืนที่บ้านฉัน 2 หน หนหนึ่งไปค้างองค์เดียว หนที่สองได้นิมนต์พระครูวิชาญไปค้างอีก 1 องค์ โดยหลวงพ่อและพระครูวิชาญนอนชั้นบน ส่วนฉัน ครูนนทา, ครูยุ้ย และคนอื่นๆ ที่ติดตามมานอนชั้นล่าง

    พอหลวงพ่อไปนอนที่บ้าน พอตื่นเช้าขึ้นมา ท่านก็พูดว่า “ละเมียด เขามาฟ้องข้านะเนี่ย!”
    ฉันถามว่าใครมาฟ้อง
    หลวงพ่อบอกว่า “ตาแป๊ะ มาฟ้อง”
    ฉันก็แปลกใจ ถามว่า “ตาแป๊ะไหน?”

    หลวงพ่อบอกว่า “ก็ตาแป๊ะพระภูมิของแกนั่นแหละ แกเอาขี้ผงไปโรยใส่หัวพระภูมิทุกวัน”
    ฉันก็เถียงว่า “ไม่ได้โรยนะหลวงพ่อ ฉันไหว้พระภูมิอยู่ทุกวัน ไม่ได้โรย”
    หลวงพ่อพูดว่า “แต่แกกวาดขี้ผงลงตรงนั้นทุกวัน”


    ฉันก็บอกว่า ก็ประตูออกมีอยู่ทางนั้นเพียงทางเดียว
    หลวงพ่อเตือนฉันว่า “ทีหลังแกอย่าไปกวาดออกทางนั้นอีกนะ ให้เอาพวงมาลัยไปคล้องให้ท่าน แล้วขอขมาซะ เขามาฟ้องข้า”
    ฉันก็ทำตามท่านแนะนำ แล้วก็ดี ก็หากินคล่องตัว

    แต่ก่อน ฉันตั้งหิ้งบูชาพระหันหน้าล่องคือหันไปทางทิศตะวันตก

    หลวงพ่อบอกว่า “อย่างนี้ แกหาเงินไม่มีเหลือ (เก็บไม่อยู่)” ท่านบอกให้ย้าย ฉันเลยย้ายไปทางทิศเหนือ ก็ดีขึ้น

    ตอนสมัยหลวงพ่อไปพักค้างคืนที่บ้านฉันนั้น ไฟฟ้ายังเข้าไปไม่ถึง ต้องจุดตะเกียงกัน แต่หลวงพ่อไม่ถือสาอะไร ท่านอยู่สบาย ไปไหนท่านไม่เคยมีลูกศิษย์ติดตามเลย ท่านไปไหน ทำอะไรของท่านเอง

    เวลาฉันน้อยใจหลวงพ่อทีไร ฉันก็จะกลับบ้านอยู่เรื่อย ฉันเลยไปบอกหลวงพ่อตรงๆ ว่า “ฉันเหนื่อย ฉันขอกลับไปบ้านดีกว่า ฉันบอกว่า ฉันกลับไปอยู่บ้านคนเดียว ใจสบาย อยู่เงียบๆ ไม่ต้องกระทบกับอะไร อยู่ที่นี่มีแต่เรื่องคอยกระทบจิตใจอยู่เรื่อยๆ”
    หลวงพ่อก็พูดเลยว่า “ถ้าเอาไม้ปักหลัก ไปปักน้ำนิ่งๆ ยังไงก็ปักอยู่ได้ง่าย ถ้าเอาไม้ปักหลักไปปักน้ำเชี่ยว จะอยู่ได้ไหม?”

    ท่านอุปมาอุปมัยให้ฟัง มีเหตุมีผลดีมาก ท่านว่า “เหมือนไม้หลักปักน้ำนิ่งๆ ยังไงก็ปักอยู่ ต้องไปฝึกที่น้ำเชี่ยว ถ้าหลักทนได้เราก็สบาย การถูกอารมณ์กระทบเยอะๆ เหมือนน้ำเชี่ยว”
    ท่านสอนให้รู้จักอดทนต่ออารมณ์กระทบแล้วจะสบายทีหลัง พอฟังท่านแล้วก็เข้าใจ


    แต่พอครั้นเวลาทำงานเหนื่อย เจออุปสรรค์ก็นึกน้อยอกน้อยใจ แล้วก็คิดในใจว่า ฉันเหนื่อย จะไปนอนที่บ้านดีกว่า คิดจะกลับบ้านอยู่คนเดียวยังไม่ได้ไปลาหลวงพ่อ พอคิดเท่านี้ เดินไปหกล้มปากฉีก ตรงใกล้ๆ เรือนพัก เลยกลับบ้านไม่ได้ พอคิดเรื่องจะกลับบ้านทีไร มักจะต้องได้เรื่องทุกที

    นี่เป็นเรื่องราวส่วนน้อย ที่ฉันเล่ามาให้ฟัง หลวงพ่อรู้ทุกอย่าง ฉันเจอมาเยอะ ไม่ว่าจะไปแอบคิดอะไร ทำอะไรที่ไหน ท่านรู้หมด ฉันจึงมีความมั่นใจหลวงพ่อมาก และได้มาช่วยทำครัว รับภาระเรื่องครัวให้ท่าน
    หลวงพ่อให้ฉันมาทำงาน คุมงานในครัว เป็นคนบริหารในโรงครัว ซื้อของต่างๆ เข้าครัว เลี้ยงพระ ฉันก็เต็มใจทำ ถึงแม้จะลำบากเหนื่อยอย่างไร ฉันก็รักที่จะทำ ฉันสงสารหลวงพ่อ

    ฉันคิดว่า ถ้าฉันยังไม่ตาย ฉันก็จะรับใช้หลวงพ่อไปเรื่อยๆ ตลอดไป เพราะฉันเดินถูกทางมาได้นี้ ก็เพราะมีหลวงพ่อคอยจูงให้ฉันเดินเข้าถูกทาง ฉันเป็นคนดีได้เพราะความดีที่หลวงพ่อสอนตลอดมา เป็นเวลาเกือบ 25 ปีเต็ม ท่านสอนฉันด้วยความยากลำบาก เพราะฉันเป็นคนดื้อ แต่ฉันไม่ขอลืมพระคุณของหลวงพ่อ และฉันขอเข้านิพพานในชาตินี้ เช่นเดียวกับหลวงพ่อ

    หมายเหตุ : คุณละเมียดได้บันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับหลวงพ่อไว้อย่างละเอียด ทำให้ได้รับรู้ประวัติความเป็นมาได้เป็นอย่างดี ก่อนที่คุณละเมียดจะได้มาเป็นแม่ครัวของวัดอยู่นานหลายปี ปัจจุบันคุณละเมียดได้เสียชีวิตไปแล้ว แม่ครัวของวัดท่าซุงรุ่นแรกๆ คือ คุณเอี่ยมศรี และคุณละเมียด ได้จากโลกนี้ไปหมดแล้ว ส่วนครูนนทา อนันตวงค์ ยังคงมีชีวิตอยู่ ซึ่งจะได้หมายเหตุในหน้าต่อไป

    http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=1170#14

    (จากหนังสือลูกศิษย์บันทึกเล่ม 3 หน้า 43 - 50)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2014
  4. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,124

    น้อมกราบหลวงปู่ฤาษีฯ...สวัสดียามเช้าครับพี่วรรณ และทุกๆท่านครับ...
     
  5. Prasong9500

    Prasong9500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2013
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +1,347
    [​IMG]
    ผ้ายันต์เกราะเพชรผืนใหญ่เลี่ยมรวมกับเหรียญยันต์ตะกรุดเม
     
  6. berbapor

    berbapor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,845
    ค่าพลัง:
    +21,862
    สวัสดียามดึกครับพี่วรรณชัย,ท่านพี่วุฒิ,คุณsupatach,คุณtaoreedman,คุณfive304,คุณThis_old_man,คุณpalmcc38,คุณyommatood, คุณizeberry , คุณtossa ,คุณช่างชิต,คุณjj85,คุณ6ThSense,น้องแพน, พี่รุ่ง, พี่กฤต, คุณเพชร,คุณชาตรี ช้างน้อย ,คุณออกพราน,คุณrung847,พี่chopper,คุณระงับ,คุณsylvenus,คุณรัก_ในหลวง ,คุณramo , คุณCobraa ,คุณนิช,คุณpowergen, คุณKRITVEE ,คุณบารมี10 คุณเมฆดำ ,คุณหมาอ้วน และศิษย์วัดท่าซุงผู้มีจิตใจดีงามทุกๆท่าน.(^__^)
     
  7. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]


    [​IMG]



    น้อมกราบสมเด็จองค์ปฐม หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษี -/\-


    สวัสดีพี่วรรณ และลูกหลานหลวงพ่อทุกท่านครับ
     
  8. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525

    [​IMG]
     
  9. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525

    [​IMG]
     
  10. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    ต้นแสลงใจคือสตริกนิน เป็นยากระตุ้นประสาท สารหนูเป็นยากระตุ้นสร้าง โลหิต

    มีเกร็ดความรู้หลายเรื่องในนี้ครับ



    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    (จากจุลสารสารธรรม ฉบับที่ 7 ตุลาคม 2547 หน้า 71 - 76)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2016
  11. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    เป็นความเมตตาของหลวงพ่อในการเก็บลูกศิษย์ลูกหลานของท่านถึงต่างแดน


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]

    (จากธัมมวิโมกข์ พฤษภาคม 2535 หน้า 106-108)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2016
  12. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    เป็นเรื่องที่พิมพ์ต่อจากหน้าสุดท้ายของเรื่อง ลูกศิษย์บันทึก โดย หลวงพี่วิรัชด้านบนครับ

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    (จากธัมมวิโมกข์ พฤศภาคม 2535 หน้า 109 - 112)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2016
  13. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/wannachaiamulets/ViewAlbum/1-2.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/wannachaiamulets/ViewAlbum/1-2.jpg" border="0" alt=" photo 1-2.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/wannachaiamulets/ViewAlbum/709751315810.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/wannachaiamulets/ViewAlbum/709751315810.jpg" border="0" alt=" photo 709751315810.jpg"/></a>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2016
  14. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2014/S__2244717.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2014/S__2244717.jpg" border="0" alt=" photo S__2244717.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2014/S__2244716.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2014/S__2244716.jpg" border="0" alt=" photo S__2244716.jpg"/></a>
     
  15. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2014/image1.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2014/image1.jpg" border="0" alt=" photo image1.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2014/image.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2014/image.jpg" border="0" alt=" photo image.jpg"/></a>
     
  16. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2014/WP_20140614_002.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2014/WP_20140614_002.jpg" border="0" alt=" photo WP_20140614_002.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2014/WP_20140612_022.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2014/WP_20140612_022.jpg" border="0" alt=" photo WP_20140612_022.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2014/WP_20140612_025.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2014/WP_20140612_025.jpg" border="0" alt=" photo WP_20140612_025.jpg"/></a>
     
  17. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2014/S__3203081.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2014/S__3203081.jpg" border="0" alt=" photo S__3203081.jpg"/></a>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2016
  18. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2014/S__2285835.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2014/S__2285835.jpg" border="0" alt=" photo S__2285835.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2014/S__2285832.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2014/S__2285832.jpg" border="0" alt=" photo S__2285832.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2014/S__2285830.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2014/S__2285830.jpg" border="0" alt=" photo S__2285830.jpg"/></a>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2016
  19. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    [​IMG]
     
  20. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    จากจดหมายของหลวงพ่อฉบับข้างล่างนี้ทำให้ทราบว่าคาถาเงินล้านท่อน "มิเตพาหุหะติ" เป็นคาถาของพระพุทธกัสสป เป็น"คาถามหาอำนาจ" ภาวนาไว้ทุกวันจะมีอำนาจเหตุร้ายจะไม่เกิดขึ้น และเป็น"คาถามหาลาภ"ด้วย

    วัดจันทาราม(ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี
    ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๑๑


    ลูกตุ๋ย

    จดหมายของลูกได้รับแล้ว เมื่อเช้าของวันที่ ๑๒ เรือไปรษณีย์ของ มโนรมย์ เขานำไปส่งให้ พระอาทร เป็นคนลงไปรับ และได้ให้แกอ่านทราบข้อความตลอดแล้ว

    ดีใจด้วยกับลูก ที่พยายามสงเคราะห์คนที่มีทุกข์ คือ คุณแต๋วใหญ่ บอกคุณแต๋ว แกด้วยว่าพ่อเป็นห่วงแกมาก เพราะป็นคนที่รู้จักดีมาก่อน แต่ก็หวังในพระมหากรุณาธิคุณของพระรัตนตรัยและเทวานุภาพ ตลอดจนความดีของแกเองที่ได้สงเคราะห็สัตว์ที่จะต้องถูกฆ่าให้รอดชีวิต

    ผลกรรมดีที่เรียกว่า อภัยทาน นี้ จะส่งผลให้แกหายจากโรค และจะมีความรุ่งเรืองขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ขอให้แกเบาในเรื่องโรคได้เพราะตรงกับเทพพยากรณ์พอดี ที่เขาบอกเมื่อวันไหว้ครูว่าจะต้องมีอาการทรุดหนักกว่าเดิมและจะหายสนิท ต่อไปจะรุ่งเรืองขึ้น ด้วยอำนาจจิตที่เป็นกุศล

    เครื่องกระป๋องของ ฉลวย พ่อก็เห็นแล้ว ตั้งแต่วันที่ตุ๋ย กลับไปเขาวางไว้หน้ากุฎิ อยู่ในลังกระดาษ ถาม พระอาทร ว่าเป็นของใครนำมาท่าบอกว่า พี่แสวง นำมา มีนมสด เครื่องอาหารกระป๋อง บอก ฉลวย ด้วยว่าอาหารกระป๋องรสดี แต่เสียที่น้อยไปหน่อย

    อาคารรับรอง เรียกชื่ออย่างนี้ไม่ผิดแต่พ่อเปลี่ยนใจใหม่ และเปลี่ยนชื่อใหม่ ขอให้ชื่อว่า อาคารอบรมกรรมฐาน เขียนอย่างนั้นจริงๆ เดิมคิดจะให้เป็นที่พักและรับแขก พอสั่งของเสร็จ เห็นว่าราคามันปาเข้าไปถึง ๔,๐๐๐ บาท รวมห้องส้วมห้องน้ำเสร็จ

    มานั่งคิดว่าเงิน ๔,๐๐๐ บาทเสียได้ ถ้าจะทำพื้นให้ดีเสียเลย ก็จะเพิ่มเงินอีก ๒,๐๐๐ บาทเศษ เอาพื้นไม้แดงเพิ่มรอดตงอีก ก็ประมาณ ๒ พันเศษเล็กน้อย เลยตัดสินใจเอาอย่างนั้น ทำอะไรไม่ชอบใจมันนอนไม่หลับ เกรงว่าวิมานที่ได้ในวันหน้ามันจะกลายเป็นวิมานโกโรโกโสอย่างกุฏิที่อยู่ มันดีที่อาศัยได้ แต่ไม่ชอบใจลูกตา

    ตามันติเรื่อยด้วยสร้างของเป็นแบบชั้นดีมาเสียจนเคยตัว ปรึกษา พระอาทร แกก็เห็นชอบด้วยเลยไปกันใหญ่ ของเล็กเราทำได้ดี เพราะมันแพงไม่มาก ของใหญ่ขืนทำดีก็เห็นจะต้องขายสบงใช้หนี้เป็นแน่

    ขณะนี้ช่างปั้น พระสี่องค์ เขาเริ่มงานแล้ว ตั้งแต่วันที่ ๑๒ ก่อนหน้าจดหมายลูกมาถึงสักประมาณ ๑ ชั่วโมง เขากำลังทำแท่น พ่อให้เขาว่าราคาพระองค์ใหม่ เพราะเดิมเราพูดเรื่องรูปเหมือน แต่ไม่ได้ให้ราคาค่าทำแท่นเขาไว้ เขาบอกว่าสุดแล้วแต่พ่อจะให้

    พ่อเลยเหมาเขาทั้งแท่น รูปเสร็จ ไม่ปิดทอง ขอให้เขา ๔ องค์ ๒,๐๐๐ บาทถ้วน เขาก็ตกลง รวมทั้งค่าวัสดุและค่าเลี้ยงดู พ่อคิดว่าประมาณ ๔,๐๐๐ บาท พระนี้ดีมาก เพราะเป็นปูชนียบุคคลที่หาเงินให้วัด เมื่อวัดมีรายได้คราวใด ก็ส่งผลให้ผู้สร้างมีความสมบูรณ์พูนสุขไปด้วย ยังขาดเงินอีกประมาณไม่เกิน ๓,๐๐๐ บาทสำหรับปั้นพระ

    ไม่คิดค่าปิดทอง เขาบอกว่าค่าปิดทองพระพุทธ องค์เดียวก็หลายพันบาท พ่อเลยคิดจะทาทองบรอนซ์ไว้ก่อน เรื่องปิดทองรอไว้ปีต่อไป สถานที่อบรมกรรมฐาน บวกที่นั่งรับแขก หรือสถานรับรองขาดเงินอีกประมาณ ๕,๐๐๐ บาท ยังหาตัวเงินไม่พบ ลองเที่ยวงมๆ ดูตามกระเป๋าผู้มีจิตศรัทธาดูด้วย

    ดูไว้ อย่าเพ่อขอ รอให้เขามาดูสถานที่ก่อนให้ศรัทธาเขาเกิดเอง เพราะเป็นสถานที่ให้ความสุขทั้งกายและใจ เขาพอใจเท่าไร เขาให้เท่านั้น ดีกว่าเราตั้งราคาทั้งสองรายการนี้คือสร้างพระ เป็นดินแดนให้ความสุขเรื่องทรัพย์สิน และเพิ่มบารมี สร้างอาคารรับรองและเป็นสถานที่อบรมจิตใจ

    ให้ผลในทางสบายกายใจสงบ สองสถานมีคุณค่าที่มีอานิสงส์สมบูรณ์ที่สุด ตามความปรารถนาของคนเล่าให้เขาฟัง แต่อย่าขอสตางค์เขาโดยตรง เขาศรัทธาเขาช่วยเอง อย่าบังคับกัน ศรัทธาจะทำให้เขาเสียกำลังใจ

    พระอาทร มีความสุขดี แกกินอาหารไม่ยาก ถามว่าพอฉันท์ได้ไหม แกตอบว่าพอฉันท์ได้ คงจะคิดตามแบบพระเพราะแกบวชเพื่อเอาบุญ แกทำถูกแล้ว ขณะนี้พระทั้งวัด มีเจ้าอาวาสเป็นหัวหน้า ขอขึ้นกรรมฐานทั้งหมด อุบาสกอุบาสิกาทั้งวัด ที่รักษาอุโบสถ ก็ขอเรียนกรรมฐาน คิดแล้วว่ามาอยู่วัดนี้ไม่ผิด

    ถึงแม้ว่าสมภารจะช้าไปหน่อย แต่ก็ตัดสินใจถูกที่นำคณะเข้ามาศึกษากรรมฐาน ถ้าเหตุการณ์เป็นอย่างนี้ตลอดไปสักสามปี วัดนี้มีหวังรุ่งเรืองเพราะ วัดใดเจริญกรรมฐานมาก วัดนั้นรุ่งเรือง ทั้งนี้เพราะผลการปฏิบัติที่เป็นสมาบัติส่งผลให้ชาวบ้านมีกินมีใช้ พระเองก็สงบเสงี่ยมเป็นที่น่าเลื่อมใส เป็นเครื่องส่งเสริมศรัทธาของประชาชนทั้งหลายที่พบเห็น

    ลูกจำชื่อน้ำมันที่ทาพื้นแล้วเป็นมันสวยๆ ได้ไหม พ่อจะเอามาทาพื้นสถานรับรอง เพราะหลังมันเล็ก อยากจะทำให้ดี บอก.... ด้วยว่า อยากชนะ และมีความสุขมีโชคมากๆ กว่านี้ ให้ร่วมสร้างพระ และอาคารอบรมกรรมฐานจะได้มีอานิสงส์เป็นพุทธา ธัมมา สังฆานุสสติ และมีอานิสงส์ในส่วนวิหารทานที่ให้ความสุขในการบรรลุมรรคผล จะได้ถึงพระนิพพานเร็วๆ เมื่อยังไม่ตายจะรวยและมีความสุขมากกว่านี้

    จะร่วมมากร่วมน้อยพ่อไม่จำกัด มันเป็นลูกที่มีความเหน็ดเหนื่อยมาก ก็ห่วงมากหน่อย ลูกตุ๋ย เหนื่อยแต่ก็มีความสุขดีกว่า.... เพราะมีโอกาสถึงธรรม..... มันมีโอกาสปี๊ดออกอากาศมากกว่าเข้าถึงธรรมต้องให้ร่วมด้วย จะได้ตรงตามปฏิญญาเดิม ที่ตั้งมโนปณิธานไว้ในชาติอดีตไม่ต้องมาก เพียงร่วมสร้างพระ ๔ องค์ขอ ๔ สลึง อาคารหนึ่งหลังอีก ๑ สลึง ก็พอใจแล้ว

    สำหรับ ลูกตุ๋ย มีทุนอยู่แล้ว เพราะเงินหลังบวชพระ พ่อตั้งงบไว้อาคารตั้งไว้ ๓,๒๐๐ บาท(สามพันสองร้อยบาท) รูปพระตั้งงบไว้ ๒,๓๐๐ บาท (สองพันสามร้อยบาท)

    นอกจากนี้ ลูกยังบำเพ็ญตนไว้เป็นไวยาวัจกรเป็นอานิสงส์ใหญ่กว่าอานิสงส์ใดๆ และเป็นอานิสงส์เนื่องในการบรรลุมรรคผลอยู่แล้ว จงพยายามสงเคราะห์คนอื่นที่ยังไม่เข้าถึงเขตมรรคผล เพื่อเป็นการส่งเสริมบารมีของตนเองให้รวดเร็วยิ่งขึ้น

    วันนี้ขอคุยเท่านี้ มันก็มาไม่น้อยกว่าของลูก ขณะเขียน ไม่รู้ว่า คุณอาทร ไปไหน จะถามว่าจะสั่งอะไรบ้าง ถ้าท่านจะสั่งพบตัวจะต่อท้ายให้อีกสักหน่อย

    จากพ่อ

    ป.ล. พ่อขอส่งรูปที่สมเด็จคุม ที่ถ่ายที่ มโนรมย์ มาให้ลูกดู พ่อจะอัดขนาด ๑๒ นิ้วสัก ๑ โหล เพื่อแจกลูกหลานไว้เป็นอนุสรณ์ ตอนนั้นท่านเข้าคุมเต็มตัว ดูแล้วลูกคงแปลกใจมาก คล้ายกับวันที่ไปบ้านคุณนายโรจนวิภาตหรือไม่

    ลูกดูเอาเองพ่อเองพ่อไม่เคยเห็นหน้าพ่อเวลาท่านคุม แต่รู้ตัวแต่เพียงว่าพูดน้อย อารมณ์แจ่มใส ใจรู้ว่าผิดเหลืองเท่านั้นเอง พ่อคอยช่างนาน ท่านมาท่านบอกว่า วันนี้ฉันเข้าเต็มตัวแกจะได้เห็นภาพขณะฉันมาคุมว่าเป็นอย่างไร ดูแล้วรู้สึกว่าหนุ่มขึ้นเยอะ แต่ท่านไปแล้วกลับแก่ลงเสียอีก น่าเสียดาย

    เพิ่มเติม

    หนังสือนี้มีใบจบลงแล้ว แต่ต้องเพิ่มเติมอีกก็เพราะเหตุดังนี้

    (๑) เมื่อเขียนจบ ให้พระนำมาส่งที่ไปรษณีย์ เพื่อกันแกเอาไปทิ้งในถังขยะ ก็บังคับให้ทะเบียน บังเอิญไปตรงกับวันเสาร์เข้าเลยตกค้างส่งไม่ได้

    (๒) เมื่อจดหมายกลับที่เดิม ตอนกลางคืนฝึกพระปฏิบัติกรรมฐานมียักษ์ตนหนึ่ง มาหาแล้วแจ้งว่า

    ท้าวเวสสุวัณ ได้ให้นำคาถาบทหนึ่งมาให้
    คาถาบทนี้เป็นคาถาของพระพุทธกัสสปพุทธเจ้าเป็นคาถามหาอำนาจ ภาวนาหรือสวดมนต์ไว้ทุกวัน จะมีอำนาจ เหตุร้ายจะไม่เกิดขึ้น และเป็นคาถามหาลาภ ภาวนาตลอดไป โดยเอานำคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้ามาต่อ ว่าดังนี้ "มิเตพาหุหะติ พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย ฯลฯ" อย่างนี้เป็นปกติ ท่านว่าเงินล้านจะเข้ามาสู่สำนัก เวลาไปหาเงินเจ้าของเงินทั้งรักทั้งเกรงใจ

    พ่อขออนุญาตท่านให้ลูก ท่านก็อนุญาต บอก... มันด้วย เพราะปกครองคนมากต้องหากิน ถ้า พี่แสวง และคนอื่นที่พอใจก็ให้ได้ แต่ขอให้จัดธูปบอกท่าน ท้าวเวสสุวัณ และท่านพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระพุทธกัสสป เสียก่อน ทำจริงได้ผลจริง ทำเล่นๆ ได้ผลเล่นๆ สักแต่ว่าทำ ไม่ได้ผลเลย

    ก่อนที่ยักษ์จะมาบอก พ่อพบ หลวงพ่อปาน และครูบาอาจารย์ทุกท่าน ท่านมาคุมพระปฏิบัติ พอหลวงพ่อสมัยมา ท่านบอกว่า สัมพเกสี ไม่ช้าเธอจะเดือดร้อน เพราะคนจะทำให้เดือดร้อน และจะมีหญิงสาวขาวท้วมและขาวโปร่งจะมาทำท่าเจ้าชู้ แต่เรื่องเจ้าชู้เป็นเรื่องขึ้ผง เขี่ยนิดเดียวก็หล่นไปเรื่องคนทำให้เดือดร้อนนี้ยุ่งหน่อย

    และจะมีคนคิดว่าเธอรวย เขาคิดจะปล้นหรือชิงทรัพย์ พอท่านบอกเสร็จไม่ช้ายักษ์ก็มาบอกคาถา เป็นอันว่า ท่านพระพุทธบิดาพุทธกัสสป ท่านห่วง จึงให้คาถาป้องกัน และเป็นคาถาหาเงินด้วย ลูกภาวนาไว้คู่กับ คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า ตามที่พ่อเขียนมาอย่าให้ขาด จะเกิดผลสบายใจ

    จะปลูกบ้านได้ตามทีคิดไว้ ค่อยๆ ทำไปให้สบายอย่าเร่งรัด อย่าคิดรวย คิดเพียงอารมณ์สงัด จะรวยเอง ถ้าคิดรวย ลาภจะหาย

    ขณะนี้พ่อเริ่มสร้างพระพุทธรูปตามที่บอกมาแล้วนั้น เมื่อคืนนี้ท่านมาบอกว่าให้ทำบุญบรรจุเริ่มสวดมนต์เย็น วันที่ ๒๑ กันยายน ตรงกับวันเสาร์บรรจุพระบรมธาตุและเลี้ยงพระ วันที่ ๒๒ ตรงกับวันอาทิตย์ตอนเช้า งานนี้จะบรรจุพระพรมธาตุพระพุทธรูปองค์เดียว

    พ่อขอให้ลูกหาตลับทองคำ หนักหนึ่งบาทให้พ่อ ๑ ลูก ตลับเงินที่โตกว่าตลับทอง ๑ ลูก ตลับโลหะ โตกว่าตลับเงิน ๑ ลูก น้ำมันจันทน์อย่างแท้ ๒ ออนซ์ พ่อจะขอให้ นนทา ช่วยด้วย การสร้างตลับมีอานิสงส์มาก ขอให้ ฉลวย พี่แสวง และถ้าเขาพอใจ บอก พิมพ์ อู๊ด ร่วมกัน

    อย่ากำหนดการเงิน ให้ออกกันคนละบาทหรือสลึงก็ตามใจ เหลือเท่าไร พ่อออกหมด ลูกหาทุนสำรองให้พ่อมาก่อน เมื่อของมาแล้ว พ่อจะจ่ายให้ ตามที่เหลือ ที่ให้บอกทั่วก็เพราะเป็นของใหญ่ บอกคนอื่นด้วยก็ได้ ใหญ่ในอานิสงส์ ไม่ใช่ราคาใหญ่ ทำแล้วถึงนิพพานเร็ว

    ยังไม่ถึงนิพพาน ก็จนได้ยาก ลาภมาก จึงขอให้บอกให้ทั่วๆ กัน ตามศรัทธาเขา อย่ากะเกณฑ์ เพราะการถวายตลับทองแก่พระบรมธาตุ สมัยโบราณเขาแย่งกันถวาย พ่อและลูก พวกเราทั้งหมดก็ทำมาแล้วหลายครั้ง.....ฯลฯ.............

    พระมหาวีระ ถาวโร

    ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๑๑



    (จากหนังสือลูกศิษย์บันทึกพิเศษ หน้า 47 - 51)


    http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=1226#14
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2016

แชร์หน้านี้

Loading...