จิตไม่เที่ยง จิตเกิดดับ ใครว่า จิตเที่ยง จิตดับไม่มี นี่เป็นความเห็นผิด

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้, 5 พฤศจิกายน 2014.

  1. รามเมืองลพ

    รามเมืองลพ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2014
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +99
    ความสุขความทุกข์อันแท้จริงอยู่ที่ใจ อย่าพากันตะครุบเงาของกิเลส ด้วยการเรียน เป็นความจำมาถกเถียงกันเปล่าเปล่า ศาสนาพระพุทธเจ้าไม่ใช่ศาสนาน้ำลาย จงปฎิบัติให้ถึงความจริง จะหายสงสัย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2014
  2. ธรรมแท้

    ธรรมแท้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +200
    โอ้ ท่าน tjs ธรรมที่ท่านกล่าวเป็นสัทธรรมปฏิรูปได้เพียงนี้เชียวหรือ

    สังสารวัฏช่างน่ากลัวหนอ

    สัทธรรมปฏิรูป tjs
    - มโนวิญญาณธาตุ (มหากิริยาจิต) ไม่ใช่จิตพระอรหันต์เท่านั้น พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามีก็มีได้
    (ที่ถูกนั้น มหากิริยาจิต เหล่านี้ไม่ใช่กุศล ไม่อกุศล ไม่ใช่กรรมวิบาก เป็นจิตพระอรหันต์เท่านั้น เพราะพระเสขะยังทำกุศลได้อยู่ จะมาเหมารวมมหากิริยาจิตเป็นจิตพระเสขะด้วยไม่ได้)


    - พระอรหันต์ยังต้องเดินมรรค 8 อีก เพื่อประคองรักษาจิต
    (พระอรหันต์ท่านไม่ต้องระวังรักษาจิตแล้ว แต่ท่านปฏิบัติเพื่อความอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน และเป็นตัวอย่างให้ชนรุ่นหลังดำเนินตาม ไม่ได้ปฏิบัติเพื่อรักษาจิตประคองจิต หรือทำเพื่อรักษาความเป็นพระอรหันต์ พระพุทธเจ้าท่านเปรียบเหมือน คนขึ้นฝั่งแล้ว จะแบกเรือไปด้วยทำไม ดังนั้นมรรค 8 พระอรหันต์ไม่ต้องทำอีกแล้ว เพราะได้ทำให้เจริญงอกงามเต็มที่แล้ว )

    - พระอนาคามีกลับมาเกิดในมนุษยภูมิได้
    (อันนี้ สุดๆจริงๆ ขอไว้อาลัยให้กับสัทธรรมปฏิรูป)

    สนทนากันต่อไปคง ไม่เข้าใจกันเป็นแน่แท้ ไม่ได้เกี่ยวกับปัญญามากหรือน้อย
    เพียงแต่ ท่าน tjs สื่อความหมายไม่รู้เรื่อง เพราะบัญญัติของท่านผิดเพี้ยนเหลือเกิน และไม่ตรงกับสมมุติบัญญัติของ คนทั่วไป

    ก็ขอปล่อยไปตามบุญตามกรรมของท่าน tjs เถิด

    -
     
  3. ธรรมแท้

    ธรรมแท้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +200
    คุณรามเมืองลพ ต้องรอให้ถึงพระอรหันต์ก่อน ไหม ถึงไปจัดการกับ อลัชชีที่แอบอ้างบิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้าน่ะ

    ถึงเวลานั้นคงไม่เหลือธรรมของแท้ ให้ศึกษาปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์กันแล้วละมั๊ง

    ธรรมะของพระพุทธเจ้าที่ท่านประกาศไว้ดีแล้ว งดงามหมดจดทั้งในเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด

    เราจะยอมนิ่งดูดายให้สัทธรรมปฏิรูปมาบิดเบือนธรรมของจริงอย่างนั้นละหรือ?

    เราไม่ปรามาส หลวงปู่มั่นกับหลวงตามหาบัว แต่เราขอประณามคุณที่หยิบยก คำสอนของพระท่านมาแสดงอย่างไม่ถูกกาละเทศะ

    ปริยัติต้องควบคู่กับปฏิบัติ

    ปฏิบัติแล้วทำผิด เห็นแมวเป็นเสือ เห็นของไม่เที่ยงว่าเที่ยง เห็นของไม่ใช่ของเรา ว่าเป็นของเรา เห็นผิดเป็นถูก เหล่านี้เรียกสัญญาวิปลาส
     
  4. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ใบไม่ในกำมือก็คือใบไม้ในกำมือ

    เราเชื่อพระพุทธเจ้า เราเชื่อในหลักเหตุและผล ถ้าท่านสามารถนำเหตุผลมาโต้แย่งเราได้เราก็พร้อมจะยอมรับ

    เรื่องมหากริยาจิต ของพระอรหันต์นั้น หากพิจารณาทั้งแปดข้อ ก็จะเข้าใจดีว่ามีสภาพแต่ละข้อเป็นอย่างไร แน่นอนว่า บางข้อ เป็นเรื่องที่พระอริยะบุคคลชั้นต่ำกว่าพระอรหันต์สามารถเจริญได้ทำได้ แต่บางข้อ ก็ไม่ใช่วิสัยความสามารถที่จะกระทำได้ อันเป็นเรื่องเฉพาะในความเป็นพระอรหันตบุคคล เฉกเช่นการพัตนาจากสมาธิ ที่จะต้องเกิดขึ้นไปเป็นลำดับ
    เฉกเช่นสังโยชน์ที่จะต้องตัดได้ละได้เป็นลำดับ แน่นอนพระอรหันต์ต้องละสังโยชน์ได้ครบทุกข้อ ส่วนพระอนาคามีก็ลดหลั่นลงมา ความเข่้าใจในธรรม จึงเป็นเรื่องที่ทุกท่านต้องใช้วิจารณะญาณอันประกอบด้วยภูมิธรรม ปฏิบัติที่สั่งสมมาเป็นรากฐานในการวินิจวิเคราะห์ด้วย

    เรื่องการเจริญอริยะมรรค หลังจากสำเร็จอรหันต์แล้ว ความจริงพระอรหันต์เขาไม่ต้องไปพูดอะไรมาก หากแต่เขาเข้าใจดีว่า การมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยความไม่ยึดติดในรูปนาม กายสังขารนั้น ต้องประคองไว้ได้อย่างไร
    จิตอรหันต์ส่วนหนึ่ง ทีเป็นฆาราวาส โดยมากมักจะปล่อยวางละกายสังขาร ในที่สุดก็กระทำทุกขกริยา ดับไปก็มี แต่สำหรับพระสงฆ์สาวก ก็เช่นกัน แต่พระพุทธองค์ท่านตรัสห้ามไม่ให้กระทำกาลทุกขกริยา ให้ดับไปก่อนหมดอายุไขของตน แต่ให้ทรงเจริญอริยะมรรคและทำหน้าที่สืบทอดพระศาสนา สงเคราะห์สรรพสัตว์

    ผมคิดว่าวันนี้ หลายท่านแม้จะศึกษาพระธรรมมามาก ปฏิบัติมากก็จริง แต่สิ่งที่กระผมถ่ายทอดออกมานั้น ไม่ได้ขัดแย้งกับพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า และครูอาจารย์ หากแต่กระผมกล่าวในส่วนที่ละเอียด ปลีกย่อยเล็กน้อย ที่พระพุทธองค์ไม่ได้กล่าวสอนไว้ เพราะไม่ใช่สาระนั่นเอง กระผมไม่ได้เก่งกว่าพระพุทธเจ้าหรือเก่งกว่าครูอาจารย์ แต่ธรรมส่วนนี้กระผมเดิมทีก็ไม่ได้เห็นเป็นอย่างนี้แต่เพราะครูอาจารย์ท่านชี้ทางสว่างให้และด้วยการปฏิบัติทางสมาธิมาเกือบ20ปี จึงรู้และเข้าใจปลีกย่อยอย่างนี้ ก็เท่านั้น

    เราไม่ควรไปกังวลว่าอะไรจะผิดหรือถูกแต่เราควรมองว่า ประโยชน์ที่จะได้รับจากการปฏิบัติธรรม ที่แต่ละคนต้องไปฝึกฝนอบรมจิตตนเอง ความเป็นอรหันต์นั้น เป็นสิ่งที่ละเอียดละอ่อนยิ่งนัก เพราะเรายังไม่ใช่อรหันต์บุคคลด้วยประการหนึ่ง แต่เราท่านบางท่านก็อาจารย์จะเคยทรางอารมณ์พระอรหันต์ชั่วคราวจากการปฏิบัติได้บ้างจึงสามารถยกธรรมมากล่าวเหมือนที่กระผมกล่าวไปทั้งหมดนั่นเอง

    ก็สุดแต่ปัญญาจะพิจารณา
    พระสารีบุตรไม่เคยเชื่อพระคำสอนของพระพุทธองค์จนกว่าท่านจะทำตามแล้วรู้แจ้งด้วยตัวท่าน ท่าจึงปักใจเชื่อ ขอให้ท่านทั้งหลายพึงมีศรัทธาปัญญาเอาเยี่ยงอย่างพระสารีบุตร และการอ้างตำรานั้นเป็นสิ่งดี แต่จะให้ดีท่านจะเจริญสมาธิปฏิบัติให้เข้าถึงสัทธธรรมจริงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ของครูอาจารย์นั่นแหละคือสิ่งประเสริฐสำหรับเราท่านทุกคนครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2014
  5. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    บัญญัติผิดคืออะไร

    แค่สิ่งที่กล่าวไม่มีในตำราท่านก็ว่าผิดบัญญัติ แต่ความจริงท่านเข้าใจบัญญัติมากน้อยแค่ไหน ขอบข่ายของบัญญัติในแต่ละเรื่องกว้างลึกแคบอย่างไร หรืออะไรคือความวิบัติแห่งบัญญัติ ท่านตีความอย่างไร อะไรคือธรรมวิบัติท่านเข้าใจอย่างไร

    ธรรมที่ผมกล่าว ขัดต่ออริยะมรรคอย่างไร เป็นเครื่องขัดขวาง กั้นความบรรลุสู่ความเป็นอรหันตอย่างไร

    สิ่งที่ท่านยึดมั่นในตำรา เมื่อก่อนผมก็เป็นเหมือนพวกท่าน แต่เมื่อเราปฏิบัติจริงจัง ความรอบรู้แตกฉานในธรรมมันเด่นชัดกว่าในตำรามาก
    อันพระสัทธรรมนั้นที่พระพุทธองค์ปฏิบัติได้นั้นรู้แจ้งได้นั้นมีมากมายนักทั้ง หยาบ ปานกลาง ละเอียด ไม่สามารถกล่าวสอนได้หมด ไม่สามารถบันทึกลงในพระไตรปิฏกได้หมด แน่นอนจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พระพุทธองค์จะกล่าวแต่เฉพาะแก่นสาระสำคัญ

    อย่างไรก็ตามความเป็นอรหันต์ก็คือความเป็นอรหันต์ ไม่อาจเป็นอื่น ครับ สาธุ สมควรแก่เวลาแล้ว

    ที่สุดนี้กระผมขอร่วมอนุโมทนากับทุกท่านด้วยครับ ธรรมทั้งหลายที่กล่าวแสดงไว้ทั้งหมดนั้นมีประโยชน์แก่พวกเราทุกคนครับ ขอให้น้อมนำไปพิจารณาอย่างแยบคายให้ดี น้อมนำไปปฏิบัติให้มาก ปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญุหิติ จะปรากฏรู้แก่ท่าน ในที่สุดครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2014
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    โมทนาสาธุครับ..

    โมทนาสาธุครับ..

    โมทนาสาธุครับ...นี่หละครับลักษณะการบรรยายที่ถ่ายทอด

    ออกมาเป็นตัวอักษรของ..ของนักปฏิบัติที่เข้าถึงสิ่งที่ตนเอง
    ถ่ายทอดออกมาได้จริง.จากการปฏิบัติครับ...
    ส่วนตัวอ่านแล้วพอจะเข้าใจในส่วนที่ คุณ tjs บรรยายมาอยู่ครับ...
    เพราะพอจะเข้าถึงได้บางส่วนได้เช่นกันครับ.แต่การเข้าถึงก็ยังถือว่า
    อยู่ในระดับที่หยาบๆอยู่
    ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้เป็นระบบแบบนี้ครับ จึงไม่ละเอียด
    เหมือนกับที่คุณ tjs ถ่ายทอดออกมา...
    เพราะผู้ปฏิบัติที่จะเข้าถึงแนวทางนี้อย่างนี้ได้
    มักจะมาพร้อมกับการสร้างบารมีในด้านการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์
    รวมทั้งการสร้างบารมีกับฝ่ายนามธรรมต่างๆร่วมด้วย..
    เชื่อว่า คุณ tjs มีเลขไมล์สะสมชั่วโมงบินมานานมากแล้วพอสมควร
    และก็เชื่อว่า ถ้าไม่มีเมตตาเป็นฐานในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์รวมทั้ง
    ไม่สร้างบารมีกับฝ่ายนามธรรมร่วมด้วยไว้ดีแล้ว.
    ก็ยากที่จะเข้าถึงในสภาวะตาม
    ที่คุณได้เคยกล่าวมาแล้วข้างต้นทั้งหมดได้ครับ......
    ปล.ความเห็นส่วนบุคคล ขอบคุณครับ..


     
  7. Ron_

    Ron_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    568
    ค่าพลัง:
    +1,284
    คุณเข้าใจผิดแล้วครับ tjs
    ในตำรานั้นมี ไม่ใช่ไม่มี

    ถ้าไม่มี แล้ว พูดนอกตำรา อันนี้ฟังหูไว้หู อาจผิดหรือถูกก็ได้
    แต่ถ้า มีระบุไว้ชัดเจน แล้วพูดขัดกับที่พระพุทธเจ้าสอน อันนี้คือผิดแน่นอน

    ของคุณ tjs นั้นขัดพุทธบัญญติตรงที่ บอกว่า พระอนาคามีกลับมาเกิดได้
    ซึ่งพระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสเช่นนั้น ยังไงล่ะครับ
     
  8. Ron_

    Ron_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    568
    ค่าพลัง:
    +1,284
    ๓. พระผู้มีพระภาคย่อมทรงทราบบุคคลอื่น ด้วยมนสิการโดยชอบเฉพาะ
    พระองค์ว่า บุคคลนี้จักเป็นพระอนาคามีผู้อุปปาติกะปรินิพพานในภพที่เกิดนั้น ไม่
    ต้องกลับมาจากโลกนั้น เพราะสังโยชน์เบื้องต่ำ ๕ สิ้นไป ฯ

    http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=11&A=2130&Z=2536

    ช่างหม้อฆฏิการะ เป็นอุปปาติกะ จะปรินิพพานในภพนั้น มีการไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดาเพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้าประการหมดสิ้นไป.
    http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=13&A=6596&Z=6824

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยหนึ่ง เราอยู่ที่ควงไม้พญาสาลพฤกษ์ ใน
    ป่าสุภวัน ใกล้อุกกัฏฐนคร ภิกษุทั้งหลายเมื่อเรานั้นไปเร้นอยู่ในที่ลับ เกิดความ
    รำพึงในใจว่า ชั้นสุทธาวาสซึ่งเรามิได้เคยอยู่เลย โดยเวลาอันยืดยาวนานนี้

    นอกจากเทวดาเหล่าสุทธาวาสแล้ว ไม่ใช่โอกาสที่ใครๆ จะได้โดยง่าย ถ้า
    กระไรเราพึงเข้าไปหาเทวดาเหล่าสุทธาวาสจนถึงที่อยู่ ภิกษุทั้งหลายทันใดนั้น เรา
    ได้หายไปที่ควงไม้พญาสาลพฤกษ์ ในป่าสุภวันใกล้อุกกัฏฐนคร ไปปรากฏใน
    พวกเทพดาเหล่าอวิหา เปรียบเหมือนบุรุษที่มีกำลัง เหยียดออกซึ่งแขนที่คู้เข้าไว้
    หรือคู้เข้าซึ่งแขนที่เหยียดออกไว้ ฉะนั้น ฯ

    ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ พวก
    ข้าพระองค์ ประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค คลายความพอใจในกาม
    ทั้งหลายแล้ว จึงได้บังเกิดในที่นี้ ฯ
    http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=10&A=0&Z=1454

    [๑๘๗] ดูกรสารีบุตร มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่ง มีวาทะอย่างนี้ มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า ความหมดจดย่อมมีได้ด้วยสังสารวัฏ ดูกรสารีบุตร ก็สังสารวัฏที่เราไม่เคยท่องเที่ยวไป โดยกาล ยืดยาวช้านานนี้ เว้นแต่เทวโลกชั้นสุทธาวาส เป็นสิ่งที่หาไม่ได้ง่ายนัก ดูกรสารีบุตร ถ้าเรา พึงท่องเที่ยวไปในเทวโลกชั้นสุทธาวาส เราก็จะไม่พึงมาสู่โลกนี้อีก.

    [๑๘๘] ดูกรสารีบุตร มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่ง มีวาทะอย่างนี้ มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า ความ บริสุทธิ์ย่อมมีได้ด้วยอุบัติ ดูกรสารีบุตร ความอุบัติที่เราไม่เคยเข้าถึงแล้ว โดยกาลยืดยาวช้านาน นี้ เว้นจากเทวโลกชั้นสุทธาวาส เป็นของหาไม่ได้ง่ายนัก ดูกรสารีบุตร ถ้าเราพึงอุบัติในเทวโลก ชั้นสุทธาวาส เราก็ไม่พึงมาสู่โลกนี้อีก.

    [๑๘๙] ดูกรสารีบุตร มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่ง มีวาทะอย่างนี้ มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า ความหมดจดย่อมมีได้ด้วยอาวาส ดูกรสารีบุตร ก็อาวาสที่เราไม่เคยอยู่อาศัยแล้ว โดยกาลยืด ยาวช้านานนี้ เว้นจากเทวโลกชั้นสุทธาวาส เป็นของหาไม่ได้ง่ายนัก ดูกรสารีบุตร ถ้าเราพึงอยู่ อาศัยในเทวโลกชั้นสุทธาวาส เราก็ไม่พึงมาสู่โลกนี้อีก.
    http://www.84000.org/tipitaka/pitaka...2&item=187#187
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 พฤศจิกายน 2014
  9. Ron_

    Ron_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    568
    ค่าพลัง:
    +1,284
    อีกอันคือ คุณ tjs เข้าใจผิดว่าพรหมสุทธาวาส เป็น อรูปพรหม

    http://palungjit.org/threads/สงสัยเ...่ยวชาญช่วยตอบทีครับ.499141/page-3#post8041459

    ต่อไปถ้าใครมาบอกว่า พระอรหันต์นิพพานแล้วกลับมาเกิดอีก คุณจะเชื่อไหม?

    จะขัดตำรายังไงก็ได้ เพราะตูเห็นนิมิตด้วยจิตของตูมาแล้ว
    ตำราไม่ได้บอก หรือบอกแล้วว่าไม่มี แต่ ตูเห็น กูเชื่อที่ตูเห็น

    พวกพราหมณ์มิจฉาทิฏฐิก็เช่นนี้ เคยเกิดเป็น อสัญญีสัตตา
    แล้วผุดเกิดขึ้นมาก็นึกว่า ผุดเกิดจากความว่าง ชาติก่อนไม่มี
    เป็นต้น เพราะตูเห็นแค่นั้น

    อาจจะเห็นผิดหรือเห็นถูกก็ได้

    แต่พระพุทธเจ้าท่านเห็นไม่ผิด ไม่งั้นจะมีพระไตรปิฎกไว้ทำไม
    ก็ตั้งศาสนาหรือลัทธิของท่านเองเลยดีไหมครับ ท่าน tjs
     
  10. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    พระโพธิสัตว์จะไม่ไปเกิดในสุทธาวาสพรหม
     
  11. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    พระอนาคามีผู้อุปปาติกะปรินิพพานในภพที่เกิดนั้น ไม่
    ต้องกลับมาจากโลกนั้น

    ประโยคนี้จริงเป็นอย่างนี้จริง

    อันความเป็นพระอนาคามี นี้ ยังมีจำแนก เป็นสามระดับ
    ทั้งนี้อาศัยอุปกิเลสที่หลงเหลือเป็นเครื่องจำแนก พระอนาคามีส่วนที่สองและสามจะไปเกิดในชั้นพรหมสุธาวาส ผมใช้คำว่า อรูปพรหม ไม่ต้องแปลกใจครับว่าทำไม เพราะท่านตัดละรูป กาย วัตถุธาตุขาดหมดสิ้น ได้แล้ว ไม่มีคนสัตว์สิ่งของใดๆหลงเหลือในจิตท่านนั่นเอง จิตท่านดำรงอยู่อาศัยด้วยสมาธิ มีฌาณเป็นกำลัง ฌาณในที่นี้คือฌาณ4เป็นกำลัง
    พระอนาคามีสองส่วนนี้จะไม่กลับมาเกิดอีกและจะสำเร็จอรหันต์ เข้านิพพานไปในที่สุด

    ส่วนพระอนาคามีกลุ่มแรกที่อุปกิเลส แม้ตัดกามราคะได้จริงแต่ก็อย่างที่ผมกล่าวไปมีแต่ส่วนน้อนนิดคือ1ในแสน พระองค์ที่ติดค้างในสัญญาปณิธาณ จึงกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ได้

    เพื่อมาสานต่อสัญญาปณิธาณที่ตั้งไว้ครับ ผมกล่าวลงลึกในส่วนที่เรียกว่าห่างอึ่งปัญญาของพระพุทธองค์ที่ท่านไม่กล่าวถึงเท่านั้น

    นอกจากนี้ยังมีเรื่องพุทธภูมิอีกมากมายที่กระผมเคยกล่าวเรื่องห่างอึ่งที่ว่า ซึ่งไม่มีในตำรา
    อย่างกรณีของหลวงพ่อฤาษีลิงดำที่ท่านต้องมาเกิดเพื่อสร้างบารมีพุทธภูมิ แต่ท่านก็เกิดปัญญาใหม่ ขอลาพุทธภูมิ หรืออย่างหลวงปู่มั่นก็เช่นกันครับมีอะไรคล้ายๆกัน แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า บารมีธรรมเหล่านั้นพื้นฐานเดิมเป็นอย่างไร สร้างไว้อย่างไร ทุกอย่างมีที่มาที่ไปมีเหตุปัจจัยเสมอครับ

    อีกเรื่องคือภพภูมิทั้งหมดในแผนผังสาระ นั้น มีการแต่งขึ้นมาใหม่ ไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธเจ้ากำหนดไว้ ส่วนผมเห็นต่างอย่างไรก็เป็นสิ่งที่ไม่ได้ยึดมั่นว่าจะต้องเป็นแบบนั้นเพราะมันมีพื้นฐานจากภูมิธรรมที่แตกต่างกัน ปฏิบัติมาต่างกันจึงย่อมเข้าใจแตกต่างกัน นั่นเอง แต่ความจริงก็คือความย่อมย่อมปรากฏจริงเป็นธรรมดาของมันอย่างนั้นครับ สาธุ
     
  12. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    <IMG src='http://image.free.in.th/v/2013/it/141111121921.JPG' width=650>

    อรูปพรหมสุทธาวาส เพิ่งเคยได้ยิน
     
  13. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    การที่ดวงจิตจะไปเกิดในภพภูมิใด
    จะเป็นไปตามกระแสกรรมที่โน้มนาวให้ไปเกิดในภพนั้นๆ
    เช่น จิตมีโทสะมาก ไปเกิดในนรกภูมิ, จิตมีโลภะมาก ไปเกิดเป็นเปรต

    การไปเกิดในกามวาจรภูมินั้นเพราะยังไม่สามารถตัดสังโยชน์กามราคะลงได้
    แต่สำหรับพระอนาคามี ผู้ซึ่งละสังโยชน์5ได้แล้ว ไม่เหลือเชื้อให้ไปเกิดในกามภพได้อีก
    เชื้อที่เหลือเป็นแต่เพียงกิเลสระดับระเอียดที่เป็นความยึดติดในอารมณ์สมาธิ จึงเป็นผลให้ไปเกิดในชั้นของพรหม ซึ่งเป็นชาติสุดท้ายด้วย

    ดังนั้นการกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ของพระอนาคามี ไม่สามารถจะเป็นไปได้ ในทุกกรณี ไม่มีการแบ่งส่วนใหญ่หรือส่วนย่อย

    การทรงอารมณ์เป็นเพียงการกล่าวอ้าง แต่ไม่ได้เป็นพระอริยะจริงๆ เพราะถ้าเป็นได้จริง เวลานอนหลับสนิท จิตก็เป็นพระอรหันต์กันหมดแล้วสิ
     
  14. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ละสังโยชน์5ได้ แล้วละขันธ์5 ได้หมดหรือยัง สำหรับความเข้าใจของกระผม จากการปฏิบัติธรรม มานานหลายปี เห็นความเคลื่อนไปของจิต ยังภพภูมิต่างๆ ทำให้เข้าใจดีว่า

    การเคลื่อนไปณที่ใด ของจิตย่อมมีเหตุปัจจัย
    ก็ในเมื่อขันธ์5ยังไม่ดับสนิท แม้ฝ่ายรูปดับแล้ว แต่ฝ่ายนามยังไม่ดับสนิท
    ฝ่ายนามนี่เองอันเป็นส่วนดึงจิตไป ท่านเอาอะไรเป็นเครื่องชีชัดว่า ฝ่ายนามส่วนหนึ่งไม่สามารถดึงจิตให้กลับมาเกิดเป็นมุษย์ได้อีก แต่อย่างที่กระผมกล่าว เรากำลังกล่าวถึงเรื่องที่เกิดได้1ในแสนจิตของพระอนาคามีเท่านั้น ซึ่งมีน้อยมากจนแทบจะไม่มีกรณีนี้ก็ว่าได้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2014
  15. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ท่านทั้งหลายอาศัยตำรา แผนผังสาระเป็นเครื่องบอกว่า เป็นพรหมชั้นนั้นชั้นนี้ ถ้าการจำแนกแผนผังแตกต่างกันไปแน่นอนก็ย่อมเข้าใจที่แตกต่างกัน

    ความเป็นพรหม อรูปพรหม หรือฌาณ อรูปฌาณ ท่านอ่านตำราทำความเข้าใจ มันก็เป็นเรื่องไม่ยาก

    แต่การปฏิบัติละท่านเข้าใจอย่างไร ความจริง นั้นไม่สามารถเขียนให้เข้าใจลงในตำราได้หมด ที่เหลือความจริงคือท่านต้องทำให้ได้เองเข้าไปรู้เองให้ได้จริง

    ตำราบอกว่าพรหมสุทธาวาสอยู่กึ่งกลางระหว่างพรหมและอรูปพรหมอย่างนั้นหรือ ท่านเข้าใจอย่างนั้นหรือเชื่ออย่างนั้นหรือ ท่านเคยปฏิบัติธรรมเจริญสมาธิไปให้ถึงให้เห็นสภาวะจริงได้หรือยัง อะไรคือความจริง ที่เป็นจริง ใครตอบท่านไม่ได้แม้ตำราก็ไม่ได้ แต่สิ่งที่จะตอบความจริงแก่ท่านได้ก็คือการปฏิบัติให้เข้าไปเห็นจริงด้วยตัวท่านจิตท่านครับ สาธุ

    ลองกลับไปอ่านดูที่กระผมเคยกล่าวแสดงไว้ครับ นานแล้วครับ ผิดหรือภถูกท่านก็พิจารณาดูให้แยบคายครับ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    อรูปภูมิ5 คือชั้นสุทธาวาส ท่านทั้งหลายเข้าใจอย่างไร

    ทั้งนี้ อรูปฌาณ อรูปพรหม ต่างกันอย่างไร
    และเมื่อเทียบเคียงกับอรูปภูมิ5ที่ว่า ต่างกับอรูปฌาณและอรูปพรหมอย่างไร
    แน่นอนเรื่องเหล่านี้ไม่มีในตำราครับ ไปหาที่ไหนก็ไม่มีอธิบายครับ ท่านปฏิบัติทางจิตไปให้ถึงได้เมื่อไหร่ ท่านย่อมทราบความจริงได้ครับ

    จิตพระอนาคามีผู้ละปล่อยวางในรูป และนามเกือบหมดแล้ว ต่างกับจิตของพรหม อรูปพรหมอย่างไร สภาวะจิตเหมือนหรือต่างกันอย่างไรในสภาวะฌาณและอรูปฌาณ
    จิตที่เสวยญาณของพระอนาคามี หรือพระสกิทาคามีขั้นปลาย โดยอาศัยสมาธิฌาณและอรูปฌาณเป็นบาทฐาน จะมีสภาวะแบบใด เป็นต้น

    นี่เป็นคำถามที่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง และเป็นเรื่องที่ตอบได้ยากอธิบายได้ยากครับ ก็เอาเป็นว่าฟังหูไว้หูครับ ผิดถูกก็อย่าไปวิตกกังวล แต่ให้ พิจารณาประโยชน์ที่จะได้รับ หรือสิ่งที่เอื่อประโยชน์ต่อการปฏิบัติ้ธรรมที่ก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไปของท่านนะครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2014
  17. ิ์Fist of the North Star

    ิ์Fist of the North Star เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +385
    ขออนุญาตกล่าวหน่อยครับ
    ความจริงในกระทู้นี้ ก็ล้วนเป็นนักปฏิบัติทั้งสิ้น
    มันมีร่องรอยที่การปฏิบัติอยู่
    ถ้าไม่ปฏิบัติกันมา ความเห็นของแต่ละท่าน
    จะไม่เป็นอย่างนี้
    เรื่องนี้ดูได้ไม่ยากครับ
    ข้อนี้ข้ามไป

    คราวนี้พอเกิดความเห็นที่ต่างกัน
    อะไรจะเป็นตัวยืนยัน
    ก็ต้องกลับมาดูครับว่า "พระพุทธองค์ ตรัสไว้อย่างไร"
    นั่นถือเป็นที่สุด
    ถ้าเป็น "สาวก" ต้องเชื่อในคำของพระองค์
    ที่ถูกบันทึกไว้

    คราวนี้ก็มีคำถามอีกว่า
    "จะเชื่อได้ไงว่า คำของพระพุทธเจ้า ที่ถูกบันทึกไว้" เป็นของจริง
    สิ่งนี้ก็ต้องอาศัยการพิสูจน์ด้วย "การปฏิบัติ"

    คนปฏิบัติ จะเห็นผล ไปตามตำรา ถ้าปฏิบัติถูก
    จะเป็นสิ่งแน่นอน ให้ผลแน่นอน

    ที่ไม่แน่นอน คือ ปฏิบัติผิด
    ศึกษาคำพระพุทธเจ้า แล้ว ตีตวามเข้ากับทิฐิตน
    ผลจึงเป็นอีกอย่าง

    แต่ถ้าปฏิบัติถูก
    ผลการปฏิบัติมันจะตรง กับสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้
    ยิ่งปฏิบัติ ยิ่งใช่
    ยิ่งปฏิบัติ ยิ่งใช่
    ยิ่งปฏิบัติ ยิ่งใช่
    จนเกิดศรัทธาหยั่งลงหมั่น
    ไปเรื่อยๆ
    และมันจะพิสูจน์ได้ด้วยตัวเองว่า สิ่งที่บันทึกไว้
    ที่หลายคนเรียกว่า "ตำรา" นั้น
    เป็นของจริง

    และเมื่อใดเกิดมรรคผลกับตน
    แล้วมองกลับมาจะยิ่งเห็น
    ความเป็นเหตุเป็นผล
    เป็นเรื่องของเหตุปัจจัย ทั้งสิ้น


    ข้อนี้ต้องอาศัย ความศรัทธา
    แต่ไม่ใช่ศรัทธาแบบหลับหูหลับตา
    แต่เป็นศรัทธาที่เชื่อไปก่อน
    แล้วปฏิบัติดูเพื่อ "พิสูจนว่าจริงหรือไม่"
    เมื่อลงมือปฏิบัติ
    จะทราบเองครับว่า "ของจริงหรือไม่"


    ส่วนเรื่องของ "เชื้อเกิด"
    ขออธิบายครับ
    แต่ไม่ใช่จะเอาแพ้ เอาชนะกัน

    "เชื่อผมซักอย่าง"
    ความเป็นจริง มนุษย์เราไม่เคยเชื่อใครอยู่แล้ว
    เราไม่ได้เชื่อพระพุทธเจ้า
    เราไม่ได้เชื่อครูบาอาจารย์
    เราไม่ได้เชื่ออะไรทั้งนั้น
    เราเชื่อสิ่งที่อยู่ในหัวเรา เชื่อทิฐิของเรา

    ต่อให้พระพุทธเจ้า จะตรัสความจริงอยู่ตรงหน้า
    เราก็ไม่ได้เชื่อพระองค์
    แต่มันจะมีสิ่งที่ค้านอยู่ภายใน
    ฉะนั้น
    แม้จะมีความเอาความจริงมาบอก จะซะเท่าไหร่ก็ตาม
    มันก็ไม่ได้ทำให้คนเปลี่ยนความคิดเห็นได้โดยง่าย

    ผมจึงไม่ได้คาดหวังว่าจะเปลี่ยนความเห็นใคร
    แต่เพียงจะบอกว่า

    สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้
    คือ กฏของธรรมชาติ ที่แน่นอน
    ไม่มีไม่แน่นอน

    ไม่มีว่าเหนือกว่ากฏนี้
    และเป็นเรื่องของเหตุปัจจัยทั้งสิ้นครับ

    ถ้ายังมีเชื้อเกิด ก็ต้องเกิด
    ถ้าหมดเชื้อเกิด ก็ไม่เกิดอีก

    เรื่องมันมีแค่นี้ครับ
     
  18. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    แล้วถ้าผลแห่งการปฏิบัติ มันถูกมากไปหน่อย คือมันอธิบายหรือพรรณาได้มากกว่าพระไตรปิฏกในบางเรื่องที่เป็นหางอึ่ง อย่างนี้มันผิดหรือเปล่า
    อย่างหลวงพ่อสด วัดปากน้ำท่านยังกล่าวกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำบรมครูเลยว่า

    '' นี่ท่านหลวงพ่อฤาษี สิ่งที่อาตมาสอนนี่ ธรรมกาย นี่ มันนอกเหนือพระพุทธเจ้าสอนนะ แต่อาตมารู้ดีนะ อาตมาไม่ได้เก่งกว่าพระพุทธเจ้าหรอก ท่านคงเข้าใจนะ''

    หรือแม้ปัจจุบัน มีธรรมใหม่ๆ ที่ควรสดับรับฟัง ไม่ใช่แค่จากพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน แต่ยังมีพระพุทธเจ้าองค์ปฐม อันมีหลวงพ่อฤาษี หลวงปู่ดู่ ท่านเป็นสื่อกลางเผยแผ่ธรรมะจากสมเด็จองค์ปฐมก็มี

    เรื่องราวในจักระวาลนี้ยังมีอะไรอีกมากมายที่มีเหตุผลที่สามารถอธิบายได้ แต่มันก็อยู่ที่ว่าท่านได้เปิดใจของท่านให้กว้างพร้อมที่จะรับฟัง และเพียรปฏิบัติไปให้ถึงหรือยัง ครับ สาธุครับ

    กระผมรู้จิตใจตนเองดี ไม่เคยยึดมั่นอะไรแม้ธรรมที่ตนรู้ก็ดี เราปฏิบัติธรรมเพื่อละปล่อยวาง ไม่ใช่เพื่อยึดมั่นอะไรใดๆครับ

    ขอเจริญธรรมครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2014
  19. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    โมทนาสาธุครับ...:cool:
     
  20. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ผลแห่งการปฏิบัติ มันถูกมากไปหน่อย
    เลยอธิบายได้มากกว่าในพระไตรปิฏกบางเรื่อง ที่เป็นหางอึ่ง
    ตกลงคุณ tjs เป็นอริยอรูปพรหมที่เป็นพระโพธิสัตว์รึ..
    แบบนั้น มันก็มากกว่าพระไตรปิฎก จริงอะนะจ๊ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...