นั่งสมาธิแล้วไม่หายใจ

โพสต์ปริยัติสัทธรรมคือพุทธพจน์อยู่ที่ห้องนี้ครับ พุทธศาสนา - ธรรมะ - PaLungJit.org

 

จขกท.พึงสังเกตนะครับ อย่าเพิ่งเชื่อจนกว่าจะพิสูจน์ทดลองจนรู้่เข้าใจด้วยตนเอง

ยังงี้ครับ (ตื่นนอน) คือจิตมันขึ้นสู่วิถี (ปัญจทวารวิถี) มีทางตา ทางหู เป็นต้น ตื่นนอนรู้สึกตัวลืมตา จิตมันไม่มีอารมณ์ทางตา ทางหู เป็นอาทิเสพ มันจึงเสพอารมณ์ที่คล่องที่มันชำนาญ (จะว่าชินก็ได้) ก่อน (ตัวอย่าง สมมติเรารู้สึกตัวลืมตาปุ๊บ ข้างๆบ้านเปิดเพลงดังลั่นหูได้ยินเสียง จิตมันจะคว้าอารมณ์ทางหูซึ่งแรงเข้มกว่าอารมณ์พอง-ยุบ)

หลังจากนั้น เราลุกขึ้นไปทำนั่นทำนี้ เช่น เข้าห้องน้ำอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันจิตก็เสพสิ่งเร้าที่เราทำ ณ ขณะนั้น

จิต แปลว่า ผู้คิด (คือรับรู้อารมณ์) ธรรมชาติใด ย่อมคิดซึ่งอารมณ์ เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อว่า จิต

 

ไขความกระจ่างดีค่ะ


ขอบคุณค่ะ

 

ถ้าเข้าใจ

พึง ทำการรู้ไปด้วยว่า ปุถุชนที่ลืมตาอยู่ พูดอยู่ เดินเหินอยู่ นั่นเรียกว่า " หลับ "

ดังนั้น

สภาวะ " ตื่น " มันจะต้องเห็น อาการหลับทังยืน ของ ปุถุชน ได้บ่อยๆ


หลับ ตื่น แบบ คิดเอา ด้นเด้าเอา จะไป คว้า หลับ กับ ตื่น แบบ หกโมง
เช้า ยี่สิบโมงเย็ลลลลล เวรกรรม ฟังธรรมไม่เข้าใจ

ถ้าเข้าใจ

ตื่น แบบ เห็นจิตมันขึ้น ปัญจทวารวิถี ภาวนาเก่งๆ วินาทีนึงเห็นได้ ยิบๆ ยั๊บๆ

หลับร้อยละร้อย ที่ตื่น มีเพียงสั้นๆ ......

ตื่นแล้วก็หลับ สลับกันไป .....อย่าทะลึ่ง ไปเน้น ตื่น ตลอดศก ไปทำ ตื่นให้เที่ยง
เพราะเห็นว่า มันสวย ตื่นได้คงสวย ( ภาวนาไม่เป็น หละไม่ว่า ไปทำตื่นให้เที่ยงเนี่ยะ )

ตื่น หรือไม่ตื่น ก็แค่ รูปกับนาม ที่มีสัญญาหมาย มีเวทนาครอง เหมือนกัน โง่พอกัน

ตื่น ก็ไม่เอา ไม่ตื่นก็ไม่เอา แล้วเหลืออะไร ....ฮะเอ่อ คนขยัน จะตอบได้ คนไม่ขยัน
มันจะ หาโน้นหานี่มาเติมช่องว่าง ทับทวี เท่าฟองไข่ไก่

 

ไปทำ ตื่นให้เที่ยงคืออะไรค่ะ​

 

พวกทำ ตื่น ให้เที่ยง ก็คือ พวกถือว่า จิตเที่ยง

ซึ่งก็จะมี อาสัญญีสัตตา ตื่นแช่แป้ง

ตื่นสัตวมีสัญญา ตื่นแบบ มีบ้าน มีเมือง มีแก้ว ให้คอยเช็ด มีแขกมาหาไว้คอย ยิ้ม รับ

อ้อ

ตื่นแบบ " สีแดง จัดกึ่งกลาง " อันนี้ก็เข้าข่าย ทำการตื่นให้เที่ยง

 

อ๋อเข้าใจแล้วค่ะ ​

แล้วตื่นแบบ " สีแดง จัดกึ่งกลาง " คืออะไรอีกอ่ะค่ะงง

 

มันก็อยู่ที่ แยก ออกมาได้หรือเปล่า

ถ้าแยกออกมาไม่ได้ มันก็จะ จมอยู่กับ การจัดกึ่งกลาง

พอจมอยู่ หรือ มันเที่ยง ไปเห็นว่ามันเที่ยง ก็จะเผลอเข้าใจว่า นั่นคือเรา นั่นคือตน
ของเรา อันผู้อื่น จะละเมิดมิได้ คือ มี อหังการ มมังการ โดย โดน การจัดกึ่งกลาง
มา คร่อมเป็นเจ้าของ

แต่ถ้าแยกออก มันจะรู้เหตุ รู้ผล รู้ประโยชน์ รู้เหตุของการใช้ รู้การดับของเหตุ

ไม่งง

ลอง พินาดูนะ

แต่ส่วนใหญ่ ไม่ค่อยยอมหรอก แยกไม่ออก แล้ว มักให้มันเป็นใหญ่

 

อุปาทาน หลอค่ะ

​

 

" ลอง พินาดูนะ "

ผมพูด ภาษามนุษย์ หน่า

จะมาถามกลับทำไมอีก

 

: ) ก่อนหน้าให้สังเกต สัททารมณ์ เอารูปารมณ์บ้าง เช่น ตื่นนอนรู้สึกตัวปุ๊บลืมตา แลเห็นตุ๊กแกห้อยหัวต่องแต่งๆๆ อยู่บนเพดาน จิตจะไปสนใจกับตุ๊กแกนั่นว่าเอ้ยๆ มันจะหล่นใส่เราป่าวว่ะ อิอิ ก็ทำนองเีดียวกับได้ยินเสียง

 

ขอบคุณค้า
​

 

ท่านเจ้าของกระทู้ สังเกตุการปฏิบัติส่วนมากของผู้ปฏิบัติ เมื่อทำสมาธิไปจนถึงณานที่ 4 แล้วความรู้สึกตัวจะขาดหายไป สมาธิแบบนี้เป็นสมาธิของสัตว์โลก ต่างจากสัมมาสมาธิ สมาธิของพระอริยะเจ้า สัมมาสมาธิ ความรู้สึกตัว(สัมปชัญญะ)จะไม่ขาดไปไหน ตั้งแต่ต้นจนเข้าถึงที่สุด
ดังนั้นแม้ณานที่ 4 ของพระอริยเจ้า ความรู้สึกตัว(สัมปชัญญะ)ก็ยังคงอยู่ เพียงแต่สติกับสัมปชัญญะ รวมกันเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นสติบริสุทธิ์ เป็นมหาสติปัฏฐาน

สมาธิที่ขาด ความรู้สึกตัว(สัมปชัญญะ) สติปัฏฐาน 4 ก็ไม่สมบูรณ์ เมื่อ สติปัฏฐาน 4 ไม่สมบูรณ์ก็เข้าถึงพระอริยะเจ้าไม่ได้
รูปณาน อรูปฌาน และพระกรรมฐาน 40 ไม่ใช่ สัมมาสมาธิ สัมมาสมาธิจึงเป็นเรื่องยากต่อผู้ไม่รู้ ต่อสัตว์โลกทั้งหลาย
ท่านเจ้าของกระทู้ ปฏิบัติแบบเดิมที่ปฏิบัติไปนั้นล่ะ จะง่ายต่อการเข้าถึง ถ้าจะให้แนะนำท่านเพิ่ม ท่านจำไว้ 3 คำ คือ สงบ สติ สัมปชัญญะ สัมมาสมาธิใช้เท่านี้

 

ขอบคุณค่ะ​

 

THANKS KA

 

คุณเป้ย นี่ยอดเยี่ยมไปเลย ทั้งสวย ทั้งเก่ง เอาเวลามาเข้าบอร์ดบ่อยๆ ยังงี้ ยังสามารถแบ่งเวลาให้กับการทบทวนตำรับตำรา เพื่อเตรียมสอบเข้าศึกษาต่อในคณะแพทยศาสตร์ได้อีก ขอชื่นชมครับ

ไม่ทราบว่าคุณเป้ย มีหลักการแบ่งเวลายังงัยครับ ถึงได้มีเวลาเข้าบอร์ดมาบ่อยๆได้ด้วย และก็ยังเรียนหนังสือไปด้วยได้อย่างสบายๆ ขอทราบเคล็ดลับด้วยครับ

 

อันนี้แซวหลอค่ะ พอดี จบ ป.ตรี เทคนิกการแพทย์ cmu 1 ใบแล้วค่ะ
และมีโครงการต่อแพทย์ค่ะมีแพลนสอบปีหน้า ตอนนี้เป็นช่วงอ่านหนังสือ + ทำสมาธินะคะส่วนอ่านหนังสือก็อ่านตอนกลางคืนนะคะ เผื่อช่วยได้
คือคุยกับทางบ้านไว้ว่าได้ก็เรียน ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ถ้าได้แม่ต้องส่งต่อน่ะ อิอิเลยชิวๆค่ะ

 

ที่ผมบอกว่าคุณเป้ย ทั้งสวย ทั้งเก่ง ผมชื่นชมจริงๆ ไม่ได้แซวครับ ที่ว่าคุณเป็นคนสวย คือคุณเป็นหญิงสาวที่นิยมการปฏิบัติกรรมฐาน จัดว่าคุณเป็นคนที่มี “ใจสวย” คือสวยมาจากข้างใน ที่คิดดี ทำดี มีคุณธรรม อันนี้อย่างที่หนึ่ง และอย่างที่สอง คือคุณเป็นคนเก่ง มีความรู้ทางวิชาการทางโลกและยังมีความขยันในการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่ตลอด นั่นเอง นี่คือที่มาของคำชมครับ

และขอขอบคุณสำหรับคำตอบที่ทำให้ทราบว่าการเป็นทั้ง คนสวย และ คนเก่ง ของคุณเป้ยนั้น ทำได้ยังไง ที่ได้กรุณาตอบมาให้ทราบนะครับ

 

เคล็ดลับหลอค่ะ เอิ่มมก็อ่านเกี่ยวกับที่เราชอบอ่านแล้วสนุกก็อ่านไปเรื่อยๆ
เช่น จขกท ชอบ วิทยาศาสตร์ค่ะเลยชอบอ่านพวกวิทย์ๆ National geographic ไรเงี้ย แล้วก็ชอบภาษาค่ะ เลบชอบท่องศัพท์เล่นบ้าง อ่านgrammar บ้าง บางทีนิสัยไม่ดีก็ไปจับผิดคนที่อัพ status ใน facebook เป็นภาษาอังกฤษนะคะว่า เอ้เค้าใช้grammar ถูกมั้ย อะไรประมาณนี้นะคะ คำศัพท์ถูกรึป่าว ใช้ tense อะไร มีadj กับ adv เอาวางไว้ถูกมั้ยไรพวกเนี้ยค่ะ
​

 

ขออนุญาตนอกเรื่องครับ แค่สงสัย

คุณ Pei-panwad นี่

เท่าที่ไล่อ่าน ใช่ดาราตัวจริงหรือป่าวครับ หรือว่าแค่ตั้งชื่อให้สอดคล้องเล่นๆ

ตัวจริงนี่รู้สึกจะมีลูกมีครอบครัวแล้ว