นั่งสมาธิแล้วไม่หายใจ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Pei-panwad, 23 ตุลาคม 2014.

  1. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    อารมณ์ทุติยฌานมี ๓
    ๑. ปีติ ความเอิบอิ่มใจ
    ๒. สุข ความสุขอย่างประณีต
    ๓. เอกัคคตา มีอารมณ์เป็นหนึ่ง
    อารมณ์ทุติยฌานนี้ ก็ตัดเอามาจากอารมณ์ปฐมฌานนั่นเอง ท่านที่ทรงสมาธิเข้าถึง
    ทุติยฌานนี้ ท่านตัดวิตก วิจารอันเป็นอารมณ์ของปฐมฌานเสียได้ คงเหลือแต่ ปีติ สุข เอกัคคตา
    อาการตัดวิตก วิจารนั้นมีความรู้สึกอย่างไรในเวลาปฏิบัติจริง ข้อนี้นักปฏิบัติสนใจกันมากเป็นพิเศษ
    เพราะเพียงอ่านรู้แล้วยังหาความเข้าใจจริงไม่ได้ การตัดก็มิใช่จะตัดออกไปเฉยๆ ได้ตามอารมณ์
    วิตกแปลว่าตรึก นึกคิด วิจาร แปลว่า ไตร่ตรอง ใคร่ครวญ ท่านลองพิจารณาดูเถิดว่า วิตกวิจารนี้
    เป็นอารมณ์ที่ตัดไม่ได้ง่ายเลย ใคร ๆ ที่ไหนจะมาห้ามความรู้สึกนึกคิดกันง่าย ๆ ได้ เคยฟังท่านสอน
    เวลาเรียน ท่านสอนว่าให้ตัดวิตกวิจารออกเสียได้แล้ว ทรงอยู่ในปีติ สุข เอกัคคตา เท่านี้ก็ได้ทุติยฌาน
    ท่านพูดของท่านถูก ฟังก็ไม่ยาก แต่ตอนทำเข้าจริง ๆ พอมาเจอตัวตัดวิตก วิจารเข้าจริง ๆ กลับไม่
    เข้าใจ จะพูดให้ฟังถึงการตัดวิตกวิจาร

    ทุติยฌาน ตัดวิตกวิจารตามผลปฏิบัติ

    วิตกวิจารที่ถูกตัด มิได้ตัดด้วยการยกเว้น คืองดการนึกคิดเอาเอง เฉย ๆ ท่านตัดด้วยการปฏิบัติเข้าถึงระดับ

    - ฌาน สมาบัติ

    คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน ๔๐ กอง
    โดย พระราชพหรมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ตุลาคม 2014
  2. Pei-panwad

    Pei-panwad Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +78
    ขออธิบายนิดนึงน่ะค่ะ เกือบทุกครั้งที่เริ่มนั่งสมาธิทุกวันนี้ก็ยังเป็นน่ะค่ะ จะยังมีอาการ ตัวพอง ตัวยุบ ลอยได้อยู่น่ะค่ะ ไม่ได้หาย แล้วก็ดำเนินต่อไปจนถึงขั้นที่ตั้งกระทู้แต่เหตุการณ์แบบนี้นานๆๆๆๆ ครั้งถึงจะมีน่ะค่ะ ก็เลยมาตั้งกระทู้ สรุปก็คือทุกอาการที่เกิดให้รู้แล้ววางใช่ไหมค่ะห้ามไม่สนใจ แล้วก็ ภาวนาต่อ ถูกมั้ยค่ะ
     
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    จะถามทำไมหละคร้าบ

    เชื่อสิ ศรัทธามันเสีย เพิ่มตรงศรัทธา น๊า แล้วจะ อ๋อ ...ไม่เห็น ต้องถามใคร

    ฟังอะไรจาก คนอื่นอีก .........

    กราบตน ได้ เหมือน กราบ พระพุทธองค์ ลองดู

    หาก กราบตนไม่ได้ ยังเอา ตน มาตั้ง อยู่หน้า อยู่หลัง อยู่ซ้าย อยู่ขวา
    หรือ สำคัญว่า เสมอ ก็เสร็จหมด ถือว่า ศรัทธาเสีย

    ถ้า กราบตนได้ เหมือน กราบพระพุทธองค์ โดยไม่มีอะไร กระเพื่อม สั่นไหว
    ปรากฏว่า นี่ตรงนี้ กู ตรงนั้น พระองค์ แต่ ...

    คนที่ปฏิบัติตรงนี้มีแต่ ธรรม ที่นมสิการเข้ามา ฟังอยู่ เพียรอยู่ ไม่มี เราตรงไหนเลย ...

    ก็จะ ปัดติโถ ไม่เห็นจะยาก ก็ เดินมาทางนี้ ทำไปแบบนี้ นี่แหละ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ตุลาคม 2014
  4. Pei-panwad

    Pei-panwad Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +78
    ศรัทธาใน พระพุทธ พระธรรม เพิ่มใช่มั้ยค่ะ คือยังไงยังงง ทุกวันนี้ก็สวดมนต์ ไหว้พระทุกวันก่อนนั่ง ไม่ได้ช่วยอะไรเลยใช่มั้ยค่ะ แล้วต้องเพิ่มอย่างไรค่ะ
     
  5. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ครับ ตามนั้น


    อาการ ตัวพอง ตัวยุบ ลอยได้ หรือจะตัวใหญ่ สูงทะลุโลก ไปจักวาล บลาๆๆ ต่างๆนาๆ ให้สักแต่ว่า รับรู้ แล้วปล่อยวาง ครับ

    เป็นการการที่เรียกว่า ปิติ เฉยๆ เท่านั้นเองครับ

    ต้องไม่ไปติดอาการพวกนี้ หรือ ไปสนใจอาการปิติ ครับ
    เพราะการไปสนใจอาการต่างๆพวกนี้ แล้วเกิดยึดเอาว่าเป็นของดี ก็จะส่งผลให้ติดขัด เป็นตัวขวางผลการปฏิบัติ ขวางผลการไม่ให้จิตเป็นสมาธิ เพราะไปโดนหลอก ให้ติดอยู่แค่ ปิติ ครับ

    ผ่านอาการปิติไปได้ จิตสงบนิ่ง สงบลงไปเรื่อยๆ ร่างกายหายใจเหมือนไม่หายใจ แต่จริงๆ คือไม่หายใจหยาบ แต่คือหายใจละเอียด ครับ

    ให้มีสติ ตั้งมั่นอยู่กับคำภาวนาตามกรรมฐาน อย่าไปสนใจสิ่งอื่นๆ นอกจากคำภาวนา แล้วเผลอไปจับมาเป็นอารมณ์แทนคำภาวนา แบบไม่รู้ตัว จนลืมกรรมฐานเดิม ลืมไม่ได้ภาวนาไปครับ

    ผ่านตรงนี้ไปได้ ก็มีอื่นๆ อีกเยอะตามขั้นตอนการปฏิบัติละครับ

    แนะนำว่า เวลาปฏิบัติ ให้ลืมให้หมดทุกอย่าง ให้ว่างอารมณ์ต่างๆให้หมด สงบ ทุกเรื่อง ให้มีสติ อยู่กับคำภาวนา เท่านั้น อย่าไปจับอารมณ์ สงสัย หรือ กิเลสนิวรณ์5 มาขวางผลการปฏิบัติ ครับ

    เวลาภาวนา อย่าให้เกิดความสงสัย วิจิกิจฉา เป็นนิวรณ์ขวางจิตไม่ให้สงบเป็นสมาธิ ครับ


    ปฏิบัติมานั้นผมบอกว่า ที่ จขกท ปฏิบัติมาอยู่ นั้นดีแล้วครับ ทำให้ชำนาญ ในการ เข้า ออก สมาธิ ทรงอยู่ ตั้งมั่น ในสมาธิครับ

    เดี่ยวพอจิตสงบลงไปเรื่อยๆ เดียวจากอาการไม่หายใจ ผ่านอาการอยากหายใจ ไปได้ไม่หายใจ ก็จะไปเจออาการอื่นๆ ก็จะมีอาการ ตัวแข็ง นิ่งเป็นหิน ขยับไม่ได้ เผลอๆ หัวใจเต้นช้าลง จนหัวใจไม่เต้น ก็ไม่ต้องไปสนใจ แนะนำว่า ช่างหัวมัน ครับ บลาๆๆๆ อาการต่างๆนาๆ ไม่ต้องไปสนใจ

    จะเลือดไม่เดิน เลือดหยุดไหล ขาชาตัวชา วาวๆเย็นๆ จนไม่มีไออุ่น จะเกิดเวทนาต่างนาๆ ก็ให้สักแต่ว่า รับรู้ แล้วปล่อยวางครับ
    ถ้าจิตมีกำลัง ก็จะไม่สนใจอาการพวกนี้มาเสพเป็นอารมณ์ เพราะมันเป็น สัญญาทางกายเฉยๆ
    ผ่านร่างกาย กายกับจิต แยกออกจากกันเมื่อไหร่ ก็กายส่วนกาย จิตส่วนจิต ไม่มารับรู้ ครับ

    ให้มีสติ อยู่กับ ผู้รู้ อยู่กับคำภาวนา ต่อไปครับ

    เดี่ยวเลิกปฏิบัติ กำลังสมาธิไม่พอ เดี่ยวก็หลุดออกมาเลิกสมาธิเอง ตามกำลัง จิต ของตัวเองคับ

    จะเป็นสมาธิแบบไหน กรรมฐานกองไหน ผลของมันก็ตามกรรมฐานกองนั้นที่ปฏิบัติ ครับ ปฏิบัติอะไรอยู่ ผลของการปฏิบัติ ก็ตามกรรมฐานกองนั้นครับ ^^


    จริงๆ จะบอกว่า ต้องไปปฏิบัติเอาเองครับ ผลของการปฏิบัติ แต่ละคนไม่เหมือนกัน มีอีกหลายเรื่องเยอะแยะ แต่ไม่ได้บอก ก็เพราะเดี่ยวจะไปจำเอามาเป็นสัญญาตัวเอง ทำให้ขวางผลปฏิบัติของตัวเอง
    เพราะการปฏิบัติ ต้องเกิดขึ้นจริง อาการเกิดขึ้นจริงตามของ บุคคลนั้นๆ ครับ

    ติดขัดอะไร ปฏิบัติไปแล้ว ถึงค่อยเอาผลของการปฏิบัติที่ติดขัด มาถามกันได้นะครับ แนะนำเฉพาะที่จำเป็นเฉยๆ พอครับ

    ตกใจห้ามได้ ก็เพราะกำลังจิตของตัวเองครับ ตัวเองตกใจแค่ไหน ถ้าสติตามไม่ทันก็หลุดออกจากสมาธิ แต่ถ้ายังมีสติอยู่บ้างก็อาจไม่หลุดจากสมาธิ
    หรือ สติมีกำลัง ก็สามารถ สงบ หยุดความคิด ไม่ให้ตกใจได้ ตามกำลังของจิต ครับ

    แนะนำว่า เวลาปฏิบัติ อย่าไปกลัวตายครับ เพราะมันไม่ตายหรอกนะ แค่อาการหลอก อาการทางกายเฉยๆ หรือ ถ้ากลัวตาย ถ้าจะตายก็ปล่อยให้ตายไปเลยในกรรมฐาน จิตเป็นบุญกุศล ก็ไปเสวยผลบุญก่อนละกันตามขั้น ครับ ^^

    .

    .
    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ตุลาคม 2014
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ก็บอกไปแล้ว

    กราบลงที่ตน สิคร้าบ

    อย่าส่งออกนอก

    อะไรที่ กราบ สวด ระลึกถึง แล้วมัน แยกส่วน ไปอยู่ นอกๆ ผิดหมดแหละ

    ต้อง รู้กลับเข้ามาที่ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน หาให้เจอ เจอแล้ว ไม่เกิดการ
    แบ่งว่า มีใน มีนอก มีเรา มีเขา ก็จะ พอดีเป๊ะ !!

    เวลา มันพอดี มันจะไม่ใช่ตั้งอยู่ได้นาน เพราะ ผู้รู้ ผู้ตื่น
    ผู้เบิกบาน เกิด แล้ว ก็ดับ เหมือนกัน

    เราจะ อาศัยระลึก แม้กระทั่ง " ธรรม "
     
  7. Pei-panwad

    Pei-panwad Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +78
    ขอบพระคุณค่ะ คือห้ามสงสัย ห้ามตกใจไรแบบนี้หลอค่ะ แล้วภาวนาต่ออย่าให้ขาดหายเด็ดขาด ถูกมั้ยค่ะ
     
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ไปลองๆ

    ตั้งท่า ไม่ได้หลอก

    เอาของจริง

    อย่าปรุงการปฏิบัติไว้เนิ่นๆ มันไม่ ปัจจุบัน
     
  9. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    สังเกตนะ

    ตอนนี้ น่าจะแยกออกได้แล้ว เห็นได้แล้วว่า อะไรคือฐานจิต อะไรคือ จิตส่งออก

    ระลึก เห็น สิ่งที่ จิตสัมผัสได้ ณ การสนทนาตรงนี้

    แล้ว ไปทำการเห็น ในปัจจุบัน ขณะ บำเพ็ญ ยืน เดิน นั่ง นอน ดื่ม ทำ พูด คิด
    ทำงาน ไม่ทำงาน นอน ไม่นอน ไม่มี เว้นเวลา ตัดช่วง ตัดคาบ เวลา การสิกขา

    จิตถึงฐาน ไม่ส่งออก จะไม่มี เวลา

    จิตที่ส่งออก จะแบ่งเป็น เวลา เป็นคาบๆ เชย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ตุลาคม 2014
  10. Pei-panwad

    Pei-panwad Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +78
    อีกอย่างที่อยากถาม ตอนที่ลมหายใจจะหาย ทำไมคำภาวนากับลมหายใจเหมือนจะไปด้วยกันยากละค่ะ เหมือนลมจะละเอียดแต่ คำภาวนาหยาบๆ
     
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ถูกแล้ว

    ทำไมเห็น

    จริงๆ จิตมันเห็นว่า คำบริกรรม หรือ แม้กระทั่ง ความคิดที่ลั่นในหัว ในจิต ก็ต้อง
    อาศัย ลมปรากฏก่อน ถึงจะเกิด ปัจจัยให้ สัญญา ความคิด ความนึก อื่นๆ
    อาศัยตั้งขึ้น

    ลมหายใจ จึงเป็น ปัจจัยของการ ประชุมขึ้นของ สรรพสิ่ง [ สักกายะ ]

    การที่ไป ควานให้ ลมหายใจมันปรากฏ มันจึง ฝืนธรรมะ ที่กำลังสดับ กำลังเข้าถึง [ ศรัทธา ง่อนแง่น ]

    เหตุจึงเกิดขึ้นเพราะ ยังอยากฟังธรรมข้างนอก ธรรมะที่เป็นบัญญัติ ความคิด ความนึก

    ธรรมะจริงๆ หากฟังได้จะเงียบๆ

    เป็น เงียบๆที่เต็มไปด้วย ปิติมหาศาล จน ธาตุขันธ์มันรับไม่ไหว

    พอธาตุขันธ์มันรับไม่ไหว ขันธ์5มันก็ปลิ้นปล้อน ตลบแตลง เอา สัญญา บัญญัติ
    นิมิต ภาพ อุโมงค์ แสงสี มาหลอก ให้ส่งจิตออกนอก

    พอไปเชื่อ ขันธ์5 ก็เสร็จโจร เสร็จ มาร มันหลอกเอาไปแดก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ตุลาคม 2014
  12. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ก็เพราะว่า จิตมันละเอียด คำภาวนาในจิตเป็นสิ่งละเอียด ครับ

    ถ้าจับไม่ได้ ก็กลายเป็นว่า ลมหายใจหยาบสบายกว่า ก็เพราะหายใจตามปรกติของร่างกายมันสบายกว่าการไปหายใจละเอียดตามความเป็นทิพย์

    เมื่อไม่ชิน ก็ย่อมเห็นว่าเป็นของหนัก ครับ

    เหมือนคุณขับรถช้า เวลาขับรถเร็วๆ เราก็ต้องมีสติ ให้มากขึ้นในการขับเร็ว
    บางคนขับรถเร็ว 200 ได้ปรกติ บางคนจะให้มาวิ่งเร็วตามไม่เคยก็ย่อมเป็นของหนัก

    จิตก็เหมือนกัน เมื่อ จิตมันทำงาน มีสติจับคำภาวนาต่อไป จิตก็ต้องทำงานหนัก

    เมื่อจิตออกทำงาน ก็ย่อมทำให้จิตมีกำลัง จิตมีกำลังมากหรือน้อย ต่อไป

    จิตมีกำลังมาก ก็ภาวนาต่อได้สบายๆ จิตไม่มีกำลัง ก็ย่อมตั้งมั่น มีสติ มีสมาธิไม่พอ

    พอจิตไม่มีกำลัง กำลังจิตไม่พอ ก็ย่อมต้องออกจาก หลุดจากสมาธิ กลับมาที่กายหยาบต่อไปนั้นเองครับ

    ที่มันสบายๆ ว่างๆ ไม่มีคำภาวนาเพราะไม่ได้ภาวนาเอง ก็เพราะจิตไม่ได้ใช้งาน ไม่ได้ทำงาน จิตไม่มีกำลังนั้นเองคับ

    พอให้จิต ออกทำงาน ออกภาวนา มันก็เลยไม่มีกำลัง ไม่มีแรง พอไม่มีแรง ก็เหมือนยกของหนัก จิตก็ย่อมหนัก ก็ย่อมไม่ไหวเป็นธรรมดาครับ

    จิตออกทำงาน งานของจิตในตัวเอง ภาวนนากรรมฐานในจิตตัวเอง นั้นเองครับ.
    .

    สมถะกรรมฐาน ก็เพื่อให้จิตมีกำลัง จิตกำลัง เพื่อไปสิ่งอื่นต่อไปนั้นเองคับ ถ้าจิตยังไม่มีกำลัง ยังไม่มีสมาธิ ครับ


    กรรมฐาน การกระทำที่เป็นฐาน ฐานของการปฏิบัติ ต่อไปในอนาคต ครับ


    เอาว่าไม่ต้องเชื่อผมหรอก ผมได้ฟังมาเยอะ ได้อ่านมาเยอะ แนะนำได้เท่านี่ละครับ ^^

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ตุลาคม 2014
  13. Pei-panwad

    Pei-panwad Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +78
    คือตั้งแต่นั่งสมาธิมา แทบจะไม่เคยเห็นแสงสีเสียง ภาพแปลกๆอย่างที่คนอื่นๆเคยพูดเลยค่ะ แปลกมั้ยค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นภาวะแบบแว้บไปข้างนอกแล้วก็ดึงมันกลับมาจนสงบแล้วก็ทำต่อจนนิ่งแค่นั้นน่ะค่ะ เลยงงว่ายังไม่เคยเจอนิมิตน่ะค่ะ ทำไงดี
     
  14. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เนี่ยะ ถ้าสนทนา มาถึงตรงนี้

    แล้ว เจ้าของกระทู้ ยังระลึกได้ถึง การมีอยู่ของลม จะเห็นเลยว่า ตอนนี้ ก็ปฏิบัติได้

    รู้เห็นตามความเป็นจริงได้ การปฏิบัติ ไม่มีหลอก ละทิ้งเป็น คาบๆ

    ของจริง จะต้อง ปฏิบัติต่อเนื่อง ระลึกได้ตลอด ไม่ขึ้นกับ กาล สถาณที่

    แล้วมันไม่ได้ ไปนั่งเทียบเอาด้วยการ คาดเดา คิดนึก ว่า ลมต้องหาย

    เราระลึกถึงการมีขึ้นของลม ดับไปของลม ลมจะหาย หรือ ไม่หาย ไม่เกี่ยวอะไร
    กับการ ทรงฌาณ
     
  15. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เคยฟังเรื่อง พระสุวรรณสามไหม ที่ท่าน เป็น พระโพธิสัตว์ แต่ จิตทรงฌาณ
    เมตตาอัปปัญญาตลอดเวลา ทุกลมหายใจเข้าออก

    ท่านไม่มีนะ นั่งจุมปุ๊ก โง่อย่างควาย

    ท่านก็ ทำงานทำการ แบกพ่อแม่ ขึ้นบ่า หาเลี้ยงชีพ ไปตลอดเวลา ภาวนาตลอด
    จิตไม่ห่างจาก ฌาณ เลย

    แต่ ท่านไปพลาดเอาตอน ตักน้ำจังหวะเดียว ท่านลืมระลึกถึง การเกิดขึ้น ดับไปของลม
    ขณะจิตเดียว เท่านั้นแหละ ถูก ลูกศรปักอก ตายแหล่ ไม่ตายแหล่

    หรือ กรณี พระสารีลุตร ลงไป ล้างหน้าล้างตา ขณะที่ล้างหน้า ล้างตา จิตท่านก็
    สัมผัสสัญญาเวทยิตนิโรธน ตลอดเวลา ไม่ต้องไปนั่งหลับตา มุดอุโมง เห็นนิมิต
    เป็นบ้านเป็นเมืองอะไร

    ดังนั้

    สมาธิธรรม เนี่ยะ วิจัยให้ดีๆ รู้ให้ถึงฐาน อย่าง่อนแง่น ศรัทธาเสีย ไปฟังธรรม
    เอาจาก สัตว์หน้าไหน ที่ปรากฏมาเป็น ธรรมคู่

    ธรรมมีหนึ่งเดียว แนบสนิท กราบตัวเองได้ สนิทใจ
     
  16. Pei-panwad

    Pei-panwad Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +78
    อู้ย คงทำไม่ได้ขนาดนั้นหลอกค่ะ แลดูเคร่งน่าดูค่ะ ทรงฌาณได้ตลอด เก่งน่าดูเลย
     
  17. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ถาม : แล้วในขณะที่พยายามนั่งสมาธิกลับไม่เกิด แต่ช่วงที่เฉย ๆ ว่าง ๆ ปล่อยจิตเบา ๆ กลับเกิด ?
    ตอบ : สมาธิสูงเกินอุปจารสมาธิก็ไม่เห็นอะไร ต่ำเกินไปก็ไม่เห็นอะไร ต้องพอดี ๆ ดังนั้น..เวลาเรานั่งสมาธิ ส่วนใหญ่กำลังเกินอุปจารสมาธิ เพราะอยู่กับองค์ภาวนา แต่ว่าขณะเดียวกัน ในอารมณ์ทั่ว ๆ ไปเราก็ปล่อยทิ้งเลย กลายเป็นต่ำกว่าอุปจารสมาธิ ต้องให้พอดี ๆ จึงจะเห็นได้ ซึ่งคนที่ทำตรงจุดนั้นแล้ว ต้องหัดสังเกตอารมณ์ใจ ถึงจะจำได้ว่าจุดพอดีของตัวเองคือตรงไหน ถ้าโดยทั่ว ๆ ไปก็ได้แต่บอกกันเฉย ๆ ว่า “ทำให้พอดี” แต่กว่าจะรู้ว่าพอดีอยู่ตรงไหน ก็ต้องคลำกันเป็นการใหญ่

    (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๗
     
  18. Pei-panwad

    Pei-panwad Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +78
    แสดงว่าถ้าจะให้ดี ให้ ระลึกถึงลมหายใจตลอดใช่ไหมค่ะว่า เกิด ดับ แม้ไม่ได้นั่งสมาธิก็ตาม
     
  19. Pei-panwad

    Pei-panwad Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +78
    อาการ "นิ่งเป็นหิน ขยับไม่ได้ เผลอๆ หัวใจเต้นช้าลง จนหัวใจไม่เต้น ก็ไม่ต้องไปสนใจ แนะนำว่า ช่างหัวมัน ครับ บลาๆๆๆ อาการต่างๆนาๆ ไม่ต้องไปสนใจ

    จะเลือดไม่เดิน เลือดหยุดไหล ขาชาตัวชา วาวๆเย็นๆ จนไม่มีไออุ่น จะเกิดเวทนาต่างนาๆ ก็ให้สักแต่ว่า รับรู้ แล้วปล่อยวางครับ" พวกนี้มันเป็นตั้งแต่ช่วงกลางของการนั่งค่ะ แต่ที่ตั้งกระทู้มานี่มันผ่านอาการพวกนี้ไปแล้วน่ะค่ะ
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    จะถามทำไมหละ

    ไม่ลอง เลย

    มัวแต่ถาม ส่งจิตออกเป็นความคิด ปรุงเป็นคำถาม

    อันนี้ หากไปยินดีกับการทำอยู่แบบนี้ เสียท่านะ !!!

    แต่ถ้า ถามแล้ว ก็ กลับไปปฏิบัติ หมั่นระลึก บึดจ้ำบึ๊ด ก็จะ อ๋อ ความเพียร มัน
    ต้องไม่ขาด สติมา สตังค์อยู่ครบ ลมหายใจหาย เนี่ยะ ปรากฏตลอดเวลา วันหนึ่ง
    ล้านกว่าครั้ง !!! [ ถ้าไม่มีสตินะ จะมีเรื่อง เสียสตังค์ เสียค่าครู บาทหนึ่งบ้าง
    แปดบาทบ้าง อ้างเลห์ เอาร้อย เอาล้าน ]

    ระลึกได้ถึงการดับไปของลม บ่อยๆ ก็จะ อ๋อ ฉิหาย มัวแต่ คิดเปรียบเทียบ
    ทั้งที่ ธรรมะ แสดงตัว แสดงให้ฟังอยู่ตลอดเวลา ไม่ต้องอาศัยอยาตนะ6 หรือ
    กายไหนๆ กายกุ๊ก กายทิพย์ ทั้งนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ตุลาคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...