อาการแบบนี้คืออะไร อันตรายหรือเปล่าคะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย nongnewinbkk, 21 พฤษภาคม 2014.

  1. หมูดิน1

    หมูดิน1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2011
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +863

    อนุโมทนาสาธุนะครับ
     
  2. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239
    น้องนิว ขออนุญาตเล่าเรื่องที่ไปอยู่วัดให้ฟังสักนิดคะ

    น้องนิวได้มีโอกาส ไปบวชเนกขัมมะ ที่วัดปัญญานันทาราม คลองหก ช่วงวันหยุดสงกรานต์57 ที่ผ่านมา ไปอยู่วัด 5 วันคะ

    การที่ได้อยู่วัด รู้สึกมีความสุขยิ่งนัก ยอมรับว่า สำหรับน้องนิว ไม่มีที่อื่นใดในโลกนี้ ที่อยู่แล้ว จะมีความสุขเท่าอยู่วัด วัดที่ใหนก็ได้คะ รู้สึกเหมือนกันหมดทุกวัดคะ

    ตอนที่น้องนิวบวชอยู่วัดปัญญาฯ จึงเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก ในขณะเดียวกันที่เพื่อนคนอื่นๆของน้องนิว วันสงกรานต์ เขาก็ไปเล่นน้ำตากแดดกันอย่างสนุกสนาน ชั่งเป็นความสุขกันคนละแบบคะ

    ตื่นนอนตอนตี 3 กว่าๆ เพื่อเตรียมตัวทำวัตรเช้า

    ทำวัตรเช้าเสร็จ ก็แบ่งกลุ่มกันแยกย้ายไป กวาดทำความสะอาด โบสถ์ ถนน ล้างห้องน้ำ ซักผ้า

    พอฟ้าสว่างแล้ว ก็เห็น เณร ตัวเล็กๆ เดินเท้าเปล่า อุ้มบาต เรียงแถว กลับเข้ามาที่วัด

    ตอนที่น้องนิวกินข้าวที่ไร น้ำตาใหล ทุกครั้งที่กินข้าว รู้สึกปลาบปลื้มทุกครั้ง

    ที่น้ำตาใหล เพราะ เณรน้อย เดินเท้าเปล่า ไปบิณฑบาต ตั้งแต่เช้ามืด ค่อนข้างไกลจากวัดมาก เห็นภาพแล้วก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ เราได้กินข้าว เพราะ พระ เณร ท่านไปบินฑบาตมาให้ กิน เพื่อจะได้ มีแรง สวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรมต่อไป

    ทุกท่านที่ใส่บาตตอนเช้า คือท่านได้ให้อาหารมาถึงพวกเราด้วย นักปฏิบัติ ที่อยู่ในวัดอีกหลายชีวิตคะ อาหารที่ได้มา แบ่งสำหรับเช้า และ สำหรับเที่ยง นี่ก็ซาบซึ้งเหลือเกินคะ

    การที่น้องนิว เดินทางสายนี้ ทำให้เพื่อนๆที่ไกล้ชิด ตีตัวออกห่างน้องนิวไปเยอะมาก
    เพราะ
    1. น้องนิวรักษาศีล 5
    2. น้องนิวชอบไปบวชเนกขัมมะ หากมีเวลาหยุดติดต่อกันหลายวัน
    3. น้องนิวชอบไปวัด ชอบ สวดมนต์ นั่งสมาธิ ทั้งที่บ้าน และที่วัด

    3อย่างนี้ ทำให้คนรอบข้างตีตัวออกห่าง หากเอยปากชวนใครไปบวช วงแตกคะ หนีกันหมด แต่น้องนิวก็ไม่ได้สนใจอะไรคะ น้องนิวมีความสุขกับสิ่งที่ตนเองได้เลือกแล้วคะ

    ก็แค่มาเล่าให้ฟังเล็กๆน้อยๆคะ
     
  3. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154
    ขออนุโมทนากับน้องนิวด้วยจ้ะ

    1.จากที่เล่ามา ถือว่าน้องนิว มีการเตรียมตัวก่อนเริ่มการฝึกมโนมยิทธิค่อนข้างดีแล้ว โดยเฉพาะเรื่องการฝึกด้านสมาธิ ให้ใจมีความสงบไว้ก่อนเป็นพื้นฐาน โดยเปลี่ยนคำภาวนาจากที่เคยใช้ “พุทโธ” ได้ปรับมาใช้คำภาวนาตามหลักของวิชชามโนมยิทธิ คือใช้คำภาวนาว่า “นะ มะ พะ ทะ” แทนของเดิม

    ตรงจุดนี้ หากว่าไม่มีข้อขัดข้อง ในเรื่องของคำภาวนา ก็ถือว่าดี แต่หากจะมีข้อขัดข้องอยู่บ้าง ก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ปฏิบัติในระยะแรกๆ ทางแก้ก็คือ ในระยะแรกหากเคยใช้คำภาวนาว่าอย่างไรให้ใจมีความสงบก็ใช้คำภาวนาอย่างนั้นไปก่อนจนกว่าใจจะมีความสงบ เมื่อใจสงบเรียบร้อยแล้ว จึงเปลี่ยนไปจับคำภาวนาว่า “นะ มะ พะ ทะ” ทำการภาวนาต่อไปแทนที่ของเดิม อย่างนี้ก็ให้ผลได้เสมอกัน

    การภาวนา “นะ มะ พะ ทะ” นี้ มีความสำคัญมากหากใช้สำหรับการฝึกทางด้านทิพยจักขุญาณ เวลาใช้ภาวนาให้สนใจเฉพาะการรักษาคำภาวนาอย่างเดียวไปเรื่อยๆ อย่าไปวอกแวก วอแว กับเรื่องอย่างอื่น หากจิตเป็นสมาธิทรงตัวดีแล้ว ถึงขั้นอุปจารสมาธิ อารมณ์จิตจะสว่างไสว การเจริญจิตตามกรรมฐานกองนี้ จะเป็นประโยชน์ในการฝึกด้านวิชชาสาม เพื่อพิสูจน์ความจริงตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาได้อย่างดี

    สำหรับน้องนิว หากมีความปรารถนาในทางการปฏิบัติเพื่อให้เกิดปัญญา เพื่อความพ้นทุกข์ เห็นจะไม่ต้องเสียเวลาไปพิสูจน์หลักคำสอนขององค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกต่อไปแล้ว ดังนั้น หากภาวนา “นะ มะ พะ ทะ” จนถึงอุปจารสมาธิแล้ว อารมณ์ใจมีความสว่างไสว ก็ให้รับรู้แล้ววางไปเสีย จากนั้นมุ่งเจริญสมาธิต่อไป ให้เกิดเป็นความสงบประณีตของจิตในขั้นที่สูงขึ้น เพื่อเป็นการสะสมกำลังให้กับจิต และนำเอากำลังนั้น มาใช้เป็นฐานสำหรับการพิจารณาความจริงของธรรมชาติ ให้เกิดความเข้าใจและนำไปสู่หนทางเพื่อความพ้นทุกข์ตามที่น้องนิว มีความปรารถนาได้ต่อไป

    2.เรื่องของการภาวนาและการพิจารณา ทั้งสองสิ่งต้องอาศัยซึ่งกันและกัน จะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปไม่ได้ หากรู้จักมีความยืดหยุ่นได้ ก็จะดีมาก การปฏิบัติควรเน้นให้มีอารมณ์สบายเป็นสำคัญ อย่าไปฝืน เพราะจะทำให้เกิดความตึงเครียดทางอารมณ์ วันไหนใจอยากจะภาวนาก็ให้ภาวนาไป บางวันเกิดไม่อยากจะภาวนาขึ้นมา แต่อยากจะพิจารณา ก็ให้ทำการพิจารณาไป อยากจะพิจารณาในข้อธรรมใด ก็หยิบยกเอามาใคร่ครวญพิจารณา การรู้จักใช้วิธีการที่ยืดหยุ่นแบบนี้ ไม่ช้าจิตก็จะเกิดเป็นความเคยชิน และนำไปสู่หนทางที่ทำให้เกิดปัญญาได้ตามที่ต้องการ

    3.การที่น้องนิว สนใจปฏิบัติธรรม จนคนรอบข้างเริ่มตีตัวออกห่าง อาจจะเป็นเพราะว่าต่างคนก็ต่างมีความชอบเป็นของตัวเอง น้องนิวมีความชอบอย่างหนึ่ง คนรอบข้างมีความชอบอีกอย่างหนึ่ง เราจะไปบังคับกะเกณฑ์ให้ทุกคนมีความชอบเหมือนกันทั้งหมด คงจะเป็นไปไม่ได้ อยากให้น้องนิว ตระหนักไว้ว่า ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น เป็นเรื่องเฉพาะตัวของน้องนิวเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้อื่นผู้ใด การดำรงชีวิตไปตามธรรมดา ที่เห็นว่ามีแต่ทุกข์นั้น หากทุกข์เกิดขึ้นแก่เรา เราเองก็จะต้องเป็นผู้รองรับอารมณ์ของเราทั้งหมด จะมีผู้อื่นผู้ใดมาแบ่งเบาภาระทุกขเวทนานั้นๆ จากเรา ก็ไม่สามารถกระทำได้ ดังนั้น ก็ต้องอาศัยการพิจารณาให้เกิดเป็นปัญญารู้เท่าทันความธรรมดาของโลกที่จะต้องเกิดขึ้น รู้แล้วก็สักแต่ว่ารู้ แล้วก็ปล่อยวาง อย่างนี้กล่าวได้ว่า ยังดำรงอยู่ในโลก แต่ทำตัวให้อยู่เหนือโลกนั่นเอง

    การฝึกอบรมใจทางด้านสมาธิ อย่างที่น้องนิวกำลังทำอยู่ เป็นการทำให้ใจสงบ ถ้าจะกล่าวว่า ใจสงบนั้น สงบที่ตรงไหน กล่าวได้ว่า ต้องให้ใจสงบตรงที่ไม่ปล่อยอารมณ์ใจให้ไปยุ่งกับเรื่องของผู้อื่น หากตั้งใจไว้ว่าเราจะปฏิบัติตัวเพื่อความดี ผู้อื่น คนอื่นๆ เขาจะดี เขาจะชั่ว ก็เป็นเรื่องของเขา เราไม่เกี่ยว ให้เน้นการควบคุมกำลังใจของเราเองเป็นการเฉพาะ ว่าจะไม่ยอมให้อารมณ์ของความชั่วมาเกิดขึ้นกับใจของเรา อย่างนี้ก็เรียกว่าใช้ได้

    เมื่อทำการรักษาอารมณ์ใจทางสมาธิให้ได้อย่างนี้โดยตลอด ถ้าวันไหน จิตเกิดไปจับเอาธรรมข้อไหน มาพิจารณา ก็ปล่อยให้พิจารณา ใคร่ครวญตามข้อธรรมนั้นๆได้ทันที อย่างนี้ใช้ได้ทั้งนั้น ดีกว่าปล่อยให้ใจไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องไร้สาระอื่นๆ ที่ทำให้เกิดเป็นความเสื่อมโทรมของจิตใจ เรียกว่าให้จิตจรดจ่ออยู่กับอารมณ์ที่เป็นเรื่องของความดี อย่างนี้กล่าวได้ว่า เป็นอารมณ์สมาธิ ที่สมควรกระทำให้เกิดขึ้นตลอดเวลาสำหรับนักปฏิบัติกรรมฐานผู้ยึดมั่นในหนทางแห่งปัญญา

    ฝากให้น้องนิว เพื่อพิจารณาต่อไปจ้ะ
     
  4. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239


    ขอบคุณ คุณyooyut มากๆเลยนะคะ สำหรับคำแนะนำที่มีให้กับน้องนิวเสมอมาคะ:cool:
     
  5. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    การเติมเต็มให้กับตนเอง
    สายไหนก็ปฏิบัติได้ ทุกสายก็ปฏิบัติอยู่ทั่วไป
    ศิษย์ที่ดีปฏิบัติได้เองโดยไม่ต้องมีครู
    คำสอนในพระพุทธศาสนาส่วนมาก จะสอนให้รู้จักมองความจริงในสองระดับ แล้วแต่สติปัญญาของแต่ละคน ระดับแรกก็มองแบบสมมุติสัจจะไปก่อน เมื่อต้องการแสวงหาความรู้แจ้งจริงๆ แล้ว ก็ต้องมองให้สูงขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง คือมองแบบปรมัติสัจจะหรือวิมุติสัจจะ
    การเขย่าธาตุรู้ในตัวเอง ซึ่งมีอยู่แล้วตามธรรมชาติ ให้ผุดขึ้นมา
    เป็นจุดสำคัญที่สุด แล้วท่านล่ะคิดจะเขย่าบ้างหรือยัง
     
  6. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239

    ขอบคุณคะ อาจารย์ดา ให้ข้อคิดดีมากๆเลยคะ
     
  7. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    คุณนิว ผมจะเล่าประสบการณ์ฝึกมะโนที่บ้านเล็กน้อย

    นะมะพะธะ บริกรรมไปสักพัก ผมจะเปลี่ยนเป็น จะภะกะสะ

    จบที่ นะโมพุธธายะ เกิดแสงสว่างพุ่งออกไปครอบ

    โต๊ะหมู่บูชาพระ สว่างไสวคลุมไปหมด

    แล้วผมก็ปล่อยให้ สมาธิถอยออกมาเอง โดยไม่มีการบังคับสมาธิ
     
  8. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    คุณนิวผมมีความเป็นห่วงเป็นใยหากคุณนิวจิตตก
    ก็ขอให้พิจารณาจากเรื่องเล่าที่ผมพอจะระลึกได้

    พระภิกษุผู้คงแก่เรียนเดินธุดงค์
    จาริกธุดงค์มาพบแสงรุ้งงามสว่างไสวออกมาจากกระท่อมหลังเล็กที่เชิงเขา ทำให้พระภิกษุผู้คงแก่เรียน จินตนาการไปว่า ข้างในกระท่อมนี้จะต้อง
    มีผู้มีคุณธรรมผู้บรรลุธรรมอยู่ภายใน อย่างแน่นอนด้วยความดีใจพระภิกษุผู้คงแก่เรียน ได้ขออนุญาติเข้าไปภายในกระท่องเล็กแห่งนั้น ภาพที่คิดว่าตนจะได้พบภิกษุผู้บรรลุธรรมสูงส่ง กลับพบแต่หญิงชราที่มีลักษณะผิวพรรณผุดผ่องอยู่ภายในกระท่อมคนเดียว ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของภิกษุผู้คงแก่เรียน ก็สอบถามหญิงเฒ่าตนได้ ธุดงค์ผ่านมาพบแสงรุ้งงามสว่างไสวออกมาจากกระท่อมหลังเล็ก หญิงชราตอบภิกษุผู้คงแก่เรียนเธอบริกรรมภาวนา
    อามิตตาผุด อามิตตาผุด อามิตตาผุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    อยู่ทุกวันทุกคืน ทำให้ภิกษุผู้คงแก่เรียนร้องทัก ยายภาวนาผิด
    ที่ถูกต้อง อามิตตาพุธ เชื่อฉันสิฉันเรียนมา จากนั้นภิกษุผู้คงแก่เรียนก็ขอตัว
    ออกเที่ยวธุดงค์ต่อไป ผ่านไปหลาย ๆปี ภิกษุผู้คงแก่เรียนก็นึกถึงหญิงชรา
    จึงย้อนกลับมาอีกครั้ง แต่ก็ไม่เห็นแสงสว่างรุ่งงามอะไรออกมาจากกระท่อมเชิงเขาจึงคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับหญิงชราหรือเธอจะตายไปแล้ว ก็รีบตรงเข้าไปในกระท่อม กลับพบหญิงชราร่างกายผ่ายผอม ผิวดำหมอง ทำให้ภิกษุผู้คงแก่เรียนรู้สึกผิดที่ตนไปบอกให้หญิงชราบริกรรมภาวนาคำใหม่ ภิกษุผู้คงแก่เรียนจึงแกล้งอุทานขึ้นว่า ครั้งที่เจอกันครั้งก่อน ต้องขอโทษยายด้วย ฉันจำคำบริกรรมผิด ของยายบริกรรมภาวนาถูกต้องแล้วไม่ผิดไม่ผิด ยายที่นอนป่วยอยู่ ก็มีอาการดีขึ้นมาทันที แล้วจากนั้นมาหญิงชราก็กลับมาบริกรรมภาวนาอย่างเดิม
    อามิตตาผุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    ต่อมามีเหตุให้พระภิกษุผู้คงแก่เรียนต้องเดินธุดงค์ ผ่านมาอีกครั้งท่านก็พบแสงรุ้งงามสว่างไสวออกมาจากกระท่อมหลังเล็ก ภิกษุผู้คงแก่เรียนก็ไม่ไปรบกวนหญิงชราอีก กลัวว่าเธอจะจิตตกอีก นิทานก็จบ
     
  9. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239
    ขอบคุณอย่างยิ่งคะ อาจารย์ดา
     
  10. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    พระของคุณจะเป็นแบบผมไหม
    เข้าถึงความเป็นบุคคลผู้เดียว ถ้ายังไม่ถึงความเป็นบุคคลผู้เดียว
    ผมเรียกว่าสมมุติสงฆ์
     
  11. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239
    รู้สึกว่าอยู่กับอาการ ตึง หน่วงตรงจมูก หน้าผาก ท้ายทอย และกลางกระหม่อม นานจังเลย แล้วจะเป็นแบบนี้อีกนานใหมนะ
     
  12. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239
    จมูกเชิดขึ้น จนประหนึ่งว่า จะขึ้นไปหาหน้าผากให้ได้ ตึงหน่วงอยู่อย่างนี้ ทุกวันๆๆๆๆๆๆๆ จนเป็นปกติเสียแล้ว ส่วนตรงกลางระหว่างคิ้วนี่ก็เหมือนมีตาลืมขึ้นมอง มีชำเลืองซ้าย ชำเลืองขวา เหมือนตาเราปกติ แล้วยังชอบบังคับให้ตาเนื้อของเราหลับตาลงเสียนี่ เหมือนกับว่าอยากให้ตาทั้งสองข้างหลับตาลง แล้วตาตรงกลางอยากจะมองออกไปแทน ใครมีอาการแบบนี้ เป็นกันนานไม่คะ ไม่มีอะไรหรอกคะ คือชินแล้ว อยู่กับอาการนี้นานแล้ว แต่แค่อยากรู้ว่า จะดับไปได้เมื่อใด เท่านั้นเอง
     
  13. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239
    เห็นคุณตั้งฉาก มาตอบกระทู้ แต่หายไปคงโดนลบไปแน่เลย ยังไงรบกวน PMมาก็ได้นะคะ
     
  14. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239
    ตอนนี้ เมื่อหายใจเข้าออก
    รู้สึกลม ผ่านเข้า-ออกตรงรูจมูกได้ชัดเจน ที่เวลาลมผ่าน จะเย็นๆ

    อาการตึง หน่วง คลอบคลุมไปทัวทั้งหัว

    จุดที่เด่นชัดที่ มีความรู้สึกได้ชัดขึ้นมาก คือ บริเวณกลางกระหม่อม และบริเวณ ตรงดั้งจมูก

    เสียงแกร๊กๆๆๆๆ เริ่ม ดังไปทั่ว ที่ชัดที่สุดคือ บริเวณสมอง และ ท้ายทอย ดังแกร๊กๆๆ เหมือนมีอะไรเข้าไปเจาะอยู่ข้างใน อาการตึงๆ กลับสลับไปมา ตรงกลางกระหม่อมบ้าง ท้ายทอยบ้าง ตรงจมูกบ้าง ไม่เจ็บ ไม่ปวด แต่รู้สึกเหวี่ยงนิดๆคะ
     
  15. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239
    เมื่อคืน นั่งสมาธิแล้ว ปรากฎว่า เหมือนท้องน้อยขยายตัว ม้วนๆๆๆ
    ก็เลยลองสุดลมหายใจเข้าไปเยอะๆ ตรงท้องน้อยรับลมเข้าไปได้เยอะมาก
    สูดลงไปเท่าไหร่ มันก็รับลมไว้ได้ โดยรู้สึกเหมือนมันขยายตัวรับลมแล้วม้วนๆตัวอยู่ข้างใน
    เราก็ลองสูดๆๆๆเข้าไป

    พอปล่อยลมหายใจออก ออกมายาวมากๆๆๆ

    ทดลองทำแบบนี้ ควรหรือไม่ควรคะ แต่เราสู้สึกว่าจิตไปอยู่ที่ท้องน้อยได้ดีมากเลยคะ
     
  16. DR-NOTH

    DR-NOTH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    581
    ค่าพลัง:
    +1,276
    จากที่อ่านมาพอจะสรุปได้ว่า อาการที่เกิดขึ้นกับคุณนั้นป็นการพยายามติดต่อของดวงวิญญาณบรรพบุรุษ ....
    โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
    ^__^
     
  17. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239
    หลายวันมานี้ เวลานั่ง รู้สึกเหมือนตรงจักระ1 โยกขึ้นลง คือนั่งบนเก้าอีี้ รู้สึกโยกขึ้นลง คล้ายๆ กับเหมือนมีรถสิบหล้อวิ่งผ่านมาแล้วพื้นสะเทือนไรแบบนี้คะ จริงๆแล้วไม่มีรถสิบล้อวิ่งมาไกล้หรอกนะคะ คือที่รู้สึกนี่ นั่งทำงานในออฟฟิศ แล้วรู้สึกโยกๆ ขึ้นลง

    ทีแรกก้นึกว่าเกิดจากการสั่นสะเทือนของพื้นดิน พอสังเกตดีๆ ไม่ใช่ ไม่มีอะไรมาทำให้สะเทือนเลย แต่เรานั่งอยู่ กลับรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน แบบเหมือนก้นเราจะลอยขึ้นจากเก้าอี้เลยคะ รู้สึกอยู่คนเดียว เกิดไรขึ้นคะ

    เกี่ยวกับจักระที่1หรือเปล่าคะ
     
  18. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239
    สังเกตดูดีๆ อีกครั้ง เหมือนชีพจรเต้นมากกว่า ตรงบริเวณจักระ1 แต่ทำไมเต้นแรงแบบนี้นะ ทำให้รู้สึกโยกได้ขนาดนี้
     
  19. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    เพื่อเอาไว้ให้ลองทบทวนการแนะแนวทางปฏิบัติตรงนี้ดูอีกรอบนะครับ
    อ้างอิงไว้ให้ครับ..เพื่อมีคนมาอ่านจะได้ช่วยกันพิจารณา
    และคุณจะได้ไม่ต้องเสียเวลาลบๆและแก้ไขข้อความเหมือนที่เคยทำ
    ในอดีตที่ผ่านมา...

    ปล.คนจะดีต้องดีทั้งในที่ลับและในที่แจ้ง...
    อยากรู้ว่าตนเองมีความดีแค่ไหน.ให้ดูความ
    เกรงใจของภพภูมิต่างๆที่มีให้กับเรา..และดูว่า
    ภพภูมิระดับไหนที่เค้านับเราเป็นพันธมิตร
    ถ้าไม่รู้ หรือดูไม่ออก ให้สังเกตุนิสัยพื้นฐาน
    ของตนเองเป็นหลัก นั่นจะบอกลักษณะ
    ของภพภูมิที่เราเป็นเพื่อนกับเค้าอยู่
    ขอบคุณครับ....
     
  20. ตั้งฉาก

    ตั้งฉาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    495
    ค่าพลัง:
    +573
    ข้อความสำหรับเจ้าของกระทู้เท่านั้น เหมาะสำหรับเจ้าของกระทู้แต่ผู้เดียว

    สำหรับผู้อื่น อาจเป็นเพียงอุปาทาน ที่ไปยึด และ เกิด อาการลอคเข้า!!! ถ้าเกิดขึ้นละก็ อันตรายมหันต์ ต่อการเจริญธรรมต่อไป

    เราไม่ได้ต้องการเผยแพร่ ให้เป็นไปเพื่อสาธารณะ และไม่เพื่อให้เป็นแนวทางมาตรฐาน
    สำหรับผู้ที่มีโอกาส เข้ามาเจอข้อความ ถือว่าเป็นวาสนาของเขา หากเขามีสภาวะใกล้เคียงกัน หากไม่มีสภาวะใกล้เคียงกัน มันก็แทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย อ่านไปก็ไม่รู้เรือง ไม่รู้เรืองแล้วเกิดปฏิฆะอีกต่างหาก

    การลบ แสดงเจตนาอยู่แล้ว ว่า ไม่ต้องการให้มีการอ้างอิง ใดๆ ... เพราะถ้าเช่นนั้น วิชา 7 จักระก้ถูกบรรจุไว้ในพระไตรปิฏก หรือ คัมภีร์วิสุทธิมรรค ไปแล้ว ในเมื่อมันไม่มีในพระไตรปิฏก (แม้มันจะเป็นศาสตร์ หรือเวท ก่อนสมัยพระพุทธเจ้า ที่ถือว่าเยียมยอดก่อนจะมีพุทธศาสนา) สภาวะธรรมทที่เกิดขึ้นสำหรับคนบางคนเท่านั้น ก็สมควรถูกแก้ไขสภาวะธรรม ให้เป็นไปในแนวทางที่พระพุทธเจ้าประกาศไว้

    ใยตีความเป็นอื่น? ให้ธรรมนั้นยุติ เมื่อ เจ้าของกระทู้รับทราบ ไม่ใช่เรืองของผู้อื่น ไม่ได้ประสงค์ให้ผู้อื่นอ่าน หรือ ที่จะพยายามเข้าใจในสถาวะธรรมนั้น นอกจากเจ้าของกระทู้อ่านจะทราบกับตนเองดี สำหรับผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวบอกเสมอๆ ว่าอย่าทำตาม เพราะสภาวะนี้สำหรับ จขกท เท่านั้น(สำหรับผู้อื่นอาจจะ อาจจะ เอะ หรือ อ๋อ เช่นกัน และก็จบแค่นั้น แต่ไม่ใช่เป้าหมาย เพราะสภาวะนั้นของใครของมัน)

    เหตุที่ลบ กลัวคนอื่นที่ไม่มีสภาวะนี้หรือใกล้เคียงจะหลงทางหรือใช้เป็นแนวทาง มิได้กลัวเลยว่าที่บอกไปมันจะผิด หรือไม่กล้าแสดงความคิดเห็น หรือ ความคิดเห็นนั้นมั่วๆซั่วๆ
    และผู้ที่จะวิจารณ์คำเขียนเราได้ มีแต่เจ้าของกระทู้เท่านั้น เพราะเขารู้สภาวะเขาดี จริงไม๊? นิว

    แล้ว อ้างอิงไปทำไม? เพื่ออะไร? เพื่อใคร? เพื่อให้ดูว่า A=A A=B 1=C ก=ฮ นายกอคือMrBean ฉันก็เป็นเหมือนกัน ฉันไม่เห็นมีแบบัน้นเลยโกหกทั้งเพ ฉันเป็นแบบนั้น ฉันเป็นแบบนี้ ของเธอไม่เป็นแบบฉัน-ของเธอไม่จริงมั่วแล้ว ของฉันไม่เป็นแบบเธอ-ของเธอทำไม่ถูกต้องให้ได้แบบฉันอย่างงั้นอย่างงี้ ฉันอยากมีแบบเธอมั่ง-ฉิบหายหละคราวนี้...ทั้งๆที่มันคนละคนกัน สำหรับคนอื่นนะหรือ คนอื่นไม่เกี่ยว กับข้อเขียนนี้ ... มัน อจินไตย... จะเกิดการ สืบเนื่องไม่รู้สิ้น หาจุดสรุปก็ไม่ได้ เพราะต้นตอมันบอกต่อๆกันมา ว่าไปอ่านเจอที่นั่น อ่านเจอที่นี่ แต่ไม่รู้เหตุและปัจจัยที่แท้จริง เพราะมันเป็นสภาวะของคนคนนั้นเท่านั้น และมันจะจบสำหรับคนคนนั้นเท่านั้น เมื่อมันจบ ธรรมยุติ ทุกอย่างเป็นอนัตตา สำหรับคนคนนั้น
    เราจึงหลีกเลี่ยงกรณีนี้ .. และก็ไม่ใช่เพราะหวงวิชา ...(เนื่องจาก ไม่มีวิชาให้หวง อิอิ)

    หากถือกันเช่นนั้น เราจะยุติธรรมทั้งหมด เพียงเท่านี้ (ถึงไม่ถือก็จะยุติ อยู่แล้ว อิอิ เจ้าของกระทู้รู้ดี ใช่ไม๊? นิว )

    ถึงกระนั้นก็ตาม การที่ จขกท จะทำตามหรือไม่ทำตาม เป็น วิจารญานของเขาเอง เขาจะรู้เองว่าอะไรใช่ไม่ใช่สำหรับตัวเขา
    ที่ผ่านมาจขกท เองเมื่อเห็นข้อความบางอันที่เขาอยากอ้างอิงไว้ เขาจะอ้างอิงของเขาเองเป็นบางตอน อันนั้นเป็นธรรมกับเขาแล้ว


    บางคนบอก ฝึก 7 จักระเมื่อถึงขีดสุด แล้วต้องร่วมเพศ ช่วยตัวเอง สร้างเสริมพลังทางเพศ เพื่อระบายพลัง มันบ้าป่าว!!!
    พระพุทธเจ้าสอนแบบนั้น หรีอ? คนก็แห่หันไปสรรเสริญเยินยอแนวทางนี้ กันยกใหญ่ ว่าจริง จริง พวกมันก็เป็นเหมือนที่กล่าวอ้าง

    ขำ สุดๆ

    วิชานี้ ถ้าใช้ถูกทางมันก็ดี ถ้าใช้ผิดด้วยมิจฉาทิฏฐิละก็ ฉิบหาย กันเลย ชาตินี้ จริงไม๊หละ??? มิหนำซ้ำ ลากคนอื่นไปด้วย อีก กองคาราวานเลยคราวนี้

    ไหนๆ จะโดนแบน และ เขียนมันตรงๆ เลย อิอิ

    แต่ยินดี โดนแบน นะ ไม่ว่ากัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 สิงหาคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...