ถามครับ ความคิด เสียงที่เราได้ยินในใจ พูดในใจ คือเสียงของอะไร ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย mantiser, 25 กรกฎาคม 2014.

  1. mantiser

    mantiser สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +20
    ใครพอจะทราบไหม ว่าเสียงที่เราคิดในใจ เช่นพูดในใจ ร้องเพลงในใจ หรือด่าในใจ เสียงเหล่านี้มันเป็นเสียงของจิตวิญญาน หรือเสียงของสมอง หรือเสียงของอะไร ?
     
  2. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ มันเป็น "เสียงของคุณเอง" นั่นแหละ หากคุณใช้ "สมอง" ทำเสียง มันก็เป็นเสียงของ "สมอง" หากคุณใช้ "จิตวิญญาณ" ทำเสียง มันก็เป็นเสียงของ "จิตวิญญาณ"
    +++ ทั้งหมดขึ้นกับ "นิยามคำศัพท์" ว่า เสียงในใจของคุณ มันมีมาจากที่ไหน และทั้งหมดนี้ "คุณต้องนิยามเอง" หากคนอื่นมา "นิยามให้" อาจถกเถียงกันวุ่นวายได้ นะครับ
     
  3. Jan2014

    Jan2014 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2014
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +143
    เป็นเสียงของประสบการณ์ที่บันทึกไว้ในจิต
    เป็นสิ่งที่ทับถม ทับไปทับมา ไม่รู้จักจบสิ้น
    จนกว่าจะเห็น "ความไม่มีเสียง" ในขณะที่เราได้ยินเสียง
     
  4. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    เสียงเหล่านั้น เป็นเสียงที่เกิดจากความรู้ ความจำ บ้างก็เกิดการปรุงแต่ง จากการทำงานของระบบประสาทอันประกอบไปด้วย สมอง เส้นประสาท ไขสันหลัง หัวใจ
    สาเหตุที่เกิดขึ้นนั้น ก็เพราะเกิดอาการผิดปกติที่หัวใจและสมองเนื่องจากหลั่งสารสื่อประสาทออกมาผิดปกติ แต่สามารถควบคุมได้ขอรับ ขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง
     
  5. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    น้ำ กับ แก้วใส่น้ำ เหมือนกันไหมครับ ^^

    .
     
  6. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154
    กระทู้นี้เป็นประเด็นคำถามที่ดีมากครับ ก็ขออนุญาตร่วมแสดงความเห็นต่อท่านเจ้าของกระทู้ด้วยคนนะครับ

    โดยหลักการแล้ว ในทางพระพุทธศาสนา จัดไว้ว่าจิตใจของคนเรานั้น เป็นธาตุชนิดหนึ่ง มีความรับรู้ได้เป็นการเฉพาะ เรียกว่า “มโนธาตุ” หรือว่าธาตุรู้ นั่นเอง ดังนั้น เมื่อจิตของคนเราเป็นธาตุรู้ จึงจำเป็นต้องอาศัยเครื่องปรุงแต่งของจิต ในการหล่อเลี้ยงอาการของจิต ซึ่งในที่นี้คือ “สัญญา” และ “เวทนา” สัญญาหมายถึงความรู้สึกสัมผัสได้จากช่องทางทั้ง 6 ช่องของคนเรา ส่วน เวทนา หมายถึงความรู้สึกในรสสัมผัส คือความเย็น ความร้อน ความสบายหรือไม่สบาย เป็นต้น กล่าวว่าความรู้สึกทั้งสองอย่างนี้ จะก่อให้จิตเกิดมีการปรุงแต่งว่ามีความรู้สึกดี รู้สึกร้ายเกิดขึ้นในใจอยู่เสมอ

    อันนี้เป็นกลไกการทำงานของจิตโดยสังเขป อย่างง่ายๆนะครับ

    ทีนี้ ความรู้สึกทั้งสองประการ คือ สัญญาและเวทนา เมื่อมากระทบเข้ากับจิต จะก่อให้เกิดมีการปรุงแต่งว่ามีความรู้สึกดี รู้สึกร้ายเกิดขึ้นในใจ แล้ว ตามธรรมชาติของปุถุชนคนธรรมดา เมื่ออยู่เฉยๆ มักจะมีการปรุงแต่งของจิต ตามสิ่งที่มากระทบ เกิดเป็นความคิดต่างๆ สะสมอยู่ภายในใจ หากยังปล่อยวางความคิดต่างๆไม่ได้ ความคิดนั้นจะปรากฏขึ้นมาในใจเรื่อยๆ เกิดเป็นกระแสความคิดขึ้น โดยธรรมชาติของใจมนุษย์นั้น เมื่อไม่หยุดนิ่งแล้ว อาการที่เกิดขึ้นมาในใจเวลาที่เกิดกระแสความคิดไหลเวียนอยู่ภายในใจนั้น พบว่ามีอยู่ 3 แบบ คือ

    1.กระแสความคิดเกิดเป็นมโนภาพ เห็นภาพเป็นเรื่องราวเรื่อยเปื่อย

    2.กระแสความคิดเกิดเป็นเสียงของความคิด คิดอย่างนั้น คิดอย่างนี้ คล้ายกับการพูดกับตัวเอง หรือได้ยินเป็นเสียงอย่างนั้น ได้ยินเป็นเสียงอย่างนี้ เกิดขึ้นมาในใจ ตาม “สัญญา” ที่ได้จำไว้ แล้วแต่จิตจะทำการปรุงแต่งไป

    3.กระแสความคิดเกิดเป็นทั้งมโนภาพและเสียงประกอบกันไปพร้อมๆกัน ตามแต่ที่จิตจะปรุงแต่งไป

    ทั้ง 3 ประการนี้คืออาการของการปรุงแต่งของจิต ที่มักจะเกิดมีขึ้น เมื่อมีสัญญาและเวทนามากระทบกับจิต นะครับ ซึ่งจากที่เจ้าของกระทู้สอบถามมาก็จะเป็นกรณ๊ที่ 2 คือ กระแสความคิดถูกปรุงแต่งขึ้นเกิดเป็นเสียงของความคิดเกิดขึ้นในใจให้เราได้รับสัมผัสได้นั่นเอง จึงเป็นที่มาของประเด็นคำถามที่ว่าเสียงของความคิดในใจนั้นมาจากไหน อย่างไรนะครับ

    ทีนี้ เรื่องเสียงในใจ ถ้าเกิดขึ้นแบบนี้ ก็จะนำไปสู่ความฟุ้งซ่านของจิตใจได้ ทำให้เกิดผลเสียกับสภาพจิตใจอย่างมากนะครับ ทางที่ดี สมควรจะหาทางแก้ไขอาการฟุ้งซ่านนี้เสีย โดยการเอาใจให้เกาะอยู่กับสิ่งที่เป็นกุศลไว้เรื่อยๆ ก็จะเป็นการแก้อาการฟุ้งซ่านของจิตใจได้อย่างดี

    สำหรับวิธีการเอาใจไปให้เกาะอยู่กับสิ่งที่เป็นกุศล ในทางปฏิบัติทำได้หลายวิธี แต่ในกระทู้นี้เน้นเรื่องของเสียงที่ก่อเกิดขึ้นในใจเป็นสำคัญ ก็จะกล่าวถึงเฉพาะเรื่องนี้เป็นหลักนะครับ

    การเกิดเสียงของความคิดขึ้นในใจ หากมีมากๆ ทำให้ฟุ้งซ่าน ทางแก้คือ ให้ใช้เสียงที่เป็นกุศลเข้าไปแทนที่เสียงต่างๆ ที่ทำให้เกิดความฟุ้งซ่านในใจ เช่น ทำการภาวนาคาถาที่มีความชอบใจ หรือหาคำภาวนาง่ายๆ ที่ชอบใจมาทำการภาวนา เช่น ภาวนาว่า พุทโธ หรือ นะมะพะทะ หรือ โสตัตตะภิญญา หรือ สัมปจิตฉามิ หรือคำภาวนาอื่นๆใดๆ มาใช้ก็ย่อมได้ทั้งสิ้น

    ในขณะที่ทำการภาวนาคาถาหรือคำภาวนาที่ชอบใจ เราก็จะได้ยินเสียงของคาถาหรือคำภาวนานั้น ดังอยู่ในใจ แทนเสียงของความคิดต่างๆ ที่ทำให้เกิดความฟุ้งซ่านในใจของเรา เมื่อเป็นเช่นนี้ ใจก็จะจรดจ่ออยู่กับอารมณ์ที่ตั้งไว้ และไม่เปิดโอกาสให้มีเสียงของความคิดอื่นๆ เข้ามาแทรกได้ ในไม่ช้าใจก็จะสงบนิ่ง จิตจะดิ่งไปกับการภาวนาคาถาหรือคำภาวนานั้นๆ เกิดเป็นสมาธิของจิตขึ้นมา

    เมื่อมาถึงขั้นตอนนี้ จะมีประโยชน์ในการฝึกกรรมฐานต่อนะครับ

    กล่าวคือ เมื่อจิตดิ่งเกาะไปกับการภาวนาคาถาหรือคำภาวนาที่ชอบใจแล้ว จิตก็จะเกาะติดกับเสียงของการภาวนาคาถาหรือคำภาวนาที่ชอบใจนั้น ที่เกิดขึ้นใจใจเรา ตรงจุดนี้ หากทำไปเรื่อยๆ ก็จะมีผลในการไต่ระดับฌาน ขึ้นไปสู่ความสงบในขั้นสูงขึ้นไปเรื่อยๆ

    โดยปกติในระดับฌานที่ 1 เสียงของการภาวนาคาถาหรือคำภาวนาจะยังมีอยู่ในใจ แต่เมื่อเข้าสู่อาณาเขตของฌาน 2 จะพบว่าเสียงของการภาวนาหรือคำภาวนาจะหายไป ก็สามารถทำการไต่ระดับฌานไปเรื่อยๆ จนถึงความเป็นอุเบกขา และเอกัคคตา ได้ในที่สุดนะครับ

    นี่เป็นการยกตัวอย่าง การนำเอาเรื่องของเสียงที่เกิดขึ้นในจิตใจ มาใช้ประโยชน์ในการฝึกกรรมฐาน เพื่อเป็นการพัฒนาตัวเองได้ต่อไป ซึ่งที่ยกมานี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นนะครับ ที่จริงยังมีตัวอย่างอยู่อีกมากมาย แต่ก็ขอยกเว้นเอาไว้ในฐานที่เข้าใจ เนื่องจากเห็นว่าจะยืดยาวเกินไปนะครับ

    ขอจบการให้ความเห็นในกระทู้ เรื่องการเกิดเสียงของความคิดในใจ ไว้เพียงเท่านี้ก่อนครับ ขอขอบคุณครับ
     
  7. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    เคยคุยเวลาฝันไหมครับ
    เวลาคุยในฝันมันมีเสียงไหมครับ
    เวลาร้องเพลงในฝันเหมือนได้ยินตอนตื่นอยู่ไหมครับ
    นั่นแหละ
    แค่กึ่งฝันตอนที่ตื่นอยู่เท่านั้นเอง ไม่มีอะไร
    มะนม มะโน ไปเอง

    ปล. หากไม่ได้มโน ตัวคุณก็จะรู้เองว่าไม่ใช่ ถ้ามีสงสัยก็คือฝันไป ลองไปถามใบเตยดู
     
  8. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844

    ก็เป็นลักษณะของความคิดนั้นละครับ เวลาที่คิดมันคิดเป็นรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อย่างหนึ่งอย่างใด หรือหลายๆอย่างก็ได้ทั้งนั้น
    เจริญในธรรม
     
  9. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    เสียงของเราเองนั้นแหละ อย่าไปคิดลึกมาก จะซับซ้อน
    เสียงของเรา ก็คือเสียงของเรา ไม่ใช่เสียงของเรา จะเป็นเสียงของใคร

    เหมือนเรากำลังจะหาสาเหตุว่า ไฟนี้มันมาจากไหน ? แล้วดับไปแล้วมันไปอยู่ไหน ?
    ลมหายใจมันมาได้ไง ทำไมต้องหายใจเข้าหายใจออก หายใจเข้า 2 ที แล้วออกทีเดียวไม่ได้เหรอ ?
    เสียงจะมา จากไหน ก็ช่างมันเถอะ สรุปมันก็คือเสียงของเรา

    แต่บางครั้ง เสียงในหัวเรา อาจจะคิดอะไร ที่เรียกว่าเป็นการ ดลบันดาลใจ
    เช่น อยู่ดี ๆ ก็นึกเรื่องนั้นได้ อยู่ดี ๆ ก็อยากเลี่ยงการเดินทางไปอีกเส้นหนึ่ง
    แล้วปราฏว่า คลาดแคล้วจากอุบัติเหตุ
    ถ้าแบบนี้ เป็นไปได้ว่า เทวดาดลบันดาลใจเรา ให้นึกแบบนั้น
    แต่การตัดสินใจ อยู่ที่ตัวเรา เราจะเชื่อ หรือไม่เชื่อ ก็ได้
    ถ้าคนที่ฝึกมาดี ก็จะแม่นในเรื่องนี้ คือการตัดสินใจก็จะค่อนข้างแม่นยำ

    เคยไหม อยู่ดี ๆ วันนี้ก็นึก หยิบร่ม หยิบ หมวก ติดตัวเดินทาง แล้วฝนก็ตก ทั้ง ๆ ที่แดดออก
    ดูไม่มีแววฝน
    หรือหยิบของโน้น นั้น นี้ไป แล้วก็ได้ใช้งานจริง ๆ

    บางครั้งก็เป็นเทวดาบันดาลใจ บางครั้งก็เป็นลางสังหรณ์เราเอง
    เป็นไปได้หลายอย่าง...

    ถ้าฝึกเยอะ ๆ ก็จะแม่นเรื่องพวกนี้มาก
    บางทีก็อาจถึงขั้น ดูวาระจิต คนออก เช่น
    คนนี้ มีอะไรอยู่ในใจที่ไม่บอกเรา คนนี้ไม่พอใจเรา คนนี้กำลังหลอกเรา
    คนนี้จริงใจกับเรา คนนี้หวังดีกับเรา คนนี้กำลังโกรธ คนนี้กำลังอิจฉา
    คนนี้กำลังมีความรัก คนนี้กำลังเครียด คนนี้... คนนั้น... คนโน้น... คนนี้....

    เรื่องพวกนี้ก็มีประโยชน์อยู่เหมือนกัน เพราะเราก็จะรู้คนไหนมาดี คนไหนมาร้าย
    คนไหนมาหวังผล ดูออกแบบง่าย ๆ ก็ไม่ถูกหลอก ไม่หลวมตัว..,
    มีประโยชน์กับเราเองนั้นแหละ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2014
  10. mantiser

    mantiser สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +20
    คือผมคิดเรื่องเสียงนี้ตอนกำลังขับรถ ผมคิดว่าเสียงในใจนี่มันมีประโยชน์ไหม ถ้าเราจะจดจำคำพูดของใครบางคน จำเป็นต้องนึกเสียงของเขาซ้ำไปซ้ำมาเพื่อจดจำไหม ? หรือฟังเพลง อ่านหนังสือ เราต้องมานึกเสียงนั้นให้ดังก้องในใจเพื่อจดจำรึป่าว ? ปกติเวลาเราจะพูดเราก็ไม่จำเป็นต้องพูดในใจก่อนเราพูดออกมาเลย หรือแม้แต่จะยกแขนหรือขา ก็ยกเลยไม่เคยพูดสั่งในใจก่อน ผมก็เลยสงสัยว่าแล้วเสียงในใจเนียมันมีประโยชน์อะไร ถ้ามันไม่ได้มีประโยชน์ช่วยในการจดจำเหมือนกับการฟังเพลงซ้ำ ๆ ฟังเทบซ้ำ ๆ แล้วเราควรกำจัดเสียงในใจนี่ทิ้งไปซะดีไหม ? ผมจำได้ว่าตอนเด็ก ๆ ผมไม่เคยมีเสียงในใจแบบนี้เลย แต่วันหนึ่งผมก็สร้างมันขึ้นมาและทำแบบนี้มาตลอดจนเคยชิน
     
  11. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลายเป็นอย่างไรเล่า ภิกษุทั้งหลาย หมู่แห่งเจตนาหกเหล่านี้ คือ สัญเจตนา ในเรื่องรูป สัญเจตนาในเรื่องเสียง สัญเจตนาในเรื่องกลิ่น สัญเจตนาในเรื่อง รส สัญเจตนาในเรื่องโพฐฐัพพะ และสัญเจตนาในเรื่องธัมมารมณ์ ภิกาุทั้งหลาย นี้เรียกว่า สังขารทั้งหลาย--ขนธ.สํ.17/74/116..:cool:ภิกษุทั้งหลาย สัญเจตนาในเรื่องรูป เป็นของไม่เที่ยงมีความแปรปรวนเป็นอย่างอื่นได้ ภิกาุทั้งหลาย สัญเจตนาในเรื่องเสียงเป็นของไม่เที่ยงมีความแปรปรวนมีความเป็นอย่างอื่นได้ ภิกษุทั้งหลาย สัญเจตนาในเรื่องกลิ่น เป็นของไม่เที่ยงมีความแปรปรวนมีความเป้นอย่างอื่นได้ ภิกาุทั้งหลาย สัญเจตนาในเรื่องรส เป็นของไม่เที่ยงมีความแปรปรวน มีความเป็นอย่างอื่นได้ ภิกษุทั้งหลายสัญเจตนาในเรื่องโพฐัพพพะ เป็นของไม่เที่ยงมีความแปรปรวน มีความเป็นอย่างอื่นได้ ภิกษุทั้งหลาย สัญเจตนาในเรื่องธัมมารมณ์ เป็นของไม่เที่ยง มีความแปรปรวน มีความเป็นโดยอย่างอื่นได้แล--ขนธ.สํ.17/280/475..:cool:---------------------ภิกษุทั้งหลาย สุขโสมนัสใดใด ที่อาศัยสังขารทั้งหลายแล้วเกิดขึ้น สุขโสมนัส นี้แล เป็นรสอร่อย(อัสสาทะ) ของสังขารทั้งหลาย สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ด้วยอาการใดใด อาการนี้แลเป็นโทษ (อาทีนพ) ของสังขารทั้งหลาย การนำออกเสียได้ ซึ่งความกำหนัดด้วยอำนาจความพอใจ ในสังขารั้งหลาย การละเสียได้ ซึ่งความกำหนัดด้วยอำนาจความพอใจ ในสังขารทั้งหลาย ด้วยอุบายใดใด อุบายนี้แล เป็นเครื่องออกพ้นไปได้ (นิสสรณะ) จากสังขารทั้งหลาย--ขนธ.สํ.17/79/122:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2014
  12. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ..........อริยสัจสี่..ทุกข(ปัญจุปาทานนักขันธิ์)ควรกำหนดรู้ ทุกขสมุทัย(ตัณหา)ควรละ ทุกขนิโรธควรทำให้แจ้ง ทุกขนิโรธคามินีปฎิปทา(มรรคมีองคแปด)ควรเจริญ:cool:
     
  13. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    มีประโยชน์ ตอนที่เรากำลังจะทำความชั่ว หรือบาป แล้วเสียงนั้นก็เตือนสติเราว่า อย่าทำเลย
    มีประโยชน์ คือทำให้เราเป็นคนมีสติ คิดก่อนพูด
    มีประโยชน์หลายอย่างคับ ถ้าไม่เช่นนั้น บางทีเราพูดไปแล้ว คำพูดยิงไปแล้วคืนไม่ได้
    เพราะฉะนั้น เสียงเหล่านี้มาช่วยเตือนสติเราก่อนจะทำอะไร จึงถือว่ามีประโยชน์คับ
    การที่เราจะทำอะไร แล้วมีการไตร่ตรองอย่างละเอียด ถี่ถ้วน ใช้ปัญญาเป็นเรื่องดีคับ
    มีประโยชน์แน่นอนคับ
     
  14. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    เรียกว่า มีสติ รับรู้ก่อนจะลงมือทำ
    แสดงว่า จขกท เริ่มจะมีสมาธิ หรือ ปฏิบัติ อะไรสักอย่างหรือเปล่าคับ ?
     
  15. mantiser

    mantiser สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +20
    เคยฝึกสมาธิมาบ้างครับ แต่ผมเน้นไปทางหาคำตอบในสิ่งที่ส่งสัยมากกว่า หลังๆมาก็เหมือนจะเข้าใจอะไรได้เองทีละอย่าง เช่นอาบน้ำอยู่จู่ๆก็ได้คำตอบ เข้าใจในสิ่งที่เคยสงสัยได้เอง
     
  16. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    แสดงว่า จิตกำลังจะน้อมนำไปด้าน การปฏิบัติแล้ว
    เหมือนว่าจิต มันจะเริ่มเข้าหาสิ่งที่ดีขึ้น
    เป็นอย่างนี้หรือเปล่าคับ ?
     
  17. mantiser

    mantiser สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +20
    เรื่องน้อมนำไปปฎิบัติผมก็ไม่แน่ใจครับ

    ถ้าถามว่าจิตคิดดีขึ้นไหม ดีขึ้นครับคือคำตอบที่ได้โดยบังเอิญไม่ว่าจะตอนอาบน้ำ กินข้าว นั่งเฉย ๆ หรือขับรถก็ตาม มันเป็นอะไรที่ทำให้เราเข้าใจธรรมชาติของโลกนี้มากขึ้น มันก็ทำให้เรารู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร ทำอะไรต่อไป
     
  18. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    ทำไมถึงดีขึ้นได้ละคับ
    มันดีขึ้นมาเองเหรอ หรือไปทำอะไรมาคับ
     
  19. คุณกันฌามี

    คุณกันฌามี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +65
    ขอบคุณ yooyut ที่ให้ความเข้าใจมากขึ้น

    พอดีมันเป็นตั้งแต่เด็กแต่ปล่อยเลย พึ่งจะมาสงสัยแล้วหาวิธีแก้เมื่อไม่นานมานี้เอง

    มันมาจากสมอง ความทรงจำ ก็จริงอยู่แต่มั่นใจว่าไม่ได้มโนไปเองแน่นอน เพราะมันออกมาเองโดยไม่ได้ตั้งใจ
     
  20. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154
    ด้วยความยินดีครับ และขอขอบคุณ คุณ smokerclub999 ที่ได้เสียสละเวลาอ่านข้อเขียนของผมในครั้งนี้ด้วยนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...