มหานาคีมหานาคาครุฑารักษากลุ่มภูเก็ตพังงาบูชานัมทานทีรอยพระพุทธบาท

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นาคา, 18 เมษายน 2008.

  1. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    อัญเชิญพระแก้วมณีโชติ,พระบรมสารีริกธาตุ,ดอกบัวแก้ว,รัตนพลอยสี เรือนธรรมเวียงนาคา

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    มาบำเพ็ญจิตภาวนา.ที่"เรือนธรรมเวียงนาคา"บนเนินเขาอ.คุระบุรี.จ.พังงา.
    ๒๑- ๒๙.มิย.พร้อมตั้งจิต."เอกา"ทานอาหาร.๑ มื้อตลอดวัน๙ วัน.๒๒- ๓๐.มิย.วาระครบรอบคล้ายวันเกิด

    ไม่มีอะไรดีกว่า.ทาน.ศีล.สมาธิ.ปัญญา.ที่ต้องสร้างด้วยตนเอง. "อัตตาหิ.อัตโนนาโถ." ตถาคตเพียงชี้แนะ.

    น้อมบุญทั้งหมดทั้งมวลให้.คู่สร้างคู่สมคุ่บุญคู่บารมี."คู่เวรคู่กรรม".ตั้งแต่ปฐมต้นปฐมกัป.ตั้งแต่ร้อยชาติพันชาติ.หมื่นชาติแสนชาติ.ล้านล้านชาติก็ดี .จวบ.ปัจจุบันชาตินี้..ี
    ขอใด้.อโหสิกรรมต่อกัน. .

    เสาร์๒๑.มิย.๒๕๕๗.พร้อมอัญเชิญ
    พระแก้วมณีโชติ.,
    พระบรมสารีริกธาตุ,
    ดวงแก้วมณีโชติ
    ดอกบัวแก้ว.....
    รัตนพลอยสี ที่ทางกลุ่มตามรอยพระพุทธบาท.แก้วมณีโชติ.เมตตามอบอัญเชิญเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา

    .ประดิษฐาน.ในห้องพระ."เรือนธรรมเวียงนาคา".รออัญเชิญประดิษฐาน.สู่.ศาลาห้องพระใหม่.พร้อม.แท่นประดิษฐาน.ที่เหมาะสม.
    แท่นประดิษฐาน.องค์สมเด็จองค์ปฐมปางลีลาเปิดโลก.อีกครั้ง.เมื่อ.วาระเหมาะสม.สร้าง..ศาลากันแดดกันฝน.ศาลาสวดมนต์,..
    น้อมกราบโมทนาสาธุ.กับคณะ"ตามรอยพระพุทธบาท.แก้วมณีโชติ"..และทุกท่าน.ครับ..
    พร้อมสวดมนต์ทำวัตร
    .ชุมนุมเทวดา.สาธยายพระธรรมจักร์กัปวัฒนสูตร.
    พระพุทธเจ้า๒๘พระองค์
    มงคละสูตตัง.๓๘.ประการ
    กรณียเมตตัญ"เมตตัญ"
    ขันธปริตร( วิรูปักข์ )
    โพชฌังคปริตร
    ยันทุน
    .....
    ชัยมงคลคาถา
    ชินบัญชร
    มงคลจักรวาฬใหญ่...
    แผ่เมตตาจิต..
    ในวาระ.ครบรอบคล้ายวันเกิด,และตั้งจิต"เอกา".อาหาร๑มื้อตลอดวันตลอดระยะ๙วัน
    ตามวาระกำลัง.ก่อนจะเข้าพรรษา

    ๒๒.มิย.ลงมากราบขอขมากรรมคุณพ่อ.ป๋าแพร้ว.ที่ให้กำเนิดมา.หลายขวบปี..
    ด้วยมงคลสูต.๓๘.ประการ
    ด้วยคุณพ่อ.วัย.๘๙.ปี..

    — ที่ พุทธธรรมภาวนาเวียงนาคาธิบดี
    http://www.youtube.com/watch?v=hSuRfk52zYs&feature=youtu.be

    เพลงสวดมนต์แปลมงคลชีวิต.flv - YouTube
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2014
  2. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ญาติมาเยือนเรือนธรรมเวียงนาคา เนกขัมมบารมี,กิจบุญทะเล ฝ่าคลื่นทะเล

    นำเค้กจากที่ทำงานในสวัสดิการของขวัญพนง.ให้ครอบครัวก่อนวันคล้ายวันเกิด.
    จากนั้นเดินทางสู่เรือนธรรมเวียงนาคา.บนเขา

    ๒๒.มิย.ขณะสวดมนต์ เช้าๆ จิตสื่อ มา ..
    ในเมื่อ เจ้า เคย เอกา ทานอาหาร ๑ มื้อ มาแล้ว ๑ ปี ๑๐ เดือน ที่เจ้าใด้สร้าง เรือนธรรม ของเจ้ามา ใยไม่สานต่อ เอกา ละ
    ลงมากราบขอขมากรรมคุณพ่อ.ป๋าแพร้ว.ที่ให้กำเนิดมา.หลายขวบปี..
    ด้วยมงคลสูต.๓๘.ประการ.มุงคละสูตตัง

    ๒๒-๒๘ มิย.ครองศีลครองธรรม นับใด้ ศีล ๘ เพิ่มอีก ๑ คือ ไม่จับเงิน,ทอง ตามจิต สื่อมา มิใช่ยกตน อวดแข่งกับใคร เขา

    24 มิถุนายน
    เมื่อวานหลังทานมื้อเดียวแล้ว.ขึ้นเรือนธรรม.พักผ่อนเอาแรงเพราะเดินขึ้นเขาเหนื่อย.
    [​IMG]
    .เจอหลานของเพื่อนมาไต่ข้างtankน้ำอาบ.เลยถ่ายภาพใกล้ๆ.ประมาณ๑ ฟุต.เขาให้ถ่ายดีๆ..ไม่โกรธ..แผ่เมตตาจิตให้..สักพักจึงเลื้อยขึ้นกิ่งยางพาราไป..งูสีิออกดำลายขาว.ท้้องสีเหลืองทอง.ขนาดเล็กยาวประมาณ.ฟุตกว่าๆ........

    .เมื่อตอนเดินลงมาจากเรือนธรรม.เจอ.ลูกหลานมาเยี่ยมอีกสีสวย.เขียวสดสวยแถมหางไหม้.เลยเก็บภาพใกล้ๆ.ประมาณ.๓.ฟุต..เขาชูคอมานิดหนึ่ง..ยอมให้ถ่ายแผ่เมตตาจิตเขาจึงเลื้อยไป...ลงมาทานทุเรียน..,มื้อเดียว เอกา อาหารมื้อเดียว
    [​IMG]
    .งูเขียวสวย.สด หางไหม้..แต่ที่พิเศษ.คือที่หัวแบนคล้ายงูเห่า.มีแม่เบี้ย..อักขระคล้ายงูเห่า.กำหนดจิตหยอกเล่น เขาเพียง..ยกหัวขึ้นมาดู..ยอมให้ถ่ายภาพใกล้ๆ...แต่เราต้องดูระยะห่าง.ทีหนีทีไล่ด้วยหากเขา.ตวัด.หัวเข้ามาหาเรา..แต่วันนั้นเขา.ชูคอมาดูนิดหนึ่ง ซึ่ง คิดว่า น่าจะเป็น กายทิพย์มาหยอกเล่น ให้ แสดง ว่า จะเจอ มณีนาคราช อันดามัน

    ศุกร์ ๒๗ , เสาร์ ๒๘ ,อาทิตย์ ๒๙ มิย.
    ตอนเที่ยง.วันเสาร์ ๒๘ แวะไปทะเล.เมื่อไปทำกิจ.ปะทะคลื่นที่ทะเล.( ตามข่าวลือจะเกิดคลื่นยักษ์ถล่ม.อันดามัน,แผ่นดินไหว ) คลื่นแรงมาก.ทาง.อ.คุระบุรี.จ.พังงา. นั่งบำเพ็ญจิตตภาวนา แผ่เมตตา พอช่วงบ่ายๆ..
    [​IMG]
    เลยเจอ.ปฐวีธาตุนาคราช.หินใสคล้าย.มณีลุ่มน้ำโขง...ในก้อนจะมีคล้ายไหมทอง..
    ซึ่งจะหายากมากทางทะเล..ไม่ใช่มาจากลุ่มน้ำโขง.."ปฐวีธาตุแก้วมณีนาคราช.อันดามัน"คลื่นสงบ..เจอ..

    พี่ญาติธรรมกัลยาณมิตร.มาจาก.กทม.ซึ่งช่วยงานบุญ "เรือนธรรมเวียงนาคา".ท่าน.ขอ...จึงยินดีมอบให้..
    จากนั้น.เจอ.เบี้ยคู่..อัญเชิญให้.น้องชาย.ใว้..

    และ เจอเบี้ย ขนาดกลาง ๓
    [​IMG]

    เนื่องจาก น้องกายทิพย์ ท่าน สื่อจิต ...ทางพี่ญาติธรรม ที่ กทม. จะนำ "ปฐวีธาตุแก้วมณีนาคราช.อันดามัน" มาคืน ให้ ...

    วันนี้ ๔ กค. เอกา ต่อเนื่อง มาวันที่ ๑๓
    เพียงทดสอบกายใจ มิใช่ ยกยอตนเอง ว่า ทำใด้..กว่าคนอื่น หรือ ยกศีลสูงกว่า คนอื่น ซึ่งเป็น อัตตา

    แม้ ว่า จะ เอกา อาหาร ๑ มื้อ ต่อวัน ๒๓- ๒๖ มิย. ก็ ใด้ ขุดดิน มาถมที่ดิน เพื่อ ยกพื้นให้สูงในการ ทำแท่นประดิษฐาน พระ องค์สมเด็จองค์ปฐมปางลีลาเปิดโลก ใหม่
    พื้นที่ ขนาดกว้าง ๑๒๐ ชม *ยาว ๔ เมตร สูง ๓๐ ชม
    แบก หิน เพื่อ ปรับฐานองค์พระ หลายถุง ขึ้นรถ และ แบกขึ้นใว้ใต้ถุน เรือนธรรม บนเขา

    ๑ ปี ๑๐ เดือน ทำมาแล้ว แฮะๆๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2014
  3. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    พญานาคมากราบฟังธรรมหลวงปู่มั่น

    ใกล้ เข้าพรรษา จิต สัมผัสกายทิพย์ ด้งเช่นเกือบทุกครั้ง

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=nt5XMskfOaQ]พญานาคฟังธรรมจากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต - YouTube[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=qjEfeapUuFA"]AreemA?????????????????? ?????????64(????????????????) - YouTube[/ame]

    เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
    เมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๒
    พญานาคมากราบฟังธรรมหลวงปู่มั่น

    หลวงปู่มั่นเวลาท่านพูดสัมผัสไปเรื่องเที่ยวกรรมฐานท่านพูดน่าฟังนะ เราเลยไม่ลืม ท่านพูดว่า..ท่านไปเที่ยวทางนู้นนะอำเภอนาหมีนายูง ไปอยู่กับเขาเท่าไรนะเดือนกว่านะ เขาประกาศกันในบ้านเขาว่าพระกรรมฐานท่านไม่ฉันเนื้อฉันปลา ไม่ได้ฉันอะไรนอกจากถั่วกับงา พระกรรมฐานท่านฉันแต่ถั่วแต่งา ถั่วและงาช้อนหนึ่งเขาก็ไม่เอามาให้ ฉันข้าวเปล่าๆ คือมันไม่มีถั่วมีงา มีไม่มีเขาก็ไม่สนใจ เขาพูดเฉยๆว่าพระกรรมฐาน ท่านไม่ฉันเนื้อฉันปลา ท่านฉันแต่ถั่วกับงา ทีนี้แม้ที่สุดถั่วงาก็ไม่เคยเห็นสักช้อนเดียว ท่านเล่าให้ฟัง เขาพูดอย่างสบายๆ
    หลวงปู่มั่นท่านสั่งลงมาท่านอยู่บนกุฏิอยู่นะ พญานาคมาเยี่ยม เข้ามากราบท่าน พาบริษัทบริวารมาเข้ามากราบท่าน หัวหน้าเป็นกษัตริย์นะ พญานาคเป็นพวกกษัตริย์สูง เป็นพญานาคหัวหน้าใหญ่ละมาเข้ามากราบฟังอรรถฟังธรรมหลวงปู่มั่นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทีนี้พอเสียงท่านดังข้างในแล้วพระก็เริ่มขึ้น ตอนเช้านะ ท่านว่าให้ดูซิข้างๆกุฏิเรานั่นน่ะมันมีรอยอะไรไหมท่านว่า ท่านอยู่ข้างบนอยู่นะ ท่านชี้ลงมาบอกข้างล่างให้ดูที่ข้างๆกุฏิของเรานี่น่ะมีรอยอะไร
    พวกพระก็รุมไปเที่ยวดูๆ พอดีที่เตียนโล่งนั้นที่มันแข็งมันก็ไม่เห็นรอย ถ้ามีทรายเจือปนอยู่บ้างก็จะเห็น รุมมาดู โอ้ยรอยงูใหญ่ ท้องมันขนาดนี้ท้องมัน มันใหญ่ขนาดนั้น อย่างไร ท่านเลยบอกว่านี่ละพญานาคดูเสีย ท่านว่าอย่างนั้นนะ ท่านบอกอยู่ข้างบน ทางนี้ดูอยู่ข้างล่าง..มาเห็น ท่านไม่ได้ลงมาเห็นละท่านบอกไว้ก่อนแล้ว เมื่อคืนนี้มาเยี่ยม พาบริษัทบริวารมาเยอะ ท่านว่าอย่างนั้นนะ ลองดูซิรอย ออกไปนั้นแสดงเป็นรอยงูใหญ่ ท้องงูขนาดนี้ มันน่าดูนะ เราก็ได้ไปดูเหมือนกัน
    ท่านเองท่านอยู่ข้างบนท่านบอกลงมา ตอนที่ท่านจะลงไปศาลานะ พอได้ยินเสียงกุ๊กกิ๊กๆ พระก็รุมขึ้นไปล่ะ ท่านออกจากที่ภาวนาแล้ว ท่านเลยสั่งลงมาว่าให้ดูซิรอยงูใหญ่ ให้ไปดูซิท่านว่า รอยพญานาค พญานาคเข้ามาเยี่ยมท่านเมื่อคืนนี้ ไปดูโธ่ ท้องมันขนาดนี้นะ ใครก็อัศจรรย์รุมดูกันจริงๆ นั่นเห็นไหมละ ท่านอยู่ข้างบนนู่น ท่านยังไม่ลงมาเลย

    ท่านบอกแล้วว่าพญานาคมาเยี่ยมเมื่อคืน ไปดูซิ มีแต่รอยงู พระเป็นพระตาบอด ท่านบอกไปดูพญานาค ออกจากนี้แล้วไปดู โอ้โหท้องพญานาคท้องใหญ่คงเท่าขานี่ละ ออกจากกุฏิท่านไป เป็นหัวหน้าพญานาคที่ว่า ท่านบอกมาจากข้างบน พระก็รุมดู โธ่ใหญ่แท้ ท้องพญานาคได้คืบหนึ่ง..ออกไป นั่นละเวลาแสดงรอย ท่านบอกแสดงร่องรอยให้พวกประชาชนทั้งหลายได้ดูบ้างนะ เขาก็แสดงรอยไว้จริงๆ รอยงูนี้ท้องงูขนาดนี้ออกไป นั่นละพญานาคเป็นงู
    วันนี้ไปกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ที่สุทธาวาส ออกจากนี้ก็สุทธวาสเท่านั้นละ ไม่ใช่อะไรดูดดื่ม ว่าไปสุทธวาสพอแย็บเท่านี้ดูดเลย พ่อแม่ครูอาจารย์มั่นอยู่ที่นั่น หลวงปู่เสาร์ก็อยู่ที่นั่น สร้างวัดกันหลวงปู่เสาร์กับหลวงปู่มั่นนะวัดสุทธวาส เพราะอย่างนั้นเราถึงชุ่มเย็นมาก ว่าไปสุทธาวาสจิตมันดูดเลยนะ
    (วันนี้ทองคำได้ ๕ บาทเจ้าค่ะ) เยอะอยู่นะทองคำ ได้วันละเท่านั้นเท่านี้ได้เยอะอยู่ เราหาเข้ามา เราไม่ได้มาดีดออก มีแต่หาเข้ามา หาเข้ามาสู่ส่วนรวม ทองคำได้ ๑๒ ตัน กับ ๕๐ กิโลกรัม ยอดเงินอันนี้ (อันนี้สร้างตึกสงฆ์อาพาธ ๑๐ ชั้นตั้งไว้ ๕๐๐ ล้านบาท ตอนนี้ได้ ๒๗๕ ล้าน) ตึกสงฆ์อาพาธ ๑๐ ชั้นนะ นี้ก็อยู่ในหัวอกเราเหมือนกัน ชื่อเรามักจะได้ติดอยู่นั้น ติดอยู่นั้นละ ตึกโรงพยาบาลอุดร ๑๐ ชั้น แต่ก็แน่ใจว่าเสร็จ พอ มันหากเป็นไปเองอำนาจแห่งใจที่มีเมตตาต่อโลกต่อสงสาร แต่ก่อนเราก็ไม่เคยพูด นี่พูดเสีย พอตื่นนอนปั๊บจิตก็จะออก เป็นเอง พูดให้ใครฟังเขาฟังไม่ได้ ถ้าพวกอย่างเดียวกันนี้ปั๊บเข้าใจทันทีๆเลย พอลุกจากที่แล้วมันจะกระจายออกไปเลย
    ในครั้งพุทธกาลท่านบอกว่า ภพฺพาภพฺเพ วิโลกนํ พอตื่นนอนเช้าท่านเล็งญาณดูสัตวโลก..พระพุทธเจ้า เราไม่ได้วัดรอยนะ เป็นไปตามนิสัยวาสนาของใครของเรา พอตื่นปั๊บมันจะออกของมัน พูดให้ใครฟังไม่ได้ พูดได้แค่นี้ กว้างขวางกว่านี้ไม่ได้ พิสดาร นั่นละเรื่องจิตเรื่องธรรมพิสดารอย่างนั้นละ พูดไม่ถูกละ

    รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
    Luangta.Com -
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0.jpg
      0.jpg
      ขนาดไฟล์:
      47.3 KB
      เปิดดู:
      59
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2014
  4. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ปู่ปิยะ คำตากล้า จ.สกลนคร

    ปู่ปิยะ คำตากล้า จ.สกลนคร ( ขออนุญาต นำข้อมูล ภาพ เก่า รวบรวมเก็บใว้ เนื่องจาก กระทู้เก่า เริ่มหายไป..)

    ขอต่อด้วยภาพ หลวงพ่อหนุน
    kananun ;

    กราบพระอ.หนุนที่ วัดพุทธโมกข์ อ.โพนนาแก้ว

    ท่านได้เมตตาจัดที่พักให้พวกเราอย่างดี เลี้ยงข้าวเช้าคณะพวกเราอีกด้วย

    ช่วงเย็นหลังจากทำวัตรค่ำร่วมกัน ท่านเมตตามาสอนธรรมมะ ปฏิบัติในแบบสนทนาธรรม ตลอดจนถามข้อติดขัดในการปฏิบัติจิต

    มีจุดหนึ่งที่ท่านได้สอนเรื่อง กรรมฐาน"ยิ้ม" คือใอให้จิตเรายิ้มมีความสุขมีความเมตตาจากภายในจนออกมาทางกาย ทรงอยู่ตลอดทั้งวัน และทรงไปให้ได้ไปตลอดชีวิตของเรา หากทำได้จิตจะมีความสุขแช่มชื่นมาก แม้ปรารถนาพระนิพพานก็ทำได้ไม่ยาก

    มีพวกเราหลายท่าน ได้ปฏิบัติอุกฤษณ์ ไปนั่งสมาธิกันในป่าช้า หลังเมรุเผาศพกัน ซึ่งก็ได้สัมผัสบางอย่างกันบ้าง ต้องให้เจ้าตัว(หลายคนมาเล่า ) แต่ก็สอบผ่านกันได้อย่างดี ต้องโมทนาบุญกับกำลังใจด้วย
    [​IMG]
    น้อมบุญ ส่งดวงจิตดวงธรรมเฮี้ยอ้วน พี่ time_machine ไทม์มะชีน ใด้จากไปเมื่อหลายปี พบกันครั้งสุดท้าย น่าจะ หน้ารามคำแหง กับคณะกลุ่มคุณ นีโม.

    กลุ่มเรา เดินทางพบกัน ,จากกัน , แยกย้ายกัน ตาม เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป คงแต่ภาพ ที่ เก็บใว้ ใน เว็ปพลังจิต ,FB ...

    ทริปพญานาคคำชะโนด วิสาขปุณดิถี คืนวันที่ 16-19 พค. (
    21 -05 -2008 )

    http://palungjit.org/threads/ทริปพญานาคคำชะโนด-วิสาขปุณดิถี-คืนวันที่-16-19-พค.127058/page-18
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Picture 104.jpg
      Picture 104.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      67
    • Picture 114.jpg
      Picture 114.jpg
      ขนาดไฟล์:
      829.6 KB
      เปิดดู:
      81
    • Picture 112.jpg
      Picture 112.jpg
      ขนาดไฟล์:
      704.3 KB
      เปิดดู:
      73
    • Picture 126.jpg
      Picture 126.jpg
      ขนาดไฟล์:
      570.6 KB
      เปิดดู:
      64
    • DSC00113_resize.JPG
      DSC00113_resize.JPG
      ขนาดไฟล์:
      118.3 KB
      เปิดดู:
      76
    • DSC02828.jpg
      DSC02828.jpg
      ขนาดไฟล์:
      62.6 KB
      เปิดดู:
      75
    • DSC00094_resize.JPG
      DSC00094_resize.JPG
      ขนาดไฟล์:
      148.9 KB
      เปิดดู:
      72
    • DSC027675.jpg
      DSC027675.jpg
      ขนาดไฟล์:
      116 KB
      เปิดดู:
      74
    • 15.jpg
      15.jpg
      ขนาดไฟล์:
      123.9 KB
      เปิดดู:
      95
    • Picture 115.jpg
      Picture 115.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      70
    • Picture 117.jpg
      Picture 117.jpg
      ขนาดไฟล์:
      931.6 KB
      เปิดดู:
      66
    • DSCF8907.JPG
      DSCF8907.JPG
      ขนาดไฟล์:
      445.3 KB
      เปิดดู:
      53
    • DSCF8909.JPG
      DSCF8909.JPG
      ขนาดไฟล์:
      534.4 KB
      เปิดดู:
      54
    • Picture 125.jpg
      Picture 125.jpg
      ขนาดไฟล์:
      901.9 KB
      เปิดดู:
      52
    • DSCF8956.JPG
      DSCF8956.JPG
      ขนาดไฟล์:
      479.7 KB
      เปิดดู:
      72
    • DSCF8951.JPG
      DSCF8951.JPG
      ขนาดไฟล์:
      446.2 KB
      เปิดดู:
      66
    • DSCF9011.JPG
      DSCF9011.JPG
      ขนาดไฟล์:
      483.6 KB
      เปิดดู:
      72
    • DSCF8953.JPG
      DSCF8953.JPG
      ขนาดไฟล์:
      471.3 KB
      เปิดดู:
      59
    • DSC00299_resize.JPG
      DSC00299_resize.JPG
      ขนาดไฟล์:
      115.8 KB
      เปิดดู:
      2,099
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2014
  5. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    วันอังคารที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗... ตรงกับ วันที่ ๑๙ เดือน ๖ ตามปฎิทินจันทรคติจีน ( 六月十九日 )... ลัคโง้ย จับก้าวยิด...เป็นวันคล้ายวันสำเร็จธรรมของพระโพธิสัตว์กวนอิม หรือพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์หรือกวนอิมปุดจ้อ พระโพธิสัตว์ผู้เปี่ยมด้วยเมตตากรุณา พระผู้สดับฟังเสียงคร่ำครวญของสัตว์โลก...ขอให้บารมีของท่านช่วยปกปักรักษาคุ้มครองให้ลูกหลานอยู่เย็นเป็นสุขทั้งกายและใจทั้งปวงด้วยเถิดดด

    นำ มอ กวน สือ อิม ผ่อ สัก

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=wCHDWQXBn7E"]?????????? ?????? : Relationship timeline for Angles get together - YouTube[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=SV5UcPZrp5U"]?????????????????? - YouTube[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=VAHdaOXB6Po"]??????????????????????????? ????? - YouTube[/ame]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กรกฎาคม 2014
  6. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ขออนุญาต ย้อนมา ในค่ำคืน หลังสวดมนต์ บำเพ็ญจิต ณ.สถานธรรม ไม่ไกล จาก สนามบินภูเก็ต

    ( คงมิใช่ ผม เชื่อ ว่า UFO มีจริงตามคำลือนะครับ แต่ จากกระทู้นี้ หน้า ๑ ผมโพสส์ ใว้เช่นกัน เมื่อ จิตเชื่อมกันต่างมิติ )

    พจน์ เรือนธรรมเวียงนาคา เนกขัมบารมี
    8 มิถุนายน
    สวดมนต์ทำวัตรเย็น,จิตภาวนาสถานธรรมข้างๆสนามบินภูเก็ต..จากนั้น.เวลาประมาณ๒๓.๑๐บนท้องฟ้า.ขณะรอลูกสาว เพื่อน.

    มีเมฆจับกลุ่มสีส้มคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ.,ทิศเหนือ.เป็นละลอก.ๆๆ
    .เวลาประมาณ๒๓.๕๐น.บนท้องฟ้า.ประมาณ.๕ นาฬิกา.( เทียบตาม.การดูทิศ.อ้างอิงจากทิศตะวันออกคือเลข๑๒.,ทิศตะวันตกคือเลข๖.,ถ้าจำไม่ผิด.)

    ปรากฏดวงกลมคล้ายดวงจันทร์ส่องแสงสว่างจ้าดวงกลม..จากนั้นดวงกลมนั้นแสงปรับเป็นวงรี.และส่องลำแสงเป็นลำขึ้นเฉียงทิศใต้.ซึ่งไม่ใช่ลำแสงของ.การยิงเลเซอร์แน่นอน.ลำแสงออกมา..ดวงกลมนั้นซูมเข้าออกใด้..และหมุนใด้
    จากนั้น.ดวงกลมหายไป.และปรากฏขึ้นใหม่อีกครั้ง.จนหายไป.ใช้เวลาประมาณ.๕.นาที.และปรากฏอีกครั้งประมาณ.๓-๔ ครั้ง..จึงหายไป.
    ขอขอบคุณมือกล้อง..


    ท้องฟ้าโปร่งสว่างด้วยดาว.ไม่มีเมฆบัง.ฉะนั้น.ถ้าเมฆบังดวงจันทร์.ก็ไม่ใช่.ดวงกลมนั้น.หมุนใด้,ปรับรูปร่างใด้มองเห็นทั้ง.๒ คน..ลำแสงยิง เฉียงขึ้นจาก.ดวงกลมนั้น..ขณะท้องฟ้าเห็นชัดแต่.ดวงกลมนั้น..หายไปใด้..และกลับมาให้เห็นอีกใด้.( ลำแสงไม่ใด้มาจาก.ตัวตึก,ลำแสงออกมาจาก.ดวงกลมนั้น)...ขณะตั้งจิตขอชม...อะไรบางอย่าง

    มีบางท่าน บอกว่า ซูมภาพ จะมีลักษณะคล้ายหน้าตา คน หรือ ET บนท้องฟ้า..แฮะๆๆ ตามแต่ จิตนาการ..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2014
  7. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=D_RSIQ0utuk]บทสวดมนต์พุทธปารมี [anurakdhamma] - YouTube[/ame]

    พิธีกรรมเป็นส่วนในการค้ำจุนพระศาสนาที่สำคัญ

    พระอาจารย์ กล่าวว่า "มีคนจำนวนหนึ่งไม่มากนัก แต่มักจะเป็นนักวิชาการมีชื่อเสียง เขาจะเน้นเอาธรรมะบริสุทธิ์อย่างเดียว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าบุคคลมี ๔ ประเภท มี อุคฆฏิตัญญู วิปจิตัญญู เนยยะ และปทปรมะ ถ้าไปเอาประเภทธรรมะบริสุทธิ์อย่างเดียวเนยยะก็ตาย ศาสนาก็ไปไม่ได้

    อย่างศาสนาของเรา นักวิชาการสร้างแผนภาพเป็นรูปสามเหลี่ยมปิรามิด ฐานล่างสุดมีขนาดใหญ่ ก็คือพวกที่ยังติดพิธีกรรม ในช่วงกลางก็เป็นพวกที่เริ่มเข้าหาศีล สมาธิ ในช่วงปลายเป็นพวกที่ปฏิบัติครบในไตรสิกขา ก็คือมีปัญญาร่วมด้วย ก็แปลว่าขึ้นไปก็เหลือนิดเดียว คราวนี้ในส่วนที่ว่ามา เคยบอกไว้หลายครั้งแล้วว่า ต่อให้คนพูดเอง เอาธรรมะบริสุทธิ์ไปให้ล้วนๆ ก็ไม่ทำหรอก แต่มักจะแสดงความเห็นให้ดูเก๋ เท่ ฉลาด

    ถ้าเราไปดูบาหลีซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ ของอินโดนีเซีย ประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศอิสลามที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีประชากรอิสลามมากที่สุดในโลกถึง ๒๕๐ กว่าล้านคน บาหลีเป็นเกาะเล็กๆ นิดเดียว แต่เป็นฮินดู และความเป็นฮินดูเหนียวแน่นชนิดอิสลามแทรกไม่เข้า วันหนึ่งๆ มีการบวงสรวงบูชาพระเจ้า ๔ - ๕ รอบ เช้ายันค่ำ ต้องมานั่งเตรียมเครื่องบูชาไปถวายที่เทวาลัย กลับมาทำงานหน่อยหนึ่ง เดี๋ยวก็ไปต่ออีกรอบแล้ว หากเป็นงานเทศกาล วันเกิดของเทพเจ้าองค์นั้น วันฉลองของเทพเจ้าองค์นี้ ก็แทบไม่ต้องทำมาหากิน ไปกันทั้งวันเลย

    นั่นพิธีกรรมล้วนๆ แต่ทำไมพิธีกรรมเขาถึงได้เหนียวแน่นจนอิสลามแทรกไม่เข้า ? เป็นเรื่องที่น่าคิด เพราะว่าเขาใช้พิธีกรรมทำจนกระทั่งเป็นฌานไปแล้ว เป็นอนุสติ คือระลึกถึงเทพเจ้าของเขา นึกถึงเทวดาที่เขาเคารพ

    แบบเดียวกับอิสลาม อิสลามที่เคร่งครัดทำละหมาดวันละ ๕ ครั้ง การที่เขาทำละหมาดวันละ ๕ ครั้ง ก็คือหลักปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญา เน้นตรงตัวสมาธิ ดังนั้นบรรดาอิสลามที่เคร่งครัด เขาถึงยึดพระเจ้าของเขาอย่างเหนียวแน่นสุดชีวิต เพราะเขาสร้างสมาธิจากการละหมาด ถ้าไม่มีตัวนี้อยู่ ไม่สามารถที่จะรักษาอิสลามิกชนเอาไว้ได้ เพราะว่าไม่มีอะไรหล่อเลี้ยงจิตใจเขา

    ดังนั้น..จะเห็นว่าในเรื่องของพิธีกรรมจริงๆ ถ้าทำถูก ทำเป็น แล้วทำแบบจริงๆ จังๆ ต้องบอกว่าเป็นส่วนในการค้ำจุนพระศาสนาที่สำคัญ ต้นไม้ต้นหนึ่ง เราจะเอาแก่นอย่างเดียว ต้นไม้อยู่ไม่ได้หรอก..ตายแน่ ต้องมีกระพี้ด้วย ต้องมีเปลือกด้วย นักวิชาการส่วนใหญ่จะเป็นนักวิชาเกิน อะไรที่ยากแล้วดูดีก็พยายามที่จะพูด"

    "พุทธศาสนาของเรา ถ้าเอาพิธีกรรมที่เห็นๆ คือ ใส่บาตรตอนเช้า ถ้าเราสามารถใส่บาตรได้ทุกเช้า ถึงเวลาเกิดความรู้สึกขาดไม่ได้ แสดงว่าการให้ทานของเราควบกับศีลไปในตัว เพราะว่าตอนเราใส่บาตรเราไม่ได้ล่วงศีลแม้แต่สิกขาบทเดียว จึงก่อให้เกิดสมาธิ เท่ากับว่าสามารถสร้างฌานสมาบัติจากพื้นฐานของทาน หลังจากนั้นเราจะไปต่อยอดอย่างไรก็ขึ้นอยู่ที่เราจะพิจารณา

    หลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านสอนว่า ถ้าไม่มีโอกาสใส่บาตรก็ให้ถวายข้าวพระทุกวัน แล้วก็จะมีพวกนักวิชาเกินคอยเที่ยวมาไล่งับ ไล่กัด ไล่ตำหนิชาวบ้าน บอกว่าไม่ใช่คำสอนของพุทธศาสนา ไม่มีในพระไตรปิฎก จะเรียกพวกนี้ว่าอย่างไร ? ปทปรมะ ก็ดูจะยกย่องเกินไป ต้องเรียกว่ามิจฉาทิฐิ

    ปทปรมะเป็นคนฉลาด ฉลาดมากๆ เลย แต่ฉลาดแบบไม่รับความคิดคนอื่น จึงเข้าถึงธรรมไม่ได้ แต่มิจฉาทิฐิไม่เอาใครไม่พอ หลงทางอีกต่างหาก แล้วท่านทั้งหลายเหล่านี้ ให้ปฏิบัติธรรมก็ไม่เอาหรอก กูอ่านพระไตรปิฎกอย่างเดียว แล้วมาวิเคราะห์ว่าพระไตรปิฎกมาจารึกขึ้นหลังพุทธกาลล่วงมาแล้วตั้ง ๓๐๐ - ๔๐๐ ปี ต้องมีการแต่งเติมขึ้นมาเพื่อสรรเสริญคุณศาสดาของตน ว่าให้ชุ่ยไปหมด อ่านๆ ไปแล้วก็สงสารเขา ไม่รู้ว่าจะไปทางไหน กว่าจะรู้ตัวก็ตอนตายแล้ว ซึ่งแก้ไขอะไรไม่ทัน

    เขาโจมตีเกี่ยวกับพิธีกรรมต่างๆ ว่ากลบแก่นแท้ของศาสนา เสกน้ำมนต์ พ่นน้ำหมาก เสกวัตถุมงคลขึ้นมาทำให้ชาวบ้านยึดติด อย่างกับว่าถ้าไม่มีวัตถุมงคลแล้วชาวบ้านจะไม่ยึดติดอย่างอื่น หลวงปู่ดู่ ท่านถึงบอกว่า "ติดวัตถุมงคลยังดีกว่าติดวัตถุอัปมงคล" แล้วเป็นเรื่องแปลกว่า นักวิชาการเหล่านี้ส่วนใหญ่มักจะจบด็อกเตอร์กัน มีตำแหน่งทางวิชาการ เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ ศาสตราจารย์ ฉลาดจริงหรือเปล่า ? แม้กุศโลบายเล็กๆ น้อยๆ ที่โบราณจารย์ทำให้ใจเราเกาะความดีเบื้องต้นก็ยังมองไม่เห็น แล้วจบด็อกเตอร์มาได้อย่างไร ?"


    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    ณ บ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗

    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard...?t=4010&page=3
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2014
  8. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    เครือข่ายเฝ้าระวังเตือนภัยพิบัติอำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา

    เครือข่ายเฝ้าระวังเตือนภัยพิบัติอำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา
    25 กรกฎาคม

    25/07/2557 เวลา 10.25 น.เครือข่ายเพื่อนเตือนภัยอำคุระบุรีและเครือข่ายวีอาร์อำคุระบุรีร่วมให้ความรู้การใช้วิทยุสื่อสาร และการช่วยเหลือทางน้ำในโครงการอบรมเชิงปฎิบัติการอาสาชุมชนบ้านบางวัน ต.บางวัน อ.คุระบุรี จ.พังงา

    สื่อสาร สำรอง
    อบต.บางวัน เตรียมพร้อมอีกหนึ่งระดับ เพื่อคนในชุมชน ขอบคุณนายก และคณะอบต. ทีมงาน ผู้เข้ารับการอบรม
    ให้ความรู้เกี่ยวกับวิทยุสื่อสาร โดยเครือข่ายวีอาร์อำเภอคุระบุรี และเครือข่ายเพื่อนเตือนภัยอำเภอคุระบุรี ให้กับผู้เข้าอบรม อาสาชุมชนตำบลบางวัน อ.คุระบุรี จ.พังงา

    วันนี้ 25/07/2557เครือข่ายเพื่อนเตือนภัยกับเครือข่ายวีอาร์คุระบุรีช่วยลูกวัวตกบ่อร้างหลังอำเภอคุระบุรี ช่วยเสร็จวัววิ่งไล่ วงแตกเกือบหนีไม่ทัน

    https://www.facebook.com/pages/เครื...ุรี-จังหวัดพังงา/1477859702460506?ref=profile
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กรกฎาคม 2014
  9. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ สัญญาณจากฟ้า VR 009 หรือ HS1A ในหลวง องค์พ่อหลวง ของเรา สยามประเทศ..

    ภาพยนต์สั้นเฉลิมพระเกียรติ เรื่อง "สัญญาณจากฟ้า VR009" - YouTube

    เรือนธรรม เวียงนาคา เนกขัมมบารมี

    ภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ สัญญาณจากฟ้า VR 009
    วันที่ 4 ส.ค. 2557 เวลา 20:09 น.
    ภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ สัญญาณจากฟ้า VR 009 หรือ HS1A ในหลวง องค์พ่อหลวง ของเรา สยามประเทศ..
    การ นำ วิทยุสื่อสาร ติดตั้งใน รถยนต์ บนที่สูง (เนินเขาสูง )เพื่อ ทำเป็นระบบ ประสานงาน วิทยุสื่อสารฉุกเฉิน ในพื้นที่ ที่ ติดต่อยาก..

    ขอขอบคุณ น้องสาว จาก เว็ปพลังจิต ที่เมตตา ส่งข้อมูล ให้ผ่านเฟสบุค
    เพิ่งเดินทาง กลับจากขับรถส่วนตัวจาก ภูเก็ต ส่งลูกสาว เข้าเรียน ม.แม่ฟ้าหลวง เชียงราย ,และ กิจบางประการ ตามวาระ ที่จัดสรรค์..


    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
    นาย พจชนะ ทองทวีวิวัฒน์ HS8HNB

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=0j83NhlKGns"]?????????????????????????? ?????? "???????????? VR009" - YouTube[/ame]

    ข่าวภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ สัญญาณจากฟ้า VR 009
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 สิงหาคม 2014
  10. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    แม่..

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.3235166/[/MUSIC]
    พรุ่งนี้ วันแม่ ..

    แม่ คือ ทุกสิ่งของ ลูก..

    เพลง : สองมือแม่
    ศิลปิน : อ้อย กระท้อน
    มือน้อย ๆ แม่คอยอุ้มชู
    แม่เฝ้ามองดู ไม่ห่างไปไหน
    แม่เฝ้าปลอบขวัญ ยามลูกหลับไหล
    ไม่ยอมห่างไกล ไปจากสายตา
    มือน้อย ๆ ของแม่ล้ำค่า
    อุ้มชูลูกมา จากเล็กเด็กแดง
    จนลูกเติบใหญ่ ด้วยน้ำพักน้ำแรง
    ด้วยใจที่แกร่ง ของแม่ถักทอ


    * เมื่อลูกรัก เป็นดั่งดวงใจ
    เป็นดั่งสายใย โซ่ทองคล้องคอ
    ทุกหยาดหยด สายเลือดเกิดก่อ
    หล่อเลี้ยงถักถอ เป็นน้ำนมให้ลูกดื่มกิน
    อุ่นใด ๆ ไม่อุ่นอิ่ม
    เท่าอุ่นรอยยิ้ม ของแม่อาทร
    อุ่นความรัก และอาวรณ์
    อุ่นลูกหลับนอน พักผ่อนหนุนตักแม่


    3 นาทีนี้ จะเปลี่ยนความคิดคุณ!!! โปรดดูแลคนที่รักเราหมดหัวใจ

    https://www.youtube.com/watch?v=1SXCp4Zhd4Y

    ฟังภาษาใต้ :

    แม่ขอโทษนะลูกหนา (นะ ) แม่ขอโทษที่แม่ไม่ใด้ไปรับ
    รถมันชนแม่ ขอโทษที่แม่โง่ ขอโทษที่แม่ล้มละลาย
    ขอโทษที่แม่ไม่มีอะไรเหมือนแม่คนอื่นเลย
    แต่แม่อยากให้ลูกรู้ว่า..

    แม่รักลูกมาก นะ ลูก หนา (นะ)
    และ ลูกคือ สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต ที่แม่มี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1Pannarai Plengsangsri.jpg
      1Pannarai Plengsangsri.jpg
      ขนาดไฟล์:
      31.1 KB
      เปิดดู:
      76
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.3 KB
      เปิดดู:
      70
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32.8 KB
      เปิดดู:
      52
    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.5 KB
      เปิดดู:
      65
    • 5.jpg
      5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      50.5 KB
      เปิดดู:
      79
    • 6.jpg
      6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.9 KB
      เปิดดู:
      61
    • 7.jpg
      7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      27.1 KB
      เปิดดู:
      65
    • 8.jpg
      8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34 KB
      เปิดดู:
      73
    • 9.jpg
      9.jpg
      ขนาดไฟล์:
      19.7 KB
      เปิดดู:
      66
    • 10.jpg
      10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33.2 KB
      เปิดดู:
      64
    • 11.jpg
      11.jpg
      ขนาดไฟล์:
      25.2 KB
      เปิดดู:
      78
    • 12.jpg
      12.jpg
      ขนาดไฟล์:
      19.2 KB
      เปิดดู:
      79
    • 05-สองมือแม่.mp3
      ขนาดไฟล์:
      3.2 MB
      เปิดดู:
      907
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2014
  11. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    " หนึ่งเดียวคือแม่ "

    เนื้อเพลง: หนึ่งเดียวคือแม่
    ศิลปิน: พลอย พรรณาราย
    อัลบั้ม: เพลงประกอบละคร ทองเนื้อเก้า

    https://www.youtube.com/watch?v=RSLVpaLd704&index=2&list=RD3RyzRxUW5cI

    อัน พระคุณแม่นับคณา เกินกว่า ยากหา ไหน
    พสุธา ที่กว้างไกล ยังไม่ เท่าแม่นี้
    รวมแผ่นฟ้า มหานที
    พระคุณ แม่นี้ มากเสีย ยิ่งกว่า
    ยามแม่อุ้มท้อง แสนทรมา
    เมื่อลูกเกิดมา แม่นั้น ยินดี

    ยามหนาวลูกนอนแม่ซ่อนอกไว้
    ยามร้อนผิวกายแม่ใช้พัดวี
    ยามหิวคราใดแม่ให้ห่วงหา
    ป้อนน้ำข้าวปลาลูกแสนเปรมปรีดิ์
    พระคุณ แม่นั้น อนันต์ เหลือที่
    ผู้ใด จะมี เสมอเหมือนได้
    แม่ทนอ่อนล้า เลี้ยงมาจนใหญ่
    แม่ยอมเหนื่อยกาย หาเงินส่งเสียให้ เรียน

    จงอย่าลืมคิดทดแทน คุณท่าน ก่อนบั้นปลาย
    แม่ เปรียบดัง เหมือนร่มไทร ใบแก่ แผ่เหนือเศียร
    วัยผ่านผัน สักวันคงเปลี่ยน
    คอยหมั่นเพียร เยี่ยมเยียนเมื่อท่านชรา
    แม่คงชะแง้ อยากแล เห็นหน้า
    แม้ลูกไม่มา แม่คง เจ็บช้ำฤดี

    อย่าทิ้งให้แม่ได้แต่หงอยเหงา
    มองหาลูกเต้าสักคนไม่มี
    อย่าคิดลืมแม่เมื่อแก่ชรา
    ท่านเลี้ยงเรามาช่วยชุบชีวี
    เลือดใน อกนั้น กลั่นจนล้นปรี่
    น้ำนม แม่นี้ มีค่านับอนันต์
    ผู้คนหมื่นแสน ทั่วแดนนับล้าน
    แต่ว่าแม่นั้น เห็นมีอยู่แค่คนเดียว

    ผู้คนหมื่นแสน ทั่วแดนนับล้าน
    แต่ว่าแม่นั้น เห็นมีอยู่แค่คนเดียว


    นำเนื้อเพลง หรือบทความ ไปลงที่เว็บอื่น อย่าลืมให้เครดิต Lyrics.CM ผู้แกะเนื้อเพลงด้วยครับ : )

    คิดถึง ทริป สังเวชนียสถาน อินเดีย -เนปาล วาระ วันพ่อ ๕ ธันวา พระอาจารย์ท่าน เมตตาเปิดเสียง " แม่ " หลายท่าน น้ำตาคลอ ณ. ลุมพินีวัน..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2014
  12. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    กิจบุญ ,มะม่วงหาวมะนาวโห่

    ๒๙ กค.เดินทางด้วยรถส่วนตัว แวะ บ้านคุณพ่อ ที่ อ.คุระบุรี สู่ กทม
    ๑ สค.เดินทาง ด้วยรถส่วนตัว จาก บางบอน พระราม ๒ สู่ ม.แม่ฟ้าหลวง แวะ กราบองค์สมเด็จพระพุทธชินราช พิษณุโลก และ องค์พ่ออยู่หัว พระองค์ดำ
    ๓ สค.ส่งลูกสาว เข้า ม.แม่ฟ้าหลวง เดินทางกลับ กทม.
    ๔ สค.เดินทางจาก กทม สู่ ภูเก็ต

    ขับรถ คนเดียว ตามวาระ เดินทาง ไปกลับ ปลอดภัย
    ขอน้อมโมทนา และ ขอบคุณ ท่านพี่ลักษณ์ ญาติธรรมท่านหนึ่ง Anuwart Dungpattra เนื่องจาก พี่ลักษณ์ เมตตา มอบ ต้นมะม่วงหาว มะมาวโห่ มาให้ปลูก ใว้ที่เรือนธรรม เวียงนาคาเนกขัมมบารมี บนเนินเขา ในวาระ สมุนไพร....

    มะม่วงหาวมะนาวโห่ สรรพคุณ ๕๓ ข้อ ! (ต้นหนามแดง, มะนาวไม่รู้โห่)

    มะม่วงหาวมะนาวโห่

    ผลไม้สมุนไพร มะม่วงหาว มะนาวโห่ ช่วยรักษาโรค

    เป็นผลไม้สมุนไพร ช่วยซ่อมร่างกาย รับประทานสด ๆ วันละ 5-7 ลูก สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคปอด หัวใจ มะเร็ง ถุงลมโป่งพอง เบาหวาน ไต เก๊าท์ ไทรอยด์ ช่วยขยายหลอดเลือด เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง มีหลายท่านว่ากันว่าอาการ ป่วยโรคดังกล่าว จะดีขึ้นเรื่อย ๆ และสุขภาพดีขึ้นมาก ๆ

    มะม่วงไม่รู้หาว มะนาวไม่รู้โห่ คือ หนามแดง

    ย้อนอดีตไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ละครแนวจักรๆ วงศ์ๆ เรื่อง ‘นางสิบสอง’ และ ‘พระรถ-เมรี’ ที่ฉายให้ดูกันทางโทรทัศน์บ้านเรา นับเป็นละครยอดฮิตของผู้ชมทุกวัยตั้งแต่ลูกเด็กเล็กแดงจนถึงปู่ย่าตายาย

    ละครเรื่องนี้สร้างจากตำนานพื้นบ้านเก่าแก่ ที่ดัดแปลงมาจากเรื่อง ‘รถเสนชาดก’ ซึ่งเป็นชาดก 1 ใน 50 เรื่องของปัญญาสชาดก หรือชาดกนอกนิบาต ที่แต่งเลียนแบบอรรถกถาชาดก เพื่อสอนศาสนา และเป็นชาดกเรื่องที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะมีผู้นำไปเป็นต้นเค้าในการแต่งวรรณกรรมต่างๆ อีกมากมาย

    เรื่องนางสิบสอง และพระรถ-เมรี เป็นเรื่องราวของหญิงสาว 12 คนที่ถูกพ่อนำไปปล่อยในป่า เพราะคิดว่าเป็นกาลกิณีที่ทำให้ครอบครัวที่เคยเป็นเศรษฐีกลับยากจนลง นางทั้งสิบสองต้องเร่ร่อนไปจนกระทั่งไปถึงเมืองยักษ์ นางยักษ์จึงรับนางสิบสองเป็นน้อง ภายหลังนางสิบสองรู้ว่าพวกตนอยู่กับยักษ์ จึงหลบหนีไปเมืองกุตารนคร และทั้งหมดได้เป็นมเหสีของพระเจ้ารถสิทธิ์ เมื่อนางยักษ์รู้ข่าวก็โกรธแค้นมาก จึงตามมาและทำอุบายจนได้เป็นมเหสีเอกของพระเจ้ารถสิทธิ์ จากนั้นจึงหาทางกำจัดนางสิบสอง โดยแกล้งทำเป็นป่วย ต้องควักลูกตานางสิบสองออกมาจึงจะหาย พระเจ้ารถสิทธิ์จึงควักลูกตานางทั้งสิบสอง แล้วส่งไปขังไว้ในถ้ำในขณะที่ทุกคนตั้งครรภ์แล้ว ทั้งหมดอดอยากมากจึงกินเนื้อลูกของตัวเอง ยกเว้นน้องสุดท้อง ซึ่งไม่ได้กินลูกของตน และตั้งชื่อลูกว่า “รถเสน” หรือ “พระรถ” ต่อมาพระเจ้ารถสิทธิ์ก็รู้ว่าพระรถเป็นลูก ทำให้นางยักษ์ไม่พอใจ จึงคิดกำจัดพระรถ ด้วยการแสร้งทำเป็นป่วย ต้องกินผลไม้ในเมืองที่นางเมรีลูกสาวของตัวเองอยู่ จึงจะหาย จึงให้พระรถไปเอามา โดยฝากสารสั่งให้นางเมรีฆ่าพระรถ ว่าถึงเมืองเมื่อไรให้ฆ่าเมื่อนั้น แต่เผอิญพระรถได้ไปพบฤาษีกลางทาง ฤาษีจึงได้แปลงสารว่า ถึงเมื่อไรก็ให้แต่งงานเมื่อนั้น แล้วพระรถและนางเมรีก็ได้แต่งงาน
    สุดท้าย นางเมรีก็ตรอมใจตาย เพราะพระรถหนีกลับเมือง ส่วนนางยักษ์ผู้เป็นแม่เลี้ยง เห็นพระรถกลับมาอย่างปลอดภัยก็แค้นจนอกแตกตาย ฝ่ายพระรถเสนได้รักษาแม่และป้าหายจากตาบอด และได้ครองเมืองต่อมา

    จากข้อมูลส่วนหนึ่งระบุว่าผลไม้ดังกล่าวในเรื่องนี้ก็คือ ‘มะม่วงไม่รู้หาว มะนาวไม่รู้โห่’ หรือบางแห่งเรียกว่า ‘มะม่วงรู้หาว มะนาวรู้โห่’ ซึ่งเป็นพืชชนิดเดียวกันคือ ‘หนามแดง’ ในปัจจุบัน (แต่บางแห่งก็บอกว่าคือ ‘มะงั่วไม่รู้หาว มะนาวไม่รู้โห่’ ซึ่งเท่ากับเป็นพืชสองชนิด และมะงั่วก็มีลักษณะคล้ายมะนาวแต่ลูกใหญ่กว่า)

    สรรพคุณมะม่วงหาวมะนาวโห่

    [​IMG]
    มะม่วงหาวมะนาวโห่


    1. มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระช่วยในการชะลอวัยและริ้วรอย (ผล)
    2. ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง (แก่น)
    3. แก้อาการอ่อนเพลีย เมื่อยล้า (เนื้อไม้)
    4. เพิ่มความกระชุ่มกระชวยให้กับร่างกาย (ผล)
    5. ช่วยให้เจริญอาหาร (ราก)
    6. มีส่วนช่วยลดความอ้วน (ผล)
    7. ช่วยขยายหลอดเลือดป้องกันการเกิดโรคหัวใจ (ผล)
    8. มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง (ผล)
    9. ธาตุเหล็กในผลมีส่วนช่วยรักษาโรคเบาหวาน (ผล)
    10. มีส่วนช่วยรักษาโรคโลหิตจาง (ผล)
    11. ช่วยรักษาโรคปอด (ผล)
    12. ช่วยรักษาโรคถุงลมโป่งจากการสูบบุหรี่ได้ดีมาก (ผล)
    13. ช่วยรักษาโรคไต (ผล)
    14. บรรเทาอาการของโรคตับ อย่างโรคตับแข็ง (ผล)
    15. ช่วยรักษาโรคเกาต์ (ผล)
    16. ช่วยรักษาและบรรเทาอาการของโรคไทรอยด์ (ผล)
    17. ช่วยป้องกันโรคไหลตาย (ผล)
    18. ในบังคลาเทศใช้ใบรักษาโรคลมชัก (ใบ)
    19. มีส่วนช่วยบรรเทาอาการของโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต มือเท้าชา (ผล)
    20. ช่วยบำรุงกำลัง (เนื้อไม้)
    21. ช่วยบำรุงธาตุ (ราก,แก่น,เนื้อไม้)
    22. ช่วยบำรุงไขมันในร่างกาย (แก่น,เนื้อไม้)
    23. ช่วยแก้ไข้ รวมถึงไข้มาลาเลีย (ราก,ใบ)
    24. ช่วยดับพิษร้อน (ราก)
    25. ช่วยบรรเทาอาการของโรคภูิแพ้ (ผล)
    26. ช่วยแก้และบรรเทาอาการไอ (ผล)
    27. ช่วยขับเสมหะ (ผล)
    28. มีช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ ไมเกรน
    29. แก้อาการเจ็บคอ เจ็บในปาก (ใบ)
    30. แก้อาการปวดหู (ใบ)
    31. ช่วยรักษาลักปิดลักเปิดหรือโรคเลือดออกตามไรฟัน สมานแผลในช่องปาก (ผล)
    32. ช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร (ราก)
    33. แก้อาการท้องเสีย (ใบ)
    34. [​IMG]<NOSCRIPT></NOSCRIPT>ช่วยรักษาโรคบิด (ใบ)
    35. ช่วยขับปัสสาวะ (ผล)
    36. ช่วยรักษาริดสีดวงทวาร (ยอดอ่อน)
    37. ช่วยขับพยาธิ (ราก)
    38. ช่วยรักษาโรคเท้าช้าง (น้ำยาง)
    39. ช่วยฆ่าเชื้อ (ผล)
    40. ผลสุกใช้ในการสมานแผล (ผล,ยาง)
    41. ใช้รักษาโรคผิวหนังเรื้อรัง (เปลือกต้น)
    42. ช่วยแก้อาการคัน (ราก)
    43. ในอินเดียใช้รากเพื่อรักษาแผลเบาหวาน (ราก)
    44. แก้กลากเกลื้อน (เมล็ด,น้ำยาง)
    45. แก้อาการเนื้อหนังชาในโรคเรื้อน (เมล็ด)
    46. ช่วยรักษาแผลเนื้องอก (น้ำยาง)
    47. ช่วยรักษาหูด (น้ำยาง)
    48. ช่วยทำลายตาปลา และช่วยกัดทำลายเนื้อที่ด้านเป็นปุ่มโต (น้ำยาง)
    49. ใช้พอกดับพิษ (ผล)
    50. ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยตามข้อ (ผล)
    51. น้ำของผลสามารถนำมาใช้ปรุงอาหารแทนมะนาวได้
    52. ใช้ทำเป็นผลไม้หมักดอง
    53. นำมาประกอบอาหารได้หลายเมนู เช่น ผัดไทยเต้าหู้มะนาวโห่ น้ำพริกเผามะนาวโห่ ฟรุ๊ตตี้ลืมหาว เป็นต้น
    แหล่งอ้างอิง : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสุขภาพ (สสส.), Caranda, Carissa carandas Linn., CHRIST'S THORN, Cu huang guo: Philippine Herbal Therapy / Alternative Medicine

    เรียบเรียงข้อมูลโดย ฟรินน์ดอทคอม

    มะม่วงหาวมะนาวโห่ สรรพคุณ 53 ข้อ ! (ต้นหนามแดง)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2014
  13. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    สร้างรอยพระพุทธบาทจำลอง"เรือนธรรมเวียงนาคาเนกขัมมบารมี"

    [​IMG]

    ขออนุญาติ เรียนแจ้ง เนื่องจาก แอดมิน เรือนธรรมเวียงนาคา เนกขัมมบารมี จะ อัญเชิญ พระพุทธบาทจำลอง งานแกะด้วย มือ อลูมิเนียมตามภาพ ขนาด ๔๐ * ๖๐ ชม.

    ประดิษฐาน ใน เรือนธรรม เวียงนาคา เนกขัมมบารมี อ.คุระบุรี จ.พังงา
    ในโอกาส หาก สร้าง ศาลา ประดิษฐาน

    องค์สมเด็จองค์ปฐมปางลีลาเปิ<WBR>ดโลก ทรงเครื่องมหาจักพรรดิ์ ,
    พร้อมทั้งเป็น ศาลากันแดด กันฝน สวดมนต์ บำเพ็ญจิตตภาวนา ในโอกาส ต่อไป
    ซึ่งใด้ ขออนุญาต ขอนาม..

    " ศาลาพุทธสิกขี ลีลาเปิดโลก "

    น้อมโมทนาบุญ..
    Nun Boon นันทภรณ์ บุญณรงค์ไพศาลร่วมบุญวันพระ ๒๔ สค............๒๐๐ บ.
    Siripar Ning Fross สิริภา วิจิตรานนท์ร่วมบุญ๒๕ สค...................๕๐๐ บ.
    Sutti Winya ครอบครัว วิญญู ชมพูนาศ ร่วมบุญ๒๕ สค .................๑๐๐ บ.
    ...รวมปัจจัย ร่วมบุญ รอยพระพุทธบาทจำลอง............<WBR>..................๘๐๐ บ.
    ( หาก พิมพ์ รายนามผิดพลาด กราบขอขมากรรม ด้วยครับ )

    *** ๓๐ สค.- ๗ กย. เดินทาง บำเพ็ญจิต ตามวาระ เรือนธรรมเวียงนาคา ต่อตามวาระ ***

    [​IMG]

    ความหมายภาพมงคล 108 ในรอยพระพุทธบาท จำลอง

    ภาพมงคล ๑๐๘ ที่ปรากฎอยู่บนรอยพระพุทธบาทจำลองนั้น เป็นภาพอะไรบ้างมีความหมายอย่างไร ดูเหมือนจะมีคนอธิบายไว้น้อยมาก ผมได้หาข้อมูลทั้งจากเว็บไซท์ และหนังสือ นั้นก็เห็นว่ามีใจความหลักๆ คล้ายๆกัน เพียงแต่การเรียงลำดับอาจคลาดเคลื่อนกันไปบ้าง ตามแต่ว่าจะนำภาพ รอยพระพุทธบาทของวัดใดมาเป็นต้นแบบ ซึ่งสำหรับผมคงไม่สำคัญในการจัดวางขนาดนั้น เพราะหากเราไปพบรอยพระพุทธบาทที่จัดวางต่างไป ก็อาจทำให้สับสนกันเปล่าๆ ผมจึงขอคัดลอกมาเฉพาะเนื้อหาที่ว่ามีภาพมงคลใดบ้าง ในรอยพระพุทะบาทจำลอง


    ภาพสวรรค์และรูปพรหม มีประมาณ ๒๔ ภาพ (สวรรค์ ๖ ชั้น รูปพรหม ๑๖ ชั้น)
    ๑. รูปพรหมชั้นสูงสุด คือ อกนิฏฐาพรหม ชั้นที่ ๑๖
    ๒. รูปพรหมชั้นที่ ๑๕ คือ สุทัสสีพรหม
    ๓. รูปพรหมชั้น ๑๔ คือ สุทัสสาพรหม
    ๔. รูปพรหมชั้น ๑๓ คือ อตัปปาพรหม
    ๕. รูปพรหมชั้น ๑๒ คือ อวิหาพรหม
    ๖. รูปพรหมชั้น ๑๑ คือ เวหัปผลาพรหม
    ๗. รูปพรหมชั้น ๑๐ คือ อสัญญีสัตตพรหม (หรือ พรหมลูกฟัก)
    ๘. รูปพรหมชั้น ๙ คือ สุภกิณหาพรหม
    ๙. รูปพรหมชั้น ๘ คือ อัปปมาณสุภาพรหม
    ๑๐. รูปพรหมชั้น ๗ คือ ปริตตสุภาพรหม
    ๑๑. รูปพรหมชั้น ๖ คือ อาภัสสราพรหม
    ๑๒. รูปพรหมชั้น ๕ คือ อัปปมาณาภาพรหม
    ๑๓. รูปพรหมชั้น ๔ คือ ปริตตาภาพรหม
    ๑๔. รูปพรหมชั้น ๓ คือ มหาพรหมาพรหม
    ๑๕. รูปพรหมชั้น ๒ คือ พรหมปุโรหิตาพรหม
    ๑๖. รูปพรหมชั้น ๑ คือ พรหมปาริสัชชาพรหม
    ๑๗. เป็นชั้นเทวโลกแดนกามาวจรภูมิ เป็นแดนของเทพเทวดาสวรรค์ชั้นที่ ๖ เป็นสวรรค์ชั้นสูงสุด คือ ปรนิมมิตวสวัตตี
    ๑๘. สวรรค์ชั้นที่ ๕ คือ สวรรค์ชั้นนิมมานรดี
    ๑๙. สวรรค์ชั้นที่ ๔ คือ สวรรค์ชั้นดุสิตตา
    ๒๐. สวรรค์ชั้นที่ ๓ คือ สวรรค์ชั้นยามา
    ๒๑. สวรรค์ชั้นที่ ๒ คือ สวรรค์ชั้นดาวดึงสา
    ๒๒.สวรรค์ชั้นที่ ๑ คือ สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
    ๒๓.สัญลักษณ์ของสวรรค์ดาวดึงส์นั้นตั้งอยู่บนยอดประธาน
    ๒๔.มีสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาอยู่บนยอดรองทั้ง ๔ ยอด ของเขาพระสุเมรุ อันเป็นแกนของจักรวาล
    ภาพมงคลอื่นๆ

    ๑. ภาพพระแสงหอก (สันติ) เปรียบเสมือนพระอรหัตมรรคญาณและพระอรหัตผลญาณที่สามารถกำจัดหมู่มาร คือ กิเลสทั้งปวงได้ เรียกว่า ธรรมรัตนะหรือรัตนมงคล
    ๒. แว่นส่องพระพักตร์ (สิริวัจโฉ) มีความหมายว่า รัตนอุสภราช ซึ่งเป็นสิริมงคลทำให้เจริญได้โดยลำดับ เกิดขึ้นที่ฝ่าพระบาททั้งสอง ของพระพุทธเจ้า
    ๓. ดอกพุดช้อน (นันทิยาวัตตัง) ความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเปรียบเสมือนพญาราชสีห์ บันลือสีหนาทยิ่งใหญ่ สีหราชนั้นทำพุทธสิริมงคลให้เจริญ
    ๔. สายสร้อย (โสวัตถิกัง) ท่านอธิบายว่า เป็นรัตนะชื่อว่า รัตนโสตถิมงคล กล่าวคือ ผ้ารัตนบังสุกุลสามารถกำจัดเครื่องเศร้าหมองทั้งปวง รัตนโสตถิ มงคลเป็นใยแก้ว สามารถจะให้สำเร็จการชวนดูชวนเห็นแก่เทวดาและมนุษย์ได้ตามสมควร
    ๕. ต่างหู (วัฎฎังสกัง) ได้แก่การแทงตลอดมรรคผลด้วยวชิรญาณดุจการคล้องพวงดอกไม้แก้วให้เป็นสิริมงคลที่บ่า และศีรษะอันทำให้พระพุทธสิริคลเจริญ
    ๖. ถ้วยภาชนะ (วัทธมานัง) ได้แก่ ภาชนะทอง ชื่อว่าของที่รองรับน้ำนม เป็นสิ่งที่ทำให้พระพุทธมงคลเจริญได้ เกิดขึ้นที่ฝ่าพระบาททั้งสอง ของพระพุทธเจ้า
    ๗. ปราสาท (ปาสาโท) ชื่อว่า ปราสาทแก้วเป็นพระมหานิพพานนคร คือ รัตนปราสาท อันทำให้พุทธสิริมงคลเจริญ
    ๘. ขอช้าง (อังสุโส) ได้ชื่อเป็นขอแก้วเป็นอรหัตมรรคญาณและอรหัตผลญาณ ทำให้พุทธสิริมงคลเจริญ
    ๙. ซุ้มประตู (โตรณัง) ได้แก่ ประตูแก้วทั้ง ๒ คือ อรหัตมรรค และอรหัตผล เพื่อปิดประตูเมืองป้องกันกิเลส
    ๑๐. เศวตฉัตร (เสตัจฉัตตัง) เป็นเศวตฉัตรแก้ว อันทำให้พระพุทธสิริมงคลเจริญ
    ๑๑. พระขรรค์แก้ว (รัตนขัคคัง) คือ พระขรรค์แก้ว สามารถกำจัดกิเลสความเศร้าหมอง เป็นพุทธสิริมงคลที่เจริญ
    ๑๒. กำหางนกยูง (โมรหัตถัง) ได้แก่ พัดกำหางนกยูง ที่ตกแต่งสวยงาม ทำให้พระพุทธสิริมงคลเจริญ
    ๑๓. พระแท่นที่ประทับ (ภัททปิฎฐัง) ได้แก่ พระแท่นบัณธุกัมพลรัตนศิลาอาสน์ โคนต้นไม้ปาริฉัตตกะ (ไม้ทองหลาง ทองกวาว) ในภาพดาวดึงส์ เป็นสิริมงคลเจริญ
    ๑๔. พระมงกุฎ (อุณหิสัง) ได้แก่ มงกุฎแก้ว เป็นสิ่งทำให้สิริมงคลเจริญในโลกทั้งสาม
    ๑๕. เถาวัลย์แก้ว (รัตนวัลลี) เป็นพวงมาลัยแก้ว ให้เถาวัลย์ทองร้อยอย่างดีสวยงามมาก เป็นสิ่งที่ทำให้พุทธสิริมงคลเจริญ
    ๑๖. พัดแก้ววาลวิชชนี (มณิกาลวิชชนี) เป็นพัดขนทรายที่ทำด้วยจามรี เป็นของงดงามด้วยรัตนะทั้งปวง ทำให้พระพุทธสิริมงคลเจริญยิ่ง
    ๑๗. พวงดอกมะลิ (สุมนทามัง) พวงดวกมะลิแก้ว ใช้ด้ายทองคำผูกห้อยร้อยรัดอย่างดี เป็นเหมือนพระพุทธผู้ประเสริฐ ทำให้พุทธสิริมงคลเจริญ
    ๑๘. ดอกบัวแดง (รัตตุปปะลัง) ได้แก่ ดอกอุบลแก้วสีแดง ทำให้พุทธสิริมงคลเจริญ อันเกิดขึ้นที่ฝ่าพระบาททั้งสองของพระพุทธเจ้า
    ๑๙. ดอกบัวขาบ (นีลุปปะลัง) ได้แก่ ดอกอุบลแก้วสีเขียว ทำให้พุทธสิริมงคลเจริญ
    ๒๐. ดอกบัวขาว (เสตุปปะลัง) เป็นดอกบัวแก้วสีขาว เหมือนแก้วมณีและแก้วมุกดา ทำให้พุทธสิริมงคลเจริญ
    ๒๑. ดอกบัวหลวงชมพู (ปทุมัง) เป็นดอกบัวหรือปทุมแก้ว สีเหมือนแก้วมณี ทำให้สิริมงคลเจริญ
    ๒๒. ดอกบัวหลวงขาว (ปุณฑริกัง) เป็นดอกปทุมแก้วสีขาวเหมือนแก้วมุกดา ชื่อว่า บุณฑริกา ทำให้พุทธสิริมงคลเจริญ
    ๒๓. กระออมมีน้ำเต็ม (ปุณณมโฎ) หมายความถึง ภาชนะสำหรับรองรับน้ำนม ภาชนะแก้วมณีทำให้พุทธสิริมงคลเจริญ
    ๒๔. ถาดมีน้ำเต็ม (ปุณณจาฏิ) เป็นภาชนะถาดทองคำ สำหรับใส่เครื่องบูชาของเทวดา และมนุษย์ ย่อมเป็นที่พึ่งแห่งตน
    ๒๕. มหาสมุทรทั้ง ๔ (จตุสมุทโท) มีความหมายว่า ศีล ๔ อย่างเป็นสัจธรรม ๔ ประการ ให้สัตว์ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน (อาจสร้างภาพ ๑ ถึง ๔ ภาพ) ๒๖. จักรวาล (จักกวาโฬ) หมายความว่า พระผู้มีคพระภาคเจ้าทรงมีพุทธญาณอันวิเศษ ทรงรู้นิสัยแห่งพระองค์ ชื่อว่าเป็นสัพพัญญุตญาณ
    ๒๗. ป่าหิมพานต์ (หิมวา) ชื่อว่าเป็นพระรูปกายของพระพุทธเจ้าที่มีพระฉวีวรรณดุจทอง สวยงามรุ่งเรืองเกินกว่ามนุษย์เทวดา
    ๒๘. ภูเขาสุเนรุ (สุเนรุ) ชื่อว่าเป็นพระรูปกายของพระพุทธเจ้าที่มิหวั่นไหวด้วยโลกธรรม ๘ ประการ ดังเช่นภูเขาสุเนรุ
    ๒๙. ดวงอาทิตย์ (สุริโย) คำนี้เป็นพระนามของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง ทรงกำจัดความมืดมิด คือ กิเลสทั้งปวง
    ๓๐. ดวงจันทร์ (จันทิมา) เป็นชื่อว่า พระหฤทัยของพระผู้มีพระภาคเจ้าเย็นฉ่ำยิ่งนักเปรียบดังน้ำในมหาสมุทร ทรงมีเมตตาธรรมและเย็นเยือกดุจพระจันทร์
    ๓๑. ดวงดาว (นักขัตตา) เป็นชื่อว่า พระหฤทัยของพระผู้มีพระภาคเจ้าที่เย็นฉ่ำ และรุ่งเรืองส่องสว่างกระจ่างแจ้ง เหมือนดวงดาวนักขัตฤกษ์
    ๓๒. ทวีปใหญ่ทั้ง ๔ ประการ (จัตตาโรมหาทีป ๔) ความว่า ทวีปใหญ่ทั้ง ๔ เปรียบเสมือนสัจธรรม ๔ ประการ เป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งปวงดั่งองค์พระผู้มีพระภาคเจ้า(อาจสร้างภาพ ๑ ถึง ๔ ภาพ) ๓๓. ทวีปน้อย ๒,๐๐๐ ซึ่งเป็นบริวาร (ทวิสหัสสปริตตทีปปริวารา) มีความหมายถึงทวีปน้อยทั้ง ๒,๐๐๐ ที่เป็นบริวารของทวีปใหญ่ทั้ง ๔ เหมือนเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งปวง
    ๓๔. พระเจ้าจักรพรรดิพร้อมด้วยข้าราชบริพาร (สปริวาโร จักกวัตติราชา) เปรียบเหมือนพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงเป็นใหญ่ในโลกทั้ง ๓ ฉันใด พระเจ้าจักรพรรดิก็ทรงมีบริวารของพระองค์ฉันนั้น
    ๓๕. สังข์ขาวทักษิณาวรรต (ทักขิณาวัฏฏเสตสังโข) พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงกุศลธรรมอันบริสุทธิ์แก่ชาวโลกทั้ง ๓ เพื่อให้เว้นจากธรรมที่ไม่บริสุทธิ์ คือ อกุศกรรมบถ ๑๐ ประการ ทรงเป็นผู้รุ่งโรจน์โชติช่วงด้วยพระสุรเสียงกึกก้องของพระองค์ เหมือนเสียงสังข์เสียงจักร เรียกว่า สังข์ขาวทักษิณาวัฎ
    ๓๖. ปลาทองคู่ (สวัณณมัจฉกยุคคะลัง) ความหมายว่า เป็นพระอัครสาวกทั้งสองประดับเบื้องซ้าย เบื้องขวา ที่สมบูรณ์ด้วยปัญญาและฤทธิ์คือ พระสารีบุตรเถระ และพระมหาโมคคัลลานเถระ
    ๓๗. กงจักรคู่ (ยุคคละจักกัง) เป็นจักรแก้วชื่อว่า พุทธรัตนจักร คือ พุทธรัตนจักร สังฆรัตนจักร
    ๓๘. แม่น้ำใหญ่ ๗ สาย (สัตตมหาคังคา) เป็นมหาคงคาทั้ง ๗ หมายถึง สัมโพชฌงค์ทั้ง ๗ ประการ ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้แล้ว ดุจมหาคงคาที่ไหลมาไม่ขาดสาย(อาจสร้างภาพ ๑ ถึง ๗ ภาพ) ๓๙. สระใหญ่ ๗ สระ (สัตตมหาสรา) อันเปรียบเสมือนอริยทรัพย์ ๗ ประการ ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้แล้วแก่สัตว์ทั้งปวง (อาจสร้างภาพ ๑ ถึง ๗ ภาพ) ๔๐. ภูเขาใหญ่ ๗ เทือก (สัตตมหาเสลา) หมายถึง วิญญาณฐิติ ๗ ประการ ที่พระพุทธองค์ทรงดำรงอยู่ในญาณวิสัยของพระองค์
    (หมายเหตุ แม่น้ำใหญ่ ๗ สาย หรือ มหาคงคา ๗ ได้แก่ ชาติคงคา ยมุนาคงคา สรภูคงคา สุรัสดีคงคา อจิรดีคงคา มหิคงคา และมหานทีคงคา (อาจสร้างภาพ ๑ ถึง ๗ ภาพ)
    ส่วนโพชฌงค์ ๗ คือ สติสัมโพชฌงค์ ธรรมวิจยสัมโพชฌงค์ วิริยสัมโพชฌงค์ ปิติสังโพชฌงค์ ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ สมาธิสังโพชฌงค์ อุเบกขาสัมโพชฌงค์
    สระใหญ่ ๗ สระ คือ สระอโนดาต สระกมัณฑมุณฑะ สระรถกาละ สระกุณาละ สระฉัททันต์ สระมัณฑากินี และสระสีหปปาตะ
    อริยทรัพย์ ๗ ประการ คือ ทรัพย์ คือศรัทธา ทรัพย์คือศีล ทรัพย์คือสุตะ ทรัพย์คือจาคะ ทรัพย์คือปัญญา ทรัพย์คือหิริ และทรัพย์คือโอตตัปปะ
    ภูเขาใหญ่ ๗ เทือก มี ภูเขาคันธร ภูเขาอิสินธร ภูเขากรวิก ภูเขาสุทัสสนะ ภูเขาเนมินธร ภูเขาวินตกะ และภูเขาอัสสกัณณะ
    วิญญาณฐิติ ๗ ประการ คือ อาวัชชนวิญญาณ ฉันนวิญญาณ ทัสสนวิญญาณ สัมปฏิจฉันวิญญาณ โผฏฐัพพนวิญญาณ ชวนะวิญญาณ และอาลัมพนวิญญาณ เรียกว่า วิญญาณฐิติ ๗ อย่าง
    ๔๑. พญาครุฑ (สุปัณณราชา) เป็นความหมายที่ว่า พระพุทธเจ้าทรงใช้พระวชิรญาณกำจัดกิเลส ๑,๕๐๐ เหมือนพญาครุฑกำจัดพญานาค ซึ่งเป็นคู่อริกัน
    ๔๒. พญาจระเข้ (สุงสุมารราชา) ในความหมายว่า พระพุทธเจ้าทรงดำรงอยู่ในพระสัพพัญญุตญาณ อันเป็นพระรูปกายของพระองค์เพื่อจะรักษาพระองค์และรักษาชาวโลกทั้ง ๓ ไว้มิให้ไปตกอบายภูมิทั้ง ๔ เหมือนพญาจระเข้ รักษาตนและหมู่ญาติของตนในเภสกลาวัน หรือสระบัวนั่นเอง
    ๔๓. ธงชัยธงแผ่นผ้า (ธชะปฏาณ) คือ ธงชัยแผ่นผ้าทอง ประดับด้วยธรรม คือ อรหัตมรรคญาณ และอรหัตผลญาณ ประดับด้วยเครื่องบูชาพระพุทธเจ้า
    ๔๔. พระเก้าอี้แก้ว (รัตนปาฏังกิ) เป็นความหมายถึงพระที่นั่งรัตนบัลลังก์ของพระพุทธเจ้า ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ที่ทรงตรัสรู้พระสัพพัญญุตญาณ
    ๔๕. พัดโบกทอง (สุวัณณจามโร) สุวรรณจามรเป็นพัดโบกทองคำ ประดับด้วยแก้ว ๗ ประการ สุวรรณจามรมี ๒ ชนิด คือ ทำด้วยขนหางจามรีกับทำด้วยผ้าและใบไม้ เป็นต้น
    ๔๖. ภูเขาไกรลาส (เกลาสปัพพโต) เปรียบเป็นภูเขาทองที่งดงามยอดยิ่งกว่าภูเขาใดๆ ดังพระพุทธเจ้าที่ทรงสมบูรณ์งดงามยิ่งนัก
    ๔๗. พญาราชสีห์ (สีหราชา) พระพุทธองค์เปรียบดังพญาราชสีห์ ทรงประกอบด้วย พระเวสารัชชญาณ ๔ ประการ เสด็จเข้าไปกลางบริษัททั้ง ๔ เพื่อทรงแสดงสัจธรรม ๔ ด้วยพระพุทธลีลาอันงดงามยิ่ง เสมือนพญาราชสีห์ที่ประกอบด้วยบันลือสีหนาทของตน
    ในบทสวดที่ว่า นโมตัสสะ เป็นเวสารัชชญาณ ภควโต เป็นเวสารัชชญาณ อรหโต เป็นเวสารัชชญาณ สัมมาสัมพุทธัสสะ เป็นเวสารัชชญาณ ดังนั้น คำว่า นโมพุทธธัสสะ นโมธรรมมัสสะ นโมสังฆฆัสสะ มีประโยชน์เพื่อกำจัดอันตรายทุกอย่าง
    และบทสวดที่ว่า “หูลู หูลู หูลู สวาหายยะ” นั้น จึงมีความหมายว่าอันตรายทุกอย่าง เช่น ความมีโรคมาก มีทุกข์มาก มีความโศกเศร้ามาก มีศัตรูมาก มีความขัดข้องมาก มีภัยมาก เมื่อกล่าวขึ้นอันตรายทุกอย่างเหล่านี้ย่อมพินาศไปสิ้น ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธองค์ ดังเสียงบันลือสีหนาทนั่นเอง
    ๔๘. พญาเสือโคร่ง (พยัคฆราชา) พระผู้มีพระภาคเจ้าเปรียบเหมือนพยัคฆราชทรงประดับด้วยพระสัพพัญญุตญาณ พระองค์ทรงตรัสรู้พระญาณที่ ๑ คือ ปุพเพนิวาสานุสติญาณ (ระลึกชาติได้) ในปฐมยาม
    ทรงตรัสรู้พระญาณที่ ๒ คือ ทิพพจักขุญาณ (ตาทิพย์) ในมัชฌิมยาม
    ทรงตรัสรู้พระญาณที่ ๓ คือ อาสวักขยญาณ (ทำให้กิเลสหมดไป) ในปัจฉิมยาม
    ญาณทั้ง ๓ อย่างนี้ จึงเป็นพระสัพพัญญุตญาณ
    ๔๙. พญาเสือเหลือง (ทีปิราชา) พระพุทธเจ้าไม่ทรงยินดีในกามคุณทั้ง ๕ อันเป็นวิสัยในโลกทั้ง ๓ คือ พระองค์ไม่ทรงยินดีอะไรที่เกิดขึ้นในโลกทั้ง ๓ นี้ แต่พระองค์ทรงยินดีในนวโลกุตรญาณธรรม คือ พระสัพพัญญุตญาณ เพื่อประโยชน์ด้วยมรรคผลนิพพาน จึงได้รับพระนามว่า ทีปิราชา หรือพญาเสือเหลือง
    ๕๐. พญาม้าพลาหก (พลาหโกอัสสราชา) ม้าพลาหกประกอบด้วยการก้าวเดินที่สง่า สวยงามกว่าสัตว์ชนิดใด พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงประกอบไปด้วยพละกำลังมาก ทรงกำลังกายถึง ๑๐ ประการ สวยงามกว่าสัตว์ใดๆ ทั้งหมด จึงได้รับการถวายพระนามว่า พลาโหอัสสราชา คือ ม้าพลาหกนั่นเอง
    ๕๑. พญาช้างอุโบสถ (อุโปสโต วารณราชา) พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ทรงยินดีในอารมณ์วิสัยกามคุณ ๕ อะไรๆ ตลอดกาล แต่จะทรงยินดีอารมณ์พระนิพพาน อันเป็นนวโลกุตรญาณธรรม จึงได้รับการถวายนามเป็นช้างอุโบสถ หรืออุโบสโถวารณราชา
    ๕๒. พญาช้างฉัททันต์ (ฉัททันโตวารณราชา) พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมีพระรัศมีมีพรรณ ๖ ประการ ประดับอยู่ทั่วพระวรกายของพระองค์
    ๕๓. พญานาควาสุกรี (วาสุกีอุรคราชา) พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประดับด้วยพระสัพพัญญุตญาณ พญากาลนาคราชได้ถวายอาสนะบัลลังก์แก้วของตนแด่พระองค์ ครั้งนั้นพระองค์ประทับนั่งเสวยวิมุติสุขเหนือบัลลังก์นั้น เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแด่พญากาลนาคราช
    วาสุกีอุรคราชา มี ๒ อย่าง คือ โลกิยราชา กับโลกุตรราชา
    ๕๔. พญาหงส์ (หังสราชา) มีความหมายว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ไม่ทรงยินดีโลกิยสาระ คือ เงินทองมีแก้ว ๗ ประการ เป็นต้น แต่พระองค์ทรงยินดีในโลกุตรธรรม คือ มรรคผลนิพพานจึงได้รับการถวายพระนามว่า หังสราชา
    ๕๕. พญาไก่เถื่อน พญาโคอุสภราช (พลกุกกุฏอุสภราชา) มีความว่าเมื่อครั้งก่อนพระผู้มีพระภาคเจ้าเสวยพระชาติเป็นโคอุสภราช มีนามว่า สุมังคละ ไม่ทรงสนพระทัยศัตรูที่จะทำให้พระองค์หวั่นไหวกลางคัน คือ ทรงละศัตรูที่จะทำการประทุษร้ายพระองค์เสียแล้ว
    ทรงสนพระทัยจะแสดงธรรมโปรดสัตว์ทั้งหลายเท่านั้น เพราะเหตุนี้พระองค์จึงได้รับการถวายพระนามว่า พลกุกกุฏอุสภราชา
    ๕๖. พญาช้างเอราวัณ (เอราวัณโณนาคราชา) มีความว่า พระพุทธองค์ทรงตั้งอยู่ในอริยธรรม ทรงยินดีในศีลสาระ ดุจพญาช้างที่ตั้งอยู่ในอริยมรรค พระองค์จึงได้รับการถวายพระนามว่า เอราวัณโณนาคราชา คำว่า เอ เป็นการแสวงหา รา เป็นความยินดี เอรา จึงเป็นการค้นหาสาระในอริยธรรมอันยิ่งใหญ่ตลอดกาลเป็นเนืองนิตย์
    ๕๗. มังกรทอง (สุวัณโณมังกโร) เปรียบดังพระพุทธองค์ทรงมีความประพฤติที่กล้าแข็ง ในอรหัตมรรคญาณ และอรหัตผลญาณ คือ วชิรญาณ สามารถตัดกิเลสทั้งปวงได้ ประดุจเลื่อยเพชร จึงได้รับการถวายพระนามว่า สุวัณโณมังกโร
    ๕๘. แมลงภู่ทอง (สุวัณโณภมโร) พระพุทธองค์เปรียบดั่งผึ้ง เคล้าคลึงละอองเกสรใหม่จากดอกไม้ทั้งหลาย โดยไม่ทำลายต้นให้เสียหาย ประดุจที่ทรงคบหาบริษัท ๔ ทรงกำจัดมานะในใจของบริษัทเหล่านั้นให้ขาดได้ จึงได้รับการถวายพระนามว่า สุวัณโณ ภมโร
    ๕๙. ท้าวมหาพรหมสี่พักตร์ (จตุมุโขมหาพรหมา) พระพุทธองค์ทรงประกอบไปด้วยพรหมวิหาร ๔ มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ทรงแสดงพรหมวิหารให้สัตว์ทั้งหลาย จึงได้รับการถวายพระนามว่า จตุมุโข มหาพรมหา
    ๖๐. เรือทอง (สวัณณนาวา) มีความหมายว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเปรียบดังเรือทองที่ทรงช่วงสัตว์ทั้งหลายให้ข้ามมหาสมุทรอันลึกล้ำ คือ สงสาร ให้ไปถึงฝั่งคือ นิพพาน เรือทองจึงเป็นอรหัตมรรคญาณและอรหัตผลญาณ ฉะนี้
    ๖๑. บัลลังก์แก้ว ( รันตปัลลังโก) เป็นบัลลังก์แก้ว คือ รัตนบัลลังก์ที่โคนต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่พระพุทธเจ้าทรงกำจัดหมู่มารได้ด้วยอานุภาพบารมี ๑๐ ของพระงองค์
    ๖๒. พัดใบตาล (ตาลปัณณัง) ท่านหมายว่า ใบตาลแก้ว คือพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงเมตตาธรรมอันเยือกเย็นไว้ในหัวใจของชาวโลกทั้ง ๓ โลก ด้วยพระมหากรุณาของพระองค์
    ๖๓. เต่าทอง (สุวัณโณกัจฉโป) มีความหมายว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตัดกิเลสด้วยวชิรญาณ เพราะเหตุนี้พระองค์จึงได้รับการถวายพระนามว่า สุวัณโณกัจฉโป
    ๖๔. แม่โคลูกอ่อน (สุวัจฉกา คาวี) หมายถึง พระพุทธองค์ทรงแสดงโลกุตตรธรรม ๙ มีชื่อว่า อมตมหานิพพาน แก่ชาวโลกทั้ง ๓ ด้วยพระมหากรุณาของพระองค์ ดุจแม่โคที่มีใจเมตตารักลูกของตน
    ๖๕. กินนร (กินนโร) มีความหมายว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงประกอบด้วยพระมหากรุณาของพระองค์ ไม่ทรงเบียดเบียนสัตว์ทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงได้รับการถวายพระนามว่า กินนโร
    ๖๖. กินนรี (กินนรี) พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงประกอบด้วยพระมหากรุณาไม่เบียดเบียนสัตว์อื่นๆ ทั้งหมด จึงได้รับการถวายพระนามว่า กินนรี
    ๖๗. นกการเวก (กรวิโก) พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม คือ มรรคผลนิพพาน คือ โลกุตตรธรรม ๙ แก่สัตว์ทั้งหลาย ด้วยพระสุรเสียงที่ไพเราะยิ่งนัก ดังนี้ พระองค์จึงได้รับการถวายพระนามว่า กรวิโก หรือ การะเวก
    ๖๘. พญานกยูง (มยุรราชา) มีความหมายถึง พระพุทธเจ้าทรงประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ และอนุพยัญชนะ ๘๐ ประการ ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงได้รับการถวายพระนามว่า มยุรราชา
    ๖๙. พญานกกระเรียน (โกญจราชา) หมายถึง การที่พระพุทธองค์ไม่ทรงเยียบถูกพื้นดิน เมื่อคราวเสด็จไปไกลๆ ทรงเหาะไปทางอากาศด้วยฤทธิ์ ดังนั้น จึงได้รับการถวายพระนามว่า โกญจราชา หรือ พญานกกระเรียน
    ๗๐. พญานกจากพราก (จากวากราชา) ด้วยที่พระพุทธเจ้าทรงบันลือสีหนาทใหญ่ที่ประกอบด้วยการแสดงธรรม คือ ทศพลญาณแก่ชาวโลกทั้ง ๓ เพื่อให้บรรลุมรรคผลนิพพาน พระองค์จึงได้รับการถวายพระนามว่า จากวากราชา คือ พญานกจากพราก
    ๗๑. พญานกพริก (ชีวัญชีวกราชา) หมายความถึง การที่พระพุทธเจ้าทรงปลดเปลื้องสัตว์ให้พ้นไปจากมิจฉาชีพ ให้เลี้ยงตนด้วยสัมมาชีพ พระองค์จึงได้รับการถวายพระนามว่า ชีวัญชีวกราชา คือ พญานกพริก นั่นเอง
    มิจฉาชีวัง หมายความว่า สัตว์ทั้งหมดในโลกนี้ที่จะต้องไปอบายนรก ย่อมกระทำเวรกรรม ๕ ประการ คือ ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ ดื่มสุราเมรัย เวรกรรมทั้ง ๕ ประการ ที่สัตว์ทั้งหลายกระทำในโลกนี้ เรียกว่า มิจฉาชีพ
    สำหรับสัมมาชีวัง หมายถึง สัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ที่จะได้ไปสวรรค์ คือ ย่อมไม่ทำเวรกรรม ๕ ประการ คือ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดเท็จ ไม่ดื่มสุราเมรัย เวรกรรมทั้ง ๕ ประการนี้ ถ้าสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ไม่กระทำ เรียกว่า สัมมาชีพ
    หากนำจำนวน ๒๔ มาบวกกับ ๗๑ จะได้เพียง ๙๕ ภาพ ยังขาดไป ๑๓ ภาพ จึงจะครบ ๑๐๘ แต่ความจริงแล้วหากนับรวมภาพทวีป มหาสมุทร สระใหญ่ ภูเขาใหญ่ ก็จะได้ครบ ๑๐๘ ภาพแล้วครับ



    ภาพสวรรค์และรูปพรหม มีประมาณ ๒๔ ภาพ (สวรรค์ ๖ ชั้น รูปพรหม ๑๖ ชั้น)
    ๑. รูปพรหมชั้นสูงสุด คือ อกนิฏฐาพรหม ชั้นที่ ๑๖
    ๒. รูปพรหมชั้นที่ ๑๕ คือ สุทัสสีพรหม
    ๓. รูปพรหมชั้น ๑๔ คือ สุทัสสาพรหม
    ๔. รูปพรหมชั้น ๑๓ คือ อตัปปาพรหม
    ๕. รูปพรหมชั้น ๑๒ คือ อวิหาพรหม
    ๖. รูปพรหมชั้น ๑๑ คือ เวหัปผลาพรหม
    ๗. รูปพรหมชั้น ๑๐ คือ อสัญญีสัตตพรหม (หรือ พรหมลูกฟัก)
    ๘. รูปพรหมชั้น ๙ คือ สุภกิณหาพรหม
    ๙. รูปพรหมชั้น ๘ คือ อัปปมาณสุภาพรหม
    ๑๐. รูปพรหมชั้น ๗ คือ ปริตตสุภาพรหม
    ๑๑. รูปพรหมชั้น ๖ คือ อาภัสสราพรหม
    ๑๒. รูปพรหมชั้น ๕ คือ อัปปมาณาภาพรหม
    ๑๓. รูปพรหมชั้น ๔ คือ ปริตตาภาพรหม
    ๑๔. รูปพรหมชั้น ๓ คือ มหาพรหมาพรหม
    ๑๕. รูปพรหมชั้น ๒ คือ พรหมปุโรหิตาพรหม
    ๑๖. รูปพรหมชั้น ๑ คือ พรหมปาริสัชชาพรหม
    ๑๗. เป็นชั้นเทวโลกแดนกามาวจรภูมิ เป็นแดนของเทพเทวดาสวรรค์ชั้นที่ ๖ เป็นสวรรค์ชั้นสูงสุด คือ ปรนิมมิตวสวัตตี
    ๑๘. สวรรค์ชั้นที่ ๕ คือ สวรรค์ชั้นนิมมานรดี
    ๑๙. สวรรค์ชั้นที่ ๔ คือ สวรรค์ชั้นดุสิตตา
    ๒๐. สวรรค์ชั้นที่ ๓ คือ สวรรค์ชั้นยามา
    ๒๑. สวรรค์ชั้นที่ ๒ คือ สวรรค์ชั้นดาวดึงสา
    ๒๒.สวรรค์ชั้นที่ ๑ คือ สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
    ๒๓.สัญลักษณ์ของสวรรค์ดาวดึงส์นั้นตั้งอยู่บนยอดประธาน
    ๒๔.มีสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาอยู่บนยอดรองทั้ง ๔ ยอด ของเขาพระสุเมรุ อันเป็นแกนของจักรวาล

    รอยพระพุทธบาทจำลอง รับทำ Footprint of buddha handmade your order: ความหมายภาพมงคล 108 ในรอยพระพุทธบาท จำลอง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2014
  14. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    วัดหลังศาล ภูเก็ต ( หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)

    [​IMG] [​IMG]

    นักธุรกิจจีนมอบ 30 ล้าน สร้างเจดีย์วัดหลังศาล จ.ภูเก็ต

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 กันยายน 2557 16:52 น.


    นักธุรกิจจีนมอบ 30 ล้าน สร้างเจดีย์วัดหลังศาล จ.ภูเก็ต
    นายจางเจี้ยน หรือ มีชื่อไทย ว่า นายศุภชัย รุจาธร นักธุรกิจเกี่ยวกับซอฟท์แวร์ จากประเทศจีน

    ศูนย์ข่าวภูเก็ต - นักธุรกิจซอฟต์แวร์ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา บริจาคเงินให้วัดเจริญสมณกิจ หรือวัดหลังศาล จังหวัดภูเก็ต เพื่อสร้างเจดีย์หลวงปู่เทศก์ เทสรังสี จำนวน 30 ล้านบาท ขณะที่ก่อนหน้านี้เคยบริจาคมาแล้ว 4 ล้านบาท ในการจัดซื้อที่ดิน

    เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (16 ก.ย.) ภายในพระอุโบสถ วัดเจริญสมณกิจ หรือวัดหลังศาล อ.เมือง จ.ภูเก็ต ภูเก็ต พระอาจารย์จำรัส จันทโชโต เจ้าอาวาส พร้อมด้วย นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และคณะกรรมการวัด ร่วมต้อนรับคณะพุทธศาสนิกชน ผู้มีจิตศรัทธาจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และประเทศมาเลเซีย ที่เดินทางมาร่วมทำบุญทอดผ้าป่าการกุศลนานาชาติที่วัดแห่งนี้

    เนื่องจาก นายจางเจี้ยน หรือมีชื่อไทย ว่า นายศุภชัย รุจาธร นักธุรกิจเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ หรือเว็บไซด์ของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งบวชเป็นพระอยู่ที่วัดดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ ได้มอบเงิน จำนวน 30 ล้านบาท เพื่อสมทบทุนสร้างเจดีย์ และเสนาสนะต่างๆ ในวัดเจริญสมณกิจ และก่อนหน้านี้ นายจางเจี้ยน มอบเพื่อจัดซื้อที่ดินบริเวณด้านข้างวัด จำนวน 6 ไร่ มูลค่า 4,000,000 บาท ให้แก่ทางวัดด้วย

    พระอาจารย์จำรัส จันทโชโต เจ้าอาวาสวัดเจริญสมณกิจ กล่าวว่า นายจางเจี้ยน และคณะพุทธศาสนิกชนนานาชาติ มีจิตศรัทธาที่แรงกล้า และเดินทางมาร่วมทำบุญที่วัดนี้อย่างต่อเนื่อง และเขาได้ตัดสินใจบวชเป็นพระภิกษุ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมา และได้ฉายาว่า “พระสุคโต” ในขณะนี้ ยังไม่มีกำหนดวันสึกแต่อย่างใด

    ทั้งนี้ นายจางเจี้ยน มีเจตจำนงในการบริจาคเงินสดเพื่อร่วมสมทบทุนก่อสร้างพระเจดีย์หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงท่านที่เป็นพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เผยแผ่ธรรมะในพื้นที่ และยังมีส่วนสร้างเสนาสนะของวัดตั้งแต่ในอดีต สำหรับการสร้างเจดีย์ของวัดนั้นจะใช้งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ 40 ล้านบาท


    อัตตโนประวัติ ของ พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ (เทสก์ เทสรังสี)
    คลิกเพื่อขยายรูปภาพอัตตโนประวัติ ของ พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ (เทสก์ เทสรังสี)
    เดิมชื่อ เทสก์ สกุล เรี่ยวแรง เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ ๒๖ เมษายน ๒๔๔๕ เวลาประมาณ ๐๙.๐๐ น. ปีขาล ณ บ้านนาสีดา ตำบลกลางใหญ่ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี บิดาชื่อ อุส่าห์ มารดาชื่อ ครั่ง อาชีพทำนา ทั้งสองเป็นกำพร้าพ่อด้วยกันซึ่งได้อพยพมาคนละถิ่น คือบิดาอพยพมา จากอำเภอด่านซ้าย
    จังหวัดเลย มารดาอพยพมาจากเมืองฝาง ( บัดนี้เป็นตำบล ) ขึ้นอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ แล้วได้มาแต่งงานกัน ณ ที่บ้านนาสีดา ตั้งหลักฐานทำมาหากินจนกระทั่งบัดนี้
    มีบุตรธิดา ร่วมกัน ๑๐ คน คือ
    นายคำดี เรี่ยวแรง ( ถึงแก่กรรม )
    นางอาน ปราบพล ( ถึงแก่กรรม )
    ด.ช. แกน เรี่ยวแรง ( ถึงแก่กรรมแต่เยาว์ )
    ด.ญ. ใคร เรี่ยวแรง ( ถึงแก่กรรมแต่เยาว์ )
    นางแนน เชียงทอง ( ถึงแก่กรรม )
    นายเปลี่ยน เรี่ยวแรง ( ถึงแก่กรรม )
    นางนวล กล้าแข็ง ( ถึงแก่กรรม )
    พระเกต ขันติโก ( เรี่ยวแรง ) ( มรณภาพ )
    พระราชนิโรธรังสี ( เทสก์ เทสรังสี
    นางธูป ดีมั่น ( ถึงแก่กรรม )
    เมื่ออายุได้ ๙ ขวบได้เข้าวัดไปเรียนหนังสือไทย แลหนังสือพื้นเมือง ( หนังสือธรรมแลขอม ) กับเพื่อนๆ พระเณรเป็น อันมาก ที่วัดบ้านนาสีดานี่เอง โดยพี่ชายคนหัวปีซึ่งยังบวชเป็นพระอยู่เป็นสอนและสอนตามแบบเรียน ประถม ก กา มูลบท บรรพกิจเราเรียนอยู่สามปีแต่ไม่เก่ง เพราะเราชอบเล่นมากกว่าเรียน สมัยนั้นโรงเรียนประชาบาลยังขยายไปไม่ทั่วถึง พี่ชายเรา คนนี้แกบวช แล้วชอบเที่ยวหาประสบการณ์ต่างๆ และจำแม่นเสียด้วย เมื่อแกไปได้หนังสือไทยมาจึงนำมาสอนพวกเรามี พระเณรแลเด็กมาเรียนด้วยเป็นอันมาก จนบางคนมาเห็นเข้าถามว่าเป็นโรงเรียนหรือ พวกเรามิใช่เรียนแต่เฉพาะหนังสือไทยเท่านั้น สวดมนต์ หนังสือธรรม ขอม พวกเราก็เรียนควบคู่กันไปด้วย เราเรียนอยู่สามปี จึงได้ออกจากวัดไปเพราะพี่ชายเราลาสิกขา เพื่อนๆ นักเรียนของเราโดย มากก็ออกจากวัดไปด้วย เพราะไม่มีใครสอนหนังสือต่อ
    ถึงแม้เราจะออกจากวัดไปแล้วก็ตาม ชีวิตของเราคลุกคลีอยู่กับพระเณรในวัดโดยส่วนมาก เนื่องจากเมื่อพี่ชายของเราสึกออกไปแล้ว พระที่เป็นสมภารอยู่ที่วัดไม่มี มีพระอาคันตุกะมาอยู่เป็นครั้งคราว เราเองต้องเป็นสื่อกลางระหว่างพระกับชาวบ้าน รับใช้เป็นประจำเช้าไปประเคนสำรับ เย็นตักน้ำกรองน้ำ เก็บดอกไม้ถวายท่านบูชาพระ พระมามากน้อย อาหารพอไม่พอ เราต้องวิ่งบอกชาวบ้าน เราปฏิบัติอยู่อย่างนี้มาเป็นอาจิณวัตรตลอด ๖ ปี บิดามารดาของเราก็สนับสนุนเราอย่างเต็มที่ ที่เราปฏิบัติพระท่านยิ่งเพิ่มความรักใคร่ให้แก่เรามากขึ้น เมื่อถึงเวลาเห็นเราช้าอยู่ ท่านจะต้องเตือนเสมอ มิใช่แต่บิดามารดาของเราเท่านั้นที่เห็นเราปฏิบัติพระได้เป็นอย่างดี แม้ชาวบ้านก็ดูเหมือนรักแลเอ็นดูเราเป็นพิเศษ จะเห็นได้ใจเมื่อมีกิจอะไรเกี่ยวกับพระกับวัดแล้ว จะต้องตามเรียกหาเราเสมอ ตอนนี้เรารู้สึกสนใจเรื่องบาปบุญขึ้นมาก สงสัยแลขัดข้องอะไรมักไถ่ถามบิดาเสมอ บิดาก็มักจะสนใจเรามากขึ้น ตอนกลางคืนเวลาว่าง ท่านมักจะสอนให้รู้คติโลกคติธรรมเสมอ เรายังจำคำสอนของท่านไม่ลืม ท่านสอนว่า เกิดเป็น ลูกคนชายอย่าได้ตายร่วมเร่ว ( เร่ว คือป่าช้า ) หมายความว่า เกิดเป็นลูกผู้ชายต้องพยายามขวนขวายหาความรู้ วิชานอกบ้านเดิมของตน ถึงแม้จะตายก็อย่าได้มาตายบ้านเกิด คติของท่านนี้ถูกใจเรานัก เพราะเรามีนิสัยชอบอย่างนั้นอยู่แล้ว เมื่อเราถามท่านว่า ผู้บวชกับผู้ไม่บวชทำบุญ ใครจะได้บุญมากกว่ากัน ท่านตอบว่า ผู้บวชทำบุญเท่านิ้วโป้มือ ได้บุญเท่าสองกำปั้น แล้วท่านกำมือชูให้ดู ผู้ไม่บวชทำบุญเท่าสองกำปั้น ได้บุญเท่าหัวโป้มือ เราได้ฟังเท่านั้นก็เต็มใจ ทั้งๆ ที่ยังไม่ทราบคำอธิบายของท่าน เพราะนิสัยของเราชอบสมณเพศอยู่แล้ว เรายังจำได้อยู่ เมื่อเราเข้าไปอยู่วัดใหม่ๆ ไปที่วัดแห่งหนึ่งกับพี่ชาย เห็นสามเณรรูปหนึ่ง ผู้มีมารยาทดีเข้าแล้ว มันนึกให้เลื่อมใสเจือด้วยความรักมากในสามเณรรูปนั้นเป็นพิเศษ ไม่ว่าแกจะเดินเหินไปมาทำธุรกิจใดๆ อยู่ก็ตาม สายตาของเราจะต้องจับจ้องส่ายไปตามแกทุกขณะยิ่งเพ่งก็ยิ่งน่ารักเลื่อมใสขึ้นเป็นลำดับ เวลากลับมาแล้วภาพอันนั้นก็ยังติดตาเราอยู่เลย ในใจนึกอยู่อย่างเดียวว่า เมื่อไหร่หนอเราจึงจะได้บวชๆ อย่างนี้อยู่ตลอดเวลา

    ๒๗. พรรษา ๒๘ จำพรรษาที่โคกกลอย จังหวัดพังงา (พ.ศ. ๒๔๙๓)
    ผลที่สุดพวกญาติโยมที่เคารพนับถือพวกเราก็จัดเสนาสนะให้พวกเราอยู่จำพรรษาจนได้ ในปีนี้พระเณรได้ติดตามเราไปด้วยราว ๑๕ รูป รวมทั้งอยู่ก่อนแล้วเป็น ๑๘ รูป แล้วก็แยกกันอยู่สามแห่งด้วยกันคือ ที่ตะกั่วทุ่ง ๑ แห่ง ท้ายเหมือง ๑ แห่ง และที่โคกกลอยที่เราอยู่ที่นี่อีก ๑ แห่ง ในพรรษานี้นอกจากคลื่นบนผิวน้ำจะกระทบอยู่ตลอดเวลาแล้ว ยังมีคลื่นใต้น้ำมากระทบกระหน่ำอีกด้วย นั่นคือคณะธรรมยุตด้วยกันนี่เองเอะอะเอาว่าพวกเราไม่มีธรรมวินัยเป็นเครื่องดำเนินปฏิบัติ ผิดนอกแบบแผนตำราไม่ทำอุโบสถสังฆกรรมในโบสถ์ ใครอยากเป็นพระอรหันต์ไปหาอาจารย์เทสก์โน่น (อาจจะเป็นการประชดลูกศิษย์ที่หนีมาหาเราก็ได้ เพราะพระทางปักษ์ใต้ออกพรรษาแล้วหาผู้อยู่เฝ้าวัดยาก) หากจะเป็นความเห็นเช่นนั้นจริงถ้าเป็นพระนวกะบวชใหม่ไร้การศึกษาก็ไม่เห็นแปลกอะไรแต่ถ้าเป็นพระที่มีพรรษาและมีการศึกษาพอควรแล้วน่าเห็นใจ เพราะท่านมีแต่ภาคศึกษาไม่ได้ปฏิบัติ ส่วนเราได้ปฏิบัติตามมาเป็นอาจิณตั้งแต่อุปสมบทพรรษาแรก เรื่องที่เขาไม่ยอมให้พวกเราอยู่จำพรรษายังไม่ยุติ ทราบว่าเรื่องได้ขึ้นไปถึงกรรมการศาสนาในทำนองฟ้องว่า พวกเราเป็นพระจรจัดมาทำให้บ้านเมืองวุ่นวายแตกร้าวสามัคคี แล้วมีคำสั่งมาให้บันทึกหนังสือสุทธิพวกเราเพื่อจะสอบสวนข้อเท็จจริง แต่ศึกษาธิการจังหวัดไม่กล้ามาด้วยตนเอง ได้ใช้ให้ศึกษาธิการอำเภอมาขอบันทึก เมื่อเราถามหาหนังสือคำสั่งไม่มี เราจึงไม่ให้บันทึกแล้วได้ชี้แจงระเบียบบริหารการคณะสงฆ์ให้เขาทราบโดยถ้วนถี่ เมื่อเขากลับไปแล้วไม่ทราบว่าเขาทำอย่างไรกันเราก็ไม่ทราบ ทราบภายหลังว่าเจ้าคณะภาคมีหนังสือมาเทศนาให้เจ้าคณะจังหวัดและผู้ว่าการจังหวัดฟังกัณฑ์เบ้อเร่อ เรื่องที่เล่ามานี้เป็นเพียงเอกเทศของประสบการณ์ปีแรกที่เข้าไปอยู่ในเขตจังหวัดพังงา ถ้าจะเล่าทั้งหมดก็กลัวผู้อ่านจะเบื่อเรื่องขี้หมูขี้ราแห้ง คนเราเกิดมาในโลกนี้ ไม่ว่าใครจะทำอะไร ไม่ว่าดีหรือชั่ว จะเป็นไปเพื่อความเสื่อมหรือเจริญก็ตาม จำต้องมีอุปสรรคด้วยกันทั้งนั้น ที่จะสำเร็จตามเป้าหมายได้ อยู่ที่ความรอบคอบอดทน หาเหตุผลมาแก้ไข ถ้าหาไม่แล้วก็จะไม่บรรลุได้เลย แล้วก็เป็นกำลังใจในอันที่จะทำสิ่งนั้นๆ ให้บรรลุผลรวดเร็วเข้าอีกด้วย โดยเฉพาะพระคณะธรรมยุตไม่ว่าจะเป็นอยู่ ณ ที่ไหน ทำอะไรล้วนแต่มีอุปสรรคทั้งนั้น แล้วก็สำเร็จตามเป้าหมายโดยมาก เราเลยอยากจะนำเอานิทานเรื่องสุนัขจิ้งจอก กับลูกแกะมาสาธกไว้ ณ ที่นี้ด้วยว่า เฮ้ย มึงทำไมมาท่องน้ำของกูให้ขุ่นเล่า ลูกแกะ นาย ข้าไม่ได้ทำน้ำของนายให้ขุ่นดอก ข้าเดินอยู่ใต้น้ำต่างหาก สุนัขจิ้งจอก เถอะน่า ถึงเอ็งไม่ได้ทำน้ำของข้าให้ขุ่น พ่อของเอ็งก็ทำผิดไว้กับข้ามาแล้วหนัก
    หนา ว่าแล้วก็ตะครุบเอาแกะไปกินเป็นอาหาร เอวัง ออกพรรษาแล้วเราเริ่มสร้างกุฏิสมภารหนึ่งหลัง เป็นเรือนไม้แต่ยังไม่ทันเรียบร้อยดี

    ๒๘. พรรษา ๒๙ - ๔๑ จำพรรษาที่ภูเก็ต (พ.ศ. ๒๔๙๔ - ๒๕๐๖)
    พอดีวันตรุษจีนในแล้งนั้น คุณนายหลุยวุ้น ภรรยาหลวงอนุภาษภูเก็ตการ นายเหมืองเจ้าฟ้ามานิมนต์ให้เข้าไปภูเก็ต เราพร้อมด้วยพระมหาปิ่น และพระเณรอีกรวม ๔ รูปด้วยกัน พวกเราได้รอจังหวะและแสวงหาที่ตั้งสำนักอยู่จนกว่าจะสำเร็จ เราได้ย้อนมาโคกกลอยที่เราจำพรรษาอีก ให้พระมหาปิ่นดูแลการก่อสร้างจนเสร็จ เราจึงไปจำพรรษา ปีนี้พวกเราอยู่จำพรรษารวมกันมีพระ ๔ รูป สามเณร ๑ รูป ได้ที่เชิงเขาโต๊ะแซะ ข้างศาลากลางจังหวัดเป็นที่จำพรรษา เบื้องต้นการก่อสร้างทำเป็นเรือนจากห้องเล็กๆ พอหมดกลดหมดมุ้ง เว้นแต่กุฏิสมภารค่อยใหญ่หน่อย เราได้ทำลงที่ป่าหญ้าคาอันหนาทึบ อยู่บนเชิงเขาโต๊ะแซะข้างหลังศาลยุติธรรมภูเก็ต ซึ่งคุณนายแขไปตกลงขอซื้อกับเจ้าของคือนายบวร พ่อค้าแร่ ๔ ไร่ เป็นราคา ๑,๐๐๐ บาท เดิมที่นี้เป็นสวนมะพร้าวของเศรษฐีเก่าแต่ร้างไปนานแล้ว นายบวรรับซื้อไว้ทำเหมืองแร่ต่อ ผลที่สุดแร่ก็ไม่มีจึงขายให้คุณนายแข แต่คุณนายแขได้ซื้อไว้น้อยไป เราจึงได้ซื้อเพิ่มเติมอีก ๔ ไร่เป็นเงิน ๔,๐๐๐ บาท ที่นี้เดิมเป็นป่าหญ้าคาหนาทึบ มีสัตว์ร้ายต่างๆ เช่น เสือโคร่ง เสือดำ กวาง เก้ง หมูป่า และลิง เราทำกุฏิเล็ก ๆ และบริเวณก็แคบพอปัดกวาดรอบได้ แล้วก็ทำทางพอเดินไปหากัน กลางคืนเราเปิดกุฏิออกมาจะเดินไปหากัน เสือกระโดดเข้าป่าโครม บางทีพากันนั่งฉันน้ำร้อนตอนเย็น ๆ เสียงร้องตะกุย ๆ ออกมาจากป่าแทบจะเห็นตัวเลย กลางวันแสก ๆ ยังตะครุบเอาสุนัขเอาแมวไปกินก็มี ดีว่าเสือเหล่านี้ไม่อาละวาด เสือก็อยู่ตามเรื่องของเสือ คนก็อยู่ตามเรื่องของคน เสียงเสือโคร่งร้องคนเมืองภูเก็ตนี้ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไป เราเคยเที่ยวป่ามามากแล้ว เสือมันร้องจะทำเสียงเช่นไรเรารู้เรื่องของมันหมด พวกเราได้อยู่เกาะภูเก็ตตลอดเวลา ๑๕ ปี ไม่เคยได้กลับจำพรรษาในเขตพังงาอีกเลย แต่พังงาตลอดถึงกระบี่ในสามจังหวัดนี้ อยู่ในคุ้มครองของเราทั้งหมด เปรียบเหมือนกับวัดเดียวกัน มีกติกาข้อวัตรแนวปฏิบัติระเบียบอันเดียวกันทั้งหมด พระเณรรูปไหนไม่ว่าอยู่ ณ สำนักใดก็ตาม หากขัดข้องต้องประสงค์สิ่งใดในสิ่งที่จำเป็น ใครมีอะไรก็เฉลี่ยแบ่งปันสงเคราะห์กันตามมีตามได้ มีงานในสำนักไหนก็พร้อมใจพร้อมแรงกันทำด้วยความสามัคคี หากจะมีปัจจัยลาภเกิดขึ้นก็พร้อมกันมอบถวายไว้เพื่อบำรุงในสำนักนั้นๆ ต่อไป ปัจจัยเขาถวายเฉพาะส่วนตัวก็พากันเก็บไว้เป็นกองกลาง เราเป็นอุปัชฌาย์เขาถวายส่วนตัวเรามอบถวายไว้เป็นกองกลางยังถูกเขาต่อว่าเลย แต่พวกเราก็มิได้มีความเดือดร้อนเพราะไม่มีเงินในกระเป๋าเลย ญาติโยมเขาเอาใจใส่ดูแลปฏิบัติพวกเราอย่างดีเลิศ ขาดเกินอะไรแม้แต่ค่ารถไฟไปมาเขาก็พากันจัดการให้เรียบร้อยทั้งนั้น เรื่องเหล่านี้ไม่มีที่ไหนอีกแล้ว นับแต่เราบวชมาที่จะได้รับความสะดวกเหมือนครั้งนี้ พวกเราจึงขอขอบพระคุณชาวภูเก็ต - พังงาที่ได้อุปัฏฐากพวกเราไว้ ณ ที่นี้ด้วย ในช่วงระยะที่เราเข้ามาอยู่เกาะภูเก็ตนี้ เราพยายามสร้างแต่ความดีทั้งเพื่อตนแลส่วนรวม ได้ติดต่อกับเจ้าคณะท้องถิ่นทุกๆ รูป และท่านเหล่านั้นก็ให้ความเอื้อเฟื้อแก่พวกเราเป็นอย่างดียิ่ง มีธุรกิจการงานอะไรเกิดขึ้นก็เคยได้ร่วมกันปรึกษาหารือกันบ่อยๆ และเข้าใจกันดี เข้าพรรษาเราได้พากันปรึกษาหารือกันบ่อยๆ และเข้าใจกันดี เข้าพรรษาเราได้พาคณะของเราไปถวายเครื่องสักการะแก่พระเถระทั่วทุกๆ รูป ทุกๆ ปีไม่เคยขาด ไม่เหมือนที่พังงา แม้ที่พังงาก็มีบางคนส่งข่าวมาบอกเราว่า เขาไม่พากันรังเกียจคณะของเราดอก เขาเกลียดเฉพาะพระมหาปิ่นรูปเดียวเท่านั้น เห็นจะเป็นเพราะพระมหาปิ่นเธอพูดโฮกฮากโปงปางโผงผางลืมตัว เมื่อมีคนยอเข้าก็ได้ใจ คนแบบนั้นถือไม่ได้ดอก เข้าตำราภาษาอีสานว่า ใครถือคนชนิดนั้นจะไม่มีช้อนซดน้ำแกง ส่วนด้านญาติโยม พวกเราที่อุตส่าห์พยายามอบรมสั่งสอนให้รู้จักขนบธรรมเนียมในทางพุทธศาสนา แล้วก็ทำเป็นตัวอย่างให้ดูตลอดถึงสอนให้รักษาอุโบสถ ไม่ใช่แต่ในพรรษา นอกพรรษาก็ให้รักษาด้วย สนับสนุนพระที่ท่านสอนเป็นทุนไว้ก่อนแล้วให้มั่นคงยิ่งๆ ขึ้น ซ้ำพวกเรายังได้ฝึกอบรมภาวนาทำสมาธิทุกๆ คืน จนทำให้เขาเหล่านั้นได้ผลเป็นที่ประจักษ์แก่ตนเองตามกำลังศรัทธาของตน ๆ อีกด้วย อนึ่งหมู่เพื่อนทางอีสานที่เป็นคณะเดียวกัน ก็ได้พากันทยอยติดตามเราลงไปมากขึ้นเป็นลำดับ ส่วนกุลบุตรในท้องถิ่นก็เกิดมีศรัทธาพากันมาอุปสมบทเรื่อยๆ คณะธรรมยุตทางปักษ์ใต้ผู้มีใจสมัครรักใคร่ในทางปฏิบัติก็พากันมาอบรมด้วยเป็นอันมาก แล้วก็ได้ขยายสำนักออกไปถึงจังหวัดกระบี่ รวมทั้งสามจังหวัดนี้มีสำนักที่พวกเราไปอยู่จำพรรษา ๑๑ สำนักด้วยกัน ปีหนึ่งๆ ในพรรษามีพระเณรรวมทั้งหมดเฉลี่ยแล้วร้อยกว่ารูป มากกว่าพระเณรในเขตอำเภอเมืองภูเก็ตเมื่อปีเราไปอยู่ครั้งแรกอีกเท่าตัว เมื่อมีพรรคพวกมากขึ้น เราได้จัดให้มีการศึกษานักธรรมเปิดสอนประจำในสำนักของใครของมัน ถึงเวลาสอบแล้วจึงมารวมกันสอบ ปีแรกเราได้ให้ไปสอบที่สำนักวัดมหาธาตุ จังหวัดนครศรีธรรมราช ปีต่อมาเราได้ขออนุญาตเปิดสอบขึ้นที่วัดเจริญสมณกิจภูเก็ตเอง มีนักเรียนทั้งสามชั้นเข้าสอบรวมไม่น้อยกว่า ๖๐ รูปทุกๆ ปี แล้วก็สอบได้คะแนนดีเสียด้วย จนมหามกุฏราชวิทยาลัยยกฐานะให้เป็นชั้นโท เราเห็นคุณค่าในกิจการพระพุทธศาสนาที่มีทั้งปริยัติและปฏิบัติควบคู่กันไป จึงได้ดำเนินตามแนวนั้นสืบมาจนกระทั่งทุกวันนี้ พวกเราได้ต่อสู้กับอุปสรรคนานาประการเป็นเวลานานถึง ๑๕ ปี เพื่อบำเพ็ญศาสนกิจอันเป็นประโยชน์แก่ตนและประโยชน์ส่วนรวม เพื่อฉลองความต้องการของญาติโยมชาวภูเก็ต - พังงา อันมีพระคุณแก่พวกเราเป็นอันมาก อย่างน้อยเขาเหล่านั้นก็ได้ดูโฉมหน้าตาอันแท้จริงของพระคณะธรรมยุตและคณะศิษย์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ นัยว่าพระคณะธรรมยุตเคยมาเพื่อจะตั้งรกรากลงที่ภูเก็ตนี้ตั้งหลายครั้งแล้วแต่ไม่เป็นผล อนึ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องชื่อนามของท่านอาจารย์มั่นละ แม้แต่ลูกศิษย์ของท่านก็ไม่เคยกล้ำกรายเข้ามาในภูเก็ตนี้เลย คณะของพวกเราเข้ามาตั้งสำนักจนก่อสร้างให้เป็นวัดถาวรลงได้นี้ นับว่าเป็นประวัติการณ์ของคณะธรรมยุตและของเกาะภูเก็ตทีเดียว แล้วเราก็ภูมิใจว่า เราได้ทำการใช้หนี้สินชาวภูเก็ต - พังงา ผู้ไม่เรียกร้องเอาหนี้คืนแล้ว
    ๒๘.๑ ความวิตกกังวลของเรากลายมาเป็นความจริงขึ้น
    ความวิตกของเราเรื่องบริหารหมู่คณะดังกล่าวมาแล้วในบท ๒๖.๑ กลายมาเป็นความจริงขึ้น กล่าวคือ ก่อนจะไปปักษ์ใต้เราได้ติดต่อพระผู้ใหญ่ทางกรุงเทพฯ ให้ท่านได้รู้จักไว้ แล้วเราก็ได้ลงไปทางปักษ์ใต้ทำความรู้จักกับเจ้าคณะทุกๆ องค์ จนได้เข้าไปอยู่เกาะภูเก็ต แท้จริงเกาะภูเก็ตนี้เป็นที่เลื่องลือโด่งดังมาแต่ก่อนนัก ใครไปอยู่แล้วจะต้องร่ำรวยมาก เราไปอยู่ยังมีคนโจษจันกันว่าเรานั้นร่ำรวยอย่างมหาศาล ความจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เราอยู่เกาะภูเก็ต ๑๕ ปี ไม่มีอะไรเลย ปัจจัยลาภได้มาทุกสตางค์แลทุกๆ องค์ก็เก็บไว้กองกลางและก่อสร้างหมด เสนาสนะก็มีไม่กี่หลัง เรามาอยู่ทางอีสานไม่ถึง ๑๐ ปี เสนาสนะนับหลังไม่ถ้วน อุโบสถก็เรียบร้อย ศาลาการเปรียญสองชั้นก็เสร็จ ทั้งนี้เรามิได้เหยียดหยามดูถูกชาวภูเก็ต พังงา เพื่อแก้ความกังขาที่ว่าเรารวยนั้นต่างหาก คนชาวภูเก็ต พงงา ปฏิบัติพวกเราดีเลิศดังกล่าวแล้ว ไม่มีที่ไหนจะปฏิบัติดีเท่าเลย ส่วนวัดเขาไม่นิยมสร้าง มันก็ดีเหมือนกันเพราะสร้างหรูหรามากไม่ดีเป็นกังวล ไปไหนมาไหนเป็นห่วง เราหนีจากเกาะภูเก็ตไม่มีอะไรเป็นห่วง น่าสงสารแต่ชาวบ้านที่ได้เคยปฏิบัติพวกเราเท่านั้น เราหนีมาแล้วได้มอบเงินแสนกว่าบาทให้พระครูสถิตบุญญารักษ์ (บุญ) เธอได้ทำการก่อสร้างอุโบสถ อยู่ ๔ - ๕ ปี จึงสำเร็จเป็นประวัติการณ์อีกเหมือนกัน พระที่ภูเก็ต พังงา ที่จะมาสร้างอุโบสถบนไหล่เขาที่ต้องพังลงมาให้ราบ แล้วจึงทำเป็นอุโบสถได้เช่นนี้ และสร้างเพียง ๔ - ๕ ปีสำเร็จไม่มี อนึ่ง คณะของเราเข้ามาอยู่เกาะภูเก็ตนี้ เป็นเหตุให้พระผู้ใหญ่ในกรุงเทพฯ ตลอดจนสาธุชนทั่วไปสนใจในคณะของเรามากขึ้น แต่ส่วนตัวเราแล้วไม่มีอะไร เฉยๆ อุปสรรคต่างๆ ดังกล่าวมาแล้วก็เป็นธรรมดา เราเคยผ่านมาแล้วนับไม่ถ้วน ในขณะนั้น วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์ในกรุงเทพมหานครกำลังตั้งกัมมัฏฐานแบบพม่า ยุบหนอพองหนอ โฆษณาออกแบบแพร่กันมาก แต่มิได้ออกป่า อยู่ตามบ้านตามวัด มีคนได้ขั้นได้ชั้นกันก็มาก บางคนถึงกับตัวแข็งทื่อไม่รู้สึกเลยก็มี ในขณะเดียวกันนั้น วัดราชประดิษฐ์ วัดบวรนิเวศวิหารและวัดอื่นๆ ก็ตั้งคณะของลูกศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ปฏิบัติมานานกว่า ๕๐ ปีแล้ว แต่ไม่เคยออกโฆษณาเลย เมื่อเสียงโฆษณาจากฝ่ายหนึ่ง อีกฝ่ายหนึ่งไม่โฆษณา ก็จำเป็นอยู่เองที่จะต้องดังไปตามกัน แต่ดังไม่มีเสียง จะได้ดังต่อไปนี้คือ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๔ เจ้าคณะภาค (ธรรมยุต) ได้อาราธนาให้พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ไปอบรมกัมมัฏฐานแก่พุทธบริษัทชาวเมืองเพชรบุรี เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๔๙๕ ขอสมณศักดิ์
    ตาม โลกธรรมย่อมครอบงำถึงด้วยกันทั้งนั้น เว้นแต่เราจะรับเอาโลกธรรมนั้นมาไว้เป็นเจ้าแห่งหัวใจของเราหรือไม่เท่านั้นเอง เราใช้โลกธรรมให้เป็นประโยชน์ก็ดีเหมือนกัน เมื่อก่อนหมู่เพื่อนและใครๆ เห็นเราแล้วดูเหมือนเราเป็นหลวงตาคนป่าคนหนึ่งอย่างนั้นแหละ แต่เราก็ชอบเป็นหลวงตาคนป่านั้นด้วย แต่พอเราได้มีตำแหน่งและได้รับสมณศักดิ์แล้ว มาพระครูญาณวิศิษฏ์ให้พระอาจารย์สิงห์ พร้อมกันนี้ก็ได้ขอให้เราอีกองค์ แต่เรานั้นได้ตกไปเพราะเรายังไม่มีสำนักเป็นที่อยู่ถูกต้องพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๖ แต่งตั้งให้เราเป็นพระอุปัชฌาย์ พร้อมกันนี้ก็ได้แต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะอำเภอภูเก็ต - พังงา - กระบี่ (ธรรมยุต) เมื่อวันที่ ๕ ธนวาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูนิโรธรังสี เมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๙ ให้รักษาการแทนในตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด (ธรรมยุต) ในจังหวัดภูเก็ต - พังงา - กระบี่ อีกตำแหน่งหนึ่งด้วย พร้อมกันนี้ก็ให้เป็น ผู้อำนวยการศึกษาธรรมในสามจังหวัดนั้นด้วย เมื่อวันที่ ๕ ธนวาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะสามัญ ฝ่ายวิปัสสนา ที่พระนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาจารย์ พร้อมกับพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม พระญาณวิศิษฏ์สมิทธิวีราจารย์ และพระอาจารย์ลี ธัมมธโร พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ เมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๗ ตั้งให้เป็นเจ้าคณะจังหวัดในสามจังหวัดนั้น เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๐๘ ได้ขอลาออกจากเจ้าคณะทั้งสองตำแหน่งเป็นกิตติมศักดิ์สมณศักดิ์ อาจนับได้ว่าเป็นประวัติการณ์ พระฝ่ายวิปัสสนาได้รับสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะ รองจากเจ้าคุณวิปัสสนาโกศลเถระ วัดภาษีเจริญ แต่ก่อนมีแต่ชื่อ ตัวจริงไม่มี ดังเราจะเห็นได้จากชื่อพระราชาคณะผู้ใหญ่ มีสมัญญาห้อยท้ายว่า ฝ่ายอรัญญวาสี เป็นต้น ต่อจากนั้นมาคณะคณาจารย์ฝ่ายกัมมัฏฐานที่เป็นลูกศิษย์สายของพระอาจารย์มั่น ก็มีผู้ได้รับสมณศักดิ์เรื่อยๆ มาหลายรูป เรื่องสมณศักดิ์ของพระคณะกัมมัฏฐานนี้เราไม่อยากให้มี เพราะมันไม่สมดุลกันโดยเฉพาะคณะลูกศิษย์ของท่านอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ เราเคยได้มีหนังสือส่วนตัวคัดค้านพระผู้ใหญ่แล้วและต่อหน้าท่านเราก็เคยคัดค้านโดยอ้างสิ่งที่ควรแลไม่ควร อุปมาเหมือนเอาเครื่องเพชรไปแขวนไว้ที่คอของลิง มันจะมีความรู้สึกอะไร แต่นี้ก็เป็นความเห็นส่วนตัวของเราอีก แต่มันไม่แน่เหมือนกัน ลิงบางตัวเมื่อถูกแต่งด้วยเครื่องเพชรเข้ามันอาจเข้าใจว่าตัวเป็นมนุษย์ไปก็ได้ แต่ผลที่สุดท่านก็ขอร้องเพื่อประโยชน์แก่การบริหารคณะสงฆ์ส่วนรวมจนได้ เราเกิดมาในโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ ย่อมมีสิทธิเสรีอยู่ได้โดยชอบ แต่ทุกๆ คนจะมีอยู่ในเพศภูมิและฐานะมีจนใดๆ เดี๋ยวนี้ใครๆ เห็นเข้าแล้วเรียกออกชื่อทักทายเชื้อเชิญในที่ทุกสถาน แม้เราต้องการจะติดต่องานอะไรก็คล่องตัว ฉะนั้น สมณศักดิ์จึงเพิ่มภาระและเป็นเกียรติแก่เรามากขึ้น เราจึงไม่เห็นสมควรแก่พระผู้ต้องการความสงบอยู่ป่าเลย เราเข้ามาอยู่เกาะภูเก็ต ๒ - ๓ ปีแรกก็ดีดอก สุขภาพก็พอเป็นไป แต่ปีต่อๆ มาโรคขอบเราไม่ค่อยถูกกับอากาศเสียเลย มันเป็นธรรมดาโรคนักเที่ยวของเรา อยู่ไหน สุขภาพจะดีปกติไม่เกิน ๓ ปี ต่อนั้นไปแล้วจะเปลี่ยนแปลงเป็นอื่นไปเลย แล้วในใจของเราก็มิได้ตั้งใจจะอยู่ ณ ที่ภูเก็ตนี้ตลอดไป เราเคยได้บอกเรื่องนี้กับหมู่เพื่อนและญาติโยมไว้แต่ปีมาอยู่ทีแรกแล้ว แต่เราก็อยู่มาได้นานถึง ๑๕ ปี เพราะการขอร้องของพระผู้ใหญ่และญาติโยมแท้ๆ มาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๗ เราได้ขออำลาชาวภูเก็ต - พังงา - กระบี่ ด้วยความสงสารในน้ำตาอันนองหน้าของเขาเหล่านั้น พร้อมด้วยสำนักต่างๆ ที่พวกเราได้ทุ่มเทกำลังกายกำลังใจ โดยได้ใช้พัสดุและทรัพย์ของชาวปักษ์ใต้ก่อสร้างเป็นถาวรวัตถุทั้งปวง มอบให้เป็นมรดกแก่ชาวปักษ์ใต้ทั้งหมด พร้อมด้วยตำแหน่งอันมีเกียรติของเราด้วย พวกเราจึงขอให้ชาวปักษ์ใต้ที่ได้อุปถัมภ์ค้ำจุนพวกเราทุกๆ คน จงประสบแต่ความสุขความเจริญภิญโญยิ่งด้วยยศ ลาภ อายุ วรรณะ สุขะ สมบูรณ์ทุก ๆ คนเถิด อนึ่ง วัดและสำนักต่างๆ ขอจงจิรังถาวรเจริญรุ่งเรืองเพื่อปรโยชน์แก่คนส่วนรวมเถิด

    ๓๕. พรรษา ๕๗ - พรรษา ๗๐ ๒๘ ปีที่วัดหินหมากเป้ง (พ.ศ. ๒๕๒๒ - ๒๕๓๕)
    จำเดิมแต่เรามาอยู่วัดหินหมากเป้งได้ ๒๘ ปีเข้านี่แล้วนับว่านานโข ถ้าเป็นฆารวาสก็พอสร้างฐานะได้ พอมีอันอยู่อันกินได้พอสมควร เป็นพระแก่ก็อยู่เฝ้าวัดเป็นธรรมดาๆ อย่างพระแก่ทั่วไป ไปไหนก็ไม่ได้อย่างเมื่อก่อน ถึงไปก็ไม่มีป่าเที่ยวรุกขมูลอย่างพระธุดงค์เหมือนแต่ก่อน เขาโค่นป่าทิ้งหมดแล้วและลูกหลานก็มากเข้าทุกวันๆ ไปไหนก็มีลูกเกิดจากโอษฐ์มิได้เกิดจากอุทรแห่ตามกันเป็นพรวน ดังเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๑ พล.อ.อ.หะริน หงสกุล นิมนต์ไปวิเวกที่ออบหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ก็มีผู้ตามเป็นพรวนไปเลย แทนที่จะอดอาหารทรมานกาย ทำความเพียรภาวนา มันตรงกันข้าม อาหารการกินก็รุ่มรวยมาก มีเบาะมีเตียงชั้นดีให้นอน เรื่องปัจจัยธาตุสี่นี้ถ้ามันฟุ่มเฟือยมากก็เป็นอุปสรรคแก่การภาวนาของผู้ที่ยังไม่เป็นอย่างสำคัญ
    วัดใดสำนักใดที่ปัจจัยลาภมากมักทะเลาะกัน และการศึกษาธรรมะก็ไม่เจริญเท่าที่ควร ถึงทางโลกๆ ที่เป็นพื้นฐานนี้ก็เช่นเดียวกัน ลาภสักการะเกิดมีขึ้น ณ ที่ใด ที่นั้นย่อมเป็นภัยอันตรายแก่คนหมู่มาก เป็นเจ้านายฉ้อราษฎร์บังหลวง โกงกินกันแหลกลาญไปหมด ทะเลาะกันเพราะผลประโยชน์ไม่เท่ากัน พ่อค้าประชาชน ผู้มีอิทธิพลขัดผลประโยชน์กัน ฆ่ากันตายนับไม่ถ้วน พระพุทธองค์จึงตรัสไว้ว่า "กาโร กาปุริสัง หนติ" สักการะย่อมฆ่าบุรุษผู้ที่มีปัญญาทราม ดังนี้ อยู่ที่เก่านานเกินไปชอนฝังลากลึกลงไปทุกที ญาติโยมไปเห็นสิ่งที่ไม่ดีไม่งามในบริเวณวัด ก็มีศรัทธาก่อสร้างขึ้นจนเป็นถาวรวัตถุสวยๆ งามๆ มีก่อสร้างสวยงามขึ้นมาแล้วก็จำเป็นอยู่เองที่จะต้องรักษา เมื่อไม่รักษาก็เป็นโทษตามวินัยของพระผู้รักษาก็ใครล่ะก็พระแก่นั่นแหละ อบรม สั่งสอน การนั่ง นอน อยู่กิน บิณฑบาต และกิจวัตรทั้งปวง ตลอดถึงการศึกษาของพระภิกษุและสามเณรทั้งหมดที่อยู่ในวัดมาเป็นภาระของพระแก่คนเดียว เขาให้ชื่อว่า สมภาร สมจริงดังเขาว่า เรื่องนี้หลีกเลี่ยงก็ไม่ได้ จำเป็นต้องสู้ไปจนกว่าจะสิ้นชีพ
    บุญคุณของพุทธศาสนา เมื่อมาคิดถึงครูบาอาจารย์ และพระผู้ใหญ่แต่ปางก่อน มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ท่านนำพระศาสนาก็ด้วยอาการอย่างนี้แล้ว ก็มีใจกล้าหาญขึ้นมาว่า เราคนหนึ่งก็ได้นำพระศาสนามาได้โดยลำดับ ไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นคนแล้วยังบวชในพระพุทธศาสนายังได้ทำหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ เมื่อเขาทำอัญชลีกรรมกราบไหว้หรือทำทานวัตถุต่างๆ ก็นึกถึงตนเสมอว่า เขากราบไหว้อะไร เขากับเราก็เช่นเดียวกัน คือ เป็นก้อน ดิน น้ำ ไฟ ลม เหมือนกัน แท้จริงอย่างน้อยเขาก็เห็นแก่ผ้ากาสาวพัสตร์อันเป็นเครื่องหมายของพระอรหันต์แล้วจึงกราบไหว้ พระศาสนาอยู่ได้ด้วยความเชื่อถืออย่างนี้ ถึงแม้จะไม่เห็นจริงจังด้วยใจของตน แต่เชื่อด้วยความเห็นที่สืบๆ กันมา เราคิดถึงบุญคุณของพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง แต่บวชมาก็นานแล้ว ศาสนาได้ปรนปรือตัวของเราให้เป็นคนดีตลอดเวลา ศาสนามิได้แนะนำสอนให้เราทำความชั่วแม้แต่น้อย แต่ถึงขนาดนั้นพวกเราก็ยังฝ่าฝืนคิดจะทำชั่วอยู่ร่ำไป ที่อยู่ ที่นอน เสื่อ หมอน มุ้งม่านและอาหารการกินทุกอย่าง ที่เราบริโภคใช้สอยอยู่ทุกวันนี้ล้วนแต่เป็นของพุทธศาสนาทั้งนั้น ยาแก้โรคภัยไข้เจ็บก็เป็นของผู้มีศรัทธาในพระศาสนาสละมาทำทานทั้งนั้น เราบวชมาเป็นพระครั้งแรกก็ต้องอาศัยผ้ากาสาวพัตร์อันเป็นเครื่องหมายของท่านผู้วิเศษที่อุปัชฌาย์อาจารย์ให้แก่เราแล้วทั้งนั้น (อุปัชฌาย์อาจารย์ ก็เป็นเพียงตัวแทนพุทธศาสนาเท่านั้น เพราะท่านทั้งหลายเหล่านั้นก็ล้วนแล้วแต่ยึดเอาพระรัตนตรัยมาเป็นหลักด้วยกันทั้งนั้น) เมื่อได้เครื่องทรงอันวิเศษนี้แล้ว เขาก็กราบไหว้ทำบุญสุนทานจนเหลือหลายเราไม่ตายอยู่มาได้จนตราบเท่าทุกวันนี้ก็เพราะศาสนา พุทธศาสนามีคุณอเนกอนันต์เหลือที่จะพรรณนานับแก่ตัวของเราพร้อมทั้งโลกทั้งหมดด้วยกัน เมื่อเราได้มาอยู่ที่นี่หรือที่ไหนๆ ก็ตาม เมื่อกำลังทางกายมีอยู่เราก็ได้ก่อสร้างถาวรวัตถุทางพุทธศาสนาไว้เป็นหลักฐานตามสมควรแก่อัตภาพของตน เมื่อเราแก่แล้วเราไม่มีกำลังกายพอจะก่อสร้างได้ ญาติโยมเขามีศรัทธาบริจาคทรัพย์ เราก็เอาทรัพย์นั้นมาก่อสร้างถาวรวัตถุในพุทธศาสนาแทนตัวต่อไป ถ้าหากมีเหลือพอเฉลี่ยให้แก่วัดอื่นๆ ได้เราก็เฉลี่ยไป แต่ไม่ยอมเป็นทาสของอิฐ ปูน หรือไม้ แต่ไหนแต่ไรมา เพราะเราเห็นว่าของเหล่านั้นเป็นภายนอก ของเหล่านั้นจะสร้างให้สวยสดงดงามสักปานใด จะหมดเงินกี่ร้อยล้านก็ตาม หากตัวของเราไม่ดีประพฤติเหลวไหลแล้ว ของ
    เหล่านั้นไม่มีความหมายเลย แก่นพุทธศาสนาแท้มิใช่อยู่ที่วัตถุ แต่หากอยู่ที่ตัวผู้ประพฤติต่างหาก อันนี้เป็นหลักใจของเรา การบวชที่ได้นามว่า เนกขัมมะเพื่อละกามทั้งหลาย ตั้งใจปฏิบัติตามสัจธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเพื่อพ้นจากทุกข์ทั้งปวงนั้น จึงไม่ควรที่จะนำเอาตัวของตนไปฝังไว้ในกองอิฐกองปูนโดยแท้

    ๓๕.๑ อุโบสถวัดหินหมากเป้ง
    ในราว พ.ศ. ๒๕๐๙ นายกอง ผิวศิริ อยู่บ้านโคกซวก ตำบลพระพุทธบาทนี้ มีจิตศรัทธาสร้างพระประดิษฐานบนก้อนหินใหญ่ หันหน้าไปทางแม่น้ำโขง ทำด้วยหินปูน และทราย ไม่ได้ผูกเหล็ก โดยใช้หินก้อนใหญ่ที่หาเอาในบริเวณวัดนี้ผสมกับปูนและทรายก่อขึ้นเป็นองค์พระ แกหาทุนทรัพย์และดำเนินการหาช่างมาก่อสร้างด้วยลำพังตนเอง เราไม่เกี่ยวข้องด้วยแต่อย่างไร ทราบว่าสิ้นเงินไปราว ๑,๐๐๐.๐๐ บาท (หนึ่งพันบาท) ได้พระพุทธรูปองค์ใหญ่ปางสะดุ้งมาร ขนาดหน้าตักกว้างราว ๔ เมตรเศษ สูงตั้งแต่ฐานจรดยอดพระเกศราว ๕ เมตรเศษ แต่รูปร่างลักษณะก็มิได้งดงามอย่างนี้ เพราะช่างที่ว่าจ้างมานั้นเป็นช่างพื้นบ้านธรรมดาๆ ไม่มีความสามารถและชำนาญในการปั้นพระมากนักต่อมาเราได้หาช่างที่มีความสามารถมาตกแต่งแก้ไข โดยเฉพาะพระพักตร์ตกแต่งแก้ไขอีกสองสามครั้งจึงสำเร็จเรียบร้อยสวยงามดังที่ปรากฏอยู่ทุกวันนี้
    เสร็จแล้วเราได้สร้างศาลาครอบองค์พระไว้ โดยทุนของวัดและพระเณรช่วยกันทำเอง ต่อมาทางวัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ เราจึงพิจารณาเห็นว่าวัดหินหมากเป้งแห่งนี้ นับว่าเป็นวัดที่ถูกต้องตามกฎหมายโดยสมบูรณ์ สมควรที่จะมีอุโบสถไว้เพื่อประกอบสังฆกรรมตามธรรมวินัย เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาสืบไป และเห็นว่าบริเวณที่ประดิษฐานพระองค์ใหญ่นั้น หากจะสร้างอุโบสถครอบไว้แล้วคงจะเหมาะสมดีนัก เมื่อเสร็จแล้วจะได้ทั้งพระอุโบสถและพระประธานพร้อมกันทีเดียว จึงได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๕ โดยเจ้าพระคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธัมมธโร) วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน กรุงเทพฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พลอากาศโท ชู สุทธิโชติ เป็นประธานฝ่ายฆารวาส อุโบสถหลังนี้ทำเป็นหลังคาสองชั้น กว้าง ๗ เมตร ยาว ๒๑ เมตร สูงจากพื้นถึงเพดาน ๙ เมตร มุงกระเบื้องดินเผากาบกล้วย โดยคุณไขศรี ตันศิริ กรมอนามัย เป็นผู้ออกแบบ อาจารย์เลื่อน พุกะพงษ์ แห่งกรมศิลปากร เป็นผู้ออกแบบลวดลายต่างๆ ตลอดจนแนะนำการก่อสร้าง นายไพบูลย์ จันทด เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง เฉพาะค่าแรงงานราคา ๓๐๐,๐๐๐ บาท (สามแสนบาทถ้วน) น.ท.พูนศักดิ์ รัตติธรรม เป็นผู้หาเครื่องอุปกรณ์ที่มีอยู่ทางกรุงเทพฯ นายแสงเพ็ชร จัน
    ทด เป็นเหรัญญิก และหาอุปกรณ์ตลอดจนควบคุมการก่อสร้างโดยใกล้ชิด ทุนทรัพย์ที่ใช้ในการก่อสร้างรวมทั้งสิ้นประมาณ ๗๐๐,๐๐๐ บาท (เจ็ดแสนบาท) ได้จากท่านผู้มีจิตศรัทธาทั้งสิ้น ได้จัดให้มีการฉลองอุโบสถ ยอช่อฟ้า ผูกพัทธสีมาตัดลูกนิมิต เมื่อวันที่ ๕ - ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๖ โดยมีเจ้าพระคุณ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์) เป็นประธานฝ่ายสงฆ์และพลอากาศโท ชู สุทธิโชติ เป็นประธานฝ่ายฆารวาสอีกเช่นกัน
    เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๙ ได้ทำการซ่อมแซมเปลี่ยนกระเบื้องมุงหลังคาเป็นกระเบื้องซีแพคโมเนีย ทำช่อฟ้าใบระกาคันทวยหางหงส์ ทำลวดลายปูนปั้นซุ้มประตู หน้าต่าง บัวหัวเสา กำแพงแก้วรอบอุโบสถ ทาสีทั้งภายในและภายนอก สิ้นทุนทรัพย์ ๔๕๐,๐๐๐ บาท (สี่แสนห้าหมื่นบาทถ้วน) ในปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ได้ทำการปิดทองพระประธานองค์ใหญ่สิ้นทุนทรัพย์อีก ๒๙๙,๕๐๐๐.๐๐ บาท (สองแสนเก้าหมื่นเก้าพันห้าร้อยบาทถ้วน)
    ๓๕.๒ มณฑปแห่งวัดหินหมากเป้ง
    เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๕ เราได้พิจารณาเห็นว่า สถานที่ตรงริมแม่น้ำโขงนี้เป็นทำเลเหมาะ คิดอยากจะสร้างมณฑปขึ้นสักหลังหนึ่ง ให้มีลักษณะเป็นศิลปะแห่งลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อเป็นสถานที่ประดิษฐานสิ่งสักการบูชา มีพระพุทธรูปพระบรมสารีริกธาตุเป็นอาทิ นอกจากนั้นเราได้แอบนึกปรารภไว้ในใจว่าเพื่อความไม่ประมาท หากเรามีอันเป็นไปก็จะได้ไม่ต้องเป็นภาระให้คนอยู่หลังจัดหาที่เก็บกระดูกของเราให้ยุ่งยากไปด้วย เราได้ปรารภความประสงค์การจัดสร้างมณฑปนี้แก่บุคคลเป็นจำนวนมาก แต่ในที่สุดเรื่องนั้นจำต้องเงียบหายไป เพราะไม่มีทุนทรัพย์
    ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๒๐ คุณประพัฒน์ เกษสอาด ได้มาเยี่ยมที่วัด เราได้ปรารภเรื่องนี้อีก คุณประพัฒน์เกิดความสนในเห็นดีด้วย ได้รับอาสาว่าจะเขียนแบบแปลนตัวมณฑปมาให้ดู เมื่อคุณประพัฒน์เขียนแบบโครงร่างมณฑปเสร็จแล้วก็นำไปปรึกษาคุณประเวศ ลิมปรังสี ผู้อำนวยการกองหัตถศิสป์แห่งกรมศิลปากรให้ช่วยพิจารณาตกแต่งแก้ไขเพิ่มเติมรายละเอียดต่างๆ ของตัวมณฑป คุณประเวศ เป็นผู้ที่สันทัดกับศิลปกรรมแห่งลุ่มแม่น้ำโขงผู้หนึ่งในปัจจุบนนี้ ได้ให้ความสนใจช่วยเหลือด้วยความยินดียิ่งและในโอกาสต่อมาก็เป็นผู้รับออกแบบตรวจตราแก้ไขเพิ่มเติมงานก่อสร้างมณฑป ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งสำเร็จสมบูรณ์ รวมทั้งการตกแต่งภายในด้วย เมื่อแบบแปลนมณฑปเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณประพัฒน์ได้นำมาให้ดู นับว่าเป็นแบบมณฑปที่งดงามสง่าน่าดูหลังหนึ่งทีเดียว แต่ยังมิได้คำนวณเกี่ยวกับเรื่องโครงสร้างซึ่งเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก จึงได้นำแบบแปลนกลับไปดำเนินงานต่อแล้วก็หายเงียบไปอีกครั้งหนึ่ง เป็นระยะเวลานานพอสมควร จนคิดว่าคงจะไม่สำเร็จเสียแล้ว เราจึงได้ตัดสินเลิกล้มความคิดที่จะทำเสีย

    ต่อมาเมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๕๒๒ คุณประพัฒน์ ได้มาพบเราในระยะที่เงียบหายไปนั้น เธอได้นำแบบไปให้วิศวกรช่วยคำนวณโครงสร้างคอนกรีตของตัวอาคารอยู่ และในเวลาเดียวกันก็ได้พยายามหาผู้มาช่วยคำนวณพื้นฐานรากด้วย เมื่องานยังไม่เสร็จจึงยังไม่ได้มาแจ้งเรื่องราวให้ทราบ เธอขอดำเนินการต่อไป เมื่อนายแพทย์วันชัย พงศ์พิพัฒน์ แห่งโรงพยาบาลพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ผู้เคยมาบวชและจำพรรษาที่วัดหินหมากเป้งนี้ เมื่อทราบเรื่องเข้าก็ถวายเงินให้ไว้สองแสนบาทเพื่อเริ่มต้นงานก่อสร้าง และภายหลังยังได้ถวายเพิ่มอีกหนึ่งแสนบาท ตัวมณฑปเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดใหญ่ ๓ ชั้น ความกว้าง x ยาววัดได้ ๑๓ x ๑๓ เมตร ส่วนสูงประมาณ ๓๖ เมตร ได้อาศัยผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายร่วมกันพิจารณาและดำเนินการ กล่าวคือ งานด้านสถาปนิกและศิลปกรรม คุณประพัฒน์และคุณประเวศเป็นผู้ควบคุมดูแล งานด้านโครงสร้างอาคารซึ่งเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กทั้งหมดนั้น ร.อ.ชัยชาญ ภิญญาวัธน์ ร.น. เป็นผู้คำนวณให้ ส่วนความมั่นคงของฐานรากของมณฑปหลังนี้ ซึ่งมีความยากลำบากเป็นพิเศษ เพราะพื้นฐานรากทั้งหมดของตัวอาคารต้องสร้างลงบนดินตลิ่งที่ลาดชันของฝั่งแม่น้ำโขง จะต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ การนี้ ศาสตราจารย์ ดร.ชัย มุกตพันธุ์ ได้รับภาระมาตรวจสอบพื้นที่และชั้นหินต่างๆ แล้วออกแบบกำหนดฐานรากอาคารให้ทั้งหมด ทั้งๆ ที่ท่านมีงานรัดตัวอยู่มากมาย ก็ยังหาโอกาสปลีกตนและเวลามาเป็นธุระให้ด้วยความยินดี น่าอนุโมทนาในกุศลจิตของท่าน ผู้ทำการก่อสร้างคือ คุณประมุข บรรเจิดสกุล แห่งบริษัท ป.ว.ช. ลิขิตการสร้าง ได้ช่วยเหลือถือเสมือนเป็นการก่อสร้างของตัวเอง มีสิ่งใดไม่ดีไม่เหมาะก็พยายามแก้ไขดัดแปลงให้ดีขึ้นอยู่เสมอ แม้ว่าจะอยู่นอกรายการข้อผูกพันสัญญาก็ตาม การก่อสร้างได้เริ่มขึ้นได้ การทำสัญญาการก่อสร้างฉบับแรกเมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๒ และฉบับที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ปีเดียวกันในราคาการก่อสร้างทั้งสิ้น ๒,๗๑๖,๙๑๓ (สองล้านเจ็ดแสนหนึ่งหมื่นหกพันเก้าร้อยสิบสาม) นี้เป็นราคาเริ่มแรกภายหลังต่อมาได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมรายการต่างๆ เพื่อความเรียบร้อยสวยงามและเหมาะสมขึ้นไปอีกเมื่อรวมเบ็ดเสร็จแล้วค่าก่อสร้างทั้งสิ้นประมาณหกล้านบาท เมื่อการก่อสร้างเริ่มขึ้น ก็มีผู้มีจิตศรัทธาถวายปัจจัยร่วมการก่อสร้างมาโดยลำดับ คุณกษมา (ตุ๊) ศุภสมุทร ถวายหนึ่งแสนบาท คณะการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และบริษัทการบินไทย ได้ร่วมกันทอดกฐินสามัคคี ปี ๒๕๒๒ เพื่อหาปัจจัยสร้างมณฑปได้เงินหกแสนสี่หมื่นบาท กรมการศาสนาอนุมัติเงินอุดหนุนสองแสนห้าหมื่นบาท และเมื่อการก่อสร้างดำเนินมาจนปรากฏเป็นรูปเป็นร่างบ้างแล้ว ก็มีผู้ศรัทธามาจากทั่วทุกสารทิศ เป็นรายบุคคลบ้าง เป็นคณะบ้าง มาได้เห็นการก่อสร้างก็เกิดจิตศรัทธาร่วมบริจาคสมทบทุนการก่อสร้างเป็นอันมาก จนเหลือที่จะกล่าวนามท่านเหล่านั้นได้ในที่นี้ได้หมดสิ้น ผู้ที่ร่วมบริจาคมากที่สุดและเป็นกำลังสำคัญเห็นจะเป็น คุณธเนตร เอียสกุล ได้บริจาควัสดุอุปกรณ์และเงินสด ซึ่งเมื่อคิดรวมทั้งหมดแล้วก็เป็นมูลค่ามากกว่าหกแสนบาท นับว่าเป็นกำลังอันสำคัญผู้หนึ่งทีเดียว มณฑปหลังนี้ นับว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่ค่อนข้างพิเศษ กล่าวคือ ได้รับการเอาใจใส่และเลือกสรรอย่างพิเศษทุกขั้นตอน เริ่มแต่การเลือกตำแหน่งสถานที่ก่อสร้าง ซึ่งจะเห็นว่าเป็นจุดที่เด่นและเหมาะสม เมื่อมองจากภายในอาคารสามารถเห็นทิวทัศน์โดยรอบ ไม่มีจุดอับ การออกแบบรูปทรงของอาคารเป็นมณฑป ซึ่งมีความงดงาม มีลักษณะพิเศษ เป็นศิลปะแห่งลุ่มแม่น้ำโขงโดยเฉพาะ โครงสร้างตลอดจนฐานรากสร้างอย่างแข็งแรงเป็นพิเศษ ทั้งนี้ด้วยความมุ่งหมายจะให้เป็นถาวรวัตถุเป็นปูชนียสถานอันมั่นคงไว้ชั่วกาลนาน พระพุทธรูปประธานราคา ๙๕,๐๐๐ บาท บริษัท ป.ว.ช. ลิขิตการสร้าง และคุณจวบจิต รอดบุญ คุณโรส บริบาลบุรีภัณฑ์ และคณะ ออกคนละครึ่ง เป็นพระพุทธรูปที่ได้รับการออกแบบและสร้างขึ้นอย่างงดงามสมส่วนในลักษณะศิลปะร่วมสมัย โดยปฏิมากรผู้ชำนาญแห่งกรมศิลปากร มีความสง่างามและมีความนุ่มนวลเป็นพิเศษ ผิดไปจากพระพุทธรูปตามวัดหรือปูชนียสถานอื่นๆ ชุกชีที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป พร้อมทั้งเครื่องประดับประดาตกแต่งทั้งหมด น.พ.แสวง วัจนะสวัสดิ์ และญาติมิตรเป็นผู้ถวายค่าก่อสร้าง เป็นเงินสี่แสนสองหมื่นห้าพันบาท ความพิเศษสุดท้าย ซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็นความพิเศษยอดสุดก็คือว่า มณฑปหลังนี้สำเร็จเป็นรูปร่างขึ้นมาได้ก็ด้วยแรงศรัทธาล้วนๆ ทุนทรัพย์ที่ใช้ในการก่อสร้างทั้งหมด มาจากการบริจาคด้วยศรัทธาอันบริสุทธิ์ของสาธุชนทั้งหลาย โดยที่ทางวัดไม่ได้มีการเรี่ยไรหรือออกฎีกาบอกบุญแต่อย่างใดเลย นับว่าเป็นความพิเศษอย่างยิ่งออกที่จะมีได้ในยุคปัจจุบันนี้ นับตั้งแต่ริเริ่มมา จนกระทั่งสำเร็จเสร็จสิ้นสมบูรณ์ลงได้ในที่สุด ก็ด้วยความร่วมมือร่วมใจจากคนหลายฝ่าย ซึ่งต่างก็มาร่วมมือร่วมใจกันด้วยความยินดี เต็มอกเต็มใจ ทั้งนี้เพราะทุกคนที่เราได้กล่าวนามถึงก็ดี ไม่ได้กล่าวนามก็ดี ต่างก็มีศรัทธาตรงกัน จึงได้มาร่วมกันทั้งกำลังทรัพย์ ทั้งกำลังกาย กำลังปัญญา ความคิดอันเป็นเหตุผลักดันให้เกิดมณฑปที่ทรงความสง่าเป็นเอก ยากที่จะมีอาคารหรือปูชนียสถานอื่นในสมัยนี้ทัดเทียมได้ สมควรที่สาธุชนทั้งหลายจะได้มีความภาคภูมิใจ เราปลื้มปีติในกุศลเจตนา และขออนุโมทนาในส่วนกุศลอันเกิดจากศรัทธาของท่านทุกผู้ทุกคน อนึ่งในปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ได้ทำการซ่อมแซมทาสีภายนอกใหม่ทั้งหมด พร้อมทั้งปิดทองแต่สันหลังคาขึ้นไปจรดยอดมณฑปสิ้นทุนทรัพย์อีก ๓๓๗,๗๕๐.๐๐ บาท (สามแสนสามหมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยห้าสิบบาทถ้วน) ซึ่งก็ได้จากศรัทธาของท่านสาธุชนทั้งหลายที่พร้อมใจกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและเป็นอนุสรณ์แก่เราผู้สร้างซึ่งมีอายุครบ ๙๐ ปีบริบูรณ์ เมื่อ ๒๖ เมษายน ๒๕๓๕ นั้นด้วย

    ๓๕.๓ ศาลาเทสรังสี
    ปฐมศาลาของวัดหินหมากเป้งเป็นศาลาโรงฉันย่อมยกพื้นสูง เสาไม้ พื้นปูไม้กระดาน ฝาใช้ไม้ไผ่ขัดแตะ หลังคามุงด้วยสังกะสี มีสภาพไม่คงทนถาวร เมื่อเราได้มาพักอยู่ที่นี้ได้ในราวสองปี ญาติโยมทางกรุงเทพฯ ก็เดินทางมาที่แห่งนี้มากขึ้น เมื่อได้มาพบเห็นสถานที่แล้วชอบใจเกิดศรัทธาเลื่อมใส จึงร่วมใจกันหาเงินมาก่อสร้างศาลาการเปรียญขึ้นใหม่แทนศาลาหลังเดิมซึ่งชำรุดทรุดโทรมมากแล้ว ศาลาการเปรียญที่ก่อสร้างขึ้นนั้น มีลักษณะเป็นเรือนไม้ทรงไทย สองชั้น ขนาดกว้าง ๑๑ เมตร ยาว ๑๗ เมตร โดยใช้แรงงานของพระภิกษุสามเณรช่วยกันก่อสร้างเป็นส่วนใหญ่ สร้างเสร็จเรียบร้อยเมื่อวันที่๒๐ กรกฎาคม ๒๕๑๐ ค่าก่อสร้างเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น ๘๔,๗๖๓.๐๐ บาท (แปดหมื่นสี่พันเจ็ดร้อยหกสิบสามบาทถ้วน) และได้ให้นามศาลาหลังนั้นว่า "ศาลาเทสก์ประดิษฐ์" กาลเวลาล่วงเลยมาโดยลำดับ ญาติโยมจากทางกรุงเทพฯ และจังหวัดต่างๆ ได้พากันมาที่วัดหินหมากเป้งนี้มากขึ้น กอปรด้วยการคมนาคมสะดวกขึ้น เพราะทางราชการได้ตัดถนนผ่านหน้าวัด พระภิกษุสามเณร อุบาสกอุบาสิกา ที่มาอยู่พักจำพรรษารักษาศีลปฏิบัติภาวนา ทั้งที่มาอยู่ประจำและมาพักเป็นครั้งคราวก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อถึงเทศกาลวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาศาลาการเปรียญที่มีอยู่จึงไม่สามารถจะต้อนรับญาติโยมอุบาสกอุบาสิกาได้เพียงพอ ประกอบกับศาลาเทสก์ประดิษฐ์ก็ชำรุดทรุดโทรม เนื่องจากปลวกกัดกินจนเสียหายเป็นบางส่วน อาจจะไม่ปลอดภัยและอาจเกิดอันตรายขึ้นได้ในภายหน้า คณะกรรมการวัดหินหมากเป้งจึงได้มาปรึกษาหารือกันกับเรา และมีความเห็นพ้องตรงกันว่าควรจะสร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ให้กว้างขวางและคงทนถาวรขึ้นกว่าเดิม เพื่อเป็นที่ประกอบศาสนกิจสืบต่อไป ศาลาการเปรียญหลังใหม่นี้ได้สร้างขึ้นที่เดิม โดยรื้อศาลาหลังเก่าออกเสีย มีลักษณะเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กสองชั้น ขนาดกว้าง ๒๓.๐ เมตร ยาว ๔๔.๐ เมตร ชั้นบนภายในตัวอาคารเป็นห้องโถงตลอด ปูพื้นด้วยไม้ปาร์เก้ กั้นฝาโดยรอบด้วยกระจกกรอบอะลูมิเนียม พร้อมทั้งติดประตูหน้าต่างโดยรอบ ระเบียงและชานศาลารอบตัวอาคารปูพื้นด้วยหินอ่อน ชั้นล่างเป็นห้องโถงตลอด ปูพื้นด้วยหินอ่อนทั้งหมด ชานพักบันไดและขั้นบันไดทำด้วยหินกรวดล้าง การออกแบบโดย อาจารย์สาคร พรหมทะสาร แห่งวิทยาลัยเทคนิคหนองคาย ทำสัญญาจ้างเหมาแรงงานกับ นายกองศรี แก้วหิน เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๒๘ โดยทางวัดเป็นผู้จัดหาวัสดุก่อสร้างทั้งหมด การก่อสร้างแล้วเสร็จตามสัญญาเมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๙ ค่าก่อสร้างทั้งศาลาการเปรียญและหอระฆัง เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น ๗,๖๙๓,๙๒๖.๕๒ บาท (เจ็ดล้านหกแสนเก้าหมื่นสามพันเก้าร้อยยี่สิบหกบาทห้าสิบสองสตางค์) เสร็จแล้วได้ขนานนามศาลาหลังนี้ว่า "ศาลาเทสรังสี พ.ศ. ๒๕๒๙"

    ๓๕.๔ จิตกรรมฝาผนัง
    ภายหลังบรรดาศิษยานุศิษย์ได้มีจิตศรัทธา จะให้มีการวาดภาพจิตกรรมฝาผนังบนผนังศาลาการเปรียญชั้นบน จึงได้ว่าจ้างช่างเขียนภาพจิตกรรมฝาผนังด้วยสีน้ำมันอย่างดี ช่วงกลางเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติตอนประสูติ เสด็จออกบรรพชา ทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา ทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ และเสด็จดับขันธปรินิพพาน ช่องด้านขวามือเป็นภาพเรื่องราวเกี่ยวกับวัดหินหมากเป้ง ด้านซ้ายมือเป็นภาพพระธาตุพนม และเรื่องราวประเพณีท้องถิ่นภาคอีสาน โดยทำสัญญาจ้างกับ นายสามารถ ทองสม เมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๐ ในราคา ๖๕๐,๐๐๐.๐๐ บาท (หกแสนห้าหมื่นบาทถ้วน) กำหนดแล้วเสร็จภายใน ๑๒ เดือน ทั้งนี้อยู่ในความควบคุมของคุณไข่มุกด์ ชูโต
    ๓๕.๕ หอระฆัง
    ต่อมาได้สร้างหอระฆังไว้ตรงมุมศาลาด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ โดยการก่อสร้างหอระฆังดังกล่าวนั้น คุณธเนตร เอียสกุล มีจิตศรัทธาบริจาคค่าแรงงานในการก่อสร้างทั้งหมดตามสัญญาจำนวน ๓๕๐,๐๐๐.๐๐ บาท (สามแสนห้าหมื่นบาทถ้วน) และได้หล่อระฆังมาถวายอีกด้วยในราคา ๖๐,๐๐๐.๐๐ บาท (หกหมื่นบาทถ้วน)

    ๓๕.๖ หอสมุดวัดหินหมากเป้ง
    หอสมุดเดิมเป็นอาคารไม้ชั้นเดียว ตั้งอยู่ตรงอาคารหอสมุดหลังปัจจุบันนี้ เมื่อทางวัดได้ดำเนินการก่อสร้างศาลาการเปรียญใกล้จะแล้วเสร็จตามสัญญา เราได้พิจารณาเห็นว่าควรจะสร้างอาคารหอสมุดขึ้นใหม่ ให้มีสภาพสอดคล้องกับศาลาการเปรียญ ก็ได้รับความช่วยเหลือด้วยดีจาก คุณชัชวาลย์ พริ้งพวงแก้ว แห่งบริษัท ดีไซน์ ๑๐๓ จำกัด กรุงเทพฯ ช่วยออกแบบแปลนให้ มีลักษณะเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก สองชั้น ขนาดกว้าง ๑๒.๓๐ เมตร ยาว ๑๓.๐๐ เมตร หลังคาทรงไทยแบบสามมุข มีหน้าบันทำลวดลายปูนปั้นทั้งสามด้าน ทำสัญญาจ้างเหมาแรงงานกับ นายกองศรี แก้วหิน เมื่อวันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๘ โดยทางวัดเป็นผู้จัดหาวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้างทั้งหมด แล้วเสร็จตามสัญญา เมื่อวันที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๙ สิ้นค่าก่อสร้างจำนวน ๗๒๕,๐๕๔.๖๓ บาท (เจ็ดแสนสองหมื่นห้าพันห้าสิบสี่บาทหกสิบสามสตางค์)

    ๓๕.๗ หอกลอง
    เมื่องานก่อสร้างหอสมุดเสร็จเรียบร้อยตามสัญญาแล้ว คุณธเนตร เอียสกุล ผู้มีศรัทธากล้าแข็งคนหนึ่ง ได้ปวารณาขออนุญาตต่อเรา ขอเป็นเจ้าภาพสร้างหอกลอง พร้อมกับจัดหากลองขนาดใหญ่มา
    ถวาย เพื่อให้เป็นคู่กันกับหอระฆังสมบูรณ์แบบตามประเพณีนิยม ประกอบกับศรัทธาญาติโยมทางจังหวัดสกลนคร จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดมุกดาหาร และบ้านขัวสูง มีจิตศรัทธาสร้างโปงขนาดใหญ่มาถวาย เราจึงได้ออกแบบและว่าจ้างให้ช่างมาทำหอกลองขึ้น ชั้นบนเป็นที่ตั้งกลอง ชั้นล่างเป็นที่แขวนโปง สิ้นค่าก่อสร้างเป็นเงิน ๖๕,๐๐๐.๐๐ บาท (หกหมื่นห้าพันบาทถ้วน) คุณธเนตร รบเป็นเจ้าภาพออกเงินทั้งหมด

    ๓๕.๘ กุฏิเสนาสนะ
    กุฏิเสนาสนะที่อยู่อาศัยของพระภิกษุสามเณร ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างหนึ่งที่ต้องจัดให้มีขึ้นตามความเหมาะสม กุฏิที่สร้างขึ้นแต่แรกมาอยู่ใหม่ๆ เพียงไม่กี่หลัง บางหลังก็ชำรุดทรุดโทรมจำเป็นต้องซ่อมแซม หรือรื้อทำเสียใหม่ให้ถาวรก็มีขณะเดียวกันก็สร้างเพิ่มเติมขึ้นมาอีกด้วย เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของพระภิกษุสามเณรที่เพิ่มขึ้น กุฏิในวัดหินหมากเป้งส่วนใหญ่เป็นกุฏิทรงไทยขนาดเล็กใหญ่ตามความเหมาะสม ซึ่งล้วนแล้วแต่เกิดจากศรัทธาของญาติโยมทั้งหลายมาปลูกสร้างถวายคนละหลังสองหลัง บางท่านถึงสามหลังก็มี เพื่อหวังประโยชน์แก่พระภิกษุสามเณรจะได้อยู่พักจำพรรษา และผู้ที่สนใจในการปฏิบัติก็มาขอปลูกบ้านพักเพื่ออยู่ภาวนาบำเพ็ญเพียร จนปัจจุบันนี้มีกุฏิถาวรสำหรับพระภิกษุสามเณรจำนวน ๕๖ หลัง บ้านพักชีและบ้านพักญาติโยมจำนวน ๓๗ หลัง ศาลาแม่ชี โรงครัว ห้องน้ำห้องส้วม ถังน้ำประปาขนาดใหญ่สำหรับจ่ายน้ำใช้ทั่วทั้งวัด เครื่องกำเนิดไฟฟ้าเมื่อประมาณราคาแล้วมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า ๑๐ ล้านบาท เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๖ นายบุญ สกุลคู พร้อมด้วยญาติมิตรได้มีจิตศรัทธาสร้างอาคารมอบถวายเป็นอาคารเรียนนักธรรมแก่พระภิกษุสามเณรที่อยู่จำพรรษา เป็นอาคารชั้นเดียวหนึ่งหลัง สิ้นเงินค่าก่อสร้างในราว ๓๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท (สามแสนบาทถ้วน)

    ๓๕.๙ กำแพงวัด
    นับแต่เราได้มาอยู่ที่วัดหินหมากเป้งตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๐๘ การพัฒนาวัดและการก่อสร้างถาวรวัตถุก็ค่อยเจริญเป็นมาโดยลำดับ ด้วยแรงศรัทธาของบรรดาศิษยานุศิษย์และญาติโยมทั้งหลาย ขณะเดียวกันก็ซื้อที่ดินขยายอาณาเขตของวัดเพิ่มขึ้นอีกด้วย ในปี พ.ศ.๒๕๒๘ นายสรศักดิ์ สร้อยสนธ์ (นายอำเภอศรีเชียงใหม่ขณะนั้น) ได้ช่วยเป็นธุระติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของกรมที่ดิน เพื่อขอเอกสารสิทธิต่อทางราชการถูกต้องตามกฏหมายจนสำเร็จเรียบร้อยตามประสงค์ ปรากฏตามหลักฐานหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓ ก.) เลขที่ ๐๐๐๑ เล่มที่ ๑ ก.หน้าที่ ๐๑ ออกให้เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๘ เนื้อที่ ๒๖๑ ไร่ ๒ งาน ๙๒ ตารางวา นับว่าเป็นสถานที่
    แห่งแรกและแห่งเดียวในเขตพื้นที่นี้ที่ได้รับเอกสารสิทธิถูกต้องตามกฏหมาย เราจึงพิจารณาเห็นว่าวัดหินหมากเป้งก็มีการพัฒนาเจริญขึ้นมากแล้ว บ้านเมืองโดยเฉพาะหมู่บ้านใกล้เคียงก็เจริญขยายกว้างขวางขึ้นโดยลำดับ สมควรที่จะกำหนดเขตแดนของวัดให้เป็นเอกเทศส่วนหนึ่งต่างหากให้ชัดเจน จึงได้ขอความร่วมมือไปยังสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท (รพช.) จังหวัดหนองคาย ก็ได้รับความร่วมมือด้วยดีจาก คุณวรพจน์ ธีระอำพน หัวหน้าสำนักงานในด้านการออกแบบการปรับปรุงพื้นที่เตรียมการก่อสร้างและทำถนนดินรอบแนวกำแพงหลังจากก่อสร้างเสร็จแล้ว โดยได้ส่งช่างผู้ชำนาญงานมาคอยดูแลช่วยเหลือตลอดจนงานแล้วเสร็จ ทำสัญญาจ้างเหมาทั้งแรงงานและวัสดุอุปกรณ์กับนายกองศรี แก้วหิน เมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๒๙ ด้านหน้าจากประตูใหญ่ไปจนสุดเขตแดนทางทิศตะวันตก ความยาว ๖๕๔ เมตร ทางทิศตะวันตกทำไปจนจรดริมแม่น้ำโขง ความยาว ๕๓๓ เมตร รวมค่าก่อสร้างทั้งสองด้านเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น ๑,๖๑๓,๓๒๐.๐๐ บาท (หนึ่งล้านหกแสนหนึ่งหมื่นสามพันสามร้อยยี่สิบบาทถ้วน) อนึ่ง เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๔ ได้สร้างกำแพงคอนกรีตเสริมเหล็ก ด้านหน้าวัดจากซุ้มประตู ไปจนจรดแม่น้ำโขงทางด้านทิศใต้ ความยาวประมาณ ๖๕๐ เมตร สิ้นทุนทรัพย์อีก ๑,๐๙๐,๐๐๐.๐๐ บาท (หนึ่งล้านเก้าหมื่นบาทถ้วน)

    ถวายพระราชกุศล
    หลังจากการก่อสร้างศาลาการเปรียญ หอสมุด หอระฆัง หอกลอง และกำแพงวัดเสร็จเรียบร้อยตามประสงค์ เราเห็นว่าถาวรวัตถุเหล่านี้เกิดขึ้นได้ด้วยแรงศรัทธาของญาติโยมทั้งหมดเมื่อการก่อสร้างเสร็จเรียบร้อย ก็จำเป็นที่ควรจะมีการฉลองเพื่อประกาศให้ท่านผู้มีส่วนช่วยเหลือในการนั้นๆ ได้ทราบถึงความสำเร็จ และได้ร่วมอนุโมทนากุศลบุญโดยพร้อมเพียงกันประกอบกับในปี

    พ.ศ. ๒๕๓๐ ซึ่งชาวไทยทั้งหลายถือว่าเป็นโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ของปวงชนชาวไทยทั้งหลายทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๕ รอบ จึงได้กำหนดการฉลองถาวรวัตถุเหล่านั้นในวันที่ ๒๕- ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๐ ซึ่งเป็นวาระที่เรามีอายุครบ ๘๕ ปีบริบูรณ์และได้ทำพิธีถวายพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกันทีเดียว ในการนี้มีพระเทพวราลังการ (ศรีจันทร์ วัณณาโภ) รองเจ้าคณะภาค ๑๑ (ธ) วัดศรีสุธาวาส จังหวัดเลย เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วยพระธรรมไตรโลกาจารย์ (รักษ์ มีวรรณดิษฐ์) เจ้าคณะภาค ๙ (ธ) วัดศรีเมือง จังหวัดหนองคาย พระเทพเมธาจารย์ รองเจ้าคณะภาค ๘ (ธ) โพธิสมภรณ์ จังหวัดอุดรธานี พระภาวนาพิศาลเถระ (พุธ ฐานิโย) วัดป่าสาลวัน จังหวัดนครราชสีมา และพระเถรานุเถระทั้งหลายฝ่ายฆารวาสมี พล.อ.อ.หะริน หงสกุล เป็นประธานในพิธีนำถวายถาวรวัตถุเหล่านั้น และนำถวายพระราชกุศล ได้รับความกรุณาจากสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก (เจริญ สุวัฑฒโน) วัดบวรนิเวศ กรุงเทพฯ ซึ่งขณะนั้นดำรงสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระญาณสังวร ทรงแต่งคำถวาย นอกจากการก่อสร้างเป็นการตอบแทนบุญคุณของพระพุทธศาสนา สำหรับในวัดหินหมากเป้งที่เราได้อาศัยร่มเงาอยู่มาเป็นเวลากว่ายี่สิบปีดังกล่าวแล้ว ทรัพย์ที่ญาติโยมมีศรัทธาบริจาค ปวารณาถวายเป็นการส่วนตัวแก่เราก็ยังมีเหลือพออยู่อีกเฉลี่ยให้แก่วัดอื่นๆ ได้เราก็เฉลี่ยไป เพื่อก่อสร้างถาวรวัตถุให้เป็นการทนุบำรุงพระพุทธศาสนาพร้อมกันนั้นมีญาติโยมมารายงานถึงความจำเป็นที่ควรต้องช่วยด้านสาธารณประโยชน์ต่างๆ อันมีกิจการโรงเรียนหรือโรงพยาบาล เป็นอาทิ เราก็ช่วยเหลือเจือจานไปตามกำลังความสามารถ เพื่อประโยชน์แก่สถานที่นั้น และเพื่อประโยชน์ของผู้บริจาคเงินปวารณาถวายทานแก่เราแต่เบื้องต้นด้วย การก่อสร้างทั้งหมดโดยสรุปใจความมานี้ ย่อมเป็นการยุ่งยากแก่ผู้กระทำอย่างยิ่ง โดยส่วนมากผู้ที่จะทำไม่ค่อยสำเร็จก็เพราะขาดทุนทรัพย์และศรัทธา โดยเฉพาะอย่างยิ่งขาดคุณธรรมประจำตัว เมื่อทำเสร็จก็ดีอกดีใจ เมื่อทำไม่สำเร็จก็ตีอกชกหัววุ่นวายไปหมด แต่สำหรับเราที่กระทำมาทั้งหมดนั้นไม่รู้สึกอะไรเลย สำเร็จก็ช่าง ไม่สำเร็จก็ช่าง ใจมันเฉยๆ อยู่ การกระทำสิ่งใดๆ เราถือว่าเป็นสักแต่ว่าทำเพื่อกิจพระศาสนา ปัจจัยที่ทำก็ไม่ใช่ทุนทรัพย์ของตน เป็นของศรัทธาญาติโยมชาวบ้านทั้งหมด เมื่อทำสำเร็จไปได้ก็เป็นประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา และเป็นบุญกุศลแก่ญาติโยมทั้งหลาย การจะทำอะไรก็ไม่ต้องบอกบุญเรี่ยไร การบอกบุญเรี่ยไรเป็นการจู้จี้ทำให้เขารำคาญเบื่อหน่าย การที่เราได้กระทำไปจนสำเร็จทุกรายการนั้น ก็ด้วยทุนทรัพย์ที่ญาติโยมจากจตุรทิศทั้งสี่ จากต่างประเทศก็มีได้มาปวารณาถวายไว้ ในส่วนที่ปวารณาถวายเป็นกฐิน ผ้าป่า สังฆทาน ค่าภัตตาหาร ค่าไฟฟ้า น้ำประปานั้น ได้รวบรวมไว้เป็นทุนทรัพย์ของทางวัดโดยเฉพาะ ใช้เฉพาะในกิจการของวัดหินหมากเป้งเท่านั้น ในส่วนที่ปวารณาถวายเป็นการส่วนตัวแล้วแต่เราจะใช้ในกิจการใดตามอัธยาศัย ตั้งแต่หนึ่งบาท สิบบาท ร้อยบาท พันบาท หมื่นบาท แสนบาท ตามกำลังทรัพย์และศรัทธานั้น เมื่อเห็นว่ามีจำนวนมากพอสมควรที่จะสร้างถาวรวัตถุเพื่อสาธารณประโยชน์ จ ได้นำไปใช้ในกิจการที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ส่วนทุนทรัพย์ก็ไม่เห็นขาดตกบกพร่อง ศรัทธาความเชื่อมั่นในกิจการงานของตนก็ตั้งมั่นดิบดี ส่วนคุณธรรมของตัวเองก็ไม่เสื่อมถอย กระทำมาโดยเรียบร้อย สาธุ สาธุ สาธุ เรื่องเหล่านี้เป็นเพราะบุญกุศลที่เราได้เคยกระทำมา จึงสำเร็จเรียบร้อยด้วยดีโดยประการทั้งปวง ดังกล่าวแล้ว เราเองหาเงินไม่เป็นเลยแม้แต่สตางค์เดียว ญาติโยมจากจตุรทิศทั้งสี่มามอบถวายทำบุญไว้ เราเลยกลายเป็น "พระคลังสมบัติ" ของพุทธบริษัท ที่มาบริจาคทำบุญในพระพุทธศาสนาไปเลยทีเดียว

    "พระคลังสมบัติ" ของพุทธศาสนิกชนที่บริจาคปัจจัยทำบุญถวายไว้ในพระพุทธศาสนานี้ เป็นการยากมากแก่ผู้บริหาร เพราะลูกค้า (ผู้ถวาย) ไม่มีสมุดบัญชีบันทึกไว้ เป็นแต่พระคลังสมบัติมีไว้ฝ่ายเดียว เหตุนั้นจึงเป็นการยากที่จะบริหาร แต่การบริหารก็ได้เป็นไปแล้วด้วยความเรียบร้อย กล่าวคือเมื่อมีเงินทุนมากพอสมควรที่จะสร้างสิ่งใดได้ จะเป็นอุโบสถ ศาลาการเปรียญ อาคารเรียน หรือสิ่งใดก็ดี ก็จะถอนทั้งเงินทุนและดอกเบี้ยมาใช่จ่ายให้จนหมดเกลี้ยง ไม่เหลือหลอแม้แต่สตางค์เดียว ผู้จะเป็นนายพระคลังสมบัติบริหารทุนทรัพย์ของพุทธศาสนิกชนที่มาทำบุญนี้ ถ้าหากไม่เชื่อฝีมืออันขาวบริสุทธิ์ของตนเองถึง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์แล้วอย่าพึงทำเลย ขืนทำไปก็เสื่อมเสียพุทธศาสนาอันเป็นที่เคารพของตน และตนเองก็เสื่อมเสียด้วย ดังมีตัวอย่างให้เห็นได้ในที่ทั่วไป ตัว "ง" ตัวนี้ร้ายกาจมากทำให้คนเสียมานับไม่ถ้วนแล้ว แต่ผู้บริหารพระคลังสมบัตินี้ขอยืนยันว่า เรื่องเหล่านี้บริสุทธิ์สะอาดเต็มที่ ผู้มีคุณธรรมหิริโอตตัปปะอยู่ในตัว อย่ากลัวเลยว่าจะเป็นเช่นนั้น การทำสิ่งใดเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ย่อมก่อให้เกิดผลเสียหาย การสร้างสิ่งต่างๆ เพื่อพระพุทธศาสนาและศาสนิกชนทั่วไป ถ้าหวังจะได้อย่างเดียวย่อมเป็นการเสียหายมาก ถ้าหากมุ่งประโยชน์เพื่อพระพุทธศาสนาและสาธารณกุศล ไม่ใช่ของใครทั้งหมด จะเป็นผลดีมาก โดยเฉพาะ "พระ" เมื่อก่อสร้างสิ่งต่างๆ แล้วสิ่งเหล่านั้นย่อมพาไป ส่วนตนเองทอดทิ้งกิจในพระพุทธศาสนาและพระธรรมวินัยหมด ไปสร้างสิ่งต่างๆ ภายนอก แต่ตนไม่สร้างตนเอง ย่อมเป็นการเสื่อมเสียอย่างยิ่ง

    จากสภาพของป่าดงทึบที่เราได้เคยเห็นครั้งแรกเมื่อประมาณกว่า ๖๐ ปีก่อนหน้านี้ เราได้มาอยู่ตั้งแต่ปี ๒๕๐๗ และพัฒนาสถานที่นี้ จนถึงบัดนี้กาลเวลาได้ล่วงเลยมายี่สิบกว่าปีแล้ว การพัฒนาวัดที่ค่อยเจริญมาโดยลำดับ ตั้งแต่ต้นจนสำเร็จบริบูรณ์เป็นวัดที่ถาวรดังที่ปรากฏแก่สายตาของท่านทั้งหลายอยู่ ณ บัดนี้แล้วนั้นที่สำคัญที่สุดก็คือ เกิดจากศรัทธาของญาติโยมทั้งหลาย บรรดาศิษยานุศิษย์ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ ต่างก็ร่วมแรงร่วมใจกันทั้งกำลังกาย กำลังทรัพย์ ตามความสามารถของแต่ละท่านแต่ละคนเกินกว่าที่จะกล่าวนามท่านทั้งหลายได้ทั้งหมด ผลงานจึงปรากฏอยู่จนบัดนี้ เมื่อคราวที่สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาปริณายก (วาสน์ วาสโน) เสด็จมาเป็นประธานในพิธีฉลองมณฑป ทรงพอพระทัยมาก โปรดให้ยกขึ้นเป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง พร้อมทั้งประทานประกาศนียบัตรและพัดพัฒนาให้เป็นที่ระลึก เมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๒๕ นับว่าเป็นเกียรติประวัติที่สำคัญของวัดหินหมากเป้ง อีกอย่างหนึ่ง เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า วัดหินหมากเป้งแห่งนี้จะเป็นศาสนาสถานสำหรับบำเพ็ญสมณกิจ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองแห่งพระพุทธศาสนาสืบต่อไปนานเท่านาน จึงขออนุโมทนาให้ท่านทั้งหลายทั้งมวล ที่มีส่วนช่วยในการทำนุบำรุงวัดหินหมากเป้งแห่งนี้ จงประสบแต่ความสุขความเจริญ งอกงามไพบูลย์และมั่นคงในบวรพุทธศาสนาตลอดไปชั่วกาลนาน การทำประโยชน์ให้แก่คนอื่น อันจะเป็นประโยชน์ได้ที่แท้จริงนั้น จะต้องทำประโยชน์ของตนให้ได้เสียก่อน แล้วนำประโยชน์นั้นๆ ออกแจกให้แก่คนอื่น หากคนอื่นเขาไม่รับของเราเราก็ไม่เสียหายไปไหน อันนี้เป็นกรณียกิจที่แท้จริงของเรา นับแต่เราได้บวชมาในพุทธศาสนา ได้กระทำมามิได้ขาดตลอดเวลา ในวโรกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ได้ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ให้เราเป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่ พระราชนิโรธรังสีคัมภีร ปัญญาวิศิษฏ์ ยติคณิสสร บวรสังฆาราม อรัณยวาสี สำหรับการได้รับสมณศักดิ์ของพระกัมมัฏฐาน โดยเฉพาะคณะลูกศิษย์ของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ นี้ เรายังคงยืนยันความรู้สึกส่วนตัวดังที่เคยกล่าวไว้แล้วในช่วงประวัติของเรา ตอนที่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญเมื่อปี ๒๕๐๐ นั้น แต่นั่นแหละ ท่านผู้ใหญ่ได้อธิบายว่า การสถาปนาเลื่อนและตั้งสมณศักดิ์นี้ เป็นพระราชาประเพณีอันมีมาแต่โบราณกาลเป็นส่วนพระราชทานสังคหธรรมของพระมหากษัตริย์ไทย องค์เอกอัครศาสนูปถัมภก ทรงยกย่องพระมหาเถรานุเถระผู้รับธุระพระพุทธศาสนา เป็นภาระสั่งสอนช่วยระงับอธิกรณ์และอนุเคราะห์พระภิกษุสามเณร ให้ดำรงอยู่ในสมณฐานันดรโดยสมควร และเมื่อได้บำเพ็ญคุณความดีเพิ่มขึ้นก็จะพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ถวายต่างเครื่องราชสักการะเป็นการประกาศเกียรติคุณ เราพระป่า ก็ได้แต่ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณขอถวายอนุโมทนา และถวายพระพร

    อัตตโนประวัติ ของ พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ (เทสก์ เทสรังสี)

    อัตตโนประวัติ ของ พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ (เทสก์ เทสรังสี) | วัดป่าเชิงเลน : วัด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2014
  15. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    [​IMG]
    วันเสาร์ ๒๐ กย. เดินทาง เยือนชายทะเล ชายหาด ท่ามกลางแสงแดดที่ออก แรง.

    เริ่มจาก อ่าวฉลอง เจอพระธาตุเหล็กไหลเพลิงเล็กๆ พอควร
    จากนั้น เลาะถนนรอบเกาะภูเก็ต ขึ้นหาดกะตะน้อย เข้า พื้นที่ โรงแรมกะตะธานี ซึ่งขณะนี้ สามารถ เดินตามเส้นทาง ที่ ไม่รบกวน รีสอร์ท ข้ามสะพานไม้ ด้านหน้า รีสอร์ท เข้านั่งตากลม ชมวิว เล่นน้ำทะเลใด้...

    จุดชมวิว มองอ่าว ๓ อ่าว วันนั้นมี ชาวอินเดีย,เนปาล มาเที่ยวกันเยอะ.

    กะตะน้อย,หาดกะตะ เลาะตามถนน รอบเกาะ กะรน ป่าตอง หาดกะหลิม..

    หาดกะหลิม พาน้องๆ จาก กทม.พร้อมหลาน ตากลมชมวิว..สายตา เจอ...
    +หอยเบี้ย คู่ จึง อัญเชิญใว้ให้ น้องสาวแม่บ้าน และ หลาน
    +ก้อนหินส่องแสง ระยิบระยับ จึง อัญเชิญ ใว้ในห้องพระ
    ปรากฏ ว่า หินก้อนนี้ ด้านหน้ามองคล้าย นาคราช ๕ เศียร..
    ซึ่ง เมื่อ ปลายปีที่แล้ว ใด้ หินมณีนาคราช ในบ่อน้ำ ข้าง รอยพระพุทธบาท รอยที่ ๕ นัมทานที เกาะแก้วพิสดาร ภูเก็ต..
    และ เมื่อ หลายปี ที่ผ่านมา ขณะ ที่ ..

    ท่าน อ.ไก่ คนเมืองบัว พากลุ่ม ใน พิธีบวงสรวงตั้งศาลท้าวมหาพรหม ปั้มแก้ส LPG ทาง ไป อ.ทับปุด พังงา พอขึ้นต้นด้วย ..
    " ปุริมัญจะ ทิสัง ราชา ธะตะรัฐโฐ ปะสาสะติ "
    สายตา เจอ สายฟ้าฟาดเปรี้ยง จนแสบตา ( คนเดียว ) เมื่อ พิธี เรียบร้อย จึง เดินไปหยิบ หินก้อนนั้นมา..
    ท่าน อ.ไก่ คนเมืองบัว บอกว่า ..เขาให้เอ็งวะ ตาพจน์ ไข่พญานาค ( ท่านบอกว่า..เจ้าของปั้มแก้ส LPG เองก็ไม่มีสิทธ์ จะใด้ )
    เมื่อ พิจารณา ปรากฏ ว่า ไข่พญานาค ที่พบนี้ ด้านข้าง มี คล้ายเส้นรอบวง ก้อนหิน...ด้านหน้า ปรากฏ เส้นคล้าย นาคราช ๓ เศียร

    จากนั้น เลาะตามถนนรอบเกาะ แวะ ชายหาดกมลา จิตสื่อถึง นาคราช เมื่อ เกือบ ๒๐ ปีที่แล้ว ที่ใด้ พบกัน ทางทิพย์ " ท่านนาคา นาคี " ที่เคยเกี่ยวเนื่องกันมา นาคา นาคี อันดามัน อนันตนาคาธิบดี..
    [​IMG]

    กลับมา สวดมนต์ทำวัตร์เย็น ในค่ำคืน วันเสาร์ ๒๐ กย.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2014
  16. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    กิจบุญ อาราธนา " สมเด็จหลวงปู่อุปคุตมหาเถระ "

    [​IMG]

    คำบูชาพระอุปคุต
    นโม ๓ จบ
    อุปะคุตโต จะ มะหาเถโร สัมพุทเธนะ วิยากะโต มารัญจะ มาระพะลัญจะ โส อิทานิ มะหาเถโร นะมัสสิตะวา
    ปะติฎฐิโต อะหัง วันทามิ อิทาเนวะ อุปะคุตตัง จะ มาหาเถรัง ยัง ยัง อุปัททะวัง ชาตัง วิธัง เสติ อะเสสะโต มะหาลาภัง ภะวันตุเม

    แบบย่อ
    อุปะคุตโต จะ มะหาเถโร ยักขาเทวา นะระปูชิโต โสระโห ปัจจะ ยาทิมปิ มะหาลาภัง ภะวันตุเม ฯ

    อันตรายทั้งปวง)คำบูชาพระมหาอุปคุต
    นโม ๓ จบ
    พระมหาอุปคุตโต พระมหาอุปคุตตัง จะมหาเถโร สัพเพชะนา พะหูชะนา อิถีชะนา มามังพุทธะจิตตัง จะมหาลาโภ พุทธะธัมโม จะมหาลาภัง พุทธะสังฆัง จะมหาสัจจัง สัพพะลาภัง ภะวันตุเม ฯ
    อุปคุตตะ จะมหาเถโร สัพพะเสน่หาปุพชิโต โสระโห อุปะคุตะ ปัจจะยา ธิมะหิ อุตตะโม โหติ สัพพะทุกขะ สัพพะภะยะ สัพพะโรคะ พุทธา ธัมมา สังฆา อานุภาเวนะ วินาสสันติ (นิยมสวดบูชาพระบัวเข็ม หรือ พระธาตุอุปคุต)

    คำบูชาขอลาภพระอุปคุต
    มหาอุปคุตโต จะมหาลาโภ พุทโธลาภัง สัพเพชะนา พะหูชะนา ราชาปุริโส อิถีโยมานัง นะโมโจรา เมตตาจิตตัง เอหิจิตติจิตตัง ปิยังมะมะ สะเทวะกัง สะพรหมมะกัง มะนุสสานัง สัพพะลาภัง ภะวันตุเม ฯ
    เอหิจิตติ จิตตังพันธะนัง อุปะคุตะ จะมหาเถโร พุทธะสาวะกะ อานุภาเวนะ มาระวิชะยะ นิระภะยะ เตชะปุญณะตา จะเทวะตานัมปิ มะนุสสานันปิ เอหิจิตตัง ปิยังมะมะ อิมังกายะ พันธะนัง อะทิถามิ ปะอัยยิสสุตัง อุปัจสะอิ

    คาถาพระมหาอุปคุตผูกมาร
    นะโม ๓ จบ
    มหาอุปคุตโต มหาอุปคุตตัง กายะพันทะนัง อมยิสะ พุทธังทะเถโร ธัมมังทะเถโร สังฆังทะเถโร ปะอัยยะสุตัง อุปัจสะอิ อิมังกายะพันทะนัง อะทิถามิ ฯ


    เช้า วันอาทิตย์ ๒๑ กย. หลานแวะพา ไปทาน อาหาร ยามใกล้เที่ยง ซึ่งเป็น การทานอาหาร เอกา อาหารขบเคี้ยวตลอดทั้งวันเพียง ๑ มื้อ นอกนั้น ใด้เพียง นมกล่อง ปานะ
    นับระยะ เวลา ใด้ ๙๒ วัน ในวันที่ ๒๑ กย.๒๕๕๗

    วันอาทิตย์นี้ จึง แวะทาน ติ๋มชำ ที่ ติ๋มชำเก็ตโฮ ตามด้วย ไข่กะทะ ,หมี่ชัว อาหารทาง ภูเก็ต..

    +++++++++++++
    จากนั้น เดินขึ้นตาม บันไดปูน จุดชมวิว ๓๖๐ องศา ยอดเขา เขาขาด กลับลงทาง บันไดไม้ ซึ่งทาง ต.วิชิต ทำใว้ให้พักผ่อนให้ร่มรื่น ในพุ่มไม้

    เดินทาง สู่ ทรัพยากรชายฝั่ง แวะ ดูเต่า ที่เลี้ยง อนุบาล จากการติดอวนประมง บางตัว ขาขาด แผ่เมตตาจิตให้ เต่า....
    [​IMG]
    แวะ เยือนถ่ายภาพ เรือชลบุรี ทหารเรือ ที่นำเรือมาจอด ท่าเรือทรัพยากรชายฝั่ง ระบบสื่อสาร ทหารเรือ ,เรือเร็วตำรวจน้ำ..

    ภารกิจท้ายสุด วันอาทิตย์ ๒๑ กย. น้อมกราบอารธนา " สมเด็จหลวงปู่อุปคุตมหาเถระ "ที่ ด้านหน้า พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ อ่าวมะขาม
    น้อมกราบอารธนา ท่าน ในภารกิจบุญ

    ตามปฏิปทา หลวงปู่สุภา กันตสีโล วัดสิริสีลสุภาราม ศิริรวม ๑๑๙ ปี ท่านละสังขาร เมื่อ ๒ กย.๒๕๕๖
    พระราชทานเพลิง ณ.วัดคอนสวรรค์ สกลนคร มาตุภูมิ องค์หลวงปู่สุภา..
    ( หลวงปู่สุภา กันตสีโล ท่านเกิด เมื่อ ๑๗ กย. ท่านละสังขาร ๒ กย. )

    ที่หลวงปู่สุภา ท่านเมตตา ให้ อัญเชิญ ประดิษฐาน " สมเด็จหลวงปู่อุปคุตมหาเถระ " ๔ มุมเมืองภูเก็ต ในการบรรเทา ป้องกันภัยพิบัติทั้งปวง ไม่ว่าจะ เหตุ ธาตุ ๔ ดิน น้ำ ไฟ ลม..

    โดยพระอุปคุตทั้ง ๔ องค์ประดิษฐาน ณ สถานที่ต่างๆ ดังนี้
    • ทิศเหนือที่วัดท่าฉัตรไชย
    • ทิศใต้ที่วัดในหาน
    • ทิศตะวันออกที่สถาบันชีววิทยาทางทะเล (พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ อ่าวมะขาม )
    • ทิศตะวันตกคือวัดป่าตอง
    • ( ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ที่หาดเกาะสิเหร่,ใกล้วัดเกาะสิเหร่ )
    ไม่นานนัก บนท้องฟ้า ปรากฏ พระอาทิตย์ ทรงกลด ๒ วง วงในวงเล็ก ส่วนวงนอก ทรงกลด ขนาดใหญ่มาก

    กลับมา สวดมนต์ทำวัตร์เย็น จิตภาวนา ตามปกติ..
    +++++++++++++
    จันทร์ ๒๓ กย.จึงตั้งจิต ทานเอกา อาหารขบเคี้ยว ๑ มื้อ แต่เปลี่ยนเป็น " อาหารเจ " เป็นวันแรก ที่ตั้งใจใว้ ๑๑ วัน ในประเพณีถือศีลกินผัก ภูเก็ต..
    ผลบุญที่สร้างมาแล้วด้วยดี สัมมาทิฏฐิ น้อมพลังบุญ ให้คุณพี่สายรุ้ง ขนุนทอง ที่พบเจอกันครั้งแรก ทริปถ้ำวัวแดง สุขภาพแข็งแรง ฟื้นสขภาพดี จากการ เข้า รพ.เชียงใหม่ ครับ..
    อิทังบุญผลัง เอวังโหตุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2014
  17. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    [​IMG]

    วันอังคาร ที่ ๙ เดือน ๙ กันยายน ๒๕๕๗ ใด้รับ " รอยพระพุทธบาทจำลอง " แกะดุนรอย อลูมิเนียม มาถึงบ้านที่ ภูเก็ต เรียบร้อย ในสภาพ ที่สมบูรณ์

    รออัญเชิญประดิษฐาน ในศาลา " พุทธสิกขี ลีลาเปิดโลก " เมื่อสร้างเรียบร้อย
    รายนาม ท่านที่ เมตตา ร่วมบุญ ปัจจัย รอยพระพุทธบาทจำลอง " แกะดุนรอย อลูมิเนียม

    ๑.Nun Boon นันทภรณ์ บุญณรงค์ไพศาลร่วมบุญวันพระ ๒๔สค....๒๐๐ บ.
    ๒.Siripar Ning Fross สิริภา วิจิตรานนท์ร่วมบุญ ๒๕ สค..........๕๐๐ บ.
    ๓.Sutti Winya ครอบครัว วิญญู ชมพูนาศ ร่วมบุญ ๒๕ สค ........๑๐๐ บ.
    ๔.น้อมจิต ทองทวีวิวัฒน์...............................................๑๐๐ บ.
    ๕.แม่กุ้ยกิ๋ม ตันสกุล (อ.คุระบุรี พังงา)..............................๑,๐๐๐ บ
    ๖.ป๋าทวี ตันสกุล (อ.คุระบุรี พังงา)..................................๑,๐๐๐ บ
    ๗.ป๋าแพร้ว ทองทวีวิวัฒน์ (อ.คุระบุรี พังงา)...........................๕๙๐ บ.
    ๘.เพื่อนๆกัลยาณมิตร บันยันทรีภูเก็ต..................................๙๒๐ บ.
    ๙.น้อมจิต,กิ่งแก้ว ,ธนภรณ์ ทองทวีวิวัฒน์...........................๑,๐๐๐บ

    +++++++++ยอดปัจจัยรวม.....................................๕,๔๑๐ บ
    น้อมโมทนาบุญทุกท่าน ครับ..rabbit_cry
    วันพุธ ๒๔ กย. ช่วงเย็นใด้รับพัสดุ กล่องใหญ่ จาก น้องสาวกัลยาณมิตร ลพบุรี
    วันพฤหัส ๒๕ กย. วันครู เปิดกล่อง
    [​IMG]

    มีภาพท่านพ่อศรีสุทโธนาคราช พร้อมกรอบภาพ
    ภาพท่านพ่อศรีสุทโธนาคราช พร้อม ท่านแม่ศรีปทุมานาคิณี

    วันเสาร์ ๒๗ กย.เดินจงกรม ด้วยพระคาถา "เงินล้าน " ๑๐๘ จบ พร้อมตักบาตร วันเสาร์ อัญเชิญภาพ ท่านทั้ง ๒ ให้ พระท่าน พิจารณา ท่านบอกว่า..
    พญานาค ให้โชคลาภ นะ

    วันจันทร์ ๒๙ กย.วาระ ทานอาหารเจ " เอกา "อาหาร ๑ มื้อ ในช่วงประเพณีถือศีลกินผักภูเก็ต ปี๒๕๕๗ ซึ่งตั้งจิต ขอ ทาน เจ ตลอดระยะ ๑๑ วัน
    วันนี้ ๒ ตค.ทาน เจ ครบ ๑๑ วัน พอดี และ เป็นช่วงที่
    ตั้งจิต " เอกา " อาหารขบเคี้ยว ๑ มื้อ / วัน ครบ ๑๐๓ วัน ในเข้าพรรษา ๒๕๕๗ ปีนี้..

    ++++++++
    วันอังคาร ๒ กย.ทางช่าง ใด้ขึ้นมาดู งาน เพื่อ สร้าง ศาลา กันแดด กันฝน แท่นประดิษฐาน
    สมเด็จองค์ปฐมปางลีลาเปิดโลกทรงเครื่องมหาจักรพรรดิ์ หล่อ ทองเหลือง
    พระพุทธสัมมาปางประทานพร นาคปรก ๙ เศียร อนันตนาคราช
    พระพุทธสัมมาปางมารวิชัย หน้าตัก ๑๙ นิ้ว
    องค์แม่กวนอิม

    วันที่ ๒๐ กย. ทางช่างใด้ปรับพื้นที่ และ ใด้ต่อโครงสร้าง เพื่อ เตรียมการ ขึ้น เสาเอก ในวาระต่อไป..
    [​IMG]

    รายนามท่านผู้เมตตา ร่วมบุญเพิ่มเติม ศาลา" พุทธสิกขี ลีลาเปิดโลก "

    คุณธมลวรรณ มหสุภาชัย..พี่วรรณ......................๑,๐๐๐ บ. คุณ อัญชลี พ่วงศิริ.........................................๕๐๐ บ.
    คุณ ธมลวรรณ มหสุภาชัย.................................๔๐๐ บ.
    คุณ ธมลวรรณ มหสุภาชัย.................................๕๐๐ บ.
    HS8STF ...............................................๑,๐๐๐ บ.
    น้อมจิต,กิ่งแก้ว ,ธนภรณ์ ทองทวีวิวัฒน์.............๑,๐๐๐ บ
    กิตติพงษ์ อธิกิจรุ่งเรื่อง.................................๑,๐๐๐ บ.

    +++++++++++

    ( รังสฤษฏ์ อธิกิจรุ่งเรือง .....................................๑,๐๐๐ บ. หลานชายผู้ล่วงลับ ขณะปฏิบัติหน้าที่ ที่ทำงาน พริ้นกมลา รีสอร์ท ในตำแหน่ง หัวหน้าช่าง ,ตามจิต ที่เคยแจ้ง จะร่วมบุญ)

    น้องๆ จัดสรรค์ ปัจจัย ร่วมบุญ จาก การจากไป ..
    พี่อารมณ์ ทองทวีวิวัฒน์......................................๑,๐๐๐ บ.

    น้อมโมทนาบุญ ทุกท่าน

    อิทังบุญผลัง. ขอพระแม่ธรณี.โปรดเป็นสักขีพยาน.ในการบำเพ็ญบารมี.ทั้ง๑๐,๓๐ทัศ.ตั้งแต่.อดีต.ร้อยชาติ,พันชาติ,หมื่นชาติ,แสนชาติ,ล้านชาติ,ล้านๆชาติ.ตั้งแต่.ปฐมต้น.ปฐมกัปป.ด้วยกุศลผลบุญนี้.ขอเป็น.พลวะปัจจัย

    น้อมบุญให้ คู่สร้างคู่สม คู่บุญคู่บารมี " คู่เวรคู่กรรม "ที่เรา และ " เขา "เคยกระทำต่อกัน ตั้งแต่ อดีต.ร้อยชาติ,พันชาติ,หมื่นชาติ,แสนชาติ,ล้านชาติ,ล้านๆชาติ.ตั้งแต่.ปฐมต้น.ปฐมกัปป.ใด้ เข้าพรหมวิหารธรรม ใด้ดวงตาเห็นธรรม ละ ลด เลิก การจองเวรซึ่งกันและ กัน
    ตราบเท่าเข้าสู่ พระนิพพาน ทุกท่านทุกประการ

    .ให้ข้าพเจ้า.พจชนะ ทองทวีวิวัฒน์.เกิดในภพใด.ขอเกิดในพระพุทธศาสนา.ใด้เกิดเป็นเพศบริสุทธิ์คือ.มนุษย์ผู้ชาย.ใด้.บรรพชา.อุปสมบท.ตั้งแต่.เด็ก.เป็น.สามเณร,กระทั่ง.อุปสมบท.พระภิกษุสงฆ์.ดำรงในบวรพระพุทธศาสนา.ในร่มผ้ากาสาวพัสตร์ ด้วยจิตศรัทธา.รักศีล.มีศีล.ตราบเท่าสำเร็จ"พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ".ใน อนาคตวงศ์
    นิพพานะ ปัจจโยโหตุ.

    http://palungjit.org/threads/น้อมร่...ษฐานสมเด็จองค์ปฐมปางเปิดโลกทรงเครื่อง.523825/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤศจิกายน 2014
  18. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    [​IMG]
    พจน์ เรือนธรรมเวียงนาคา เนกขัมมบารมี วิริยาธิกะ

    เสาร์.๑๑ ตค.อัญเชิญ"พระบรมสารีริกธาตุ".ในนาม.เว็ปพลังจิต.( บรรเทาภัยพิบัติ.) ถวาย.พระ.วัดลัฏฐิวนารามภูเก็ต.

    น้อมบุญ.ให้หลานชาย.กลอฬ."นายรังสฤษฏ์ อธิกิจรุ่งเรือง".

    และ.น้อมบุญ.ให้.เทพเทวา.ที่ดูแล.กายสังขาร.ของทุกท่าน.ใน..
    ทองทวีวิวัฒน์, ดวงงามยิ่ง., อธิกิจรุ่งเรือง. ศฤงคารชัย ,บุญแคล้ว.
    ให้.ทุกท่าน.มีความคล่องตัวทั้งทางโลก.และ ทางธรรม.
    เจริญด้วย.อายุ.วรรณะ.สุขะ.พละ.ปฏิภาณธนสารสมบัติ.จักรพรรดิ.ตักไม่พร่อง.ด้วย.มนุษย์สมบัติ.สวรรค์สมบัติ,จักรพรรดิสมบัติ.มีความคล่องตัวทั้งทางโลก.และ.ทางธรรม.นำปัจจัยใช้สร้างสม.ศีล.ทาน.บุญ.บารมี.ทุกภพทุกชาติ. ตราบเท่าเข้าสู่"พระนิพพาน".

    อิทังบุญผลัง. ขอพระแม่ธรณี.โปรดเป็นสักขีพยาน.ในการบำเพ็ญบารมี.ทั้ง๑๐,๓๐ทัศ.ตั้งแต่.อดีต.ร้อยชาติ,พันชาติ,หมื่นชาติ,แสนชาติ,ล้านชาติ,ล้านๆชาติ.ตั้งแต่.ปฐมต้น.ปฐมกัปป.ด้วยกุศลผลบุญนี้.ขอเป็น.พลวะปัจจัย

    น้อมบุญให้ คู่สร้างคู่สม คู่บุญคู่บารมี " คู่เวรคู่กรรม "ที่เรา และ " เขา "เคยกระทำต่อกัน ตั้งแต่ อดีต.ร้อยชาติ,พันชาติ,หมื่นชาติ,แสนชาติ,ล้านชาติ,ล้านๆชาติ.ตั้งแต่.ปฐมต้น.ปฐมกัปป.ใด้ เข้าพรหมวิหารธรรม ใด้ดวงตาเห็นธรรม ละ ลด เลิก การจองเวรซึ่งกันและ กัน
    ตราบเท่าเข้าสู่ พระนิพพาน ทุกท่านทุกประการ



    .ให้ข้าพเจ้า.พจชนะ ทองทวีวิวัฒน์.เกิดในภพใด.ขอเกิดในพระพุทธศาสนา.ใด้เกิดเป็นเพศบริสุทธิ์คือ.มนุษย์ผู้ชาย.ใด้.บรรพชา.อุปสมบท.ตั้งแต่.เด็ก.เป็น.สามเณร,กระทั่ง.อุปสมบท.พระภิกษุสงฆ์.ดำรงในบวรพระพุทธศาสนา.ในร่มผ้ากาสาวพัสตร์ ด้วยจิตศรัทธา.รักศีล.มีศีล.ตราบเท่าสำเร็จ"พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ".ใน อนาคตวงศ์
    นิพพานะ ปัจจโยโหตุ.
    — ที่ วัดลัฏฐิวนาราม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2014
  19. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    พระพุทธเจ้าหลวง" ปิยะมหาราช "

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    ทรงประกาศ "เลิกทาส "ชาติสยาม
    ไทยทุกนามเป็น" ไท "ไร้กักขัง
    นานหลายปีพระคุณท่านนั้นยืนยัง
    ให้ความหวังประชาชนคนชาติไทย

    ยี่สิบสามตุลาเวียนมาครบ
    มาบรรจบรอบใหม่จึงใฝ่หา
    ร่วมนำพวงดอกไม้ไปบูชา
    พระบรมรูปทรงม้าของพระองค์

    ถวายบังคมพระบรมท่าน
    ทำดีกัน" ละ "ความชั่วอย่ามัวหลง
    มีจิตใจระลึกเทิดทูน" จักรีวงศ์ "
    สยามคงอยู่คู่ไทย นิจนิรันดร

    "พระสยามมิน ทะโร วะรัง อัตตัง พุทธะ สังมิ อิติ อะระหัง วะรัง พุทโธ นะโมพุทธายะ ปิโย เทวา มนุสสานัง ปิโย พรหมา นะมุตตะโม ปิโย นาคะ สุปันนานัง ปินันชะลิยัง นะมามิหัง ปิยะ มะมะ นะโมพุทธายะ"

    อิติปิ โส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ
    อิเมนา พุทธะตังโสอิ อิโสตัง พุทธะปิติอิ
    พระสยามมินโท วะโรอิติ
    พุทธะสังมิ อิติอะระหัง
    สะหัสสะกายัง วะรังพุทโธ
    นะโม พุทธายะ มาสีสะมานัง

    ขอบุญบารมีของพระองค์ท่านโปรดคุ้มครองทุกๆ ท่านด้วยครับ

    น้อมสำนึกระลึกในพระคุณพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยะมหาราชเจ้าแห่งกรุงสยาม ผู้ทรงเป็นที่รักเทิดทูนยิ่ง ผู้ทรงพระเมตตาคุณและทรงพระมหากรุณาธิคุณอย่างอเนกอนันต์ต่อแผ่นดินสยาม...
    .
    ในวันที่เสด็จสวรรคต...
    .
    ทรงรับสั่งว่า "ฮือ" แล้วยกพระหัตถ์ขวาและซ้ายที่สั่นขึ้นเช็ดน้ำพระเนตร คล้ายทรงพระกันแสง....
    .
    วันเสาร์ที่ ๒๒ ตุลาคม เวลาเช้า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนนครสวรรค์ฯ และหมอฝรั่ง ๓ คนขึ้นไปเฝ้าตรวจพระอาการ ข้าพเจ้าก็ขึ้นไปด้วยตามเคย เมื่อกลับลงมาเห็นกิริยาท่าทางของหมอและเจ้านายไม่สู้ดี ได้ความว่าพระอาการหนักมาก พระบังคนเบาที่คาดว่าจะมีก็ไม่มี พิษของพระบังคนเบาซึมไปตามเส้นพระโลหิตทั่วพระองค์ จึงทำให้เป็นพิษเซื่องซึมบรรทมหลับอยู่เสมอ หมอตั้งพระโอสถถวายเร่งให้มีพระบังคนเบาแรงขึ้นทุกที
    .
    พวกหมอฝรั่งประชุมกันเขียนรายงานพระอาการยื่นต่อเจ้านาย เสนาบดี พระอาการมากเหลือกำลังพอที่จะถวายการรักษาแล้ว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนพิษณุโลกประชานารถ และพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จมาแต่เช้า ได้ทอดพระเนตรรายงานพระอาการที่หมอทำไว้ ทรงปรึกษาหารือเห็นพร้อมกันว่า ควรให้พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์มาเฝ้าตรวจพระอาการดูด้วย ข้าพเจ้าจึงให้นายฉัน หุ้มแพร (ทิตย์ ณ สงขลา) รีบเอารถยนต์ไปรับมาทันที พระองค์เจ้าสายฯ ขึ้นไปตรวจเฝ้าพระอาการ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวน้ำพระเนตรไหล แต่ไม่ตรัสว่าอะไร พระองค์เจ้าสายฯ กลับลงมายืนยันว่า พระอาการยังไม่เป็นไร เชื่อว่าที่บรรทมหลับเซื่องซึมอยู่นั้นเป็นด้วยฤทธิ์พระโอสถต่างๆ พอฤทธิ์พระโอสถหมดแล้วก็คงจะทรงสบายขึ้น เพราะพระชีพจรก็ยังเต้นเป็นปกติดี
    .
    พระองค์เจ้าสายฯ กลับนำพระโอสถมาตั้งถวายแก้ทางพระศอแห้ง ขึ้นไปเฝ้าตรวจพระอาการอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ตรัสทักว่า หมอมาหรือ ได้เท่านั้นแล้วก็ไม่ได้รับสั่งอะไรอีกต่อไป
    .
    พระอาการตั้งแต่เช้าไปจนเย็นไม่มีพระบังคนหนักและเบาเลย พระหฤทัยอ่อนลงมาก ยังบรรทมหลับเซื่องซึมอยู่เสมอ เวลาย่ำค่ำสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนนครสวรรค์ฯ และหมอขึ้นไปเฝ้าตรวจพระอาการ ข้าพเจ้าได้ขึ้นไปด้วย และ เห็นหายพระทัยดังยาวๆ และหายพระทัยทางพระโอษฐ์พ่นแรงๆ จนเห็นพระมัสสุไหวได้แต่ไกล สังเกตดูพระเนตรไม่จับใครเลย ลืมพระเนตรคว้างอยู่อย่างนั้นเอง แต่พระกรรณยังได้ยิน สมเด็จพระบรมราชินีนาถกราบทูลว่าเสวยน้ำ ยังทรงพยักพระพักตร์รับได้ และกราบทูลว่า พระโอสถแก้พระศอแห้งของพระองค์เจ้าสายฯ ก็ยังรับสั่งว่า ฮือ แล้วยกพระหัตถ์ขวาและซ้ายที่สั่นขึ้นเช็ดน้ำพระเนตรคล้ายทรงพระกันแสง พระนางเจ้าสุขุมาลย์มารศรี พระราชเทวีซับเช็ดพระเนตรด้วยผ้าซับพระพักตร์ชุบน้ำถวาย หมอฉีดพระโอสถถวายช่วยบำรุงพระหฤทัยให้แรงขึ้น
    .
    ตั้งแต่เวลานี้ต่อไป หมอฝรั่งนั่งประจำคอยจับพระชีพจรตรวจพระอาการผลัดเปลี่ยนกันประจำอยู่ที่พระองค์ การหายพระทัยค่อยเบาลงๆ ทุกที พระอาการกระวนกระวายอย่างหนึ่งอย่างใดไม่มีอีกเลย คงบรรทมหลับอยู่เสมอ เจ้านายจะขึ้นไปเฝ้าอีกครั้ง ก็พอดีหมอรีบทูลลงมาว่า...
    .
    เสด็จสวรรคตเสียแล้วด้วยพระอาการสงบ เมื่อเวลา ๒ ยาม ๔๕ นาที
    .
    ("สมเด็จพระศรีสวรินทิราฯ" โดย สมภพ จันทรประภา)
    .
    ปวงข้าพระพุทธเจ้าน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันอเนกอนันต์อย่างหาที่สุดมิได้ของพระองค์ ไว้ด้วยเกล้าฯ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 10689647_856717857695124_6261158468974490934_n.jpg
      10689647_856717857695124_6261158468974490934_n.jpg
      ขนาดไฟล์:
      80.6 KB
      เปิดดู:
      70
    • 57 - 1.jpg
      57 - 1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      59.3 KB
      เปิดดู:
      86
    • 57 - 3.jpg
      57 - 3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      47.2 KB
      เปิดดู:
      72
    • 57 - 1 (2).jpg
      57 - 1 (2).jpg
      ขนาดไฟล์:
      47.5 KB
      เปิดดู:
      77
    • 57 - 1 (3).jpg
      57 - 1 (3).jpg
      ขนาดไฟล์:
      95.3 KB
      เปิดดู:
      54
    • 57 - 4.jpg
      57 - 4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      67.9 KB
      เปิดดู:
      74
    • 57 - 6.jpg
      57 - 6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.5 KB
      เปิดดู:
      90
    • 57 - 10.jpg
      57 - 10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      73.6 KB
      เปิดดู:
      79
    • _5_.jpg
      _5_.jpg
      ขนาดไฟล์:
      71.9 KB
      เปิดดู:
      743
    • 57 - 7.jpg
      57 - 7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      20.8 KB
      เปิดดู:
      73
    • 57 - 8.jpg
      57 - 8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      45.9 KB
      เปิดดู:
      61
    • 57 - 9.jpg
      57 - 9.jpg
      ขนาดไฟล์:
      23.4 KB
      เปิดดู:
      73
    • 57 - 11.gif
      57 - 11.gif
      ขนาดไฟล์:
      128.9 KB
      เปิดดู:
      90
    • 57 - 12.jpg
      57 - 12.jpg
      ขนาดไฟล์:
      88.3 KB
      เปิดดู:
      78
    • 57 - 13.jpg
      57 - 13.jpg
      ขนาดไฟล์:
      171.8 KB
      เปิดดู:
      72
    • 57 - 15.jpg
      57 - 15.jpg
      ขนาดไฟล์:
      83.6 KB
      เปิดดู:
      63
    • 57 - 16.jpg
      57 - 16.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82.7 KB
      เปิดดู:
      761
    • 57 - 17.jpg
      57 - 17.jpg
      ขนาดไฟล์:
      86.1 KB
      เปิดดู:
      73
    • 57 - 18.jpg
      57 - 18.jpg
      ขนาดไฟล์:
      95.4 KB
      เปิดดู:
      68
    • 57 - 20.jpg
      57 - 20.jpg
      ขนาดไฟล์:
      68.4 KB
      เปิดดู:
      750
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2014
  20. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    -----------
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ นาคา อ่านข้อความ
    ลองพิจารณา ขยายภาพ ให้ใหญ่ แล้วลองดู หินแต่ละก้อน ว่า ลักษณะ หิน ที่สะสม อะไร เอาใว้ ( หินใหญ่ ที่จะมี หินเล็กๆ ประกอบอยู่ ที่ผิว ด้านนอกของหินใหญ่ ด้วย ) หินเล็กที่อยู่ด้านหน้าผิว นั้น สามารถ งอกใหม่ ใด้ และ มีลักษณะสวยงาม เหมือนมุก (อาจจะเป็นไปใด้ ที่ถูกคลื่นกัดเซาะ ในทะเล ก่อน ที่จะถูกคลื่น สึนามิ หอบมาตั้งใว้บนหาด )

    เมื่อก่อนสึนามิ จะเกิด หินบนหาด ไม่มี น่ะครับ

    ส่วนภาพที่3 ที่เห็นนี้ หินบางก้อน ตั้งไม่ใด้ เลยล้มอย่างที่เห็น ครับ

    ภาพที่ 4-5 นี้ น้องสาว บอกว่า หินก้อนนี้ มีอะไร ที่ มองดู แล้ว เคลื่อนไหว ใต้น้ำมาก
    พี่ชาย บอกว่า สามารถ นอนเต็นท์ ที่หาดใด้ หรือ จะนอน บนหาด ด้านหลังบ้านพี่ชายผมใด้ แต่ต้องเดินมา ดู หินสะบ้านี้ ประมาณ เกือบ 2กม.

    วันนั้น ผมพยายามแงะ หินเพื่อเก็บเป็นตัวอย่างแล้ว ใด้เพียงชิ้นเล็กมาก เลย ไม่เอา มา ครับ ...ใว้โอกาส หน้า ผมจะ ขออนุญาติ หิน หรือ เจ้าที่ ในสายทิพย์ ขอแงะ ออกมา ใว้ ในห้องพระ ที่บ้านดู (ถ้าเจ้าที่ เจ้าของ หินเหล่านี้ ไม่ทวงคืน เท่าที่ สัมผัส จากพลัง หิน ผม ว่า ผมเอง อาจจะเคย .....)
    มีท่านใด ที่เคยเกี่ยวข้องกับ ดินแดน แอตแลนติส ลอง เข้ามาดู และพิสูจน์ น่ะครับ แล้ว ท่านผู้อ่าน มี ความคิดเห็น ประการใด ....

    รบกวน ... วิจารณ์ ใด้ ครับ ....

    ท่านใด สนใจ พิสูจน์ เชิญ ครับ แล้ว ท่านจะใด้ทราบ ว่า ของจริงเป็นอย่างไร และ เกี่ยวข้องกับ ....ปาก-วีป ...ปากทวีป อย่างไร

    ขออนุญาต นำข้อมูล ข่าวสาร อีกมุมหนึ่ง มาให้ พิจารณา ตามวิเคราห์ หาไม่แล้วจะสร้าง ความตกใจ ต่อ ใน สถานการณ์ ในขณะนี้



    ค่ำคืนวันพุธ มีข่าวที่น่า แปลกประหลาด

    คนชุมพร ,ระนอง ,พังงา ในเขต ตั้งแต่ ตะกั่วป่า,บางเนียง, เขาหลัก ,ทุ่งมะพร้าว, อ.กะปง

    และ ทราบข่าวมาว่า หลายท่านที่ที่อยู่ใน อันดามัน ,อ่าวไทย
    มองเห็น แสงตกจาก ฟากฟ้า ลงมา ตั้งแต่ ชุมพร --- พังงา
    หลายท่าน รับรู้ ถึง การสั่นสะเทือน ของ กระจก,...
    มีการระเบิด ก่อนจะ หายไป อย่าง ลึกลับ ของ แสงนั้น


    ไม่มี หลักฐาน แน่ชัด ว่า แสงนั้น ตก หายไป ณ.ที่ใด
    แต่ หลายท่าน พุง เป้า ไป ที่ ทะเล ด้าน เขาหลัก หรือ บ้าน ปาก-วีป หรือ บ้านปากทวีป
    ทวีป ที่ ล่มสลาย ไป เมื่อ หลายหมื่น ปี


    สมมุติ ว่า แสงนั่นคือ อุกาบาตร ก็ คงใหญ่มาก ที่ตกมาจากฟ้า และ คนทั้ง ๓ จังหวัด ,ทั้ง อ่าวไทย และ อันดามัน เห็นกัน ในเวลาไล่เลี่ย กัน
    และ อาจจะ ระเบิด หายไป

    ขณะ ที่ ณ. เวลา ๐๐.๓๐ มี เหตุ ต่อเนื่อง หม้อแปลงไฟฟ้า ในเขต อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา เกิด ระเบิด เช่นกัน


    แล้ว มาเกี่ยวข้องกับ ผู้มาเยือน UFO อย่างไร
    หลังจาก ผมถ่ายภาพบนท้องฟ้า ในยามเย็น วันพฤหัส ใด้โพสส์ภาพ ในกลุ่มไลน์ จากนั้น น้องท่านหนึ่ง รับกระแส ใด้
    จากนั้น น้องท่านนี้ สื่อสาร ภาษา ที่แปลก ออกไป จนกระทั่ง เพื่อนอีกท่าน ใด้โทร ติดต่อ เพื่อนอีกท่านหนึ่ง ในเว็ป พลังจิต ทั้ง ๒ ท่าน นี้ สื่อสาร รับกระแส กัน
    รับทราบในจิต คือ ผู้มาเยือน จาก แดนไกล


    ขออนุญาต เล่าความฝัน เมื่อ ตอนรุ่งเช้า ในเดือน ตุลาคม
    ฝัน เรื่อง ถูกเชิญตัว เข้าไปในดาว ดวงใหญ่มาก ซึ่งแบ่งเป็นชั้นๆ ในแต่ะละชั้นจะ รวบรวม ผู้มีจิตสัมผัส ที่เห็นใด้ ชัดเจน คือ เพื่อนในเว็ปพลังจิต ห้องภัยพิบัติ และ...
    จากนั้น ผมถูกนำ ไป ชั้น ห้องที่ ติดต่อ ทางจิต ด้วย ภาษา...ในการ ติดต่อ สื่อสาร ดาวดวงอื่นๆ


    ภาพ ๓-๔ ภาพที่ถ่าย บนท้องฟ้า ที่ทำงาน เวลา ๑๘.๐๐ น.
    ภาพ ๕ เพื่อนทางเว็ปพลังจิต ซูม และ วงกลมใว้ให้ เห็น
    ภาพ ๖ หิน ที่ชายหาด บ้านปาก -วีป
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2014

แชร์หน้านี้

Loading...