อาการแบบนี้คืออะไร อันตรายหรือเปล่าคะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย nongnewinbkk, 21 พฤษภาคม 2014.

  1. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239
    ขอบพระคุณพี่ืnopphakhan and K.yooyut เป็นอย่างคะ ที่มาให้ความรู้คะ

    ปัจจุบัน น้องนิวก็ฝึกถ่ายเทพลังงาน ฝึกทำสมาธิ ไปเรื่อยๆคะ เวลาทำสมาธิ เพื่อลดปัญการการปวดเข่า น้องนิวจะใช้วิธีนั่งกับพื่นสูง ยกตัว เพื่อนหย่อนเท้าลงติดกับระดับพื้นพอดี หลังตั้งตรง ไม่ได้พิงกับพนังใดๆ แต่พักนี้ นั่งได้ไม่นานนัก ก็มักจะเคลิ้มๆ ก็เลยเอนกายลงนอนภาวนาแทน ปรากฏว่าหลับไปตอนใหนก็ไม่ทราบคะ หลับง่ายจริงๆ

    แต่กระแสพลังงานนี่ก็แรงจริงๆคะ เท้ากระตุกจากพื้นอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่ได้เป็นอะไรต่อร่างกายของน้องนิวหรอกคะ รู้สึกเฉยๆ และชินกับทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นแล้วคะ และก็เพราะทำตามวิธีที่แนะนำในการถ่ายพลังงานตลอดคะ อันนี้เอามาเล่าให้พี่ๆฟังเฉยๆคะ เพราะช่วงนี้ไม่มีเรื่องเล่า อิอิ :VO
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    อือ..โดยรวมแล้วไม่มีอะไรหรอก..ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป..
    แล้วแต่จริตและแนวทางการปฏิบัติเฉพาะตน..
    ขอไม่ลืมปลายทางและเส้นทางหลักๆก็ใช้ได้แล้ว
    ..;)
     
  3. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154
    เรื่องหลักการเดินธาตุ เป็นเรื่องที่ฝึกได้ช้าถึงช้ามาก เต็มไปด้วยความฝืด (ช้าๆแต่แน่นอน) ที่นำมาให้อ่าน ประสงค์ให้อ่านไว้ เป็นการ รู้ไว้ใช้ว่า แล้วกันนะ ไม่ได้เป็นการแนะนำ

    ส่วนการฝึกขั้นสูง จะเชื่อมต่อไปยังการควบคุมพลังจักรวาล จะประกอบไปด้วยเรื่องของวิชาการเดินธาตุ ทั้ง 7 ธาตุ (มีเพิ่มเติมจากเดิม อีก 3 ธาตุ) คือธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ อากาศธาตุ วิญญาณธาตุ และจิตธาตุ ซึ่งเป็นเรื่องยุ่งยาก ซับซ้อน ซ่อนเงื่อนอย่างยิ่ง ยอมรับกับตัวเองว่า ผู้ที่ฝึกได้ถึงขั้นนี้ หาตัวจับได้ยากจริงๆ

    สำหรับน้องนิว หากแน่ใจว่าจักระได้เปิดออกแล้ว ก็เห็นจะไม่ต้องทำอะไรมาก แค่รู้จักการรับพลังเข้า ถ่ายพลังออก เพื่อบรรเทาอาการไม่สบายในเบื้องต้นก็พอ เนื่องจากโดยทั่วไปจักระของคนเราก็จะหมุนอยู่ตลอดเวลาเป็นไปตามธรรมชาติอยู่แล้ว ในเบื้องต้นแค่เอาความรู้สึกไปตั้งไว้ที่จักระเพื่อรับรู้ถึงการหมุนแค่นั้นก็พอ จะหมุนช้าหรือหมุนเร็วก็ขอให้ปล่อยให้เป็นไปตามเรื่องตามราวในขณะนั้น รับรู้ในการหมุนแล้วก็จะได้เกิดเป็นกำลังของสติได้ต่อไป (ได้ฝึกกรรมฐานในเรื่องของสติไปด้วยเลย)

    แต่หากเป็นการฝึกในแนวทางของอิทธิวิธี อย่างเช่นของกระผม นาย ยอยุทธ และพวกพ้อง สิ่งที่จะต้องทำ คือ จะต้องทำการควบคุมการหมุนของจักระให้ได้ตามประสงค์ จะหมุนช้า หมุนเร็ว หมุนด้วยความถี่สูง หมุนด้วยความถี่ต่ำ หมุนเป็นงวงช้างหรือหมุนเป็นกังหัน หรืออื่นๆ เหล่านี้ต้องควบคุมให้ได้ดังใจ ถึงจะเรียกว่า “ใช้ได้” เช่นเดียวกันกับการฝึกกสิณ ที่จะต้องควบคุม บังคับนิมิต จะย่อ จะขยาย จะบีบอัด จะแผ่ออก ต้องทำให้ได้ดังใจปรารถนา หลักการเป็นเช่นเดียวกัน

    อย่างนี้ จะเป็นการฝึกคนละรูปแบบกัน แตกต่างจากของน้องนิว แต่หากจะสนใจเพิ่มเติมในเรื่องการควบคุมจักระก็ไม่เป็นไร แต่เนื่องจาก ตอนนี้ น้องหนู ยังอยู่ในขั้น บริกรรมนิมิต อยู่เลย เอาไว้ให้คล่องในขั้น อุคคหนิมิต กับ ปฏิภาคนิมิต แล้ว ค่อยมาคุยกันเรื่องการควบคุมจักระกับคนความรู้น้อย อย่างนาย ยอยุทธ กันอีกที ในโอกาสต่อไปนะจ๊ะ

    ปล.ขอขอบคุณ น้องนิวมาก ที่ได้ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา ทำให้ผู้ที่มีความรู้น้อย อย่างนาย ยอยุทธ ได้รับความรู้เพิ่มเติมขึ้นอีกมาก จากท่านสมาชิกผู้มีความรู้ ความชำนาญอย่างยิ่ง ที่ได้ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาให้คำแนะนำ ให้ความเห็นกับเรื่องของน้องนิว และยังได้เผื่อแผ่อานิสงค์มาถึงกระผม นาย ยอยุทธ ให้ได้เพิ่มพูนความรู้เพิ่มเติมไปด้วย ก็ขอขอบคุณท่านสมาชิกทุกท่านเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ให้ความอนุเคราะห์ เมตตา กรุณา กับผู้ที่มีความรู้น้อย ด้อยปัญญา อย่างกระผม นาย ยอยุทธ มา ณ ที่นี้ด้วย
     
  4. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239
    เวลาที่น้องนิว นั่งทำงาน นั่งทำงานเงียบๆ ก็รู้สึกว่า จักระจุดท้องน้อยหมุน จุดสะดือ และจุดช่อง อก หมุนพร้อมๆกัน หมุนช้าๆ เหมือนพัดลม จนรู้ว่า เหมือนท้องเราขยับได้ คือรู้สักเหมือนว่า ผัวหนังทั้ง 3จุด หมุนได้เอง อิอิ ก็แค่กำหนดรู้เฉยๆ ก็นั่งทำงานไปตามปกติ ส่วนบริเวณหน้าผาก รู้สึกชัด แต่จะไม่ตึง ไม่ปวด รู้สึกหมุน แต่รู้สึกแบบสบายๆ ก็จะคอยสังเกตุต่อไปคะ เพราะทุกอย่างโอเคมากคะ สบายๆ ไม่ปวด ไม่รำคาญ แต่เหมือนได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรเจาะกระโหลก หรือกระดูก แกร๊กๆๆ เหมือนจะเจาะออกมาจากหน้าผาก เหมือนจะดันออกมา แต่ก็ดันออกมาไม่ได้ เพราะมันหนืดๆคะcatt3
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    :z7:z16 เข้าสู่โหมดบันเทิงแล้ว..wel lcome_
     
  6. tOR™

    tOR™ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    145
    ค่าพลัง:
    +328
    1.ให้มันหยุดหมุน
    2.หยุดหมุนแล้วเลื่อนไปตั้งฐานที่อื่นในร่างกายบ้าง
    3.หลังจากหยุดหมุนแล้วทำให้หายไปแล้ว ถ้าไม่ตั้งใจเรียกนิมิตก็ไม่ปรากฏ คือทำให้มันหายไป กำหนดจิตให้ปรากฏก็จะปรากฏขึ้นมาได้

    **หมายเหตุ : จะไม่ทำตามที่ผมบอกก็ได้นะครับ แต่ก็ต้องยอมเสียเวลาอีกนานเลย

    หลังจากทำได้แล้ว ต้องการเจริญกรรมฐานสมาธิอะไรก็ทำต่อไปได้ครับ ตามอัธยาศัย มีเท่านี้นะครับ อย่าไปต่อความครับ ผมบอกจริงๆนะครับ สงสารคนอ่านเถอะครับ แล้วคุณนิวก็เมตตาคนเขียนเรียงความบ้างนะครับ มันจะหลงไปกันใหญ่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2014
  7. tOR™

    tOR™ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    145
    ค่าพลัง:
    +328
    เพราะน้องนิวยังหมุน อยู่ดี ๆ ก็โผล่มาทั้งที่ไม่ได้ตั้งตัวมันก็มาหมุนอยู่ นั่นแหละครับ ถึงได้มาโพสต์อยู่ตอนนี้ สาเหตุหลัก

    หากทำให้หยุดหมุน หยุดปรากฏได้ ปรากฏเมื่อเรียกออกมาใช้งานได้ ตอนนั้นแหละครับ นอกจากจะเลิกถามเรื่องนี้ก็จะได้เห็นว่าความฟุ้งซ่าน เพ้อเจ้อมันเต็มไปหมด ฟันธง
    สำหรับข้อความฟุ้งซ่าน น้องนิวจะเห็นทันทีครับ ถึงตอนนั้นมาเล่าบ้างนะครับ เพื่อเอาบุญทั้งคนเขียนเรียงความและคนอ่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2014
  8. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239
    ;ปรบมือ;ปรบมือchearr
     
  9. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239

    (deejai)แฮๆๆ ก็เพราะทำตามคำแนะนำ ก็เลยสบายตัว อิอิ

    เมื่อคืนนึกอย่างไรไม่รู้ อยากจ้องเทียน เลยจุดเทียนขึ้นมานั่งเพ่ง

    ปรากฏว่า พอหลับตา ก็เห็นดวงไฟ ทรงคล้ายๆเปลวเทียนนั้นแหละคะ แต่เป็นสีส้ม ปรากฏอยู่นานเหมือนกัน พอลืมตา มองไปที่ฝาผนังห้องสีขาว ก็ยังปรากฏเห็นอยู่อีก แต่จางๆ อิอิ

    ชอบหาไรทำไปเรื่อย555 แต่คือไร ถูกหรือไม่ ควรหรือไม่ก็ไม่รู้
     
  10. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    อูยๆๆๆ..การเล่นอยู่ในระดับเพื่อการเรียนรู้..แฝงความบันเทิง
    และที่เห็นยังไม่อยู่ในระดับที่เป็นอันตรายใดๆกับร่างกาย..
    ไม่มีปัญหาใดๆ..แต่ถ้าสนใจว่า ว่าหลังจากมองตรงนั้นแล้ว
    จะให้ภาพคงค้างได้นานขึ้นอย่างไร หรือว่าลักษณะมันเป็น
    อย่างไร หรือจะมีอะไรบ้างในระหว่างนั้น.
    หรือว่าต่อไปมันจะเป็นอย่างไร
    เอาไว้..ว่างๆหลังจากไม่มีอะไรทำ
    แล้วค่อยมาเล่าให้ฟังทีหลังได้
    ถ้านึกสนใจนะ ช่วงนี้ทำอย่างอื่นไปก่อน ๕๕๕..
    :z17
     
  11. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239
    แต่แค่ลองทำเล่นๆนะคะ อิอิ

    ที่บอกว่าทำเล่นๆ ก็เหตุมาจากเกิดความสนใจด้วยแหละคะ แต่เนื่องจากไม่ได้มีข้อมูล หรือมีผู้รู้คอยแนะนำ ก็เลยใช้คำว่าทำเล่นๆคะ คงพูดถูกใช่ไหมคะ อิอิอิ

    ตอนเย็นๆไกล้ค่ำ มองเห็นดวงอาทิตย์สวยเหลือเกิน อดไม่ได้ที่จะมอง ก็ไปเพ่งดวงอาทิตย์ซะงั้น มันสวยมาก ทราบนะคะว่าอันตราย แต่แค่แสงแดดอ่อนๆ ไม่แสบตาเลย เพ่งแล้วสวยดี ชอบคะ ดวงอาทิตย์เป็นลูกไฟกลมๆเต้นได้ ตุบๆๆๆๆ สวยจริงๆคะ พอหลับตา ก็เห็นเป็นวงกลมสีส้ม อันนี้ก็แค่เล่นๆเช่นกันคะ ถ้าแสงแดดแรงๆ ก็อันตรายมากเลยนะ โชคดีที่เห็นตอนเย็นๆ เพ่งแล้ว กลมสวยดีคะ อิอิ แค่มาบอกเฉยๆจร้า
     
  12. ตุ้มโฮม

    ตุ้มโฮม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2012
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +497
    ผมชอบดูดวงอาทิตย์ยามเช้า หรือตอนเย็นๆ ดูแล้วสบายใจ โปร่งใจอย่างบอกไม่ถูก แม้แต่กลางวันตอนแดดจ้าก็สามารถดูได้ (ห้ามทำตามนะ)

    เมื่อมองดูดวงอาทิตย์ ตาจะโฟกัสเข้าไปข้างในดวงอาทิตย์ อธิบายยาก บอกได้เพียงว่า เมื่อตาโพกัสไปข้างใน แสงจ้าๆจะหายไป จะเห็นเพียงดวงอาทิตย์แสงนวลนวลๆ น่าดู น่าเพ่ง ยิ่งนัก อาจเป็นของเดิมที่เคยทำมา จึงรักและหลงไหลในดวงอาทิตย์ยิ่งนัก แต่ไม่แนะให้ใครทำตาม เพราะอาจจะเป็นอันตรายต่อสายตาได้ ..

    ปัจจุบันก็อายุมากแล้วใกล้จะห้าสิบ อ่านหนังสือได้ โดยไม่ต้องใส่แว่นแต่อย่างใด แอบอ่านของหนูนิวมานานแล้ว ขอแจมนิดหน่อย..
     
  13. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239

    ใช่แล้วคะ คุณตุ้มโฮม มันสวย และ สบายตาจริงๆคะ

    เมื่อเพ่งเข้าไป มันไม่แสบตา แต่จะเห็นว่า มันเป็นวงกลม ที่สวยมาก อธิบายไม่ถูก

    ตอนที่เพ่ง แสงแดดของดวงอาทิตย์ตอนนั้น น่าจะ บ่าย3โมงเกือบ4โมงเย็นแล้วคะ

    แต่ก็ไม่แนะนำให้ท่านอื่นไปเพ่ง อย่างที่คุณตุ้มโฮมบอก เพราะมันอันตรายต่อตา อาจตาบอดได้นะจร้า อิอิ
     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    อ๊า!! ไหนๆก็ไหน.เล่าให้ฟังซะหน่อย..การมองพระอาทิตย์ตอนที่แสงไม่แรง
    แต่ที่ได้บอกไปแล้วว่าไม่ควร..การมองหลอดไฟกลมสีขาวพวกหลอดประหยัดไฟ
    และการมองเปลวไฟส่วนที่นิ่งนะ.ในระดับอุคคหนิมิตรของมันเริ่มต้นจะมีความ
    คล้ายคลึงกัน.และพอมีข้อดีอย่างหนึ่ง.สามารถใช้ตรวจสอบระดับ
    อารมย์สมาธิได้.จะเล่าหลักสังเกตุให้จนถึงการเข้าสู่ระดับฌานที่ ๑
    .ตรวจสอบอย่างไรหรือ...และขอทำความเข้าใจก่อนว่า
    พอมองแล้วให้ละสายตาแล้วหลับตานะครับ.
    หรือละสายตาจากสิ่งที่มองแล้วลืมตา
    และที่เล่าเป็นกรณีที่ไม่จำต้องมีพื้นฐานอะไรก็ฝึกได้..
    และแล้วแต่ความชอบ
    .

    กรณีที่ ๑ ถ้าเรามอง ทั้ง ๓ สิ่งแบบผ่านๆแล้วหลับตา อุคคนิมิตรที่เกิดเริ่มต้นนะ.
    มันจะคล้ายๆกัน.และถ้าสังเกตุดีๆมันจะ
    มีอยู่ ๓ สี ตรงกลางเนื้อสีมากสุดและก็มีขอบอีก ๒ สี ถ้ามองเปลวไฟอาจมี
    แค่ ๒ สี.ภาพจะสามารถเคลื่อนย้ายตำแหน่งได้
    อารมย์นี้ก็คือระดับขนิกสมาธิ.ซึ่งการตามภาพทำได้ยากและเหนื่อย
    ส่วนการทำให้ภาพขึ้นมากรณีที่ภาพหายไปไม่ยากก็เพียงแต่เอาสติ
    มาตามลมหายใจประมาณ ๓ ถึง ๔ ครั้งภาพก็จะขึ้นมาได้.
    .แต่ไม่แนะนำเพราะพัฒนาต่อได้ยาก..พูดง่ายๆเสียเวลาและเหนื่อยกว่าจะพัฒนาได้

    กรณีที่ ๒ เป็นการมองจนกระทั่งเห็นไส้หลอดไฟใส
    หรือเห็นข้างในใส.พอละสายตาถ้าหลับตานะ
    ภาพอุคคนิมิตรจะนิ่งได้.แต่ยังไม่สามารถบังคับได้.แต่ว่า
    อารมย์จิตจะมีโอกาสที่จะเข้าอุปจารสมาธิได้ทันทีหากหลับตา
    คือจะมีพวกเม็ดสีเล็กๆขนาดเท่าหัวเข็มหมุดปรากฏอยุ่รอบๆ
    แบบไกลๆแบบห่างๆ.แต่ถ้าลืมตาจะต้องรอซักพักหลักสังเกตุ
    ก็คือมีแสงแว๊ปๆขนาดประมาณหัวไม้ขีดเริ่มปรากฏแต่ความ
    สว่างตรงนี้จะมากกว่าตอนที่หลับตา.คือจิตเริ่มเป็นทิพยชัวคราวนั้นเอง
    และไม่ว่าหลับตาหรือลืมตา..พอจะเข้าอุปจารสมาธิ
    มันจะมีนิมิตรมาหลอกเราได้.นิมิตรพวกนี้จะเหมือนๆนิมิตรแรกที่เรากำลังดูอยู่
    มันน่าสนใจกว่าและนิมิตรหลอกมันมักจะสว่างกว่า สวยกว่านิมิตรที่เราเห็นครั้งแรก
    หรือถ้าเราเริ่มทำได้บ่อยๆ บางทีนิมิตรนี้มันจะขึ้นมาหลอกพร้อมกันหลายๆภาพ
    เลยทีเดียว..ลองสังเกตุดู.

    .ตรงนี้ต้องระวังถ้าเผลอตาม.อนาคต
    คงมีรายชือผู้ป่วยของโรงพยาบาลโรคจิต ตัวใครตัวมันแล้วกัน ๕๕๕๕
    ที่นี้การพัฒนาถึงขั้นตรวจสอบว่าถึงระดับกำลังฌานที่ ๑

    การเริ่มต้นเหมือนกันคือให้มองจนเห็นข้างในใสก่อนแล้วละสายตา
    และเอาไว้กรณีเบื่อๆไม่มีมีไรอยากลองทำดูบ้าง
    ส่วนอยากจะพัฒนาจนถึงขั้นสร้างกำลังจิตค่อยว่ากันภายหลัง
    กรณีหลับตา
    .เนื้อสีตรงกลางที่มากของนิมิตรจะเริ่มน้อยลงๆเรื่อยๆจนกลืนเข้าไป
    กับสีของขอบ.จะเข้าถึงระดับฌานหนึ่งก็ต่อเมื่อนิมิตรตัวนี้กลาย
    เป็นสีของขอบนอกสุดและจะเหลือแค่เพียงสีเดียว.ในขณะที่สีกำลังเพิ่มลดอยู่นั้น
    บริเวณภายนอกนิมิตรจะเริ่มมีแสงอ่อนๆให้เราเริ่มได้เห็นได้และจะหายไปถ้า
    นิมิตรนี้เริ่มมีสีเดียวและอารมย์นี้ถือว่าเป็นระดับฌานที่ ๑

    ส่วนกรณีลืมตา
    ..นิมิตรก็นิ่งและสีก็จะเริ่มเปลี่ยนสีของขอบและสีเป็นสีเดียวกัน
    แต่ว่าการเห็นแสงวงกลมสว่างๆแว๊ปจะน้อยลง..ถ้ามีจริตโน้มไปทางกสิณไฟมาก่อน
    จะมีควันมาจากทางด้านซ้ายและขวาของตัวเองเข้ามาที่ตัวเราพร้อมๆกัน.
    อย่าตกใจคิดว่าเป็นไฟไหม้ ๕๕๕.

    ถ้าจริตน้อมไปทางกสิณแสงสว่างจะปรากฏแสงสว่างรอบตัวเราเช่นกัน.
    ระดับนี้คือระดับกำลังสมาธิฌานที่ ๑ ทั้งสองอารมย์ที่จะพิเศษก็คือ
    ยังสามารถพอมีความคิดได้แต่ยังไม่หลุดจากอารมย์ตรงนี้....
    เอาแค่นี้ก่อนแล้ว..พอเรียกน้ำจิ้ม.ตราพันท้ายนรสิงค์ .

    ปล.ไม่ได้สอนนะเล่าให้ฟังเฉยๆ.เล่าให้ฟังก่อนที่จะถาม ๕๕๕๕
     
  15. ธรรมมนุษย์

    ธรรมมนุษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +1,908
    ถ้าเริ่มต้นด้วย อานาปานสติดูลมหายใจ แล้วมีอาการคล้ายดังที่กล่าว แล้วปรากฏนิมิตรแสงสว่าง จะจัดเป็นอานาปานสติ หรือกสินแสงสว่างครับ
     
  16. ตุ้มโฮม

    ตุ้มโฮม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2012
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +497
    ดูพระอาทิตย์เพื่อความสบายใจ เท่านั้นครับ คงจะไม่ไปต่อยอดอะไร(ต่อยอดยาก ไม่อยากเสี่ยง) คล้ายๆมองทิวทัศน์ที่สวยงาม อะไรทำนองนั้น เป็นการผ่อนคลายจิตใจ

    ที่ตรงที่สุดที่ชอบทำ คือการเจริญสติ สร้างความรู้สึกตัวในทุกอิริยาบท ยืน เดิน นั่ง นอน ฯลฯ และเห็นการเกิดดับของจิตที่กระทบแต่ละทวาร(เห็นบ้าง ไม่เห็นบ้าง หรือนานๆเห็นทีก็ตาม) ปัญหาก็อยู่ที่ ยังหลงบ้าง เผลอบ้าง ยังดับๆติดๆ.. ทำสลับกับการจับภาพพระ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นคนละแนว แต่สามารถทำร่วมกันได้ สลับไปมา แล้วแต่จิตเขาจะชอบอย่างไรในขณะนั้น ก็ตามใจมัน ..ไม่แน่ใจว่าใครทำเหมือนผมบ้าง เพราะทำแปลกๆชาวบ้านเขา 5555

    คืบหน้าไปบ้าง หยุดบ้าง นิ่งบ้าง บางทีก็เหมือนว่าเส้นทางไม่ไกลแล้ว บางทีก็เป็นเด็กหัดใหม่..จิตใจคนเรามันสาระพัด ขึ้นๆลงๆ ..ก็ไม่เป็นไร อย่าไปกังวล ทำไปเรื่อยๆ ดีก็ช่าง ไม่ดีก็ช่าง ช่างจิตมัน.. ให้ดูที่กิเลสของเรา ค่อยๆลดลงหรือไม่ อัตตาตัวตน ค่อยๆหายไปทีละเล็กทีละน้อย หรือไม่ การปล่อยวางต่างๆ ค่อยๆลดค่อยๆปล่อยหรือไม่ ถ้าพัฒนามาเป็นลำดับอย่างนี้ ก็คงถูกทางแล้ว จะช้าบ้างเร็วบ้างก็ช่างมันเถอะ เพราะภูมิธรรม และบุญบารมีที่สะสมมาของแต่ละคน ย่อมไม่เท่ากัน ..(บ่นกับตัวเอง ครับ)

    ..และขอโมทนาสาธุ ท่านผู้ใจบุญ ที่เสียสละเวลาตอบคำถามต่างๆในหลายๆกระทู้ ด้วยความอุตสาหะพยายาม บุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ท่านสำเร็จสมหวัง ตามที่ท่านตั้งความปราถนาไว้ทุกประการเทอด สาธุๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2014
  17. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239
    เวลาทำสมาธิ น้องนิวลองเอาจิตไปจับอยู่ที่ตรงกลางอก ตามที่พี่นพบอก

    ให้มันหมุนๆอยู่ตรงนั้น ปรากฎว่า นิ่ง สงบ ง่ายขึ้นคะ

    ขยันก็เลยทำสมาธิก่อนนอน พอจะนอนก็ภาวนาไปจนหลับ ตื่นมาตอนตี3 ก็มาสวดมนต์สักหน่อย ก็นั่งสมาธิต่อ

    นั่งตอนตี3 นี่รู้สึก สงบ นิ่งง่ายมากเลย สงสัยจะได้ตื่นตอนตี3ทุกวันแล้วกระมั้งคะ อิอิ
     
  18. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +3,152
    ข้าพเจ้าขออนุโมทนาทุกท่านครับ และคุณ nopphakan ด้วยครับที่มาให้ความรู้เรื่องจักระอย่างมากมาย
    ข้าพเจ้าเองก็เคยเจอคนที่ใช้วิชาในแนวนี้รักษาคนป่วยอยู่ (ไม่แน่ใจว่าจะใช่จักระหรือไม่) เขาจะใช้มือลูบไปตามเนื้อตัวของผู้ป่วยตรงบริเวณที่เขาพบว่ามีอาการป่วยอยู่ ผู้รับการรักษาก็จะมีอาการเจ็บปวดทรมานด้วยในระหว่างที่อาจารย์ท่านนี้ใช้มือลูบไปมาตรงบริเวณนั้น และจะมีรอยฟกช้ำเป็นรูปมือปรากฏตรงบริเวณที่ทำการรักษาด้วย และอาจารย์ท่านนี้ยังสามารถรู้ด้วยว่า ผู้ที่มารับการรักษานั้นมีอาการป่วยด้วยโรคอะไรบ้าง เคยมีคนที่มาตรวจหาอาการโรคแต่ยังไม่รักษา พออาจารย์ท่านนั้นบอกว่าเป็นมะเร็งตับ เขาไม่เชื่อ จึงไปทำการตรวจที่โรงพยาบาล หมอตรวจเอ็กซเรย์และเลือดถึงสองครั้ง จึงพบว่าเขาผู้นั้นเป็นมะเร็งตับจริงๆ เขาจึงมารับการรักษากับอาจารย์ท่านนั้น
    และอีกอย่างคือ เขาสามารถรู้เวลาตายของผู้อื่นด้วย เช่นมีครั้งหนึ่งที่เพื่อนพระของข้าพเจ้าท่านหนึ่งมีบางอย่างมาเตือนว่าท่านจะต้องตายตอนไหน ด้วยโรคอะไร (ซึ่งข้าพเจ้าเองเป็นผู้รู้ด้วยเช่นกัน) เมื่อไปถึงที่นั่น อาจารย์ท่านนั้นก็ทราบเช่นกันและได้พูดกล่าวเตือนไว้ และเมื่อต่อมาด้วยบุญฤทธิ์ของท่านช่วยไว้ ก็มีบางอย่างมาบอกอีกเช่นกัน ว่าท่านรอดแล้ว และเมื่อไปหาอาจารย์ท่านนั้น ท่านก็ทราบอีกเช่นกันและบอกว่า ท่านรอดแล้วนะไม่เป็นอะไรแล้ว อาจารย์ท่านนั้นเคยบอกว่าท่านได้วิชาเหล่านี้มาจากฤาษีบนเขาตอนที่ท่านไปปฏิบัตินั่งสมาธิที่นั่น

    ส่วนเรื่องกสิณไฟนั้น ข้าพเจ้าอยากแนะนำว่าถ้าจะฝึกอยากให้อยู่ในการดูแลของอาจารย์จะดีกว่า เรื่องกสิณไฟนั้น จะเอาเพียงฤทธิ์ด้านทิพยจักขุเพียงอย่างเดียวก็ได้ หรือเอาฤทธิ์ด้านไฟด้วยก็ได้ ข้าพเจ้าเคยมีเพื่อนพระท่านหนึ่ง เวลาท่านนั่งสมาธิท่านมักจะเห็นแสงดวงกลมๆ ข้าพเจ้าจึงแนะนำด้านกสิณแสง ท่านก็ปฏิบัติจนก้าวหน้าไปเรื่อยๆและอย่างรวดเร็ว จนท่านได้ทิพยจักขุญาณ แล้วด้วยความสงสัยว่าท่านฝึกกสิณแสงมาได้อย่างไรในอดีตชาติ ท่านจึงได้เข้าไปตรวจดู ก็พบว่าท่านในอดีตชาติเคยบวชเป็นพระและฝึกกสิณแสงโดยมองพระอาทิตย์

    การฝึกกสิณไฟ ถ้าเพ่งจากเทียนหรือกองไฟโดยไม่ได้ทำตามแบบหลักพุทธศาสนา ถือว่าเป็นการปฏิบัติแบบฤาษี ซึ่งจะมีความอันตรายมาก. ซึ่งข้าพเจ้าก็เคยฝึกโดยการเพ่งจากเทียนมาก่อน แล้วต่อมาพอเริ่มได้นิมิต ข้าพเจ้าจึงใช้ต่อยอดจากนิมิตเพียงอย่างเดียว (รวมถึงธาตุอื่นๆด้วย)

    อีกอย่างการสังเกตง่ายๆเมื่อมีธาตุไฟมากเกินไป จะมีอาการคือ ร่างกายจะร้อนมาก อาจจะเป็นไข้ตัวร้อนสูงได้ และร่างกายจะขับน้ำออกมามาก โดยเฉพาะเหงื่อ จะออกมากเหมือนเล่นกีฬามาหนักๆ

    วิธีถ่ายความร้อนออกจากร่างกาย ถ้ายังถ่ายพลังแบบจักระไม่เป็น ข้าพเจ้าขอแนะนำ คือ ให้เอาน้ำใส่กะละมัง แล้วเอาเท้าแช่ลงไป ถ้าน้ำอุ่นแล้วให้เทน้ำทิ้งแล้วใส่น้ำใหม่ ทำอย่างนี้จนกว่าน้ำจะเป็นอุณหภูมิปกติ
    ส่วนข้าพเจ้าแล้วใช้การกำหนดนิมิตปรับสมดุลธาตุเอา
    เอาเท่านี้พอเน้อ

    สุดท้ายนี้ขออย่าได้เชื่อถือหรือยึดมั่นในสิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปเลย

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2014
  19. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ส่วนตัวมองว่า แนวการปฏิบัติและระบบความคิดด้านการปฏิบัติของ คุณ ตุ้มโฮม
    มาถูกทางแล้วหละครับ.ไม่น่ามีปัญหาอะไรครับ..
    ส่วนของ คุณ ธรรมมนุษย์ ใน
    ความหมายอาปาฯ ส่วนตัวก็คือ ระบบหายใจ ๓ ฐานครับ.ซึ่งเป็นระบบหายใจ
    พื้นฐานของกรรมฐานทุกๆกอง.และควรปรับให้เป็นระบบหายใจปกติของเราครับ.
    ให้ลองตรวจการเต้นของหัวใจเราดูนะ ถ้าต่ำกว่า ๕๐ ครั้งต่อนาทีถือว่าอยู่ใน
    เกณฑ์ปกติที่จะฝึกกรรมฐานได้ทุกกอง..ถ้าจะถามว่าเริ่มด้วยอาปาฯหรือเปล่า
    น่าจะเป็นถ้าเริ่มด้วยกรรมฐานกองนี้กองนั้นแล้วปรากฏเป็นแสงสว่างนะ.น่าจะ
    ประมาณนี้เนาะ..
    .ถ้าขึ้นต้นด้วยกรรมฐานดังต่อไปนี้ สามารถเกิดแสงสว่างได้หมด
    คือ กสิณพระ กสิณแสงสว่าง กสิณไฟ แบบลืมตาและหลับตา
    รวมทั้งมองพระอาทิตยตอนไม่แรง(แต่อย่างว่ามิควรต่อยอดอย่างที่รู้ๆกัน)
    วิชาเดินธาตุแบบลืมตาและหลับตา
    ไม่ว่าเดินธาตุแบบในดงหรือวิชาเดินธาตุโบราณ และแม้จะหาย
    ใจ ๓ ฐานแล้วภาวนาดูลมหายใจไปเรื่อยก็เช่นกัน...หรือ มาทางจักระแล้วกำหนด
    ให้มาอยู่ตรงหน้าอก(ตรงนี้ต่อยอดไปวิญญานธาตุได้หรือต่อยอด
    ไปอรูปฌานได้) หรือ กำหนดลงมาตรงจุด
    เหนือสะดือก็เป็นการเข้าสมาธิที่จะไประดับสูงได้เช่นกัน..ส่วนการที่
    น้องนิว มาจับตรงกลางหน้าอก
    ข้อดีก็คือ มุมในการมองมันจะขยายกว้างมากกว่า
    การมองผ่านระหว่างคิ้ว. และตรงหน้าอกนอกจากการพัฒนาต่อยอด
    จะยังใช้ตรวจสอบเมตตาในจิตของเราได้ด้วย
    ซึ่งกว่าโดยรวมแล้วถือว่าประโยชน์ในการใช้ตรวจสอบตัวเองได้ดี
    และมีปฏิบัติโยชน์ในการไต่ระดับไปกำลังสมาธิ
    ระดับสูงในอนาคตได้ดีกว่า..ซึ่งแล้วแต่เหตุและปัจจัย ก็ว่ากันไป

    ปล.ประมาณนี้หละ...ทั่วๆไปนะครับ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2014
  20. ธรรมมนุษย์

    ธรรมมนุษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +1,908
    5555 พูดเหมือนตาเห็นเลย วันนี้ผมเข้าสมาธิแปลกๆ ติดที่ลมหายใจนั้นแหล่ะ ปรับลมไม่ได้สักที ไม่เหมือนทุกครั้ง พอดีมีนิมิตหลวงปู่องค์หนึ่งเข้ามาทั้งรูปทั้งเสียงท่านบอกว่า "หลงทางแล้ว ไม่ได้นะ ต้องกำหนดพุทโธสิ" อิอิ เลยมีสติขึ้นมาหน่อย อิอิ โดนไม้เรียวสะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2014

แชร์หน้านี้

Loading...