พระจักรพรรดิปรากฏตัวตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับตัวประหลาด

พระจักรพรรดิจะปรากฏในกึ่งกลางศาสนาของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เพื่อจรรโลงศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นๆให้ถูกต้องและยืนยาว
พระจักรพรรดิคือพระโพธิสัตว์พระองค์หนึ่งที่ปรารถนาจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต

 

การมาของพระจักรพรรดิคงต้องรอให้ภัยพิบัติให้เกิดก่อน
ดังคำพยากรณ์ของพระพุทธเจ้าโคตมะ
อานันทะ ดูก่อนอานนท์ หลังกึ่งพุทธกาล  จะมีความร้ายแรงมากกว่าก่อนกึ่งพุทธกาลมาก ยักษ์นอกพุทธศาสนาจะรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน ต่างฝ่ายจะล้มตายกันฝ่ายละมาก ๆ สมณะ ซี พราหมณ์ จะล้มตาย จะตายไปฝ่ายละครึ่งจึงเลิกรากัน สำหรับประเทศที่นับถือพุทธศาสนาจะมีภัยเหมือนกัน แต่ไม่ร้ายแรงนัก

เริ่มแต่พุทธศาสนาล่วงเลย 2,500 ปี เป็นต้นไป  ไฟจะรุกรามมาทางทิศตะวันออก ไหม้วัดวาอาราม สมชีพรามณ์จะอดอยากยากเข็ญ ลูกไฟจะตกจากฟ้าเป็นเพลิงผลาญ เหล็กกล้าจะทะยานจากน้ำ มหาสมุทธจะชอกซ้ำ สงครามจากทั่วทิศศึกจะติดเมือง ข้าวจะขาดแคลนทั่วแคล้นจะอดอยาก ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง พระเสื้อเมือง ทรงเมือง จะหนีเข้าไพร ผู้เป็นใหญ่มีอำนาจ จะเรียกแมลงผีเสื้อเหล็กนับแสนตัว มาปล่อยไข่เป็นไฟผลาญ ยักษ์หินที่ถูกสาบเป็นเวลานาน จะตื่นขึ้นมาอาละวาทโลก ดินฟ้าอากาศจะแปรปรวน ตลิ่งจะพัง แผ่นดินจะถล่มเป็นทะเลโลกมนุษย์จะดิ่งสู่ความหายนะ นักปราชญ์จะถูกทำร้ายให้สิ้นสูญ ในระยะนั้นศาสนาของตถาคตจะเสื่อมลงมาก เพราะพุทธบริษัทไม่ ต้องอยู่ในศีลธรรม เชื่อคำคนโกง กล่าวคำเท็จ ไม่เคารพรักธรรมนิยม คนประจบ สอพลอได้รับความเชื่อถือในสังคม ผู้ที่มีศีลธรรม ประพฤติดี ประพฤติชอบ กลับไม่มีใครเคารพยำเกรง

พระธรรมจะเริ่มเปล่งรัศมีฉายแสงส่องโลกอีกวาระหนึ่งก็ต่อเมื่อ มีธรรมิกราชโพธิญาณบังเกิดขึ้น อยู่ในความอุปถัมภ์ของพระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์ ทั้งสองพระองค์สถิตย์ ณ เบื้องต้นตะวันออกของมัชฌิมประเทศ จะเสด็จมาเสริมสร้างศาสนาของตถาคต ให้รุ่งเรืองสืบไปถึง 5,000 พระวัสสา
ดูก่อนอานนท์ เวลานั้นพลโลกเหลือน้อยมาก คำทำนายของตถาคตนี้ ย่อมยังเวไนยสัตว์ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ผู้ใดรู้แล้วไม่เชื่อ นับว่าเป็นกรรม
ของสัตว์ ที่ต้องสิ้นสุดไปตามกรรมชั่วของตน ผู้ใดปรารถนารอดพ้นจากภัยพิบัติ ให้รักษาศิล 5 ประการ เจริญเมตตาภารนา ประกอบสัมมาอาชีพ มีใจสันโดดรู้จักพอ ไม่โป้ปดคตโกง ไม่หลงมัวเมาอำนาจและลาภยศ ตั้งใจปฏิบัติตน ตามคำสอนของตถาคตให้มั่นคง จึงจะพ้นอันตรายในกึ่งพุทธกาล

 

*.* มือมหาบุรุษ (ผมดูที่นิ้ว) กับข้อมือ กับรอยย่นที่ข้อมือ แต่ อุ้งมือยังไม่อูมเต็มที่ หรือเต็มที่แล้วก็ไม่รู้นะ ต้องดูตามโครงสร้างร่างกาย แต่เชื่อได้ว่าเล็บมือน่าจะแดงเหมือนกัน เพราะมือผมก็แดงแบบท่านและมีเล็บมือสีแดงจึงคิดว่าเล็บมือท่านก็น่าจะแดง มือผมต่างจากท่านตรงที่นิ้วไม่ยาว แต่นิ้วจะเรียว คือโคนโตปลายเล็ก เห็นข้อกระดูกไม่ชัด และมือผมมีรอยย่นที่ข้อมือ

ก็หวังว่าท่านจะเป็นตัวจริงนะครับ ผมจะได้หมดทุกข์เสียที ตามตำราบอกว่าลักษณะมหาบุรุษมี 32 ประการ
และลักษณะพิเศษของมหาบุรุษมี 80

ผมก็พอมีลักษณะของมหาบุรุษและลักษณะพิเศษของมหาบุรุษเหมือนกัน แต่ไม่ครบ
ตามตำราว่าพระจักรพรรดิต้องมีลักษณะของมหาบุรุษครบถ้วน 32 ประการ เหมือนพระพุทธเจ้า ผมอ่านลักษณะของมหาบุรุษดูแล้วก็
อื้มมมม พูดยากแฮะ
แต่ถ้าเอาแค่ลักษณะพิเศษ 80 อย่างน่ะ ผมว่าถ้าเลือก 32 จาก 80 มาก็อาจจะพอหาได้ในโลกปัจจุบัน
แต่หวังว่าจักรพรรดิที่มานี่จะมีลักษณะของมหาบุรุษ 32 ประการ ตรงกับพระพุทธเจ้ามากกว่า จะได้รู้ชัดกันไปเลย เพราะเป็นเอกลักษณ์ดี







ลักษณะพิเศษ 80 ประการของมหาบุรุษ

ลักษณะ 80 ประการต่อไปนี้ จะมีได้ก็เฉพาะอัจฉริยะบุคคลเท่านั้น หากพบเห็นในบุคคลธรรมดา ก็พึงถือว่า ผู้นั้น เป็นคนมีบุญ มีวาสนา มีโชคลาภกว่าคนทั่วไปเถิด ลักษณะดังกล่าวมีอย่างนี้

1. มีนิ้วมือ นิ้วเท้าเรียวยาว เว้นเฉพาะนิ้วหัวแม่มือยาวเท่ากับข้อที่ 1 ของนิ้วชี้
2. นิ้วมือนิ้วเท้ากลมกลึง
3. มีเล็บมือเล็บเท้าสีแดง เล็บซ้อนอยู่บนปลายนิ้วมือไม่คร่อมอย่างคนทั่วไป //บางตำราว่าสีเหลืองงาม
4. คิ้วยาวเรียวไปทางหางตาสม่ำเสมอกัน มีปลายคิ้วโค้งลงไปเล็กน้อย
5. มีข้อมือ ข้อเท้าซ้ายอยู่ในเนื้อมิดสนิท
6. ฝ่าเท้าทั้งสองข้างเท่ากันพอดี
7. เวลาเยื้องกรายไปงามดุจโคอุสุภราช
8. เวลาก้าวเดินครั้งแรก จะเอาเท้าขวาออกก่อนเสมอไป
9. หัวเข่ากลมเกลี้ยงมองไม่เห็นกระดูกล้ำออกมาเลย
10. มีลักษณะท่าทีเป็นสีหราช ไม่มีอิริยาบถอิสตรีแม้แต่น้อย
11. มีหน้าท้องเสมอกันถึงทรวงอก
12. หน้าท้องมีรอยวนขวาขยายกว้างออกไป
13. ขาอ่อนงามดุจท่อนกล้วย
14. ลำแขนดุจวงช้างสาร
15. ศีรษะร่างกายแต่ละส่วน เป็นสัดส่วนคืองามพร้อมกันพอดีไม่มีที่ติ
16. ผิวหนังหนาในที่ควรหนา บางในที่ควรบางทั่วร่างกาย
17. ผิวหนังไม่มีที่หดย่นเลย
18. ทั่วร่างกายไม่มีไฝ ปานด่างดำเลย
19. ทั่วสรรพางค์กายงามพร้อมตั้งแต่เบื้องบนลงมาถึงเบื้องล่าง
20. ทั่วสรรพางค์กายงามบริสุทธิ์หาที่ติมิได้เลย
21. มีกำลังมากดุจกำลังช้างสาร
22. มีจมูกโด่งคมสัน
23. สัณฐานจมูกงดงาม
24. ริมฝีปากสม่ำเสมอ ไม่เหลื่อมล้ำกว่ากัน มีสีแดงดุจสีตำลึงสุก
25. ฟันขาวงามดุจสังข์
26. ฟันขาวงามบริสุทธิ์ดุจสีน้ำค้างไม่มีมลทินเลย
27. ฟันเกลี้ยงไม่มีรอยมลทิน
28. ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ บริสุทธิ์
29. ฟันเขี้ยว 4 ซี่ กลมกลึงบริบูรณ์ดี
30. ดวงหน้าสัญฐานรูปไข่
31. แก้วทั้ง 2 ข้างเปล่งปลั่งเสมอกัน
32. ลายมือมีรอยอันลึกเสมอกัน
33. ลายมือมีรอยอันยาว
34. ลายมือมีรอยอันตรง
35. ลายมือมีรอยสีแดงเสมอกัน
36. รัศมีร่างกายแผ่ออกไปเป็นปริมณฑล
37. กระพุ้งแก้มแต่งตึงเสมอกัน
38. กระบอกตากว้าง และยาวเท่ากันทั้ง 2 ข้าง
39. ดวงตาประกอบด้วยประสาททั้ง 4 แจ่มใสบริสุทธิ์
40. ขนตาเหยียดตรง ไม่งอไม่คด
41. ลิ้นมีสัณฐานอันงาม
42. ลิ้นอ่อนละเมียดละไมงามมีสีแดงเข้ม
43. หูทั้ง 2 ข้างยาวเรียบราบทั้ง 2 ดุจกลีบดอกไม้
44. ช่องหูกลมกลึงงาม
45. ขนหูมีปลายช่อนภายในทั้งสิ้น
46. ขนหูมีเส้นสละสลวย
47. ศีรษะมีสัณฐานงามดุจฉัตรแก้ว บริเวณหน้าผากกว้างเสมอกัน
48. ขอบหน้าผากไม่เว้า เถิกล้านอย่างสามัญชน
49. คิ้วยาวโก่งดุจคันศร
50. ขนคิ้วยาวเรียวล้มราบปางปลายคิ้วทั้งหมด
51. คิ้วใหญ่ดกดำสนิทดี
52. คิ้วยาวสุดหางตา เหมือนกันทั้ง 2 ข้าง
53. ผิวกายละเอียดทั่วสรรพางค์กาย
54. ทั่วสรรพางค์กายมีรัศมีรุ่งโรจน์เสมอ
55. ผิวกายไม่มีมลทินมัวหมองเลย
56. ผิวกายสดชื่นอยู่ตลอดเวลา
57. กลิ่นผิวกายหอมฟุ้งดุจกลิ่นหอมกฤษณา
58. เส้นขนตามร่างกายละเอียดอ่อน
59. ลมหายใจเข้า – ออก เดินสะดวกสม่ำเสมอกัน
60. ปากงามดุจแย้มยิ้ม
61. กลิ่นปากหอมดุจกลิ่นดอกบัว
62. เส้นผมดำสนิทจนออกแสง
63. กลิ่นหอมฟุ้งตลบอบอวล
64. ผมหอมดุจกลิ่นโกมุท
65. เส้นผมกลมสลวยทุกเส้น
66. เส้นผมดำสนิทเสมอกันทุกเส้น
67. เส้นผมทุกเส้นละเอียดนุ่ม
68. เส้นผมเวียนขวาทุกเส้น จนถึงกลางขม่อม


หมายเหตุ ที่ข้อใดกล่าวถึงมือให้หมายถึงมือทั้ง 2 ข้าง กล่าวถึงเท้า จมูก คิ้ว ให้หมายถึงทั้ง 2 อย่าง

รวมเป็น 80 ลักษณะพอดี ด้วยประการฉะนี้แล



ตามที่กล่าวมานี้เป็นลักษณะพิเศษของ “ลักษณะมหาบุรุษ” ยากที่สามัญชนธรรมดาจะมีเสมอเหมือนดังนั้น

พระพุทธจึงเลิศประเสริฐบริสุทธิ์กว่าบุคคลธรรมดาทั่วไป

"มหาบุรุษ ลักษณะ ๓๒ ประการ"

มหาปุริสลักษณะทั้งสามสิบสองอย่างนี้มีอยู่ในพระโพธิสัตว์ทุกองค์ในชาติสุดท้ายคือชาติที่ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ลักษณะเหล่านี้เป็นลักษณะที่บ่งบอกให้รู้ถึงความยิ่งใหญ่ ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสรับรองไว้ว่า[3]


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มหาปุริสลักษณะ 32 ประการนี้ เมื่อมหาบุรุษมีพร้อมแล้วย่อมเป็นเหตุให้มีคติเป็น 2 เท่านั้นไม่เป็นอย่างอื่น คือ ถ้าอยู่ครองเรือนจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์...อนึ่ง ถ้ามหาบุรุษนั้นออกจากเรือนผนวชเป็นบรรพชิต จะตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีเครื่องมุงบังเกิดคือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก


ทั้งนี้ ในคัมภีร์ลลิตวิสตระ ซึ่งเป็นพระพุทธประวัติภาษาสันสกฤตของนิกายสรวาสติวาส ได้บรรยายถึงมหาปุริสลักษณะในภาษาสันสกฤตไว้อย่างละเอียด ดังนี้

อุษฺณีษศีรฺษะ พระเศียรรูปเหมือนโพกผ้า หรือเหมือนสวมมกุฎ (เมาลี) คือพระเศียรสูง
ภินฺนาญฺชนมยูรกลาปาภินีลวลฺลิตปฺรทกฺษิณาวรฺตเกศะ พระเกศา แยกเส้นกันสีเขียวเข้มเหมือนสียาป้ายขอบตาหรือสีดอกอัญชัน หรือสีโคนหางนกยูง ขมวดเวียนขวา
สมวิปุลลลาฏะ พระนลาฏ (หน้าผาก) กว้างเรียบ
อูรฺณาภฺรุโวมเธฺยชาตาหิมรชตปฺรกาศา ขนอ่อนเกิดที่หว่างคิ้ว (อุณาโลม) สีขาวเหมือนน้ำค้างหรือเงินยวง
โคเปกฺษมเนตระ พระเนตรมีขอบเหมือนขอบตาวัว//หมายถึงมีตาสองชั้น บางตำราว่ามีแววพระเนตรแจ่มใสเหมือนตาลูกวัว
อภินีลเนตฺระ พระเนตรสีเขียวเข้ม //บางตำราว่าสีดำสนิท
สมจตฺวารึศทฺทนฺตะ มีพระทนต์ (ฟัน) 40 ซี่ เท่าๆ กัน //น่าจะหมายความว่ามีคำพูดเชือดเฉือน หรือไม่ก็ระวังคำพูด
อวิรลทนฺตะ ซี่พระทนต์ชิดกัน //น่าจะหมายความว่าระวังคำพูดหรือมีฟันชิดกันจริง ๆ
ศุกฺลทนฺตะ พระทนต์ขาวสะอาด
พฺรหฺมสฺวร มีเสียงไพเราะเหมือนเสียงแห่งพรหม
รสรสาคฺรวานฺ ปลายพระชิวหารู้รสไว
ปฺรภูตตนุชิหฺวะ พระชิวหาแผ่ออกได้มาก //ลิ้นใหญ่
สีหหนุ พระหนุ (คาง) เหมือนคางราชสีห์
สุสํวฺฤตฺตสฺกนฺธะ มีพระวรกายสำรวมอินทรีย์เป็นอย่างดี
สปฺโตตฺสทะ มีพระมังสา (กล้ามเนื้อ) อูมนูน 7 แห่ง
จิตานฺตรำสะ พระอังสา (ไหปลาร้า) มีเนื้อเต็ม
สูกฺษม สุวรฺณรฺณจฺฉวิ พระฉวี (ผิว) ละเอียดมีสีเหมือนสีทอง
สฺถิโต’ นวนตปฺรลมฺพพาหุ พระวรกายยืนตรงไม่คดค้อมพระพาหา (แขน) ยาว
สึหปูรฺวารฺธกายะ พระวรกายท่อนบนเหมือนท่อนบนของราชสีห์
นฺยโครธปริมณฺฑโล มีปริมณฑลเหมือนปริมณฑลของต้นไทร
เอไกกโรมา มีพระโลมา (ขน) ขุมละเส้น
อุรฺธฺวาคฺราภิปฺรทกฺษิณาวรฺตโรมา พระโลมาเวียนขวาปลายพระโลมาชี้ขึ้นบน
โกโศปคตพสฺติคุหฺยะ พระคุยหะ (เครื่องเพศ) ซ่อนอยู่ในฝัก
สุวิวรฺติโตรุ ต้นพระชงฆ์ (ขาท่อนบน) กลมงาม
เอเณยมฺฤคราชชงฺฆะ พระชงฆ์ (ขาท่อนล่าง) เหมือนแข้งพระยาเนื้อทราย
ทีรฺฆางฺคุลิ นิ้วพระหัตถ์ นิ้วพระบาทยาว
อายตปารฺษฺณิปาทะ พระปรัษณี (ส้นเท้า) ยาว
อุตฺสงฺคปาทะ พระบาทลาดขึ้นสูง
มฺฤทุตรุณหสฺตปาทะ พระหัตถ์ พระบาทนุ่มสด
ชาลางฺคุลีหสฺตปาทะ นิ้วพระหัตถ์ นิ้วพระบาทและพระหัตถ์ พระบาทมีรูปลายตาข่าย
ทีรฺฆางฺคุลิรธะกฺรมตลโยรฺ จเกฺรชาเต จิเตฺร สหสฺราเร สเนมิเก สนาภิเกพระบาททั้ง 2 ลาดต่ำลงโดยลำดับ นิ้วพระบาทยาวเกิดมีลายกงจักรอันวิจิตร (สีขาวมีประกายเหมือนเปลวไฟ)มีซี่ 1,000 พร้อมด้วยกงและดุม
สุปฺรติษฺฐิตสมปาโท ฝ่าพระบาทแนบสนิทกับพื้นเป็นอย่างดี [4]

วิเคราะห์นัยยะของมหาปุริสลักขณะ[แก้]
ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสนาพุทธหลายท่าน แสดงความคิดเห็นว่า รายละเอียดที่ปรากฎในมหาปุริสลักขณะ หรือ มหาปุริสลักษณะ นั้น อาจมิใช่เพียงลักษณะทางกายภาพของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพียงอย่างเดียว แต่อาจนับเป็นบุคลาทิษฐานอย่างหนึ่งด้วย หนึ่งในนั้นคือ พุทธทาสภิกขุ ซึ่งแสดงความเห็นไว้ในหนังสือ “พุทธจริยา” ไว้ว่า โดยความหมายทางตรงแล้ว พุทธลักษณะหมายถึงลักษณะของพระพุทธเจ้า ซึ่งคําว่าลักษณะนี้แปลว่าเครื่องกําหนด มาจากคําว่า ดูเห็น สิ่งใดที่เราดูเราเห็นได้สิ่งนั้นเป็นลักษณะพุทธลักษณะก็คือสิ่งที่เราจะดูจะเห็นที่องค์พระพุทธเจ้า ดังเช่นการที่พระองค์ประกอบไปด้วยมหาปุริสลักษณะ 32 ประการ และอนุพยัญชนะ 80 ประการ ซึ่งพรรณนาพุทธลักษณะตามแนวทางนี้ โดยผิวเผินแล้วเป็นลักษณะทางร่างกายที่ผิดจากบุคคลอื่น ถ้าถือเอาตามตัวหนังสือนั้นแล้วจะผิดมากจนดูเป็นมนุษย์ที่มีรูปร่างประหลาดที่สุดก็ได้

พุทธทาสภิกขุ ชี้ว่า อย่างไรก็ตาม หากพิจารณามหาปุริสลักษณะให้ละเอียดก็จะพบว่า ลักษณะเหล่านี้เป็นการสะท้อนถึงมารยาทอันละเอียดประณีตของพระองค์ "เป็นลักษณะทางกายทางวาจา ลักษณะทางกายในประเภทนี้เราก็จะเห็นได้ว่ามันรวมอยู่ในคําว่า ศีล มีศีล คือการประพฤติทางกาย ทางวาจาถูกต้องบริสุทธิ์สะอาด น่ารัก เลื่อมใส พระพุทธลักษณะทางกายเป็นอย่างนี้" [6]

ขณะที่ เสถียร โพธินันทะ แสดงความเห็นว่า การที่ตำนานมหาปุริสลักษณะว่า พระชิวหาของมหาบุรุษนั้น แลบติดถึงหน้าผากได้ แลบซ้ายขวาถึงใบหู ลิ้นยาว แลบซ้ายขวาถึงใบหู มือยาวถึงเข่า ถ้าคนมือยาวถึงเข่า ล้วนแต่เป็นคำอุปมา ท่านพรรณนาเป็นบุคลาธิษฐาน เช่นพรรณนาอสีติญาณพยัญชนะว่ารอยเท้าของพระพุทธเจ้านั้น มีรูปภูเขาหิมพานต์ มีรูปพัด มีรูปพระพรหม มีรูปพระอินทร์ มีรูปต่าง ๆ เครื่องสูงต่าง ๆ เป็นราชกกุธภัณฑ์ต่าง ๆ การพรรณนาอย่างนั้น ความหมายก็มีว่า สมบัติเหล่านั้น คือ พรหมสมบัติ อินทร์สมบัติ สักกะสมบัติ จักรพรรดิสมบัติ มนุษย์สมบัติ สมบัติต่าง ๆ เหล่านี้ที่เป็นรูปต่าง ๆ ในฝ่าเท้าพระบาทพระพุทธเจ้านั้น สมบัติเหล่านี้ พระศาสดาได้ทรงละแล้ว ทรงอยู่เหนือสมบัติเหล่านี้ อยู่ใต้อุ้งบาทแล้ว สมบัติเหล่านี้ไม่สามารถที่จะทำให้พระองค์ทรงกำเริบ ทรงต้องการความปรารถนาอีกแล้ว เป็นของต่ำในสายพระเนตรของพระองค์ ทรงชนะอินทร์สมบัติ ทรงชนะพรหมสมบัติ ทรงชนะจักรพรรดิสมบัติ ทรงชนะมนุษยสมบัติ เราถือว่า อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ จักรพรรดิ มนุษย์ เราขวนขวายอยากได้ อยากมีกัน สิ่งเหล่านั้นพระองค์ทรงเหยียบไว้ใต้ฝ่าพระบาทหมด ไม่มีความหมาย เหมือนหนึ่งอิฐกรวดดินทราย ความหมายของท่านต้องการอย่างนี้ แต่ในการเทศนาโวหารสั่งสอนคนซึ่งมีหลายชั้นที่เป็นปัญญาบุคคลก็มี ไม่ใช่ปัญญาบุคคลก็มี จจึงต้องมีการใช้บุคคลาธิษฐานเป็นอุบายโกศลในชักจูงให้ผู้คนเกิดความเลื่อมใสศรัทธา "จึงต้องพรรณนาเป็นรูปว่า ใต้ฝ่าอุ้งพระบาท มีภูเขาหิมพานต์ มีพระพรหม มีพระอินทร์ มีเครื่องสูงพระหมากษัตริย์ มีกงจักร มีนางแก้ว ขุนคลังแก้ว ต่าง ๆ นานา เห็นเป็นภาพใต้อุ้งฝ่าพระบาท ทีนี้คนดูเห็นภาพเหล่านั้นก็นึกว่าของเหล่านี้ เป็นประเสริฐถึงเพียงนี้ แต่ยังมาติดอยู่ที่พระบาทของพระศาสดาของเรา ก็แสดงว่าพระศาสดาของเรานี่เหนือกว่าสมบัติเหล่านี้ ต้องการเพียงแค่นี้ ความหมายในเรื่องรูปต่าง ๆ ในอุ้งฝ่าพระบาทเป็นอย่างนี้" [7]

เสถียร โพธินันทะ ยังแสดงความเห็นเพิ่มเติมอีกด้วยว่า "ข้อว่าแลบพระชิวหาถึงพระกรรณได้ อย่างนี้ไม่ใช่ของจริง ของจริงเป็นอย่างนั้นคนกลัว เห็นเข้าหนีแล้ว ลิ้นยาวขนาดติดหน้าผาก ลิ้นยาวขนาดห้อยถึงหน้าอกได้ อย่างนี้ถ้าถึงนลาฏได้ ก็ถึงหน้าอกได้ เวลาแลบออกมาทางต่ำก็ถึงหน้าอก เราเห็นเข้า เห็นจะวี๊ดว๊าดกระตู้วู้กันแน่ ลิ้นในที่นี้ หมายถึงว่า ทรงแสดงธรรมสามารถครอบงำบุคคล ความยาวของลิ้นเท่ากับวิถีแห่งธรรมะที่สามารถครอบงำบุคคลโดยรอบได้ ลิ้นพระองค์ตวัดไปโดยรอบ เปรียบเหมือนธรรมะที่ทรงแสดงจากพระโอษฐ์นี่ สามารถไหลกลมกลืนในดวงใจคนโดยรอบได้ ต้องการความหมายเพียงแค่นี้ เข้าตำนานมหาปุริสลักษณะที่พรรณนาอย่างนี้ ต้องการความหมายเพียงเท่านั้นเอง ไม่ได้ต้องการความหมายอื่นไกลกว่านี้เลย นี่เป็นความหมายอันหนึ่งในเรื่องข้อที่ว่า แลบชิวหายาว" [8]


พระจักรพรรดิ ตามตำนาน ที่จะมาปรากฏยุคใกล้ ๆ นี้ ขึ้นครองราชย์แล้วจึงจะได้ลักษณะของมหาบุรุษ ครบ 32 ครับ หรือไม่ก็ไม่ได้มีลักษณะของมหาบุรุษตามตำราเลย เพราะ"เป็นจักรพรรดิที่อยู่นอกตำรา" หรืออาจจะไม่ใช่ พระจักรพรรดิ์ แต่เป็นพระยาธรรมหนอ? (มีคำทำนายที่บอกว่า พระจักรพรรดิปัจจบันจะแตกต่างจากพระจักรพรรดิทั่วไป

จากคำทำนาย ของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง(ซึ่งผมไม่รู้จิงเท็จประการใด) ที่ท่านทำนายให้ชาวไร่คนหนึ่ง หลังจากที่ชาวไร่คนนั้นเอาแตงโมไปถวาย) อาจต้องพึ่งพามะม่วงกาซอกับอาหารทิพย์ของพระอินทร์ล่ะนะ

 

อืม ยังหวังกันอยู่...

 

ความคิดผม ทุกคนเป็นพระศรีอารย์ได้ครับ ไม่ใช่หมายความว่าเป็นพระศรีอารย์จริง ๆ
แต่หมายถึง ให้น้อมนำคุณธรรมของพระศรีอารย์เข้ามาใส่ตัวแล้วปฎิบัติตามอ่านะ

เมตตาต่อกัน ให้อภัยกัน ยินดีเมื่อผู้อื่นมีความสุข
หลาย ๆ คนในเว็บนี้ก็ทำอยู่ คือเอาความรู้ในการเอาตัวรอดมาเผยแพร่
เมื่อมีคนในเว็บทะเลาะกันก็ช่วยห้ามช่วยปราม
ผมก็มีคนห้ามนะ เพราะผมก็ทะเลาะกะเขา อิอิ
พระศรีอารย์คือผู้ช่วยให้รอด


นั่นเป็นคุณธรรมของพระศรีอารย์ไม่ใช่เหรอคับ


กูจักรพัด ผู้อยากทำความร่มเย็นให้กับทุกสรรพชีวิต แต่ยังไม่มีปัญญาทำให้ตัวเองอยู่เย็น ฮ่าฮ่าฮ่า เพราะผมจะเป็นสุข เมื่อเห็นผู้คนอยู่อย่างมีความสุข

 

จะตอนใหนก็ดีหมดแหละครับ


แจกเว็บวัดฟรีทั่วประเทศ

 

จริงอยู่ครับ ยกเว้นตอนนี้ หรือใกล้ ๆ ช่วงนี้
มีเหตุผลที่ใครต่อใครก็รู้ คิดให้ออกสิ

แต่เชื่ออย่างนึงนะ ท่าน metteyya มีฌานอยู่ระดับหนึ่งและรู้ธรรมอยู่ระดับหนึ่ง อันนี้สังหรณ์น่ะ

 

แปลจากบทไหนหน้าไหน วางlinkให้ด้วยครับไม่น่าใช่

 

การมาของเราคือหลักยืนยันแล้วว่าคำทำนายของพระพุทธเจ้ามีความแม่นยำเพียงใด

 

ก็ไม่ต่างกัน .. คำทำนายของพระพุทธเจ้ายังคงความแม่นยำ .. หากท่านจากไป หรือไม่ได้มา

 

เมื่อข้าพเจ้ามาแล้วก็ต้องจรรโลงพระพุทธศาสนา ผู้ใดช่วยเหลือเราผู้นั้นคือผู้ร่วมทำบุญไปกับเรา ผู้ใดเบียดเบียนเราผู้นั้นคือผู้ขัดขว้างเรา

 

ถ้าเช่นนั้น ท่านควรจะตอบคำถามนี้ได้

คำถามที่ 1:
ความแตกต่างระหว่าง ผู้บำเพ็ญมา 16 อสงไขย กับ ผู้บำเพ็ญหลายพันกัปป์ ต่างกันอย่างไร?

 

ถึงพระเมตตรัยตัวจริงไม่มา ก็จะมีพระเมตตรัยปลอมมาอยู่ดี ดังนั้นมันต้องมีการพิสูจน์
ผมอยากให้พระอรหันต์สัก 10 รูปช่่วยกันยืนยันน่ะ
ใครบอกว่า เราเป็น ๆ ๆ ผมก็ยังไม่เชื่อจนกว่าจะได้รับการยืนยันให้แน่ชัด แม้คนคนนั้นที่พูดจะเป็นตัวผมเองก็ตาม

มีคำทำนายหลาย ๆ คำทำนาย ที่ตรงกับผมเหมือนกันนะครับ

 

คำถามข้อที่ 2:

พระอรหันต์ยังมีอยู่
พระสงฆ์ผู้ปฎิบัติดีปฏิบัติชอบมีอยู่
พระสงฆ์ผู้ปฎิบัติดีปฏิบัติชอบและมีบารมีมากมีอยู่
ฆารวาสผู้ปฎิบัติดีปฏิบัติชอบมีอยู่
ฆารวาสผู้มีศรัทธาใฝ่การทำบุญเป็นนิจมีอยู่มาก
ได้ชื่อว่าเป็นผู้จรรโลงพระพุทธศาสนาเช่นกันอยู่ด้วยแล้ว

การมาของท่าน จะจรรโลงพระพุทธศาสนาอย่างไร?
ให้สมกับที่ท่านเคยบำเพ็ญและผ่านมาแล้วหลายยุคศาสนาตลอด 16 อสงไขย

 

พวกเราอาจจะเป็นดวงจิตที่แบ่งภาคมาเกิดของ พระศรีอาริยเมตตรัย ก็เป็นได้
เราเอาหลวงปู่ทวด หลวงตาม้า หลวงปู่ดู่ไปไหน เขาว่าแบ่งภาคมาเกิดของจริง

 

คุณก็คิดว่าคุณเป็นเหมือนกันหรือเปล่าครับ ยอมรับมาซะดีๆ

 

แล้วแต่ละกันครับเป็นความเห็นส่วนบุคคล

 

ไม่เคยคิดเลยครับ .. สังเกตใจตัวเองตลอด
แค่นี้ผมก็หยั่งบารมีใจตนเองพอได้อยู่ครับ

แต่ผมเป็นหนึ่งในผู้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตอีกยาวไกลมากๆๆๆ ครับ

 

คุณวิชั่นไมนด์ยังดีนะ ผมนี่สิ มือใหม่ก็มือใหม่ อยากเรียนพุทธศาสนาแล้วมาเปิดอ่านทางเว็บ เจอคำทำนายหลายๆคำทำนายพ้องกับตัวเอง คำผมประสาทแด๊กไปเลย ตอนนี้อยากหักพุทธภูมิมาก เพราะแน่ใจว่าตัวเองน่าจะเห็นทางหลุดพ้นแล้ว เพียงแต่จิตมีกำลังไม่พอที่จะดับมโนวิญญาณของตัวเอง (แต่ก่อนจะดับมโนวิญญาณ ต้องปล่อยวางทุกอย่างให้ได้ก่อน ไม่งั้นเสี่ยงบ้า)
แต่ติดที่อยากรู้ตัวเองเป็นใครนี่แหละครับ ที่ทำให้ผมประสาทแด๊กได้อยู่ทุกวี่ทุกวัน ไม่น่ามาค้นอินเตอร์เน็ตเลย

อ่อ ใครมีคลิปสอนนั่งสมาธิแหล่ม ๆ พอที่จะแนะนำผมได้บ้างครับ ที่เข้าใจง่าย ทำตามแล้วได้ผลดี ผมก็พอใจแล้ว เพราะจดประสงค์ของผมก็คือ นั่งเอาแค่สงบไว้ก่อน ให้คล่อง ๆ แล้วฝึกกรรมฐานผม ขน เล็บ ฟัน หนังทีหลัง แล้วค่อย ๆ พัฒนาไป อาจารย์ผมพูดเสมอว่า นั่งสมาธิ อย่าติดสงบ อย่าติดสุขนั่นแหละสิ่งที่ผมต้องทำให้ได้ คือไม่ติดสงบ ไม่ติดสุข แต่ก่อนอื่นต้องรู้เสียก่อน ว่าสงบกับสุข มันเป็นยังไง *.*