ปิดรับบริจาค (เชิญฝากชื่อเขียนลงแผ่นทอง)หล่อองค์ปฐมประจำวันเกิดองค์ๆละ10,000บาท!!!

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย เก๋ณัฐา, 7 กุมภาพันธ์ 2014.

  1. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    ...สุขสันต์วันสงกรานต์ ประจำปี ๒๕๕๗...
    "ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และพระเมตตาบารมีแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้ง ๒๘ พระองค์ จงดลบันดาลให้น้ำทุกหยาดหยดที่จะราดรดและสัมผัสกายของท่านและสมาชิกครอบครัว ในวันมหาสงกรานต์ประจำปี ๒๕๕๗ นี้ จงเป็นน้ำพระพุทธมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ ที่จะชำระสรรพทุกข์ สรรพโศก สรรพโรค สรรพภัย สรรพเคราะห์ เสนียดจัญไร ให้หมดไป และขอให้ท่านประสบแต่ความสุขความเจริญ คิดสิ่งใดหวังสิ่งใดขอให้สมปรารถนาทุกประการ...อนุโมทนาสาธุค่ะ
     
  2. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    เชิญร่วมหล่อ
    พระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมปางเปิดโลกหรือ
    พระพุทธรูปประจำวันเกิด

    พระปางถวายเนตร
    ความสูงรวมฐานพระสูง 2.5 เมตร
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระองค์ละ 10,000 บาท
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระ+ทาสีองค์พระ+ทาสีฐานพระ องค์ละ 15,000 บาท
     
  3. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    เชิญร่วมหล่อ
    พระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมปางเปิดโลกหรือ
    พระพุทธรูปประจำวันเกิด

    พระปางถวายเนตร
    ความสูงรวมฐานพระสูง 2.5 เมตร
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระองค์ละ 10,000 บาท
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระ+ทาสีองค์พระ+ทาสีฐานพระ องค์ละ 15,000 บาท
     
  4. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    เชิญร่วมหล่อ
    พระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมปางเปิดโลกหรือ
    พระพุทธรูปประจำวันเกิด

    พระปางถวายเนตร
    ความสูงรวมฐานพระสูง 2.5 เมตร
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระองค์ละ 10,000 บาท
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระ+ทาสีองค์พระ+ทาสีฐานพระ องค์ละ 15,000 บาท
     
  5. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    ความฝันของหลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป ในคืนวันที่หลวงตามหาบัว จะละสังขาร

    [​IMG]




    อาตมภาพมีความคุ้นเคยนับถือกันกับหลวงตามหาบัว
    ตั้งแต่คราวไปพักที่วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่
    ตามพระบัญชาของสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์
    วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๒-๘๓
    สมัยนั้นหลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน
    ไปเรียนนักธรรมเอก และบาลีประโยค ๓ ที่วัดเจดีย์หลวง

    วันหนึ่งได้ขึ้นไปกุฏิหลังพระเทพโมลี (พิมพ์ ธมฺมธโร)
    แล้วก็เห็นพระบัว ญาณสมฺปนฺโน นอนอยู่ ไม่มีมุ้งกลด ต้องนอนตากยุง
    อาตมภาพได้ถวายมุ้งหลังหนึ่ง ก็รู้จักมักคุ้นกันมาแต่นั้น
    ท่านเป็นผู้ที่มีความตั้งมั่นในการศึกษาพระปริยัติธรรม
    จะเอาเพียงนักธรรมเอกและประโยค ๓
    ต่อจากนั้นไปก็จะออกปฏิบัติกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน
    ซึ่งไปอยู่ศึกษาอบรมกับหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ๘ ปี
    จนได้หลักจิตหลักใจ แล้วมาตั้งวัดป่าบ้านตาด
    แนะนำสั่งสอนพระเณรและประชาชนจนมีลูกศิษย์ลูกหา
    เป็นที่เคารพนับถือเลื่อมใสของประชาชนทั่วประเทศ
    แม้แต่อาตมภาพขณะใดจิตไม่สงบดับจากกิเลส
    ก็มาปรึกษาหารือกับหลวงตามมหาบัว ท่านก็แนะนำ
    อันนี้เนื่องจากบุญเก่าได้บันดาลให้มาพบกัน

    ปลายปีที่แล้วในระยะหลวงตาอาพาธ
    อาตมภาพได้แวะไปเยี่ยมหลายครั้ง
    ในวันที่หลวงตามหาบัวจะละสังขาร
    อาตมภาพขณะพักจำวัดหลับเคลิ้มไป

    ก็ปรากฏว่าหลวงตามหาบัวแวะมาหากราบ ๓ ครั้ง
    ก็พูดว่า “เจ้าคุณฯ ผมมาลานะ”

    อาตมภาพก็ถามว่า “จะลาไปไหน ?”

    ท่านบอกว่า “ไปที่ไม่เกิดอีก เพราะชาติสุดท้ายของผม
    ให้เจ้าคุณฯ อยู่ต่อไป ให้ลูกหลานได้กราบไหว้” แล้วหายไป

    ตื่นขึ้นก็จำความฝันได้ชัดเจน เวลาประมาณตี ๔ นาฬิกา
    ก็ยังนึกอยู่ว่า หลวงตามหาบัวคงไม่ได้อยู่กับพวกเราแล้ว
    ตอนเช้าก็รับทราบว่ามรณภาพ
    รู้สึกใจหายและรู้สึกอาลัยในการจากไปของหลวงตาเป็นที่สุด
    ซึ่งอาตมภาพมั่นใจว่า “ท่านไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว”
    ท่านได้วางแบบอย่างอันงดงามไว้ให้ชนรุ่นหลังได้ดำเนินรอยตาม
    ขอให้ลูกศิษย์ลูกหาและประชาชนได้สืบแนวปฏิปทาต่อไป

    จาก...หนังสือญาณสัมปันนธัมมานุสรณ์
    http://www.dhammajak.net/forums/view...hp?f=7&t=47314
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      89.8 KB
      เปิดดู:
      419
  6. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    พระอาจารย์เล็ก อธิบายเรื่อง "การขออโหสิกรรม"

    พระอาจารย์เล็ก อธิบายเรื่อง "การขออโหสิกรรม"

    ถาม : การขออโหสิกรรม ถ้าไม่ได้ขออโหสิต่อหน้าอีกฝ่าย แต่ขอผ่านโทรศัพท์ ผ่าน sms
    ผ่าน e-mail ผ่าน facebook หรืออื่น ๆ ถ้าอีกฝ่ายตอบว่าอโหสิกรรม ถือว่ากรรมขาดจากกันหรือไม่ครับ ?

    ตอบ : ขาด...ขอให้ยอมรับเท่านั้น ถือว่าโจทก์หรือจำเลยรับรู้ทั้งคู่ แล้วยินดีให้อภัยอีกด้วย

    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๕๖

    ที่มา : เว็บวัดท่าขนุนดอทคอม
    ภาพประกอบ : งานทำบุญครบรอบปีที่ ๔ บ้านวิริยบารมี ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๗
    (มีการขอขมาพระอาจารย์เล็กเนื่องในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ไทย)

    อ้างอิง http://palungjit.org/threads/พระอาจารย์เล็ก-อธิบายเรื่อง-การขออโหสิกรรม.529110/
     
  7. redeye127

    redeye127 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +1,474
    ร่วมทำบุญไปแล้วครับ 100 บาท นาย ศะรัณย์ ใจน้อม และครอบครัว ทุกให้ทุกๆคนมีความสุข เทวดาทุกชั้นฟ้ามีความสุข พ่อปู่พยายมราชมีความสุข เจ้าที่เจ้าทางที่ลูกอยู่อาศัยและทำมาหากินมีความสุข พ่อ แม่ ญาติ พี่น้อง ครูบาอาจารย์ เพื่อนฝูง มีความสุข ขอให้องค์พระมหากษัติทุกๆพระองค์และประเทศไทยจงมีความสุข
     
  8. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    อนุโมทนาสาธุการค่ะอันใดติดขัดขอให้คลี่คลายอันใดปรารถนาขอให้สำเร็จโดยฉับพลันเทอญสาธุุๆๆ
     
  9. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    นำมาฝากกันคะสำหรับท่านนักปฏิบัติธรรมเจริญภาวนาทุกๆท่าน คราวที่แล้วที่บอกว่าเวลาเราเจริญกรรมฐานแล้ว พอมีสภาวะธรรมใดที่เกิดขึ้นมาในจิต จะเป็นกิริยาจิต หมายถึง การคิด การฟุ้งซ่าน ต่างๆ กิริยาที่เกิดขึ้นในจิตของ หรือแม้แต่ปรากฏเห็น อดีต ชาติภพ พอรู้ มันดับ เกิดอีกรู้อีก มันดับอีก อย่าไปตามดูมันจิตจะส่งออก เรียกมันกลับมา พอจิตกลับมาอย่าส่งออกไป มันรู้เอง พอจิตส่งออกอีก ไปคิดโน่นคิดนี่ เราเรียกกลับมาอีก รู้ พอรู้มันดับ ทำไปเช่นนี้ฝึกไปเรื่อยๆ พอฝึกเข้าๆจิต มันจะพัฒนาไปเอง ไปเรื่อย ต้องปฏิบัติทุกวันเป็นกิจวัตร จิตจะละเอียดขึ้นๆ ปรารถนาสิ่งใดก็อธิษฐาน ปรารถนาสร้างบารมีก็อธิษฐานไป ปรารถนานิพพานก็อธิษฐานไป ปรารถนาดวงตาเห็นธรรม ก็ปฏิบัติทุกวันๆพอปฏิบัติเสร็จก่อนออกจากพระกรรมฐานก็ให้อธิษฐานเอา สะสมบุญบารมีถึงเมื่อไหร่มันสำเร็จเอง ปรารถนาสูงก็นานหน่อย ร่วมกับการสร้างทานบารมีแล้วจุดหมายปลายทางจักอยู่ไม่ไกล ยกเว้นการสร้างบารมีของผู้ปรารถนาพุทธภูมิ ปรารถนาเป็นพุทธมารดา ฯลฯ ก็ย่อมต้องสร้างยาวนานเป็นธรรมดา อย่าดูถูกการอธิษฐานนะค่ะ นอกจากกรรมและการอธิษฐานนำคนเรามาเจอกันแล้ว การอธิษฐานหรือปรารถนาบวกกับบุญกุศลที่สร้างนี่แหละค่ะ นำพระองค์ไปให้ได้สร้างบารมีจนสำเร็จขึ้นเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์แรกของโลก สมเด็จองค์ปฐมบรมบิดาแห่งพระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ ความปรารถนาหรือการอธิษฐานสิ่งนี้เองที่ทำให้เกิดพระมหาโพธิสัตว์พระองค์แรก ในสมัยที่สมเด็จองค์ปฐมสมัยที่สร้างมหาบารมี ตอนนั้นยังไม่เคยปรากฏมีพระพุทธเจ้าก่อน ไม่มีครู ไม่เหมือนสมัยนี้ที่เรารู้แล้วว่าการสร้างบารมีสำหรับผู้ปรารถนาพุทธภูมิต้องทำเช่นไร มีเส้นทางมาแล้วจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ไม่เหมือนสมัยองค์ปฐมตอนนั้นไม่มียังปรากฏมีพระพุทธเจ้าไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไรจึงจะสามารถช่วยเหลือเหล่าเวไนยสัตว์ให้พ้นทุกข์ได้ เสมือนการเดินทางไปจุดหมายปลายโดยที่ไม่มีแผนที่ไม่รู้ว่าทางว่าต้องไปทางไหนถึงจะถึงจุดหมายปลายทางที่เราต้องการ ต้องลองผิดลองถูกเอาเอง สมเด็จองค์ปฐมซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์แรกจึงใช้เวลาในการสร้างบารมีมากกว่าพระพุทธเจ้าทุกพระองค์เด็ดเดี่ยวแน่วแน่มั่นคงตรงที่หมาย ต้องอนุโมทนาและขอนับถือในน้ำใจของพระองค์ในการทำเพื่อผู้อื่นยิ่งนัก ดังนั้นเมืี่อใดท่านนักสร้างบารมีทัั้งหลายขอให้มองสร้างบารมีของสมเด็จองคฺปฐมต้นเราทุกคนคงได้คำตอบในใจเองว่าจะเลิกกรือเดินต่อ อนุโมทนาสาธุค่ะ ขอให้ทุกท่านได้สำเร็จสมปรารถนาตามที่อธิษฐานให้ถึงเส้นชัยกันถ้วนหน้าทุกท่านนะค่ะสาธุุุๆๆ


    [​IMG]



    ดับลงที่ "สติ"


    เวลากิเลสมันเกิดขึ้น เกิดขึ้นทางกาย

    เกิดขึ้นทางวาจา เกิดขึ้นทางใจ

    รู้ทันมันเดี๋ยวนี้ มันก็ดับไปเดี๋ยวนี้แหละ

    ตัวสติมันปกครองอยู่เสมอ

    ถ้ามีสติอยู่ทุกเมื่อ มันบ่ได้คุมมันหละ

    ครั้นเกิดขึ้น รู้ทันมันก็ดับ

    รู้ทันก็ดับ รู้ทันก็ดับ

    คิดผิดก็ดับ คิดถูกก็ดับ

    พอใจไม่พอใจก็ดับลงทันทีที่ตัวสติ..


    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ

    เครดิต...https://www.facebook.com/photo.php?f...type=1&theater
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      160.7 KB
      เปิดดู:
      604
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2014
  10. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    สงกรานต์จากวัดค่ะ

    นำภาพสงกรานต์จากวัดมาฝากกันคร่า งานนี้มีการก่อเจดีย์ทรายหน้าพระพุทธรูปที่เราหล่อกันไปด้วยนะคะ เห็นแล้วหัวใจพองโตอิ่มเอิบปิติทุกครั้ง คงเป็นจิตเราที่ได้ผูกพันมากับพระศาสนามาเนิ่นนาน



    image.jpeg image1.jpeg 3.jpeg 4.jpeg



    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]
     
  11. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    เชิญร่วมหล่อ
    พระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมปางเปิดโลกหรือ
    พระพุทธรูปประจำวันเกิด

    พระปางถวายเนตร
    ความสูงรวมฐานพระสูง 2.5 เมตร
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระองค์ละ 10,000 บาท
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระ+ทาสีองค์พระ+ทาสีฐานพระ องค์ละ 15,000 บาท
     
  12. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    อำนาจบุญ (หลวงพ่อ จรัญ ฐิตธัมโม )

    [​IMG]



    พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า "สุโข ปุญญสส อุจจโย การสั่งสมบุญทำให้เกิดความสุข"
    อีกบทหนึ่งบอกว่า "มาวมญเญถ ปุญญสส น มตต อาคมิสสนติ ไม่ควรดูหมิ่น
    บุญอันเล็กน้อยว่าจะไม่ให้ผล"

    บุญมีพลังมหาศาล มีมาได้อย่างไม่หยุดหย่อน พลังแห่งบุญมียืนยาวตลอดไปถึงชาติหน้า
    บุญมีอำนาจที่จะทำให้ชีวิตของผู้มีบุญสำเร็จในสิ่งที่ปราถนาต้องการ เหล่าเทวดาทั้งหลายจึงชักชวนให้ทำบุญ ดังที่เทวดาตนหนึ่งกล่าวไว้ว่า "ปุญญานิ กยิราถ สุขาวหานิ ควรทำบุญ เพราะบุญนำสุขมาให้"

    หลวงพ่อจรญ ฐิตธัมโม พระอาจารย์กัมมัฏฐานและนักเทศน์ผู้มีชื่อ แห่งวัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี ท่านเป็นพระที่สร้างบุญสร้างกุศลไว้บ้าง และผลบุญกุศลที่ท่านทำ ได้นำพาชีวิตของท่านให้ได้รับความสุขสะดวกสบาย จะไปตกถิ่นฐานใดก็ไม่ลำบากลำบน ดังคราวหนึ่งท่านได้เล่าไว้ว่า

    วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ที่ประเทศศรีลังกา อาตมาได้ร่วมไปกับคณะผู้แทนจากประเทศไทย องค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก จัดการประชุมที่นั่ง มีผู้แทนชาวพุทธมาประชุมจากทั่วโลกมากมาย เขาพาไปชมอุทยานของประเทศศรีลังกาให้ชมฟรี มีช้างเล่นกล มีช้างกินอาหาร กินโต๊ะเหมือนคนร้องรำทำเพลงได้ และมีลิงค่างบ่างชะนี วิหคนกร้อง กึกก้องวนาไพร ในสวนอุทยานของประเทศศรีลังกา

    อาตมาก่อนนี้ก็ตั้งมูลนิธิให้คณะสงฆ์ทั้งสองนิกาย ทั้งธรรมยุตและมหานิกายช่วยในการศึกษา มีท่านเจ้าอาวาสปัจจุบัน วัดหัวลำโพงองค์หนึ่ง และวัดอัมพวันในกรุงเทพฯ องค์หนึ่งอยู่ที่ประเทศศรีลังกาก็ตั้งมูลนิธิเอาดอกเบี้ยช่วยเหลือพระสงฆ์ทั้งสองนิกายในการศึกษาปริญญาโทเอก ที่มหาวิทยาลัยเมืองแคนดี แล้วแต่จะไปต่ออินเดียต่อศรีลังกาตามอัธยาศัย

    การไปชมอุทยานในนามของรัฐบาลศรีลังกาครั้งนี้ เอกอัครราชทูตพาไป ไม่ต้องเสียอะไร อาตมาก็ไปกับพระ 4-5 องค์ พระที่เป็นนักศึกษาอยู่ประเทศศรีลังกาและคณะของเราก็เดินเข้าไปถึงอุทยานแล้ว

    ตอนเช้าอาจารย์ศรัทธาติสสะมหาเถระผู้มีฝีปากในการเทศน์เยี่ยมเหมือนท่านปัญญานันทะแห่งประเทศไทย จบพระไตรปิฎกจบหลักสูตรในการปาฐกถาธรรมเทศนาพาทีในประเทศศรีลังกาเก่งมากตอนเช้าท่านก็เลี้ยงอาหารเราเสียอิ่มแปร้ ไม่มีข้าว มีแต่โรตีเนย เราไม่เคยฉันก็ฉันเสียเรียบเลยท้องเสีย

    ท้องเสียนะ มันจะคลอดแล้วปวดอุจจาระ นี่เล่าตรงไปตรงมา ก็บอกกับพระที่ไปด้วยกันบอก "หาส้วมให้ทีเถอะ"

    "ไม่ได้หลวงพ่อ ผมจะต้องรีบพาโยมไป เดี๋ยวเขาจะเลิก" ตายจริงแล้วเราจะไปเข้าที่ไหนละ เหลียวซ้ายขวาไม่มีส้วมเลย แหมประเทศศรีลังกาไม่สร้างส้วมที่สวนอุทยาน และเราก็พูดภาษาไม่เก่ง จะไปถามใครเขาละ พระหนีเลย 4 องค์หนีไปเลย "บอกไปละ เดี๋ยวพาโยมไป"

    เราจะไปหาที่ไหน โอยจะคลอดแล้วซิ หมอผดุงครรภ์ก็ไม่มี เอาอย่างไรดีพวกหนีไปเลย แล้วเราเคยไปเหรอ แวบเดียวไม่รู้จะไปไหนแล้ว เราก็เดินไปเดินมาหาส้วมไม่เจอทำอย่างไร

    เมื่อก่อนเป็นเด็กอยู่เรือข้าวอาแปะเขาบอก ไม่เป็นไรอาตี๋ เอาเลยกะบังไม่มีไม่เป็นไร กระบุงมีสวมหัวเลย แล้วถ่ายข้างเรือได้เลย หากระบุงโกยก็ไม่มี จะได้สวมหัวหน่อยไอ้พรรค์นี้มันอายหน้า ก้นไม่อายแน่ อันนี้เรื่องจริงนะ

    เดินไป ถ้าไม่มีจริง ๆ ก็ที่โคนต้นไม้นี่ โคนต้นไม้ก็ไม่ได้ ทางเดินของเขาคนเป็นฝูงเลย คนไปเที่ยวอุทยาน ญี่ปุ่น ฝรั่ง เยอะแยะ แล้วเราเป็นภิกษุไทยทำอย่างนั้นเสียชื่อประเทศไทยแย่ ในนามประเทศไทย เอายังไงแล้วก็ 4 โมงกว่า จะใกล้เพล แล้วเลยหมดโอกาสยังมีปัญญาอยู่ อาตมาก็เอาเลย โยมฟังนะจะเชื่อหรือไม่เชื่อ เลยก็ร่ายเวทย์พระคาถา

    มีคาถาไหม คาถาหาส้วมมีไหม ไม่มี จำนะ เดี๋ยวจะบอกคาถาให้ อาตมาก็ร่ายเวทย์พระคาถา

    นโม ตสส ภควโต อรหโต สมมา สมพุทธสส สคเคกาเมจ รูปเป.....

    ร้อนถึงสักกรินทร์เทวราชขอให้พระอินทร์ส่งทิพยเนตรทิพยกรรณ ดูข้าพเจ้า ณ บัดนี้ นั้นแน่อภินิหารสำคัญไหม

    "ข้าพเจ้าสร้างส้วมสร้างห้องน้ำไว้มาก เท่าที่เป็นเจ้าภาพมานี้สองพันกว่าส้วมแล้วนะ วัดอื่นด้วยนะ ไปเป็นประธานที่ไหน ต้องสร้างวัดละยี่สิบส้วมอย่างน้อย อานิสงส์สร้างส้วมของข้าพเจ้ามีแล้ว หากว่าข้าพเจ้าจะคลอดบุตรครั้งนี้ ขอให้ร้อนถึงสักกรินทร์เวทราช จงส่งมาตุลีเทพบุตรให้เทพเทวาอารักษ์ทั้งหลาย หย่อนส้วมมาให้ข้าพเจ้า ณ บัดนี้ ถ้าไม่หย่อนมาข้าพเจ้าคลอดเปื้อนผ้าเมื่อใด ข้าพเจ้ากลับไปวัดอัมพวัน จะทุบส้วมทิ้งให้หมด ไม่เอา ไม่ได้ อานิสงส์เลยนี่ ทุบทิ้งหมดแน่นอน ถ้าหากว่าไม่หย่อนมาจริงๆ นะ โยมมาวัดอัมพวันจะไม่เห็นส้วมเลย จะทุบทิ้งนะ

    แล้วโยมตอบปัญหาซิ เทวดาหย่อนส้วมมาจริงไหม ถ้าไม่หย่อนมา จะคลอดบุตรยังไง วิธีหย่อนของเทวดาหย่อนอย่างไร ฟังต่อไป

    ปวดจะตายแล้วอย่าเพิ่งออกไอ้เนยมันทำพิษ โรตีมันทำพิษ อาจารย์ศรัทธาติสสะมหาเถระฝากความรักไว้กับเราแล้วองค์อื่นเขาเคยฉัน เขาเคยอยู่ศรีลังกา เขาทานทุกวัน เราไม่เคย ตอนเช้าฉันข้าวต้มวันนั้นไปฉันโรตี อาจารย์ศรัทธาติสสะมหาเถระบอกจะเลี้ยงเต็มที่เลย เนยมั่ง นมมั่งเลยก็ท้องเสีย อันนี้เรื่องจริง


    . อาตมาก็ขออธิษฐานจิตว่าหมดปัญญาแล้ว เดินไปเดินมาอย่าลืมนะจ๊ะ พรรค์นี้หน้าแดงเชียวนะ เหงื่อกาฬแตกเลยจะตาย หิวข้าวยังทนได้ ไอ้พรรค์นี้ ทนได้ไหม กินข้าวกลางถนนยังได้ ไอ้พรรค์นี้กลางถนนได้ไหม ไม่ได้แน่ อาตมาก็ขออธิษฐาน

    ร้อนถึงเทวดาสักกรินทร์เทวราชส่งทิพยเนตรดูเหตุการณ์ก็แจ้งใจ ว่าพระครูภาวนาจะคลอดบุตรแล้ว ว่าแล้วมิทันช้าส่งมาตุลีเทพบุตร รีบเอาส้วมหย่อนไปเดี๋ยวนี้ได้ยินก้องมาที่หูเรา สบายมากส้วมติดแอร์เสียด้วยนะ มีปูปรมเสียด้วย นี่อาตมาก็ตั้งใจจะติดแอร์เดี๋ยวปีหน้าโยมมาใหม่ เห็นจะมีวัดเดียวในประเทศไทยที่ทำอย่างนี้น่ะ

    ในที่สุดวิธีหย่อนส้วมของสักกรินทร์เทวราช ไม่ใช่หย่อนมาอย่างนี้ ถ้าหย่อนมาอย่างนี้ ประเทศศรีลังกาต้องแตกตื่น เดี๋ยวไม่มีใครดูช้างนะ แพ้เรา

    กล่าวถึงบ้านเศรษฐีบ้านหนึ่งอยู่ที่หน้าอุทยาน สองสามีภรรยาคู่นี้เป็นเศรษฐีมีตึก 3 ชั้น แล้วบ้านเขาเป็นชาวพุทธ เราสังเกตไว้ว่ามีธงไขว้ ธงอันหนึ่งคือ ฉัพพรรณรังสี ธงอันหนึ่งตราสิงห์ ถ้าบ้านนี้มีธงตราสิงห์อันเดียวไม่ใช่ชาวพุทธ ไม่คริสต์ก็อิสลามไม่มีอย่างอื่นอยู่ คริสต์หรือซิกซ์ถ้าบ้านไหนมีธงฉัพพรรณรังสีจะบ่งบอกให้ทรายว่าบ้านนั้นเป็นชาวพุทธ

    สองสามีภรรยาเกิดสังหรณ์ในใจ เหลียวหน้าไปที่อุทยาน อยากจะดูอุทยาน ก็มองไปพอดี เอ๊ะ พระองค์นั้นเดินไปเดินมาทำไม นี่มันสังหรณ์อย่างนี้ ไม่ใช่ทิ้งส้วมลงมาอย่างนี้ก็แตกตื่นกันตาย

    อาตมาอธิษฐานอย่างนี้ ขอให้ร้อนถึงเทวดา อาตมาจะสร้างส้วมของอนิสงส์ให้แก่อาตมาเถิดจะคลอดแล้วนี่จะทำอย่างไร

    เลยทำให้เศรษฐีมองมาที่อุทยาน มันมีถนนผ่านกั้นไว้เท่านั้น นอกจากนั้นบ้านเขาก็ไม่ไกลนัก เขาเห็นไม่ถนัดเขาก็เรียกภรรยาเขาเอากล้องมาซิกล้องยาว ๆ ส่อง เขาก็พูดกับภรรยาเขาว่า

    "เอ๊ะ พระองค์นี้เคยเห็น นั้งใกล้ๆ กับเราที่ประชุมพุทธศาสนิกสัมพันธ์ฯ ใช่แน่ ท่านเดินไปเดินมาทำไม" ส่องไปส่องมา

    "เอ๊ะ เหงื่อออกหน้าแดงนะ หน้าแดง เดินไปเดินมาทำไม แล้วไม่อยู่ที่"


    เขาก็ชวนกันสองสามีภรรยาข้ามถนนด่วนไปเลย ตรงไปหาอาตมา อาตมาก็กอดอกสะพายย่ามเสียด้วย เขาก็เดินตรงมาส่งภาษาทันที ส่งภาษาสิงหล เขาก็นึกว่าเราจะรู้หรือไม่รู้ก็ช่างเถอะ และเขาให้ตามเขาไป สบายมากเลย

    เดินตามดิ่งไปเลย นี่ภาษาเดา ภาษาใบ้ เตรียมเรียนเข้าไว้บ้าง ตามดิ่งเข้าไปเลย พอไปถึงบนเรือนเขาก็ส่งภาษาเลย บอกให้เข้าห้องน้ำ เข้าท่าไหมนี่ รู้ในทันทีเทวดาสังหรณ์สิงสถิตอยู่ในใจเขาครบด้วยอำนาจบุญ กุศล แล้วส่งภาษาให้เข้าห้องน้ำ พออาตมาเปิดไฟปับ เขาส่งภาษาตามไปเลยให้สรงน้ำด้วย

    อาตมาปิดกลอนปั๊บ โอ้โฮ้ตายแล้ว ผ้าอาบน้ำก็มี ผ้าเช็ดตัวมี สบู่ 1 ก้อน แปรงสีฟันพร้อม แหม! ทัศนาชมอยู่พักเหลียวมาอีกทีมีหนังสือพิมพ์เสียอีก มีอ่างอาบน้ำ แล้วอาตมาก็จับหนังสือดู แหมน่าอ่านจังเลย ก็วาง อ่านไม่ออกภาษาศรีลังกา มีเก้าอี้นั่งอีกนะเอ้ ห้องใหญ่ติดแอรด้วยปูพรม

    เลยอาตมาก็ตั้งสติไว้ได้เรียบร้อย ก็คลอดลูกได้อย่างสบายส้วมโถเสียด้วยนะนั่งสบายเลยนึกถึงพระ 4-5 องค์ ป่านนี้จะไปอดเพลที่ไหนก็ไม่รู้ พอเห็นสบายเข้า นึกถึงพวกแล้ว แต่พวกเขาไม่นึกถึงเรา จำไว้เชียวนะ เวลาทุกข์ไม่เคยทุกข์ด้วย หนีเราเสียได้และทิ้งเราไป พวกนี้ไม่มีบุญ

    พอถ่ายเสร็จเรียบร้อย ขอประทานโทษนะ สรงน้ำมีผ้าอาบน้ำเสร็งมีอ่างน้ำเสร็จ น้ำร้อน น้ำเย็นมีพร้อม อานิสงส์กุศลที่เราทำไว้ดลบันดาลอย่างนี้ พอสรงน้ำเสร็จเรียบร้อยอาตมาก็ห่มผ้า เป็นปริมณฑลออกมามีเตียงแล้ว ปูพรมหมอนขวาน นั้นแน่ นี่ผลบุญไปไหนไม่อดอยาก ปากก็ไม่แห้งฝนก็ไม่แล้ง น้ำใจที่เราทำมา

    ออกมานั่งปั๊บ เขาก็ส่งนาฬิกาข้อมือให้ดูเหลือ 5 นาที บอก "ขออาราธนาพระคุณเจ้า รับภัตตาหารเพลที่บ้านข้าพเจ้า ณ บัดนี้" พวกนั้นอดเพลเลย สมน้ำหน้า อยากไม่คบคนดีอย่างเรา เดินตามคนดีไม่อดเพล

    ที่นี้อาตมาก็นั้ง ไม่รู้ภาษากันหรอก ใช้ภาษาเดา แต่รู้บ้าง ภาษาอังกฤษรู้บ้าง แต่ไม่มากพอพูดกันรู้เรื่อง กิน-อยู่-ถ่าย พอรู้แต่ลึกซึ้งไม่รู้หรอก ถ้าเขาส่งภาษามากไปเราก็ทำสมาธิซะ และเดี๋ยวเขาพูดใหม่ก็รู้ต่อไป แหม ต้องวิจัยประเมินผล และเขาก็คุยอย่างดี

    และเขาถามมาคำ ทำให้เราตื่นเต้นในอุรา "ท่านเดินไป เดินมาทำไม ทำไมหน้าแดง" ก็เพราะเหตุนี้ชี้ไปที่ห้องน้ำ เขารู้เลย "อ้อ ปวดถ่ายเหรอ" เราชี้ไปที่ห้อง ภาษาใบ้เราเรียนมาแล้ว เขาก็บอกว่า "เอาละท่านที่เคารพ นิมนต์พักผ่อนให้สบาย บ้านผมไม่มีใคร" เลยรู้จักกันมาบัดนี่ ชอบพอกันมาก

    "เย็น ๆ 4 โมงครึ่ง รถมาผมจะขับรถไปส่งท่านที่พักที่วัดอาจารย์ศรัทธา ติสสะมหาเถระครับ"

    เขารู้เพราะเขาประชุมกับอาตมาด้วย ไปนั่งใกล้ ๆ กัน เขาจำอาตมาได้ อาตมาจำเขาไม่ได้

    พอคุยกับเขาเสร็จก็เอนหลังไปนิดนึง พอถึงสี่โมงครึ่งเขาขับรถไปส่งตอนหลังเหลืออีกสองวันจะกลับ เขาบริการไปโน่นไปนี่ให้รู้จักกันมาทุกวันนี้ นี่อำนาจบุญกุศลเป็นไปได้ดังที่กล่าวแล้ว

    เพราะฉะนั้นไม่ใช่อาตมาจะอธิษฐานแล้ว ส้วมจะหล่นมาแบบนั้น แต่ขอให้ได้ความสะดวกในการบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้สร้างไว้ ขอให้ร้อนถึงสักกรินทร์เทวราช ถ้าบุญมีจริงแล้ว ขอให้ข้าพเจ้าได้รับความสะดวกสบายกันด้วยเถิด อย่างนี้ก็ทำให้เกิดความสะดวก ทำให้เกิดสังหรณ์ใจ เทพสังหรณ์เศรษฐีทำให้หันหน้ามาดูเรา และสนใจกับเราต่อไป นี่เรียกว่าเทพสังหรณ์ เรื่องบุญกุศลมีความจริงแน่นอน


    อ้างอิง http://palungjit.org/threads/อำนาจบุญ.529086/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      144.7 KB
      เปิดดู:
      949
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2014
  13. นิธินันโท

    นิธินันโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    363
    ค่าพลัง:
    +2,494
    เมื่อวานนี้ (๑๗/๐๔/๕๗) ข้าพเจ้านายนิธิ รัตนนาคินทร์ และคณะ ได้ร่วมบุญหล่อพระ(สมเด็จองค์ปฐมปางเปิดโลก) ๒.๕ เมตร ๑๐๐ องค์ เป็นจำนวน ๓๒๕ บาท โอนแล้วเรียบร้อยครับ ผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชี พระชยางกูร โชติช่วงเลขที่บัญชี ๙๑๗-๒๐๓๓๔๔-๖ ขอโมทนาบุญกับทุกๆท่านที่ได้ร่วมบุญนี้ครับ
     
  14. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    อนุโมทนาสาธุการค่ะ อันใดติดขัดขอให้คลี่คลายอันใดปรารถนาขอให้สำเร็จโดยฉับพลันค่ะสาธุๆๆ
     
  15. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    เชิญร่วมหล่อ
    พระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมปางเปิดโลกหรือ
    พระพุทธรูปประจำวันเกิด

    พระปางถวายเนตร
    ความสูงรวมฐานพระสูง 2.5 เมตร
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระองค์ละ 10,000 บาท
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระ+ทาสีองค์พระ+ทาสีฐานพระ องค์ละ 15,000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      120.3 KB
      เปิดดู:
      271
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2014
  16. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    อดีตที่ฝังรอยมาจากบุพชาติของหลวงปู่หลุย จันทสาโร

    อดีตที่ฝังรอยมาจากบุพชาติของหลวงปู่หลุย จันทสาโร


    [​IMG]


    หลังจากที่เสร็จงานพิธีบรรจุอัฐิธาตุ ท่านพระอาจารย์บุญ ปัญญาวุโธ (พระอาจารย์องค์แรกของหลวงปู่หลุย จันทสาโร) ในเจดีย์ที่ก่อขึ้นมา ณ บริเวณวัดพระบาทบัวบกแล้ว หลวงปู่หลุย จันทสาโร ก็ออกธุดงค์วิเวกมาทางจังหวัดเลยและจังหวัดเพชรบูรณ์ ทางสายนั้น ขณะนั้นยังเป็นป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุด มีภูเขาใหญ่น้อยเรียงรายกันเป็นดุจทะเลภูเขา เวลาเย็นเห็นแสงพระอาทิตย์ส่องผ่านไปให้สีสันต่างๆ กัน เหมือนคลื่นภูเขาเหล่านั้นกำลังตีฟองคะนองอยู่ในอากาศ อากาศวิเวก ชวนให้ภาวนา ท่านเล่าว่า การเดินแบบนั้นได้ประสบรสแห่งความวิเวกอย่างดีที่สุด ซึ่งในปัจจุบันนี้แทบจะหาความสงบสงัดวิเวกทำนองนั้นไม่ได้อีกแล้ว เพราะได้มีรถยนต์เป็นยานพาหนะ จะไปไหนมาไหนก็รวดเร็ว การสงบจิตติดตามไปมิได้วังเวงวิเวกเช่นการเดินด้วยเท้าดังครั้งก่อน

    ท่านแวะมาที่หล่มสักด้วยโยมมารดาของท่าน (เจ้าแม่นางกวย) มีพื้นเพภูมิลำเนาอยู่ที่นั้น จึงยังมีบ้านญาติบ้านพี่บ้านน้อง คนคุ้นเคยอยู่มาก ท่านมาถึงได้ทราบว่า บ้านญาติคนหนึ่งมีงานศพ นิมนต์พระไปสวดมนต์ ท่านก็ได้รับนิมนต์ไปในงานสวดมนต์นั้นด้วย

    หลวงปู่หลุยเล่าให้ฟังว่า ท่านไม่เคยคิดเลยว่า การแวะไปเยี่ยมญาติและสวดมนต์ในครั้งนั้น จะทำให้ท่านถึงกับซวดเซลงแทบจะล้มลงทั้งยืน

    ล้ม...ล้มอย่างไม่มีสติสตังเลยทีเดียว ท่านเล่าให้เฉพาะผู้ใกล้ชิดฟังว่า วันนั้นท่านกำลังสวดมนต์เพลินอยู่ ระหว่างหยุดพักการสวด เจ้าบ้านก็นำน้ำปานะมาถวายพระแก้คอแห้ง บังเอิญตาท่านชำเลืองมองไปในหมู่แขกที่กำลังนั่งฟังสวดมนต์อยู่ เพียงตาสบตา ท่านก็รู้สึกแปล๊บเข้าไปในหัวใจ

    หมือนสายฟ้าฟาด แทบจะไม่เป็นสติสมประดี ท่านกล่าวว่า เพียงตาพบแว้บเดียว ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ท่านก็เซแทบจะล้ม เผอิญขณะนั้น ท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ได้รับนิมนต์ไปด้วย ท่านคงสังเกตถึงอาการ หรือว่าท่านอาจจะกำหนดจิตทราบเหตุการณ์ก็ได้ ท่านจึงเข้ามาประคองไว้ เพราะมิฉะนั้นหลวงปู่หลุยคงจะล้มลงจริงๆ

    ฝ่ายหญิงที่นั่งอยู่ทางด้านโน้นก็เป็นลมไปเช่นกัน คงจะเป็นอำนาจความเกี่ยวข้องแต่บุพชาติมา ที่มาบังคับให้เกิดความรู้สึกเช่นนั้น


    ท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม


    [​IMG]


    ท่านบอกว่าในหัวอกเหมือนจะมีอะไร แต่ภายหลังได้พิจารณากลับมา และเมื่อท่านพระอาจารย์สิงห์ได้อธิบายให้ท่านทราบในภายหลังว่า การครั้งนี้เป็นนิมิต เนื่องจากบุพเพสันนิวาสท่านและสุภาพสตรีผู้นั้น เคยเป็นเนื้อคู่เกี่ยวข้องกันต่อมาช้านาน เคยบำเพ็ญบารมีคู่กันมา โดยเฉพาะเมื่อภายหลังหลวงปู่หลุยได้สารภาพถึงความในใจที่ตั้งปรารถนาพุทธภูมิ ท่านพระอาจารย์สิงห์ก็อธิบายว่า เธอผู้นั้นก็คงได้ปรารถนาบำเพ็ญบารมีคู่กันมาเช่นกัน

    ท่านก็เลยเล่าว่า ครั้งหนึ่งหลวงปู่อีกองค์หนึ่งก็เช่นกัน ระหว่างที่มากรุงเทพฯ เดินบิณฑบาตอยู่แถววัดสระปทุม ได้พบสตรีคนหนึ่งนั่งรถสามล้อผ่านไป (สมัยนั้นในกรุงเทพฯ มีรถสามล้อเป็นยานพาหนะด้วย-ผู้เขียน) ท่านบอก เพียงตาสบตาเท่านั้น ความรู้สึกมันปล๊าบไปทั้งตัว แทบจะวิ่งตามเขาไป คราวนั้นพระเถระผู้ใหญ่ต้องให้สติและขังท่านไว้ในโบสถ์ พิจารณาดับความรู้สึกกันอยู่นาน ด้วยการเจริญอสุภะจึงสำเร็จ คราวนั้นหลวงปู่องค์นั้นท่านก็เล่าว่า ไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้นมาก่อน แล้วก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนด้วยซ้ำ เขาจะไปที่ไหน อย่างไร ก็ไม่ทราบ แต่ใจมันวิ่งเตลิดตามเขาไป พิจารณาแล้วก็ได้ความเช่นกัน ว่าเป็นคู่ที่เคยมีบุพเพสันนิวาสกันมาแต่ชาติก่อน อำนาจกรรมนั้นจึงมาประจักษ์ แต่หากว่าบุญบารมียังมีในเพศพรหมจรรย์ ท่านจึงปลอดภัยไปจากกรรมนี้ได้

    สำหรับกรณีของหลวงปู่หลุยก็เช่นกัน แต่ของท่านนั้นเนื่องจากเป็นการปรารถนาพุทธภูมิเคียงคู่กันมา จึงมีอำนาจรุนแรงมาก และเนื่องจากว่า ฝ่ายหญิงมิได้พบกันแล้วก็ห่างกันไปแบบในกรณีของหลวงปู่องค์นั้น ต้องพบประจันหน้ากันอีกหลายครั้ง เนื่องด้วยผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเป็นผู้คุ้นเคยกันประหนึ่งญาติ และมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันมาหลายชั้น ตั้งแต่ครั้งบิดามารดา ต้องพบเห็นกัน ไม่ใช่ว่าเป็นการพบกันแล้วก็ผ่านจากไป เช่นนั้นอาจจะเป็นกรณีที่ง่ายหน่อย แต่การนี้หลังจากพบครั้งแรกแล้วนั้น ก็ยังต้องเห็นกันอีก กรณีจึงแตกต่างจากพระเถระครูบาอาจารย์ฝ่ายกัมมัฏฐานองค์อื่น ในชาตินี้ นอกจากที่ว่าชั้นบิดามารดารู้จักคุ้นเคยกันประหนึ่งญาติพี่น้อง อาจจะเคยเห็นกันในสมัยวัยเด็ก แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายหญิงได้ถูกส่งตัวเข้ามารับการศึกษาในพระนครเสียตั้งแต่ยังเด็ก ได้รับการศึกษาชั้นสูง จึงแทบมิได้พบหน้ากันอีก เมื่อมาพบฝ่ายหญิงนั้น ท่านอยู่ในเพศบรรพชิตแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งเป็นกุลสตรีแสนสวย เป็นรอยแห่งอดีตที่มาพบพานกัน

    ความจริงท่านไม่เคยเล่าถึงรูปลักษณ์ของ “รอยอดีต” ของท่าน แต่บังเอิญผู้เขียน (คุณหญิงสุรีย์พันธุ์ มณีวัต) เกิดทราบขึ้นมาเอง วันนั้นเป็นเวลาที่มีการสนทนาธรรมกัน และหลวงปู่หลุยกำลังเทศนาอธิบายถึงแรงกรรม โดยเฉพาะกรรมเกี่ยวกับบุพเพสันนิวาส ที่พระเณรจะต้องประสบและจะต้องมีกำลังใจอย่างมากที่จะเอาชนะให้ได้ในที่สุด สุดท้ายวันนั้นท่านได้ยกกรณีของท่านขึ้นมาว่า องค์ท่านเองยังแทบเป็นลม ฝ่ายท่านนั้นพระเถระต้องเข้าประคอง ฝ่ายหญิงเป็นลมญาติผู้ใหญ่และมารดาต้องเข้าประคอง ขณะฟังไม่ทราบว่าเพราะอะไรผู้เขียนรู้สึกสว่างวาบขึ้นในใจ เข้าใจนึกถึงชื่อเธอขึ้นมา กราบเรียนท่านโดยเอ่ยชื่อเธอ...ว่าใช่ไหมสุภาพสตรีท่านนั้น หลวงปู่หลุยค่อนข้างจะตกใจที่ทำไมศิษย์เกิดรู้จักขึ้นมาได้แต่ท่านก็อึ้งและยอมรับว่าเข้าใจถูกแล้ว ฉะนั้น การพรรณนารูปร่างลักษณะของเธอ ซึ่งผู้เขียนเผอิญรู้จัก และมีความเคารพนับถือ...นับถือในอัจฉริยะของเธอ จึงเป็นการบรรยายจากผู้เขียนฝ่ายเดียว หลวงปู่หลุยท่านมิได้เล่ารายละเอียดเหล่านั้น ผู้เขียนเพียงแต่ช่วยวาดภาพให้ท่านผู้อ่านได้นึกถึงเรื่องและเข้าใจตามไปด้วยเท่านั้น ว่าเป็นการยากลำบากและต้องการพลังใจอันเด็ดเดี่ยวเพียงใด ที่หลวงปู่หลุยท่านจะสามารถตัดกระแสความผูกพันจากรอยอดีต โดยเฉพาะผู้ที่เป็นคู่บารมีมาสำหรับการปรารถนาพุทธภูมิ

    “รอยอดีต” ของท่านเป็นกุลสตรีที่ได้รับการศึกษามาอย่างดี จบการศึกษาชั้นมัธยมบริบูรณ์จากโรงเรียนสตรีที่มีชื่อทางภาษาต่างประเทศ นานๆ เมื่อกลับไปเยี่ยมบ้าน ก็กลับไปแบบหญิงสาวสมัยใหม่ รูปสวย นัยน์ตาโตงาม มีคนหลายคนที่เล่าว่า เวลาที่เห็นเธอกลับไปเยี่ยมบ้านนั้น เสมือนหนึ่งเห็นเทพธิดาล่องลอยอยู่ในฟ้า ขี่ม้าเก่ง แต่งตัวสวย แบบสาวชาวกรุงแท้ ผมสวย หน้าสวย

    ความจริงแล้ว เจ้าแม่นางกวย โยมมารดาของหลวงปู่หลุย จันทสาโรนั้น ก็เป็นผู้ที่มีชื่ออยู่มากในเรื่องแต่งตัวงาม ผมของท่านจะจับหย่ง ใช้ขี้ผึ้งจับจอนให้งดงาม เป็นที่เลื่องลือกันทั้งหมู่บ้าน และมีชาวบ้าน มีเพื่อนบ้านใกล้เคียง ผู้ที่เป็นหญิงสาวมักจะมาขอเรียนการทำผมที่ทำไมจึงจะสวยได้อย่างเจ้าแม่นางกวย กลายเป็นที่พูดกันว่า ท่านเป็นประหนึ่งผู้ทำผมให้กับหญิงสาวทั้งหมู่บ้าน แต่นั้นก็เป็นแบบผมในสมัยของท่าน

    กุลสตรีท่านนี้เป็นแบบสาวสมัยใหม่ ผมงามแบบผมท่าน ขี่ม้าเก่ง และไม่ได้แต่งตัวแบบหญิงสาวชนบท สวมกางเกงขี่ม้าใส่รองเท้าท็อปบู๊ต ต่อมาภายหลัง หลังจากที่ต้องจากกันแล้ว เมื่อเธอกลับมาใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพมหานคร เธอก็ได้มามีชื่อเสียงอย่างมาก และเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับผู้ที่รักหนังสือทั้งหลาย เข้าใจว่า ผู้ที่มีอายุประมาณ ๕๐ ปีขึ้นไปนั้นจะต้องเคยได้ยินชื่อของเธอมามาก

    หลวงปู่หลุยจึงเล่าภายหลังว่า ท่านรู้สึกเหมือนกับว่าหัวอกแทบจะระเบิด อกกลัดเป็นหนอง แต่ใจหนึ่งก็คิดมุ่งมั่นว่า จะต้องบำเพ็ญเพศพรหมจรรย์ต่อไป

    ท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม เข้าใจในความรู้สึกของหลวงปู่หลุยผู้เป็นศิษย์ใหม่ได้ดี ท่านจึงจัดการพาตัวหลวงปู่หลุยรีบจากหล่มสักมาโดยเร็วที่สุด หลวงปู่หลุยกล่าวว่า ไม่ใช่เป็นการพาตัวมาอย่างธรรมดา แต่เป็นการควบคุมนักโทษ ผู้นี้ให้หนีออกมาจากมารที่รบกวนหัวใจแต่โดยเร็ว

    หลวงปู่หลุยกล่าวว่า เป็นการเคราะห์ดีอย่างยิ่งที่บังเอิญเจ้าภาพที่หล่มสักนั้น ได้นิมนต์ท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ไปร่วมในงานศพในครั้งนั้นด้วย หากไม่มีพระเถระช่วยให้สติปรับปรุงแถมยังคอยควบคุมตัว ท่านว่า ไม่ทราบว่าจะรอดพ้นปากเหยี่ยวปากกามาได้หรือไม่ ท่านได้เห็นจริงในตอนนั้นว่า มาตุคามเป็นภัยแก่ตนอย่างยิ่ง เมื่อพระอานนท์กราบทูลถามสมเด็จพระพุทธองค์ว่า ควรปฏิบัติต่อมาตุคามเช่นใด พระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า “ไม่ควรมอง ถ้าจำเป็นจะต้องมอง ก็ไม่ควรพูดด้วย ถ้าจำเป็นจะต้องพูดด้วย ก็ให้ตั้งสติ” ท่านตรัสบอกขั้นตอนปฏิบัติต่อมาตุคามเป็นลำดับๆ ไป แต่นี่หลวงปู่เพียงโดนขั้นแรก มองก็ถูกเปรี้ยงเสียแล้ว ถ้าเป็นนักมวยก็ขึ้นเวทียังไม่ทันจะเริ่มต่อย ก็ถูกน็อค

    ท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม นี้เป็นศิษย์รุ่นใหญ่ของท่านพระอาจารย์มั่น ต่อมาได้รับสมณศักดิ์เป็นที่พระญาณวิศิษฏ์ ท่านได้เห็นพระรุ่นน้องแสดงกิริยาดูน่ากลัวว่าจะพ่ายแพ้อำนาจของกิเลส ถ้าเป็นนักสู้ ก็เป็นนักสู้ที่ยินยอมจะให้เขายกกรีธาพาเข้าสู่ที่ประหารชีวิตแต่โดยดี ไม่พยายามฝืนต่อสู้แต่อย่างใด

    ท่านจึงควบคุมนักโทษ “ซึ่งเป็นนักโทษหัวใจ” ผู้นั้น รีบหนีออกจากหล่มสักโดยเร็ว ออกมาจากสถานที่เกิดเหตุคือเมืองหล่มสักโดยเร็วที่สุด เที่ยววิเวกลงมาตามป่าตามเขา และเร่งทำตบะความเพียรอย่างหนัก

    ท่านพระอาจารย์สิงห์สนับสนุนให้หลวงปู่หลุยอดนอน อดอาหาร เพื่อผ่อนคลายความนึกคิดถึงมาตุคาม ให้เร่งภาวนาพุทโธ...พุทโธถี่ยิบ และนั่งข่มขันธ์ แต่ความกลับกลายเป็นโทษ เคราะห์ดีท่านไม่ตามนิมิต ซึ่งแทนที่จะยอมสิโรราบตามเคราะห์กรรมที่มีอยู่เช่นนั้น เพราะเคยมีกรรมต่อกันมาเช่นนั้น ทำให้พอเห็นก็มืออ่อนเท้าอ่อน ยอมตายง่ายๆ ท่านกลับเข้าหาครู เชื่อครู เล่านิมิตถวาย ท่านพระอาจารย์สิงห์ท่านได้โอกาส จึงได้อบรมกระหน่ำเฆี่ยนตีทันควัน

    ท่านกล่าวว่า ตัวท่านผ่านเหตุการณ์อันน่าสยดสยองมาได้แล้ว ท่านหลวงปู่หลุยมองย้อนกลับไปจึงได้คิดว่า ผู้ที่มีญาณซึ่งสามารถหยั่งรู้เหตุการณ์ในอดีตก็ดี หรือภาพอนาคตก็ดี หากผู้ล่วงรู้อดีต อนาคตนั้น ไม่มีคุณธรรมมั่นคงแข็งแรงก็อาจจะเป็นผลเสียได้ อยู่ดีๆ เกิดไปรู้ว่าเคยชอบเคยรักกับใครก็จะลำเอียงไปตามนั้น ถ้าไปพบว่ามีเรื่องผูกพันกัน โกรธกัน ไปรู้เข้า ก็จะยุ่งแน่ ดังเช่นเกิดญาณรู้อยู่คนนั้นเคยมาข่มเหงเรา ฆ่าเรา พอรู้เข้าในชาตินี้ กลับอยากจะอาฆาตเตรียมตัวที่จะไปข่มเหงเขา ฆ่าเขาตอบแทนเรื่อยๆ นี่แหละท่านถึงไม่ให้ปุถุชนคนกิเลสหนาปัญญาหยาบได้ล่วงรู้ถึงอดีต รู้ถึงอนาคต ด้วยจิตยังมีริษยาอาฆาตโกรธแค้นต่อกันอยู่



    คัดลอกบางตอนมาจาก
    หนังสือจันทสาโรบูชา หลวงปู่หลุย จันทสาโร
    เรียบเรียงโดย คุณหญิงสุรีย์พันธุ์ มณีวัต


    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    ประวัติและปฏิปทาหลวงปู่หลุย จันทสาโร
    แสดงกระทู้ - หลวงปู่หลุย จันทสาโร • ลานธรรมจักร

    เรื่องเล่าเกี่ยวกับเนื้อคู่ของหลวงปู่แหวน สุจิณโณ
    แสดงกระทู้ - เรื่องเล่าเกี่ยวกับเนื้อคู่ของหลวงปู่แหวน สุจิณโณ • ลานธรรมจักร

    หลวงปู่จวน กุลเชฏฺโฐ ไม่ขอคืนสู่ชีวิตที่สละแล้ว
    เรื่องราวที่ท่านต้องเผชิญภัยจากมาตุคาม (ผู้หญิง)
    แสดงกระทู้ - หลวงปู่จวน กุลเชฏฺโฐ ไม่ขอคืนสู่ชีวิตที่สละแล้ว • ลานธรรมจักร

    พระอาจารย์รูปหนึ่งซึ่งเคยอยู่กับท่านพระอาจารย์มั่น
    ลาสิกขาเพราะโรคกรรมเก่าซึ่งหายยาก ทั้งติดต่อลุกลามได้เร็ว
    แสดงกระทู้ - เรื่อง "โรคกรรมเก่า" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) • ลานธรรมจักร

    คนบวชคนสึกมันเป็นธรรมดาโลก : หลวงปู่ไดโนเสาร์
    แสดงกระทู้ - คนบวชคนสึกมันเป็นธรรมดาโลก : หลวงปู่ไดโนเสาร์ วัดสักกะวัน • ลานธรรมจักร

    คุณสมบัติ ๓ ประการ
    ของพุทธบริษัทผู้จะรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้
    แสดงกระทู้ - คุณสมบัติ ๓ ประการ ของพุทธบริษัทผู้จะรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้ • ลานธรรมจักร

    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      176.2 KB
      เปิดดู:
      240
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2014
  17. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    เชิญร่วมหล่อ
    พระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมปางเปิดโลกหรือ
    พระพุทธรูปประจำวันเกิด

    พระปางถวายเนตร
    ความสูงรวมฐานพระสูง 2.5 เมตร
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระองค์ละ 10,000 บาท
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระ+ทาสีองค์พระ+ทาสีฐานพระ องค์ละ 15,000 บาท
     
  18. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    นิทานธรรมะ

    มีชายหญิงคู่หนึ่งรักกันมาก คบกันมา 3 ปี ทั้ง 2 ตกลงจะแต่งงานกัน กำหนดวันเรียบร้อย ฝ่ายชายเองก็รอคอยวันที่จะแต่งงาน

    ต่อมาไม่นานฝ่ายชายรู้ข่าวว่า คู่รักของตนแต่งงานกับคนอื่นอย่างกะทันหัน โดยฝ่ายหญิงเองก็เต็มใจ ไม่ได้ถูกบังคับแต่อย่างใด
    เมื่อได้ทราบข่าว เขาทั้งงงและเสียใจมาก ร้องไห้ไม่กินไม่นอน ไม่นานก็ป่วยหนักเพราะตรอมใจ เวลาผ่านไป ฝ่ายชายป่วยหนักขึ้นเรื่อยๆ ไปหาหมอเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้น ขณะที่นอนซมอยู่ที่บ้านนั้น มีหลวงตาแก่ๆผ่านมา เมื่อมาถึงหลวงตาหยุดอยู่ที่หน้าบ้าน แล้วมองเข้าไปในบ้านจึงเคาะประตู

    เด็กรับใช้ออกมาเปิดประตูพบว่า เป็นพระ จึงบอกว่า ” ไม่ทำบุญนิมนต์ข้างหน้า”

    หลวงตายิ้มอย่างมีเมตตาแล้วพูดว่า “อาตมาไม่ได้มาบิณฑบาต ในบ้านมีคนป่วยใช่มั๊ย อาตมาพอมีความรู้ทางด้านการแพทย์นิดหน่อยไม่รู้จะพอช่วยได้รึปลาว”
    เด็กรับใช้ได้ฟังก็อึ้งแต่ก็บอกว่า ตัดสินใจเองไม่ได้ต้องขอไปถามเจ้านายก่อน เด็กรับใช้เดินเข้าไปในบ้านถามเจ้านาย เจ้านายตอบอย่างตัดรำคาญว่า “อยากเข้ามา ก็เข้ามา!”

    เมื่อหลวงตาเข้าไปพบที่ห้องนอนพบว่า ชายคนดังกล่าวนอนอย่างหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียง สีหน้าซีดเซียว ร่างกายซูบผอมประหนึ่งครึ่งคนครึ่ศพ เด็กรับใช้นำน้ำมาถวายหลวงตา พร้อมจัดเก้าอี้ถวายข้างๆเตียงของชายคนนั้น
    หลวงตายิ้มแล้วพูดว่า “อาการหนักเลยนะ”

    ชายคนนั้น นิ่งเงียบไม่สนใจในสิ่งที่หลวงตาพูด หลวงตาตรวจอาการพอเป็นพิธี จึงกล่าวว่า “โทรมมากเลยนะ” ชายคนนั้นไม่สนใจ

    หลวงตาบอกว่า “ไม่เชื่อ ลองมองที่กระจกสิ” ชายคนนั้นไม่สนใจ

    แต่ขณะที่หางตาชายไปที่กระจกแต่งตัวในห้องนอน เขามองเห็นภาพของคนที่รักอยู่ในนั้น ไม่นานภาพของคนรักก็ค่อยๆจางหายไป กลายเป็นภาพทิวทัศน์ชายทะเล

    ที่ชายทะเลแห่งนั้นเงียบสงบ ไม่มีคนผ่านไปมา ขณะที่ชายคนที่ป่วยนั้น มองภาพในกระจกด้วยความสนใจนั้น เขาพบว่า มีศพหญิงสาวนอนเปลือยกายอยู่ที่ชายหาด

    เวลาผ่านไปสักครู่ มีชายคนหนึ่งเดินผ่านมา เขามองเห็นศพหญิงคนนั้นด้วยความรังเกียจ แล้วเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว

    ต่อมาพักใหญ่มีชายอีกคนหนึ่งเดินผ่านมา เขามองเห็นศพนั้น เขาสงสารจึงถอดเสื้อนอกออกมาคลุม ร่างของหญิงคนนั้น แล้วเดินจากไป

    พักใหญ่ๆอีกเช่นกัน มีชายอีกคนเดินผ่านมา เขาพบคนนอนมีผ้าคลุมอยู่ จึงเปิดออกดู เมื่อพบว่า เป็นศพ ด้วยใจสงสาร
    จึงจะฝังให้เรียบร้อย แต่ก็ไม่มีเครื่องมือจะขุด เขาจึงตัดสินใจใช้มือทั้ง 2 ข้างๆ ค่อยๆ กอบทรายขึ้นมา เขาทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ
    จนเย็น พอได้หลุมใหญ่พอสมควร จึงได้ฝังศพผู้หญิงคนนั้นเรียบร้อยแล้วจากไป

    จากนั้นภาพในกระจกก็เปลี่ยนเป็นภาพของศพหญิงคนนั้น และก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นภาพของหญิงคนรัก เขาได้เห็นก็ตกใจ

    พอสักพัก ก็ปรากฏเป็นภาพชายคนที่ 2 แล้วก็ค่อยๆจางหายไป เหลือแต่เงาของตัวเองในกระจก

    ทันใดนั้นหลวงตาพูดว่า “ทีนี้เข้าใจรึยัง ศพนั้น คือ คู่รักของโยม

    ชายคนที่ช่วยฝังศพเธอ ผูกวาสนากับเธอหนึ่งชาติ ชาตินี้เธอเลยแต่งงานกับเขา

    ส่วนโยมช่วยคลุมศพเธอ จึงผูกวาสนา 3 ปี ตอนนี้ครบ 3 ปี วาสนาสิ้นแล้วก็ต้องจากกัน”

    เมื่อชายคนนั้นฟังจบก็กระอักเลือดออกมา เด็กรับใช้ตกใจมาก หลวงตายิ้มแล้วบอกว่า “โยมรอดแล้ว เมื่อกี้โยมกระอักเลือดเอาเลือดเสียออกมาแล้ว” ต่อมาไม่นานชายคนนั้นก็ได้ออกบวชติดตามหลวงตาองค์นั้นในที่สุด


    นำนิทานธรรมะมาฝากกันค่ะ ให้สิ่งใดไม่เท่าให้ทาน เป็นธรรมทาน ค่ะ อ่านแล้วหลายท่านคงจะบอกว่าโถก็เราไม่รู้หนิ ไม่งั้นให้มือแตกเป็นแผลเลือดซิปๆก็คงจะขุดหลุมฝังคนรักคนเสร็จเรียบร้อย หากรู้ว่าอานิสงส์นั้นจะช่วยให้คนสองคนได้ครองคู่กันจนแก่เฒ่า ถือว่าเป็นการทำอะไรที่เล็กน้อยมากเลย เมื่อก่อนเราอาจไม่รู้ แต่เมื่อรู้แล้วก็ตั้งต้นใหม่ได้ค่ะ เรื่องที่พิสูจน์ไม้ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ แต่เวลารักใครนี่ต้องพากันทำบุญค่ะ เวลาจะผูกจะพันใครหากต้องการให้เป็นความสัมพันธ์ที่มั่นคงต้องผูกไว้ด้วยบุญกุศล มันจึงจะยั่งยืน แอบถือเรื่องแบบนี้ค่ะ ถ้าไม่ชัวร์ไม่ทำบุญร่วมกันเด็ดขาดไม่ว่ากรณีใดๆ 555 ไม่อยากมาเจอกันอีก ถึงจะอโหสิกรรมให้ไม่อาฆาตพยาบาทแต่ก็ไม่อยากจะเจอกันอีกแบบว่าเจ็บแล้วจำน่ะค่ะ
     
  19. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    เชิญร่วมหล่อ
    พระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมปางเปิดโลกหรือ
    พระพุทธรูปประจำวันเกิด

    พระปางถวายเนตร
    ความสูงรวมฐานพระสูง 2.5 เมตร
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระองค์ละ 10,000 บาท
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระ+ทาสีองค์พระ+ทาสีฐานพระ องค์ละ 15,000 บาท
     
  20. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    เชิญร่วมหล่อ
    พระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมปางเปิดโลกหรือ
    พระพุทธรูปประจำวันเกิด

    พระปางถวายเนตร
    ความสูงรวมฐานพระสูง 2.5 เมตร
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระองค์ละ 10,000 บาท
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระ+ทาสีองค์พระ+ทาสีฐานพระ องค์ละ 15,000 บาท
     

แชร์หน้านี้

Loading...