หลวงปู่ดุลย์พูดถึงไอสไตน์

ฟังหูไว้หูเถอะครับ ธรรมของหลวงปู่ดูลย์ เท่าที่ผมได้สัมผัส มีแต่สอนให้ดึงจิตกลับเข้าหาตัวเอง พิจารณาตัวเอง แล้วหลวงปู่จะไปสอดส่ายเรื่องคนอื่นทำไม มันขัดแยังกับที่หลวงปู่สอนครับ

 

ขอเสนออีกมุมมองจาก "ฝั่งโน้น" นะครับ ที่ว่า

ต้องอาศัยปัญญาอริยมรรคจึงจะเข้าถึงพระนิพพานได้

นี่เป็นทางที่เค้าว่าลัด ตัดตรงที่สุด ของพุทธะ แต่ว่านะ
มันก็ยังมีทางอื่นๆ อีก แม้จะต้องอ้อม ลดเลี้ยวเคี้ยวคด ใช้เวลานานกว่า
ก็สามารถไปถึงนิพพานได้เหมือนกันนะ ขอบอก ไม่ได้มีทางเดียวเท่านั้น

แต่ไอน์สไตน์ไม่รู้จักพระนิพพาน จึงเข้าพระนิพพานไม่ได้
ส่วนคำกล่าวว่าไอน์สไตน์พิจารณาไปถึงพระนิพพาน นั้น เป็นเรื่องไม่จริง

ไอน์สไตน์ เค้ารู้จักนิพพานนะครับ อ่านเจอแล้วก็พิจารณาอยู่นาน และหลายครั้งด้วย
แม้จะไม่ได้เข้าถึงแก่นของมันทั้งหมด แต่เค้าก็ตีความไปได้แยะเชียวล่ะครับ
แต่ว่ากิจของเขาไม่ใช่การไปนิพพาน เหตุปัจจัยต่างๆ ก็เลยไม่ได้สนับสนุนมากพอ
สมาธิระดับฌานของเค้านั้น ลึกซึ้ง ดื่มด่ำ กว้างไกล เกินกว่าใครจะคาดได้ถึง ขอบอก


กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง
.

 

ปัญญาระดับไอสไตน์นั้น ถ้าเขาจะเปลี่ยนใจ หันมาปฏิบัติเพื่อนิพพานในชาตินั้น
เค้าก็คงสามารถทำได้ใช่ไหมคะ?

 

แล้วเราจะทราบไม๊เนี่ย เดี๋ยวนะ จะลองถามเค้าให้ 555

คงจะยากครับ ปัญหาอยู่ที่เงื่อนเวลา และเหตุปัจจัยอย่างที่บอก
ตอนที่เค้าอ่านเจอนิพพาน เค้ากะลังทุ่มใจให้กับบางอย่างอยู่ แบบหมดใจ
เค้ามาศึกษาพุทธะ เพื่อใช้ช่วยหาคำตอบให้กับสิ่งที่เค้าทุ่มใจอยู่ เท่านั้นเอง

แน่นอน ปัญญาระดับนั้น แค่อาณาปานสติ กับอิทัปปัจจยตา ไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ
555 เป็นไงครับ มั่วได้นิ่มดีไม๊ อย่าเชื่อล่ะครับ ขอหลอก เอ้ย ขอบอก


กระต่ายป่า ข้างวัด / นักรบแสง

ปล.กระต่ายป่า ข้างวัด หายแบนแล้ว เป่าลมมาใหม่ พองได้ที่แล้วครับ 555
.

 

มั่วได้น่าเชื่อถือมาก
อ้อ...ลืมบอก ดีใจด้วยนะ ได้เพื่อนกลับมาแล้ว

 

แม้หนังสือประวัติไอน์สไตน์ เล่มที่ถือว่าละเอียดที่สุด
ที่ถึงขนาดว่าเอาจดหมายที่ตอบโต้กับแฟนต่างๆ มากล่าวไว้
แต่ก็ยังไม่มีกล่าวถึงเรื่องศาสนาพุทธมากเลย . น่าเสียดายจริงๆ



ถ้าคุณได้อ่านหนังสือเล่มนี้ และทึ่งกับความคิดของไอน์สไตน์ที่สามารถคิดเรื่องทฤษฎีสัมพัทธภาพอันรือรั้นได้นั้น
จะรู้ว่าวิธีการคิดแบบนั้น มีแนวคิด ที่มาของแนวคิดเป็นอย่างไร

ผมพยายามหาข้อมูลที่ว่า ไอน์สไตน์ สามารถคิดไปถึงนิพพานได้แล้วนั้น
จากแหล่งข่าวภาษาอังกฤษที่น่าเชื่อถือ แต่ก็ยังหาไม่เจอ
ถ้าคุณมีข้อมูลตรงนี้ ก็ลองเอามาให้ดูบ้างจะขอบคุณ

 

ประมาณ ว่า มีคน ที่ฝึกสมาธิ แล้วไปอ่านบทความของไอสไตน์ แล้่วนำมาเปรียบเทียบเท่านั้นแหล่ะครับ ประมาณว่า คนที่เอามาเปรียบเทียบ นั่นแหล่ะ คือ ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ไอสตน์ไม่เกี่ยว พระพุทธเจ้าไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลยครับ

เช่น ที่ผมเคยอ่านหนังสือมา ว่า ในอะตอม นั่น ข้างในยังมี นิวตรอน อิเลคตรอน นิวเครียสอะไรนั่น แต่ ยังมีสิ่งหนึ่ง ที่พวกเขาไม่เข้าใจก็คือ แล้วที่ว่าง ระหว่าง นิวตรอนและอิเลคตรอนล่ะ ที่ว่างนั้น คือ อะไร มีอะไร ว่างจริงหรือไม่ หรือ ยังมีที่เล็กกว่า อีก

ก็เท่านั้น ซึ่ง ทางวิทย์นั่น เขาชำแหระ เพื่อหาว่า ที่สุดของมันคือ อะไร ประมาณว่า ตายแล้วเป็นอะไร หรือที่สุดของสมมุตินั้นคืออะไร ซึ่งหมายถึงเรื่อง ปรมัตถ์ธรรม นั่นเอง เรื่องเดียวกัน แต่ วิทย์เขาให้ แยกออก ผ่าออก ให้ ผ่าเล็กลง เล็กลง ให้ถึงที่สุด ว่าจะเหลืออะไร

ต่างกัน กับ พุทธศานา คำสอนนั้นไม่ได้สอนให้ หาที่สุด ของสิ่งเหล่านี้ ว่า ตายแล้วไปไหน แต่คำสอน สอนให้ รู้เห้นความจริงว่า สิ่งเหล่านี้ เกิดจากเหตุปัจจัย อะไร สอนให้รู้ ความจริง ที่ทำให้ มี ให้เกิด สมมุติทั้งปวง

ต่างกัน ตรง วิธีการค้นหาคำตอบ นั่นเอง

 

ถ้าได้อ่านประวัติโดยละเอียดของไอน์สไตน์แล้ว
จะพบว่าวิธีคิดของไอน์สไตน์ไม่ได้เกินนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำ

ช่วงท้ายของชีวิตหลายสิบปี เขาไม่มีผลงานโดดเด่นอะไรใหม่
และยังมีความคิดยึดติดเกี่ยวกับเรื่องเดิมๆ .. ทั้งที่ในขณะนั้น
ทฤษฎีควอนตั้ม เริ่มได้รับการยอมรับ และสามารถไขคำตอบ
ที่ยากๆ ทางวิทยาศาสตร์ได้

สมัยช่วงหนุ่มที่ไอน์สไตน์มีผลงานโดดเด่นนั้น ตอนนั้นลูกชาย
กำลังจะเริ่มทำงานโดยจะไปเป็นวิศวกร ไอน์สไตน์ไม่เห็นด้วย
เพราะว่าไม่ได้สร้างสรรงานอะไรสำคัญ แม้จะสามารถมีรายได้ที่ดีกว่า
นักวิทยาศาสตร์แบบไอน์สไตน์ ..
แต่มาตอนหลังช่วงท้ายชีวิต ไอน์สไตน์ได้บอกลูกชายคนนั้นว่า
ดีแล้วที่ไม่ได้เป็นนักวิทยาศาสตร์ เพราะว่านักวิทยาศาสตร์
ต้องอาศัยโชคด้วย!

อ้ออีกนิดหนึ่ง .. ไอน์สไตน์เป็นนักวิทยาศาสตร์ในกลุ่มเชิงทฤษฎี
คือไม่ได้อยู่ในห้องทดลองที่ต้องใช้เครื่องมือมากมาย
ไอน์สไตน์ใช้วิธีทำการทดลองทางความคิดบนหัวล้วนๆ
โดยอาศัยผลการทดลองเบื้องต้นจากเอกสารทางวิทยาศาสตร์
แต่ในช่วงหลังๆ นั้น .. นักวิทยาศาสตร์ที่มีผลงานก้าวหน้าได้นั้น
ล้วนเป็นกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่ทำการทดลองและมีเครื่องไม้เครื่องมือทั้งสิ้น

 

หรือ อาจจะมีคน คิด เอา ทฤษฏีสัมพันธภาพ ของไอสไตน์ มาเปรียบเทียบกับ วงจรสมุปกิจบาทก็ อาจเป็นได้ ว่า
สัมพันธภาพ เกิดต่อๆ กันไป กระทบกันไปเรื่อง ทางปฏิกิริยา เพราะการทำปฏิกิริยาต่อกัน หรือ การเป็นวรจรเกิดดับไม่รู้จบของกรรม ในวัฏฏสงสาร

 

ผมว่า มี นักวิทย์คนหนึ่ง ที่ทฤษฏีของเขา น่าสนใจกว่า สัมพันธภาพของไอสไตน์ แต่ผมจำชื่อไม่ได้ เรื่อง เกี่ยวกับ เวลาและสนามแม่เหล็กนี่แหล่ะ

 

อย่าไปเถียงกันเลยครับ
ไปหาหนังสือ "หลวงปู่ฝากไว้" (ลป ดูลย์ อตุโล) มาอ่านกันนะครับ
เป็นหนังสือที่ดีมากที่สุดเล่มหนึ่ง (ตามทัศนะของผม)ที่ทำให้ผมหันมาสนใจพระพุทธศาสนาเพราะปู่ผมเอามาลืมไว้ที่บ้าน เลยอ่านๆๆดู
ที่สำคัญอ่านแล้วพิจารณาตามจะได้อะไรมากมายครับ
กราบเคารพ ลป ดูลย์ อตุโล และความดีความเมตตา คำสอนของท่าน
ด้วยความเคารพทั้งกายวาจาและใจครับ

 

http://www.fungdham.com/book/dul.html

http://group.wunjun.com/truthoflife/topic/172483-4063

 

ครับ ขอบคุณ เรื่องมั่วเนี่ยนะ เราเป็นมือโปรแทรคเตอร์เลยครับ ขอบอก
ยินดีที่ทำให้ใครดีใจครับ 555


กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง
.

 

ไอน์สไตน์เค้าอายครับ ไม่อยากให้ใครรู้ว่าแอบศึกษาพุทธะ
เลยไม่ค่อยกล่าวถึง ที่ไหนเท่าไหร่ ยังไงว่าอะไร 555

มีที่ให้โหลดฟรีไม๊ครับ จะลองอ่านดู แต่ถ้าต้องซื้อ ไม่อยากอ่านครับ

การรู้ความคิดของไอน์สไตย์นั้น เราทำด้วยความมั่วเอาครับ ข้อมูลมี แต่หลักฐานไม่
การมั่วเมื่อไร้นิวรณ์ และด้วยความสะอาด สว่าง สงบ จะแม่นบ้างไม่แม่นบ้างครับ แล้วแต่โชค

อันนี้โม้นะครับ อย่าเชื่อล่ะ เราใช้วิธีออโต้ฌาน เข้าได้ทุกที่ทุกเวลา ทุกอากัปกิริยา
แล้วถามใครก็ไม่รู้ ถามออกไปส่งเดช คำตอบจะออกมาทันที ส่วนมากจะทันทีครับ
แต่ถ้าซับซ้อนมาก หรือยุ่งยากแยะ ก็ต้องใช้เวลาบ้าง ไม่มากก็น้อย แล้วแต่โชค ครับท่าน 555


กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง
.

 

สำหรับผมเงินค่าหนังสือไม่กี่ร้อย เทียบกับประสบการไอน์สไตน์ทั้งชีวิตนั้น
มันคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม

ในหนังสือได้แฝงกล่าวถึง หนังสือต่างๆ ที่ไอน์สไตน์ได้อ่าน
ซึ่งมีหลายเล่มบ่งบอกถึงที่มาของแนวคิดให้กับไอน์สไตน์
อย่างกรณีเรื่องจินตนาการถึงแสงกับรถไฟ ก็มีปราชญ์เยอรมัน
กล่าวเรื่องนี้ทิ้งปริศนาเอาไว้ แต่แน่นอนไอน์สไตน์เป็นคนแก้ได้
และก็เรื่องวิธีการคิดนั้น ในสมัยนั้นมีทฤษฎีต่างๆเกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย
และที่โรงเรียนอาเรา ก่อนที่ไอน์สไตน์จะสอบเข้าเรียนที่โพลีเทคนิคซูริคได้นั้น
ที่นั้นมีแนวการสอนที่ว่า ความคิดแบบภาพ สำคัญมาก่อนการเรียนคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์

 

สำหรับเรา เงินค่าหนังสือไม่กี่ร้อย ซึ่งหมายถึงรายได้ตั้งหลายวัน
จะให้แลกกับประสบการณ์ของไอน์สไตน์ มันไม่คุ้มซะยิ่งกว่าไม่คุ้มอีกครับ

สำหรับเรา ปัจจุบันนี้ เลยระยะเวลาการอ่าน เพื่อปรับสร้างพื้นฐานมาแยะแล้วครับ
ส่วนการคิดแบบภาพ ทำเป็นตั้งกะเกิดแล้วมั้งครับ 555 ไม่เห็นต้องเรียนเลย


กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง
.