ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพการบวชของพระภิกษุ-สามเณร ทุกๆเดือน ตลอดปี 2557 ณ วัดมเหยงคณ์ อยุธยา

ในห้อง 'งานบวช' ตั้งกระทู้โดย kamol_s, 24 พฤศจิกายน 2013.

  1. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    วันนี้วันที่ ๓๑ มกราคมเป็น “วันบูรพาจารย์ ภูริทัตตเถรานุสรณ์” คือวันคล้ายวันประชุมเพลิงสรีระสังขารท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺตเถร พระบูรพาจารย์ใหญ่ฝ่ายพระกัมมัฏฐาน ครบ ๖๔ ปี


    วันนี้วันที่ ๓๑ มกราคมเป็น “วันบูรพาจารย์ ภูริทัตตเถรานุสรณ์” คือวันคล้ายวันประชุมเพลิงสรีระสังขารท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺตเถร พระบูรพาจารย์ใหญ่ฝ่ายพระกัมมัฏฐาน ครบ ๖๔ ปี ทุก ๆ วันที่ ๓๑ มกราคมนี้คณะพระกัมมัฏฐานจะมารวมรำลึกอาจาริยบูชาคุณท่านพระอาจารย์มั่น ที่วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร ซึ่งเป็นปัจฉิมสถานที่ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๙๒ เวลา ๐๒.๒๓ น. ขณะมีอายุ ๘๐ ปี พรรษา ๕๖ ภายหลังจึงได้มีการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ตรงบริเวณกุฏิที่องค์ท่านมรณภาพ และเมื่อวันอังคารที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๙๓ ได้มีพิธีประชุมเพลิงสรีระสังขารท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ซึ่งภายหลังได้มีการก่อสร้างพระอุโบสถ ในบริเวณที่ประชุมเพลิงนั่นเอง คณะสงฆ์ศิษยานุศิษย์ จึงได้กำหนดวันที่ ๓๑ มกราคมของทุก ๆ ปี เป็น “วันบูรพาจารย์”

    ในประวัติศาสตร์ของชาติไทย ยังไม่มีพระมหาเถระรูปใดจะยิ่งใหญ่ด้วยวัตรปฏิบัติปฏิปทา ถึงพร้อมด้วยศีลธรรม มีอำนาจจิตยิ่งใหญ่ครอบโลกธาตุ เป็นที่เคารพบูชาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ได้มากมายถึงเพียงนี้ พระอรหันต์ในประเทศไทย ล้วนเป็นศิษย์ของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต แทบทั้งนั้น

    "..พิจารณาสังขารภายนอกว่า มีความเจริญขึ้นหรือเจริญลง สังขารมีอะไรใหม่หรือมีความเก่าแก่ชราหลุดไป พยายามเตรียมตัวเตรียมใจเสียแต่เวลาที่พอจะทำได้ ตายแล้วจะเสียการ ให้ท่องในใจอยู่เสมอว่าเรามีความ แก่-เจ็บ-ตาย อยู่ประจำตัวทั่วหน้ากัน.." โอวาทธรรมคำสอนพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

    เดิมท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ปรารถนาพุทธภูมิ แต่ด้วยเห็นว่าจะเป็นการเนิ่นช้า จึงถอนความปรารถนานั้น มุ่งมั่นเป็นพระอรหันต์ในปัจจุบันชาติ ปี พ.ศ.๒๔๗๘ ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต บรรลุธรรมชั้นสูงสุดที่ถ้ำดอกคำ ต.น้ำแพร่ อ.พร้าว เชียงใหม่ จากนั้นธุดงค์ไปยังดอยนะโม ท่านได้พูดกับหลวงปู่ขาวว่า "ผมหมดงานที่จะทำแล้ว ก็อยู่สานกระบุงตะกร้า พอช่วยเหลือพวกท่านและลูกศิษย์ลูกหาได้บ้างเท่านั้น"

    ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ถือธุดงค์ ทรงผ้าบังสกุลตลอดชีวิต, ธุดงค์ภาคอีสานกลาง เหนือในไทย, ลาว, เขมร, พม่า ได้แสวงหาวิเวกบำเพ็ญสมณธรรมในที่ต่างๆ ชอบอยู่ตามถ้ำ ตามราวป่าลึก ป่าช้า ป่าชัฏที่แจ้ง หุบเขา ซอกเขา ห้วย ธารเขา เงื้อมเขา ท้องถ้ำ เรือนว่างทางฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงบ้าง ทางฝั่งขวาแม่น้ำโขงบ้าง อาศัยบิณฑบาตกับชาวป่าชาวเขา

    ปฏิปทาท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต "ธุดงควัตรที่ท่านถือปฏิบัติเป็นอาจิณ ๔ ประการ คือ
    ๑. บังสุกุลิกังคธุดงค์ ถือนุ่งห่มผ้าบังสุกุล นับตั้งแต่วันอุปสมบทมา ตราบจนกระทั่งถึง วัยชรา จึงได้พักผ่อน ให้คหบดีจีวรบ้างเพื่ออนุเคราะห์แก่ผู้ศรัทธานำมาถวาย
    ๒. บิณฑบาตกังคธุดงค์ ถือภิกขาจารวัตร เที่ยวบิณฑบาต มาฉัน เป็นนิตย์ แม้อาพาธ ไปในละแวกบ้านไม่ได้ ก็บิณฑบาตในเขตวัด บนโรงฉัน จนกระทั่งอาพาธ ลุกไม่ได้ ในปัจฉิมสมัยจึงงดบิณฑบาต
    ๓. เอกปัตติกังคธุดงค์ ถือฉันในบาตร ใช้ภาชนะใบเดียวเป็นนิตย์ จนกระทั่งถึงสมัยอาพาธหนักจึงงด
    ๔. เอกาสนิกังคธุดงค์ ถือฉันหนเดียว เป็นนิตย์ตลอดมา แม้ถึงอาพาธหนักในปัจฉิมสมัยก็มิได้เลิกละ

    ปัจฉิมวัย

    ในวัยชรานับแต่ พ.ศ.๒๔๘๔ เป็นต้นมาท่านหลวงปู่มั่นมาอยู่ที่จังหวัดสกลนคร เปลี่ยนอิริยาบถ ไปตามสถานที่วิเวกผาสุกวิหารหลายแห่ง คือ เสนาสนะป่าบ้านนามน ตำบลตองโขบ อำเภอเมือง ( ปัจจุบันเป็นอำเภอโคกศรีสุพรรณ ) บ้าง แถวนั้นบ้าง

    ครั้น พ.ศ. ๒๔๘๗ จึงย้ายไปอยู่เสนาสนะป่าบ้านหนองผือ ตำบลนาใน อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร จนถึงปีสุดท้ายแห่งชีวิต ตลอดเวลา ๘ ปีในวัยชรานี้ท่านได้เอาธุระอบรมสั่งสอนศิษยานุศิษย์ทางสมถวิปัสสนาเป็นอันมาก ได้มีการเทศนาอบรมจิตใจศิษยานุศิษย์เป็นประจำวันศิษย์ผู้ใกล้ชิด ได้บันทึกธรรมเทศนาของท่านไว้และได้รวบรวมพิมพ์ขึ้นเผยแพร่แล้วให้ชื่อว่า "มุตโตทัย"

    มาถึงปี พ.ศ. ๒๔๙๒ ซึ่งเป็นปีที่ท่านมีอายุย่างเข้า ๘๐ ปี ท่านเริ่มอาพาธเป็นไข้ ศิษย์ผู้ที่อยู่ใกล้ชิด ก็ได้เอาธุระรักษาพยาบาล ไปตามกำลังความสามารถ อาการอาพาธก็สงบไปบ้างเป็นครั้งคราวแต่แล้วก็กำเริบขึ้นอีก เป็นเช่นนี้เรื่อยมา จนจวนออกพรรษา อาพาธก็กำเริบมากขึ้น ข่าวนี้ได้กระจายไปโดยรวดเร็ว พอออกพรรษา ศิษยานุศิษย์ผู้อยู่ใกล้ไกล ต่างก็ทยอยกันเข้ามา ปรนนิบัติ พยาบาล ได้เชิญหมอแผนปัจจุบันมาตรวจ และรักษาแล้วนำมาพักที่เสนาสนะป่าบ้านภู่ อำเภอพรรณานิคม เพื่อสะดวกแก่ผู้รักษา และศิษยานุศิษย์ที่จะมาเยี่ยมพยาบาล อาการอาพาธมีแต่ทรงกับทรุดลงโดยลำดับ

    วาระนิพพาน ณ วัดป่าสุทธาวาส

    หลังจากที่ท่านพักอาพาธที่วัดป่าบ้านกลางโนนภู่ ๑๑ วันแล้ว คณะศิษย์นุศิษย์ได้อาราธนาองค์หลวงปู่มั่นนอนในเปลพยาบาลแล้วนำท่านขึ้นรถเพื่อมาพัก ณ วัดป่าสุทธาวาส ออกเดินทางแต่เช้าจากพรรณานิคม ถึงวัดป่าสุทธาวาส สกลนคร เกือบ ๑๒ นาฬิกา เพราะทางหินลูกรังกลัวจะกระเทือนมาก ท่านฯ ก็หลับมาตลอด นำท่านฯ ขึ้นกุฏิ ศิษย์ผู้ใกล้ชิดก็มีท่านวัน ท่านหล้า ผู้จัดที่นอนให้ท่านฯ ได้ผินศีรษะไปทางทิศใต้ ปกติเวลานอนท่านฯ จะผินศีรษะไปทางทิศตะวันออก ด้วยความพะว้าพะวัง จึงพากันลืมคิดที่จะเปลี่ยนทิศทางศรีษะของท่านฯ

    เวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. เศษ ท่านฯ รู้สึกตัวตื่นตื่นขึ้นจากหลับ แล้วพูดออกเสียงได้แต่อือ ๆ แล้วก็โบกมือเป็นสัญญาณ แต่ไม่มีใครทราบว่าท่านฯ ประสงค์สิ่งใด มีสามเณรรูปหนึ่งอยู่ที่นั้น เห็นท่าอาการไม่ดี จึงให้สามเณรอีกรูปไปนิมนต์พระเถระทุกรูป มีเจ้าคุณจูม พระอาจารย์เทสก์ พระอาจารย์ฝั้น เป็นต้น มากันเต็มกุฏิ

    เท่าที่สังเกตดู ท่านใกล้จะละสังขารแล้ว แต่อยากจะผินศีรษะไปทางทิศตะวันออก ท่านพลิกตัวไปได้เล็กน้อย ท่านหล้า ( พระอาจารย์หล้า เขมปตฺโต ) คงเข้าใจ เลยเอาหมอนค่อย ๆ ผลักท่านไป ผู้เล่าประคองหมอนที่ท่านหนุน แต่ท่านรู้สึกเหนื่อยมาก จะเป็นการรบกวนท่านฯ ก็เลยหยุด ท่านฯ ก็เห็นจะหมดเรี่ยวแรง ขยับต่อไปไม่ได้ แล้วก็สงบนิ่ง ยังมีลมหายใจอยู่ แต่ต้องเงี่ยหูฟัง ท่านวันได้คลำชีพจรที่เท้า ชีพจรของท่านเต้นเร็วชนิดรัวเลย รัวจนสุดขีดแล้วก็ดับไปเฉย ๆ ด้วยอาการอันสงบ

    ท่านหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้เล่าถึงเหตุการณ์ในเวลานั้นไว้ใน "ประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต" ไว้ว่า "... องค์ท่าน เบื้องต้นนอนสีหไสยาสน์ คือ นอนตะแคงข้างขวา แต่เห็นว่าท่านจะเหนื่อยเลยค่อย ๆ ดึงหมอนที่หนุนอยู่ ข้างหลัง ท่านออกนิดหนึ่ง เลยกลายเป็นท่านนอนหงายไป พอท่านรู้สึกก็พยายามขยับตัวกลับคืนท่าเดิม แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะหมดกำลัง พระอาจารย์ใหญ่ก็ช่วยขยับหมอนที่หนุนหลังท่านเข้าไป แต่ดูอาการท่านรู้สึกเหนื่อยมาก เลยต้องหยุด กลัวจะกระเทือน ท่านมากไป ดังนั้น การนอนท่านในวาระสุดท้ายจึงเป็นท่าหงายก็ไม่ใช่ ท่าตะแคงข้างขวาก็ไม่เชิง เป็นเพียงท่าเอียงๆ อยู่เท่านั้น เพราะสุดวิสัย ที่จะแก้ไขได้อีก

    อาการท่านกำลังดำเนินไปอย่างไม่หยุดยั้ง บรรดาศิษย์ซึ่งโดยมากมีแต่พระกับเณร ฆราวาสมีน้อย ที่นั่งอาลัยอาวรณ์ ด้วยความหมดหวังอยู่ขณะนั้น ประหนึ่งลืมหายใจไปตาม ๆ กัน เพราะจิตพะว้าพะวังอยู่กับอาการท่าน ซึ่งกำลังแสดง อย่างเต็มที่ เพื่อถึงวาระสุดท้ายของท่านอยู่แล้ว ลมหายใจท่านปรากฏว่า ค่อยอ่อนลงทุกทีและละเอียดไปตาม ๆ กัน ผู้นั่งดู ลืมกระพริบตา เพราะอาการท่านเต็มไปด้วยความหมดหวังอยู่แล้ว ลมค่อยอ่อนและช้าลงทุกทีจนแทบไม่ปรากฏ วินาทีต่อไปลมก็ค่อย ๆ หายเงียบไป อย่างละเอียดสุขุม จนไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่า ท่านได้สิ้นไปแล้วแต่วินาทีใด เพราะอวัยวะทุกส่วน มิได้แสดงอาการผิดปกติ เหมือนสามัญชนทั่ว ๆ ไปเคยเป็นกัน ต่างคนต่างสังเกตจ้องมองจนตาไม่กระพริบ สุดท้ายก็ไม่ได้เรื่องพอให้สะดุดใจเลยว่า "ขณะท่านลาขันธ์ ลาโลกที่เต็มไปด้วยความกังวลหม่นหมองคือขณะนั้น "

    พอเห็นท่าไม่ได้การ ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ พูดเป็นเชิงไม่แน่ใจขึ้นมาว่า "ไม่ใช่ท่านสิ้นไปแล้วหรือ " พร้อมกับยก นาฬิกาขึ้นดูเวลา ขณะนั้นเป็นเวลาตี ๒ นาฬิกา ๒๓ นาที จึงได้ถือเวลามรณภาพของท่าน พอทราบว่าท่านสิ้นไปแล้วเท่านั้น มองดูพระเณรที่นั่งรุมล้อมท่านอยู่เป็นจำนวนมาก เห็นแต่ความโศกเศร้าเหงาหงอย และน้ำตาบนใบหน้าที่ไหลซึมออกมา ทั้งไอทั้งจาม ทั้งเสียงบ่นพึมพำ ไม่ได้ถ้อยได้ความใครอยู่ที่ไหน ก็ได้ยินเสียงอุบอิบพึมพำ ทั่วบริเวณนั้น บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบเหงาเศร้าใจ อย่างบอกไม่ถูก เราก็เหลือทน ท่านผู้อื่นก็เหลือทน ปรากฏว่าเหลือแต่ร่างครอบตัวอยู่เวลานั้น ต่างองค์ต่างนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ราวกับโลกธาตุได้ดับลง ในขณะเดียวกับขณะที่ท่านอาจารย์ลาสมมติคือขันธ์ก้าวเข้าสู่แดนเกษม ไม่มีสมมติความกังวลใดๆ เข้าไปเกี่ยวข้องวุ่นวายอีก ผู้เขียนแทบหัวอกจะแตกตายไปกับท่านจริงๆ เวลานั้นทำให้รำพึงรำพัน และอัดอั้นตันใจไปเสียทุกอย่าง ไม่มีทางคิดพอขยับขยายจิตที่กำลังว้าวุ่น ขุ่นเป็นตม เป็นโคลนไปกับการจากไปของท่าน พอให้เบาบางลงบ้าง จากความแสนรัก แสนอาลัยอาวรณ์ที่สุดจะกล่าว ที่ท่านว่าตายทั้งเป็นเห็นจะได้แก่คนไม่เป็นท่าคนนั้นแล

    ดวงประทีปที่เคยที่เคยสว่างไสวมาประจำชีวิตจิตใจได้ดับวูบสิ้นสุดลง ปราศจากความอบอุ่นชุ่มเย็นเหมือนแต่ก่อนมา ราวกับว่าทุกสิ่งได้ขาดสะบั้นหั่นแหลกเป็นจุณไปเสียสิ้น ไม่มีสิ่งเป็นที่พึ่งพอเป็นที่หายใจได้เลย มันสุด มันมุด มันด้าน มันตีบตันอั้นตู้ไปเสียหมดภายในใจ ราวกับโลกธาตุนี้ ไม่มีอะไรเป็นสาระ พอเป็นที่เกาะของจิตผู้กำลังกระหายที่พึ่ง ได้อาศัยเกาะพอได้หายใจ แม้เพียงวินาทีหนึ่งเลย ทั้งที่สัตว์โลกทั่วไตรภพอาศัยกันประจำภพกำเนิดตลอดมา แต่จิตมันอาภัพอับวาสนาเอาอย่างหนักหนา จึงเห็นโลกธาตุ เป็นเหมือนยาพิษเอาเสียหมดเวลานั้น ไม่อาจเป็นที่พึ่งได้ ปรากฏแต่ท่านพระอาจารย์มั่นองค์เดียว เป็นชีวิตจิตใจ เพื่อฝากอรรถ ฝากธรรม และฝากเป็นฝากตายทุกขณะลมหายใจเลย ..."

    หลวงปู่มั่น ภูริทัตตมหาเถระ เข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพานที่วัดป่าสุทธาวาส สกลนคร ตรงกับวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๙๒ เวลา ๐๒.๒๓ น. สิริอายุ ๘๐ ปี ๕๖ พรรษา และได้ประชุมเพลิงเมื่อวันอังคารที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๙๓ ซึ่งภายหลังได้ก่อสร้างพระอุโบสถ ในบริเวณที่ประชุมเพลิง และพิพิธภัณฑ์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ตรงบริเวณกุฏิที่องค์ท่านมรณภาพ ภายในพิพิธภัณฑ์ได้อัญเชิญพระอัฐิธาตุหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ประดิษฐานไว้ให้ประชาชนได้กราบสักการบูชากัน อีกทั้งอัฐบริขารข้าวของเครื่องใช้ขององค์หลวงปู่มั่น ที่แสดงถึงความสมถะเรียบง่ายแบบพระป่า

    “..ดีใดไม่มีโทษ ดีนั้นชื่อว่าดีเลิศ ได้สมบัติทั้งปวง ไม่ประเสริฐเท่าได้ตนเพราะตัวตนเป็นบ่อเกิดแห่งสมบัติทั้งปวง..”

    โอวาทธรรมคำสอนพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต



    https://www.facebook.com/thindham?fref=ts
     
  2. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    “..ดีใดไม่มีโทษ ดีนั้นชื่อว่าดีเลิศ ได้สมบัติทั้งปวง ไม่ประเสริฐเท่าได้ตนเพราะตัวตนเป็นบ่อเกิดแห่งสมบัติทั้งปวง..”

    โอวาทธรรมคำสอนพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต



    https://www.facebook.com/thindham?fref=ts
     
  3. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    "องค์หลวงปู่มั่น และหลวงตาท่านได้ปรารภไว้ไม่คลาดเคลื่อน ถึงอายุที่องค์ท่านทั้งสองจะละสรีระสังขาร"

    กัณฑ์ที่ ๑.
    เทศน์หลวงตา ณ วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร
    เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓ เรื่อง ใจไม่มีอะไรกดถ่วง

    "อายุเท่าไร (๙๗) ใกล้แล้วนะ บวชตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๗๗ กี่ปีมาแล้วนะ (๗๖ พรรษาครับผม) นู่นละ ขนาดนั้นละ ครองผ้าเหลืองก็ครองมาเลยตั้งแต่วันบวชจนกระทั่งป่านนี้ ไม่เคยสึก ไม่เคยอยากสึก แต่เริ่มบวชมาเรื่อยจนกระทั่งปัจจุบันนี้ไม่เคยอยากสึกนะ ไม่มี ไม่ปรากฏ กิเลสมีอยู่ก็ตามแต่มันไม่มีก็บอกไม่มี อยากสึกอยากหาอยากอะไรไม่เคยมี นี่ก็อายุ ๙๗ แล้ว จะทนไปนานเท่าไร ไม่นานละ

    พ่อแม่ครูอาจารย์มั่นอายุ ๘๐ นะ ท่านบอกไว้เลยละ บอกตั้งแต่ยังไม่ตาย “เราไม่เลย ๘๐” ท่านบอกไว้เลย “อายุเราแค่ ๘๐” พูดอย่างนั้น พอก้าวเข้านั่นแล้วเริ่มป่วยแล้ว “เออมาแล้วนะทีนี้” ท่านบอกแล้วนะ “เริ่มป่วยครั้งนี้ป่วยจนสุดยอดไม่กลับ” ท่านว่าอย่างนั้น “ป่วยจนตายไม่กลับ” จนตายจริงๆ ท่านบอกไว้แล้วว่าอายุท่านไม่เลย ๘๐ พอดีก้าวเข้า ๘๐ ท่านก็เป็น ท่านก็บอกเลย “ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของเรา ป่วยคราวนี้ไม่หาย แต่มันไม่ตายง่ายๆ นะ โรคทรมาน” ท่านว่าอย่างนั้น “หากครั้งนี้แหละ” ท่านว่า เรื่อยมาจนสิ้นสุด

    อายุของท่านดูว่า ๘๐ นะหลวงปู่มั่น ๘๐ เรานี้มันเท่าไร ๙๗ นู่นน่ะ มันยังขวางโลกอยู่เหรอ เดี๋ยวนี้มัน ๙๗ ปี มันจะไปแล้วแหละ ไม่มีใครห้าม ไม่ฟังเสียงใครละ พอถึงเวลามันแล้วมันก็ไปของมันเท่านั้น จะไปหรืออยู่มันก็ไม่มีอารมณ์นะ เราจะเป็นจะตายก็ไม่มีอารมณ์ จะไปเมื่อไรก็ได้จะตายเมื่อไรก็ได้ไม่มีอารมณ์ อารมณ์ตายไม่มีมากดถ่วงไม่มีเลย เวลาจะไปแล้ว จะไปแล้วเหรอ ปุ๊บเลย อายุเรามัน ๙๗ ตั้ง ๙๖ ๙๗ ปีแล้วจะหาอยู่ที่ไหนอีก"


    กัณฑ์ที่ ๒).
    เทศน์ ณ วัดแสงธรรมวังเขาเขียว จ.นครราชสีมา
    เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓

    "จะไปที่ไหนก็ไปเสียตอนนี้ ไม่นานนะบอกตรงๆ บอกว่าไม่นาน จะไปที่ไหนก็ไปเสีย ตายแล้วมันไม่ได้ไป นี่ก็ไม่นาน อายุ ๙๗ แล้วมันก็ไม่นานเหมือนกัน (ยังไม่ถึงร้อยเลยเจ้าค่ะ) อันนี้มันไม่มีร้อยนะ มันมีอยู่ที่ลมหายใจ พอลมหายใจขาดปุ๊บไปเลย ถ้ายังจะมาวิตก เราเองยังไม่เห็นวิตกเลย เฉย (หลวงตารั้งไว้ก่อนเจ้าค่ะ) เวลานี้รั้งไว้แล้วแต่เวลาจะไปไม่รั้ง ปล่อยเลย"

    https://www.facebook.com/watpabaantaad.luangta?fref=ts
     
  4. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    เทศน์หลวงตา ณ วัดเขาใหญ่เจริญธรรมญาณสัมปันโน จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ ๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๓

    เรื่อง "ชาติของเราสุดเพียงเท่านี้"

    "บวชคราวนี้เป็นบวชครั้งสุดท้ายด้วย เกิดคราวนี้เป็นเกิดครั้งสุดท้ายด้วย จะไม่กลับมาเกิดอีกและจะไม่กลับมาตายอีกต่อไป สุดขีดแล้วในการบำเพ็ญความดีของเราได้บำเพ็ญเต็มกำลังความสามารถ เรียกว่าสุดกำลังไม่อยากไปไหนล่ะ พอ ลงธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันแล้วพอ หมดเลย พากันเข้าใจเอานะ นี่เข้าถึงขั้นธรรมกับใจเป็นอันเดียวกัน ไม่ไปไหนทีนี้ ไม่เคลื่อนย้ายไปไหน

    เต็มยศในชาตินี้ของเรา ชาตินี้เรียกว่าเป็นชาติสุดท้ายของเรา หมดทุกอย่างในหัวใจ ธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันแล้วหมด ไม่มีที่จะเคลื่อนย้ายไปไหนอีกไม่มี เรียกว่าสิ้นสุดเพียงเท่านี้ สมเหตุสมผลบวชคราวนี้นะ สมใจถึงใจเลยบวชคราวนี้ ไม่มีที่สงสัยว่าจะยังบกพร่องอะไรอีกไม่มี หมด

    ชาติของเราสุดเพียงเท่านี้ หมดๆเลย ความเกิดความตายไม่มีเงื่อนต่อล่ะ พอ ธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันแล้วพอ เรียกว่าชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา จะไม่ต้องกลับมาเกิดอีกแล้ว ฟังให้ชัดนะ ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายจะไม่กลับมาเกิดมาตายอีกต่อไป สิ้นสุดวิมุตติหลุดพ้นกับนิพพานเป็นอันเดียวกัน"

    https://www.facebook.com/watpabaantaad.luangta?fref=ts
     
  5. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    "..พิจารณาอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาอยู่ตลอดเวลา ใจได้รู้เห็นตามความเป็นจริง จะได้เกิดนิพพิทาความเบื่อหน่าย คายจากความยินดีในสังขารร่างกาย อันไม่เป็นแก่นสาร เมื่อเห็นทุก ๆ อย่าง เห็นเป็นอนัตตาก็ไม่มีที่อยู่ อัตตาคือบ้านอยู่อาศัยของกิเลส เมื่ออัตตาไม่มีอยู่ในหัว กิเลสหมดไปโดยอัตโนมัต ภพชาติหมด.."

    หลวงปู่คำพอง (หลวงตาน้อย) ปัญญาวุโธ “พระอริยสงฆ์ผู้มีปัญญาเป็นอาวุธ”


    https://www.facebook.com/thindham
     
  6. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    เราเกิดมาเป็นมนุษย์ มีความสูงศักดิ์มาก อย่านำเรื่องของสัตว์มาประพฤติ มนุษย์เราจะต่ำลงกว่าสัตว์ และจะเลวกว่าสัตว์อีกมากมาย อย่าพากันทำ ให้พากันละบาป บำเพ็ญบุญ ทำแต่คุณความดี อย่าให้เสียชีวิตเปล่าที่มีวาสนาเกิดมาเป็นมนุษย์

    ...คติธรรมคำสอนของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต...


    แหล่งอ้างอิง facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  7. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    โยม : หลวงตาคะ ถ้าฆราวาสถือศีล ๕ หรือถือศีล ๘ อย่างนี้นะคะ ถ้าเทียบกับสงฆ์ซึ่งถือศีล ๒๐๐ กว่าข้อ ในเมื่อถือศีลต่างกัน ในการปฏิบัติธรรมเพื่อให้รู้ได้ถึงที่สุดแห่งธรรม จะถึงได้เท่ากันหรือเปล่าคะ

    หลวงตา : ท่านได้บอกไว้หรือเปล่าล่ะว่านี้นิพพานของศีล ๕ นี้นิพพานของศีล ๘ นี้นิพพานของพระ ๒๒๗ ท่านได้บอกไว้หรือเปล่าล่ะ ถ้าไม่ได้บอกไว้เราก็อุตริละซิ ถามแบบอุตริเราตอบไม่ได้ตอบแบบอุตริอย่างนั้น เราจะตอบตามหลักความจริงว่า นิพพานมีอันเดียวเท่านั้น ธรรมแท้มีอันเดียวเท่านั้นไม่มีสอง ใครจะปฏิบัติในศีลในธรรมข้อใดก็ตาม ธรรมแท้นั้นสามารถจะปฏิบัติได้ด้วยกันถึงได้ด้วยกันทั้งนั้นไม่ว่าผู้หญิงผู้ชาย เพราะการรักษาศีลนี้เป็นอาการของธรรมแต่ละประเภท ๆ แต่ธรรมแท้ ๆ ที่เข้าไปสู่ความละเอียดนั้นเข้าไปได้เหมือนกัน


    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
    จากหนังสือ คำถามคำตอบปัญหาธรรม

    แหล่งอ้างอิง facebook.com/พุทธมหาเจดีย์หลวงตาพระมหาบัว-ญาณสมฺปนฺโน-ภูผาแดงฯ
     
  8. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    "น้อมธรรม เข้ามาสู่ใจ
    มาดูที่จิตใจ มาดูที่ตน มาฝึกฝนอบรมที่ตน
    จะเป็นคนฉลาดในการพิจารณาในธรรม
    ฉลาดในการพัฒนาตัวเอง เลยมาแก้ไขตัวเอง
    ตรงนี้แหละการประพฤติปฏิบัติของพวกเรา
    พวกเราจึงจะได้ประโยชน์ในการปฏิบัติ"

    หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป

    แหล่งอ้างอิง facebook.com/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  9. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    รำลึกบูชาคุณ ๗๓ ปี พระปรมาจารย์ใหญ่ท่านพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีลเถร

    วันที่ ๓ กุมภาพันธ์เป็นวันคล้ายวันมรณภาพของท่านพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีลเถร "พระปรมาจารย์ใหญ่สายพระกัมมัฏฐาน" ท่านมีความเพียรเป็นเลิศ มีความสงบเสงี่ยม พูดน้อย อ่อนน้อม สุขุม และพอใจแนะนำสั่งสอนผู้อื่นทางนั้นด้วย เป็นผู้ใฝ่ใจในธุดงควัตร หนักแน่นในพระธรรมวินัย ชอบวิเวก ไม่ติดถิ่นที่อยู่ ต้องเดินธุดงค์ไปหาวิเวกเจริญสมณธรรมตามชายป่าดงพงเขาในไทย และลาว

    ท่านพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล ถือกำเนิด ตรงกับวันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๐๒ แรม ๑๔ ค่ำ เดือนยี่ ปีระกา ณ บ้านข่าโคม ต.หนองขอน อ.เมือง จ.อุบลราชธานี อุปสมบท ที่วัดใต้ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี และญัตติเป็นพระธรรมยุต ณ วัดศรีทอง(วัดศรีอุบลรัตนาราม) จ.อุบลราชธานี โดยมี ท่านพระครูทา โชติปาโล เป็นพระอุปัชฌายาจารย์

    ปี พ.ศ.๒๔๓๔-๒๔๓๖ หลวงปู่เสาร์ได้ธุดงค์ผ่านหมู่บ้านคำบง อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี ได้เทศนาสั่งสอนท่านพระอาจารย์มั่น สมัยยังเป็นฆราวาสจนเกิดศรัทธาเลื่อมใสติดตามออกบวช จุดนี้เป็นความยิ่งใหญ่ของวงศ์กรรมฐานตราบจนถึงปัจจุบัน

    ท่านพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล ผู้เป็นพระอาจารย์อบรมกรรมฐานให้กับท่านพระอาจารย์มั่น เป็นองค์แรก อันถือว่าเป็นพระปรมาจารย์ใหญ่สายพระกัมมัฏฐาน ผู้ที่ท่านพระอาจารย์มั่น ให้ความเคารพศรัทธา ยอมรับใช้ลงมืออุปัฏฐากหลวงปู่เสาร์ด้วยองค์ท่านเอง เหมือนเป็นพระหนุ่มเณรน้อยคอยรับใช้ครูบาอาจารย์แม้นตนเองจะมีพรรษากาลมากแล้วก็ตาม ข้อนี้เป็นการแสดงถึงความนบนอบของท่านพระอาจารย์มั่น ที่มีต่อหลวงปู่เสาร์ ผู้เป็นพระอาจารย์

    หลวงปู่เสาร์ ท่านประพฤติองค์เป็นแบบอย่างแก่สานุศิษย์มากกว่ากล่าวอบรมสั่งสอน อุปนิสัยโน้มน้าวไปทางพระปัจเจกเจ้า ไม่มีนิสัยเทศนาธรรมสั่งสอนทั่วไป

    ปี พ.ศ.๒๔๘๐ เจ้าจอมมารดาทับทิมนำผ้าป่าทอดถวายและนิมนต์ท่านขึ้นแสดงธรรม ท่านขึ้นธรรมาสน์ตั้งนโม ๓ จบ กล่าวเทศนาสั้นๆว่า "ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค" จบด้วย "เอวังฯ" แล้วก้าวลงธรรมาสน์

    วันหนึ่ง หลวงปู่เสาร์ นั่งพิจารณาอริยสัจ ได้รู้ได้เห็นตามความเป็นจริงนั้น ท่านได้ตัดเสียซึ่งความสงสัยเด็ดขาด จวนจะถึงกาลออกพรรษา ท่านได้บอกกับพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ผู้เป็นศิษย์ว่า... "เราได้เลิกการปรารถนาเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้ว และเราก็ได้เห็นตามความเป็นจริงแล้ว!"

    ท่านพระอาจารย์มั่น ได้ยินดังนั้นแล้วก็เกิดปีติอย่างมาก และได้ทราบทางวาระจิตว่า
    "หลวงปู่เสาร์พบวิมุตติธรรมแน่นแล้วในอัตภาพนี้"

    หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล เข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน ตรงกับวันอังคารที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๘๔ องค์ท่านมรณภาพขณะก้มกราบพระประธาน ในอิริยาบถท่านั่ง มือสองข้างเท้ากับพื้นยันตัวอยู่ ประกอบด้วยสติอันไพบูลย์ ณ วัดอำมาตยาราม เมืองโขง นครจำปาศักดิ์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สิริอายุ ๘๒ ปี ๓ เดือน ๑ วัน ๖๒ พรรษา ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๘๔ จนถึงปีนี้ พ.ศ.๒๕๕๗ จึงเป็นวันครบรอบวันมรณภาพปีที่ ๗๓

    “..ทำให้ดูมันยังไม่ดู ปฏิบัติให้ดูอยู่ทุกวัน มันยังไม่ปฏิบัติตาม เทศน์ให้ฟัง มันจะฟังหรือพวกเจ้า..ข้อยเฮ็ดให้เบิ่ง บ่ เบิ่ง เทศน์ให้พวกหมู่เจ้าฟัง หมู่เจ้าสิฟังฤา..” โอวาทธรรมคำสอนท่านพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล

    จึงขอน้อมนำประวัติและปฏิปทาท่านพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีลเถร โดยภาพประกอบลายเส้นทั้งหมดเป็นฝีมือผมเองครับ จึงขอนำมาเผยแผ่เพื่อน้อมมาเป็นสังฆานุสติ และมรณานุสติครับ


    _/\_ _/\_ _/\_


    https://www.facebook.com/thindham
     
  10. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    รำลึกบูชาคุณ ๗๓ ปี พระปรมาจารย์ใหญ่ท่านพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีลเถร

    ครูอาจารย์ที่ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺตเถร ได้สมาคมอยู่ร่วม มีท่านพระอาจารย์ใหญ่เสาร์ กนฺตสีลเถร เป็นอาทิ องค์ท่านเป็นครูอาจารย์ที่ท่านพระอาจารย์มั่นร่วมแสวงวิเวก ปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานในเขตภาคอีสานตามคามเขตน้อยใหญ่ด้วยกัน ในการพิจารณาสภาวธรรม ได้อาศัยการเจริญสมณธรรมตามโคนไม้บ้าง ภูเขา ถ้ำ เงื้อมผา หรือกลวงแจ้งบ้าง ท่านทั้งสองได้นำหมู่คณะแห่งกองทัพธรรมสายพระกัมมัฏฐานออกเผยแผ่พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ปรากฏเป็นที่แพร่หลาย รวมถึงการยังชนผู้ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิให้เห็นมานับถือสัตถุศาสน์ ถึงพระไตรสรณคมน์ ทำตนให้อยู่ในศีลธรรม

    ท่านพระอาจารย์มั่นได้เห็นความเป็นผู้หนักในศีลหนักในธุดงควัตรของท่านพระอาจารย์เสาร์ ตลอดถึงความเป็นผู้มักน้อย ยินดีในความสันโดษด้วยปัจจัยบริโภคตามมีตามได้ ดำเนินอัปปิจฉปฏิปทา แม้คำกล่าวแห่งองค์ท่านพระอาจารย์ใหญ่เสาร์ก็เป็นคำกล่าวแต่น้อยแต่ประกอบด้วยความศักดิ์สิทธิ์ เป็นธรรมสัจจวาจา



    _/\_ _/\_ _/\_

    https://www.facebook.com/thindham
     
  11. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    วาระนิพพาน ท่านพระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีลเถร

    ขณะหลวงปู่เสาร์ ท่านอาพาธหนักนั้น ท่านสั่งให้พระอาจารย์บัวพา พระอุปัฏฐาก และคณะศิษย์นำท่านไปที่วัดอำมาตย์ นครจำปาศักดิ์ ประเทศลาว โดยมาทางเรือ ตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ ท่านนอนบนแคร่ในเรือประทุน หลวงปู่เสาร์ หลับตานิ่งมาตลอด เพราะตอนนั้นท่านกำลังอาพาธหนัก อันเกิดจากผึ้งที่ได้ต่อยท่านตอนที่อยู่จำพรรษาที่วัดดอนธาตุ เมื่อถึงนครจำปาศักดิ์แล้ว ท่านลืมตาขึ้นพูดว่า... "ถึงแล้วใช่ไหม ให้นำเราไปยังอุโบสถเลย เพราะเราจะไปตายที่นั่น"

    ท่านพระอาจารย์บัวพา และคณะศิษย์ช่วยกันยกแคร่หามพาหลวงปู่เสาร์ เข้าไปในอุโบสถ แล้วหลวงปู่เสาร์สั่งให้เอาผ้าสังฆาฏิมาใส่ แล้วเตรียมตัวเข้านั่งสมาธิ ท่านกราบพระ ๓ ครั้ง พอกราบครั้งที่ ๓ ท่านนิ่งงันโดยไม่ขยับเขยื้อน นานเท่านานจนผิดสังเกต ท่านพระอาจารย์บัวพา และท่านพระอาจารย์เจี๊ยะ จุนฺโท ซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เอามือมาแตะที่จมูกท่าน ปรากฏว่าท่านหมดลมหายใจแล้ว ไม่ทราบว่าหลวงปู่เสาร์ท่านมรณภาพไปเวลาใด แต่พอสันนิษฐานได้ว่า ท่านมรณภาพในอิริยาบถนั่งกราบพระ ท่านจึงพูดขึ้นกับหมู่คณะ (ซึ่งตอนนั้นมีพระเถระผู้ใหญ่ และพระเณรมานั่งดูอาการป่วยของหลวงปู่เสาร์) ว่า "หลวงปู่ได้มรณภาพแล้ว"

    ข่าวการมรณภาพ ก็แพร่กระจายไปเรื่อยๆ จนทางบ้านเมือง ญาติโยม พระเณร ชาวนครจำปาศักดิ์ขอทำบุญอยู่ ๓ วัน เพื่อบูชาคุณขององค์หลวงปู่ พอวันที่ ๔ บรรดาพระเถระ ญาติโยมชาวอุบล จึงได้มาอัญเชิญสรีระสังขารขององค์หลวงปู่เสาร์ ไปวัดบูรพาราม จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นวัดที่หลวงปู่เสาร์เคยอยู่มาก่อน วันที่หลวงปู่เสาร์มรณภาพตรงกับวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๘๔

    "แต่นี้จะไกลห่าง เหลือเพียงร่างร้างชีวา
    สุดสิ้นแห่งสังขาร สลายลับดับตามกาล
    สิ้นชีพก็สิ้นห่วง บรรลุล่วงห้วงนิพพาน
    สุขใดไหนจักปาน เปรียบสุขนี้ไม่มีเลย..."

    ขอนอบน้อมกราบบูชาธรรมแห่งดวงอรหันต์

    คัดลอกจากหนังสือฐานิโยวาท หลวงพ่อพุธ ฐานิโย



    _/\_ _/\_ _/\_


    https://www.facebook.com/thindham
     
  12. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    “ชีวิตที่เป็นมานี้ ก็ได้ด้วยยากยิ่งนัก เพราะอันตรายชีวิตทั้งภายใน ภายนอก มีมากต่าง ๆ นานา และการที่ได้ฟังธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ ก็ได้ด้วยยากยิ่งขึ้นไปอีก เหตุนี้เราทั้งหลาย พึงอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด อย่าให้เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนานี้เลย”

    โอวาทธรรมคำสอนจากท่านพระอาจารย์ใหญ่เสาร์ กนฺตสีลเถร พระปรมาจารย์ใหญ่สายพระกัมมัฏฐาน


    _/\_ _/\_ _/\_


    https://www.facebook.com/thindham
     
  13. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    คนดีมักจะไม่มีที่ยืนในสังคมฉันใด คนชั่วมักจะชอบยืนเบียดเบียนผู้อื่นอยู่เป็นนิจฉันนั้น

    facebook.com/pages/พระมหาเจดีย์มงคล-พระบรมสารีริกธาตุ-ส่วนพระจักษุธาตุ
     
  14. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    "มีสุขอยู่ที่ไหน มีทุกข์อยู่ที่นั่น. หาสุขจากกาม หาสุขในโลก. จะได้มาจากไหน. มันคือการหาสุขในทุกข์. สุขไม่มี ตัวของเราไม่มีในนั้น."

    หลวงปู่ท่อน ญาณธโร

    https://www.facebook.com/WatSriRattanawan?fref=ts
     
  15. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    หากท่านทั้งหลายไร้ซึ่งความอดทนต่อสิ่งที่กำลังทำอยู่ขณะนี้ ต่อให้ท่านพยายามซะเพียงใด ก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จได้ ดังนั้นจึงต้องมีความอดทนคู่กับความพยายามจึงจะประสบความสำเร็จได้ฉันนั้น

    facebook.com/pages/พระมหาเจดีย์มงคล-พระบรมสารีริกธาตุ-ส่วนพระจักษุธาตุ
     
  16. chromosome x

    chromosome x เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    327
    ค่าพลัง:
    +1,512
    ร่วมทำบุญเจ้าภาพบวชพระ 100 บาทครับ
    โอนเงินเรียบร้อยแล้วครับ วันนี้ตอนเช้า เข้าบัญชีธ.กรุงเทพ 478-0-61667-0

    ฤทธิไกรและครอบครัว
     
  17. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    "มุ่งดีในโลกีย์เป็นทางวนเวียน
    มุ่งดีในทางโลกุตตระเป็นทางพ้นทุกข์"


    หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต

    facebook.com/pages/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  18. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ ขอให้ท่านฤทธิไกรและครอบครัว มีความสุขความเจริญในทางโลกและทางธรรม ปรารถนาสิ่งใดขอให้สมความปรารถนาทุกประการเทอญ
     
  19. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    "นกบินจากไป ไม่ทิ้งรอยเท้าไว้ในอากาศ
    ผู้้ทำความดีจริง ควรไม่หวัง ลาภ สักการะ แม้ด้วยศรัทธา"


    ท่านพ่อลี ธมฺมธโร

    facebook.com/pages/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  20. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    ไม่ควรแผ่เมตตาหรืออุทิศบุญขณะอยู่ในสมาธิ

    "ในขณะที่จิตสงบอยู่นี่ แม้ว่าอยู่ในช่วงที่เราสามารถที่จะนึกคิดอะไรได้ ก็อย่าไปรบกวนมัน ให้มันเลิกเสียก่อนจึงค่อยแผ่เมตตา
    การแผ่เมตตาหรือขออโหสิกรรมขณะที่จิตอยู่ในสมาธิ ยังไม่ถูกต้อง เอาอย่างนี้ แผ่เมตตาก่อนค่อยนั่งสมาธิ พอนั่ง สมาธิเสร็จแล้วอุทิศส่วนกุศล เพราะเราได้ทำบุญแล้วคือสวดมนต์นั่งสมาธิ
    ทำไมจึงต้องแผ่เมตตาก่อน
    เผื่อว่าในจังหวะนั้นอาจจะมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งคอยรบกวนเราอยู่ พอเรากล่าวขึ้นมาว่า สัพเพ สัตตา สุขิตา โหนตุ สิ่งที่จ้องจะเล่นงานเราอยู่ พอได้ยินเรานึกว่า สัพเพ สัตตา สุขิตา โหนตุ เขาจะได้ความรู้สึกว่า ท่านผู้นี้มาดีไม่ได้มาร้าย ขืนเบียดเบียนท่านผู้นี้หัวเราจะแตกเป็นเสี่ยง ท้าวเวสสุวรรณประกาศิตเอาแล้วว่า ผีตัวใดไปรบกวนผู้ปฏิบัติธรรม ให้หัวมันแตกเป็น ๗ เสี่ยงผีมันกลัว กลัวนายมัน

    ดังนั้น ทางที่ดีแผ่เมตตาก่อนแล้วค่อยนั่ง เพื่อประกาศความเป็นมิตรไมตรี"

    หลวงพ่อพุธ ฐานิโย


    https://www.facebook.com/Thammaphormaekruarjahn
     

แชร์หน้านี้

Loading...