มาทำความเข้าใจ เกี่ยวกับ ทุกข์ สมุท้ย นิโรธ มรรค

มาทำความเข้าใจ เกี่ยวกับ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
ความจริงแล้วกระทู้นี้ควรจะโพสใน หมวด พุทธศาสนา และ หมวด อภิญญา
แต่เนื่องจากเวบฯช้าอีด ยังหาสาเหตุไม่พบ ก็เลยเอามาโพสที่หมวดวิทยาศาสตร์ฯ ไปก่อน เพราะ 4 ตอนก็คงจบขอรับ
ที่ข้าพเจ้า นำเอา เรื่องเกี่ยวกับ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มาเขียน เพื่อจะได้ทำความเข้าใจกับท่านทั้งหลายที่ศรัทธาในศาสนาพุทธ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย หรือไม่ว่าจะเป็นผู้เกี่ยวข้องในทางศาสนาพุทธทุกท่าน มีความเข้าใจผิด อันเกี่ยวกับความหมายของคำว่า ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค
หากไม่มีบรรทัดฐาน ในการที่จะให้ความหมาย หรือแปลความหมาย หรือไม่มีบรรทัดฐานในทางที่ถูกต้องแล้ว ความเข้าใจผิด โดยความรู้เท่าไม่ถึงกาล ของท่านทั้งหลายเหล่านั้น ย่อมเกิดมี และเกิดมีขึ้นมาแล้วโดยตลอด อันจักเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาที่ต้องมานั่งถกเถียงกันไม่รู้จักจบสิ้น เนื่องเพราะสาเหตุแห่งความไม่เข้าใจในความหมายของภาษา ไม่เข้าใจความหมายของคำว่า ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค อย่างแท้จริง
หากทุกท่านทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในแวดวงใดใด อันเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา ไม่ว่าจะเป็นฆราวาส หรือนักบวชทั้งหลาย ได้รู้ ได้เข้าใจ ในเรื่องของ อริยสัจสี่ หรือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เป็นไปในบรรทัดฐานเดียวกันแล้ว การเรียน การสอน ในพุทธศาสนาย่อมง่าย ย่อมเกิดความเจริญงอกงาม ย่อมมีความเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน และถูกต้องเหมือนกัน ดังนั้น หากท่านทั้งหลายไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทใดใด ได้อ่านบทความนี้แล้ว โปรดได้ใช้วิจารญาณ คิดพิจารณาอย่างถ่องแท้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน มิให้เกิดความสับสนในการทำความเข้าใจ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดี ที่ถูกต้อง ให้กับลูกหลายในภายภาคหน้า ดังต่อไปนี้
ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ในทางพุทธศาสนา รวมเรียกว่า

 

ขออนุญาตนะครับ ผมเคยโพสไปแล้วอาจจะเป็นประโยชน์บ้าง<O</O
<O</O

อยู่ในหนังสือ กระโถนข้างธรรมมาสน์ ของหลวงพี่เล็ก เล่มที่ 3
เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์บ้างครับ


ถาม : ผมผิดไปนิดนึงที่จิตคิดพลาดไปนิดพังเลย คือใจเราอยากให้เขาได้ดีมากที่สุดเพียงแต่ว่าลืมของเดิมเขาไป

ตอบ : ตัวนี้ต้องระวังให้มากที่สุดเลยสำหรับนักปฏิบัติทุกคน เราทำไปถึงตรงไหน ด้วยจิตที่เมตตานะ แต่บังเอิญมันใช้ผิด ด้วยจิตที่เมตตาหวังจะให้เขาได้เหมือนอย่างเราก็แนะนำเขาไป แต่มันกลายเป็นว่าถือเอาทิฏฐิคือความรู้ ความเห็นของตนไปปนกับธรรมะของพระพุทธเจ้าเข้า ไม่ใช่ธรรมะบริสุทธิ์ กลายเป็นกิเลสของเราครึ่งหนึ่ง ระวังให้จงหนักเลย
หลวงพ่อท่านบอกว่า ท่านต้องไปตามแก้เทศน์อยู่เป็นปี ๆ ไอ้เรื่องนิพพานสูญ ท่านเป็นมหาท่านเรียนมานิพพานัง ปรมังสุญญัง นิพพานสูญ เทศน์ไปหลายจังหวัดเลยต้องมานั่งไล่ว่าไปเทศน์ไว้ที่ไหนบ้าง แล้วย้อนกลับไปแก้เทศน์ให้ ถ้าแก้ไม่หมดเขาเป็นมิจฉาทิฏฐิ ซวยหนักเลยนะ ทำคนเป็นมิจฉาทิฏฐิโทษหนักถึงขนาดลงนรกโลกันต์ได้ ไม่ใช่อเวจีเฉย ๆ ก็แปลกใจทำไมโทษหนักถึงลงนรกโลกันต์ได้
ท่านบอกว่าทำให้คนเป็นมิจฉาทิฏฐิ คนที่เป็นมิจฉาทิฏฐิโอกาสที่จะลงนรกมีมากเกินร้อยเปอร์เซนต์ เมื่อลงนรกไปกว่าจะกลับขึ้นมาเป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นถึงมนุษย์แล้วได้เข้าถึงธรรมนะ มันนานแค่ไหน ถ้าหากว่าเป็นมนุษย์ บังเอิญว่าเป็นมิจฉาทิฏฐิต่อ ทำความชั่วอีกลงนรกอีก เราทำให้เขาห่างความดีขนาดนั้น โทษมันก็เลยหนักมหาศาล ไม่น่าเชื่อเลย สอนคนผิดหน่อยเดียวตัวคนสอนลงโลกันต์ไปเลย<O</O

 

ข้าพเจ้าไม่อยากเขียนถึงพระสงฆ์ เพราะพระสงฆ์มีเยอะ ถ้าเขียนถึงต้องเจาะจง
เอาเป็นว่า ข้าพเจ้าจะเอาตัวข้าพเจ้าเป็นสิ่งเปรียบเทียบว่า
ทุกกระทู้ที่ข้าพเจ้าเขียนสอน เป็นสิ่งที่มีอยู่ในตัวข้าพเจ้า สิ่งใดที่ไม่มีอยู่ในตัวข้าพเจ้าข้าพเจ้าจะพยายามหลีกเลี่ยงไม่สอน
เพราะข้าพเจ้าก็ถือเหมือนกันว่า ถ้าตัวเองทำไม่ได้ ก็ไม่อยากเขียนสอนใคร เพราะมันเป็นการโกหกผู้อื่น

ในสมัยเด็กๆ ผู้ใหญ่มักพูดเสมอว่า ทำไม่ดี ต้องตกนรก เมื่อโตขึ้นมา จึงรู้ว่า สิ่งที่ผู้หลักผู้ใหญ่พูดนั้น เป็นคติทางศาสนาในสมัยก่อนๆ เพราะคนในสมัยก่อนๆนั้น การศึกษามีน้อย คือเรียนรู้มาน้อย ที่ได้เรียนก็เรียนในวัด จิตใจความคิด จึงถูกปลูกฝังกันมา จนกลายเป็นวัฒนธรรมทางด้านจิตใจ

ข้าพเจ้าเคยบอกหลายครั้งแล้วว่า ธรรมชาติของมนุษย์ ไม่มีคำว่า "มิจฉาทิฎฐิ" ซึ่งหลายท่านคงคิดว่าข้าพเจ้าคัดค้านศาสนาพุทธ แต่ความจริงแล้วข้าพเจ้าต้องการให้ผู้ศรัทธาในศาสนาพุทธได้หูตาสว่างขึ้น มีความเข้าใจในหลักธรรมที่ถูกต้อง เพราะว่าคำว่า "มิจฉาทิฏฐิ"นั้นมีความหมายว่า "ความเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม" ซึ่งในทางธรรมชาติของมนุษย์นั้นไม่มีสภาพสภาวะจิตใจแบบนั้นอยู่เลย
แต่คำว่า มิจฉาทิฎฐิ"นั้น เป็นภาษาเขียน เป็นภาษาพูด เช่น "คุณมีความเห็นอย่างไรกับการเลือกตั้ง" จริงแล้ว ก็คือ "คุณมีความคิดอย่างไรกับการเลือกตั้งนั่นเอง
ส่วนนรกนั้น ไม่กล่าวถึง ให้ไปอ่านกระทู้เรื่อง อะไรนะจำชื่อไม่ได้ละซิ ยังอยู่นะเพียงแต่เขาย้ายไปแล้วหาดูเถอะขอรับ อ้อจำได้แล้ว" ฆ่าศัตรูในสนามรบ เป็นบาปหรือไม่" ลองหาดูเถอะ

 

ท่านก็สอนศาสนาของท่านไปสิครับ มาสอนทำไมพุทธผมคิดว่าทุก ๆ คนในที่นี้ล้วนแล้วแต่มีครูบาอาจารย์ของตัวเองแล้วทั้งนั้น

 

ตอนที่ 2....

 

ไอ้เควี่ยแก่..เมื่อไหร่จะตายซะที มาโพสต์เพ้อเจ้ออยู่ได้ ไอ้สีหลังอาน 555

 

ด้านบนนั้น ข้าพเจ้าอ้างอิงมาให้อ่าน และพิจารณาว่า ถ้าทุกคนอ่าน แล้วคิดว่า ไอ้สัตว์เดรัจฉานเสือเผ่นป่าราบมันด่าทุกคน ทุกคนก็จะเกิดความเข้าใจว่า หลักธรรมศรีอาริย์ เป็นหลักธรรมแห่งธรรมชาติ ที่ไม่มีผู้ใดหลีกพ้น ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ตอนที่ 2....

 

ด่าเอ็งนั่นแหล่ะ ไอ้เควี่ยแก่ อย่าแกล้งโง่สิ ทีเรื่องอื่น ทำเป็นอวดฉลาด ไอ้เควี่ย 5555

 

ไม่รู้ว่าจะช่วยให้เข้าใจได้มากขึ้น หรือว่า ช่วยให้เข้าใจได้น้อยลง กันแน่...

 

เหรอ ด่าเอ็ง เหรอ เอ้า ด่าเอ็งก็ด่าเอ็ง แล้วเอ็งก็อย่าแกล้งโง่ละ กูด่าเอ็งนั่นแหละ ไอ้สัตว์เดรัจฉาน ไอ้หมาไม่เกิดชิงหมาเกิด ฮ่า ฮ่า ฮ๋า

 

ใช่ๆ ไอ้เควี่ยแก่ ชิงหมาเกิด

ไอ้จ่าไร้คุณภาพ 555

 

เนื่องจากติดธุระส่วนตัว ไม่สามารถเขียนต้นฉบับได้ ขอติดค้างไว้ หลังปีใหม่แล้ว จะเขียนต้นฉบับให้จบ และนำมาเผยแพร๋ จนครบทั้ง 4 ตอน

 

5555+ ด่ากันสองคน ต่างคนต่างขำ ก้อขำกันไป 5555

 

เนื่องจากติดธุระส่วนตัว ต้องไปเช็คประสาทที่โรงพยาบาล กลับมาก็ค่อยเขียนต่อก็ได้นะจ่า แต่รีบๆหน่อยนะ จ่าแก่แล้วไม่ใช่เหรอ อิอิ...

 

- มันง่ายอยู่แล้ว จนกระทั่งลุงมาทำให้มันยากนี่แหละ อ่านแล้วเครียด..ไมเกรนกำเริบเลยว่ะ

 

เนื่องด้วยมีเหตุขัดข้องจำเป็น ไม่สามารถนำเอา รายละเอียด เกี่ยวกับ นิโรธ และมรรค มาเผยแพร่ได้ในตอนนี้
ขอเลื่อนไปต้นเดือน กุมภาพันธ์ จะนำมาเสนอ โดยตั้งเป็นกระทู้ใหม่ ตอนที่ 2

ต้องขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วยขอรับ

 

เอ้า ลุงบอกมาหน่อยซิว่า นิโรธ ในทางศาสนาพุทธประกอปด้วยอะไรอ่ะ

 

ต้นฉบับเขียนไว้แล้ว แต่มีเหตุขัดข้องที่จำเป็น จึงต้องขอเลื่อนไปก่อน ต้นเดือน กุมภาพันธ์ 2551 จะนำมาเผยแพร่ อย่างแน่นอน
โดยจะตั้งเป็นกระทู้ใหม่ ตอนที่ 2