รบกวนสอบถามเกี่ยวกับการประยุกต์เอาสมาธิมาใช้กับการอ่านหนังสือครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย nutspicy1123, 15 พฤศจิกายน 2013.

  1. nutspicy1123

    nutspicy1123 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +10
    คือว่าผมเป็นเด็กนักเรียนที่ต้องรอแอดมิชชัน แล้วก็เหลือสอบหยิบย่อยอีกมากมาย คือผมได้ยินอาจารย์ที่สอนพระพุทธศาสนาที่โรงเรียนเคยพูดว่า
    เวลาทำสมาธิก็กำหนดแล้วดึงมันเข้ามา (หมายถึงพยายามดึงเนื้อหา) อาจารย์ท่านสอนผมเมื่อปีที่แล้ว แล้วคือผมก็ไม่ได้ไปถามอาจารย์ท่านว่าทำแบบไหนอย่างไร ผมจึงอยากรบกวนสอบถามผู้รู้หน่อยครับ เวลาเราอ่านหนังสือนี่ให้เก็บเนื้อหาได้ดีที่สุด หรือพยายามดึงข้อมูลที่เราอ่านผ่านไป หรือนั่งเรียนแล้วให้ได้มากที่สุด นอกจากการทบทวนแล้ว เราจะใช้วิธีการนั่งสมาธิ มาช่วยประกอบได้หรือเปล่า แล้วต้องทำอย่างไรบ้างครับ ... รบกวนสอบถามหน่อยนะครับบ :)
     
  2. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    เคยมีเพื่อนรุ่นที่เรียนมัธยมที่เมืองไทยมาด้วยกันคนนึงเป็นคนเรียนหนังสือเก่งมาก เขาไปเข้าอักษรฯ จุฬาฯ ปัจจุบันนี้ก็ทำงานดีมาก ตอนสมัยมัธยมเธอคนนี้เป็นคนตั้งใจเรียนและเรียนเก่งมาก ความจริงเกรด ม ต้น ไปสายวิทย์ได้แต่เธอไม่ไป แต่เลือก อังกฤษ กับคณิต เพราะเธอบอกอยากเดินสายกลาง ไม่อยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ สติเฟื้อง ที่พูดกับใครไม่รู้เรื่อง วิธีการอ่านหนังสือของเธอคือ ท่องเอา หน้านึงๆเธอท่องจนจำได้หมดเลย เลยไม่แปลกใจว่าทำไมเธอสอบได้คะแนนหวิดๆร้อยเปอร์เซนต์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2013
  3. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    วิธีที่ง่ายที่สุด และได้ผลดีเกือบที่สุด คือ
    ในระหว่างการเรียน หรือ การอ่านหนังสือ ให้เอาใจจดจ่ออยู่แต่กับเนื้อหาเท่านั้น ไม่ส่งใจออกไปหาเรื่องอื่นๆ ใดๆ
    ไม่ส่งใจออกไปหาอารมณ์ต่างๆ ใดๆ ทั้งหมด รวมทั้งความเหนื่อยล้า ความขี้เกียจ หรือ ความคิดที่ว่า เนื้อหานี้ยาก เข้าใจยาก
    เมื่อตัดสิ่งรบกวนเหล่านี้ออกไปได้ทั้งหมด การเรียนรู้จะเร็วมาก และจะจำได้แม่นยำ
     
  4. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    การเรียนให้เน้นที่ความเข้าใจ มากกว่าการท่องจำครับ
    ถ้าเราท่องจำ หรือติวแบบที่เป็นคำถามและมีคำตอบเฉลยตายตัว
    เรามักจะจำคำถามและคำตอบมาดื้อๆ
    สมมุติ คณิตศาสตร์
    หากเราใช้วิธีติวโดยการท่องจำ เช่น 6+2=8
    พอเราเจอคำถามเดียวกัน เราก็ตอบได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเข้าใจ
    แต่ว่าในความเป็นจริง โจทไม่ตรงตามนั้นหรอก
    พอโจทออกมาเป็นอย่างอื่น เราก็คิดหาคำตอบเองไม่ได้
    เพราะเราท่องจำ ไม่ได้เข้าใจ

    ฉะนั้นหลักการง่ายๆให้เรียนและสอบได้ดีๆคือ
    ถ้าเป็นภาษา ให้จดจำไวยกรณ์ให้ได้ การเปลี่ยนรูปเป็นอดีตปัจจุบันอนาคต
    ถ้าเป็นคณิตศาสตร์ หรือวิชาคำนวณต่างๆ ต้องจำสูตร วิธีคิดคำนวณให้ได้

    ถ้ามีฐานข้อมูลสำคัญในสมองแล้ว เรียกออกมาได้
    แล้วเอามาใช้คำนวณต่อโจทคำถามตรงหน้า

    ขอวิจารณ์เล็กน้อย :
    สมัยนี้ครูชอบสอนวิเศษ เวลาเรียนไม่สอนให้ดี ไม่สอนให้เต็มที่
    เก็บเงินค่าเรียน แล้วก็ติวแบบเอาคำถามที่จะออกข้อสอบมาให้ทำ
    ผลปรากฏเวลาสอบ ก็ได้คะแนนดี ก็คิดว่าเด็กเก่งเพราะมาเรียนพิเศษ
    แต่พอไปต่อสถานศึกษาอื่น ไปสอบเข้า กลับสอบได้คะแนนน้อย
    ฉลาดเฉพาะในคราสของครูอาจารย์ผู้นั้นๆ
    เจอครูอาจารย์อย่างนี้ สู้อ่านตำราทำความเข้าใจเองเสียดีกว่า
     
  5. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ลองศึกษาดูครับ

    http://palungjit.org/threads/กรรมฐานที่เหมาะกับนักธุรกิจนักศึกษา-หลวงปู่พุธ-ฐานิโย.338008/
     
  6. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ไม่อยากสร้าง อัจฉริยะเพิ่ม เลยยังไม่บอก..
     
  7. (อโศก)

    (อโศก) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +445
    เวลาเจอข้อความคุณที่ไรมันกดไลท์ไม่ได้ทุกที555
     
  8. (อโศก)

    (อโศก) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +445
    จริงๆๆที่คุณอินทรบุตรพูดมามันก็คือสมาธิ นั้นแหละ สมาธิคือการใส่ใจในสิ่งหนึ่งๆๆๆ คนที่เรียนเก่งก็เพราะเขามีสมาธิใส่ใจในสิ่งหนึ่งไม่หลุดไปไหนแบบลืมไปเลย ตรงหน้ากูมีแต่เรื่องที่เรียนเท่านั้น


    ผมมีเพื่อน ดูแล้วเหมือนเอ๋อๆๆในสายตาคนอื่น แต่จริงไม่เอ๋อหรอก
    ไม่ใช่แบบใส่แว่นหน้าเอ๋อ อะไรเทือกนั้นนะ ก็หน้าตาเหมือนคนปกติดูดีเลยล่ะ
    แต่เขาเอ๋อเพราะเขามักเหม่อลอยๆๆๆๆ

    เดินชนนู้นชนนี่ ตาลอยอะไรนี่มันเลยดูเอ๋อ ซึ่งจริงๆๆมันคิดอะไรสักอย่างอยู่แล้วมันตัดตัวเองจากโลกไปเลย บางคาบเรียนมันมาสายพอถามว่าทำไมมันบอกนั่งรถเลยเพราะมันกำลังคิดอะไรอยู่

    เก่งไม่เก่ง ป.ตรี เกียรตินิยมอันดับ1 สี่ใบทุกใบ4.00(สามมหาวิทยาลัยเพราะรามมันมีสอง
    ) ตอนนี้ไม่รู้ว่ามีใบที่5ยัง5555 มันรู้ทุกอย่างยกเว้นเกมส์ออลไลน์กับกีฬาและคณะต่างกันสุดขั่ว วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ วิศวกรรม บริหาร ...แม่เจ้า มันทำได้ในหกปี ชาวบ้านเรียนสี่เทอมมันสามเทอมจบ

    ....มันคุยกับคนต่างคณะจนเขางงว่าไอ้นี่มันคณะกูหรือเปล่าทำไมมันรู้วิชาที่กูเรียนดีกว่ากูอีก(มันซุ่มอ่านมาหมดนะผมว่า)


    ตอนนี้มันจะไปต่อนอกแล้ว มหาลัยที่อเมริการีบเอาพานมาถวายให้ทุนมันไป เผลอๆๆมันจบจะให้โอนสัญชาติเป็นสมองไหลไปเลยทีเดียว.........

    ตอนม.ปลายมันไม่เก่งแบบนี้นะครับ พอมหาลัยมันไปโดนอะไรสิงก็ไม่รู้

    และมานก็ไม่เคยเรียนพิเศษนะครับ มันเรียนไปทีเดียวมันบอกปัญญาอ่อนแล้วไม่เคยเรียนอีก ......ผมถามว่าเมิงเรียนไงฟะ

    มันบอกว่า " ต้องเอาเนื้อหาที่เรียนมาคิดซ้ำๆๆ แล้วมันจะจำได้เองเพราะสมองจะจดจำเฉพาะข้อมูลที่ใช้บ่อยๆๆ ไอ้ที่ใช้ไม่บ่อยมันจะลบทิ้ง และมันบอกว่าพยายามเรียนรู้ทุกสิ่งแต่อย่าเชื่อทุกอย่างที่เรียนต้องคิดแย้งเข้าไว้จับผิดเรื่องที่เรียน และอะไรที่รู้สึกว่ามันปัญญาอ่อนก็ต้องทุบทิ้งเท่านั้น และเวลาอ่านต้องเข้าใจว่าวิชาทีเรียนส่วนใหญ่เราเอามาจากวัฒนธรรมอื่นการจะตีความคิดเขาให้แตกและรู้ทันต้องตีให้แตกถึงรากเหง้าวัฒนธรรม" ลอกวิธีพูดมันมาเลยนะเนี่ย

    เวลาเรียนอ.จะกลัวคนๆๆนี้มากปกตินักศึกษาจะกลัวอ.แบบบารมีครูอะไรแบบนี้ เพราะถ้าพูดผิด มันจะสวนขึ้นมาทันที แต่ไม่ใช่แบบเถียงนะครับ แต่เหมือนรอสอนจบก่อนอ.ก็จะทึ่งแล้วอึ่ง และเวลาตอบข้อสอบข้อไหนที่ไร้สาระในสายตามันมันจะไม่ทำ ตอนผมเรียนกับมันวิชาหนึ่งมันทิ้งกระดาษเปล่าเลย คือคนแบบนี้มันทำได้ทุกข้อมันไม่กลัวว่าทิ้งข้อหนึ่งแล้วคะแนนมันจะตกเพราะตอบยังไงก็เต็มไม่รู้จะโต้แย้งหักยังไง อ.หลายคนว่างี้นะ อ้อแล้วหมอนี่มันไม่สนใจเรื่องเกรดด้วยแบบเด็กเรียนบางคนที่เกรดตกจิตตก มันเลยมั่งคงทางอารมณ์แบบไม่มีช่วงจิตสับสนจนเกรดลดอะไรยังงี้ สงสัยมันจะได้A จนชิน

    อ.ก็จะตกใจว่าทำไมมันไม่ทำ เพราะข้ออื่นมันตอบจนอ.อึ่งว่ามันรู้ขนาดนี้เลยหรือแล้วมันออกห้องสอบเร็วด้วยคือไม่ใช่ทำไม่ทันแน่

    อ.ก็จะถามมันก็จะอธิบายให้อ.ฟังว่าทำไม คือโจทย์มันไร้สาระวัดความรู้ไม่ได้ยังไง ผิดยังไง สุดท้ายอ.ก็ต้องยอมให้คะแนนมันทั้งที่มันไม่ทำ......คนแบบนี้บ้านเราหายากฝรั่งนี่น่าจะเยอะ ประเทศมันถึงได้มีแต่ผลงานสร้างสรรค์เยอะไปหมดอย่างทฤษฏีใหม่ๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2013
  9. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ถูกต้องแล้ว เป็นเรื่องของสมาธิเป็นหลัก แต่ให้สังเกตถึงข้อสำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ การรู้สภาวะของใจตนเอง และไม่หลงเข้าไปสู่อารมณ์ที่ลดทอนความสามารถในการเรียนรู้ เช่น ความคิดว่าเนื้อหายาก ความขี้เกียจ
    อันนี้เป็นเรื่องของสติ

    หากไม่มีสติตามคุม ก็จะเกิดเหตุการณ์เช่นเพื่อนของคุณ ตามที่เล่ามา ครับ
     
  10. กลายแก้ว

    กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634
    มีอิทธิบาท 4

    ฉันทะ มีความพอใจ และ รักในการที่จะเรียนรู้ มีความสุขที่ได้รู้เรื่องของเนื้อหา เปรียบเสมือนเป็นอาหารสมองอย่างหนึ่ง

    วิริยะ มีความพากเพียรไม่ย่อท้อ ที่จะรู้ ไม่ท้อ ไม่ถอย คิดถึงเป้าหมายและความสำเร็จที่รออยู่ข้างหน้า หากเมื่่อยล้าก็พักบ้างเป็นเวลาไม่ฝืน

    จิตตะ มีความจดจ่อ ใส่ใจ ในเนื้อหา คือ ความมีสามาธิ ตั้งมั่น อยู่ตรงหน้าไม่คิดสิ่งใดนอกเหนือจากข้อมูลที่เรากำลังอ่าน และขณะที่กำลังอ่านให้รู้ตัวทุกขณะ

    วิมังสา มีความใคร่ครวญ ทำความเข้าใจในเนื้อหา ในเนื้อเรื่องหนึ่งจะต้องมีส่วนสำคัญที่สุดในเนื้อหานั้น ขีดเส้นใต้ไว้ในส่วนที่สำคัญ แล้วนำทั้งหมดมาสรุปเป็นเนื้อหาอย่างย่อ หาเหตุที่มาที่ไป ที่เขาต้องการให้เราเข้าในเรื่องนั้นอย่างไร อย่างน้อยแล้วเราสามารถอธิบายและบอกกับตัวเองได้

    การอ่านหนังสือที่สุดที่สุดคือ ช่วงที่เราตื่นนอนใหม่ ๆ หรือ ระว่าง ตี 4-6 โมงเช้า เป็นช่วงที่สมองปลอดโปร่งที่สุด และที่ดีที่สุดควรนั่งสมาธิก่อนอ่านหนังสือ ถ้าเป็นไปได้สวดมนต์สั้นก่อนสักบทก็จะดีมาก

    ประการสำคัญ เราต้องกำหนดจิตของเรา ให้เรามีความมั่นใจให้กับตนเองว่า เราต้องทำได้ เราต้องสอบได้
     
  11. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    เวลาเรียน ตั้งใจ ฟัง และ คิดตาม มือจับปากกาจดตามที่ ครู พูด
    และเราสรุปเองกำกับความเข้าใจ

    เวลา อ่านหนังสือ จด หัวข้อ สำคัญ พร้อมสรุปย่อใจความสำคัญที่เราเข้าใจและถูกต้องตรงเนื้อหา

    แบ่งเวลา ต่อ วัน ใน การ จัด วิชาต่างๆในการเรียน ทบทวน วิชา ละ ชั่วโมง เพื่อทบทวนและเข้าใจเนื้อหาให้มากขึ้น

    ถ้า มี ศัพท์ จด และ ท่อง และ เขียน ไว้ ใน กระดาษ ให้ คน ข้างเคียง ดู ว่า เรา พูด ตรง หรือเปล่า ใช้ได้ ทั้ง เนื้อหา สำคัญ และ ศัพท์

    จดช็อตโน๊ต แปะไว้ในที่ต่างๆ ที่ เรา เดินผ่าน (ในบ้าน) เพื่อ ขึ้น ใจ ไม่ว่าจะเป็น ประตู หน้า ตู้เย็น ในห้องน้ำ(ชอบ มาก เพราะใช้เวลานาน)
    แต่ สุดท้าย แล้ว กำลังใจที่จะทำสำคัญที่สุดคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2013
  12. joofjang

    joofjang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +421
    สมัยเรียนเพื่อนๆมักจะบอกว่าผมเรียนเก่ง ซึ่งจริงๆแล้วผมไม่ได้เป็นคนฉลาดเลยครับแต่ผมอาศัยความเพียรคือขยันในทางที่ถูก เวลาอ่านหนังสือก็พยายามทำความเข้าใจให้เข้าใจเนื้อหาจริงๆ ก่อนอ่านหนังสือก็นั่งสมาธิเมื่อสงบแล้วจะอ่านหนังสือได้ดีขึ้นครับ พออ่านหนังสือไปซักพักแล้วฟุ้งซ่านก็สวดชินบัญชร 3-5 จบ พอจะนอนก็ลืมไอ้ที่อ่านมาให้หมด แค่นี้เองครับ
     
  13. nutspicy1123

    nutspicy1123 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +10
    ขอบคุณทุกๆ ความคิดเห็นครับ​
     
  14. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    การจะมีสมาธิก็ต้องทำสมาธิ มันจึงจะมีสมาธิครับ
    เมื่อมีสมาธิแล้ว ไม่ว่าเราจะทำอะไร สมาธิเขาก็จะมาเข้าช่วยเองเป็นอัตโนมัติครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...