จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

อารมณ์ทะนงตนเองจัดเป็นมานะกิเลส
บุคคลบางคนชอบดูแต่ภายนอก
คือดูรูปร่าง-หน้าตา ซึ่งมิใช่ตัวจริง-ของจริง
ตัวจริง-ของจริงอยู่ที่จิต
บางคนรูปร่าง-หน้าตาดี แต่จิตใช้ไม่ได้เลยก็มีอยู่ไม่น้อย
จะต้องดูจิตใจที่มีการปฏิบัติละ-วางว่าทำได้แค่ไหน
โดยอาศัย ศีล-สมาธิ-ปัญญา หรือ ทาน-ศีล-ภาวนา
เป็นเครื่องตัดสินจึงจะถูกต้อง


ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน​

Cr : FB - BuddhaSattha

 

​

 

​

 

โมทนาสาธุด้วยจ๊ะ..แต่ระวังน่ะ...การอ่านก็คือ การเรียนรู้ด้วยสมอง..ที่ว่าเข้าใจนั้นก็คือ ตัวสติที่อยู่กับกายนี้ แล้ว "จิต" ที่อยู่ในกายนี้หล่ะ...เข้าใจแล้วหรือยัง..เมื่อธาตุลมดับ กายก็ดับ สติก็ดับ สมองก็ดับไปพร้อมกับกายที่ตายคืนสู่โลกไปแล้ว...มีแต่จิตดวงเดียวเท่านั้นที่ยังคงล่องลอยท่องเที่ยวต่อไป...ชาติต่อไป..ถ้าโชคดี(หรือร้ายก็ไม่รู้) ได้เกิดมาเป็นมนุษย์อีก..ก็ต้องอ่านอีก เรียนรู้เข้าใจด้วยสมองอีกซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า..การเรียนรู้ทางโลกนั้นไม่มีที่สิ้นสุด...แต่การเรียนรู้ทางธรรมนั้นมีที่สิ้นสุด...โดยการ "ภาวนามะยะปัญญา" นำสู่จิตให้เป็นผู้เรียนรู้เอง ละปล่อยวางเอง...จนจิตกลายเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เองนั้นแหล่ะ คือ ที่สิ้นสุดของการเดินทางแห่งจิตบนดินแดนแห่งพระนิพพาน...สาธุ

ปล. จิตเกาะพระ คือ การภาวนาที่นำสมาธิเข้าถึงจิตได้ง่ายเร็วไว และต่อเนื่องได้ตลอดทั้งวันคืนที่สุดแล้ว ในยุค 3G นี้...ขอบอกกกก...

 

​

การทำสมาธิ นี่ เราจะต้องทำอยู่เสมอ ได้บ้าง เสียบ้าง แล้วมันจะเป็น ผลดี ตามมา เอง มีแต่จะเจริญ มีแต่จะงอกงาม มีแต่จะค้ำจุน จิตใจเรา ให้ สูงส่ง ไปทุกวัน ฉะนั้น ทำความดี ต้อง ไม่ท้อถอย ใครไม่ทำ เรา ก็ ทำของเรา"

หลวงพ่อสนอง กตฺปุญโญ


ที่มา: FB

โมทนาสาธุค่ะ...ทำได้บ้าง เสียบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา ของกฎแห่งความไม่เที่ยง ส่วนที่ทำได้มันจะสะสมพอกพูนให้มากยิ่งๆ ขึ้นไปในจิต...แต่ส่วนที่เสียไปบ้างนั้น มันจะไม่สามารถลบออกหรือตัดออกไปจากจิตได้แน่นอน...ทำไปๆๆค่ะ ความเพียรนี้ไม่มีที่สิ้นสุด...ไปจนกว่า...เจ้ากายหยาบนี้จะดับขันธ์ลงจร้า...สาธุ

ลูกขอน้อมจิตกราบ กราบ กราบ หลวงพ่อสนอง ด้วยเศียรเกล้าเจ้าค่ะ..._/\_

 

สาธุครับ อนุโมทนาด้วยครับ ต้องปฏิบัติมากๆซะแล้ว อย่าเอาแต่อ่านแล้วไม่ทำอะไร ...



... ^^ ...

 

ถึงพร้อมด้วยความดีทั้ง 3 (ทาน ศีล ภาวนา)


​

กงล้อแห่งพระพุทธศาสนาหมุนไปได้ ก็เพราะ "ไตรสรณคมณ์" ฉันใด...กงล้อแห่งพระนิพพานของแต่ละท่านหมุนไปได้ ก็เพราะ ทาน ศีล ภาวนา ฉันนั้น...

แต่ในที่นี้ ขออนุญาตขยายธรรมของคำว่า "ทาน" เพราะ ศีล และ ภาวนา ในวิชาจิตเกาะพระผู้ปฏิบัติต้องทำให้เกิดมีพร้อมกันไปโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว...

"ทาน" ไม่ว่าจะบุญใหญ่ บุญเล็ก ทำมาก ทำน้อย ไม่ว่าจะทำทานด้วยเงิน หรือลงแรงก็ตาม ไม่ใช่แค่สักแต่ได้ทำ หรือทำส่งๆ ไปอย่างนั้นแหล่ะ ไม่ใช่ทำตามคนอื่นเค้าไปงั้นแหล่ะ...แต่ทุกครั้งที่ทำให้ดูที่ใจตนเองน่ะ ไม่ใช่ใจผู้อื่น..ไม่ใช่ทำไปแล้ว ทำไมไม่มีใครชมตรูเลยหว๊า..หุๆๆ...ทานบารมีของผู้ปราถนาที่จะหลุดพ้น เมื่อค่อนข้างจะเต็มแล้ว การให้ทานไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของกิเลสความอยากทำ หรือ อยากได้อะไรอีกต่อไปแล้ว...แต่จะกลายเป็นการให้ด้วยความเมตตา(1 ในพรหมวิหารสี่) เพื่อจะช่วยเหลือสงเคราะห์เพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย และเพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศานาให้ดำรงคงอยู่สืบต่อไป...ยิ่งจิตละเอียดขึ้นมากเท่าใด การให้ทานก็จะยิ่งละเอียดขึ้นเป็นเงาตามตัวเมื่อนั้น...เค้าจะลดการทำทานจากการให้ทรัพย์ที่เห็นด้วยตาเนื้อลง (คือเลิกบ้าบุญแล้วว่างั้นเถอะ เอ๋อ..อันนี้ไม่ได้ว่าใคร...แต่ว่าตัวเองตะหากล่ะจ๊ะ) แต่จะหันมาให้ความสำคัญกับการให้ "ปัญญา" แทน ซึ่งเป็นทานที่ละเอียดและปราณีตขึ้นมาอีก...เพราะการบริจาคทรัพย์สร้างโบสถ์ สร้างศาลา ไม่รู้กี่ร้อยหลังมาทั้งชีวิต ก็มิอาจทำให้จิตหลุดพ้นทุกข์สู่แดนบรมสุขแห่งพระนิพพานได้...หากไม่มี "ปัญญา" นำพาไป....สาธุ

ลูกขอน้อมจิตก้มกราบ กราบ กราบ แทบฝ่าพระบาทองค์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายกเจ้าค่ะ _/\_/\__/\_

 

โมทนาสาธุกับจิตธรรมของครูเกษด้วย เป็นอย่างสูงยิ่ง
แหม๊ รอมาตั้งนานแล้ว ว่าเมื่อไหร่จะเอาธรรมในจิตออกมาพูดซะที
หลังจากเดินวนตนเองจนงงอยู่ตั้งนานสองนาน
ถูกธรรมแล้ว เพราะต่อไปนี้ พี่ภูจะไม่นิยมพูด หรือไม่มีคำว่า ถูกใจ
เพราะ...ตั้งอยู่เหนือสิ่งอื่นใด โดยเฉพาะ ตัวสังขาร ตัววิญญาณขันธ์ของตนเอง
พยายามทรงเอกัคคตารมณ์ คือการสำรวมจิต คือการทำอารมณ์ให้เป็นหนึ่งเดียว
หรือทำจิตตั้งมั่นเสมือนดั่งพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย นั่นเอง
โดยเฉพาะ ผู้ที่ปรารถนาพระนิพพาน เน้นจิตละเอียดอย่างเดียว
ทำไปจนกว่าจิตก็ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา โน้นแหล่ะ
สรุปแล้ว เราไม่มีทั้งรูป ทั้งนาม ที่เหลือก้แปลว่า ความว่างไง
ส่วนรูป ไม่ต้องมาพูดถึงกันตอนนี้แล้ว ก้าวข้ามไปนานแล้ว ทำให้ไว
การปฎิบัติธรรม คอยดูจิตตนเป็นหลักว่ามันยังไปติดค้างอยู่กับสิ่งใด
แต่ถ้ามี จงใช้สติปัญญาตนไปแกะออกมาให้ได้ มันติดสุขจากฌานใช้ปัญญาแกะออกมา
จิตไปติดอภิญญา ติดนิมิต ติดอะไรก็ตามแต่ จงหมั่นทำสมาธิจิตให้ต่อเนื่อง
ทรงอารมรมณ์เอกัคคตารมณ์ยิ่งดีใหญ่ เพราะเป็นสมาธิเข้มข้น
จงเข้าใจกันไว้เลยว่า นี่คือ เรากำลังเจริญปัญญา เรากำลังป้อนปัญญาให้กับจิตตน
เพื่อให้จิตเขาทำหน้าปล่อยวาง เพราะการปล่อยวางเป็นหน้าที่ของจิตโดยตรง
มิใช่ เราหรือใครที่ไหน


และไม่สงสัยเลยว่า ทำไม คนที่กำลังทำภาวนาไม่ได้ผลกัน ก็เพราะว่า
ไม่สนใจสติกับจิตตนเองเลย มัวแต่ไปสนใจอย่างอื่นซะมากกว่า
เมื่อไหร่ ถ้านักภาวนา พยายามเอาสติกับจิตอยู่ด้วยกัน ไม่ให้ห่างกัน ติดกันบ่อยยิ่งดีใหญ่
เอกัคคตารมณ์จะเกิดไม่ได้เลย ถ้าเอาสติห่างจิต อารมณ์จิตจะเข้มข้นได้ก้ต่อเมื่อสตินำมารวมกับจิตได้
นอกนั้น ไม่มีทาง ขอให้พวกเราเอาสติคุยกับจิตตนเองบ่อยๆหน่อย เดี๋ยวได้เรื่อง

เพราะฉะนั้น กำลังใจตนเองก็อยู่ไม่ไกลไปจากตรงนี้ด้วย
บุญภายในนี่แหล่ะ ก็คือ บุญใหญ่หลวง

 

​

 

การให้ธรรมด้วยการเป็นตัวอย่างที่ดีให้ดู

​

 

โมทนาสาธุกับคุณPugsley ด้วยครับ
เห็นไหม พี่ภูพูดมาไม่นานมานี้เอง น้องดาวนำมาลงเลย
และสิ่งที่น้องดาวกำลังดูพวกเราอยู่นี่ก็คือ สิ่งที่น้องดาวนำเสนออยู่นี่ไง
พี่ภูคนแรกเลย ที่ถูกจับตามองของทุกคน มิใช่ น้องดาวคนเดียว
ส่วนคนที่สอง สาม น่าจะหนีไม่พ้นก็คือ คุณน.จุดๆๆ คุณพ.จุดๆๆ
แสดงความคิดเห็นนี้ มิได้กล่าวตำหนิน้องดาวนะ แต่กลับเห็นเป็นธรรมะ คือความจริง
แต่ก็เป็นที่น่าดีใจแทน คุณน.และคุณพ.ด้วย ที่ท่านพยายามเหลือเกิน ที่จะปฎิบัติตาม
และเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับจิตบุญท่านอื่นๆ ได้รับทราบทั่วถึงกัน
คนทำเสมือนเราอยู่ที่แจ้ง คนดูเสมือนอยู่ที่มืด ด้วยจิตไม่สนในจริยาผู้อื่น
ก็เลยทำให้มีสมาธิในการปฎิบัติธรรมเห็นแจ้งมากยิ่งขึ้น นี่คือผลดี
ความดีหรือว่าจะเป็นคนดีนั้น จะต้องให้คนอื่นๆเขาพูด มิใช่ตนเองพูดเองว่า..ฉันดีแล้ว
เพราะระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน...นั่นเอง
อย่าไปเสียเวลาพูด ให้ตั้งหน้า ตั้งตาปฎิบัติลูกเดียว ดูกายกับดูจิตตนเอง เท่านั้น
อย่างอื่น ไม่ต้องไปดู เพราะเสียเวลามรรคผล

 

เปิดหลักฐานปล้นประเทศไทย - YouTube​

ธรรมะ คือธรรมชาติ
ธรรมชาติ ก็คือธรรมะ หรือความจริง!

(อย่าไปสนใจหัวข้อเรื่องมากนัก เดี๋ยวจะพากันเครียด)

เพราะฉะนั้น น้ำมันที่อยู่ตามธรรมชาติ เฉพาะในประเทศไทยนั้น น่าจะเป็นของใคร
ถ้าไม่ใช่ ปชช.คนไทย ในประเทศไทย

ข้อมูล ในประเทศไทย จาก กระทรวงพลังงาน
สว่นข้อมูล ต่างประเทศ จาก CIA [USA] and EIA [U.S.Energy Info Admin.]

ลงธรรมะไม่ต้องคิดมาก แต่ลงธรรมชาตินี้ คิดอยู่นานสองนานเลย
แต่มิได้มีเจตนาลงเพื่อ จุดกระแสคนไทยตอนนี้

เพราะรู้อนาคตว่า...
คนอยากได้แต่ไม่ได้ คนได้แต่กลับไม่รู้ว่าจะได้

(ก็แปลกันเอง ก็แล้วกัน)

คนไทย คิดอย่างนี้ พูดอย่างนี้ ทำอย่างนี้ อีกไม่นานนัก เศรษฐกิจไทยก็จะสู้พม่า ลาว เขมร ไม่ได้
เหตุที่เก็บส่วนแบ่งน้อย แต่เก็บภาษีตอนท้ายมาก เพราะว่า มีนัยยะ หัวธรรมดาย่อมคิดไม่ออกแน่
แต่ถ้าหากเอาตาในดู โอเหม่ๆ เอากันอย่างนั้นเลยรึ นโยบายเก็บแบบนั้น ตอนนี้คนไทยทราบหมด
สิ่งที่ผ่านมาก็ให้ผ่านไป แต่สิ่งที่ทุกคนจะต้องคิดร่วมกันเพื่อลูกหลานของท่านเอง ควรทำอย่างไร บริหารอย่างไร
ขอให้คิดพูดทำ เพื่อส่วนรวมก็พอแล้ว อีกไม่นานเกินรอ คนที่คิดเห็นแก่ตัว ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว
ใกล้จะหมดแล้ว เพราะมีบางสิ่งกำลังตามเก็บ
ขอให้ทุกท่านมีสติมาก รีบภาวนาโดยไว เตือนกันหลายรอบแล้ว เมื่อวันนั้นมาถึง(ภัยพิบัติ)
ต่อให้อมพระ อุ้มพระ ระลึกนึกถึงพระ น่าเสียดาย สายไปเสียแล้ว ฝึกจิตต้องค่อยๆฝึกไป เร่งรีบเกินไปก็มีแต่ผลเสีย

แหม๊ ว่าจะไม่ยุ่งกับทางโลกแล้วนะ แต่ไม่เป็นไร ดูที่เจตนาเป็นหลักก็แล้วกัน
เจตนาเพื่อใคร ถ้าไม่ใช่เพื่อตนเองหรือพวกพ้อง เป็นอันใช้ได้ อย่าไปหาความถูกต้องหรือถูกใจตนเลย ในโลกนี้ ไม่มีหรอก

 

อนุโมทนาสาธุค่ะพี่ภู...

แม้ว่านู๋จะจับตามองดู...แต่ก็เฝ้ามองด้วยความเคารพรัก ศรัทธา และเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่งค่ะ
ทุกวันนี้ยังขอบคุณตัวเองอีกด้วยที่ยังคงอยู่ ณ ตรงนี้...ไม่ทิ้งหน้าห่างหายไปไหน
ณ ที่ตรงนี้มีแต่ได้กลับได้ ไม่มีเสียค่ะ...เพราะที่เสียนู๋ไม่เอา
พลังความเลื่อมใสศรัทธาในพระธรรมคำสอนที่ได้จากตรงนี้มีแต่ช่วยเติมเต็มให้ดวงจิตนี้มีความสว่างไสว โชติช่วง เพิ่มยิ่งๆขึ้นไป
และเพราะด้วยเหตุที่นู๋เฝ้าดูอยู่นี่ล่ะค่ะ ณ เวลานี้จึงได้พบและสัมผัสกับพลังงานบริสุทธิ์ที่ส่องสว่างออกมาจากดวงจิตของพระผู้เป็นผู้ให้
ดวงจิตที่ถูกขัดเกลาด้วยธรรมะของพระพุทธองค์จนสว่างผ่องใส
จากดวงจิตของปุถุชนธรรมดาให้กลายเป็นดวงจิตของพระได้อย่างแท้จริง
บินขึ้นสู่ที่สูงไกลลิบลับ ไกลเกินกว่าความสามารถของนู๋เองจะมองเห็นได้...เพราะตัวเองยังไปไม่ถึง
รู้แต่เพียงว่าจิตของตนเองนี้ยังเทียบเท่าได้แค่ขี้ปลายเล็บของดวงจิตท่านเท่านั้นเอง
อย่างไรเสียนู๋ก็จะพยายามตามไปให้ถึงจุดนั้น แม้จะต้องคลานไปก็ตามค่ะ

ปล.ขออนุญาตไม่เอ๋ยนามของดวงจิตท่านผู้นั้นค่ะ

 

สาธุ สาธุ สาธุ
ทุกๆอย่างเริ่มต้นด้วยการยอมรับตนเองตามความเป็นจริง แล้วตนเองจึงจะสามารถแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่างได้ตามมา
ตนเองย่อมเป็นที่พึ่งแห่งตนโดยแท้ จริงๆเชียว ... ขออนุโมทนาปัญญาและ"แสงสว่าง"แห่งปัญญานั้นๆด้วยครับ ...

ผมต้องขออนุโมทนาด้วยหลายๆรอบ เจอท่านผู้อ่อนน้อมในธรรมและพัฒนาตนเองไม่หยุดยั้ง มีปกติขัดเกลามานะทิฏฐิ
อยู่เสมอๆแล้ว "อดใจจะออกมาประกาศความดี ของท่านผู้นั้นไม่ได้จริงๆ" ... ท่านใดๆมีดวงจิตเป็นพระ มีมานะทิฏฐิที่ละทิ้งไปเสียแล้ว
ด้วยธรรม มีความสว่างไสวอันไม่มีขอบเขตเป็นปกติ ข้าพเจ้าขออนุโมทนาและกราบกรานซึ่งท่านเหล่านั้นผู้ซึ่งปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
และเป็นผู้ซึ่งนับได้ทีว่า เป็นบุตรของพระพุทธเจ้าโดยธรรมแท้ๆทีเดียวครับ สาธุ สาธุ สาธุ ...


... ^_^ ...


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

 

​

 

คำสอนของท่านพุทธทาสภิกขุ...

...ใจสกปรก มืดมัว และร้อนเร่า...

-เพราะพูดผิด ทำผิด จิตประวิง-

...แต่ในสิ่ง นำตัว กลั้วอบาย...

...คิดดูเถิด ถ้าใคร ไม่อยากตก...

...จงรีบยก ใจตน รีบขวนขวาย...

-ให้ใจสูง เสียได้ ก่อนตัวตาย ก็สมหมาย ที่เกิดมา อย่าเชือนเอย...

...คำสอนของท่านพุทธทาสภิกขุ ขอกราบน้อมรับคำสั่งสอนขององค์ท่านเจ้าค่ะ.

 

​

ถ้าจิตเห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จิตก็ว่าง

ไม่เป็นเจ้าของสุข ไม่เป็นเจ้าของทุกข์

ถ้าเห็นได้ชัดอย่างนี้ มันก็ได้ความเท่านั้นแหละ

จะทำอะไรๆ อยู่ก็สบายไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว

มีแต่การภาวนาจะเจริญยิ่งขึ้นเท่านั้น...


หลวงพ่อชา สุภัทโท​

 

ขออนุโมทนาสาธูๆๆๆด้วยนะครับสาธุๆๆๆ

 

..ผมยังไม่ได้ดูเรย ยูทูบไม่ให้ดู อยากดูมั่ง
..ผมยิ่งรักน้องหมา น้องแมวอยู่ด้วย เห็นหลวงพ่อด้วย
ผมคงนั่งน้ำตาไหลอย่างเดียว อิอิ
สาธุๆๆๆๆ ต้องหาทางไปดู

 

สาธุๆๆๆครับจะนำไปปฏิบัติครับ