คาถา...พา(ฉัน)ฉงน?

-เคยเห็นสรรพคุณของว่านทีแรกก็งงเหมือนกัน ว่านี้เป็นมหาอุดม ว่านนี้พระยาเทครัว เทค-รัว หรือไปทำร้ายห้องครัวทำไม..อิอิ... เป็นต้น ขอบพระคุณ
คาถาคงกระพัน
โอมพุ่งพล่าน ข้างหลังให้มีเหล็กกล้า ข้างหน้าให้มีเหล็กแข็ง ใครจะฟันแทงไม่เข้า ตีไม่แตก ปืนยิงไม่ออก ภัยอันตราย ศาสตราวุธหนึ่งร้อยแปดประการ ฆ่าไม่ตาย พระพุทธังบังข้างขวา พระธัมมังบังข้างซ้าย พระสังฆังบังกายา พระอะระหังบังเกศา อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ
พุทธคุณนัง นะโมพุทธายะ ธัมมะคุณนัง นะโมพุทธายะ สังฆคุณนัง นะโมพุทธายะ ครูอุปัชฌาจารย์คุณนัง นะโมพุทธายะ ปิตาคุณนัง นะโมพุทธายะ มาตาคุณนัง นะโมพุทธายะ พุทธัง บังเนตร ธัมมัง บังเนตร สังฆัง บังเนตร พุทธัง บังจักขุ ธัมมัง บังจักขุ สังฆัง บังจักขุ มะอะอุ นะโมพุทธายะ
-เวลาที่อ่านเจอคาถาที่มีคำว่าบังเนตรแล้วส่วนตัวจะรู้สึกกลัว เหมือนกับเราจะไปบังเนตรของท่านพระพุทธเจ้าทำไม คำว่าเนตร น่าจะเป็นราชาศัพท์

 

คนไทยสมัยก่อนเคยเห็นราชสีห์หรือเขาว่าที่อินเดียมีสิงห์โตมากในสมัยก่อน ที่ศรีลังกาก็ปั้นรูปราชสีห์ไว้มาก ครูเจ้าของคาถาจึงเอามาเพื่อสร้างพละกำลัง อำนาจ

 

น่าจะชื่อพญา(อา)คม มากกว่า พญายา นะคะ

 

-เป็นการมาสอบถามข้อสงสัยบางอย่างไปพร้อมๆกันนะท่าน แม้แต่การทำน้ำมนต์ง่ายๆพระเกจิโนเนม ยังมีค่าครูตามเศษกระดาษ(ชำรุด)ที่ท่า่นพระเกจิเขียนให้กันไว้ทำรดญาติโยม คาถาด้านล่างนั้นก็เป็นบทบูชาพระสิวลีที่เราคุ้นเคยกันดี

 

คาถาบทเดียวแต่หลายเวอร์ชั่น ลองอ่านปสก.ของท่าน "สหจร" ไตรปิฏกนอกวัด ดูก่อน

 

-ถ้าเป็นคาถาบูชาดวงประจำวันเกิดทั้งเจ็ด(รวมวันพุธกลางคืน)จะเอาบท อะ วิช สุ นุต สา นุส ติ เป็นวันอาทิตย์ ขึ้นก่อนบทอิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา
-บางที่เรียกว่าคาถาพระอาจารย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์(ย่างข้ามน้ำโขงได้)
-บางที่เรียกว่ามนต์ผาบผี มีคายมนต์ขันธ์ห้าเต็มยศ
-บางที่เรียกว่าคาถาตอกหลักชะตาบ้านเมือง8ทิศ
-หลังๆมามีฤทธิ์นารายณ์มาร่วม

[บางที่ก็เป็นกระทู้เจ็ดแบก

 

เจ้านี้ลงครบคาถา
คาถาบูชาดวง ประจำวันเกิด(ย่อ)

1. คาถาคนเกิดวันอาทิตย์ อะ วิช สุ นุส สา นุต ติ ชื่อคาถาพระนารายณ์แปลงรูปใช้ทาง เมตตามหานิยมก็ได้ สวดวันละ 6 จบ

2. คาถาคนเกิดวันจันทร์ อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา ชื่อคาถากระทู้เจ็ดแบกใช้ทางคงกระพัน สวดวันละ ๑๕ จบ

3. คาถาคนเกิดวันอังคาร ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง ชื่อคาถาฝนแสงห่าใช้ทางเมตตามหานิยม สวดวันละ ๘ จบ

4. คาถาคนเกิดวันพุทธกลางวัน ปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุท ชื่อคาถาพระนารายณ์เคลื่อนสมุทร

5. คาถาคนเกิดวันพุทธกลางคืน คะ พุท ปัน ทู ธัม วะ คะ ชื่อคาถาพระนารายณ์พลิกแผ่น ดินใช้แก้ความผิดต่างๆ สวดวันละ ๑๒ จบ

6. คาถาคนเกิดวันพฤหัส ภะ สัม สัม วิ สะ เท กะ ชื่อคาถาพระนารายณ์ตรึงไตรภพใช้ทาง เมตตามหานิยม สวดวันละ ๑๙ จบ

7. คาถาคนเกิดวันศุกร์ วา โธ โน อะ มะ มะ วา ชื่อคาถาพระพุทธเจ้าตวาดหิมพานต์ใช้ ทางมหานิยม สวดวันละ ๑๙ จบ

8. คาถาคนเกิดวันเสาร์ โส มา ณะ กะ ริ ถา โธ ชื่อคาถาพระนารายณ์ถอดจักรใช้ทางถอดคุณไสยศาสตร์ สวดวันละ 10 จบ
เจ้านี้หายไปบทหนึ่ง.............................................
1. คาถาคนเกิดวันอาทิตย์ อะ วิช สุ นุส สา นุต ติ ชื่อคาถาพระนารายณ์แปลงรูป ใช้ทางเมตตามหานิยมก็ได้ สวดวันละ 6 จบ
2. คาถาคนเกิดวันจันทร์ อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา ชื่อคาถา กระทู้เจ็ดแบก ใช้ทางคงกระพัน สวดวันละ 15 จบ
3. คาถาคนเกิดวันอังคาร ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง ชื่อคาถา ฝนแสนห่า ใช้ทางเมตตามหานืยม สวดวันละ 8 จบ
4. คาถาคนเกิดวันพุธกลางวัน ปิ สัม ระ โล ปุ สัตพุท ชื่อคาถา พระนารายณ์เกลื่อนสมุทร ใช้เสกปูนสูญฝีสวดวันละ 17 จบ
5. คาถาคนเกิดวันพุธกลางคืน คะ พุท ปัน ทู ธัม วะ คะ ชื่อคาถา พระนารายณ์พลิกแผ่นดิน ใช้แก้ความผิดต่างๆ สวดวันละ 12 จบ
6. คาถาคนเกิดวันพฤหัส ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ ชื่อคาถา พระนารายณ์ตรึงไตรภพ ใช้ทางเมตตามหานิยม สวดวันละ 19 จบ
7. คาถาคนเกิดวันศุกร์ วา โธ โน อะ มะ มะ วา ชื่อคาถา พระพุทธเจ้าตวาดหิมพานต์ ใช้ทางเมตตามหานิยม สวดวันละ 21 จบ

 

คาถาที่แสดงมาก่อนหน้านั้นต้นแบบเขาก็ถอดมาจากบท อิติปิโส /บทพุทธคุณ นี่แหละ
สำหรับการ สวดอิติปิโสเท่าอายุ ผู้สวดจะต้องสวด นะโม 3 จบ ก่อนจะเริ่มทำการ สวดอิติปิโสเท่าอายุ โดยให้สวดเกินอายุ 1 จบ เช่น อายุ 20 สวด 20 จบ แล้วบวกอีก 1 เป็น 21 จบ
ส่วนการ สวดอิติปิโส 108 จบ ก็ได้รับความนิยมกันไม่แพ้ สวดอิติปิโสเท่าอายุ เพราะเชื่อกันว่าเท่ากับกำลังนพเคราะห์รวมกันทั้งหมด ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับพลังอำนาจในจักรราศี หรือเสริมพลังอำนาจให้ดวงชะตานั่นเอง
บทสวดมนต์ สวดอิติปิโสเท่าอายุ

อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ

วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ

สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ

(สวดอิติปิโสเท่าอายุ แล้วสวดเพิ่มไปอีก 1 จบ)
อย่างไรก็ดี การสวดมนต์ ไม่ว่าจะบทใดคาถาใดก็ตาม สิ่งที่ผู้ปฏิบัติได้ประโยชน์แน่นอนคือ สมาธิจากจิตที่สงบนิ่ง ดังนั้น อย่ามุ่งหวังผลพวงจากการสวดมนต์ เพราะสวดมนต์ต้องสวดด้วยปัญญา อย่าสวดเพียงเพื่อศรัทธา มนต์นั้นถึงจะแสดงผล

 

-เป็นการมาสอบถามข้อสงสัยบางอย่าง....
แล้วสงสัยอะไรหรือคะ เพราะอ่านดูก็ยังไม่เข้าใจว่าท่าน พญา(อา)คม สงกะสัยอะไร แต่เหมือนตั้งข้อสังเกตุว่า แม้มนต์บททั่วๆไปก็ต้องตั้งขันมีค่าครูคะ ก็เห็นว่าเป็นวัฒนธรรมอันดีงามนะคะ คนไทยเราเอาความกตัญญูต่อบุญคุณครูบาอาจารย์เป็นที่ตั้ง แม้เล็กน้อยก็ต้องบูชาครู ถ้าเป็นสมัยนี้รับวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามา ก็คงต้องเรียนคาถากันแบบแฟรนไชน์ จ่ายค่าลิขสิทธิ์

มองกันในมุมหนึ่ง สมัยก่อนเราใช้ระบบครูและลูกศิษย์ในการสอนและถ่ายทอด ก่อนจะได้อะไรไปจะต้องมามอบตัวให้ครูรับเป็นศิษย์ อยู่รับใช้ดูจิตดูใจดูความตั้งใจแล้วจึงถ่ายทอดให้ตามคุณธรรมของผู้ครูและผู้ศิษย์ ครูเมตตาศิษย์ ศิษย์รักและกตัญญูครูบาอาจารย์ สังคมพึ่งพาแบบญาติพี่น้องครูบาอาจารย์ ปัจจุบันทุกอย่างเป็นธุรกิจ อยากได้อยากเรียนอยากเป็นก็จ่าย เงินน้อยก็เรียนแค่พื้นฐาน เงินมากก็ได้เรียนขั้น Advance คนสอนคือเจ้าของธุรกิจ คนเรียนคือลูกค้า ลูกข่าย ความสัมพันธ์เปลี่ยนแปลงไปสู่แนวทางผลประโยชน์ทางธุรกิจ หมดผลประโยชน์ทางตัวเงินก็หมดคุณค่า ความสัมพันธ์ก็หมดไป

สังเกตุได้ แม้ครูตายไปแล้วลูกศิษย์ก็มีรูปเคารพไว้กราบไหว้ แต่เจ้าของแฟรนไชด์ตายไปแล้วไม่น่าจะมีลูกข่ายธุรกิจเอารูปมาบูชากราบไหว้นะคะ

เอ๊ะ ไปไงมาไง ออกทะเลไปเรื่องธุรกิจได้เนี่ย เพ้ออออละเรา

 

ในบททำวัตรเช้า แปล
พุทธาภิถุติ (หันทะ มะยัง พุทธาภิถุติง กะโรมะ เส)
โย โส ตะถาคะโต, ............ พระตถาคตเจ้านั้น พระองค์ใด,

อะระหัง, .......................... เป็นผู้ไกลจากกิเลส,

สัมมาสัมพุทโธ, ................ เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง,

วิชชาจะระณะสัมปันโน, ..... เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ,

สุคะโต, ............................ เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี,

โลกะวิทู, .......................... เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง,

อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ,

เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้ อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า,

สัตถา เทวะมะนุสสานัง, ...... เป็นครูผู้สอน ของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย,

พุทโธ, ............................. เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม,

ภะคะวา, ........................... เป็นผู้มีความจำเริญ จำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์,

โย อิมัง โลกัง สะเทวะกัง สะมาระกัง สะพ๎รัห๎มะกัง, สัสสะมะณะพ๎ราห๎มะณิง
ปะชัง สะเทวะมะนุสสัง สะยัง อะภิญญา สัจฉิกัต๎วา ปะเวเทสิ,
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใด,
ได้ทรงทำความดับทุกข์ให้แจ้งด้วยพระปัญญาอันยิ่งเองแล้ว,
ทรงสอนโลกนี้พร้อมทั้งเทวดา มาร พรหม และหมู่สัตว์,
พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ พร้อมทั้งเทวดาและมนุษย์ให้รู้ตาม,
โย ธัมมัง เทเสสิ, ................. พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใด, ทรงแสดงธรรมแล้ว,
อาทิกัล๎ยาณัง, .................... งามในเบื้องต้น (คือศีล),
มัชเฌกัล๎ยาณัง, .................. งามในท่ามกลาง (คือสมาธิ),
ปะริโยสานะกัล๎ยาณัง, .......... งามในที่สุด (คือปัญญา),
สาตถัง สะพ๎ยัญชะนัง เกวะละปะริปุณณัง ปะริสุทธัง พ๎รัห๎มะจะริยัง ปะกาเสสิ,
ทรงประกาศพรหมจรรย์,
คือแบบแห่งการปฏิบัติอันประเสริฐ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง,
พร้อมทั้งอรรถะ (คำอธิบาย) พร้อมทั้งพยัญชนะ (หัวข้อ),
ตะมะหัง ภะคะวันตัง อะภิปูชะยามิ,
ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่ง เฉพาะพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น,
ตะมะหัง ภะคะวันตัง สิระสา นะมามิ,
ข้าพเจ้านอบน้อมพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ด้วยเศียรเกล้า.
(กราบรำลึกถึงพระพุทธคุณ)

 

ยันต์ทางภาคใต้ก็มี
ภาคเหนือก็มี แต่ลงรูปแบบต่างกันไป

 

แบบนี้คงเป็นตำราทางภาคกลาง

 

ยันต์เกราะเพชร ภาษาขอมก็มีการลงคาถาที่เป็นกระทู้7แบก

 

ขอตั้งข้อสังเกตุจากเศษกระดาษของท่าน พญา(อา)คม ต่อนะคะ
จาก คาบคาถา จะตุยันตัง สันตัง วิกึงคะแล
ประโยคนี้เป็นคาถา สูตรลากเส้นยันต์สี่เหลี่ยม และพี่พญายาบอกว่าเป็นการทำน้ำมนต์
แสดงว่า คาถาลากยันต์เขียนยันต์เองก็ใช้ในการอื่นๆได้ เช่น กรณีนี้คือ ทำน้ำมนต์ คิดต่อเอาเองว่า ผ้าและหมึกที่เอามาเขียนลงยันต์ก็เป็นเพียงสื่ออุปกรณ์ (medium) อย่างหนึ่ง ซึ่งเผอิญเขียนแล้วมองเห็นและเก็บไว้ได้นาน แต่ในกรณีทำน้ำมนต์ใช้เสกลงสื่ออุปกรณ์คือน้ำที่นำมาทำน้ำมนต์ เวลาท่านท่องบทนี้อาจจะเอานิ้วจิ้มน้ำลากเส้นยันต์ก็ได้ (เดาคะ)

จึงอนุมานต่อได้ว่า คาถานั้นเป็นตัวสำคัญ ไม่ใช่ตัว medium ที่เอามาใช้ ถ้าฝึกหัดมาอย่างดีแล้วจะลงคาถาไว้ใน medium อะไรก็ได้ขึ้นกับว่า medium นั้นๆจะเหมาะกับการเอาไปใช้งานอะไร อย่างไร

จากการเขียนตัวสะกด เราจะเห็นว่าทั่วไปมักจะสะกดว่า วิกรึงคะเรฯ แต่พระท่านเขียน วิ กึง คะ แล เขียนไม่เหมือนแล้ว คำสุดท้ายยังเป็นอีกคำไปเลย
อนุมานต่อเอาเองว่า ความสำคัญและการสัมฤทธิผลของการใช้คาถา ไม่ได้อยู่ที่การเขียนสะกดถูกหรือผิด เพี้ยนหรือไม่เพี้ยนไปบ้าง แต่อยู่ที่... อธิบายไม่ถูก....
ใช่คาถานั้นไหม วัตถุประสงค์จะใช้เพื่อการใด เชื่อมั่นไหม เคารพในตัวคาถาและครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทหรือเปล่า ใช้เป็นหรือเปล่า ท่านพี่พญายาลองนึกและช่วยอธิบายทีนะคะ คือมันไม่ใช่อยู่ที่ว่าสะกดถูกหรือผิด คำเพี้ยนหรือไม่

อีกตัวอย่างในเศษกระดาษนี้คือ ชิวะลี พึ่งเคยเห็นครั้งแรกที่เขียน ชิวะลี (ท่านอื่นอาจเคยแล้ว) เคยเห็นแต่ สีวลี บ้าง สีวะลีบ้าง ฉิมพะลีบ้าง แล้วจะตัดสินว่าอะไรเป็นที่สุด ในความเห็นส่วนตัวคือ เขียนต่างกันยังไงก็เถอะ แต่หมายถึงพระสีวลี องคืผู้เป็นเอตทัคคะด้านผู้เป็นเลิศทางลาภสักการะพระองค์นั้นใช่หรือไม่

ส่วนในเรื่องเสียง วิกรึงคะแล สมัยเด็กเคยได้ยินปู่ย่าตายายเล่าว่ามีเรื่องจริงอยู่เรื่องหนึ่ง หลวงตาสอนเณรทำน้ำมนต์เดือดด้วยให้เสก พระเจ้า ๕ พระองค์ เสกไปจนกว่าน้ำจะเดือดเอง เผอิญหลวงตาเคี้ยวหมากและจังหวะคำสุดท้าย แทนที่จะเป็น ยะ เลยกลายเป็น แยะ เณรก็ได้ นะโมพุทธาแยะ ไปเสกแทน นะโมพุทธายะ

แล้วเณรก็ตั้งอกตั้งใจเสกน้ำให้เดือดด้วย นะโมพุทธาแยะ ฝึกฝนจนสำมะเร็จ พอมารู้ทีหลังว่า ตัวเองเข้าใจผิดเพราะหลวงตาออกเสียงเพี้ยนตอนเคี้ยวหมาก กลับมาเสกด้วย นะโมพุทธายะ ปรากฏว่า น้ำไม่เดือด

ก็น่าคิดได้ว่า มันขึ้นกับความเชื่อมั่น ลงมือทำอย่างตั้งใจ แล้วจึงสำเร็จไม่ได้อยู่ที่ว่า คำเพี้ยนหรือไม่ เผอิญว่าถ้าเณรอาจจะรู้มากหรือรู้มาก่อน ว่า มันมีแต่ นะโมพุทธายะ นี่หว่า ทำไมหลวงตาให้ นะโมพุทธาแยะ วะ แล้วก็เผอิญอีกว่าเก็บข้อสงสัยไว้ไม่ถามหลวงตา กลับมาฝึกก็ฝึกไปสงสัยไป ฝึกไปซักพัก น้ำยังไม่เดือดก็คิดว่าหลวงตาให้คาถาผิด ไหนลอง นะโมพุทธายะ ซิ ยะไปซักพัก น้ำไม่เดือด ก็คิดต่อว่า เอ หรือต้อง แยะ อย่างหลวงตาว่า วะ กลับไป แยะ ใหม่อีกรอบ เลย แยะกับยะ อยู่นั่นนะ ก็อาจลงเอยว่า ไม่สำเร็จ เพราะสงสัยไม่เชื่อมั่น
ฉะนั้น ก็ได้เห็นหลายๆครูบาอาจารย์หลายๆท่าน บอกเสมอๆว่า ให้เชื่อมั่น อย่าสงสัย ลงมือลุยไปก่อน ก็คงทำนองนี้มั้งคะ

 

อักขระที่ใช้
ครูบาอาจารย์ทางภาคกลางใช้ อักษรขอม แต่ทางล้านนา ใช้ อักษรตั๋วเมือง หรือที่เรียกว่า ตั๋วธรรม
คาถาบทเดียวกัน เขียนยันต์ กันด้วย ต่างอักขระรูปแบบ แต่ก็ศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน

ก็น่าจะอนุมานได้ว่า ความศักดิ์สิทธิ์ไม่ขึ้นกับ อักขระ แต่ขึ้นกับจิตและความมุ่งมั่นหรือไม่
แต่ก็แปลกใจอยู่ว่า ทำไมครูบาอาจารย์ท่านไม่เขียนยันต์ด้วยอักขระพยัญชนะไทยแบบที่เราเขียนกันอยู่ในปัจจุบันบ้างนะ

 

http://www.google.co.th/url?sa=t&rc...N5lSwxfhwKzRb-dfDTEqSQQ&bvm=bv.50768961,d.bmk
-เวลาพระสงฆ์เกือบทุกวัดสวดมนต์ทำวัตรหรือสวดพร้อมโยมบทบูชาพระอรหันต์8ทิศต่อไปนี้ มักจะทำเสียงเป็นสรภัญญะ ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ระบุ ให้สวดเสียงเป็นทำนองนั้น เพราะส่วนตัวแล้วถ้าให้ทำเสียงแบบนั้นจะรู้สึกเขิน ไม่กล้าทำ
พระพุทธมงคลคาถานี้ หรือเรียกว่า คำนมัสการบูชาพระอรหันต์แปดทิศ
พุทธมังคลคาถาถือเป็นอีกหนึ่ง บทคาถาของท่านสมเด็จพระพุฒาจารย์ที่ถือว่ามีอิทธิฤทธิ์ด้านลาภผล และมงคลทั้งปวง เพราะคำว่าพุทธมังคลคาถานี้ คือการนมัสการบูชาพระอรหันต์แปดทิศ ซึ่งล้วนแต่เป็นพระมหาเถระที่ยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น

สัมพุทโธ ทิปะทัง เสฏโฐ นิสินโน เจวะ มัชฌิเม
โกณฑัญโญ ปุพพะภาเค จะ อาคะเณยเย จะ กัสสะโป
สารีปุตโต จะ ทักขิเณ หะระติเย อุปาลี จะ
ปัจฉิเมปิ จะ อานันโท พายัพเพ จะ ควัมปะติ
โมคคัลลาโน จะ อุตตะเร อิสาเณปิ จะ ราหุโล
อิเม โข มังคลาพุทธา สัพเพ อิธะ ปะติฏฐิตา
วันทิตา เต จะ อัมเหหิ สักกาเรหิ จะ ปูชิตา
เอเตสัง อานุภาเวนะ สัพพะโสตถี ภะวันตุ โน

อิจเจวะมัจจัน ตะนะมัสสะเนยยัง
นะมัสสะมาโน ระตะนัตตะยัง ยัง
ปุญญาภิสันทัง วิปุลัง อะลัตถัง
ตัสสานุภาเวนะ หะตันตะราโย ฯ

 

-พระสงฆ์ที่เขียนในเศษกระดาษนั้น คงเขียนตัวสะกดหนังสือไทยไม่เก่ง มีเยอะเวลาที่อ่านลายมือของคนแก่ที่ไปวัดก็จะเป็นแบบนี้ เพราะคงจะเป็นคนรุ่นเก่า
-หลักการใช้คาถาอาคม ขอให้เชื่อ! อย่าสนเทห์หรือสนเท่ห์เหมือนข้าพเจ้าที่มาเขียนกระทู้นี้เลยอิอิ แต่ก็ลองคิดดูนะ สมัยก่อนคนแก่ นั่งเคี้ยวว่านท่องคาถา ให้เพื่อนอีกคนเอาดาบไทยฟันหลัง ขาดสองท่อน เสียชีวิตคาที่
-เห็นคาถานี้ทีไรแล้ว นึกไปถึงการสู้รบสมัยโบราณ

 

คาถาบทนี้ก็ไม่แน่ใจว่าถอดมาจากบทอิติปิโสรัตนมาลา รึเปล่า?