พระโพธิสัตว์เป็นพระอริยเจ้าได้ไหม ?

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 18 กรกฎาคม 2013.

  1. ดำฤษณา

    ดำฤษณา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +205
    ดูก่อนท่านทั้งหลายจากข้อเขียนของเจ้าของกระทู้ซึ่งเป็นคำกล๋าวของครูบาอาจารย์
    กับประสบการณ์ตรงของเพื่อนสมาชิกเหตุใดจึงไม่ลงกัน หากเป็นธรรมแท้ย่อมรวมลงด้วยกันไม่น่าจะผิดแผกไปเช่นนี้หรือว่ามันยังมีอะไรมากไปกว่านี้น่าคิดไหมครับ อันความปรารถนาตั้งไว้เป็นสิ่งดีไม่ว่าพุทธภูมิ สาวกภูมิ หรือปัจเจกภูมิ ขอเพียงอย่าไปหลงในความปรารถนานั้นจะทำให้ท่านพลาดการบำเพ็ญของจริง บารมีเกิดที่จิตทุกภูมิก็อยู่จิต
    การบำเพ็ญต้องบำเพ็ญที่จิต หากยังลังเลสงสัยไม่แน่ใจว่าปรารถนาสิ่งใดกันแน่หรือหากปราถนาพุทธภูมิแน่แล้วก้อวิตขตกว่าจะบรรลุมรรคผลเป็นอริยะชนไปความปรารถนานั้นจักไม่สำเร็จเลยไม่ปฏิบัติธรรมก็เลยได้แต่สั่งสมบุญ หรือหากไม่แน่ใจอะไรเลยไม่รู้ว่าตัวเองจะมีบุญบารมีพอจะสำเร็จอะไรใดๆก็ตามเหล่านี้ ขอให้ท่านรู้ไว้ว่าขณะนี้ท่านกำลังถูกกิเลสหลอกเข้าแล้ว มันจะทำให้เราเสียเวลาเป็นอย่างน้อย หากท่านใดเริ่มระแคะระคายแล้วก็จงเร่งปฏิบัติธรรม วางความปรารถนาลงก่อนรวมทั้งความลังเลทั้งหลาย หากปฏิบัติถูกตรงแล้วทุกท่านสามารถรู้แจ้งได้ตามวาระแห่งตน สำหรับพุทธภูมิบารมีของท่านจะคอยหนุนนำและชว่ยเหลือท่านให้อยู่ในทางเองไม่ว่าจะเชื่อมสายญาณบารมีได้หรือไม่ได้ก็ตาม นี่คือสิ่งที่อยากจะร่วมศึกษาเจตนาหลักครับ โมทนากับทุกท่านครับ
    ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม
     
  2. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    พระธรรมของพระพุทธองค์ นั้นกว้างมาก ตามแต่ใครจะเอาไปได้แค่ไหน ทุกท่าน ก็ต่างมีเหตุและผล ที่ตนทำมา มีผิดมันก็มีถูก อยู่ในนั้น มีถูก มันก็มีผิดอยู่ในนั้นครับ แต่ว่าใครจะถูกมากกว่าใคร หรือความเห็นให้ถูกมากที่สุดครับ ทุกอย่างมันไม่เสมอไปหรอกครับ แม้พุทธภูมิ บางชาติ หรือ หลายๆชาติ มันไม่มีมีฤทธิ์ เยอะแยะไป แต่ที่ท่านทำถึงแล้ว อยู่ในขั้น ปรมัต ในแบบ พระศรีอารย์ นี่ พระรามเจ้านี่ หลวงปู่ปาน หลวงปู่ทวด หลวงปู่ครู บาศรีวิชัย หลวงพ่อเปิ่น หลวงพ่อแพ หลวงพ่อคูณ และอีกมากมาย ทั้งพระฆราวาส และมันอยู่ การสั่งสมมา ถึงขั้นไหน แต่ พวกท่านพุทธภูมิ ต้องเรียนรู้หมด ทุกอย่าง ตามแต่ท่านจะสร้าง มาลักษณะไหน มีความรู้แค่ไหน แต่ท่าน อยู่ที่สูงแล้ว ท่านคงไม่ออกมา แสดง ความคิดเห็น หรอกครับ นอกจาก ท่านจะออกมา สงเคราะ ผู้ใด เพราะท่านเรียนจบแล้ว


    ในส่วนเราๆท่านๆ ทียังต้องเรียนกันอยู่ และใครภูมิ รู้ สูง ต่ำ ก็จะรู้ได้ ครับ ในการ กระทำ พุทธภูมิ ไปเป็นมาร มากมาย เมื่อรู้ ท่านก็คง หักเหมาเอง ไม่เจอเอง มันไม่รู้ หรอก ใครบอกก็ไม่เชื่อง่ายๆ บางอย่างบางเรื่อง ก็ต้องใช้ ปัญญา ให้มากๆ ตัวผมเอง เคารพในสิทธิ์ ของทุกๆท่าน ท่านเคารพเรา เราก็เคารพท่าน ท่านไม่เคารพเรา เราคงไม่เคารพ ท่านเช่นกัน ท่านลุงมหา กับท่าน สุรินทร์ พูดได้แจ่มแจ้งดี และคุณดำกฤษณา ผมเองน่ะเรียนมาน้อยนิด แต่ส่วนใหญ่ ไปเรียน หรือ เจอของจริงมาเสีย ๙๐ เปอร์ บางครั้ง เรียก ชื่อไม่ถูก บางคนเอามาพูด ถึงเรียกถูก ก็มี ผมก็พิสูตรมาแล้ว พอสมควร ตามอัตภาพ ทั้งอยู่ ในเครื่องแบบ ของเถร เณร ชี ในผ้าเหลือง ศิล ๕ ศิล ๘ ศิล ๑๐ ศิล ๒๒๗ ทดลองมาทุกรูปแบบ กิเลสก็ยังเต็มหัว อยู่ จึงมีความรู้แค่ งูๆปลา เอามาคุยกับพวกท่านได้ ตามเหตุและปัจจัยครับ


    ใครมีความรู้แค่ไหน มันก็พูดมาแค่นั้น ไม่ว่า ปฏิยัติ และปฏิบัติ พระพุทธเจ้า ก็ไปนิพพาน พระสาวกก็ไปนิพพาน ไม่ต่างกันเลย แต่มันต่าง ที่ทำความปราถนา จะไปคนเดียว หรือ เอาคนไป ให้มาก ช่วยสรรพสัตว์ นี่มันต่างกันตอนนี้ สาวก ก็ทำ แต่ทำหนักไม่เท่า พวกพุทธภูมิๆท่าน ทำหนักกว่า สาวก ผมว่าไม่รู้กี่ล้านๆ เท่า บารมี ๑๐ ทำให้ถึงบารมี ๓๐ ทัต การพูดนั้น ทำง่าย การทำให้ถึงสิมันยาก แต่ถ้าเราทำไปเรื่อย ๆ ทำบ่อยๆ เดี๋ยวมันก้ถึงเอง ตาม ที่ท่านทำความปราถนามา ของใครของมันครับ มันต้องสร้างเอง สร้างที่นี่ ในโลกมนุษย์ ระหว่างคนกับสัตว์เท่านั้น ตามที่ครูบาอาจารย์ ท่านกล่าวเอาไว้ครับ พุทธภูมิ บารมีจะเต็มเร็ว อยู่ ขยันเกิด ขยันตาย มาสร้างบุญบารมี ผมอ่านของทุกท่าน ผมก็เข้าใจ เวลาผ่านไป มันก็ลืม หมด อาจจะเหลือนิดหน่อย ที่ไม่ลืม


    คนที่ไม่ผิดเลยไม่มีในโลก ผิดแล้วแก้ไข หรือยอมรับ สิ่งที่คุณ รู้ ผมไม่รู้ นั้นมีอยู่ แต่สิ่งที่ผมรู้ พวกท่านก้ไม่รู้ อีกเยอะก็มี มันจึงนำไปพูด ได้ ทุกสถานที่ แต่บารมีแบบพระศรีอารยื หลวงปู่ปานพระราม หรือหลวงปู่ทวด แบบนั้นๆ เยอะผมไม่กล้า ไปเสอะครับ แต่พระอรหันต์ ท่านไม่มีผิดแล้ว มีแต่ ดับขันธ์ไปนิพพานเท่านั้น และพระโพธิสัตวืใหญ่ ที่ไปกราบท่านเหล่านั้น มีแต่ ให้กับเมตตาครับ และสั่งสอน โดยธรรม บางที่ ไม่ต้องให้ท่านพูดหรอก แสดง กริยาบางอย่าง ก็เข้าใจได้ แล้วแต่ ปัญญาของใครของมัน ที่สั่งสมอบรมมา ขอให้เจริญในธรรมทุกท่านครับสวัสดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2013
  3. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    จงเปิดใจกว้างรับฟัง และอย่าเพิ่งเชื่อถือเป็นมั่นเป็นเหมาะ เพราะพระพุทธองค์ทรงกล่าวไว้ดีแล้ว ชาวพุทธต้องมีปัญญาศรัทธา ปัญญาศรัทธาที่ดีที่สุดเกิดได้ด้วยการปฏิบัติธรรม
    และปัญญาศรัทธาที่เกิดจากการปฏิบัติธรรมเบื้องต้น นำไปสู่ ปัญญาวิมุตติหลุดพ้นได้

    กระผมมีจิตเป็นกลาง และไม่กล่าวว่า ส่วนใดถูกหรือผิด แม้คำกล่าวของกระผมกระผมก็ไม่ได้ยึดมั่นว่าถูกหรือผิด อาศัยว่าเราทำไปปฏิบัติไปเรื่อยๆ ย่อมมีดวงตาและปัญญารู้แจ้งได้ที่สุดครับ

    ขอแนะนำท่านทั้งหลายเช่นกันว่าควรวางจิตให้เป็นกลาง นะครับ อย่าไปตำหนิใคร เลย เพราะจะทำให้จิตตนขุนมัวเปล่าๆ ผู้ปฏิบัติธรรมย่อมไม่สนในสิ่งภายนอกมากมายอะไรนัก แต่ควรตระหนักถึงการชำระจิตของตนให้มากที่สุดครับ

    ท่านที่รู้ในตำรามากในพระไตรปิฏกมาก ก็เช่นกัน แม้กระผมเองก็ศึกษามามากเช่นกัน ก็ยอมรับว่า บางอย่างที่เขียนไว้ แม้ส่วนใหญ่จะถูกต้องให้ผลตรงตามหลักปฏิบัติก็จริง แต่ก็มีส่วนปลีกย่อย ที่อาจจะคลาดเคลื่อนบ้างซึ่งก็ไม่แปลกเพราะเจตนานั้น มุ่งไปเพื่อหลักการหลุดพ้นทุกข์เป็นเรื่องสำคัญและเรื่องใหญ่ ส่วนปลีกย่อยอื่นๆจึงไม่ได้กล่าวถึงมากนัก และเมื่อเราพิจาณาให้ดีและด้วยการปฏิบัติธรรมส่วนหนึ่ง ย่อมเกิดปัญญารู้จริงรู้แจ้งได้เช่นกัน เพราะทุกอย่างย่อมเป็นไปตามเหตุปัจจัย ทุกอย่างย่อมเป็นไปตามกรรมที่กระทำเหตุไว้ครับ


    บัณฑิตพึงวางจิตให้เป็นกลางและสร้างปัญญาศรัทธาให้เกิดขึ้น พึงไม่ตำหนิว่าร้ายผู้อื่น พึงสำรวจจิตตน และเร่งความเพียรปฏิบัติธรรมเพื่อชำระจิตตนครับสาธุ
     
  4. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    อีกนิดครับ ตามความเข้าใจนะครับ

    คำว่า อริยะ มาจากคำว่า อารีย์ หรือ อารี
    จากพจนานุกรม แปลาว่า ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เมตตากรุณาเผื่อแผ่ ความเห็นอกเห็นใจ ความเป็นผู้มีจิตใจดี

    คำว่าอริยะในทางพุทธศาสนา นั้นหมายรวมเป็นลำดับชั้นกล่าวง่ายๆคือ เริ่มต้นด้วยความเป็นผู้มีจิตใจเอื้อเฟื้อ โอบอ้อมอารี เป็นผู้มีจิตเมตตกรุณา ความเป็นผู้มีจิตใจดีน้อย ปานกลาง มาก จนไม่มีประมาณ กระทั้งสูงสุด คือความเป็นผู้ อุเบกขาไม่ดีหรือร้าย เป็นผู้หลุดพ้นจากความดีและไม่ดีทั้งปวงนั่นเอง

    ดังนั้น คำว่าอริยะ สำหรับผม แม้ท่านเป็นผู้ทรงอยู่ด้วยอารมณ์จิตคือเป็นผู้มีความโอบอ้อมอารี เป็นผู้มีความเมตตากรุณาเผื่อแผ่ มีความเห็นอกเห็นใจ ความเป็นผู้มีจิตใจดี
    แค่นี้ กระผมก็สรรเสริญท่านแล้วครับ ว่าท่านคือ อริยะบุคคลครับ สาธุ
     
  5. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    ผู้ที่จะดูว่าใครเป็นนักปฏิบัติ เค้าดูกันที่ส่วนเหตุ ว่าปฏิบัติมาอย่างไร พากเพียรมาอย่างไร พิจารณาอย่างไร
    กายจิต ขาดจากกันอย่างไร สักกายะทิฏฐิ อุปาทานขันธ์ มันขาดสิ้นไปอย่างไร การเข้าถึงสติสมาธิปัญญา มีลักษณะอย่างไร

    สำหรับข้อความที่คุณสื่อออกมา เราจะบอกว่า นี่มัน ปริยัติล้วนๆ เช่นกัน คืออาศัยอ่านมามาก จำมาพูด
    คือพูดถึงแต่ส่วนผล ส่วนยอดของต้นไม้ แล้วรากฐาน แตกกิ่งก้านสาขา ต้นไม้เจริญเติบโตมาได้อย่างไร บำรุงเลี้ยงดูแลรักษาอย่างไร จึงผลิดอกออกผล

    ไม่ใช่จู่ๆก็มาเลย ไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรทั้งนั้น ว่างๆ ว่างๆ ปืนลงมาจากตาลยอดด้วน นั้นเลย
    เสมือนไร้แก่นสานของการปฏิบัติ ขันธ์กับจิต คือสิ่งเดียวกันหรือไม่
    ขันธ์อย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด นักปฏิบัติที่ได้มรรคผลจะต้องตอบได้

    นี่หากได้สดับฟังธรรมครูบาอาจารย์บางท่าน มันต่างกันเยอะในภูมิธรรมในแง่ของการกระตุ้น
    ให้เกิดการพิจารณาในมหาปัฏฐานทั้ง4 เช่น สติพิจารณารูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    หรือ กาย เวทนา จิต ธรรม อย่างไร

    ได้รสแห่งธรรมกว่ากันเยอะ เห็นพื้นฐานของการปฏิบัติ เพื่อปืนป่ายขึ้นไปตัดตาล ให้ยอดด้วน

    แต่รู้สึกคุณ tjs ไม่รู้ห้อยโหนลงมาจากฮอ หรืออย่างไร เล่นลงบนยอดตาล
    เดี๋ยวทรงอารมณ์บางล่ะ เดี๋ยวเข้าถึงบางล่ะ ปล่อยวางได้หมดแล้ว กลับไปกลับมา
    เป็นชายอารมณ์ดี ยิ้มกิ่มมีเมตตามาก นี่ถ้าคนเขารู้เขาจับพิรุธได้เลย ไม่มีอะไรที่มั่นคง

    ถ้าคนอื่นเขามาโต้แย้ง แล้วเขาบอกว่า เขาไม่ได้ถือเป็นการตำหนิ ไม่มีจิตขุ่นมัว
    มีจิตที่เป็นกลาง ปล่อยวางไม่ยึดมั่นอะไรเช่นกัน กับสิ่งที่โต้แย้ง เพราะถือธรรมเป็นใหญ่ มีเมตตา
    คุณจะเชื่อ เหมือนอย่างที่สื่อออกมาหรือไม่

    มีตัวอย่างพระองค์หนึ่งที่เป็นข่าวดัง ตามประวัติว่าเป็นพระอนาคา ลงมาเกิด
    แต่ตอนนี้รู้สึกเป็นคดีดังไปถึง ตปท. ไม่รู้เท็จจริงอย่างไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2013
  6. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ==============

    ตั้งแต่กระผมเข้ามาในweb แห่งนี้ กระผมมีจิตใจอันเป็นกลางและเป็นธรรมเสมอ ไม่เคยตำหนิใคร แม้ พระสงฆ์ผู้ทำผิดวินัย กระผมก็ไม่เคย ไปตำหนิคือว่ากล่าวท่าน เพราะจิตที่เป็นอย่างนั้นย่อมขุ่นมัวเพราะสักกายะทิฏฐิของตนมันปรุงแต่งจิตตน ให้ไปคิดว่าเขาไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ สุดท้ายก็แสดงกริยาออกมาดุด่าว่ากล่าวตำหนิกัน นั่นแหละคือ อุปาทานตัวหนึ่ง แห่งสักกายะทิฏฐิ ที่เกิดในจิตตน หากรู้ทัน วางทิ้งไปก็จบลงแค่นั้น ขอให้ท่านทั้งหลายรู้ให้ทันอุปาทานตัวนี้ด้วยนะครับ ดังนั้น จิตเราก็ว่างอยู่ธรรมดาอย่างนี้ครับ สาธุ
     
  7. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    อีกนิดครับบัณฑิตหรืออริยะชนพึงรู้ดีว่า

    ผู้สงบนิ่งไม่ตอบโต้และวางเฉยอุเบกขา คืผู้ควรกล่าวสรรเสริญเพราะเป็นผู้มีจิตที่สงบระงับแล้ว

    ส่วนผู้ที่ไม่ควรกล่าวสรรเสริญคือผู้ที่ไม่รู้จักแม้การสำรวมในสติ ปัญญาและมารยาทของตน ครับสาธุ
     
  8. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    พระอริยเจ้านะ สิ่งที่กล่าวสอนกับผู้ใดไปแล้วแม้ผิดไปนิดเดียว
    ท่านจะต้องรีบแก้ไข ไม่ใช่ปล่อยปะ
    เพราะอะไร เพราะท่านถือธรรมเป็นใหญ่ สามารถชี้ถูกผิดได้
    มีครูอาจารย์องค์หนึ่ง มีลูกศิษย์ขึ้นไปสนทนาธรรมบนเขา
    ทีนี้ระหว่างสอนท่านคงจะพูดผิดไปบ้างในธรรมรส
    ท่านนึกขึ้นได้มันคลาดเคลื่อนในวิธีการปฏิบัติ แต่ระหว่างนั้นศิษย์ได้ลงจากเขามาแล้ว
    รู้ไหมท่านต้องรีบลงมาแก้ไขคำสอนที่สอนไปเพื่อลงตามมาบอกศิษย์
    นี่พระอริยเจ้าท่านเห็นความสำคัญถูกผิดมากขนาดไหน

    แต่ไอ้เรานี่นะ ว่างๆ ว่างๆ จะกล่าวอะไรผิดถูกก็ไม่สำคัญ สำคัญที่เราปล่อยว่าง ไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรทั้งนั้น

    จะเห็นว่าความเมตตาต่างกันเยอะ ไม่ใช่ลิเก
     
  9. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    เก็บเอามาฝาก
    ผู้หญิงปรารถนาพุทธภูมิ

    written by : หนังสือหลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม 7 (ตอบโดย พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง) ________________________________________
    ผู้หญิงปรารถนาพุทธภูมิ

    ผู้ถาม : หลวงพ่อเจ้าขา ถ้าผู้หญิงจะปรารถนาพุทธภูมิบ้างอย่างนี้จะปรารถนาแบบไหน...นานไหมเจ้าคะกว่าจะได้เป็น?
    หลวงพ่อ : สองวันก็ได้เป็น!
    ผู้ถาม : พุทธภูมินี่นะ...
    หลวงพ่อ : ใช่...ความจริงประเดี๋ยวเดียวนะ แป๊บเดียวได้เลย
    ผู้ถาม : ก็ไหนเขาบอกว่าต้องบำเพ็ญบารมีเป็นอสงไขยกำไรแสนกัป
    หลวงพ่อ : ไม่ใช่หรอก...มีปากกาด้ามหนึ่ง กระดาษแผ่นหนึ่งเขียน "พุทธภูมิ" ได้เลย ก็บอกแค่ปรารถนานี่...ไม่ได้บรรลุนี่
    ผู้ถาม : แหม...เสียท่า
    หลวงพ่อ : คือปรารถนาพุทธภูมิได้ จะบรรลุเมื่อไร ฉันพยากรณ์ไม่ได้หรอก ถ้าเราปรารถนาพุทธภูมิยังว่าลอย ๆ ยังไม่พบพระพุทธเจ้าพยากรณ์ใช่ไหม...ยังไม่ถือว่ามีคติแน่นอน ต้องพบพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์น่ะ...มีคติแน่นอน ถ้าเป็น ปัญญาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมีต่อไป ๔ อสงไขยกับแสนกัป ถ้าเป็น ศรัทธาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมี ๘ อสงไขยกับแสนกัป ถ้าเป็น วิริยาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมี ๑๖ อสงไขยกับแสนกัป สบายมาก จะเป็นไหม...? ก็เป็นสาวกภูมิก็พอแล้ว รีบไปดีกว่า แต่อย่าไปขัดคอกันนะ อย่าไปคิดว่าของเขาจะช้าเพราะกำลังเขาพอใช่ไหม...
    ผู้ถาม : ครับ ๆ ๆ มิน่าเล่าเจอพระบางองค์ พอคุยถึงเรื่องมโนมยิทธิ โอ๊ย! ไม่ดีหรอก...เราปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้าอยู่ อย่าไปคุยเรื่องนั้นเลย
    หลวงพ่อ : ดี...ดีมาก
    ผู้ถาม : แสดงว่า...
    หลวงพ่อ : พระยายมเขาจะได้ไม่ว่างไง!
    ผู้ถาม : ทำไมล่ะครับ?
    หลวงพ่อ : ปรารถนาพุทธภูมิไม่มีความเป็นพระอริยะ มีแต่ฌานโลกีย์เพื่อคุ้มครอง ถ้าคนจะเป็นพระพุทธเจ้าต้องพิสูจน์ทุกอย่าง ตั้งแต่อเวจีขึ้นมาต้องรู้หมด
    ผู้ถาม : รู้หมดที่หลวงพ่อว่านี่หมายความว่า...
    หลวงพ่อ : คือหมายความว่า ถ้าบารมียังต่ำขั้นต่ำฌานโลกีย์ยังคุมไม่ถึง ฌานขั้นต้นฌานก็ไม่มั่นคง ใช่ไหม...ยังมีโอกาสพลาดลงอบายภูมิ ต่อมาถ้าบารมีเป็น อุปบารมี ก็ปลอดบ้างไม่ปลอดบ้าง ถ้าเป็นปรมัตถบารมี นี่ปลอดหมด กว่าจะเลื้อยได้แต่ละบารมีนี่ โอ้โฮ! ฉันลองดูแล้ว
    ผู้ถาม : เป็นยังไงครับ?
    หลวงพ่อ : แหม...ไม่มีเหงื่อจะไหล มันไหลเสียจนหาเหงื่อไหลไม่ได้
    ผู้ถาม : โอ...หนักจริง ๆ นะ" (พระโพธิสัตว์องค์หนึ่งที่เรารู้จักกันดี คือ พระเวสสันดร การบำเพ็ญบารมีของท่านในชาติสุดท้าย กระทำได้ยากอย่างยิ่ง)
     
  10. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    การป้องกัน การแก้ไขภัยพิบัติ จึงเป็นการสืบพระพุทธศาสนาที่ครบถ้วนมากที่สุด

    ขอโมทนาบุญ ในสติปัญญาของท่านในส่วนนี้
    เพียงแต่ว่า ท่านมีสติปัญญาพอที่จะพิจารณาต่อไปหรือไม่


    หรือท่านรู้ว่า การป้องกัน การแก้ไข ภัยพิบัติ สามารถทำได้อย่างไร

    ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ
    ขอบคุณครับ
    ลุงมหา
     
  11. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    เมื่อพระพุทธองค์ เห็นว่าชาวพุทธพากันสร้างคุณงามความดี เพียงพอ
    พระองค์ก็จะเสด็จมา แผ่พระมหาพุทธานุภาพ ผ่านองค์พระใหญ่ชัยภูมิ
    เพื่อหยุดยั้ง ภัยพิบัติทั้งมวล
    เพื่อสร้างความสงบสุข
    เพื่อสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ชาวพุทธ ให้แก่ชาวโลก ในช่วงเวลาอันเหมาะสมนี้


    =================

    ข้อความนี้จริงเท็จ ไม่อาจทราบได้พึงวางใจเป็นกลาง
    พระพุทธองค์มีจิตเป็นสัมมาอรหันต์แล้ว การสร้างพระพุทธรูปจะใหญ่เท่าเขาพระสุเมร ก็ยังไม่มีอานิสงค์เท่า เราท่านทั้งหลายได้ร่วมกันตั้งใจปฏิบัติพุทธบูชา เพราะการปฏิบัติธรรมมีอานิสงค์มาก บุญกุศลแผ่ไพศาลทั้งหมื่นโลกธาตุ หากเราไม่ช่วยตนเองด้วยการปฏิบัติธรรม แล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนจะมาช่วยเรา เพราะเรายังไม่ช่วยตนเองก่อนเลย

    การปฏิบัติธรรม มีความสำคัญมากกว่าการสร้างวัตถุใดๆทั้งสิ้น ทำไมไม่สร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมให้มากๆดึงคนมาปฏิบัติธรรมให้มากๆ ให้พระสงฆ์ช่วยกันเป็นครูอาจารย์สอนการปฏิบัติธรรมไม่ต้องใช้เงินมากมายอะไรแต่มีอานิสงค์มาก

    อีกอย่างรูปพระพุทธเจ้าที่ใหญ่ๆก็มีมากมายยังไม่พออีกหรือ ไม่ได้คัดค้านนะครับ แต่เห็นว่า การสร้างพระก็จำเป็นแต่ควรสร้างไม่ต้องใหญ่มาก ตามความเหมาะสมแต่ให้เน้นไปที่การปฏิบัติธรรมกันมากๆครับ

    หากผมเป็นพระสงฆ์ คงไม่ทำแบบนี้ แต่จะเน้นสร้างหรือนำคนมาปฏิบัติธรรมให้มากๆครับ ไม่ต้องใช้เงินมากมายอะไร ทำด้วยกาย วาจา ใจก็เท่านั้น ท่านก็ได้บุญมาก ที่สุดคือไปสวรรค์และนิพพานกัน ก็เท่านั้นครับ สาธุ
     
  12. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    อีกนิดครับ ภัยพิบัติ ที่ยิ่งใหญ่ที่หลายท่านอาจารย์ทำนายกันไว้ ยังไงก็ยังไม่เกิดในรัชกาลของในหลวงครับ ขอให้ทุกท่านวางใจได้ครับ ส่วนหลังจากนั้นไปอีก 100ปีก็ยังไม่เกิดครับ หมดถิ่นกาขาวเมื่อไหร่ นั่นแหละภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่จะเกิดแน่นอนครับ สาธุ
     
  13. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    การมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งนั้น ถือว่า ป้องกันภัยภิบัติ ได้จริง ยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดๆ ยิ่งทำตนให้พ้นทุกข์ ยิ่งจะให้พระศาสนา ยิ่งเจริญก้าวหน้า ถาวร ให้ครบ ๕,๐๐๐ ปี ผมไม่ห่วงหรอกครับ ผมเห็น พระอริยเจ้า พระโพธิสัตวื ทั้งหลาย พากัน ช่วย สร้างถาวรวัตถุในพระศาสนา มากมาย ทั่วทั้งประเทศ ยังแค่ไปมาได้ นิดหน่อยเองครับ ก้ขออนุโมทนาสาธุ กับบุญที่ท่านทั้งหลายได้กระทำไว้ดีแล้ว ในการทำความดีนั้น แต่สิ่งใดไม่ดี ไม่ขอโมทนาสาธุครับ สร้างพระพุทธรูป เป็นตัวแทน ขององค์สมเด็จ พระผู้มีพระภาคเจ้า อยู่ในข้อ ของ วิหารทาน ยังสู้ กับที่เรา เจริญสมาธิกรรมฐาน ให้จิตเรา สงบระงับจาก กิเลส ชั่วไก่ กระพือ ปีก ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น อานิสงฆ์ ยังมากกว่าเลยครับ


    ยิ่งให้ได้ ฌาณ สมาบัติ หรือ ฌาณ ๑-๒-๓-๔ ยิ่งดีครับ ยิ่งทำให้เป็นพระอริยเจ้าได้ยิ่งดีใหญ่ แต่ถ้าท่าน ทำ ในส่วนสาธารณะให้ทุกอย่างยิ่งดี ครับ ถ้ายังไม่ถึงนิพพาน เกิดมาจะได้มีครบครับ ในครั้งพุทธกาล ให้แต่ธรรมะเป็นทาน บุญ ทำให้ท่าน เป็นพระอรหันตื บิณฑบาตร ยังอดอาหารเพราะ ท่านไม่ได้ สร้างไว้ ในสมัยเป็นมนุษย์ พระพุทธเจ้า สอนไว้หมดแล้ว มันอยู่ในทาน ศิล เจริญ ภาวนา ในหลักหัวข้อ แยกไปได้อีก ๘๔,๐๐๐ ธรรม ขันต์ แค่พุทโธ ตัวเดียว ๒ คำ ครูบาอาจารย์ท่านแยกออกได้ นั่งเทศ ๑ กัป ยังว่าไม่จบเลยครับ ยังไงๆ มันหนีกฎของกรรมไปไม่พ้นกรอกครับ พระพุทธเจ้ายังยอมรับกฎของกรรมครับ


    พระพุทธเจ้า ไม่เลี้ยง คนชั่ว พระชั่ว ท่านไม่ครบ พระ ไม่เอาดี ท่านยังขับออกจาก สำนักพระพุทะเจ้า ครูบาอาจารย์ ท่านบอก พระอรหันต์ไม่ใช่ หัวหลักหัวตอ บางอย่างท่านก็โต้ตอบ ผิด ก็ต้องด่าว่ากว่าว ตักเตือน ผิดบ่อยๆ ต้องทำโทษ ลงทรรณกรรม ไม่งั้น ท่านจะบัญญัติ วินัย ไว้ทำเกลืออะไรกัน การปฏิบัติ มันก็เดินควบคู่กันไป ทั้งถูกและผิด แล้วทำผิดให้เป็นถูก ผมไม่เชือใครง่ายๆหรอก ต้องวางใจไว้เป็นกลาง แล้วใช้ปัญญา ปัญญา หรอก ปัญญา ยังมีเลย มีปัญญา มันยังมีเหนือปัญญา ไม่งั้น พระในสมัยนี้ กับสมัยครั้งพุทธกาล ยังหลงตัวเองเลย ได้แค่ฌาณ หลงตัวเอง ว่าเป็นพระอรหันต์ แค่ฌาณ มันกฎอารมย์ไว้ มีฤทธิ์ หลงตัวเองว่า เป็นผู้วิเศษ ถ้าท่าน ทั้ง ยังไม่ใช่ พระโสดาบัน หรือพระอรหันต์ โอกาศ ผิดพาดนั้น มีเยอะแน่นอนครับ ผมเองก็มีครบ ทุกประการ โลภ โกรธ หลง ยังหลงผิดอยู่ บ่อยๆ ยังเป๋นผู้ต้องเรียนรู้อีกเยอะครับสวัสดี
     
  14. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    เรื่องการร่วมสร้างพระใหญ่นั้น เราเคยได้ทำ ก่อนที่จะมีการประชาสัมพันธ์จากแกนนำโดยลุงมหา
    และที่ได้ร่วมสร้างโอนเงิน เมื่อหลายปีดีดัก ไม่ได้มีเจตาเพื่อป้องกันแก้ไขภัยพิบัติ แต่ทำเพื่อบูชา เป็นอามิสบูชา ถวายองค์ศาสดาเอกของโลก

    ส่วนที่ถามว่า การป้องกัน การแก้ไข ภัยพิบัติ สามารถทำได้อย่างไร

    ไม่สามารถทำได้เลย ไม่มีอำนาจใดเหนือกฏแห่งกรรม เหนือกฏธรรมชาติ เหนือกฏไตรลักษณ์ หากยังอยู่ภายใต้สิ่งเหล่านี้
    แม้ในช่วงกาลเวลากัปป์โกลาหล ตลอดจนภูมิชั้นดุสิต ยังถูกทำลาย ก็เพื่อให้เห็นทุกข์ เพื่อออกจากทุกข์ มันเป็นอิทัปปัจยตา

    เพียงเท่านี้ที่เพื่อนสมาชิกที่ได้ตอบไปข้างบน ทั้งคุณ บุญทรงพระเครื่อง และtjs ก็คงจะเพียงพอครับ
     
  15. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    กฏแห่งกรรม? หรือกรรมดี ไม่ใช่กฏแห่งกรรม หรือ?

    ขออนุญาตครับ

    ขอให้ท่านพิจารณาให้ดีๆ

    "กฏแห่งกรรม? หรือกรรมดี ไม่ใช่กฏแห่งกรรม หรือ?"

    ถ้าความชั่ว ทำให้เกิด กรรมชั่วได้
    แล้ว กรรมดี ทำให้เกิด ความดี เกิด บุญ เกิด กุศล ไม่ได้หรือ

    ขออย่าได้ใช้ สติปัญญาของท่าน หรือ ของใครๆ มาตัดสินว่า

    "กรรมดีใดๆ ป้องกัน แก้ไข ภัยพิบัติ ไม่ได้"

    เพราะเมื่อใดที่ความเห็นของท่านเป็นการเข้าข่าย
    แสดงความเห็น คัดค้าน ต่อต้าน ผู้กระทำความดี
    ถ้ามีสติปัญญาก็ลองพิจารณาเอาว่า จะเกิดผลอะไรตามมา

    ผมก็บอกผมก็เล่าไปมากแล้ว ขอยกมาให้ดูอีกทีก็ได้


    ขออนุญาตแยกบางส่วนออกมาให้ดู เพื่อการพิจารณา

    การสร้างพระใหญ่ชัยภูมิ ดำเนินไปด้วยความยากลำบาก ด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ
    ยังจะมาซ้ำเติมเราอีกหรือ

    ท่านจะสร้างบาป ท่านจะเพิ่มผลบาปให้ตัวท่านเองอีกทำไม
    หรือท่านคิดง่ายๆว่า นรกนั้นไปเที่ยวเล่นหน่อยจะเป็นไรไป
    หรือท่านไม่รู้จริงๆว่า นรกนั้นคืออะไร

    แค่เทรัตน์บัลลังก์ แค่ ๔๙ ตารางเมตร ก็มีค่าใช้จ่ายมากถึง สี่แสน หกหมื่นกว่าบาทแล้ว

    ถ้าท่านไม่เห็นด้วยมันก็เรื่องของท่าน ก็ทำไมไม่อยู่เฉยๆ เหมือนครูบาอาจารย์ส่วนใหญ่กันละท่าน

    ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ ร่วมกับผู้มีบุญบารมีทุกๆท่าน
    ขอบคุณครับ
    ลุงมหา
     
  16. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    เราแสดงความเห็นไปตามสัจธรรม

    หากสิ่งที่เราแสดงความเห็น เข้าใจว่าเป็นการคัดค้าน
    เหตุใดเราจึงเคยร่วมสร้างพระใหญ่ ตามที่ลุงมหาเคยบอกไว้
    อานิสงค์สร้างพระใหญ่ชัยภูมิเพื่อแก้ไขภัยพิบัติว่ามีอานิสงค์ 64 กัปป์

    แต่หากเรามีเจตนา เป็นไปเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา อานิสงค์จะมากเท่าใด ก็ลองพิจารณาดู
     
  17. อภิมาร

    อภิมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    711
    ค่าพลัง:
    +2,154
    การบูชาด้วยอะไรก็แล้วแต่..จะเสมอเหมือนด้วยการปฎิบัติบูชาไม่มี
     
  18. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
  19. ลุงมหา๑

    ลุงมหา๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +3,937
    ต้องดูที่ฌานบารมี ต้องดูที่เจตนา ต้องพิจารณาคำสอนของครูบาอาจารย์

    ขออนุญาตครับ

    เนื่องจากญาติธรรมชาวพุทธบางกลุ่ม บางพวก บางท่าน เชื่อมั่นในครูบาอาจารย์ของตนมากเกินไป
    มากจนลืมพิจารณาว่า ครูบาอาจารย์ของตนนั้น

    ท่านสอนอะไรไว้บ้าง
    ท่านบอกเล่าอะไร ในสิ่งที่เกินเลยที่ชาวพุทธทั่วๆไปจะเข้าใจ จะพิสูจน์ได้บ้าง
    ท่านบอกเล่าอะไร ที่ขัดแย้งกันเองบ้าง
    ท่านพาทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ให้สมกับที่ท่านบอกเล่าว่า ท่านมีบุญบารมีสูงส่งบ้าง

    แล้วลองมาพิจารณาดูว่า แล้วลองถามครูบาอาจารย์ฝ่ายธรรมยุติเปรียบเทียบดูบ้าง


    แค่ถามว่า "มีชาวพุทธ ยกย่องนับถือ พระพุทธเจ้าพระองค์อื่นๆ ครูบาอาจารย์ท่านมีความเห็นว่าอย่างไร?"

    ท่านก็จะทราบได้เอง

    การที่ผมบอกเล่า ผมอธิบายไปตั้งมากมาย แม้ว่ามันจะยากที่จะเข้าใจ
    ถ้าผู้มีสติปัญญา แม้ครั้งแรกอ่านไม่เข้าใจ ก็ขอให้ค่อยๆพิจารณาก็จะค่อยๆเข้าใจได้เอง

    เมื่อท่านสติปัญญาไม่พอ

    ท่านก็ถามอยู่นั่นละ
    ท่านก็ชี้แจง เหตุผลของท่านอยู่นั่นละ
    ท่านก็ถามอยู่นั่นละ
    ท่านก็รอคำตอบของท่านอยู่นั่นละ

    ก็คำตอบทุกๆคำถามที่ท่านถามมา มันก็มีอยู่ในคำตอบที่ผมได้ตอบไปแล้วทั้งหมด
    แล้วยังจะให้ผมตอบอะไรให้อีก

    ผมก็บอกแล้วว่า ท่านอยู่กลุ่มใหน ก็ให้พิจารณาเอาเอง ยกมาให้ดูอีกทีก็ได้


    ยังมองไม่เห็นอีกหรือว่า

    ผู้ที่ มองเห็นภัยพิบัติในอนาคต
    ผู้ที่ มองเห็น วิธีแก้ไขภัยพิบัติในอนาคต
    ผู้ที่ นำพาชาวพุทธแก้ไขภัยพิบัติในอนาคต

    กับผู้ที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ แล้วไม่ได้ทำอะไรเลยนั้น มันต่างกันอย่างไร

    หรือเป็นเพราะเพียงว่า

    ท่านนั้นๆยอมรับไม่ได้ ที่จะเห็นมีผู้มีบุญบารมี สูงส่งกว่าครูบาอาจารย์ของตน

    ท่านยอมรับไม่ได้ที่จะมี ผู้มีบุญบารมี สร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า ครูบาอาจารย์ของตน

    ผมเคยกราบเรียนถามครูบาอาจารย์ทั้งฝ่ายธรรมยุติ และฝ่ายมหานิกายว่า


    "ท่าน อ.ทิพากร รินไธสงค์ ท่านจะนำพาชาวพุทธสร้างพระพุทธปฏิมา หน้าตักกว้าง ๙๙ เมตร สูง ๑๙๙ เมตร ท่านมีความเห็นว่าอย่างไร?"

    ครูบาอาจารย์ท่านก็ตอบเหมือนๆกันว่า

    "ผู้ไม่มีบุญบารมีมากพอ จะทำเช่นนี้ไม่ได้"

    แล้วที่ครูบาอาจารย์ท่านต่างๆ ทำอะไรเอาไว้บ้าง พูดอะไรเอาไว้บ้าง สอนอะไรเอาไว้บ้าง

    ต่างก็รับรู้กันทั่วไป

    ผมก็บอก ผมก็ย้ำ เอาไว้แล้วว่า

    ชาวพุทธส่วนใหญ่จะค่อยๆเข้าใจไปเอง ตามความก้าวหน้า ตามความเด่นชัดของการสร้างพระใหญ่ชัยภูมิ

    แม้แต่องค์หลวงปู่มั่น ท่านก็บอกว่า


    "เมื่อเฮาตายไปแล้ว จะมีช้างเผือกหนุ่มเกิดขึ้น"

    ลองเสาะหาดูก็ได้ว่า มีครูบาอาจารย์องค์อื่นๆ ที่ว่าเก่ง ที่ว่าแน่
    บอกอะไรไว้ที่ชัดเจนกว่านี้ไหม

    ขอโมทนาบุญ ขออนุโมทนาบุญ
    ขอบคุณครับ
    ลุงมหา

     
  20. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    สาธุ สาธุ สาธุ ก็ดีแล้วครับการสร้างพระใหญ่ๆ ไม่ผิดหรอก ที่พระในสายธรรมยุติ หรือ ฝายมหานิกาย ที่บอกแบบนั้นครับ ยิ่งพระอริยเจ้าด้วยแล้ว ความยินดีของท่านไม่มีมารยา สาไถใดๆทั้งสิ้นครับ ถ้าไม่มีบารมีจริงๆ มันสร้างกันไม่ได้หรอก ส่วนผม ก้ยิ่งยินดี ด้วย ได้ช่วยกันหลายๆที่ ทั่วทั้งประเทศ ใหญ่บ้างเล็กบ้าง ตามบุญญาบารมีแต่ละพระองค์ การเป็นพระพุทธเจ้า ใช่ว่าจะสร้างใหญ่ๆเหมือนกัน ในส่วนของ ปัญญาธิกะ อาจจะสร้างแค่หน้าตัก ๑ วา ทำด้วยปัญญา ส่วนในที่ท่าน สร้างศรัทธาธิกะ อาจจะสร้างหน้าตัก ๑๐ วา ในส่วนของบารมี วิริยาธิกะ อาจจะสร้าง หน้าตัก ๒๐ วา


    ผมว่า อานิสงฆ์ มันไม่ต่างกันเลยนะ มันต่างกันที่ เวลากาลสร้าง ใช้งบเยอะ ใช้เวลานาน สร้างใหญ่โต อายุกาลต่างกันครับ ท่าน พระพุทธเจ้ามี ๓ แบบ ปัญญาธิกะ บำเพ็ญบารมี ๔ อสงไขยกำลัยแสนมหากัป ศรัทธาธิกะ บำเพ็ญบารมี ๘ อสงไขยกำลัยอีก แสนมหากัป วิริยาธิกะ บำเพ็ญบารมี ๑๖ อสงไขยกำลัยอีกแสนมหากัป มันต่างกันตรงนี้ครับ ความเป็นพระพุทธเจ้า เหมือนกัน คำสอนเท่ากัน การสร้างบารมีคล้ายกัน เหมือนกันทุกประการ บารมี ๑๐ และเป็น ๓๐ ทัต เหมือนกัน มันต่างกันตรงไหน


    มันต่างกันที่ เวลา ตอนบำเพ็ญ ต่างกัน อายุ ยืนยาวไม่เท่ากัน ประกาศพระศาสนาไม่เท่ากัน ความเป็นอยู่ไม่เหมือนกัน ลาภ ไม่เท่ากัน สาวกไม่เท่ากัน พูดมากกว่านี้ ก็เกินไปพอแค่นี้ครับ พระโพธิสัตว์ ยุคปัจุบัน ต่างลามา ช่วยสืบยืดพระศาสนา บารมีก็ต่างกันออกไป โดยเฉพราะ อย่างยิ่ง มีหน้าที่แค่ไหน ท่านจะทำแค่นั้น ยิ่งพระอรหันต์ด้วยแล้ว ไม่มีหน้าที่ ท่านจะไม่ทำเลย อย่างหลวงปู่มั่น ท่านก็สอน ศิษย์ของท่าน ในแบบฉบับ ของท่าน ที่ท่านได้มา หลวงปู่ มหาบัว ท่านก็สอน ในแบบของท่าน และ ออกมาช่วย ผ้าป่าช่วยชาติ เพราะว่า มันเป็นหน้าที่ของท่าน องค์อื่น ไม่มีความสามารถ หรือ คุณคิดผิดแล้ว เขามีความสามารถ เยอะแยะไป ท่านไม่ทำ เพราะ ไม่ใช่ หน้าที่ของท่าน หรือว่าไม่จริงดังว่า ลองใช้ใจ ไปมองดูพยามาร โน่น ในสมัยพระพุทธองคื ทำไม่พระพุทธเจ้าไมทำ หรือ พระสาวก ที่มีฤทธิ์ มากกว่า พระอุปคุต เยอะแยะ ไม่ต้องถึง พระอรหันต์หรอก แค่เณร ที่ได้ อภิญญา พระอนาคามี พระยามารก็สู้ไม่ได้แล้ว


    แต่ทำไม่ต้องปล่อยมาถึง ยุคพระอุปคุต เพราะท่านเป็นคู่ ปรับกัน เข้าใจไว้ด้วย แหมท่านทำไม หลวงพ่อสด ต้องมาสอนในสายท่าน วิชาธรรมกาย ทำไม่ไม่สอนแบบอื่น ผมว่าท่านสอนนะ แต่หลักใหญ่ ท่านจะสอนแบบที่ท่านได้มา ตรัสรู้มาครับ แล้วทำไม สายหลวงพ่อสังวาลย์ มหานิกาย แต่สอนไม่ให้จับเงินเหมือน ธรรมยุติ ผมว่าสายนี้ เคร่งกว่าสายธรรมยุติ ที่จับเงิน บางวัดเสียอีกนะ สวดมนต์แปรอีก ต่างหาก ผมน่ะเข้าใจ ที่ท่านพูด บางอย่าง ท่านคงไม่รู้ ตัวหรอกว่า ท่านไม่ผิดเอาเสียเลย ไหนจะสาย หลวงพ่อ อุตตะมะอีกเล่า ท่านคุม ทางสายมอญ ถึงพม่าบางส่วน ตลอดจนคนไทยอีกมากมายนัก เหมือนๆท่านจะข่มๆสายอื่นนะ ในการพูด ของท่าน ไอ้ผมมันก็คันปากเสียด้วย สิ ผมเองก้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า เคยฝาก ไปทำบุญ กับท่าน อ. ทิพากร รินไธสง ค์ ถ้าท่านไม่แน่จริงทำไม่ได้อยู่ เพราะลูกศิษย์ หลวงพ่อฤาษี อยู่แถวนั้นเยอะ ทั้งพระและฆราวาส ท่านจะบอกบุญต่อๆไป ถึงไม่ได้ทำด้วย แค่อนุโทนาสาธุ ก็ได้บุญกับท่าน ตั้ง ๒๐ เปอร์เซ็นแล้ว รู้หรือเปล่า จะเอา ข้อ บางข้อมาอ้างแบบนั้นแบบนี้ มันทำให้เป็นข้อขัดแย้งกันได้ ผมอ่านข้อความของท่าน ลุงมหา ผมเข้าใจดีครับ


    ผมอยากจะถาม นะ ว่าทำไม หลวงพ่อ ฤาษี ไม่ไปทำแบบ หลวงปู่หลวงพ่อต่างๆ เพราะว่า ไม่ใช่หน้าที่ของท่าน โปรด เข้าใจไว้ด้วยนะ แล้วทำไม ไม่ทำเสียเองให้หมด พระพุทธเจ้ายังทำไม่ได้เลยครับ มันต้องช่วยกัน ที่ละจุดๆ แล้วทำไม หลวงพ่อฤาษี ต้องมีลูกศิษย์ บริวาร ไปช่วยกันเผยแพร่ จุดต่างๆ พระสาวก ที่ได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า ทำไม ต้องไปช่วยกันประกาศ พระศาสนา พระองค์ทำองค์เดียวก้หมดเรื่อง ท่านไปคิดให้ดีๆ ว่ามันเป็นที่ท่านคิดไหม ทำไม สมเด็จองค์ปฐม และพระพุทธเจ้าหลายๆพระองค์ ต้องมาบอก ให้ หลวงพ่อฤาษี สอนศิษย์ แบบนั้นแบบนี้ และสั่งสอน ศิษย์ ให้รู้จัก พระพุทธเจ้า องค์แรกของโลก และทุกๆพระองค์ต่อๆกันมา ถ้าท่านดูถูก พระพุทธเจ้า พระองค์ใด พระองค๋หนึ่ง หรือพระปัจเจ หรือ พระอริยสาวก พระองค์ใดพระองค์หนึ่ง เท่านกับท่าน ประกาศ ตัว ดูหมิ่นดูแคลน พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ เลยนะจะบอกให้ แล้วพระโพธิสัตว์ ที่จะ ดำเนิน ตามรอยบาทท่าน ก็ เหมือนลูกท่านอยูแล้วครับ เพียงแต่ ยังทำไม่ถึง เวลากาลตรัสรู้ ของท่านนั้นๆ


    อย่าลืมนะ พระสงฆ์สาวก ของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ มีความรู้ไม่เท่ากัน แต่ผมขอกว่าวว่าทำไม หลวงพ่อ ฤาษีบอกว่า พระโพธิสัตว์ ที่รอคิว เป็นพระพุทธจ้าเป็นแสนๆพระองค์ ที่มีบารมีใกล้เคียง พระศรีอริยเมตตรัย แล้วทำไม พระศรีอารย์จึงฝากหลวงพ่อฤาษี สอนศิษย์ท่านด้วยเวลาไปเกิดในสมัยพระศรีอารย์ ต้อง ๓ แสนกว่าคน ที่มาเกิดในสมัยนี้ นี่ไม่ตายกันไปเกือบหมดแล้วหรือ เหลือคงไม่เท่าไหร่แล้วมั่ง แล้วทำไม หลวงปู่หลวงพ่อต่างๆทำไม ไมเขียนตำหรับ ตำรา ของพระพุทธเจ้า ให้คนรุ่นหลัง ได้ศึกษาแบบหลวงพ่อฤาษี แบบง่ายๆเข้าใจง่าย เรื่องๆบางเรื่องเรื่องบางอย่าง มันไม่ใช่ทำบุญร่วมกันมา พูดให้เข้าใจง่ายๆ แต่เมื่อถึงจุดสุดท้าย มันก็ถึงกันหมด คือ ธรรมอันเดียวกัน ไม่มีฝ่ายๆไหน ฉนั้น เรื่องของ บุญและบารมี ต่างทำมาไม่เท่ากัน เราดุอีกที ทำไม พระพุทธเจ้ามีมากมาย ไม่สามารถ ขนคนไปนิพพานไม่หมดสักที ดูตรงนี้แหละครับ แล้วทำไม จะต้องมีพระพุทธเจ้า ในอนาคตอีกมากมาย ขอจบแค่นี้ก่อน ไม่สามารถ มาพูดคุยได้หมด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 สิงหาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...