เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

....................................................
หา...งวดหน้า 00 เหรอครับ

 

​

 

ไปทำบุญซื้อเสาไฟฟ้าให้หลวงปู่ฉาบ วัดศรีสาคร ได้ใบอนุโมทนามา เล่มที่ ๗
เลขที่ ๒๐๘,๘๐๒,๘๐๓,๓๐๘ โมทนาบุญร่วมกัน

 

กราบ กราบ กราบ หลวงพ่ออั๊บ วัดท้องไทร ค่ะ​

 

พิธี เผาหุ่น พระชุด เศรษฐีใหม่ครับ เหรียญรุ่นนี้ คนถามหา ไม่จบ ๕ ปีมาแล้วก็ยังมีคนถามหา

 

คว้าเจอรูปอะไร เล่าเรื่องนั้น จะเลี่ยงเรื่องวัตถุมงคลที่ ขายได้ เอาเรื่องทำบุญที่ขายใครไม่ได้ ใครทำใครได้

รูปศาลา หน้าบ้านช่างที่บางปะหัน ที่ผมเอามาเป็นแบบ สร้าง ศาลาไม้สักทอง บนแพโบสถ์น้ำ ถ่ายรูปมาทำแบบ

เพดานแบบนี้ชอบมาก ผมเอามาทำห้องที่บ้านด้วยอีกหนึ่งห้อง เอาไว้ดู ให้ระลึกถึงความเป็นไทย ตามบรรพบุรุษ

 

Currently Active Users Viewing This Thread: 27 (10 members and 17 guests) [ แนะนำเรื่องเด่น ]
พี เสาวภา, ใจใจๆ, อาทิ, Iamome, ไม่เกิด, parana483, ตะวันมงคล, DECH124, เตเต้, trustfire


แขกผู้มีเกียรติรอบดึกครับ

 

รูปนี้ปี ๒๕๔๐ ตามที่บันทึกในรูป คนบางคนที่มาดูรูปนี้ ซึ่งประมาณ ๑๖ ปีมาแล้ว คงยังนุ่งขาสั้น

ผมถ่ายเอง เป็นโค้ง ก่อนจะถึงวัดใหม่ ฯ น่าจะประมาณ ครึ่งทาง จากปากทาง กำลังซ่อมเพราะน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาพุ่งชน ตอนนั้นผมไปศึกษาวิธีของเขานำมาสร้างเขื่อนที่วัด ตามกำลัง ของเขาทำด้วยหินและเสาคอนกรีต ราคา กิโลเมตรล่ะ หลายสิบล้าน

ของพวกผม ทำด้วย เสาไม้สน และ ปูน หลักแสน....แหะๆ แต่อยู่มาจนบัดนี้ ผมไปจ้างผู้รับเหมาจากนี่มาคน มาดึง ต้นโพะิธิ์ ที่ล้มหน้าวัด ลงในแม่น้ำขึ้นมา บนฝั่งเพื่อจะทำเขื่อนและ แพได้ถนัด จำได้ว่า หลักหมื่นบาท หลวงตาเป็นคนจ่ายเงินที่พวกเราบริจาคมา

 

รูปนี้ตอนพิธีเททอง เจอผมก็เอามาลง จะลงไปเรื่อยๆ มีอีกหลายเล่ม

รุปแรก พี่สองคนนี่ผมไม่ทราบชื่อ เคยเห็นแต่หน้า แต่คนถือร่มที่ยิ้มน่ะ น่าจะชื่อ สำเริง คนปั้นพระ ประธานและ พระบูชาครับ ฝีมือปั้นเฉียบขาด

อีกรูป เท่าที่จำชื่อได้น่ะครับ แถวหลังจากซ้าย พี่เป็ดน้อย เสี่ย ท คนต่อไป ลืมชื่อท่านให้จารย์ช้างมาบอก คนขวาสุดน่าจะเป็นภรรยาครูเพชร เสียชีวิตไปแล้ว

คนนั่ง เสื้อแดงลืมชื่อท่าน ส่วนอีกคนตอนนี้เป็นวิศวกรใหญ่ บริษัท แห่งหนึ่งในต่างประเทศ

 

เปิดดูไฟล์ IMG_0007.jpg

ดอกไม้พระอรหันต์

คนเขียนแต่อภินิหารหลวงตา เขียนแต่ของที่ท่านเสก เสกเป่า ฯลฯ แต่นั่นไม่ใช่ตัวจริงของท่านที่แท้จริง

ตัวจริงของท่าน คนไม่เคยสนใจเอามาเปิดเผย ยกเว้นผู้ที่ช่างสังเกตุ และสังเกตุเอาเองและ จะได้พบท่าน หลวงตา ๕ แผ่นดิน

เรื่องคุณธรรมของท่านก็ไม่เอามาเปิดเผย เพราะขายไม่ได้

และ คุณธรรมเด่นชัด อันหลักของท่าน คือ สติ

และท่านเป็นพระกรรมฐานไม่ใช่พระเกจิฯ กรรมฐานที่ท่านทำประจำ คือ อสุภกรรมฐานครับ หลวงตามีรูปชุดนี้ในกุฏิในแฟ้มของท่าน มีหลายสิบรูป ไม่เห็นเอามาโชว์

รูปนี้ชื่อผมเรียกเองว่า อาจารย์หนอน ผมได้มาเหมือนกัน แต่จะโชว์แค่รูปนี้ แต่ถ้าแฟนคลับสนใจ ผมมีเป็นเล่ม

ไม่รวมทั้งรูปใน ๑๙๑ และอาชญากรรม หลวงตาท่านชอบดู ภาพพวกนี้ครับ ท่านดูแล้ว ดูได้นานนับ ชม. มันเพลินดีครับ

ผมเองพยายามตามท่านน่ะครับ แต่ อสุภะนี่ จะเตือนท่านว่า ไม่แน่ใจ อย่าำทำน่ะครับ จะทำ ต้องเอาจริงและ เลิกไปเลย เพราะถ้ามาอยู่กับคนปกติ จะเห็นหน้าคนเป็นหนอนครับ

ถ้าคิดยังอยู่กับคน ต่อไป ก็ต้องเลิกครับ แต่ถ้าไปบวช แบบเอาเป็น เอาตาย กราบเรียนเชิญ นี่และ ครับ ดอกไม้พระอรหันต์ ดู ดม บ่อยๆ ไม่หลงทาง

รูปนี่ขลังมากน่ะครับบ มาดูทีไร ได้สงบอารมณ์ทุกครั้งครับ

 

เตือนภัยพิบัติ



มีกลิ่นทะแม่ง ทะแม่ง กลิ่นไม่ดี และสัญญาณ ลางบอกเหตุ ในกรุงเทพฯ ขอทุกท่านจับตา สถานะการณ์ วันต่อวัน ให้ดี

 

Doomsday Preppers

ในปัจจุบันของเรา โบราณเขาเรียกว่า “เป็นกาลียุค” กาลี เป็นชื่อของพระแม่กาลี ว่ากันว่า พระแม่กาลี ท่านดุร้าย มีแต่ความตาย และทุกข์เวทนา คนโบราณเคยวาดภาพ กาลียุคเอาไว้ เป็นภาพของการฆ่าฟันกันอย่างไร้ความปรานี คนในยุคนั้น ไม่มีคำว่าเมตตา ปรานี ไม่มีคำว่า คุณธรรม หรือศีลธรรม ซึ่งพวกเราก็คงได้เห็นภาพลางๆ ปรากฏขึ้นมาแล้วในยุคของเรา อีกทั้ง ขอให้นำภัยพิบัติในปี 2554 บางคนบอกว่าเป็นแค่ลางบอกเหตุ ยังไม่ใช่ของจริง แต่อย่างไรก็ตาม ครั้งนั้นน่าถือเป็นบทเรียน สิ่งเป็นไปไม่ได้ ก็เป็นไปแล้ว กลับมาทบทวนกันอีกครั้งว่าปี 2554 เรายังเตรียมพร้อมได้มากน้อยแค่ไหน ยังขาดอะไร ยังบกพร่องอะไร คราวหน้าปีหน้า 2555 และปี ต่อ ๆ ไปเราจะเตรียมการณ์อย่างไร และภัยวิบัติยังคงเป็นเรื่องของน้ำ อยู่หรือไม่

ถ้าเป็นเรื่องของ “น้ำ” ก็ถือเป็นเรื่องของโชค ถือว่าดี น้ำลดยังมีเหลือ ถ้าเป็น “ไฟ” เผาผลาญสิ้นไม่มีชิ้นดี เหลือแต่ซาก ถ้าเป็น “ดิน” แผ่นดินไหว สั่นสะเทือน พินาศย่อยยับ ก็มีตัวอย่างให้เห็น เหลือแต่ซากอีก ไม่มีชิ้นดีอีก นำมาใช้ประโยชน์อีกไม่ได้ กว่าจะฟื้นตัวยาวนาน แต่เสียหายน้อยกว่าไฟ ถ้าเป็นลม ก็มีตัวอย่างให้เห็น พายุ ทอร์นาโด ก็ถล่มทะลาย แต่ยังเหลือซาก ใช้ประโยชน์ไม่ได้อีกเหมือนกัน แต่ไอ้ที่น่ารำคาญมากที่สุด ก็เรื่องการเมือง การขัดแย้งทางการเมือง สร้างความฉิบหายให้กับประเทศไทยมากที่สุด มากกว่าภัยพิบัติทั้งปวง อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ “ฟ้าเป็นผู้กำหนด“

ถามตัวท่านเองก่อนว่า จะยอมจำนนโดยไม่สู้ หรือจะสู้โดยไม่ยอมจำนน ถ้าจะสู้ต้องคิดเตรียมการณ์ เอาปัจจุบันเป็นบทเรียน “ปฎิวัติ รัฐประหาร” “น้ำท่วมภัยธรรมชาติ” มองปัญหาก็ต้องมองกันเอาปี 2554 เป็นบทเรียน ทั้งภัยจากความโลภ ความโกรธ ความหลวง มาในรูปของ”ธรรมชาติ” และภัยจาก โลภะ โทสะ โมหะ จะมาในรูปแบบ”การแตกแยกทางการเมือง” คนไทยลืมง่าย บางคนอาจจะลืมปี 2554 ไปแล้วก็ได้ ขอนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระองค์เป็นศิษย์ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เหมือนกันกับพวกเรา พระราชทานไว้เมื่อปีใหม่ “อย่าประมาท มีสติ” ถ้าไม่ประมาทก็ควรเตรียมการณ์ไว้อย่างไร โดยนำเอาปี 2554 เป็นบทเรียน


๑.ที่พักอยู่อาศัยไม่ได้ โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ปฏิวัติ รัฐประหาร มีแต่ความตาย ความวุ่นวาย ทางแก้ ต้องหาที่พักสำรองที่ ๒ อย่าหวังเป็นผู้พักพิง อย่ายืมจมูกคนอื่นหายใจ และต้องเตรียมการณ์ ตามข้อ ๓- ข้อ ๙ เช่นเดียวกัน
๒.ที่พักต่ำเกินไป ทางแก้ ต้องหาที่สำรองที่สูง หรือไปจังหวัดอื่น
และต้องเตรียมการณ์ ตามข้อ ๓- ข้อ ๙ เช่นเดียวกัน
๓.ขาดน้ำสะอาด อาหารแห้ง ทางแก้ ต้องเตรียมสำรองอาหารแห้ง น้ำสะอาด โดยจะต้องอยู่รอดให้ได้ไม่น้อยกว่า ๖๐ วัน ถ้าสมาชิกมากก็เตรียมเอาไว้ให้มาก
๔.ขาดแสงสว่าง ทางแก้ เตรียมตะเกียงน้ำมันก๊าซ ไม้ขีด ไฟฉาย แก๊สหุงต้ม
๕.อาหารเป็นพิษ เจ็บป่วย เตรียมยาธาตุน้ำขาว สามัญประจำบ้านพื้นฐาน โดยดูตัวของท่านเองเป็นหลัก ว่าท่านมีโรคประจำตัวอะไร และต้องใช้ยาอะไรอยู่เป็นประจำ
๖.เครื่องมือสื่อสาร อุปกรณ์สื่อสารในครอบครัว ทางแก้ติดต่อกันให้ได้ ไปด้วยกันทั้งครอบครัว อย่าแยกกัน กำหนดจุดนัดพบหรือจุดรวมตัวเอาไว้ล่วงหน้า
๗.ถ้ามีรถ เติมน้ำมันให้เต็มถังอยู่เสมอ อย่าหวังน้ำบ่อหน้า ก่อนเข้าบ้านทุกครั้งเติมน้ำมันให้เต็มถังอยู่เสมอ ถ้านึกจะใช้รถอย่าไปเสียดายเงินค่าน้ำมัน การบำรุงรักษา
๘.มุ้ง ถุงนอน อุปกรณ์กันฝน เครื่องนุ่งหุ่ม ให้เพียงพอในครอบครัวในยุโรปที่เจริญแล้วเจอวิกฤติคลื่นความเย็นพาดผ่านตายไปเกือบ ๓๐๐ คน
๙.เตรียมอาวุธ หรืออุปกรณ์ป้องกันตัว
๑๐.ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ข้อสำคัญ อย่าประมาท พร้อมที่จะทำตามแผน ที่วางเอาไว้
๑๑.หมั่นทำบุญ ทำกุศล ใช้ปัญญาพิจารณาว่า ตัวเรานั้นเกิดมาชาตินี้ ยังมีบุญ มีกุศลใด ที่เรายังไม่เคยสร้างหรือเคยกระทำ ก็จงทำตามกำลังความสามารถ บุญกุศลจะเป็นเกราะป้องกันภัยให้กับเราและครอบครัวแล้วใช้จิตเป็นตัวเลือกว่า “อันว่าความชั่ว อย่าทำเลยเสียดีกว่า”

 

จะเป็นไปตามคำทำนายของหลวงพ่อวัดท่าซุง ไม่มีทางพลาด

การทำนายอนาคต หลักๆใช้แน่ แต่รายละเอียด ลีลา จะแปลไปตามยุค ตามกำลังบุญ บาบ ของคนในยุค

และยุคนี้ พวกเราดูเอาเองว่า กำลังบุญและบาบ อันไหนมันมีกำลังกว่ากัน ความสามัคคีแตกแยก เมื่อมีขึ้น จุดจบคือหายนะลูกเดียวสำหรับทุกฝ่าย

คนไม่หวังดี ประสงค์ร้าย เมื่อไม่สมหวังจะทำลายล้างอย่างเดียว จะทำลายทุกวิถีทาง ด้วยความเคียดแค้น

โชคดี และ โชคสุดท้ายที่เรามี คือ เรามีศาสนาพุทธ เป็นที่ตั้งมั่น ในสุวรรณภูมินี้อย่างมั่นคง แต่กำลังถูกเจาะไช จากภายนอกและ ภายในอย่างหนัก เนื้อแท้ พระธรรมวินัย ไม่ใช่ที่คนยึด แสวงหาอีกต่อไป คนรุ่นใหม่ ไม่รู้แม่แต่ว่า มาฆะบูชา คือ วันอะไร แต่รู้ดี ว่า วันวาเลนน์ไท คือ วันแห่งความรัก

เรากำลังเข้าตอน climax ของคำทำนาย มีพระผู้ใหญ่มาก บอกผมก่อนท่านจะป่วยหนักว่าและล่ะสังขาร จะมีการเปลี่ยนแปลง มึงก็ทำตามเขาไป อย่างไปขวาง ก็จะอยู่ได้ ยิ่งมาคิดถึงคำนายหลวงพ่อ น้ำตาจะไหล ตัวเองไม่ห่วง เพราะผ่านมาเยอะ หนี้สินไม่มี กินข้าว สองวันมื้อ ก็อยู่ได้

แต่สิ่งที่รักและ เคารพ กำลังถูกสั่นคลอนอย่างหนัก

และคนรุ่นลูก ไม่ประสีประสา เป็นพวก วัตถุบริโภค ตามยุคนิยม สนุกไปวันๆ จะอยู่ได้ไหม มันกำลังใกล้เข้ามา

 

พี่น้อง อะไรที่จารย์ช้าง สังเกตุ ให้พี่น้องระวังตัวไว้ อย่าประมาท

 

กราบ กราบ กราบ หลวงตาเล็ก หลวงพ่อทรง หลวงพ่ออั๊บ ค่ะ​

 

อาจารย์หนอน ..มาตอนกลางวันจะกล้าดูนิดๆค่ะ

 

แค่ดูรูปไม่ไ่ด้บรรยากาศทั้งหมด แค่ได้แนว

เหตุผลที่หลวงตาเล็ก ท่านย้ายมาอยู่วัดเล็ก ในป่าตอนปี ๒๕๐๓ หรือ ๕๐ ปีมาแล้ว เพราะ้เงียบ สงบ วังเวง ในตอนนั้นมี เมรุแบบเปิด คือเอาศพ วางบนกองฟอนแล้วเผา ศพก็วางแบบนั้น กลางคืนคนก็กลับบ้าน ได้เพ่งอสุภะ แบบได้บรรยากาศ มืด เงียบ ได้ทั้งกลิ่น และ ภาพ มืดๆ เอาไฟฉายหรือ ตะเกียง ส่องดูศพบนฟอน หรือ ในโลงก็งัดโลงดูครับ ไม่มีใครมาห้ามหรือขวาง เพราะเปลี่ยว คนกลัวผี ไม่มีใครมายุ่งครับ

ท่ายังเคยเล่าว่า ( ผมตื้อถาม ) ไปเจอปีศาจ เป็นหมาดำตัวใหญ่ วิ่งจะมากัดท่าน

ผมถามต่อ ว่า หลวงปู่ทำอย่างไรครับ

ท่านไม่ตอบทีเดียว เฉยแล้วตอบว่า ก็ยืนดู พอมันมาถึงตัวก็หายไป

ถ้าคนสติไม่กล้าแข็งวิ่งหนี บ้าไปแล้วครับ

เรืองภูติผี ปีศาจท่านเล่า หลายหน หลายสถานที่ ผมถามท่านว่ามีคาถาดีหรือครับ ท่านบอกปล่าว มาก็ดูเฉยๆ ตอนนั้นอยู่ในอารมณ์ ข้อกรรมฐานใด ก็พิจารณาไปตามอารมณ์กรรมฐานนั้นๆ อย่าวอกแวก พวก ภูติผี ปีศาจ อย่าไปสนใจ เดี๋ยวเขาก็ไป

คำพูดนี้ มาพ้องกับ หลวงปู่ปํญญษโสภิต ที่ผมไปมาหาสู่ท่านประจำ ก่อนมาพบหลวงตาเล็ก แบบไม่ได้ นัดกันมาครับ หลังล่ะสังขาร อัฐิของหลวงปู่ปัญยาโสภิต กลายเป็นพระธาตุไปพิสูจน์ได้ ที่วัดรางจรเข้ครับ

และที่คนส่วนใหญ่ไม่ทราบ ท่านเคยไล่ผี คนบ้านใต้มานิมนต์ ท่านก็ไปไล่ให้ครับ ท่านบอกผมเอง ตอนอยู่สองคนว่า สนุกดี

สถานที่เงียบ ป้าช้า ทรากศพ เหมาะแก่ อุปนิสัยและ กรรมฐานของท่านเป็นอย่างยิ่ง

ท่านไม่ได้มาสร้างวัดวา หรือ มาทำคาถาอาคม ไสยศาสตร์ดำ พวก น้ำมันพราย กระดูกผี ฝึกคาถาอาคม ให้เป็น ห่วงรัดจิตของท่าน ท่านไม่สนใจมาปลุก พระ เหรียญ ตะกรุดครับ ของพวกนี้ พวกมาทีหลัง เอามาใส่ท่านเองครับ

หลวงตาเล็ก ตัวแท้ๆ องค์แท้ๆ เป็นแบบนี้ครับ

 

กราบหลวงปู่-หลวงตาครับผม
ซำบายดีวันเศรษฐีครับพี่น้อง

 

เหรียญเศรษฐีใหม่ หลวงพ่อทรง​