เพื่อการกุศล รุ่นเก้าแก้วจินดามณี ทำบุญวิหาร๓หลวงปู่(ลป.ทิม,แก้ว,นาก)และบูรณะพระอุโบสถ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย mahalap, 21 พฤษภาคม 2013.

  1. mahalap

    mahalap ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,272
    ค่าพลัง:
    +4,208
    อ้างจาก: Tokto ที่ พฤษภาคม 24, 2013, 12:33:35 AM
    ขอร่วมทำบุญสร้างอุโบสถและสร้างหอระฆัง วัดหนองพะวา
    1.ล็อกเก็ต 2 องค์
    2.หนุมานเนื้อเงิน - องค์(หมดแล้ว ครับ)

    ขออนุโมทนาบุญด้วย ครับ
    จองให้ตามรายการด้านบนนี้เรียบร้อยแล้ว ครับ
    ใบจอง เล่มที่.046 เลขที่.2290

    หนุมานเนื้อเงิน หมดแล้ว ครับ
     
  2. mahalap

    mahalap ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,272
    ค่าพลัง:
    +4,208
    [​IMG][/url][/IMG]
    [​IMG][/url][/IMG]
    [​IMG][/url][/IMG]
    [​IMG][/url][/IMG]
    [​IMG][/url][/IMG]
    [​IMG][/url][/IMG]
    [​IMG][/url][/IMG]
    [​IMG][/url][/IMG]
    [​IMG][/url][/IMG]
    [​IMG][/url][/IMG]
    [​IMG][/url][/IMG]
    [​IMG][/url][/IMG]
    [​IMG][/url][/IMG]

    ยอดที่รับจองได้ในขณะนี้ ครับ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่าน ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤษภาคม 2013
  3. dumairport

    dumairport เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +1,578
    ขอจอง พระกริ่งเนื้อผงจินดามณี 1 องค์
    หนุมานเนื้อตะกั่ว 1 องค์
    ขุนแผนเนื้อผงจินดามณีสีเขียว 1 องค์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤษภาคม 2013
  4. mahalap

    mahalap ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,272
    ค่าพลัง:
    +4,208
    ขออนุโมทนาบุญด้วย ครับ


    ขออนุโมทนาบุญด้วย ครับ
    จองให้ตามรายการด้านบนนี้เรียบร้อยแล้ว ครับ
    ใบจอง เล่มที่.046 เลขที่.2296
     
  5. mahalap

    mahalap ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,272
    ค่าพลัง:
    +4,208
    คัดลองจากเวปอิทธิญาโณ
    "อ้ายย่ามแดง เสือร้าย ผู้กลับใจ" หลวงปู่แก้ว เกสาโร
    โดยชินพร สุขสถิตย์

    ย้อนไปเมื่อ ๘๐-๙๐ ปี ก่อนโน้น ทางด้านตะวันออก ชลบุรี สัตหีบ พนัสนิคม จนมา
    ถึงระยอง แกลง และจันทบุรี ไม่มีใครเลยที่จะไม่รู้จัก เสือฉิ่ง เสือที เสือคง และเสือแก้ว
    ๔ ขุนโจรผู้ยิ่งใหญ่แห่งภาคตะวันออก เสือฉิ่ง เป็นหัวหน้าชุมโจรที่มีชื่อเสียงระบือลั่นทั้ง
    ปล้น ทั้งฆ่า ส่วนเสือแก้ว เป็นครูโจร เพราะโจรในสมัยคุณปู่ ยังรุ่นหนุ่มหรือโจรในสมัย
    นั้น เขาเป็นโจรไสยศาสตร์ เชื่อถือฤกษ์ยามและของขลัง ในแต่ละชุมโจรต้องมี ครูโจร
    หรือที่เรียกว่า ผู้เชี่ยวชาญทางเวทมนต์คาถาเป็นผู้ดูแลฤกษ์ยามและทำพิธีก่อนปล้นอีก
    ทั้งต้องมีวิทยาคม อันเข้มขลัง เพื่อเป็นกำลังใจแก่ลูกสมุน เสือแก้วเป็นครูโจรประเภทนี้
    เมื่อเดือน ตุลาคม ๒๕๑๘ มีเหรียญพระอาจารย์อยู่องค์หนึ่ง ที่สร้างความเกรียว-
    กราวจนลือลั่นในวงการพระเครื่อง "ชนิดออกมาแล้วพรึบเดียวหมด" และต่อมาก็เป็นที่
    แสวงหาของนักนิยมพระเครื่องไม่น้อยหน้าเหรียญดังของหลวงพ่ออื่นๆ นั้นก็คือเหรียญ
    หลวงปู่แก้ว เกสาโร พระสงฆ์อดีตเสือร้าย แห่งวัดละหารไร่ จังหวัดระยอง ผู้ที่ได้เหรียญ
    ท่านไว้ ต่างประจักษ์ถึงอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านได้บรรจุไว้ ไม่ว่าจะทาง ด้านเมตตา
    มหานิยม แคล้วคลาด โดยเฉพาะเรื่องอยู่ยงคงกระพันนั้น นับเป็นยอด เพราะมีผู้เคย
    ประจักษ์กันมาแล้วมากมายขนาด มีดโกนคมกริบ ก็ยังไม่ได้กินเลือด
    หลังจากสร้างเหรียญรุ่น ๑ เมื่อ ตุลาคม ๒๕๑๘ ชื่อเสียงของหลวงปู่แก้ว เกสาโร
    ก็ได้หายไปจากความทรงจำของนักเลงพระหลายต่อหลายคน คิดว่าท่านคงตายไปแล้ว
    เพราะเมื่อเหรียญออกปี ๒๕๑๘ ท่านก็มีอายุ ๙๔ ปีแล้ว และเมื่อท่านอยู่วัดละหารไร่ อัน
    มี หลวงปู่ทิม อิสริโก เป็นเจ้าอาวาส เมื่อพิจารณาท่าน คู่กับหลวงปู่ทิมแล้ว จะดูเหมือน
    ว่า หลวงปู่แก้วแก่ชราภาพกว่าหลวงปู่ทิม ที้งๆ ที่หลวงปู่แก้วอายุอ่อนกว่าหลวงปู่ทิม ๒
    ปี เมื่อหลวงปู่ทิมมรณภาพไปแล้วนานถึง ๙ ปี ทุกๆคนจึงคิดว่าหลวงปู่แก้วมรณภาพไป
    แล้ว แต่ถ้าจะบอกว่าขณะนั้นหลวงปู่แก้วยังมีชีวิตอยู่ ยังแข็งแรงดี และมีอายุ ๑๐๐ ปีขึ้น
    ไป ท่านไม่ได้อยู่ที่วัดละหารไร่ ท่านย้ายมาจำพรรษา อยู่ที่วัดหนองพวา หลายพรรษา
    ท่านยังแข็งแรงมีสุขภาพดี แต่ตาท่านมืดสนิท มองไม่เห็นด้วยความชราภาพ แต่ท่าน
    ไม่สนใจ (ท่านว่าอย่างนั้น) ท่านสนใจอยู่อย่างเดียวและท่านบอกว่า ไม่เคยลืมทุกลม
    หายใจเข้าออก นั้นก็คือ "ทางนิพพาน"
    แม้จะมีอายุเลย ๑๐๐ ปี แต่หลวงปู่แก้วยังไม่หลง แม้จะมองด้วยตาไม่เห็น แต่ท่าน
    ก็จำเสียงได้ ผมเองนานๆ ครั้งจะไปหาท่าน เมื่อไปถึงได้ยินเสียงท่านจะถามว่า พรเหรอ
    ครั้งสุดท้ายที่ผมไปเยี่ยมท่าน เมื่อปลายปี ๒๕๒๗ พอท่านจำเสียงผมได้ ท่านก็บอกว่า
    เงิน ๕๐,๐๐๐.- บาท ที่หาไว้ให้ทำศพใช้หมดแล้ว (เงินได้จากเหรียญรุ่น ๑ ซึ่งสร้างไว้
    เพียง ๒,๑๙๔ เหรียญ ตอกเลข ๑-๒,๑๙๔) ช่วยหาเงินให้อีกหน่อยได้ไหม จะเอาไว้ทำ
    ศพ ผมก็เลยถามท่านว่า หลวงปู่จะเสกได้หรือ ท่านตอบว่า "ร่างกายมันแก่ แต่ใจมัน
    ยังแข็งแรง พระคาถาอาคมไม่เคยลืม เสกวันละนิดวันละหน่อย รับรอง ๓ คืนใช้ได้"
    เพื่อช่วยเหลือให้ท่านบรรลุวัตถุประสงค์ ผมจึงไปหล่อรูปหลวงปู่แก้ว ๑,๖๐๐ องค์ เป็น
    เนื้อสัมฤทธิ์ทองเหลือง และเป็นเนื้อนวะโลหะอีก ๒๐๐ องค์ (ให้เช่าองค์ละ ๑๐๐.-บาท
    และ ๒๐๐.-บาท ตามลำดับ นับเป็นรูปหล่อรุ่น ๑ และรุ่นสุดท้ายของท่าน)
    เมื่อหล่อรูปเหมือนของหลวงปู่แก้วเสร็จ ก็เป็นเวลาเดียวกับพิธีเททองหล่อพระกริ่ง
    ปรโม ของหลวงปู่เริ่ม ที่วัดจุกกะเฌอ ศีรราชา ซึ่งผมเองได้รับมอบหมายจากหลวงพ่อ
    เริ่ม ให้เป็นผู้ดำเนินการสร้างพระกริ่งปรโม ให้ท่านเมื่อเดือน เมษายน ๒๕๒๖ ก็ได้นำ
    รูปหล่อนี้ไปเข้าพิธีปลุกเสก ซึ่งมีหลวงพ่อเริ่ม และพระเกจิอาจารย์ดังๆ ในย่านนั้นอีก
    ๓ รูป เพื่อให้เป็นโลหะที่ศักดิ์สิทธิ์ชั้นหนึ่งก่อนที่จะนำไปให้หลวงปู่แก้ว ปลุกเสกเดี่ยว
    พระที่ดูแลพิธีปลุกเสกได้ขอดูรูปหลวงปู่แก้ว เกสาโร ที่ผมนำมาเข้าพิธีของพระกริ่งปร
    โม พอรู้เป็นรูปหล่อหลวงปู่แก้ว ก็เอ่ยปากขอไว้บูชา เลยถามท่านว่าเพราะอะไร ท่าน
    เล่าว่า เมื่อสมัยเป็นฆราวาส ได้ไปขอให้หลวงปู่แก้วสักให้ ท่านไม่สัก แต่ท่านลงกระ
    หม่อมให้ด้วยน้ำมันงา อีกไม่นานพระองค์นี้ไปทำงานก่อสร้าง แผ่นอิฐตกลงมากลาง
    ศรีษะ ปรากฎว่า ไม่เป็นอะไรเลย ทั้งในตัวก็ไม่มีพระหรือเครื่องรางอะไร ขณะที่เล่าให้
    ฟังนั้นปี ๒๕๒๖ พระองค์นี้บวชได้ ๗ พรรษาและจำวัดอยู่กับหลวงพ่อเริ่มที่วัดจุกกะเฌอ
    สมัยเป็นฆราวาส หลวงปู่แก้ว มีประวัติโชกโชนมาก ท่านเป็นคนจังหวัดร้อยเอ็ด
    ออกจากบ้านมาตั้งแต่อายุเพียง ๑๒ ปี แต่มาเติบโตเป็นหนุ่มที่ระยอง ท่านเป็นคนจริง
    สมัยหนุ่มๆ ไม่ว่ามีครูดีที่ไหน ท่านจะไปขอเรียนด้วย เมื่อเรียนมากเข้า วิชาแก่กล้ามาก
    ขึ้นจนร้อน ท่านก็กลายเป็นนักเลงหัวไม้ ซึ่งคนถิ่นนั้นเรียกคนจริงว่าเสือ เสือแก้วเป็นคน
    จริงมีวาจาสัตย์ เป็นผู้มีวิทยาอาคมสูง ด้วยความฮึกเหิมและร้อนวิชา ท่านจึงไปเข้าพวก
    กับเสือฉิ่ง เสือปล้นชื่อกระฉ่อนในย่านนั้นในฐานะมือรองและเป็นครูของพวกโจร เสือแก้ว
    เป็นคนพูดจริงทำจริงมีวิทยาอาคมขลัง เรื่องเหนียวคงกระพัน ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญของ
    ชุมโจรนั้น นับว่าของท่านเป็นเอก ก่อนที่โจรจะออกปล้น นอกจากจะดูฤกษ์ยามก่อนออก
    ปล้นแล้ว ยังต้องบวงสรวงตั้งศาลเพียงตา เสร็จแล้วครูบาอาจารย์และครูโจร คือหลวงปู่
    แก้ว จะเอาของให้กิน ของของท่านคือน้ำมันงาดิบเสก ท่านปลุกเสกจนน้ำมันงาเดือดปุด
    ๆ แล้วจึงให้สมุนโจรกินกันคนละหนึ่งช้อนแกง แล้วจึงออกปล้น การปล้นในสมัยนั้นใช้มีด
    ดาบกับปืนเป็นหลัก แต่มีปืนน้อยมาก สมุนโจรบางคนถูกเจ้าของบ้านฟันเอาก็มีแต่ไม่เข้า
    ของๆ หลวงปู่แก้ว จึงเป็นที่ร่ำลือว่าแน่จริง ท่านจึงเป็นที่เคารพนับถือและยำเกรงของ
    เหล่าสมุนโจรมาก วิชาอาคมของเสือแก้ว สำแดงเดชให้ประจักษ์ให้เห็นกับตาสมุนโจร
    เมื่อคราวที่เสือฉิ่ง คุมพวกปล้นบ้านนายบุญ และเสือแก้วกระโดดขึ้นหลังม้าของเจ้าทรัพย์
    เจ้าทรัพย์ ยิงถูกกลางหลังอย่างจัง แต่ก็ลุกขึ้นได้ เมื่อกลับมาที่ชุมโจร ปรากฎว่ากระสุน
    หาได้ระคายผิวหนังของเสือแก้วไม่ มีเพียงแต่จุดช้ำๆ เท่านั้น
    เสือแก้วเป็นโจรร้ายคู่กับเสือฉิ่งมาหลายปี อาศัยที่มีวิทยาคมขลังและถือสัจจะมั่นคง
    เสือแก้วจึงรอดจากการถูกจับกุม และแคล้วคลาดจากการตามจับของเจ้าหน้าที่เสมอมา
    แต่บรรดาเสือร้ายรุ่นเดียวกับท่าน ก็โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงตายหรือไม่ก็ตามจับจนขยาด
    แทบจะไม่มีเสือคนใดหลบรอดจากน้ำมือตำรวจไปได้ แต่เสือแก้วก็ใช้วิชาอาคมนะจังงัง
    บ้าง วิชาบังไพรบ้าง วิชาล่องหนบ้าง หลบหนีตำรวจได้ทุกครั้ง ร.ต.อ.ขุนสิน ขจัดภัย
    อดีตผู้กองอำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ได้เล่าให้ผู้เขียนฟัง เมื่อคราวที่ท่านมาร่วมทำ
    บุญวันเกิดหลวงปู่ทิม เมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๑๘ ว่าท่านเคยเอาปืนพระรามหก ยิง
    หลวงปู่แก้วเต็มหลัง ตกจากหลังม้า ที่หลวงปู่แก้วกำลังขี่ม้าหนีการจับกุมของตำรวจ แต่
    หลวงปู่แก้ว ก็ยังหนีการจับกุมของ ผู้กองขุนสิน ขจัดภัยไปได้ กระสุนปืนยิงไม่เข้า ร.ต.อ.
    ขุนสินฯ พูดกับผู้เขียนและคนที่ฟังอยู่ว่า "คนอะไรไม่รู้เหนียวเป็นบ้าเป็นหลัง" วันนั้น ขุน
    สิน ก็ได้มานั่งคุยกับหลวงปู่แก้วด้วย หลังจากหลบหนีการจับกุมไปได้ทุกครั้งก็ตาม เสือ
    แก้วก็หามีความสุขไม่ ต้องหลบต้องซ่อนตัวอยู่ตลอดเวลา ตำรวจก็มีความสามารถเก่ง
    กล้าขึ้นทุกวัน หลวงปู่แก้วจึงกลับใจยอมมอบตัวกับ ผู้กองขุนสิน ก่อนจะมอบตัว หลวงปู่
    แก้วท่านได้อุ้มลูกชายมาฝาก หลวงปู่ทิม ไว้ให้ช่วยเลี้ยงดูแทนด้วย
    หลวงปู่แก้วถูกศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต และได้รับพระราชทานอภัยโทษ เมื่อปี
    ๒๕๐๐ กิ่งพุทธกาล เพื่อลบล้างบาปกรรมที่ทำไว้ ท่านจึงหันเข้ามาบวชในบวรพระพุทธ
    ศาสนา โดยอุปสมบทที่วัดหวายรอง มีพระครูวิจิตร ธรรมานุวัติวงศ์ (ลัด) เป็นพระอุปช
    ฌาย์ หลวงพ่อเกียง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อสวัสดิ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    ได้รับฉายาทางสงฆ์ว่า "เกสาโร" เนื่องจากท่านเป็นผู้ที่สนใจทางไสยศาสตร์อยู่แล้ว และ
    ได้ทราบมาว่า หลวงพ่อเกียง ซึ่งเป็นพระเขมร มีวิชาอาคมแก่กล้ามาก ท่านจึงมาอยู่รับ
    ใช้หลวงพ่อเกียง พร้อมทั้งขอศึกษาวิชาอาคมต่างๆ ต่อเติมจนมีความเชี่ยวชาญไม่แพ้
    อาจารย์ของท่าน หลังจากนั้นท่านจึงได้ไปศึกษาเพิ่มเติมกับ หลวงปู่ทิม อิสริโก อดีตเจ้า
    อาวาสวัดละหารไร่ ที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งหลวงปู่ทิมนั้นเป็นทั้งเพื่อนและอาจารย์ของหลวง
    ปู่แก้ว
    ต่อมาหลวงปู่แก้ว ได้ไปสร้างวัดอีกแห่งหนึ่ง ปัจจุบันเรียกกันว่า วัดหนองมะปริง
    และท่านก็ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดนี้นานพอสมควร และที่วัดนี้เอง ท่านได้สร้างพระผงชุด
    หนึ่งออกมา เพราะในสมัยที่ท่านเป็นฆราวาส ท่านชอบสะสมว่านยา เมื่อท่านบวชท่าน
    มักจะสะสมว่านต่างๆ ไว้มาก และมักจะเอาว่านมาทำการทดลองดูว่าจะได้ผลตามตำรา
    ที่กล่าวไว้หรือไม่ เมื่อเห็นว่าว่านชนิดไหนได้ผลจริง ท่านก็จะนำมาผสมกับน้ำมันงาหรือ
    ไม่ก็น้ำมันเสือ เพื่อไว้สักให้กับผู้ที่นับถือ จนเป็นที่เชื่อถือกันว่า มีอานุภาพสูงเยี่ยมใน
    ด้านความอยู่ยงคงกระพัน จนเป็นที่ร่ำลือกันในย่านนั้น
    หลวงปู่แก้ว เกสาโร เป็นพระที่สำเร็จกสิณและธาตุทั้ง ๔ อย่างเอกอุ ดังจะเห็นได้
    จากภาพด้วยตอนที่ทำพิธีปลุกเสกพระกริ่ง ๙ แก้ว จะเห็นมีเปลวไฟพุ่งเป็นช่อออกจาก
    จมูก และครั้งที่ท่านจำพรรษาและกวาดลานวัด ที่วัดละหารไร่ โดยนำหญ้ามารวมๆ ไว้
    เพื่อจะเผา ปรากฎว่าไฟได้โหมแรงมากจนไฟเอนไปทางกุฏิสงฆ์ที่เก่าและผุพัง หลวงปู่
    ทิม ท่านยืนดูอยู่ จึงได้พูดเปรยๆ ขึ้นว่า "ประเดี๋ยวก็ไหม้กุฏิหมดหรอก" พร้อมทั้งหัว-
    เราะหึๆ ในคอ หลวงปู่แก้ว จึงตอบว่า "ไม่เป็นไรหรอกคุณพ่อ" (ปกติหลวงปู่แก้วมัก
    เรียกหลวงปู่ทิมว่า คุณพ่อ) ท่านจึงก้มลงหยิบทรายพร้อมทั้งบริกรรมเสกสักพักหนึ่งจึง
    ค่อยๆ โปรยทรายไปที่กองไฟที่กำลังเริ่มลุกไหม้อย่างน่ากลัว น่าอัศจรรย์มาก ไฟที่กำ-
    ลังโหมแรงก็ค่อยๆ มอดลงและก็ดับไปในที่สุด หลวงปู่ทิมเคยบอกผู้เขียนว่าท่านแก้ว
    เขา "สำเร็จธาตุ"
    หลวงปู่แก้วเป็นพระที่มีอาคมสูง เมื่อครั้งที่ท่านได้ศึกษาวิชาต่างๆ จากอาจารย์ มี
    วิชาหนึ่ง ที่ท่านเรียนสำเร็จและสามารถทำได้ดีจนเกินคาด วิชานั้นก็คือ "ผงจินดามณี"
    ซึ่งเป็นผงมหานิยมสูง จนเป็นที่ประจักษ์ ในสมัยที่ท่านเป็นฆราวาสเพราะท่านมีภรรยา
    หลายคน เมื่อท่านมาบวช ท่านจึงได้ทำผงจินดามณีเก็บไว้ ทุกครั้งที่ท่านลงโบสถ์เพื่อ
    ทำปาฏิโมกข์ ท่านจะใช้ว่านต่างๆ มาปั้นเป็นแท่งแล้วพร่ำเสกคาถาพร้อมทั้งเขียนลง
    เลขยันต์ต่างๆ ลงในกระดานอย่างอุตสาหะ เมื่อได้มาแล้วท่านก็นำไเก็บไว้ในขวดแก้ว
    ไม่ยอมให้ใครได้ทราบถึงความศักดิ์สิทธิ์ของผงนี้ จนกระทั่ง พระเย็น หลานของท่าน
    ซึ่งบวชเป็นพระและได้ปฏิบัติรับใช้ท่านอยู่ ได้ทราบถึงคุณค่าของผงนี้ได้ดี จึงได้ขอผง
    จากท่าน มาสร้างเป็นพระเครื่องขึ้นหลายพิมพ์ เช่นพระสมเด็จ พระปิดตา พระสมเด็จ
    นั่งพาน พระฉิมพลีหรือพระสิวลี พระขุนแผนไข่ผ่า และพลายเพชรพลายบัว ทั้งพิมพ์
    เล็กพิมพ์ใหญ่ และลูกอมขึ้นมาจำนวนหนึ่ง
    นอกจากผงจินดามณีแล้ว หลวงปู่แก้วยังได้สร้างผงวิเศษขึ้นอีกชนิดหนึ่ง เป็นผง
    วิเศษที่มีอานุภาพตรงข้ามกับผงจินดามณี เป็นผงที่มีอิทธิฤทธิ์อย่างยิ่ง ผงวิเศษชนิดนี้
    เป็นผงที่มีความพิสดาร ถ้าผู้สร้างไม่มีวิทยาอาคมกล้าแข็งแล้ว ไม่สามารถจะทำได้
    ผงนี้หลวงปู่แก้ว ได้รับการถ่ายทอดมาจากอาจารย์เกียง พระภิกษุชราชาวเขมร เป็น
    ผงที่ต้องไปพลีดินและเถ้าถ่านของ คนตายวันเสาร์ เผาวันอังคาร ให้ได้มาถึง ๗ ศพ
    มาผสม เพื่อให้ถูกต้องตามพิธีการ และต้องเป็นผงดินและเถ้าตรงกลางดวงใจ เมื่อทำ
    พิธีและเส้นไหว้จนครบตามพิธีในตำราแล้ว จึงนำมาผสมรวมกับว่านยาและผงต่างๆ
    หลวงปู่แก้วได้สร้างพระพิมพ์สมเด็จขึ้น ๒ พิมพ์ เป็นพระพิมพ์สมเด็จ ๓ ชั้น และพิมพ์
    ๗ ชั้น โดยแกะแม่พิมพ์ขึ้นเอง และได้แจกจ่ายหมดไปนานแล้ว ผู้ใช้พระผงสมเด็จของ
    หลวงปู่แก้ว เคยเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า เมื่อเวลาจะมีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้น คล้ายมีคน
    คอยเตือนบอก เวลาจะมีลาภก็เหมือนกัน
    เมื่อหลวงปู่แก้ว สั่งให้ผมช่วยทำรูปเหมือนรุ่นแรก (มีเพียงรุ่นเดียว) ให้ท่าน ท่าน
    ก็สั่งให้บรรจุผงนี้ลงไว้ที่ฐานรูปหล่อด้วย ผมขึ้นไปขอผงนี้จาก พระเย็น หลานหลวงปู่
    แก้ว ซึ่งเป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิของหลวงปู่ทิม ตอนนั้นท่านบวชได้ ๖ พรรษาแล้ว จำวัดอยู่
    ที่ศาลาการเปรียญ วัดละหารไร่ พระเย็นหายลงไปจากศาลาพักหนึ่ง ก็ยกกระป๋องโอ-
    วัลติน ซึ่งบรรจุผงอยู่ถึงครึ่งกระป๋องมาให้ผม บอกว่าต้องปีนขึ้นไปเอาบนเพดานโบสถ์
    เพราะผงแรงมาก จึงเอาไปเก็บซ่อนไว้นั่น
    นอกจากจะสั่งให้บรรจุผงใต้ฐานรูปหล่อแล้ว หลวงปู่แก้วท่านสั่งให้จารึกอายุ ๑๐๑
    ปี ของท่านไว้ที่ฐานรูปหล่อด้วย ถามท่านว่าทำไมไม่จารึก ๑๐๓ ท่านว่า ๑๐๑ ดีกว่า
    เพราะท่านเป็นชาว "ร้อยเอ็ด" แล้วมาโตที่ ระยอง และท่านบอกว่าเลข ๑๐๑ เป็นเลข
    มงคล และก็เป็นที่มหัศจรรย์ เมื่อหลวงปู่แก้วเสกรูปหล่อแล้ว เอาออกให้บูชาเป็นครั้ง
    แรก เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๒๗ พอถึงวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๒๗ ซึ่งเป็นวันล็อตเตอรี่
    ออก ก็ปรากฎว่าเลขท้าย ๒ ตัวออก ๐๑ หลายคนที่เช่ารูปเหมือนไป ต่างถูกหวยกัน
    หลายราย นับเป็นการบังเอิญอย่างเหลือเชื่อ นอกจากนั้น เมื่อวันไปรับรูปเหมือนจาก
    หลวงปู่แก้ว ได้ถามท่านว่าดีทางไหน ท่านตอบว่าปลุกเสกโดยรอบคอบใช้ดีทุกทาง มหา
    อุดก็มี แคล้วคลาดก็มี คงกระพันก็มี เสน่ห์มหานิยมก็มี ผมถามว่าจะทดลองได้ไหม ท่าน
    บอกได้ ทดลองทางแคล้วคลาดดีกว่า
    แล้วเป็นเวลาอีก ๓ ชั่วโมงต่อมา พุทธคุณทางด้านแคล้วคลาด ก็สำแดงให้เราเห็น
    พวกผมไปรับรูปหล่อวันนั้น ๗ คน พอดีขับรถปิคอัพ โตโยต้า ไฮลักช์ไป ออกจากวัดละ
    หารไร่มาทางปลวกแดง บ้านบึง ซึ่งเป็นทางสายใหม่ (ปี พ.ศ.๒๕๒๗) มีรถวิ่งน้อยและ
    เป็นทางเปลี่ยว ขณะนั้นเวลาประมาณ ๑๗ นาฬิกาเศษๆ เหลือเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมง ท้อง
    ฟ้าก็จะมืด รถที่เรานั่งมาดีๆ ขณะวิ่งมาประมาณ ๑๒๐ กม./ชม เต็มอัตราสูงสุดของรถ
    เกิดการสะเทือนอย่างแรง จนต้องหยุดเพื่อหาสาเหตุ คุณเชื่อไหมครับ น๊อตที่ยึดล้อหลัง
    ด้านซ้าย ๕ ตัว หลุดหายไปแล้ว ๓ ตัว น๊อตอีกตัวหนึ่งกำลังจะขาด และน๊อตที่เหลืออีก
    ๒ ตัว เกลียวน๊อตก็กำลังจะหลุด และอะไรจะเกิดขึ้นถ้าล้อรถหลุดขณะวิ่งมาด้วยความเร็ว
    ๑๒๐ กม./ชม.
    หลายคนที่นั่งมาด้วยกัน และยังมีชีวิตอยู่ ทุกคนยกมือท่วมหัว นึกถึงรูปหล่อหลวงปู่
    แก้ว ซึ่งท่านหยิบใส่กระเป๋าให้ทุกคนๆ ละ ๑ องค์ วาจาท่านศักดิ์สิทธิ์แท้.....ท่านว่า
    "ลองทาง แคล้วคลาดดีกว่า"

    ชินพร สุขสถิตย์
    ขียนครั้งแร ๕ กันยายน ๒๕๒๗
    เขียนครั้งที่สอง ๕ กันยายน ๒๕๔๗
     
  6. mahalap

    mahalap ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,272
    ค่าพลัง:
    +4,208
    หลวงปู่แก้วเกสาโร ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ทิมท่านเป็นพระลูกวัดที่จำพรรษาอยู่ที่วัดละหารไร่ ท่านเคยเป็น "เสือ" ปล้นมาก่อน ภายหลังท่านกลับใจจึงหนีมาบวช ตอนที่ท่านบวชอายุมากแล้ว มีเมียหลายสิบคน
    หลวงปู่ทิมและหลวงปู่แก้วนั้นท่านมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งมาก อายุหลวงปู่ทิมแก่กว่าหลวงปู่แก้วเพียง 2 ปีเท่านั้น ที่จริงแล้วก่อนบวชนั้นท่านเป็นเพื่อนกัน เพราะหลวงปู่แก้วแม้จะเป็นคนจังหวัดร้อยเอ็ด แต่ท่านก็มาโตที่ จ.ระยอง
    แม้นจะเป็นเพื่อนกันแต่เมื่อหลวงปู่แก้วบวชแล้วท่านเรียก หลวงปู่ทิมว่า คุณพ่อ ทุกคำ
    ลุงเช้า คำมี ลูกชายคนโตของ หลวงปู่แก้ว เล่าให้ผมฟังว่า”ที่ฉันโตมาจนอายุเข้า 70 ปีแล้วนี่ก็เพราะท่านพ่อ(หมายถึงหลวงปู่ทิม) เลี่ยงฉันมาตั้งแต่อายุ 5 ขอบ พ่อแก้ว(หมายถึง หลวงปู่แก้ว) อุ้มฉันมาฝากหลวงปู่ทิมเลี้ยงไว้ที่วัดละหารไร่ ตั้งแต่ฉันอายุยังไม่เต็ม 5 ขวบ ท่านพ่อเลี้ยงฉันมาจนโตเป็นหนุ่ม ลุงเช้า คำมี เล่าให้ฟังว่าเมื่อท่านอายุได้ 4-5 ขวบ หลวงปู่แก้วได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนเข้ามอบตัวท่านก็อุ้มลูกชายคือ ลุงเช้ามาฝากให้หลวงปู่ทิมเลี้ยงจนเติบใหญ่และครอบครูรับเป็นศิษย์ถ่ายทอดวิชาแพทย์แผนโบราณ
    หลวงปู่แก้ว เกสาโร เป็นพระที่เก่งมาก ถ้าไม่ติดที่อยู่วัดเดียวกับหลวงปู่ทิม คงโด่งดังระดับประเทศไปแล้ว
    ปู่โทน หลำแพ ศิษย์ฆราวาสหลวงปู่เทพโลกอุดร บอก "ยุคนี้ใครก็ได้ลุกขึ้นมาเสกให้ได้อย่างท่านแก้วเถอะวะ"
    ท่านเสกพระกริ่งเก้าแก้ว ถ่ายภาพออกมาเห็นเปลวไฟขนาดใหญ่ออกจากจมูก อาจารย์ปถม อาจสาคร เห็นภาพนี้บอกว่า เกจิอาจารย์องค์ไหนปลุกเสกได้ถึงขนาดนี้บ้าง หลวงปู่แก้ว ท่านเก่งเรื่องธาตุมากๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เห็นเปลวไฟดังกล่าว
    หลวงปู่แก้ว เกสาโร ท่านบอกถึงเคล็ดลับวิธีของการปลุกเสกพระกริ่งของท่านคือ ท่านปลุกเสกตั้งหลายอย่าง ท่านบอกว่าสุดท้าย ท่านได้เข้าสทาคามีผลเสก ภายหลังคณะผู้สร้างได้นำเอาพระกริ่งของท่านไปให้ หลวงพ่อเริ่ม ปรโม วัดจุกกะเฌอ เพื่อทำการปลุกเสกเพิ่มเติม เมื่อหลวงพ่อเริ่ม เพ็งมองไปที่หีบพระกริ่งชั่วครู่ ก็เอ่ยขึ้นว่า “หลวงปู่แก้ว เขาทำเอาไว้สุดยอดแล้ว”
    ท่านเอ่ยปากเอาไว้ชัดเจนเลยว่า “ตลอดลมหายใจเข้าออกของท่าน ไม่เคยลืมทางเข้าออกพระนิพพานเลย” แสดงว่า หลวงปู่แก้ว เกสาโร ท่านต้องไม่ใช่พระธรรมดาอย่างแน่นอน
    หลวงปู่ทิมท่านยกย่องหลวงปู่แก้วมาก ท่านพูดอยู่เสมอว่า "ท่านแก้วมีวิชาสูง ใครอยากได้ของอะไรก็ให้ไปขอกับท่านแก้ว" ซึ่งพอไปขอกับหลวงปู่แก้วทีใด หลวงปู่จะไล่ให้ไปขอคุณพ่อ ซึ่งแสดงถึงท่านกตัญญูต่อคุณพ่อ ให้ความสำคัญต่อหลวงปู่ทิมเป็นอย่างมาก ครั้งหนึ่งมีคนนำวัตถุมงคลของหลวงปู่ทิมไปลองยิง พอท่านรู้เข้าท่านพูดว่า "พวกมึงไม่ต้องเอาของคุณพ่อไปลองหรอก ลองมายิงตอไม้ที่กูเยี่ยวรด มันก็ไม่ออกเหมือนกันว่ะ" พวกนั้นเห็นหลวงปู่แก้วท้าเช่นนั้น ก็ลองแอบไปยิงดู ปรากฎว่ายิงไม่ออก ต้องเอาดอกไม้ธูปเทียนไปขอขมากับหลวงปู่ และจะขอของจากหลวงปู่แก้ว ปรากฎว่าท่านไม่ให้ ท่านไล่ให้ไปเอาที่หลวงปู่ทิม ซึ่งพวกนี้ก็ไปขอที่หลวงปู่ทิม แก่ก็ไม่ได้เช่นกัน เพราะหลวงปู่ทิมท่านั่ง "นิ่งเงียบ" ไม่ยอมพูดกับใครเลย

    หลังจากที่หลวงปู่ทิมมรณภาพแล้วท่านได้ไปจำพรรษาที่วัดหนองพะวา ได้มีวัตถุมงคลออกมาหลายชนิดเช่นกัน อาทิเช่น ล็อกเกตรูปเหมือนท่าน หลังฝังเส้นเกศา และพระธาตุ พระกริ่ง 9 แก้ว เหรียญรูปเหมือนปี 18 สีฝึ้งนางหลงเงา ตะกรุดเทพรัญจวน ปรกมะขาม เหรียญปิดตา ฯลฯ
    ตะกรุดเทพรัญจวน เป็นวิชาสุดยอดที่หลวงปู่แก้วตั้งใจสร้างให้ คุณอนุชิต ตั้งความเพียร ที่ได้อุปการะดูแลหลวงปู่แก้วมาตลอดจนท่านมรณภาพ หลวงปู่ได้ทำไว้เพื่อตอนแทนคุณความดีของลูกศิษย์คนนี้ ที่ได้สละมาดูแลท่านอยู่ที่วัดหนองพะวา ท่านจะบอกคุณอนุชิตว่า "ตะกรุดเทพรัญจวนนี้ท่านเรียนมาจากหลวงปู่ทิม" ไม่ทำให้ใคร ดีทางเมตตา-มหานิยม ใช้ติดตัวเป็นที่รักแก่บุคคลผู้อื่นและบุคคลทั้งหลาย นำตะกรุดนี้แช่ในน้ำหอมปลุกเสกโดยคาถาที่ท่านได้มอบให้ 3 ครั้งนำน้ำมันหอมนี้มาตัวทาที่คิ้วไปไหนเป็นที่รักแก่เพศตรงข้าม จะให้ใครก็ต้องดูว่า เป็น "คนดี" หรือเปล่า จึงค่อยให้ไป มิฉะนั้นจะเป็นบาปทีหลัง
     
  7. mahalap

    mahalap ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,272
    ค่าพลัง:
    +4,208
    หลวงปู่แก้วมีนามเดิมว่า เชียงคำ เกิดในสกุล คำมี ที่บ้านชนบท ต.ท่าฆ้อ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด เมื่อวันอังคาร เดือน 6 ปีวอก ท่านเคยบวชเณรเมื่ออายุได้ 15 ปีและเที่ยวหาอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณเพื่อศึกษาเล่าเรียน วิชาที่ท่านเรียนนั้นเน้นหนักไปทางคงกระพันชาตรีและมหาอุด ด้วยถูกจริตนิสัยของท่านที่ค่อนไปทางนักเลงมาแต่เด็ก ต่อมาก็ลาสิกขาไปเมื่ออายุได้ 22 ปี

    ช่วงชีวิตที่พลิกผันก็มาถึง เมื่อท่านเข้าพวกกับพรานป่าออกล่าสัตว์อยู่นานปีจนพลัดเข้าไปอยู่กับหมู่โจรโดยที่ท่านไม่ทราบมาก่อน ในที่สุดท่านก็จำยอมต้องเข้าพวกร่วมปล้นโดยมีเสือฉิ่งเป็นหัวหน้าและตัวท่านเป็นรอง

    อาคมที่ท่านศึกษาเล่าเรียนมาได้ปรากฏชัดจนลือชื่อในระยะนี้เอง เพราะวันหนึ่งเสือฉิ่งคุมพวกเข้าปล้นบ้านนายบุญเพื่อเอาม้าเลี้ยงไปขาย หลวงปู่แก้วในขณะนั้นจึงโดดขึ้นหลังม้าเพื่อควบหนีไป ทว่านายบุญเจ้าของบ้านยกปืนส่องเข้ากลางหลังอย่างจังถึงกับตกจากหลังม้า

    ผู้อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหลายไม่ว่าโจรว่าเจ้าของบ้านต่างมั่นใจว่าท่านตายแล้วแน่ ๆ ทันทีนั้นท่านก็ลุกพรวดพราดกระโดดขึ้นหลังม้าควบไปท่ามกลางความตกตะลึงของหมู่โจรและเจ้าบ้าน

    ครั้นพวกเสือฉิ่งหนีกลับรังมาได้ก็ขอดูบาดแผลท่านเป็นการใหญ่ สิ่งที่เห็นเป็นแค่เพียงรอยช้ำเป็นจ้ำเป็นจุดเท่านั้น ลูกปืนยาวหาได้ระคายผิวท่านไม่

    แต่นั้นมาลูกน้องทั้งหลายก็ขอให้ท่านเป็นผู้สักยันต์ให้ และคนเหล่านั้นได้กลายเป็นเสือติดปีกที่ปล้นฆ่าจนสร้างความหวาดกลัวให้ชาวบ้านเป็นอันมาก การปราบปรามของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็ยังไม่สามารถทำอะไรโจรห้าร้อยพวกนี้ได้เลย

    ท่านตั้งใจสักให้ลูกน้องเพื่อหวังคุ้มภัย แต่คนเหล่านั้นกลับไปเที่ยวก่อภัย ท่านเกิดความสลดสังเวชใจจึงเลิกสักให้ใครมานับแต่นั้น

    สมัยฆราวาสท่านหนีอาญาบ้านเมืองไปอยู่ที่ใดท่านก็ได้ภรรยาที่นั้นทุกคราวไป ท่านหลบเจ้าหน้าที่มาเรื่อยและได้กบดานเงียบอยู่ที่ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ถึง 10 ปี ตำรวจก็รู้แหล่งอีกจนได้ ท่านจึงหนีลงมาอีกกระทั่งถึง ต.ตาสิทธิ์ (ต.หนองละลอก-ปัจจุบัน)

    และที่นี่เองท่านได้พบพวกมิจฉาชีพด้วยกันเพราะตำบลนี้สมัยก่อนเป็นป่าดิบดงทึบ บรรดาเสือที่หนีการจับกุมของทางการพากันมารวมตัวที่นี่มากมาย เช่น เสือชู เสือเหี้ยม เสือไม้ รวมถึง เสือเชียงคำ คือท่านด้วย

    ดังกล่าวแล้วว่าอยู่ไหนก็ได้เมีย ที่นี่ท่านก็มีอีกหนึ่งพร้อมให้กำเนิดบุตรชายอีกคนซึ่งได้รับการตั้งชื่อว่า ด.ช. เช้า คำมี ซึ่งต่อมาหลวงปู่ทิมได้อุปการะเด็กชายเช้าจนเติบใหญ่ได้ดีเป็นถึงแพทย์ประจำตำบล

    หลวงปู่แก้วใช้ชีวิตระหกระเหินจนเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายในชีวิตที่ผ่านมา ท่านนึกถึงความชั่วร้ายที่ท่านก่อไว้เป็นอันมากในอดีตก็ยิ่งสลดใจ ท่านจึงตัดสินใจบวชพระเมื่ออายุได้ 60 ปี ณ พระอุโบสถวัดหวายกรอง โดยมี หลวงพ่อลัด วัดหนองกระบอกเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์เกียงเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์สวัสดิ์เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า เกสาโร

    บวชแล้วท่านยังได้ต่อวิชากับพระอาจารย์เกียงซึ่งเป็นพระชาวเขมรจนเจนจบ ต่อมาได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดละหารไร่ และได้ต่อวิชาอีกกับหลวงปู่ทิม ท่านได้เห็นความเก่งกล้าสามารถในวิชาอาคมและอำนาจจิตตานุภาพที่กล้าแข็งของหลวงปู่ทิม ท่านจึงยอมรับหลวงปู่ทิมว่าเก่งจริงจนหมดใจ ถึงกับเรียกหลวงปู่ทิมอย่างเคารพสูงสุดว่า "คุณพ่อ"

    ต่อมาหลวงปู่แก้วก็เริ่มมีชื่อเสียงด้วยการสรรเสริญจากปากขององค์อาจารย์คือหลวงปู่ทิมบ่อยครั้ง ผู้คนจึงเริ่มเข้าหาท่านโดยขอตะกรุดบ้าง ผ้ายันต์บ้าง และที่สร้างชื่อให้ท่านมากคือการสักยันต์ ซึ่งส่วนมากการสักของท่านจะเป็นการสักน้ำมันเสียทั้งนั้น

    คุณอาท่านหนึ่งของผมเป็นทหารเรือ เป็นราชองครักษ์พิเศษของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและเป็นคนที่รักในทางขลังอยู่ไม่น้อย ท่านชื่อนาวาเอกจำเนียร ตู้จินดา เคยเดินทางไปกราบหลวงปู่ทิมบ่อยครั้ง เมื่อศรัทธาในหลวงปู่ทิมถึงที่สุดก็เอ่ยปากขอให้ท่านสักยันต์ให้ด้วย

    ทว่า หลวงปู่ทิมกล่าวปฏิเสธ ท่านว่าเลิกสักใครมานานแล้ว แต่ถ้าอยากสักจริง ๆ ก็ไปขอท่านแก้วเขาสักให้ เรียบร้อยแล้วจึงมาหาท่านอีกทีท่านจะเป่าให้

    คุณอาจึงเดินไปขอเมตตาหลวงปู่แก้วสักน้ำมัน ท่านก็รับคำด้วยดี เหล็กสักปักลงหลังของผู้นั่งเหยียดเท้าประณมมือครั้งแล้วครั้งเล่า คุณอาทนเจ็บด้วยหวังในวิทยาคุณอันประเสริฐ พักใหญ่การสักก็เสร็จสิ้น แต่หลวงปู่ยังให้คุณอานั่งอยู่ในท่าเดิมสักพัก

    ทันใดนั้น นายทหารใหญ่ก็สัมผัสได้ถึงแรกกระแทกเข้ากับแผ่นหลังดัง บึ้ก อย่างแรงจนสะเทือน ด้วยความแปลกใจก็หันขวับไปดู แล้วท่านก็ตกใจสุดขีดเมื่อเห็นหลวงปู่แก้วถือดาบโบราณยาวเป็นวาขาววับอยู่เบื้องหลังในอาการที่เหมือนว่าจะ "ซ้ำ" เป็นหนสอง

    นาทีนั้นทั้งที่อยู่ในท่านั่งเหยียดเท้าคุณอากลับดีดตัวเองด้วยความตกใจอย่างที่สุดออกห่างองค์หลวงปู่ไปหลายเมตร จนคุณอาเองยังแปลกใจอยู่ทุกวันนี้ว่าตัวลอยไปไกลขนาดนั้นได้อย่างไร อาเนียรเล่าไปขำไป ผมก็พลอยขำไปด้วย แต่ในใจยังสงสัยว่าถ้าเป็นตูจะขำออกหรือเปล่า

    เหตุนี้ท่านผู้การจำเนียรจึงให้ความเชื่อถือในอาคมของหลวงปู่แก้วเป็นอันมาก ไปกราบหลวงปู่ทิมคราวใดต้องแวะหาหลวงปู่แก้วด้วยทุกครั้งไป

    หลวงปู่ทิมการันตีหลวงปู่แก้วหลายต่อหลายครั้งว่า “ท่านแก้วเขาสำเร็จธาตุ” คำประกาศนี้อาจไม่ใหญ่คับฟ้าดังประกาศของหนังสือชั้นนำอย่างกินเนสบุ๊ค แต่มันเป็นประกาศนียบัตรทางวาจาที่ปราชญ์ในศาสตร์นี้มีให้แก่กัน

    ประมาณว่าปราชญ์ย่อมรู้ในปราชญ์

    หากผมเองที่เป็นได้เพียง "ประหลาด" ไม่อาจหยั่งรู้เรื่องราว "ภายใน" ของท่านทั้งสองได้ เห็นทางเดียวว่าเชื่อไว้ก่อนเป็นการดี

    ครั้งที่คนมือซนเอาเหรียญ "เจริญพร" ของหลวงปู่ทิมไปลองยิง ความทราบถึงหลวงปู่แก้วท่านก็พิโรธเป็นนักหนา บ่นว่า “ไอ้พวกนี้มันถือดีเอาของคุณพ่อไปลองได้ยังไง ถ้าจะลองไม่ต้องไปลองคุณพ่อหรอก” ว่าแล้วท่านก็เดินไปที่ตอไม้กระท้อนข้างกุฏิซึ่งตัดไปนานแล้ว

    จากนั้นก็ลงนั่งยอง "ฉี่" รดตอกระท้อนนั้น แล้วบรรลือสีหนาทว่า

    “ถ้ามันอยากยิงให้มายิงตอนี้ให้ออกก่อน”

    ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนมือซนรู้ข่าวแล้วพากันลองหรือไม่ ทราบเพียงว่าชื่อเสียงของท่านเคียงบ่าเคียงไหล่มากับหลวงปู่ทิมผู้เป็นอาจารย์ก็พอ

    ต่อมาผู้ทรงวิทยาคุณเช่นท่านปรารภว่าหากตายก็เสียดายอยู่สองอย่าง หนึ่งคือวิชาอาคมที่ศึกษามาจนแตกฉานจะพลอยสูญไปกับตน สองคือเกรงว่าศพจะเป็นภาระให้แก่คนรุ่นหลังยุ่งยากเรื่องค่าใช้จ่ายในงานประชุมเพลิง ดำริแล้วท่านก็ขออนุญาตกับหลวงปู่ทิมว่าจะทำเหรียญสักรุ่น ซึ่งหลวงปู่ทิมก็ไม่ขัดข้องประการใด

    เมื่อคุยกับกรรมการวัดอันมี คุณลุงสาย แก้วสว่าง ผู้เป็นไวยาวัจกร และ คุณชินพร
    สุขสถิตย์ ผู้เป็นศิษย์แล้ว เห็นควรให้จัดทำเหรียญรูปเหมือนรุ่นแรกของหลวงปู่แก้วขึ้น ซึ่งเลขยันต์หลวงปู่แก้วเป็นองค์กำหนด หลวงปู่ทิมก็ได้เห็นต้นแบบภาพเหรียญ ท่านยังพูดเหมือนเก่าคือ

    “ท่านแก้วเขาสำเร็จธาตุ” จึงสมควรใช้ยันต์แม่ธาตุใหญ่คือ นะ มะ พะ ทะ

    เหรียญรุ่นแรกของท่านมีความสวยงามมาก จำนวนการสร้างได้คัดลอกมาจากหนังสืออภินิหารและพระเครื่อง เขียนโดยอาจารย์ ชินพร สุขสถิตย์ ฉบับที่38 ปี่ที่4 กันยายน2518

    เหรียญหลวงปู่แก้วรุ่นแรกปลุกเสกโดยหลวงปู่แก้วเพียงลำพังถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน มีจำนวนทั้งสิ้น๒๕๕๗เหรียญ คือ
    ๑.เนื้อนวโลหะ ซ่งเป็นโลหะพิเศษผสมเอง จากเนื้อพระกริ่งชินบัญชรและตะกรุดมีเพียง๒๖เหรียญ ตอกเลข๙๔ ไว้ด้านหน้าออกให้บูชา เหรียญละ๓๐บาท
    ๒.เนื้อเงินมีทั้งสิ้น๑๑๐ ตอกหมายเลข๑-๙๔ไว้ที่หลังเหรียญ ตรงช่องว่างระหว่างยันต์กับหัววัดละหารไร่ ส่วนเหลืออีก๑๖เหรียญ เป็นเหรียญแจกกรรมการ ได้ตอกหมายเลข๙๔ไว้ตรงกลางสังฆาฎิ ใช้เงินบริสุทธิ์๑๐๐% หนักเหรียญละ ๑บาทกับ ๙ กรัม ออกให้บูชา เหรียญละ๑๑๐บาท
    ๓.เหรียญเนื้อทองแดงมี๒,๕๒๑เหรียญ ตอกหมายเลขเรียงจากเหียญเงิน คือตั้งแต่๙๔-๒๐๙๔ เป็นจำนวน๒,๐๐๐เหรียญ ส่วนที่ เหลืออีก๔๒๑เหรียญถือเป็นเหรียญแจกกกรรมการ ตอกเลข๙๔ไว้ด้านหน้า เช่นเดียวกับเหรียญเงิน ทุกๆเหรียญนี้ได้แจกชาวบ้านแถว วัดละหารไร่และแถมแก่ผู้เช่าเหรียญตั้งแต่๕๐เหรียญขึ้นไป
    แม่พิมพ์ชุดนี้เมื่อปั้มเสร็จได้ใช้หินเหล็กไฟกรอทิ้ง แล้วนำไปเก็บไว้ที่หลวงปู่แก้ว เหตุที่ไม่ได้ตอดโค็ตเป็นพิเศษไว้อีกก็เพราะว่าตัวเลขทีใช้ตอกนั้นถือเป็นโค็ตอยู่ในตัวแล้ว โดยที่หลวงปู่แก้วเป็นพระที่เรื่องวิทยาคมอย่างยิ่งซึ่งชาวชลบุรีรู้จักดี
     
  8. mahalap

    mahalap ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,272
    ค่าพลัง:
    +4,208
    โดยคุณ supersk (572) (113.53.75.*) [28 May 2013 19:15] #2842712 (4/4)
    ชุดกรรมการ 1 ชุดครับ

    จองชุดกรรมการให้แล้ว ครับ 1ชุด
    ใบจอง เล่มที่.046 เลขที่.2298

    ชุดกรรมการใกล้หมดแล้ว ครับ เหลือ 5ชุดสุดท้าย ครับ
     
  9. mahalap

    mahalap ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,272
    ค่าพลัง:
    +4,208
    ล็อกเก็ต หลวงปู่แก้ว มี 2สี
    สีโทนเขียว
    สีซีเปีย
    มวลสารที่อุดด้านหลัง เช่นผงจินดามณี ผงอังคารธาตุหลวงปู่แก้ว เม็ดแร่เสก สีผึ้ง เกศา จีวรและอีกหลายอย่าง
    อักขะยันต์ด้านบนของล็อกเก็ตเป็นลายมือของหลวงปู่แก้ว ครับ


    ยอดล็อกเก็ต มีอีก 18องค์ สุดท้าย ครับ

    [​IMG][/url][/IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P7_resize.jpg
      P7_resize.jpg
      ขนาดไฟล์:
      146 KB
      เปิดดู:
      70
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2013
  10. mahalap

    mahalap ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,272
    ค่าพลัง:
    +4,208
    อ้างจาก: Charn2553 ที่ 28 พฤษภาคม 2013, 20:39:49
    อ้างจาก: Charn2553 ที่ 22 พฤษภาคม 2013, 22:52:30
    อ้างจาก: mahalap ที่ 21 พฤษภาคม 2013, 15:16:25
    ผมขอร่วมทำบุญจอง หลวงปู่แก้ว รุ่นเก้าแก้วจินดามณี วัดหนองพะวา บ้านค่าย.ระยอง วัตถุประสงค์ บูรณ์พระอุโบสถ
    รายการที่ 1. กรรมการ 1 ชุด
    รายการที่ 5. ล็อกเก็ต หลวงปู่แก้วเกสาโร 1 องค์
    ขอแสดงความนับถือ
    ชาญชัย ไพศาลเรืองรุ่ง


    ขออนุโมทนาบุญด้วย ครับ
    จองให้เรียบร้อยแล้ว ครับ
    ใบจอง เล่มที่.046 เลขที่.2254

    พี่ธีระครับ

    ขุนแผนถ้ามี 3 เนื้อ ขอจองเพิ่ม 3 องค์ ให้ครบ 3 เนื้อครับ
    และเพิ่มหนุมานเนื้อเงิน จำนวน 1 องค์

    ขอบคุณครับ

    เรียน พี่ธีระ

    ผมโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาวิภาวดีรังสิต เลขที่ 196-0-122123
    จำนวนเงิน 9,200 บาท รวมค่าจัดส่ง เมื่อตอนเย็น 28 พ.ค. 2556
    สถานที่จัดส่งได้ส่งที่ Hotmail แล้วครับ
    ขอบคุณมากครับ

    ขออนุโมทนาบุญด้วย ครับ
    ได้จองและลงบันทึกเข้าระบบแล้ว ครับ
    วันนี้ส่งใบจองและของที่ระลึกไป ครับ
    หนุมานเนื้อเงิน ติดลบหลายองค์เลย
    กรรมการเหลือแค่ 2ชุด
    ล็อกเก็ตก็ไม่มากแล้ว ครับ
     
  11. Na_mo_

    Na_mo_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2007
    โพสต์:
    2,025
    ค่าพลัง:
    +4,750
    ขออนุโมทนาบุญด้วย ครับ
    ได้จองและลงบันทึกเข้าระบบแล้ว ครับ
    วันนี้ส่งใบจองและของที่ระลึกไป ครับ
    หนุมานเนื้อเงิน ติดลบหลายองค์เลย
    กรรมการเหลือแค่ 2ชุด
    ล็อกเก็ตก็ไม่มากแล้ว ครับ


    ขอจองชุดกรรมการ 1 ชุด ครับ
     
  12. mahalap

    mahalap ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,272
    ค่าพลัง:
    +4,208
    ขออนุโมทนาบุญด้วย ครับ

    จองชุดกรรมการให้แล้ว ครับ 1ชุด
    ใบจอง เล่มที่.046 เลขที่.2300
     
  13. ปัญจ

    ปัญจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2009
    โพสต์:
    27,526
    ค่าพลัง:
    +88,503
    ขอจองชุดกรรมการ 1 ชุด
    ล็อคเก็ต 1 องค์
    ขุนแผนสีละองค์ รวมเป็น 3 องค์ครับ
     
  14. mahalap

    mahalap ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,272
    ค่าพลัง:
    +4,208
    ขออนุโมทนาบุญด้วย ครับ



    ขออนุโมทนาบุญด้วย ครับ
    จองให้ตามรายการด้านบนนี้เรียบร้อยแล้ว ครับ
    ใบจอง เล่มที่.048 เลขที่.2351
     
  15. misterguy

    misterguy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    637
    ค่าพลัง:
    +1,027
    โอนให้แล้วนะครับพี่(ตามใบแนบ) ส่วนที่อยู่เดี๋ยวผมส่งไปทาง PM ครับ ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • pookaew.jpg
      pookaew.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.7 KB
      เปิดดู:
      74
  16. mahalap

    mahalap ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,272
    ค่าพลัง:
    +4,208
    ขออนุโมทนาบุญด้วย ครับ

    ได้รับยอดร่วมทำบุญ เพื่อบูรณะ พระอุโบสถและหอระฆังแล้ว ครับ
    30พค.2556 ไทยพาณิชย์5,000.-ถ้วน
    ขออนุโมทนาบุญด้วย ครับ:cool:
     
  17. mahalap

    mahalap ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,272
    ค่าพลัง:
    +4,208
    ยอดชุดกรรมการได้มีการยกเลิกเข้ามา จึงยังจองได้ ครับ
    มีอยู่ 2ชุดสุดท้าย ครับ


    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Sunny Moon
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ mahalap
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Sunny Moon
    ต้องโอนเงินเมื่อไหร่ค่ะ หรือว่าโอนได้เลยค่ะ

    ชุดกรรมกรรมการ 5,000
    ล็อคเก็ต 2,000
    ขุนแผน 3 สี 3 องค์ 600
    ค่าส่ง 100 /ครั้ง
    รวม 7,700 บาท
    โอนได้เลย ครับ
    ผมจะสรุปยอดโอนแรก เป็นปัจจัย ต้นเงินบุญ โดยโอนเข้า วัดหนองพะวา วันที่ 5มืย. ครับ
    พรุ่งนี้โอนให้ค่ะ
    ขออนุโมทนาบุญด้วย ครับ
    ใบจอง เล่นที่.046 เลขที่.2293
    ขอโทษด้วยนะค่ะขอยกเลิกค่ะ
     
  18. ปัญจ

    ปัญจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2009
    โพสต์:
    27,526
    ค่าพลัง:
    +88,503
    7700mhl3005.png
    โอนร่วมบุญแล้วครับ แจ้งที่อยู่จัดส่งทาง pm ครับ
     
  19. mahalap

    mahalap ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,272
    ค่าพลัง:
    +4,208
    ขออนุโมทนาบุญด้วย ครับ


    ได้รับยอดร่วมทำบุญ เพื่อบูรณะ พระอุโบสถและหอระฆังแล้ว ครับ
    30พค.2556 ไทยพาณิชย์7,700.-ถ้วน
    ขออนุโมทนาบุญด้วย ครับ:cool:

    เดี๋ยวไปส่ง ใบจองที่สมบูรณ์และขอที่ระลึกไป นะครับ
    (อยู่ใกล้ผมนี้เอง)
     
  20. ปัญจ

    ปัญจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2009
    โพสต์:
    27,526
    ค่าพลัง:
    +88,503
    ถ้าที่ทำการมีที่จอดรถ วันหลังผมขับไปรับเองก็ได้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...