งานนี้ พระเกษมไม่รอด ฝ่ายธรรมยุต มหาเถระสมคมจ่อฟัน พระอจ.เกษมประพฤติผิดพระวินัย

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย ผู้เตือน warn, 20 กันยายน 2011.

  1. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    เจดีย์ ที่เคารพนับถือ, บุคคล สถานที่ หรือวัตถุที่ควรเคารพบูชา,

    เจดีย์เกี่ยวกับพระพุทธเจ้ามี ๔ อย่างคือ
    ๑. ธาตุเจดีย์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
    ๒. บริโภคเจดีย์ คือสิ่งหรือสถานที่ที่พระพุทธเจ้าเคยทรงใช้สอย
    ๓. ธรรมเจดีย์ บรรจุพระธรรม คือ พุทธพจน์
    ๔. อุทเทสิกเจดีย์ คือพระพุทธรูป;
    ในทางศิลปกรรมไทย หมายถึง สิ่งที่เคารพนับถือ เช่น พระธาตุ และอัฐิบรรพบุรุษ เป็นต้น

    พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์
    พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
     
  2. peatkungza

    peatkungza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +138
    คุนต้องการจะสื่ออะไรผมก็ไม่เข้าใจนะคับ พูดให้ชัดเจน หรืออันไหนผมพูดผิดช่วยตอบให้ชัดเจนหน่อยคับ ไม่ใช่พุดอะรที่คนอื่นไม่เข้าใจ หรือไม่มีอไะรจะพูดเลยพุดไปเรื่อยเปื่อย?

    ผมชอบคนค้านนะคับ อันไหนผิด ผมก็ว่าผิด ถูกผมก็ว่าถูก

    และใช่ว่าผมจะนับถือพระเกษมองค์เดียว พระมีมากหมาย หลวงพ่อโตผมก็นับ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ผมก็นับถือ

    ท่าคุนคิดว่าพระที่สุ้เพื่อศาสนา ทำลายพวกกิเลสหนา เดินตามรอยพระพุทธเจ้า เปนพวก พระเทวทัต

    พวกเล่นพระเอาพระมาทำกินเอามาทำเปนงานอดิเรก พระรับเงิน หลอกชาวบ้าน บวชเปนอาชีพ คืออะไร?
     
  3. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ถัมภาโรปกเถราปทานที่ ๒ (๑๔๒)
    ว่าด้วยผลแห่งการยกเสาธง

    [๑๔๔] เมื่อพระโลกนาถพระนามว่าธรรมทัสสี ผู้ประเสริฐกว่านระ นิพพานแล้ว เราได้ยกเสาธงขึ้นไว้ที่เจดีย์ แห่งพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด ให้นายช่างสร้างบันไดสำหรับประชาชน จะได้ขึ้นสู่สถูปอันประเสริฐ แล้วถือเอา
    ดอกมะลิไปโปรยบูชาที่พระสถูป โอ พระพุทธเจ้า โอ พระธรรม โอ ความถึงพร้อมแห่งพระศาสดาหนอ เราไม่รู้จักทุคติเลย
    นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระสถูป ในกัลปที่ ๙๔ แต่กัลปนี้ได้ มีพระเจ้าจักรพรรดิราช ๑๖ พระองค์ ทรงพระนามว่า ถูปสิขะ มีพลมาก คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.

    ทราบว่า ท่านพระถัมภาโรปกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
    จบ ถัมภาโรปกเถราปทาน


    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปธาน ภาค 1
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2013
  4. peatkungza

    peatkungza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +138
    แล้วคุนจะพุดยังไง เรื่องที่พระพุทธเจ้าห้ามปั่นห้ามหล่อท่านมาบูชา

    ศาสนากับศิลปะ มันคนละด้านเลยนะคับ
     
  5. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    อย่าร้อนรน อย่ารีบตอบ อ่านให้ดีๆก่อน เดี๋ยวเด็กนักเรียนนอกจะตกภาษาไทย...
     
  6. peatkungza

    peatkungza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +138

    พญายามมองไม่เหนพระไตรปิฎกคืออะไร พุดให้คนไทยเข้าด้วยคับ

    ผมอ่านและเรียนรุ้พระไตรปิฎก คุนมาพุดแบบนี้หมายความว่ายังไงจะสื่ออะไร

    ท่าคนอ่าน ข้อความคุนกับผม เค้าจะรุ้นะผมพุดผมมีเหตุผล แต่คุนเปิดกุเกิ้ลบ้างยืมความคิดคนอื่นมาบ้าง ไม่มีความเด็ดขาดและความมั่นใจในตัวเอง ไม่มีเหตุและผล ไหลไปนุ่นนี่นั่นชอบพุดเรื่องที่คนอื่นไม่เข้าใจ เข้าใจคนเดียว พิมคนเดียว

    อย่าพูดให้ลึกซึ้งมาก คุนก็เปนคนธรรมดา ผมก็คนธรรมดา พูดภาษาคนธรรมดาด้วยคับ
     
  7. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    สกจิตตนิยเถราปทานที่ ๑ (๖๑)
    ว่าด้วยผลแห่งการถวายสถูป


    [๖๓] เราได้เห็นป่าชัฏใหญ่สงัดเสียง ปราศจากอันตราย เป็นที่อยู่อาศัยของ พวกฤาษี ดังกับจะรับเครื่องบูชา เราจึงเอาไม้ไผ่มาทำเป็นสถูป แล้วเกลี่ย (โปรย) ดอกไม้ต่างๆ ได้ไหว้พระสถูป ดุจถวายบังคมพระสัมพุทธเจ้า ซึ่งยังทรงพระชนม์อยู่เฉพาะพระพักตร์

    เราได้เป็นพระราชาสมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ เป็นใหญ่ในแว่นแคว้นปรารภด้วยกรรมของตน นี้เป็นผลแห่งการบูชาด้วยดอกไม้ ในกัลปที่ ๙๑ แต่กัลปนี้ เราโปรยดอกไม้ใด ด้วยกรรมนั้นเราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา ในกัลปที่ ๘๐ เราได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ มียศอนันต์ สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ เป็นใหญ่ในทวีปทั้ง ๔ คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
    ทราบว่า ท่านพระสกจิตตนิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.

    จบ สกจิตตนิยเถราปทาน.


    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปธาน ภาค 1
     
  8. peatkungza

    peatkungza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +138
    สิ่งที่ควรเคารพบูชาสำหรับผม มีสามอย่าง


    พ่อแม่ บรรพบุรษ
    พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    คนมีพระคุน

    คุนจะไปดูก็ใด้นะ มงคลชีวิต มีเขียนใว้
     
  9. พรานยึ้ม

    พรานยึ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    591
    ค่าพลัง:
    +682
    เปิดตัวเลย ว่ามาจากสำนักวัดสามแยก กล้าๆหน่อยครับ



    (สมัยหลวงปู่มีชีวิต พระเจ้าอยู่หัว พำนักอยู่ภูพิงค์ราชนิเวศ

    ก็เสด็จเยี่ยมเยียนปกติ)

    คุณรู้หรือเปล่า ว่า พระเจ้าอยู่หัวของไทยเรา และบรมศานุวงศ์ ทุกพระองค์

    เสด็จ พระราชทาน เพลิงศพ หลวงปู่แหวน ท่านมีความสำคัญมาก

    หลังจากเส็จราชพิธีเพลิงศพ หลวงปู่ท่าน พอไปเก็บอัตถิธาตุ

    ข้าราชการ บุคคลสำคัญในสมัยนั้น แม้แต่ ผอ.โรงพยาบาล เชียงใหม่

    ก็เป็นประจักษ์พยายาน ปรากฏว่า กระดูกหลวงปู่แหวนกลายเป็นพระธาตุ

    นี่คือเครื่องยืนยัน 100% ว่าท่าน เป็นพระอรหันต์ ทางวิทยาศาตร์ก็ยังพิสูจน์

    ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้ หาคำอธบายไม่ได้


    ส่วนโล้นเกษม มีผู้มากไปด้วย บารมีธรรม เคย ไปเยี่ยม ไปคารวะไหม? ไม่มี

    ไม่มีสหายธรรม ขนาดหลวงปู่บัว มันเคยพำนัก อาศัยใบบุญ

    ข้าวแดงแกงร้อน ไห้ทุกอย่าง คำสั่งสอน

    สุดท้ายโล้นเกษม มันก็โจมตี หลวงปู่บัว ผู้ที่มีพระคุณกะมัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 เมษายน 2013
  10. peatkungza

    peatkungza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +138
    ผมก้อไม่ใด้ลบหลู่ท่านนิ แค่ ดู ฟัง และ คิดตาม

    พระพุทธเจ้าท่านบอกหรอว่าทำลายพระพุทธรูปแล้วเป็นเปรต

    แล้ว คุนรุ้ใด้อย่างไร ว่าท่านเปนอรหันไปแล้วขอหลักฐานหน่อยคับ ไม่ใด้ลบหลู่นะ
    ผมอยากรุ้วิทยาศาสต์เค้าพิสุจกันยังไง ในเมื่อยังไปกันใด้แค่จักรวาน ?
     
  11. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ผมกำลังชี้ให้เห็นว่า พระเจดีย์ในพระศาสนานั้น สิ่งที่เรียกว่า อุทเทสิกเจดีย์ คือพระพุทธรูป.....และในพระไตรปิฏก มีกล่าวชัดถึงอานิสงค์การบูชาเจดีย์.....สิ่งที่จำเลยเกษมและลูกศิษย์พยายามที่จะทำลายอยู่ทุกวันนี้ และมีความพยายามทำความเห็นของบุคคลให้ผิดไป สิ่งที่เขาเหล่านั้นพูด มันไม่เป็นความจริง.....

    และชี้ให้เห็นโทษของการทำลายเจดีย์ที่กล่าวถึงกันนี้ เป็นคำของครูบาอาจารย์ใหญ่ฝ่ายกรรมฐานได้กล่าวถึงโทษ ตามที่ลูกศิษย์จำเลยเกษมได้ทักท้วงไว้ว่าไม่มีท่านใดกล่าวถึง ผมก็ยกมาให้แล้ว.....เป็นการยืนยันว่าจำเลยเกษม เห็นผิดจากครูบาอาจารย์ฝ่ายกรรมฐาน ......
     
  12. peatkungza

    peatkungza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +138
    ผมไปออกกำลังกายก่อน มีไรพิมใว้ เลิกพุดโล้นเกษมอะไรด้วยคับ ท่านยังไม่หมด จากความเป็นพระ ทั้งวินัยและกฎหมาย

    พูดกันมันปากเชียว ข่มใจให้เป็นหน่อย
     
  13. peatkungza

    peatkungza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +138
    พระเกษมไม่ใด้ทำลายเจดีย์นิคับ

    เรื่องอัฐิพระพุทธเจ้าท่านก็เคารพอยู่

    ฝ่ายอะไร สายอะไร ไม่มีหรอกคับ ศาสดาองค์เดียวกันทั้งนัน ไม่ใช่พวกเล่นพระ

    ผมว่าคุนไปหาดูคลิปพระเกษมสอนก่อนดีไหม ก่อนจะมาปล่อยข้อมุลมั่วทำตัวเป็นกูเกิ้ลอะคับ
     
  14. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    แต่ทางกฏหมาย นี่เป็นตกเป็นจำเลยนะ "จำเลยเกษม" .....เรียกตามนี้ผมก็ว่าเหมาะสม....
     
  15. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    จำเลยเกษม ไม่ทำลายเจดีย์.....

    (eek)
     
  16. พรานยึ้ม

    พรานยึ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    591
    ค่าพลัง:
    +682
    คุณรู้อะไรบ้าง??

    พระไตรปิฏก คุณก็ไปหาอ่านเอาสิ

    หมวดพุทธประวัติ หรือสุตันตะปิฏก

    มีหมดและ จะท่วมเอาตาย

    บอกไห้นิด ถ้า พระธาตุ จะเป็นแต่พระอรหันต์ จะเรียกว่าพระธาตุ

    ถ้าเป็นของพระพุทธเจ้า จะเรียกว่า พระบรมสารีริกธาตุ

    ง่ายๆ ก็คือ ลักษณะ ของเนื้อกระกระดูกจะเปลี่ยนไป 100% เลย

    ด้วยอาศัยที่จิตท่านบริสุทธิ์ ก็เลยไปฟอกธาตุขันธ์เปลี่ยนไป

    บางที่ก็บอกว่า ขึ้นอยุ่กับว่า องค์ไหน ท่านอธิษฐาน ก็ทำไห้

    กระดูกท่านกลายเป็นพระธาตุ

    ไม่เหมือนเดิม บางชิ้น จะใสเป็นแก้ว มองทะลุ เลย นี่ยกตัวอย่างนะ

    ซึ่งกระดูกผี คุณก็หาดูเอาละกัน ก็อย่างที่เห็นๆกันอยุ่ทั่วไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 เมษายน 2013
  17. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ผู้ไม่รู้จักบุญคุณ ไม่ต่างกับเทวทัต ไม่รู้คุณพระพุทธเจ้า.....
     
  18. 9TRONG

    9TRONG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +514
    อย่างน้อยก็ยังรู้สึกน่ายินดีครับ ที่คุณ peatkungza ยอมรับว่ายังกราบไหว้พระพุทธรูป เพื่อเตือนสติตนเองในบาปบุญ ไม่ได้พากันไปทุบทำลายตามลัทธิคำสอนอาจารย์ของตน

    ดังนั้นก็อย่าไปบังคับให้บุคคลอื่นในพระพุทธศาสนานี้ อันอาจมีวิสัยหลุดพ้นด้วยศรัทธาจริต เลิกเคารพในพระพุทธรูปอันเป็นธงชัยเป็นที่มั่น เป็นนิมิตแห่งการเจริญ พุทธานุสสติ เลย จะเป็นมิจฉาทิฏฐิ เป็นกรรมขัดขวางการปฏิบัติมรรคผลเสีย

    แน่นอนว่าพระพุทธรูปนั้นเกิดขึ้นหลังจากสมัยพุทธกาลนับล่วงมาจนถึงสมัยนี้เป็นพันๆปีแล้ว คุณอาจจะคิดว่านี่เป็นความเชื่อที่ฝังหัว เป็นสิ่งชักจูงให้หลงผิดออกจากพระธรรม (หรือพระไตรปิฎกที่เหล่าสาวกพระเกษมยึดถือ)
    แต่อย่าลืมว่าพระอรหันต์และผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทั้งหลาย ก็ยังน้อมใจกราบไหว้บูชารูปสมมุติแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (ปูชา จ ปูชนียานํ ได้แก่ การบูชาคนหรือสิ่งที่ควรบูชา) แล้วยังสามารถวิมุติหลุดพ้น ถ่ายถอนความยึดมั่นถือมั่น ถึงที่สุดแห่งทุกข์คือเข้าถึงพระนิพพานได้ และมีหลักฐานยืนยันมากมายจากปฎิปทาและพระธรรมเทศนา และจากอัฐิธาติของท่านทั้งหลายเหล่านั้น เป็นจำนวนมาก
    และได้ถ่ายทอดสั่งสอนอบรมศิษยานุศิษย์ให้มีการปฏิบัติเพื่อขัดเกลา
    โดยมิได้อ้างแต่คัมภีร์เพื่อให้เกิดการยึดติดแต่อย่างใด

    ลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งของพระพุทธศาสนาอันเป็นหลักความจริงในการดำเนินชีวิตนั้นคือ
    มีความกว้างขวางครอบคลุม มีความละเอียดลึกซึ้ง และลุ่มลึก ไปตามระดับความเข้าใจ ตามระดับสติปัญญาโดยการแสวงหาของแต่ละคน ซึ่งผู้ปฏิบัติจะพึงเห็นกระจ่างชัดได้ด้วยตนเองไปตามลำดับ

    พระธรรมอันเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้นมีจำนวนมากมายหลายประเภท หากบุคคลรู้จักเลือกสรรมาปฏิบัติ ให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาและชีวิตของตนเอง ครอบครัว และสังคมแล้ว ย่อมจะเป็นไปตามจุดมุ่งหมายของพระศาสดา ผู้ประกาศหลักธรรมเพื่อความสงบสุข เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนหมู่มาก และเป็นเครื่องนำออกจากทุกข์ได้จริง

    พระธรรมทำให้ผู้ศึกษารู้จักตัวเอง ยอมรับและเข้าใจความจริง
    รู้ความจริง รู้สิ่งที่ควรกระทำ รู้สิ่งที่ควรงดเว้น


    เปรียบเหมือนมหาสมุทรทั้งลึกและกว้าง และเต็มไปด้วยทรัพยากรต่างๆมากมาย ผู้ที่ได้สัมผัส ได้ศึกษาพระธรรมเพียงผิวเผินก็เหมือนกับผู้ที่เพียงยืนแช่เท้าอยู่ริมชายหาด แล้วเข้าใจไปว่าตนรู้จักท้องทะเล รู้จักเกลียวคลื่น รู้จักผืนฟ้ามหาสมุทรเป็นอย่างดี แต่นั่นย่อมเปรียบเทียบกันไม่ได้เลยกับชายผู้แล่นเรือโต้กระแสคลื่นลมอันเกรี้ยวกราดอยู่ท่ามกลางท้องมหาสมุทรอันแปรปรวนมาทั้งชีวิต

    ทั้งบุคคลที่เข้ามาศึกษา มาอยู่ภายใต้ร่มเงาแห่งพระพุทธศาสนานี้ ก็มีอยู่หลายประเภท หลายที่มา หลายระดับสติปัญญาความเข้าใจ พระพุทธองค์จึงทรงวางแนวทางการสอน การขัดเกลาไว้ให้แก่พระสงฆ์สาวกไว้เป็นอย่างดี ดังที่ทรงตรัสแสดงแก่พระอานนท์ว่า

    " อานนท์ การแสดงธรรมให้คนอื่นฟัง มิใช่สิ่งที่กระทำได้ง่าย ผู้แสดงธรรมแก่คนอื่นพึงตั้งธรรมห้าอย่างไว้ในใจ คือ
    ๑. เราจักกล่าวชี้แจงไปตามลำดับ
    ๒. เราจักกล่าวชี้แจงยกเหตุผลมาแสดงให้เข้าใจ
    ๓. เราจักแสดงด้วยอาศัยเมตตา
    ๔. เราจักไม่แสดงด้วยเห็นแก่อามิส
    ๕. เราจักแสดงไปโดยไม่กระทบตนและผู้อื่น "

    (องฺ.ปญฺจก.๒๒/๑๕๙/๒๐๕)

    และการที่ทรงวางหลักการประพฤติปฏิบัติเสขิยวัตรไว้ให้แก่พระสงฆ์นั้น ก็เพื่อความสำรวมระวังสังวร เพื่อประโยชน์ในการอบรมตนขัดเกลากิเลส ไม่ใช่เพื่อหลอกลวงให้คนมาศรัทธา ไม่ใช่เพื่อแสวงหาลาภสักการะ เพราะภิกษุนั้นก็ยังเป็นเพียงผู้ฝึกตน เป็นชาวบ้านธรรมดา แน่นอนว่าย่อมมีโอกาสทำผิดพลาด ดังนั้นหลักเสขิยวัตรจึงเป็นกิจที่ภิกษุพึงกระทำด้วยดี ไม่อย่างนั้นต้องอาบัติทุกกฎ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2013
  19. 9TRONG

    9TRONG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +514
    ผมขอยกประโยคเดิมของท่านพุทธทาสมาให้คุณได้ลองไตร่ตรองดูอีกครั้งหนึ่ง ที่ว่า

    " พระพุทธรูปบังพระพุทธเจ้า คัมภีร์บังพระธรรม ลูกชาวบ้านบังพระสงฆ์ "

    ทำไมท่านถึงได้กล่าวไว้เป็นปริศนาเช่นนี้ ลองคิดดูให้ดีด้วยใจเป็นธรรม พิจารณาเข้ามาที่ใจตนเองด้วยว่ามีอะไรบังอะไรอยู่หรือเปล่า แล้วจะเห็นเองด้วยปัญญาว่าทำไมท่านจึงได้กล่าวเช่นนั้น

    แล้วขนาดผู้มีปัญญามากเป็นนักปราชญ์ทางธรรมอย่างท่านพุทธทาส ที่ไม่เคยเกรงกลัวคำติฉินนินทา ไม่เกรงกลัวคำครหาว่าท่านเป็นผู้ไม่บริสุทธิ์เป็นเดียรถีย์นอกศาสนา ไม่เกรงกลัวสิ่งใดนอกจากการทำจิตใจของคนให้บริสุทธิ์ สร้างสวนโมกขพลารามขึ้นมาโดย เจริญรอยตามพระพุทธองค์ เจริญรอยตามพระอรหันต์สมัยพุทธกาล ด้วยความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ กินข้าวจานแมว อาบน้ำในคู อยู่อย่างต่ำแต่กระทำอย่างสูง

    ไฉนท่านจึงนิ่งเฉย ไม่ลุกขึ้นมาล้มล้างวัตถุทั้งหมดเสีย

    นั่นเป็นเพราะท่านมีความเข้าใจ ในปัญญาแห่งพระพุทธศาสนานั่นคือ ทางแห่ง มัชฌิมาปฏิปทา

    ทางสายกลาง ที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบและทรงประกาศในปฐมเทศนา ธัมมจักกัปปวัตนสูตร นั่นเอง
    คือทางในการแก้ปัญหาที่ไม่ปฏิบัติไปในทางสุดโต่งทางใดทางหนึ่ง โดยเริ่มจากการทำความเห็นให้ถูกทางเสียก่อน เพื่อดำเนินตามขั้นตอนการปฏิบัติ รู้เพื่อละทุกข์ทั้งปวง

    และโดยแท้จริงแล้ว ปัญหานี้ไม่ใช่ความผิดขององค์พระพุทธรูปเลย ที่จะสมควรถูกทำลาย

    ความยึดมั่นถือมั่นของชาวพุทธ ที่ขาดความรู้ความเข้าใจ การผสมผสานกับลัทธิความเชื่อดั้งเดิม การรับเอาตามๆกันมาโดยความเชื่อ หวังพึ่งพิงเพื่อสนองกิเลสอัตตาของตน โดยขาดการไตร่ตรองนั่นต่างหากที่ทำให้เกิดการยึดถือและปฏิบัติที่ผิดกันอยู่ในบุคคลบางกลุ่ม

    ถึงแม้สิ่งนั้นจะเป็นความจริงในปัจจุบัน ก็เป็นเพียงความไม่รู้ ความหลง แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นพฤติกรรมที่ร้ายแรง
    ที่น่ารังเกียจเสียจนต้องถูกผลักไส แต่ควรอาศัยการปรับความเข้าใจ ปรับศรัทธาด้วยปัญญา การให้ความเห็นที่ถูกที่ตรง ที่เป็นประโยชน์แก่ศาสนิกชนเหล่านั้นมากกว่า เพราะบัวเหล่าต่างๆนี้ยังมีโอกาสมีวันเบ่งบานโผล่พ้นผืนน้ำขึ้นมางดงามบริสุทธิ์ได้ ด้วยวิธีการ ด้วยปัญญาอันแยบคาย แต่ไม่ใช่ด้วยวิธีการอันเกรี้ยวกราดเป็นอันธพาล และชักจูงคนลงสู่อบายภูมิเช่นนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2013
  20. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    คนดีมีศีลธรรมย่อมรู้ดีว่า การกระทำใดๆล้วนมีเหตุผลอธิบายมากมาย ทุกอย่างอยู่ที่เจตนาก็จริง
    แต่เหตุแห่งการสร้างพระพุทธรูปก็มีเหตุผลที่ดีมากมายเช่นกัน คนดีมีศีลธรรมผู้กตัญญุตาต่อพระพุทธเจ้า ย่อมกราบไหว้บูชาพระพุทธเจ้า หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะกราบไหว้พระพุทธรูป การกราบไหว้พระธรรม การกราบไหว้พระสาวกซึ่งก็เช่นกัน ตลอดจนการบูชาด้วยการบำรุงพุทธศาสนา พร้อมทั้งการบูชาด้วยปฏิบัติบูชาก็ดี
    ทุกอย่างกระทำได้ทั้งนั้น เอาเจตนาที่ดีงามเป็นเบื้องต้น เอาความปฏิบัติดีเป็นท่านกลาง เอาผลแห่งการปฏิบัติดีเป็นส่วนท้ายที่สุด

    ผู้มีปัญญาบารมีบรรลุธรรมย่อม มีปล่อยวาง ไม่ดิ้นรนส่ายออกไปเพื่อการทำลายทำร้ายแม้พระพุทธรูปที่เขาบูชา ย่อมตั้งมั่นอยู่ในพระธรรม

    ผู้ที่ยังเต็มไปด้วยอวิชาย่อมเดือดร้อนยึดมั่นเพื่อการทำลายพระพุทธรูปที่เขาบูชา

    มันก็มีแค่นี้ครับ อุปมาดังว่า เมื่อเราไม่ชอบไม่พอใจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ผู้มีปัญญาย่อมรู้จักปล่อยวางละทิ้งอันความร้อนรุ่มทุกข์ใจอันนั้น
    ส่วนผู้ด้อยปัญญาย่อมวิ่งเข้าหาแลวิ่งไปตามกิเลสเครื่องร้อนปรุงแต่งให้เป็นทุกข์ฉันนั้นครับ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...