ปรอทสำเร็จ ของดีจากตำนาน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ทิพยจักร, 26 พฤศจิกายน 2012.

  1. สิริมงคลชัย

    สิริมงคลชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    660
    ค่าพลัง:
    +1,091
    1.ใครมีวิธีทำปรอทให้บริสุทธิ์ ได้มากที่สุดครับ....แชร์กันครับ....(รองแชร์กันดูครับ...)
    2.ใครมีวิธีการทำปรอทให้แข็งได้ง่ายและเร็วที่สุดครับ...แชร์กันครับ......
    (เอาตามความคิดของแต่ละคนรองแชร์กันดูครับ..)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 8.jpg
      8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      5.8 KB
      เปิดดู:
      725
  2. pana_mool

    pana_mool เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +7,048
    ลูกนี้ดูดีครับพี่:cool:
     
  3. torr200925

    torr200925 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    753
    ค่าพลัง:
    +2,684
    ทำปรอทให้แข็งไม่ยากเลยครับ พระปรอทปลอมเต็มไปหมดตามแผงพระ
    แต่ไอ้ปรอทที่แข็งแล้วไม่มีพิษนี่สิครับ ต้องคิดหักเลย ว่าใครทำได้จริง 555
    แม้แต่ปรอทหลวงปู่ลือ เมื่อประมาณปีี่ที่แล้ว ผมจะเช่าจากวัด ตอนนั้นราคา 150-300 บาท แต่หลวงพ่อเจ้าอาวาสบอกว่า ปรอทหลวงปู่ต้องชุบธาตุไฟ คือกินเข้าไป แล้วรอตอนถ่ายออกมา ค่อยเอาไปล้าง และติดตัว ถ้าไม่ชุบธาตุไฟของตัวเองปรอทจะธาตุไม่ครบ จะค่อยๆกร่อนไป ท่านเจ้าอาวาสแช่ปรอทของหลวงปู่ลือ ไว้ในโหล ครับขนาดเท่าเม็ดพุทธา คุยเสร็จผมเลยไม่ได้บูชามาเพราะไม่กล้ากินแน่นอน 5555
     
  4. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,867
    โห. ชุบธาตุไฟตนเองโดยการกินปรอท แล้วถ่ายออกมาค่อยใช้ อืมมม จะหาเจอมั้ยเนี่ยะ
     
  5. namitta

    namitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,061
    ค่าพลัง:
    +3,517
    ในตลาดก็พระปรอทจริงครับ แต่ยังมีพิษอยู่
     
  6. พิชญากร

    พิชญากร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    909
    ค่าพลัง:
    +5,261
    ........

    ...อันนี้น่าจะจริง เพราะเคยได้ยินมาว่า ปรอทที่นำมารักษาโรค จะต้องมีพิษหลงเหลืออยู่บ้าง เพื่อใช้พิษฆ่าพิษ(เชื้อโรค) อันนี้น่าจะเป็นความเชื่อของแต่ละบุคคล แต่ถ้าพูดถึงหลักความจริง มันก็น่าเสี่ยงอยู่นะคะ ถ้าปรอทยังมีพิษ แล้วเรานำมาอม หรือแช่น้ำกิน เพราะเชื่อว่ารักษาโรคได้
     
  7. torr200925

    torr200925 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    753
    ค่าพลัง:
    +2,684
    คนที่มาที่นี่มันโง่....
    ...จะไม่โง่ได้ไง เขาว่าดีก้แห่กันมา ไม่รู้ดีจริงไหม อันตรายของมันมากแค่ไหน เคยหาความรู้พิษของปรอทยังครับText

    อย่าตื่นข่าวมงคล...
    ...สังคมที่หลอกลวงร้อยเล่ห์ ถ้าตื่นข่าวมงคล อยากได้แต่ของมงคล แต่ก่อนจะได้ของมงคล เราได้เสียสิ่งที่เป็นมงคลที่สุดในชีวิตเราไป คือ ....สติ.....

    หลวงปู่ท่านบอกขนาดนี้ท่านเมตตามากนะครับ ท่านพูดสั้นๆ แต่ด้านล่างผมขยายความเอง ตามที่คิดว่าเหมาะสมกับทุกคน :cool:
     
  8. สิริมงคลชัย

    สิริมงคลชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    660
    ค่าพลัง:
    +1,091
    การทำให้แข็งแต่มีปรอทเยิ้มๆที่เห็นตามตลาดคือการเอาตะกั่วล่อและหลอมรวมกัน....ปรอทก็แข็งรวมกันตะกั่วขึ้นรูปได้ง่ายแต่ปรอทยังเป็นน้ำอยู่...มีพิษ.

    ใครแพ้ก็จะเป็นอันตราย คนที่แพ้ปรอทถ้าอมถึงกับฟันร่วงหมดปากได้เลย....คนที่ทำปรอทส่วนใหญ่จะไม่ทำมากหลายเม็ด...จะทำแค่ใช้เอง เพราะขบวนการทำมีพิษปรอทเวลาโดนความร้อนปรอทจะระเหิดเป็นไอลอยขึ้นในอากาศถ้าสูดดมเข้าไปก็จะเป็นอันตรายได้และ การทำเป็นอะไรที่ยุ่งยากซับซ้อนและใช้ความพากเพียรเป็นเวลานานและยาก...ทั้งวิธีการและจิต....พักพวกผมทำใช้เองทำมาเม็ดเดียวบอกทำให้อีกซักเม็ดบอกว่าไม่เอาแล้วเม็ดเดียวพอเลย...ไม่ไหว...เหนื่อยมากๆทำยากมาก...ทุกขั้นตอนต้องทำเองกับมือและต้องว่าคาถากำกับ...ยุ่งยากมาก....ก็เลยทำออกมาเม็ดเดียว...บอกหมดแรง....พลังดีระดับหนึ่ง....ถ้าจะทำให้วิเศษต้องทำซ้ำ 7 ครับ...โอ้โหครั้งเีดียวก็หมดแรง....เอา7 ครั้ง...เพิ่มปรอทไปเลื่อยๆครั้งละบาทแต่ทำเสร้จเหลือปรอทเท่าเดิมแล้วปรอทหายไปไหน....พอและแค่เขียนก็เหนื่อย....ยังไม่ได้ทำเลย...555666777
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      79.6 KB
      เปิดดู:
      684
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2013
  9. ทิพยจักร

    ทิพยจักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,268
    ค่าพลัง:
    +10,078
    ในแพทย์แผนไทยเราเองมียาหลายขนานที่เข้าปรอท แต่ปรอทที่เข้ายานั้น ต้องผ่านการฆ่าพิษ โดยวิธีการที่เรียกว่า "สตุ" การสตุปรอทนั้นมีหลายอย่าง เช่นดองในน้ำผึ้ง หรือการใช้ความร้อน อย่างไรก็ตามปรอทที่ผ่านการฆ่าพิษดีแค่ไหนก็ยังมีพิษหลงเหลืออยู่บ้างไม่สามารถฆ่าพิษได้ทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็สามารถนำมาใช้รักษาโรคบางอย่างได้

    ในส่วนของวิชาหุงปรอท ลึกซึ้งกว่าทางการแพทย์ เพราะการหุงปรอท สามารถฆ่าพิษปรอทได้ลึกกว่า และสามารถทำให้ปรอทหมดพิษแบบร้อยเปอร์เซ็นต์

    การนำปรอทมารักษาโรค จึงมีทั้งการนำปรอทที่ผ่านการฆ่าพิษแต่ไม่หมด และการใช้ปรอทแบบฆ่าพิษหมด

    อย่างไรก็ตามครับปรอทตามตลาดทั่วไป จำพวกปรอทผสมตะกั่ว และไม่ได้ผ่านวิชาความรู้ในการล้างพิษใดๆมา ย่อมมีความน่่กลัวจากพิษอยู่มาก ปรอทมีฤทธิ์เป็นกรดครับ ดังนั้นถ้าเราเองปรอทมาสัมผัสผิวประจำจะทำให้เกิดโรคด่างขาว อย่างครีมทาหน้าที่ผสมปรอท ผู้ใช้นานวันไปหน้าจะลอกขาวจนน่าเกลียด นอกจากนี้คนที่แพ้พิษปรอทอาจเกิดผื่นคันตามผิวหนังได้ด้วย

    ส่วนการแก้พิษปรอทนั้น ในหนังสือของท่านอาจารย์ชลอ อุทกภาชน์ กล่าวไว้ว่าให้ใช้ ถั่วเขียวต้มน้ำตาล กินเป็นยาแก้พิษปรอทได้ครับ
     
  10. namitta

    namitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,061
    ค่าพลัง:
    +3,517
    คุณทิพยจักรหาข้อมูลเขียนหนังสือหรือครับ.แฮ่ๆ อยากได้ซักเล่มแบบฟรีๆ ฮิๆ

    ปรอทแต่เดิม จะเจอเป็นแร่ซินนาบาร์ตามแหล่งน้ำพุร้อนหรือเขตภูเขาไฟประทุ แร่เป็นสีแดง บดเป็นผงละเอียดกลายเป็นผงชาด คนจีนเรียกว่าจูซา เอามาเขียนฮู้ต่างๆเชื่อว่า ผงจูซาหรือผงชาดกันผีได้

    คงมีใครซักคน เผาแร่ซินนาบาร์ ภาษาเปอร์เซียแปลว่าเลือดมังกร บังเอิญเจอโลหะเหลวสีเงินออกมา
    น่าประหลาดตรงที่ เป็นโลหะแต่กลับเหลว ไหลไปมาได้ เลยคิดว่าน่าประหลาดคงมีความพิเศษบางอย่างแน่
    เลยเป็นโลหะพิเศษ ใช้ในการเล่นแร่แปรธาตุต่อมา

    ต่อมาพบเมื่อเกิดการทำเหมืองแร่โลหะพวกตะกั่วและดีบุก

    ปัจจุบัน พบปรอทจากการสูบเอาน้ำมันและแก็สธรรมชาติมา แรกเริ่มเดิมทีพบว่ามาเกาะทีท่อ เลยแยกมาควบแน่น เป็นอุตสาหกรรม

    ทองคำและปรอทมีลักษณะคล้ายกันตรงสถานะถ้าบริสุทธิ์จริงๆทั้งทองคำและปรอทจะเป็นของเหลวที่อุณหภูมิห้อง

    การทำปรอทให้แข็งที่อุณหภูมิห้อง คือการทำอมัลกัมอย่างหนึ่งนั่นเอง. ปรอทถ้ายังเหลวๆอยู่คือเป็นสภาพโลหะ ความเป็นพิษยังน้อยอยู่ อันตรายจะเกิดจากไอและการสัมผัส อันตรายจากพิษปรอทที่รุนแรงมักจะเกิดจากสารประกอบของปรอทมากกว่า

    อมัลกัม ก็คือสารโลหะอัลลอยด์ที่เราอุดฟันนั่นแหละครับ. ในอมัลกัมจะมีผงโลหะเงินกับผงโลหะอื่นๆประกอบ และปรอทในอัตราส่วนน่าจะ. 1:1 เคยไปถามทันตแพทย์ แกะแคปซูลอมัลกัมมาดู มีผงโลหะอัดกับ ปรอทเหลว และเม็ดบีท แล้วเอาไปปั่นในเครื่องปั่นให้ส่วนผสมปรอทและโลหะผสมกัน เอามาอุดฟันที่กรอแล้ว

    สูตรการทำให้ปรอทแข็ง ที่บอกว่ามี น้ำตะไคร้ จุนสี ผสมนั่นคือการทำอมัลกัมอย่างหนึ่งครับ เพราะจุลสีคือคอบเปอร์ซัลเฟตมีส่วนประกอบของทองแดง ถ้าให้อุณภูมิพอดี จะได้ทองแดงออกมาและทองแดงจะไปรวมกับปรอท ทำให้ปรอทแข็งตัวจับตัวได้

    จริงๆใช้ผงโลหะก็ได้ อัตราส่วนน่าจะ 1:1 ลองมาผสมแล้วปั้นดู น่าจะเซ็ทตัวได้เป็นก้อน

    เรื่อง "ไอ้ง่อยกินหมากไม่ยากไม่ง่าย ตื่นเช้าก่อนใครเป็นกายสิทธิ์". เรื่อง"หมาก"ในข้อความนี้ อาจจะไม่ใช่หมากที่กินกับปูน พลู เพราะยังมีหมากอีกอย่างหนึ่ง คือต้น"หมากผู้" ที่ตำราเภสัชโบราณแผนไทย บันทึกไว้ว่า รากของต้นหมากผู้ ทำปรอทให้แข็งได้ และคำว่าตื่นเช้าก่อนใคร ผมนึกถึง ไก่ขัน เพราะไก่นั้น มักขันยามเช้า เป็นเสียงปลุกบอกเวลาแต่ก่อนโบราณ ไอ้ง่อยกินหมากไม่ยากไม่ง่ายคือใช้ยาเข้ากับรากต้นหมากผู้ ทำให้ปรอทแข็ง ส่วนการทำให้"กายสิทธิ์"นั้น ต้อง"ตื่นเช้าก่อนใคร หรือ ใช้เจ้าตื่นเช้าก่อนใคร "หรือวิธีใดๆที่เกี่ยวข้อง มาทำให้เป็น"กายสิทธิ์"..ตรงนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ

    เพราะปรอทแข็งตัวคือวัสดุชนิดหนึ่ง ผสมแร่โลหะใดๆ ก็คือวสดุประเภทหนึ่ง ผสมว่าน น้ำว่านคือวัสดุประเภทหนึ่ง อาจมีฤทธิ์ทางยา หรือมีฤทธิ์ทางคุณวิเศษของว่านนั้นๆผสมเข้าไปด้วย.
    ส่วนการเสกหรือทำจิต หรือขออาราธนาบารมีของครู ก็ดุจการทำพิธีปลุกเสกพระเครื่องลางของขลังนั้นให้ศักดิ์สิทธิ์ มีฤทธิ์อำนาจทางจิต เวทย์มนต์คาถา เข้าไปในนั้นนั้นแหละครับ

    ผมเคยสันนิษฐานไว้เล่นๆว่า ถ้าวิชาทักษา ราหูคือศรีของพุธราหูเกิดจากผีโขมด 12 ตน ผสมกัน
    ผีโขมดนั้นคือ ดวงแสงสว่างสีเขียวๆ สีต่างๆ ลอยไป ลอยมา เรี่ยๆ ระดับใกล้พื้นดิน หากินตามป่าเขา ของเน่าเปื่อย. ปรากฏเหมือนแก๊สมีเทน หรือฟอสฟอรัส. เป็นไปได้ว่า ถ้าตามตำราทักษา คือทำให้ปรอทธาตุพื้นฐานตามความเชื่อของวิชาทักษา หรือวิชาเล่นแร่แปรธาตุ คือการทำให้ปรอทนั้นมีแสงหรือปรากฏอำนาจดุจดังดวงแสงแบบผีโขมด เลยเอาของเน่าเปื่อย ของสกปรกมาเลี้ยงเพื่อให้เกิดอำนาจเช่นนั้น และใช้ว่านหรือพืชที่มีลักษณะพรายปรอทคือมีแสงวับๆแวมๆ มาใช้ในการทำให้ปรอทแข็งตัวด้วย
    ถ้าสำเร็จเป็นแก้วราหูแล้วจะพัฒนาต่อเป็นแก้วจักรพรรดิ คือภูมิจันทร์ ต้องเลี้ยงใหม่ด้วยของหวานเช่นน้ำผึ้งหรือ น้ำฝน คือภูมิศุกร์เป็นธาตุน้ำเดียวกับภูมิพุธ ต้นธาตุเดิมของแร่ปรอท.

    ในเรื่องการทำปรอทแข็งตัวคือการทำอมัลกัม ทางวิทยาศาสตร์
    แต่การทำให้เกิด"กายสิทธิ์" ไม่ว่าจะสร้างกายสิทธิ์เกิดขึ้น หรือ เรียกอัญเชิญกายสิทธิ์มาสถิตย์ในแร่ปรอทที่เป็นอมัลกัมแล้ว.นอกเหนือจากการใช้จิตสำเร็จอภิญญาอธิษฐาน หรือ เสกด้วยบทมนตร์ใดๆ
    ยังเป็นปริศนาอยู่

    ปล.ปกติ ปรอทเวลาเจอกับอลูมิเนียม ไม่ว่าจะเป็นฟอยด์หรือกระดาษฟอยด์ที่ซองบุหรี่ (เป็นอลูมิเนียมฟอยด์นะครับในบุหรี่ ไม่ใช่ตะกั่ว) จะเกิดปฏิกิริยาดึงพันธะออกมา ทำให้เกิดความร้อนเป็นปกติครับ ไม่ต้องแปลกใจหรือคิดว่าเป็นปาฏิหาริย์. เครื่องบินจึงห้ามเอาปรอทขึ้นไป เพราะปรอทแค่เล็กน้อยจะกัดกร่อนอลูมีเนียมอัลลอยด์ ที่เป็นเคบินของเครื่องบินให้ชำรุดได้



    มายากลที่ทำให้ช้อนหัก ทำได้โดย เอาปรอทแค่นิดเดียวมาแปะๆที่หัวแม่มือ แล้วไปจับคอช้อนอลูมิเนียม อลูมิเนียมตรงนั้นจะถูกกัดกร่อนหายไป ทำให้ขาดจากกันได้โดยไม่ต้องใช้มือสองข้างจับหัก แล้วก็สลับมือให้ไวเปลี่ยนเอาช้อนที่ดีอีกอันมาโชว์อีกครั้งว่ามันต่อกันติดแล้ว


    การกินปรอทเหลวๆเข้าไป คือปรอทแบบโลหะบริสุทธิ์ มีสภาพเหลวที่อุณหภูมิห้อง จะไม่ค่อยเป็นอันตรายมากนัก. แต่จะอันตรายตรงที่แบคทีเรียที่ลำไส้ใหญ่จะไปทำให้ปรอทเกิดเป็นสารประกอบแบบอินทรีย์ ลำไส้ใหญ่จะดููดซึมและมีพิษต่อร่างกายอย่างรุนแรง. ถ้ากินเข้าไปแล้วรีบถ่ายคงไม่เป็นไรออกมา หรือปริมาณน้อยคงไม่เป็นไร. แต่ถ้านานๆไม่แน่

    ถ้ากินปรอทเข้าไป หรือสารพิษเข้าไป วิธีปฐมพยาบาลขั้นแรกคือให้กินไข่ขาวหรือดื่มนม. เพื่อให้โปรตีนในนมหรือโปรตีนในไข่ขาวจับกับสารพิษหรือโลหะหนักเช่นปรอทครับ จะได้ไม่ดูดซึม เข้าสู้ร่างกายมาก

    ปรอทกินทอง เป็นปกติของปรอทครับที่จะแทรกซึมโมเลกุลของตัวเองเข้าไปในโลหะอื่นๆครับ เช่นเงินหรือทอง ถ้าใช้ความร้อนไล่ออก ให้ปรอทระเหยไปเพราะจุดเดือดต่ำ ก็แยกจากกันได้ครับ

    ทองคำเปลววิทยาศาสตร์ ที่จริงคือ อลูมิเนียมบางๆเคลือบสีทองครับ
    พิษของอลูมิเนียม ถ้ารับนานๆก็ทำให้เป็นอัลไซเมอร์ได้ครับ โลหะหนักใดๆยกเว้นทอง มักมีพิษทั้งนั้นครับ


    แต่ยังสนใจเรื่องกายสิทธิ์อยู่นะครับ ว่าใครมีวิธีสร้าง"กายสิทธิ์"แบบไหนนอกเหนือจากการใช้อำนาจจิต คาถาหรือมนตร์บ้างครับ. จะลองกายสิทธิ์ที่เกิดเองตาม พีชนิยาม อุตุนิยาม ธรรมนิยาม แบบทนสิทธิ์ต่างๆ
    ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและมีฤทธิ์อานุภาพต่างๆกัน เช่น คดขนุน ไม่มีข้อห้ามใดๆ มีเพียงข้อจำกัดตามธรรมชาติเท่านั้นๆ

    ความคิดเห็นส่วนตัวผมทั้งนั้น. อ่านแล้วอย่าคิดมากครับ. ผมเพ้อเจ้อ






     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2013
  11. เพชรฉลูกัน

    เพชรฉลูกัน ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    18,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +23,179
    [​IMG]

    ปรอทของอาจารย์แอ๊ด...บูรพา ผดุงไท ครับผม ด้านหลังได้พระอาจารยืท่านหนึ่งเมตตาจารให้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1017809.JPG
      P1017809.JPG
      ขนาดไฟล์:
      144.7 KB
      เปิดดู:
      398
    • P1017804.JPG
      P1017804.JPG
      ขนาดไฟล์:
      135.2 KB
      เปิดดู:
      337
    • P1017806.JPG
      P1017806.JPG
      ขนาดไฟล์:
      124.4 KB
      เปิดดู:
      542
  12. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,867
    เข้ามาติดตามอ่านเริ่มสนุกและเร้าใจจริงๆค่ะ....อย่างคุณ namitta กล่าวมาก็มีเหตุผลอ่านแล้วเพลินค่ะ ดูแล้วท่าทางคุณจะมีความรู้เชิงโหราศาสตร์เป็นอย่างดี....

    เพิ่งจะมาสนใจเรื่องราวของปรอทเมื่อไม่นานมานี้เองค่ะก็เลยตามอ่านไปเรื่อยๆ เอามาแชร์กันบ้างตามความรู้เท่าหางอึ่งของดิฉันค่ะ

    บ้างก็ว่าปรอทชั้นสูงนั้นอยู่ใจกลางสะดือทะเล ถิ่นที่พำนักของพระพิคเณศซึ่งเป็นจ้าวแห่งสรรพวิชา....ปรอทชั้นรองลงมาก็คือปรอทเจ้าป่า หรือปรอทหมอก หรือว่าปรอทพรหมก็แล้วแต่จะเรียก.....ส่วนชั้นอื่นๆดิฉันคงไม่กล่าวถึง เอาแค่สองวรรณะนี้ก็น่าจะพอเพราะวรรณะอื่นๆเห็นหลายสายวิชานำมาหุงปรุงแต่งธาตุกันตามแต่ละสำนักเพื่อนำมาใช้งาน....หรือบังคับให้เป็นอะไรก็สุดแล้วแต่ก็คือการบังคับปรอทให้เป็นรูปลักษณ์ตามจินตนาการของผู้หุงนั่นเอง..

    ที่จะกล่าวถึงปรอทใจกลางสะดือทะเลนั่นก็ต้องทำพิธีกันกลางทะเล ป่านนี้คงไม่มีใครทำกันแล้วมั้งคะ เพราะยุ่งยากและอันตรายเกินไป

    ส่วนปรอทหมอกหรือปรอทเจ้าป่าดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ดิฉันสนใจที่สุด และน่าจะเกี่ยวข้องกับนักสิทธิ์วิทยาธรมากกว่าเพื่อน เพราะว่าเกี่ยวข้องป่าหิมพานต์ มนุษย์เดินดินเช่นเราถ้ายังมีกิเลสอย่าได้อาจหาญเข้าไปในป่าอาถรรพ์ เป็นบ้ากันมากมายมาก็มาก

    การที่ปรอทเจ้าป่าหรือปรอทหมอกเป็นปรอทชั้นพรหม มนุษย์อย่างเราๆอยากจะหุงบังคับให้เขาให้เป็นอะไรอย่างที่เราต้องการคงเป็นได้ยาก นอกเสียจากปรอทท่านจะเต็มใจทำให้เป็นไปเอง...

    ธรรมชาติของปรอทเป็นสิ่งที่มีชีวิตและจิตวิญญาณเช่นเราๆท่านๆ มีการกินการขับถ่ายเหมือนกับมนุษย์อย่างเราๆ....เพียงแต่ว่าสังขารธาตุของปรอทหมอกนั้นเป็นไอหรืออากาศธาตุ นอกเหนือการควบคุมจากมนุษย์อย่างเราๆท่านๆ เว้นเสียแต่ว่าครูบาอาจารย์ในอดีตต้องการนำปรอทสำเร็จไปใช้เพื่อการใด...

    แต่ถ้าเราต้องการที่จะหุงเพื่อไปใช้เพื่อการก่อให้เกิดกิเลส ก็คงต้องหุงเข้าธาตุซัดว่านกันให้วุ่นวายอย่างในตำราที่กล่าว....แต่กับครูบาอาจารย์ในอดีตกลับไม่ต้องใช้วิธีการที่มันยุ่งยากซับซ้อนในการหุงธาตุปรอทเลย...เพียงแค่ใช้สมาธิจิตหรือฌาณสมาบัติเท่านั้นก็สามารถทำให้ปรอทนั้นบริสุทธิ์ 100% แถมรวมเป็นธาตุวัตถุเพื่อนำไปใช้เพื่อการหรือเหตุต่างๆ...ฉนั้นการหุงปรอทป่าหรือปรอทพรหมหรือว่าปรอทหมอกคงมิใช่จะหุงได้ง่ายๆนัก...


    ในความคิดส่วนตัวของดิฉันคิดว่าการที่ปรอทระดับพรหมจะแปรสภาพจากอากาศธาตุมาเป็นวัตถุที่สามารถพกพาจับต้องได้นั้นต้องมีเหตุหรือปัจจัยที่ทำให้ปรอทนั้นพลีตนเองเพื่อการนั้นซึ่งเกิดจากเจตนาของผู้ที่หุงปรอท...เท่าที่ทราบมาก็คือการหุงนั้นจะต้องหุงด้วยไฟเย็นเท่านั้นค่ะ....ถึงจะเป็นปรอทสำเร็จได้ คาดว่าเพื่อการเดียวก็คือเพื่อศาสนาและการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เพื่อยกระดับจิตของปรอทให้สูงขึ้นนั่นเอง นี่คือเหตุผลที่ปรอทจะกลายสภาพขึ้นมาเป็นปรอทสำเร็จโดยไม่เจือธาตุใดๆเลย

    ก็เข้ามาแชร์ความรู้อันน้อยนิดแลกเปลี่ยนกันค่ะ....

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2013
  13. ทิพยจักร

    ทิพยจักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,268
    ค่าพลัง:
    +10,078



    สุดยอดเลยครับ เป็นความรู้ที่ดีจริงๆ ต้องขอบคุณความรู้ที่นำมาลงไว้ให้ทุกท่านได้อ่านกันครับ อนุโมทนาจริงๆ นับว่ามีความรู้ด้านโหราศาสตร์ดีมากๆครับ การวิจารณ์เรื่องไอ้ง่อยกินหมากก็แยบยลดีด้วย ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ก็ดีเช่นกัน

    อยากให้เอาเรื่องความสัมพันธ์ของโลหะกับดาวมาลงให้ทุกท่านอ่านด้วยครับ

    ถ้ามีโอกาสผมคงเขียนเรื่องปรอทสักเล่มแน่นอนครับ แต่ตอนนี้คิวงานที่มีอยู่ยังอีกเพียบเลยครับ ถ้าปรอทออกเมื่อไหร่ผมให้คุณแน่นอน :cool:
     
  14. ทิพยจักร

    ทิพยจักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,268
    ค่าพลัง:
    +10,078

    สวยงามและดูขลังมากๆครับ นับถืออาจารย์แอ๊ดท่านเช่นกันครับ
     
  15. ทิพยจักร

    ทิพยจักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,268
    ค่าพลัง:
    +10,078
    ความรู้ของคุณพรหมณีดีมากครับ

    ขออนุโมทนาด้วย ในการแบ่งปันความรู้ให้ทุกท่านครับ

    ในพม่ามีครูบาอาจารย์ที่สามารถใช้นิ้วจิ้มปรอทแล้วทำให้ปรอทแข็งตัวได้ รวมทั้งการอาบไฟด้วย ทำให้เป็นอมตะครับ อาจารย์ใหญ่ทางพม่าท่านชื่อ มหาสยาโกวินดาครับ เชื่อกันว่าท่านมีอายุผ่านมาแล้วหลายร้อยปีเลยทีเดียว ปัจจุบันท่านก็ยังอยู่ครับ เข้าสมาธิครั้งละ ๗ ปี จึงออกมาโปรดชาวบ้านสักครั้ง
     
  16. namitta

    namitta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,061
    ค่าพลัง:
    +3,517
    ข้อมูลตรงนี้ผมถือว่าเป็นความเชื่อไว้ก่อนนะครับ ส่วนดักปรอทจากหมอกนี่เป็นไปได้ ถ้าแร่ซินนาบาร์หรือปรอทแถวนั้นถูกความร้อนจากแสงอาทิตย์หรือความร้อนจากใต้ดินเกินจุดระเหิด พออากาศเย็น อาจกลายเป็นไอปรอทที่เป็นหมอกและจับตัวตามแถวๆนั้นๆได้ แลวมีคนเก่งๆเค้าสังเกตุก็ไปดักกัน. คือผมมองว่า ปรอท เป็นเพียงแร่ธาตุธรรมดา ไม่ใช่ธาตุรู้ ที่เชื่อๆกันมาว่าธาตุรู้เพราะ มีคนเอาปรอทไปลนไฟ แล้วปรอทหนีออกจากไฟ เหมือนมันกลัว พอเอาทองไปใกล้ ปรอทก็ เข้ามากินซึมหายไป ที่จริงคือ เมื่อปรอทได้รับความร้อน ปรอทจะขยายตัวออก เหมือนขยายตัวในเทอร์โมมิเตอร์. เลยทำให้คิดว่ามันหนีไฟ ส่วนกินทอง เล่าไปแล้ว ว่าไปแทรกซึมตามอณูที่ว่างของทอง.

    ส่วน กายสิทธิ์ เป็นอานุภาพหรือความพิเศษใดๆ บางอย่าง เข้ามาหาที่สถิตย์รูปร่าง. ถ้าเป็นความหมายโหราศาสตร์แทนว่าพระเกตุ คือวิญญานธาตุ ธาตุรู้เข้ามาครับ. ผมว่าใครดึงหรือสร้างกายสิทธิ์ได้ นี่เจ๋งมากครับ
     
  17. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,867
    ส่วนคุณ nudtawood สนใจที่จะเป็นนักสิทธิ์วิทยาธรก็คงต้องหาวิธีอาบไฟเย็นเหมือนหนังสือเพชรพระอุมาเคยกล่าวเอาไว้ ก็คงจะมีจริง....เพียงแต่ว่าคงต้องหาวิธีการทำไฟเย็นขึ้นมาค่ะ
     
  18. สิริมงคลชัย

    สิริมงคลชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    660
    ค่าพลัง:
    +1,091
    เรื่อง "ไอ้ง่อยกินหมากไม่ยากไม่ง่าย ตื่นเช้าก่อนใครเป็นกายสิทธิ์". เรื่อง"หมาก"ในข้อความนี้ อาจจะไม่ใช่หมากที่กินกับปูน พลู เพราะยังมีหมากอีกอย่างหนึ่ง คือต้น"หมากผู้" ที่ตำราเภสัชโบราณแผนไทย บันทึกไว้ว่า รากของต้นหมากผู้ ทำปรอทให้แข็งได้ และคำว่าตื่นเช้าก่อนใคร ผมนึกถึง ไก่ขัน เพราะไก่นั้น มักขันยามเช้า เป็นเสียงปลุกบอกเวลาแต่ก่อนโบราณ ไอ้ง่อยกินหมากไม่ยากไม่ง่ายคือใช้ยาเข้ากับรากต้นหมากผู้ ทำให้ปรอทแข็ง ส่วนการทำให้"กายสิทธิ์"นั้น ต้อง"ตื่นเช้าก่อนใคร หรือ ใช้เจ้าตื่นเช้าก่อนใคร "หรือวิธีใดๆที่เกี่ยวข้อง มาทำให้เป็น"กายสิทธิ์"..ตรงนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ

    อันนี้น่าวิเคราะห์ ที่คุณบอกว่าตื่นเ้ช้าก่อนใครเป็นกายสิทธิ์ หรือว่าจะเป็นว่านไก่ขันครับ....ว่านไก่ขันหรือปล่าวเอามาทำเป็นกายสิทธิ์นะ......อืม..........เป็นความเห็นส่วนตัวเหมือนกันครับ.....เอาละจะเป็นกายสิทธิ์หรือกายเสร็จ ไม่รู้แล้ว....ต่อเลย.....
     
  19. พรหมณี

    พรหมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,547
    ค่าพลัง:
    +12,867
    อีกคำถามเดียวก่อนนอนค่ะ....

    ถ้าคุณสามารถหุงปรอทสำเร็จได้เอง กลายเป็นปรอทวิเศษหรือปรอทกายสิทธิ์คุณจะขายไหม.....
     
  20. สิริมงคลชัย

    สิริมงคลชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    660
    ค่าพลัง:
    +1,091
    ว่านไก่ขัน
    ลักษณะต้นคล้ายกับขมิ้นแต่เล็กกว่า ลักษณะใบเล็กยาวแหลม หลังใบเป็นขนสีนวล หัวมีลักษณะเหมือนหัวไก่สีเหลืองอ่อน เมื่อว่านนี้ขึ้นมาแก่เต็มที่แล้ว จะเกิดความมหัศจรรย์อันประหลาด เวลากลางคืนดึกสงัดหรือใกล้รุ่งแจ้งจะขันเหมือนไก่

    สรรพคุณ ว่านไก่ขันมีเป็นว่านที่วิเศษเมื่อปลูกแล้วเจริณเติบโตแก่เต็มที่จะมีเทวดารักษา มีอานุภาพหนักไปทางโชคลาภ เมตตามหานิยมอย่างยอดเยี่ยม และคงกระพันชาตรี เมื่อจะปลูกว่านไก่ขันนี้ให้จุดธูปเทียนข้าวดอกไม้บูชาเทวดา ทำน้ำมนต์รดเสกด้วยคาถาปิโยและคาถาหัวใจไก่เถื่อนว่าดังนี้
    ปิโยเทวะมนุสสานัง ปิโย พรหมานะมุตตะโม ปิโยคาคะสุปันนานัง ปิณินทะริยัง นะมามิหัง จิเจรุนิเวทาสากุกุ ยะสาทาเวกุกุทิกุกุ ยะทิกุกุ กุตะกุ ภุกุตะภุ กุกุฉาริ ปุริโส อิถิโยมามัง เอหิจิตตัง ปิยังมะมะ

    เมื่อขุดขึ้นจากดินก็ให้เสกด้วยคาถานี้ ทำน้ำมนต์รด หรือเมื่อจะเอาหัวว่านนี้นำติดตัว เพื่อให้เกิดเป็นสิริมงคล มีโชคลาภ เมตตามหาเสน่ห์ มหานิยม และอยู่คงกระพันชาตรี ให้ปลุกเสกด้วยคาถาดังกล่าวนี้ ว่านชนิดนี้ปลูกไว้กับบ้านทำให้เกิดศิริมงคล มีโชคลาภอยู่เสมอมิได้ขาด มีเสน่ห์เมตตาหมานิยม ผู้ที่ปลูกว่านนี้ไว้กับบ้านจะไม่มีอับจน จะต้องหมั่นรดน้ำมนต์ที่ทำไว้ จุดธูปบูชาว่าน เพื่อไหว้เทวดาที่รักษาว่านนี้อธิษฐาน ขอให้โชคลาภ จนว่านแก่จัดขันขึ้นเมื่อใดก็จะทำให้มีโชคลาภมากร่ำรวยเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น เมื่อว่านต้นใบแห้งร่วงโรยหมดสิ้นจะเหลืออยู่แต่หัว ก็ให้ขุดขึ้นจากดินเก็บไว้บูชา ครั้นถึงฤดูกาลก็ให้ทำพิธีปลูกว่านนี้อีก

    ว่านไก่ขันหรือว่านไก่ให้ว่านเกี๊ยะ

    ลักษณะ ต้นคล้ายขมิ้นแต่เล็กกว่า หัวมีลักษณะเหมือนหัวไก่ สีเหลืองอ่อน ว่านนี้เมื่อแก่แล้วประหลาดมาก เวลากลางคืนจะขันเหมือน ไก่ ใบเล็กยาวแหลม หลังใบเป็นขนสีนวล

    สรรพคุณ ใช้ในทางเสน่ห์เจ้าชู้ดีนัก โดยเอาหัวว่านมากิน ก่อนกินให้เสกด้วยคาถาดังต่อไปนี้ “ชิวะหายัง มะธุรังวาจา ชิวะหาวา ยันติ พุทธะ สิตตะวา จะสุพะธะรัง ปิยาเยวะ ปิยันตุถา” รวม 3 จบก่อน จึงกินเข้าไป

    วิธีปลูก ใช้ดินเผาไฟทุบให้ละเอียด แล้วเอาตากน้ำค้างไว้

    คืนหนึ่ง แล้วเอามาเป็นดินปลูกว่านนี้ การรดนํ้าให้เสกด้วย “นะโมพุทธายะ” 3 จบก่อน

    555....แค่ปลูกว่านก็เรื่องยาวแล้วละเนี่ย....เอ้าสู้ๆพยายามต่อไป...เดี๋ยวก็สำเร็จ.........
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...