สอบถามเรื่องการห้อยบูชาเครื่องรางและพระครับ

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย Knight of the round table, 13 กุมภาพันธ์ 2013.

  1. Knight of the round table

    Knight of the round table Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2013
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +129
    สอบถามเรื่องการห้อยบูชาเครื่องรางและพระครับ
    สงสัยมานานแล้วครับผู้รูกรุณาตอบให้กระจ่างด้วยครับ
    1.ตะกรุดสามารถห้อยไว้กับพระได้เปล่าครับ
    2.ตะกรุดสามารถแขวนกับพวงกุญแจ แล้วใส่ในกระเป๋ากางเกงได้เปล่าครับ จาเสื่อมหรือไม่เหมาะสมเปล่าครับ
    3.เบี้ยแก้สามารถห้อยไว้กับพระได้เปล่าครับ
    4..เบี้ยแก้สามารถแขวนกับพวงกุญแจ แล้วใส่ในกระเป๋ากางเกงได้เปล่าครับ จาเสื่อมหรือไม่เหมาะสมเปล่าครับ
    5.ปลัดขิกสามารถห้อยไว้กับพระได้เปล่าครับ
    6.ปลัดขิกสามารถแขวนกับพวงกุญแจ แล้วใส่ในกระเป๋ากางเกงได้เปล่าครับ จาเสื่อมหรือไม่เหมาะสมเปล่าครับ
    7.เบี้ยแก้ หรือตะกรุด สามารถห้อยไว้กับพระได้เปล่าครับ
    แถมข้อ8.เบี้ยแก้ หรือตะกรุด สามารถห้อยกับปลัดขิกด้วยกันได้เปล่าครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2013
  2. คิงคอง99

    คิงคอง99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    3,277
    ค่าพลัง:
    +23,769
    ตอบง่ายมาก ทุกอย่างห้อยคอ รวมกันได้หมดทุกอย่างและเครื่องลางทุกชนิดสามารถห้อยพวงกุญแจห้อยกล้องส่องพระ ใส่กระเป๋ากางเกงก็ไม่เสื่อม ไม่มีเสื่อม พันล้าน% ส่วนตระกรุด ถ้าให้เหมาะสมควรคาดเอว แต่ใส่กระเป๋ากางเกงก็ได้ไม่เสื่อมครับ รอดราวตากผ้าก็ไม่เสื่อม รอดไปเถอะ ลุยโลด
     
  3. คนปั้นพระ

    คนปั้นพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,481
    ค่าพลัง:
    +2,427
    เครื่องรางส่วนมากใส่แล้วต้องระวัง เพราะข้อห้ามเยอะ อย่างมีดพ่อเดิม เบี๊ยแก้ ตะกรุดบางอาจารย์ บางครั้งเข้าไปในสถานที่อย่างเช่นซ่อง หรือที่ไม่สมควรก็ควรถอดออกครับ
    1-4. ได้
    5.ไม่ควร
    6.ได้
    7.ได้
     
  4. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,635
    ตะกรุดบางสำนักมีข้อห้ามชัดเจนว่าห้ามพกต่ำกว่าเอว
    ดังนั้นใส่กระเป๋ากางเกงไม่ได้ก็มี ควรระวังไว้บ้าง
    เช่นของหลวงพ่อสมภพ วัดสาลิโข หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
    และที่อื่น ๆ อีกหลายสำนัก หากไม่รู้ว่า อนุญาต หรือ ไม่อนุญาต ก็ไม่ควรทำ
    เสียดายของดี ๆ ที่เสื่อมโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เป็นอะไรขึ้นมาแล้วอย่าไปโทษว่า
    พระท่านไม่คุ้มครอง
     
  5. choed

    choed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +953
    ส่วนตัวห้อยรวมกับพระได้หมด แต่ เครื่องรางบางอย่าง ทางผู้ทำเองก็มีข้อกำหนดในการใช้ ถือเป็นสัจจะวาจาของท่าน เช่นบางท่านห้ามแขวต่ำกว่าเอว ตะกรุดของบางท่านห้ามคาดเอว ให้สะพายหรือ แขวนคอเท่านั้น ส่วนตัว บูชาพระเครื่อง เครื่องรางติดตัวก็ดูตามแต่สมควรครับว่าควรจะแขวนไว้ที่ไหน
     
  6. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    ผมขอแสดงความเห็นแบบประชาธิปไตย กลัวคนจะด่าเหมือนกัน ว่าอ้างธรรมมะ แต่เป็นจุดยืน ครับ

    ๑) อำนาจพระ พระรัตนตรัย เป็นอมตะ ไม่มีเสื่อม เป็น อกาลิโก คือ ไม่มีกาล ตามหลักพระไตรปิฎก แต่ เมื่ออัญเชิญมาประจุยังวัตถุ วัตถุ มีเสื่อม มีเกิด มีดับได้เสมอ ของทุกชนิดที่เป็นวัตถุ เสื่อมได้เสมอครับ ไม่มีอะไร พ้นจาก กฎ พระไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนันตา

    การใช้พระเครื่องและ เครื่องรางทุกชนิด ต้องเป็นไปตามหลักศาสนา คือต้องมีหลัก ถ้าขัดกับหลักศาสนา ถือว่าไม่ถูกแนวทาง

    ๒) อำนาจในพระเครื่องและ เครื่องราง ที่เจอมาส่วนใหญ่เป็นอำนาจของครูบาอาจารย์ เทพ เทวดา พรหม ฝ่าย สัมมาทิฐิ เทพ เทวดาพวกนี้ ยังไม่พ้นกฎพระไตรลักษณ์ มีเกิดมีดับ ของที่ เทพ เทวดา มาอารักษ์ครูบาอาจารย์ เทพ เทวดา ก็ต้องไปเกิดเหมือนกัน ตามกฏ แต่กาลเวลาอาจจะนานสำหรับอายุขัยของเรา มีตามหลัก ของคัมภีร์เก่า ไตรภูมิ พระร่วง เมื่อเทพ เทวดา ท่านล่ะไป ของนั้นก็เสื่อม

    คนเรามีเทพ เทวดาอารักษ์ มี เทพ เทวดาประจำตัว บางท่านอาจจะไม่สนใจ ไม่เคยบูชา เทพ เทวดาประจำตน บางทีเป็นญาติของเราในอดีตชาติ เช่น พ่อ แม่ ครูบาอาจารย์ ตามติดกันมาเนื่องจากยังวนอยู่ในวัฎฎสงสารเหมือนกัน ห่วงใยกัน แต่ถ้า เทพ เทวดา ประจำตัว ล่ะทิ้งไปด้วยสาเหตุ เช่น ทำตัวผิดข้อห้าม ล่วงเกินพระรัตรรัย คิดร้ายต่อบ้านเมือง หรือ หมดอายุขัย ฯลฯ

    ถ้าเทพ เทวดาประจำตัวทิ้งไป ท่านผู้นั้น ชะตาขาด พระและเครื่องรางอะไรก็ช่วยไม่ได้

    ๓) อาจารย์ผมย้ำว่า พระเครื่องเสกอย่าง เครื่องรางเสกอีกอย่าง ไม่เสกปนกัน แม้จะ ใส่ปนกันมา การเสกจะแยกเสก โดยผู้มีคุณธรรม มีวิชา มีญาณสมาบัติ มีแรงครู สนับสนุน

    เพราะฉนั้น เครื่องราง ไม่ควรไปปนกับพระ เมื่อยกพระรัตนตรัย อยู่สูงที่สุด รองลงมาคือ พ่อ แม่ ครูบาอุปัชฌาย์อาจารย์ ในความเห็นของผมถ้าจำเป็นจะไปปน ควรเป็นเครื่องรางที่อ้างหัวใจของ พุทธมนต์ต่างๆ เช่นตะกรุดที่ลงแบบนั้น อันนี้น่าจะรวมกันได้

    แต่ถ้าไม่ใช่ ใช้หัวใจของ สัตว์ หัวใจโจร หัวใจพวกเทวดา ชั้นล่าง หรือ เป็นรูปสัตว์ หรือ เป็น ชิ้นส่วนของสัตว์ เช่น เขี้ยว งา ของสัตว์เดรัจฉาน ไม่ควรนำไปปนกับพระ

    แยกใส่ที่เอวหรือ พกกับกล้องพระ

    เครื่องราง น่าใช้กว่าพระ เพราะไม่ใช่ของสูงแบบพระ แต่ต้องมีพระเป็นประธาน

    ๔) ในคติ ของคนเล่นทางด้าน พุทธเวทย์ ไสยเวทย์ ไม่มีอะไรไม่มีข้อห้าม และ มีเคล็ดเสมอ เช่น พระคาถากำกับ เคล็ดของการบูชา ของกินที่ห้ามและไม่ห้าม เคล็ดของทิศ เคล็ดของ เวลา ฤกษ์ ยาม เคล็ดของการถือสัจจะบางข้อ เคร่งครัด เช่น ห้ามดื่มสุรา ห้ามขโมย ห้ามด่าบุพการี ห้ามผิดหญิง ( ชาย ) ที่มีเจ้าของ ห้ามเตะหมา ห้ามทักในยามวิกาล ห้าม...... ตามแต่ครูท่านจะห้ามมา

    ไม่มีอะไร ได้มาฟรีๆ ทุกอย่างต้องแลกมา

    ของยิ่งดีมาก ยิ่งต้องมี ข้อห้ามและ มีเคล็ด เช่นพระคาถา เมื่อไม่ใช้ตามข้อห้าม หรือ ไม่ใช้กับพระคาถา ( เป็นตัวกุญแจ ) จะไม่แสดงผลเต็มที่

    และเมื่อใช้ผิดข้อห้าม ถือว่าผิดครู ของจะเสื่อมลงไป อาจจะถึงขั้นสูญหาย แตกหัก ในกรณีร้ายแรง เช่น ด่าบุพการี ล่วงเกินพระรัตนตรัย ทั้งมีสติ และไม่มีสติเช่นเมา หรือล่วงเกิน หญิงมีเจ้าของ หรือล่วงเกินสิ่งที่ครูห้ามเด็ดขาด เช่น ลอดกะไดหัวเดียว กินน้ำเต้า กินของบางอย่าง ห้ามไปในที่บางที่

    คตินี้เป็นของคนเล่นของ สักอักขระ เลขยันต์ ว่านยา ครูบาอาจารย์นำมาแปลงเป็น พระเครื่องหรือ เครื่องรางให้เหมาะสม ง่ายขึ้น เพราะบางคนไม่ถนัดเรื่องสัก เรื่อง เลขยันต์ แต่หลักการ ยังเป็นหลักการณ์เดิม คือ ต้องมีสัจจะ มีข้อให้ทำ ( สวดมนต์ ท่องบ่น หัวใจพระคาถาบางอย่าง ) และ ห้ามทำ และ มีเคล็ด

    ๕) พระกรุ และ พระเครื่อง และ เครื่องรางบางชนิด ที่ได้มาไม่ถูกวิธี เช่นเป็นของสงฆ์ ที่ขโมยขุดมา หรือ ขโมยเขามาขาย เมื่อเป็นแบบนั้น จะไม่ให้คุณ แต่จะให้โทษ ตามหลักของศาสนา

    วิธีแก้ ถ้าเราได้มาดี แต่ไม่รู้ต้นตอ ป้องกันโดย ทำการชำระหนี้สงฆ์ ( ต้องมีมูลค่าเท่ากับราคาของ ) และ นำพระเครื่องหรือ เครื่องรางนั้น ไปทำการ ผาติกรรม ( มีมูลค่าเท่ากับราคาของ ) ตามหลักของพระศาสนาให้บริสุทธิ์

    หรือ หลวงพ่อวัดท่าซุงแนะว่า ให้ทำการสร้างพระพุทธรูป ขนาด หน้าตักสี่ศอก ( สองเมตร ) ถ้าปิดทอง ได้ทั้งคณะ จึงจะชำระหนี้สงฆ์ที่ติดมาได้ ทั้งในอดีตชาติและ ปัจจุบัน แต่ห้ามทำกรรมใหม่อีก ถ้าทำ ต้องเริ่มใหม่

    ๖) ผมมีความเชื่อส่วนบุคคล สิ่งนี้ไม่สามารถยืนยันตามตำราได้ แต่พระเครื่องหรือ เครื่องราง ดีที่สุดให้ผลได้ แค่ ๒๐ - ๓๐ % ที่เหลืออยู่ที่ตัวเรา ๗๐ - ๘๐ % ถ้าทำตัวไม่ดี ไม่มีสัจจะ ไม่ทำตัวข้อห้าม ของดีแค่ไหน ก็ช่วยไม่ได้ แค่บรรเทา

    แต่ในทางกลับกัน ทำตัวดี ตามหลัก ก็คุ้มตัวได้ ตามหลักศาสนา คนดี คนมีบุญ ไม่มีใครมาทำร้ายได้ เทพ เทวดาจะคุ้มรอง ตัวอย่างมีให้เห็นรอบตัวท่าน สังเกตุให้ดี ท่านที่ทำตัวดี ใช้อะไรก็ขลังเหมือนคนขับรถเก่ง ขับรถ อีแต๋น หรือ เฟอรารี่ ก็ขับได้ดี

    ที่จริงว่าเรื่องนี้จะเป็นข้อถกเถียงและผมไม่เถียงกับใคร ผมเชื่อแบบนี้ พ่อ แม่ ครูบาอาจารย์ ที่สอนมาแบบนี้ ที่จริงยังมีอีก แต่หลักๆมีเท่าที่แสดง แต่จะสรุปว่า

    ท่านจะใช้บูชาอะไรให้เกิดผล ต้องรู้หลัก ของสายนั้นว่าเป็นอย่างไร เมื่อเกิดไม่ทันหลวงปู่ หลวงพ่อ ต้องศึกษากับคนที่ทัน หรือจาก แหล่งความรู้แล้วมา พิจารณาเอา ว่าใช่หรือไม่ ได้ผลหรือ ไม่

    เมื่อไม่ทราบ หรือ ทราบมาไม่แน่ใจ จะใช้ให้เกิดผลต้อง ทดลอง แบบ trial and error หรือ ลองผิดลอง๔ก เมื่อได้ผลมั่นใจก็ จำไว้ สิ่งนี้ใช้เวลาและ การสังเกตุและต้องตัด อุปาทานไปให้น้อยที่สุด

    ของผม ถ้าใช้แล้วนิ่ง พิจารณาแล้วไม่ใช่อุปาทาน อยากให้มี อยากให้ใช่ เจ็ดวันเงียบ เข้าตู้เก็บลืม อาจจะแค่เอามาดูมาส่อง อนุรักษ์ของเก่าตามประเพณี และมีความเคารพในพระรัตนรัย ครูบาอาจารย์แต่ความมั่นใจอาจจะอยู่ที่ของที่ได้มาฟรี มีประสบการณ์ หรือ ของแจก งานกฐิน ผ้าป่าก็ได้

    ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2013
  7. สวนพลู

    สวนพลู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,596
    ค่าพลัง:
    +18,651
    ตะกรุดบางชนิด ก็ห้อยต่ำกว่าเอวไม่ได้ครับ เช่นตะกรุดจักรพรรดิ์ หลวงพ่อสั่งห้ามหนักหนา ท่านว่าเป็นของสูง

    ปลัดขิก ก็ไม่ควรห้อยกับพระ เครื่องรางพวกเสน่ห์ต่างๆ ก็ไม่ควรห้อยกับพระ
     
  8. Knight of the round table

    Knight of the round table Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2013
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +129
    แล้วอย่างตะกรุดคอหมา หลวงปู่แย้ม วัดตะเคียน กับตะกรุดเมตตา หลวงพ่อจอน วัดบุญฤทธิ์ นี่แขวนกับพระ ได้เปล่าครับ
    แล้วแขวนกับพวงกุญแจ แล้วใส่ในกระเป๋ากางเกงได้เปล่าครับ
     
  9. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    หลวงพ่อ หลวงปู่ ยังอยู่ น่าจะหาโอกาสไปถามท่านน่ะครับ เอาจะๆไปเลย
     
  10. paper_white

    paper_white เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2011
    โพสต์:
    2,021
    ค่าพลัง:
    +4,804
    ตามอ่านข้อคิดพี่พีแล้วชอบจริง ๆ
    แต่ผมอะซิ ชะตาขาดเมื่อ 11 ปีที่ หลังจากนั้นชีวิต โครตลำบากเลยครับ สิ่งที่ได้คือ ต้องทำบุญ ต้องเมตตา ต้องอภัย แล้วชีวิตจะเดินต่อได้ครับ ทำให้ผมเข้าหาทางธรรมมากขึ้น รวมถึงพระเครื่องด้วย เคยได้ยินจากอาจารย์ผม ว่าจริง ๆ พระเครื่องนั้น ทางสายปฎิบัติที่เคร่งนั้น ถือเป็นอวิชา (ไม่รู้จะโดนคนด่าไหมเนี๊ย) ซึ่งจะเห็นพระสายปฎิบัตเคร่ง ๆ จะไม่ค่อยสร้างพระครับ เดิมผมเลยไม่ได้สนใจมาก แค่ทำบุญไหว้พระ ใส่พระก็แค่องค์เดียวเพื่อระลึกถึง แต่หลังจากผ่านมา 11 ปี ก็กลับกลายเป็นว่าทำอย่างไรดี ทำบุญมากขึ้นมาก พยายามหาพระดี ๆ มาใส่ ค้นห้องพระกระจาย กว่าจะได้แต่ละองค์ที่เค้าว่าดี แล้วสิ่งที่ได้มาคือการอภัยครับ เพราะเดิมผมไม่เคยยอมใครเลย ใครทำอะไรต้องได้รับผลที่เค้าทำและหนักกว่าเสมอ*** นี่ที่ทำให้ผมต้องทุกข์มากว่า 11 ปี มั้งครับ แต่ผมเปลี่ยนแล้ว สุดท้ายก็รอการอภัยจากท่าน ๆ ทั้งหลายเหมือนกันครับ ส่วนพระเครื่องนั้น ถ้าจะพิสูจน์ ผมว่ายากเหมือนกัน เพราะคนเรานั้นคาดหวังไว้สูง เช่น ใส่แล้วต้องดีมาก ถูกหวย ขายที่ดินได้ หรือลูกค้าเพิ่มเป็นหลาย ๆ เท่าครับ สำหรับผมว่าถ้าใส่ช่วงแรกแล้วไม่มีเรื่องร้ายเข้ามาก็ถือว่าผ่านครับ ซึ้งบางท่านอาจจะบอกว่าเงียบก็เป็นได้ครับ

    **แต่ผมก็เคยได้การเตือนแล้ว คือ เช่น รถคันหน้าปาดหน้าผมในเส้นทึบผมไม่ยอม แต่เค้าก็ยังจะเข้า ในที่สุดเข้าได้ แต่ผมก็ปีปแตรดัง ๆ ให้ตำรวจได้ยิน ในที่สุดเค้าก็โดนใบสั่ง พออีกวันก็กลับโดนใบสั่งจากที่ขับรถป้ายแดง ทั้ง ๆ ที่ไม่ควรและบอกแล้วว่าใ.ญ่นะ ตำรวจก็ไม่ยอม พอให้ตำรวจที่ดูแลที่บ้านอยู่ไปเอา สาวัตรดันบอกว่าทำไมไม่บอก ว่า.. (พอตำรวจกลับมาเล่า ผมก็บอกว่าทำไมจะไม่บอก) อีกเรื่องนึงที่หนักกว่าก็คือ วันนึงผมโดนมอเตอร์ไซค์ เฉียวจะกระจกข้าง แทบจะไม่มีรอยเลย แต่ผมไม่ยอมเดินไปเรียกตำรวจเลยกลางสี่แยกคนมองเพียบ ทั้ง ๆ ที่คนทำยกมือไหว้แล้ว (ผมโกรธเพราะรถมันแพงครับ) สรุปเค้าก็โดนใบสั่งอีก แต่วันต่อมา ผมก็โดนเต็ม ๆ หนักเลยครับ รถคันเบรคแต่ไม่มีไฟเบรค ผมก็หมุดก้นเค้าเลยครับ และโดนคันหลังจิ้มก้นอีก สรุปรถผมซ่อมไปแสนกว่า รถคู่กรณีประกันซ่อมให้ (เดิมขับรถไม่เคยชน เลยประกันชั้น 3) อันนี้เซ็งเลยครับ รถคันโปรดรถในฝันมีตำหนิเข้าให้....
    พอหลังจากเข้าช่วง 11 ปี ที่ผ่านมา ถึงคิดได้ว่า ผมทำบาปไม่ขึ้น ถ้าทำบาปจะได้ผลย้อนกลับมาทันที ไม่ต้องรอชาติหน้าครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กุมภาพันธ์ 2013
  11. นํ้าข้าว

    นํ้าข้าว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,435
    ค่าพลัง:
    +10,351
    โฮ...คุณหมอนี้ใจร้อนสุดๆๆเลยนะครับ..ผมว่ายุคสมัยต้องใจเย็นๆนะครับเรื่องขับรถเนี้ย เดี๋ยวนี้รถมันเยอะครับยิ่งในกรุงเทพไม่ต้องพูดถึงเลยครับ เราต้องเจอทุกรูปแบบเวลาขับรถทุกวันวันละหลายๆครั้ง ต้องปล่อยวางครับคุณหมอ ผมเชื่อคำสอนอยู่อย่างหนึงครับ..ว่าเราให้สิ่งใดจะได้สิ่งนั้นตอบแทน..ผมเลยชอบปล่อยสิ่งมีชีวิตครับ ผมคิดว่าผมน่าจะได้สิ่งดีๆๆเข้ามาในชีวิตนะครับเป้นความคิดส่วนตัวครับผม ผมหยุดขายของก็ชอบปล่อยนกปล่อยปลาไปเรื่อยเปื่อย ผมว่าผมทำแล้วผมสบายใจดีครับ..ด้วยความเคารพครับคุณหมอ
     
  12. paper_white

    paper_white เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2011
    โพสต์:
    2,021
    ค่าพลัง:
    +4,804
    ใจร้อนอะใช่ครับ แต่เหตุผลคือยอมใครไม่เป็น เพราะถือว่าเราถูก เราไม่ได้ทำผิดกฎเลยไม่ยอม แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้วครับ เย็นลงเยอะเลย ตั้งแต่นั่งสมาธิ แล้วทุกอย่างยอมได้ก็ยอมหมดไม่ว่าเราจะถูกหรือผิดครับ ให้มันผ่านไปดีกว่า เพราะปัจจุบันถ้าไม่มีใครยอมถอย มันก็แตกหักอย่างเดียวครับ
    ผมช่วงหลังเหมือนจะมีอะไรดลใจสักอย่างครับ แต่ละปีไม่เหมือนกัน เช่น 3-4 ปีก่อน จะปล่อยปลา ก็ไปซื้อที่ตลาดสด ไปไม่ทันก็ตายแน่ครับ ปล่อยอยู่หลายเดือนทุกสัปดาห์ครับ แล้วปีต่อมาก็ทำสังฆทาน วัดไม่ซ้ำอยู่ 81 วัด แล้วก็มาปีที่ผ่านก็สร้างพระพึ่งได้ 59 วัดเองตั้งใจไว้ 81 วัดไม่ซ้ำ นี่ก็เหลืออีก 2 เดือนครับ แต่อันนี้ฝันครับ ว่าแม่ชีมาบอก (ผมเริ่มจากปีใหม่ไทยครับ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กุมภาพันธ์ 2013
  13. นํ้าข้าว

    นํ้าข้าว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,435
    ค่าพลัง:
    +10,351
    สุดยอดเลยครับคุณหมอ..อนุโมทนาบุญดัวยคนนะครับคุณหมอ..ถ้ามีโอกาสมาทำบุญวัดแถวอีสานผมขออนุญาติคุณหมอขอร่วมทำบุญด้วยคนนะครับ.งด้วยความเคารพครับ
     
  14. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    ครับคุณหมอ

    อันนี้มาคุยกันแบบคนโตๆน่ะครับ ...แหะๆ ท่านที่ค้าขายท่านก็ขายไป ผมก็ตามซื้อด้วยบอกซ่ะก่อนถ้าชอบใจ

    ตอนเราบวชพระน่ะ เขาให้เอาพระเครื่องรางของขลังออกให้หมด เป็นพุทธบัญญัติ ที่จริงท่านก็สอนแล้วว่าให้ทิ้ง ถ้าจะมาทางธรรม เป็นพระไม่ต้องใช้ของเหล่านี้ ให้ใช้ ศีล สมาธิ และ ปัญญาในตัวตามหลัก ไตรสิกขาของ นักบวช

    แต่.......

    ศาสนาพุทธของเราปน พราหมณ์มานานจากอดีต ชื่อ เมือง เช่นอโยธยา ชื่อ พระเจ้าแผ่นดิน เช่น พระนารายณ์ ยังเป็นชื่อ ทางพราหมณ์เลย เพราะฉนั้น พราหมณ์กับพุทธแยกกันไม่ออก เราถือพราหมณ์ จนนึกว่าเป็นของพุทธ

    แล้วบ้านเมืองมันไม่ได้อยู่สงบ เรารบกัน บ่อย กับพม่าเจ้าเก่า นักประประวัติศาสตร์รุ่นครูท่าน ประเมินว่า รบใหญ่น่ะ พอมีบันทึกไว้ ว่ากี่ครั้ง แต่รบกลางๆกับ ย่อยๆน่ะ ไม่ได้บันทึก มีเป็นหลายร้อยครั้ง ในหลายร้อยปี รบกับ เขมร ลาว ญวญ แขก อีก และ ประทานโทษยังรบกันเองอีก เรียกว่า ตีกันมาตลอด คนตีกัน ให้ธรรมมะไม่เอาหรอกครับ มันต้องมีเครื่องรางของขลัง ยุคนั้นคงยังไม่นิยมห้อยพระเครื่อง พระเครื่องมานิยมห้อยกันทีหลัง ผมยังทันรุ่นยายผม ท่านห้อยแต่เครื่องราง และ มีคาถาขลัง ไม่นิยมห้อยพระเครื่อง ท่านบอกว่าสูงไป กลัวจะเสื่อมและลบหลู่ เอามาลอดใต้ถุน ลอดใต้กะได เข้าห้องน้ำ ถ่ายหนักเบา เป็นความเชื่อของท่าน

    ใครจะเชื่อพระในแนวไหน ประชาธิปไตย ท่านจะขายแบบของเก่า หรือ ของใหม่ก็ประชาธิปไตยครับ ผมรับได้หมด แต่ถ้าผมเอง อย่างที่เล่า ผมเชื่อความตัวเอง และ สติ ความขยัน มีผลชัดเจน ตามหลักศาสนา และ พระเครื่องจะช่วยหนุนให้ มีความสุข ความเจริญ

    ส่วนจะซื้อขาย ก็ซื้อขายกันไป แต่มีการควบคุมหน่อยก็ดี

    ผมคงแสดงเท่านี้ ไม่อยากออกความเห็น ของเครื่องราง ศาสนาอื่นที่เราเอามาใช้ แล้วนึกว่าเป็นพุทธ ซึ่ง องค์สมเด็จบรมครูไม่ได้สอนอะไรทำนองนี้เลย

    เครื่องรางทางพุทธ แท้ๆ จะ ๆ มีอย่างเดียว คือ น้ำพระพุทธมนต์ สวดด้วยรัตนสูตร หรือ ยังกิญจิ มีมาแต่ยุคพุทธกาล

    นอกนั้น ไม่มีพระเครื่องตะกรุด ผ้ายันต์ สัก เสก เลขยันต์อะไรทั้งสิ้นครับ

    เราเชื่อว่าขลัง มาจากพื้นฐานของพราหมณ์ครับ
     
  15. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    การทำบุญให้ทำตามหลัก ไตรสิกขา ของฆราวาส ครับคือ ทาน ศีล ภาวนา

    ๑) ทาน ตามที่ท่านทำ

    ๒) ศีล ตามหลักศาสนา มากข้อยิ่งดี

    ๓) ภาวนา สวดมนต์ ทำเตจริญภาวนา ทั้งด้าน สมถะ หรือ วิปัสสนาครับ

    ทำแบบนี้ถึงจะทำตามที่ สมเด็จองค์บรมครูท่านสอนครับ
     
  16. paper_white

    paper_white เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2011
    โพสต์:
    2,021
    ค่าพลัง:
    +4,804
    นั้นละครับที่ได้ทราบจากผู้ใหญ่ว่าแต่ก่อน ถ้าเค้าห้อยถ้าไม่เครื่องราง ก็รูปพ่อแม่ครับ โดยได้เห็นเจ้านายทั้งหลายสมัยก่อนปี 2500 ก็ห้อยรูปบรรพบุรุษของท่านมากกว่าพระเครื่องครับ ส่วนบ้านผมถ้าจะห้อยพระก็ห้อยแค่องค์เดียวเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนียว ไม่เหมือนคนยุคปัจจุบันห้อยกันเต็มเลย 3 องค์ 7 องค์ครับ
     
  17. paper_white

    paper_white เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2011
    โพสต์:
    2,021
    ค่าพลัง:
    +4,804
    ครับ นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำครับ และผมก็ทุกอยู่ แต่บางทีต้องเร่งบ้าง ใน 3-4 ปีที่ผ่านมา คิดว่าควรต้องทำอะไรที่มากกว่าเดิม เพราะอย่างการเจริญภาวนา นั้น ถ้าบอกตรง ๆ ว่าอยากมาครับ ที่จะได้จิตที่เป็นสมาธิ (หรือเค้าเรียกว่ามีพลัง) แล้ววิปัสสนายิ่งที่สุุดครับ เพราะนั่งมานานก็ไปไม่ถึงไหน เคยมีบางคนถามผมว่าได้ถึงญาณไหนแล้ว ผมบอกว่าวันไหนนั่งได้นิ่งก็เก่งแล้ว ไม่ต้องพูดถึงญาณหรอกครับ (เพราะบางคนฝึกตั้งแต่เด็กจนตายก็ยังไม่ได้ครับ)
     
  18. Beer1469

    Beer1469 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,021
    ค่าพลัง:
    +1,078
    เรื่องลอดราวผ้านี้ ไม่เอาด้วยคนนะครับ เพราะเห็นมาแล้ว เด็กบ้านอยู่ใกล้ๆที่ทำงานแม่เค้าเช่าตะกรุดหลวงปู่แขก พิษณุโลกให้คล้องคอ ตามประสาเด็กไม่รู้อะไร ไปวิ่งเล่นบ้านเพื่อนวิ่งลอกราวผ้า ตะกรุดทองเหลืองที่ใส่หลอดพลาสติคไว้ หลอดพลาสติคแตก ตะกรุดเป็นสีดำเลยเรื่องนี้เห็นกะตาครับ แม่เด็กเค้าเอามาให้ดูถามผมว่า ตะกรุดลูกเค้าเป็นอะไร ผมเห็นผมอึ้งไปเลยครับ
     
  19. คิงคอง99

    คิงคอง99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    3,277
    ค่าพลัง:
    +23,769
    อ่า...ผมลืมไปบางอาจารย์ท่านก็มีข้อห้ามของท่านไว้หลายด้าน ส่วนอาจารย์หลวงพ่อทบ+หลวงพ่อเดิมผมใส่ตะกรุดองค์ท่านทั้ง2องค์ตลอดท่านทั้ง2องค์ไม่เคยมีข้อห้ามอันใดหลวงพ่อเดิมท่านก็เคยบอกศิษย์ว่าแล้วงูมันลอดลาวผ้ามันจะยังมีพิษอยู่ไหมท่านเปรียบเทียบให้ลูกศิษย์ฟัง ความจริงผมไม่ได้อยากไปลอดราวผ้าหลอกครับ แต่ถ้ามันจำเป็นต้องลอดผมก็ลอดครับถ้าราวมันขวางทางเราอยู่ ผมเชื่อมั่นในครูบาอาจารย์ผมว่าไม่มีเสื่อมเลยลืมนึกถึง หลวงพ่อครูอาจารย์คนอื่นไปเลยครับอิอิ แบบคนอื่นก็มีหัวใจนะอะไรแบบนี้ ขออภัยจร้า ควรทำตามที่อาจารย์วางกฎไว้ก็ดีครับ แต่หลวงพ่อทบ +หลวงพ่อเดิม ผมสั่งลุยโลดมิเป็นไรจริงๆครับ ข้อห้ามที่ผมยึดถือในส่วนตัวผมคือ ห้ามนำพระและตะกรุดเข้าไปในเขตซ่องเด็ดขาด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กุมภาพันธ์ 2013
  20. นํ้าข้าว

    นํ้าข้าว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,435
    ค่าพลัง:
    +10,351
    ผมก็เคยอ่านเจอไม่ทราบของหลองพ่ออะไรครับพี่คิงคอง..ท่านกล่าวไว้ว่า.แค่ราวตากผ้ายังกันไม่ได้แล้วจะไปกันอะไรได้..ผิดถูกขออภัยครับ..แต่ก็แล้วแต่ดุลพินิจนะครับ.ส่วนตัวผมก็ไม่ค่อยลอดครับนอกจากหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...