เรื่องเด่น ตำนานรักเลือด เรื่องผี ที่ดังเรื่องชื่่อที่สุดของยุโรป

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย DuchessFidgette, 3 ธันวาคม 2012.

  1. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    [​IMG]

    ต่อจากหน้าที่แล้วนะคะ

    อิลินนอร์นั้นเป็นแม่ที่รักลูกมาก เมื่อไดยินข่าวริชาร์ด
    โดนจับเป็นเชลย ก็รีบลงไปเรือไปเยอรมัน พร้อมทั้งเงิน
    5000 มาร์ก ไปไถ่ตัวริชาร์ดออกมา
    นางอยู่ดูความสำเร็จของพวกลูกๆไปจนแก่
    กล่าวกันว่าอายุของนางนั้นยืนเสียยิ่งกว่า
    พระเจ้าริชาร์ดเสียอีก



    [MUSIC][/MUSIC]



    [​IMG]

    อิลินนอร์คุมเกมส์ทุกอย่างในยุโรป
    ทรงมีบุตรธิดากับสามีสองพระองค์รวมกันเป็นสิบ
    และพวกลูกๆก็มีหลานๆอีกมากมายซึ่งถูกส่ง
    ไปแต่งงานกับจ้าวในประเทศต่างๆของยุโรป
    จนอิลินนอร์ได้ขึ้นชื่่อว่า เสด็จย่าของยุโรป
    แม้อายุอานามจะมากแล้ว แต่ก็ไม่ทรง
    ปลดระวางทางการเมือง


    [​IMG]

    นางอยู่เลยจากสมัยพระเจ้าริชาร์ดและเลยต่อไป
    ยังรัชสมัยของพระราชโอรสองค์เล็กที่สุด
    พระเจ้าจอห์น
    ครั้นริชาร์ดลูกที่สามสวรรคต
    จอห์น ลูกชายคนสุดท้องก็ขึ้นครองบัลลังก์ต่อ
    เป็นพระเจ้าจอห์น แห่ง อังกฤษ ทรงอนุญาต
    ให้พระมารดาจัดการเรื่องต่างร่วมกับพระองค์



    [​IMG]



    มีอยู่ปีหนึ่งพระเจ้าจอห์นได้ทำสัญญากับ
    พระเจ้าฟิลิปที่ 2 ของฝรั่งเศษว่า
    หลุยส์รัชทายาทพระชนมายุ 12 พรรษาของพระเจ้าฟิลิป
    จะต้องแต่งงานกับพระนัดดาองค์ใดองค์หนึ่งของพระเจ้าจอห์น
    ซึ่งอยู่ในสเปนปัจจุบัน อีกครั้งที่อิลินนอร์ทรงออกโรง
    เมื่อพระเจ้าจอห์นบุตรชายขอให้พระมารดา
    ช่วยไปเลือกเจ้าหญิงที่สงบเสงี่ยม
    พอที่จะควบคุมได้มาสมรสกับหลุยส์
    ลูกของกษัตริย์ ฟิลลิปที่2
    (จากจุดนี้ผู้อ่านคงเห็นอะไรบางอย่างว่าเชื้อพระวงค์
    ในสมัยนั้นแต่งข้ามฟากกันไปกันมาแต่ในกลุ่มเดิมๆ
    ช่วงแล้วช่วงเล่าเพราะถ้าอ่านจากเริ่มต้น
    พระเจ้าฟิลลิปก็คือลูกชายของ พระเจ้าหลุยส์
    สวามีองค์แรกของอิลินนอร์ ซึ่งมีปู่คนเดียวกับอิลินนอร์
    และอิลินนอร์ก็ทรงมาแต่งรอบสองกับเฮนรี่ซึ่งก็เป็นญาติ
    ของนาง ส่วนเจ้าหญิงอลิส หนึ่งในสนมของเฮนรี่สามีที่
    สองของอิลินนอร์ ก็มีพระมารดามาจากตระกูล คาสตีล
    และทีนี้จอห์นลูกของนางก็จะให้หลุยส์ลูกของฟิลลิป
    สามีคนแรกของอิลินนอร์ ไปแต่งงานกับเจ้าหญิงจากคาสตีล
    ซึ่งเป็นหลานของจอห์น แต่งงานวนอยู่แต่ในสายเลือด
    เดิมๆของญาติพี่น้อง )


    [​IMG]

    พระเจ้าจอห์นจึงทรงส่งพระมารดาอิลินนอร์
    ผู้ขณะนั้นมีพระพระชนมายุ 77 พรรษา
    ให้เป็นผู้แทนพระองค์ในการเดินทางจาก
    ปัวตีเยร์ไปคาสตีลเพื่อไปเลือกเจ้าหญิง
    องค์หนึ่งสำหรับหลุยส์ อิลินนอร์ทรงถูกซุ่ม
    โจมตีและทรงถูกจับนอกปัวตีเยร์โดยอิวที่ 9
    แห่งลูซิยอง
    หลังจากอิลินนอร์ได้รับการปล่อยตัวหลัง
    จากที่ทรงตกลงตามข้อเรียกร้องก็ทรงเดิน
    ทางต่อข้ามเทือกเขาพิเรนีสและทรงผ่าน
    ราชอาณาจักรนาวาร์ไปถึงราชอาณาจักรคาสตีล
    เมื่อไปถึงคาตีลพระเจ้าอัลฟองโซ่ที่8 แห่งคาสตีน
    นั้น มีพระมเหสีคือ พระนาง เลโอโนร่า แห่ง อังกฤษ
    ลูกสาวของ อิลินนอร์กับพระเจ้าเฮนรี่
    ซึ่่งก็หมายความว่าพระนางเลโอโนร่าทรง
    เป็นน้องสาวของพระเจ้าจอห์น ทรงมีพระธิดา
    สองพระองค์คือ เจ้าหญิง เออร์ราช่า กับ
    เจ้าหญิง บลังเช่ อิลินนอร์ทรงเลือกพระธิดาองค์เล็ก
    คือ บลังเช่ เพราะทรงเห็นว่าสตรีอายุน้อยกว่าสามีนั้น
    ผัวจะหลงและว่าง่าย


    [​IMG]

    และประทับอยู่ที่คาสตีลสองเดือนก่อน
    ที่จะเดินทางข้ามเทือกเขาพิเรนีสกลับ
    เมื่อมาถึงบอร์โดซ์ก็ทรงฉลองอีสเตอร์
    จากบอร์โดซ์เมอร์คาดิเยร์นายทหารรับจ้าง
    ผู้มีชื่อเสียงผู้เคยรับใช้พระเจ้าริชาร์ดมา
    ก่อนก็มาร่วมเดินทางเพื่อทำการคุ้มครอง
    ขบวนขึ้นเหนือ แต่พอวันที่สองของสัปดาห์
    อีสเตอร์เมอร์คาดิเยร์ก็ถูกสังหารโดยคน
    ของแบรนแดง ผู้เป็นศัตรูของเมอร์คาดิเยร์เอง


    เหตุการณ์นี้ทำให้ทรงเหนื่อยและร้าพระทัย
    และไม่ทรงสามารถเดินทางต่อไปยังนอร์มังดีได้
    จากนั้นก็ทรงเดินทางอย่างสบายๆ
    ในบริเวณลุ่มแม่น้ำลัวร์ พอมาถึงบอร์โดซ์
    พระราชินีก็ฝากบลานซ์ไว้กับอัครบาทหลวง
    แห่งบอร์โดซ์ผู้รับช่วงในการคุ้มครองต่อ
    แล้วพระราชินีอิลินนอร์ก็เสด็จ
    ไป วิหาร แอ็บบี้ฟองเตวฟอร์ด เมื่อต้นฤดูร้อน
    อิลินนอร์ก็ล้มป่วย พระเจ้าจอห์นเสด็จมาเยี่ยม

    เมื่อสงครามระหว่างพระเจ้าจอห์นกับ
    พระเจ้าฟิลิปปะทุขึ้นอีก พระมารดาอิลินนอร์ก็
    ทรงประกาศอย่างเต็มตัวว่าสนับสนุนพระโอรส
    และทรงเดินทางจากแอบบี้ฟองเทวฟรอด์
    ไปปัวตีเยร์เพื่อป้องกันมิให้พระนัดดาอาร์เธอร์ที่ 1
    ดยุกแห่งบริตานีผู้เป็นศัตรูของพระเจ้าจอห์น
    เข้าครอบครอง เมื่อทราบว่าพระราชินีอิลินนอร์
    จะเสด็จมา ดยุกอาร์เธอร์ก็ดักจับที่ปราสาทมิราโบ


    พอพระเจ้าจอห์นได้รับข่าวก็ทรงรีบเดินทัพมาทางใต้
    มาถึงก็ทรงโจมตีและจับตัวดยุกอาร์เธอร์ได้
    พระมารดาอิลินนอร์จึงเสด็จกลับ
    วิหาร แอ็บบี้ฟองเตวฟอร์ด
    เมื่อกลับไปถึงก็ทรงรับศีลเป็นชี
    พระราชินีอิลินนอร์สิ้นพระชนม์ในปี 1204
    พระศพอยู่ที่วิหารเคียงข้างกับพระสวามี
    พระเจ้าเฮนรีที่ 2และพระโอรสพระเจ้าริชาร์ดที่ 1
    ก็ยังนับว่าดีที่นางหันมาเข้าวัดเข้าวายามแก่
    และสิ้นพระชนม์ อายุครบ82 ปี

    มีคนพบวิญญาณของนางสิงสถิตย์อยู่ซาก
    วิหาร ควอร์ แอ็บบี้ ที่ อายร์ ออฟ ไรวท์
    ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของอังกฤษระหว่าง
    หมู่บ้าน บินสตีด กับ ฟิซเบิร์น
    ควอร์ แอ็บบี้นั้นเป็นส่วนหนึ่งของ พวก
    คีสเตอร์เซี่ยน หรือนิกายโรมันคาธอลิก
    ชนิดหนึ่งทีมีเครื่องแบบเฉพาะ
    วิหารนี้สร้างมาราวสมัยหลังกับที่
    อิลินนอร์ ประสูติ ไปได้ไม่กี่ปี สร้างโดย
    บอลวิ้น เดอะ เรดเฟิร์ส ท่านเอิร์ล แห่ง เดว่อน
    ลอร์ด แห่ง อายร์ ออฟ ไรวท์


    ที่นี้ฝังพวกราชวงค์หลายพระองค์มา 900ปี
    เจ้าหญิง ซาซิเลีย แห่ง ยอร์ค พระธิดา ของ
    พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 แห่ง อังกฤษในยุคหลังๆ
    ก็ทรงฝังที่นี้เช่นกัน แม้ อิลินนอร์จะไม่ได้ฝังที่นี้
    แต่มีคนเห็นวิญญาณที่คาดว่าเป็นพระนางปรากฏกายที่นี้บ่อยๆ



    :boo:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • medievalgirl.jpg
      medievalgirl.jpg
      ขนาดไฟล์:
      97.6 KB
      เปิดดู:
      5,102
    • headlady.jpg
      headlady.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49.3 KB
      เปิดดู:
      3,192
    • window.jpg
      window.jpg
      ขนาดไฟล์:
      53.2 KB
      เปิดดู:
      3,108
    • pinkkly.jpg
      pinkkly.jpg
      ขนาดไฟล์:
      163.6 KB
      เปิดดู:
      3,102
    • house.jpg
      house.jpg
      ขนาดไฟล์:
      129.5 KB
      เปิดดู:
      3,461
    • med2.jpg
      med2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      240.5 KB
      เปิดดู:
      3,141
    • Cécile Corbel - Corpus Christi Carol.mp3
      ขนาดไฟล์:
      7.6 MB
      เปิดดู:
      944
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2013
  2. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    สติกมาต้า หรือ แผลศักดิ์สิทธิ์ คืออะไร

    สติกมาต้า หรือ แผลศักดิ์สิทธิ์ คืออะไร



    [​IMG]



    สติกมาต้า หรือ แลศักดิ์สิทธิ์นั้น
    เป็นสิ่งที่อยู่ในความเชื่อของชาวคริตส์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
    ในชาวโรมันคาธอลิก ซึ่งเชื่อว่าจะเกิดขึ้นกับผู้ที่มี
    ความศรัทธาพระเจ้าอย่างแท้จริง และได้รับอำนาจ
    บางอย่างจากพระองค์ อันทำให้ จู่ๆผู้ที่ได้รับเลือก
    นั้นจะมีรอยแผลเกิดขึ้นมาเองอย่างน่าประหลาดทั้ง
    ที่ไม่ได้บทเจ็บ และีเลือดไหลออกมาโดยแผลเหล่า
    นั้นมักจะเกิดตามตำแหน่งเดียวกันกับที่พระเยซูโดนเมื่อ
    ทรงถูกตรึงกางเขน หรืออาจจะเป็นที่อื่นตาม
    นักบุญในตำนานคนต่างๆ



    [​IMG]

    และโดยมากผู้ที่ได้ัรับแผลศัดิ์สิทธิ์
    นี้จะเป็นผู้หญิงในปัจจุบันนี้มีชาวคาธอลิกมากมาย
    ทั้งในอเมลิกาใต้และยุโรปใต้ที่เป็นคาธอลิกอ้างตัว
    ว่าได้รับบาทแผลศักดิ์สิทธิ์หญิงผู้มีชื่อเสียงโด่งดังว่า
    มี เกิดขึ้นมากมายบนร่างกายเธอ และแม้แต่แพทย์ก็
    ไม่สามารถหาสาเหตุได้ คือ มารี โรส เฟอร์รอน
    และมีอีกหลายๆคนที่ มีในรูปแบบอื่นๆ เช่นน้ำตาไหล
    เป็นเลือดหรือเหงื่อออกเป็นเลือด มีการพิสูจน์ในเรื่องนี้
    ในทางการแพทย์พบว่าบางคนมีแผล ดังกลาวที่จะมี
    เลือดไหลออกเป็นเวลา เช่นจากวันพฤหัสสามโมง
    เย็นไปสิ้นสุดสี่โมงเย็นของวันศุกร์ ซึ่งสร้างความ
    ทรมานแก่ ผู้ที่เป็น จนต้องได้รับการเฝ้าระวังจากหมอ



    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]



    ต่อไปเรื่อง ทำไมเซนต์ ลูซี่ ถึงมีเลือดไหลออกจากตา :'(
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2013
  3. jienum

    jienum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +465
    สนุกมากๆค่ะ ชอบเรื่องราวที่นำเสนอมามากค่ะ
    ทำต่อไปนะคะ รออ่านอยู่ค่า สู้ๆๆ
     
  4. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ทำไมรูปภาพของ เซนต์ ลูซี่ จึงมี เลือดไหลออกจากตา

    ทำไมรูปภาพของ เซนต์ ลูซี่ จึงมี เลือดไหลออกจากตา


    [​IMG]


    หลายท่านคงสงสัยว่าทำไมจินตกรและศิลปินงานปั้น
    จึงมักวาดภาพให้ เซนต์ ลูซี่ มีเลือดไหลออก
    จากตาทั้งสองข้้างนั้นเป็นเพราะ
    ตำนานเรื่องราวของนางนั้นเอง
    เรามาดูกันว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรบ้าง



    [​IMG]


    เซนต์ ลูซี่ หรือ เซนต์ ลูเซีย หรือ ซานต้า ลูเซีย นั้น
    ได้รับการยกย้องให้เป็นเซนต์โดย นิกาย โรมัน คาธอลิก
    แองกริกัน, ลูเธอร์แลนท์, และ ออโธด็อค
    ลูเซีย เกิด ในครอบครัวเศรษฐี ในราว 283–304 ปี
    หลัง พระเยซู ถูกตรึงกางเขนนาง....
    เซนต์ ลูซี่ เป็นดังแม่พระ
    นักบุญ ผู้นำแสงสว่างแก่ คนตาบอด


    [​IMG]


    ลูซี่ เกิด ในเมือง ซีราครุส บาเกาะ ซิซิลี่ ทางใต้ของ
    อิตาลี่ บิดาของนางเป็นขุนนางคหบดีชาวโรมันผู้นับ
    ถือศาสนาคริตส์ หลังจากพ่อของนางเสียชีวิต ลูซี่
    อาศัย อยู่กับมารดาของนางไปจนอายุครบ 18ปี
    นางมีความศรัทธาในศาสนาคริตส์เป็นอย่างยิ่งและ
    ได้ใช้เงิน มรดกของบิดาในการบริจาคให้คนยาก
    คนจน แม้จะอายุแค่ 18ปี แต่ก็มีความฉลาด
    และมองการไกล ลูซี่ไม่ ประสงค์จะใช้ชีวตครองเรือนหรือ
    มีคู่เช่นเด็กสาวทั่วไป เธออยากจะเป็นนักบุญและ
    ทำงานที่โบสถ์ ซึ่งเรื่องนี้ถึงกับทำให้
    ท่านหญิง ยูทีเชีย มารดาของลูซี่ รู้สึกไม่พอใจ
    เพราะในสมัยนั้นผู้หญิงมีน่าที อย่างเดียว
    คือหาคู่ดีๆและผลิตทายาทสืบสกุล
    นางจึงได้ทำการหมั้นลูซี่กับ ขุนนางหนุ่ม
    ลูกของคหบดีอีกตระกูลหนึ่งให้แก่ลูซี่
    ทั้งที่ ลูซี่ ไม่รู้เรื่องนี้


    ผลปรากฏว่า อยู่ๆท่านหญิง ยูทีเชีย
    มารดาของลูซี่ก็เกิดล้มป่วย ติดเชื้อบิด
    จน แทบตาย
    ลูซี่จึงได้บอกให้มารดาของเธอ ภวานา
    ถึงพระเจ้า และบอกกับนางว่าถ้ามีศรัทธา
    ที่แท้จริงพระเจ้าก็จะช่วย หลังจากนั้นเธอ
    ได้พาท่านหญิงยูทีเชียไปสักการะพระธาตุ
    ของ เซนต์ อะกาธ่า และ เซนต์ แอ็คเนส
    ที่ล่ำลือว่าให้พรรักษาผู้คนมามากมาย
    ทั้งสองสวดขอพรร่วมกันที่พระธาตุของนักบุญ
    ตลอดคืน จนกระทั้งปาฏิหารเกิดขึ้น
    และท่านหญิงยูทีเชีย มารดาของ ลูซี่
    ก็หายป่วย

    หลังจากนั้นนางก็สนับสนุนการกระทำของ
    ลูกสาวในการเผยแพร่ศาสนาเรื่อยมา
    แต่แล้วก็ถึงบทหนักที่ลูซี่จะต้องเล่น
    เมื่อขุนนางหนุ่มที่ท่านหญิงยูทีเชียเคย
    ไปตกปากรับคำจะยกลูซี่ให้แต่งงานได้มา
    โวยวายที่เคหาสถ์ของสองแม่ลูก
    ว่าจะต้องจัดพิธีแต่งงานให้ตนและลูซี่
    แต่ลูซี่ไม่ยอมแต่งงานกับเขา
    ขุนนางนุ่มจึงนำเรื่องของนางไปฟ้องศาล
    ทั้งยังอ้างว่าลูซี่ไม่ยอมสูญเสียพรมจรรย์
    เพราะนางนับถือพระเจ้า

    ลูซี่จึงต้องไปขึ้นศาล
    แต่ศาลก็ได้เข้าฝ่ายผู้ชาย
    และลงโทษนางฐานที่ไม่ยอมเป็นเมีย
    ของขุนนางหนุ่ม ด้วยการส่งนางไป
    โดนลงโทษด้วยการเป็นโสเภณีที่โรงโสเภณี
    ได้ออกคำสั่งคนของเขาให้มาลากนางไป
    แต่ผลปรากฏว่า
    ไม่มีใครยกนางขึ้น และร่างเล็กๆของเด็กสาว
    วัยเพียง18 กลับหนักราวกับภูเขา


    [​IMG]


    ศาลจึงให้จุดไฟครอกนางแต่นางก็ไม่ไหม้
    หรือร้อนแต่อย่างใด ในที่สุดศาลจึงออก
    คำสั่งให้ควักลูกตาทั้งสองข้างของลูซีออก
    มาวางไว้ในถาด ก่อนที่จะให้เชือดคอของนาง
    แต่ลูซี่ก็ไม่ตาย สร้างความฮือฮาไปทั่วจน
    หลวงพ่อจากโบสถ์ต้องเดินทางมาให้พร
    นางให้ไปเสียจะได้ไม่ทรมาน นั้นและลูซี่ถึงไป



    [​IMG]

    หลังจากนั้น ความกล้าหารของนางทำ
    ให้ได้รับการยกย่องให้เป็นเซนต์
    หรือนักบุญ ทุกวันนี้ ลูซี่ เป็นดัง
    แรงบันดารจของศิลปินแนว โกธิค
    ที่มัก วาดภาพ ทำตุ๊กตา หรือ
    ปั้นรูปเหมือนของนางในลักษณะ
    ดวงตามีเลือดไหล และถือจานใส่
    ดวงตาของนางเอง


    catt23catt19
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • dream.jpg
      dream.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      3,978
    • stlucy.jpg
      stlucy.jpg
      ขนาดไฟล์:
      210.6 KB
      เปิดดู:
      3,992
    • SAI_0006.jpg
      SAI_0006.jpg
      ขนาดไฟล์:
      236.2 KB
      เปิดดู:
      4,433
    • lucy.jpg
      lucy.jpg
      ขนาดไฟล์:
      22.9 KB
      เปิดดู:
      3,067
    • saint lucy.jpg
      saint lucy.jpg
      ขนาดไฟล์:
      170 KB
      เปิดดู:
      4,893
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2013
  5. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    แมสซาลิน่า จักรพรรดินีงามเมือง

    แมสซาลิน่า จักรพรรดินีงามเมือง


    [​IMG]


    พระนางทรง มีนามเต็มว่า วัลเลอเรีย แมสซาลิน่า
    ทรงเป็น มเหสีแต่งองค์ที่ 4ของ จักรพรรด คลอดิอุส
    ทรงเป็นลูกพี่ลูกน้องกับ จักรพรรดิ เนโร่ และ
    จักรพรรดิ แคลิคูล่า ผู้ ซึ่งต่างทรงมีพฤติกรรม
    แปลกประหลาดพอๆกัน
    เช่น องค์เนโร่ นั้น
    บางตำราว่าพระองค์ สังหารพระมารดาตัวเอง
    ในขณะที่บางตำราว่าทรง นั่งเล่นเครื่องสีซอ
    เป็นทองไม่รู้ร้อน ขณะที่กรุงโรม โดนไฟเผา


    [​IMG]

    บางตำราว่าไม่จริงทรงเป็นคนดีและมาช่วย
    พวกพนักงานดับเพลิงดับไฟ บางตำราก็ว่า
    พระองค์ทรงแต่งงานกับเด็กสาววรรณะทาส
    แล้วนำมาตบแต่งเป็นภรรยาก่อนจะย้ายไป
    อยู่บนเกาะเล็กๆอันแสนโรแมนติก
    ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้วยกัน
    ซึ่งบางตำราอ้างว่า ที่จริงนางทาสผู้นั้น
    คือพระมารดาของพระองค์เอง ที่เนโร่แอบ
    มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับแม่ตัวเอง
    จนกลัวคนรู้เลยปล่อยข่าวว่าทรงหนี
    ไปอยู่กินกับนางทาส
    ซึ่งที่แท้คือแม่ของพระงค์ปลอมตัวนั้นเอง

    [​IMG]

    ที่ทรงมีสัมพันธ์กับมารดาตัวเองได้
    กล่าวกันว่าเพราะลุงของพระองค์
    จักรพรรดิคลอดิอุส ได้นำพระองค์มาเลี้ยง
    ตั้งแต่เด็กเพราะไม่ทรงมีทายาทชายสืบสกุล
    ด้วยเหตุนี้จึงไม่ทรงสนิทกับพระมารดา
    และโหยหาความรักจากแม่ แต่กระนั้น
    ความสัมพันธ์ฉันชู้สาวระหว่างพระองค์กับแม่
    นักประวัติศาสตร์ปัจุบันไม่เชื่อข้อมูลนั้น


    [​IMG]

    กลับเข้าเรื่องพระนางแมสซาลิน่า
    จักรพรรดินี งามเมืองต่อ ซึ่งนักประวัติศาสตร์
    ลงความเห็นว่าเป็นเรื่องจริง
    ทรงเป็นธิดาในราชวงค์ จูลิโอ้ มาแต่แต่กำเนิด
    ทั้ง พระมารดา ท่านหญิง โดมีเธีย เลอปีด้า
    นั้นเป็นหญิงรูปงาม กับ พระบิดา มาคัส
    วัลเลอเรียส มาซซาล่า บาบาคัส เป็น
    พระญาติของจักรพรรดิ และร่ำรวยมีที่ดินมากมาย
    พระมารดาของนางนั้นทรงเป็น น้องสาวต่างมารดาของ
    พระบิดาของ จักรพรรดิเนโร่
    พระนางแมสซาลีน่ามีพระชนม์มายุแก่กว่า
    เนโร่ 17 ปี พระนางและพระสวามี องค์จักรพรรดิ
    ได้นำ เนโร่มาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม
    และหมายมั่นจะให้เนโร่ได้ อภิเสกในอนาคตกับ
    ลูกสาวคนใดคนหนึ่งของ จักรพรรดิ คลอดิอุส
    ซึ่ง ทรงมีธิดามากมายกับมเหสีที่เคย
    อภิเสกองค์ก่อนๆมาแล้วสามครั้งในเวลาที่
    จักรพรรดินี แมสซาลิน่า ดำรงค์ตำแหน่งเป็นมเหษี
    แต่งองค์ หลังจาก คลอดิอุส
    ได้หย่ากับมเหสีองค์ก่อนๆไป

    [​IMG]


    หลังจากการอภิเสก จักรพรรดิ คลอดิอุส
    ได้ยกย่องนางต่างๆนาๆไม่ว่าจะจัดให้
    วันเกิดของนางเป็นวันชาติวันหนึ่งที่จะ
    ต้องมีการเฉลิมฉลอง
    ทรงสั่งให้สร้างรูปปั้นสรรเสริญ
    พระเกียรติของนางในที่สาธารณะ
    แถมยังให้ตำแหน่งนั่งเก้าอี้หัวแถวข้าง
    ผู้นำแม่พระของวิหาร เทวี วาสต้า
    ซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งสำคัญของสตรีในยุคนั้นทีเดียว


    [​IMG]


    สมาชิคสภาชาวโรมัน ได้เสนอจะให้
    คลอดิอุสประธานตำแหน่ง ออกัสต้า
    ให้แก่นางแต่กระนั้นกลับถูกปฏิเศท
    เพราะคลอดิอุสทรงเรงเห็นว่า
    ตำแหน่งออกัสต้าจะทำให้นางมีอำนาจมากจนเกินไป
    และแม้จะทรงหลงในความงามมความเก่งของนาง
    แต่ก็ทรงฉลาดพอที่จะเห็นภัยจากบุคลิกลักษณะของนาง


    ป.ล ตำแหน่ง ออกัสต้านั้นจะหมายถึง
    จักรพรรดินีที่ยิ่งใหญ่กว่าจักรพรรดินีธรรมดา
    จะได้รับเครื่องราชกัฏภัณฑ์
    และตำแหน่งมารดาแห่งคณะ
    และมารดา แห่ง แผ่นดิน
    ว่าง่ายๆใหญ่กว่าผู้ชาย สามารถมีราชสำนัก
    และ ระบบทุกสิ่งทุกอย่างของตัวเองได้
    หรือปกครองแผ่นดินเองโดยไม่ต้องมีสวามี



    มีต่อ ยังไม่จบ

    ;k04
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2013
  6. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    [​IMG]


    จักรพรรติ คลอดิอุส ทรงมีธิดากับ พระมเหสี องค์ก่อน
    นามว่า คลอเดีย แอนโทเนีย หลังจากอภิเสกกับ
    แมสซาลิน่า นางเอกของเรา ไปไม่กี่ปีให้หลัง
    แมสซาลิน่าก็ให้กำเนิด เจ้าหญิง คลอเดีย ออคตาเวีย
    และ เจ้าชาย บริทานีคัส แต่กระนั้นพระจักรพรรดิ
    คลอดิอุส สวามีของนางก็ยังทรง ไม่คืนพระทัยเดิมที่
    ทรงปรารภไว้ว่าจะให้ เนโร่ ลูกเลี้ยงของพระองค์
    เป็นจักรพรรดิต่อจากพระองค์ และทรงปรารถนาจะ
    ให้ พระธิดา ออคเตเวีย ลูกสาวของพระองค์
    กับแมสซาลิน่า อภิเสกกับเนโร่
    ทรงรักเนโร่ ไม่ต่างจากลูกในไส้
    ทำให้ แมสซาลีน่ารู้สึกอิจฉา และ
    รู้สึกไม่มั่นคง


    [​IMG]

    พระนางได้พยามใช้ความงามเอาใจพระสวามี
    และพยามใส่ร้ายพระญาติองค์ต่างๆ
    ที่นางไม่ชอบ หรือขัดผลประโยชน์
    ให้ถูกเนรเทศไปอยู่ที่อื่น ซึ่งพระสวามีก็
    ทรงทำตามอย่างว่าง่าย
    แต่พระองค์ไม่ใช่คนใจร้าย จึงแค่
    เนรเทศออกนอกเมืองไปเฉยๆ
    และหนึ่งในนั้นก็มี พระมารดาของ
    เนโร่ ว่าที่จักรพรรดิ, ลูกเลี้ยงของ
    จักรพรรดิ คลอดิอุส ที่ทรงรักดุจลูกในไส้,
    เจ้าหญิง อาคริปปีน่า มารดาของเนโร่นั้น
    เป็นลูกสาวคนเล็กของน้องชายต่างมารดาของ
    จักรพรรดิ คลอดิอุส, นอกจากนี้ยังมี
    นักปราชญ์ชาวโรมัน ที่ไม่ถูกกับ แมสซาลิน่า
    ตลอดจน เจ้าหญิง จูเลีย หลานลุงของ
    จักรพรรดคลอดิอุส และ สามีของพระนาง
    แล้วยังภรรยาของ วุติสมาชิกสภาหนุ่มหล่อที่
    พระนางแมสซาลิน่า ตกหลุมรัก
    และก็ เสด็จย่า ป็อปเปียร์ ซาบีน่า
    และ กงศุล อีกสองคนต่างโดนเนรเทศออกนอกเมือง


    [​IMG]


    แต่กระนั้นแล้วแมสซาลิน่าก็ยังรู้สึกไม่ไว้วางใจ
    ในสถานะภาพของนาง เมื่อ เจ้าหญิง อาคริปปีน่า
    พระมารดาของเนโร่ ลูกบุญธรรภ์ของจักรพรรดิคลอดิอุส
    ย้อนกลับมาในเมืองในปีหนึ่ง ในขณะที่สวามี
    ของนางก็เริ่มแก่ชราลงทุกวัน หนำซ่ำยังไม่ทรง
    สนพระทัยจะมีความสัมพันธ์กับนางอีกต่อไป
    ทุกครั้งที่หัวถึงหมอน จักรพรรดิ คลอดิอุส
    ก็จะเอาแต่นอนกรน ด้วยความเหนื่อยใน
    พระราชกรณียกิจที่ทำมาทั้งวัน

    ในยามนั้นเอง ที่ แมสซาลิน่าเริ่มหัน
    ไปมองหาผู้ชายที่ยังหนุ่แน่นกว่า
    และสามารถจะให้ความมั่นคงแก่
    ตำแหน่งของนางและลูกชายได้
    และชายผู้นั้นก็คือ กงศุล ลูเชียส วิตาลิอุส
    ครั้งหนึ่งที่นางแต่งกายอย่างงามเพื่อ
    ไปขอคำปรึกษาจากเขา
    ลูเชียสถึงกับก้มลงกับพื้น และกล่าวกับนางว่า
    " เป็นบุญของข้าพเจ้าเหลือเกินที่ มหาจักรพรรดินีเสด็จมา
    ข้าพระบาทขอ อนุญาต ถอด รองพระบาท
    จากพระบาทของพระองค์
    เพื่อ เป็นสิริมงคลแก่ข้าพเจ้าเถิด"
    ซึ่ง แมสซาลีน่ายิ้มรับและอนุญาต
    ให้เขาถอดรองเท้าให้นาง


    หลังจากนั้นลูเชียสก็ได้ช่วยนางกำจัด
    พวกที่ขัดผลประโยชน์ของนาง
    แต่กระนั้น ผู้ชายที่นางตกหลุมรักเข้าอย่างจัง
    ก็คือ กาเทียส ซิลิอุส วุฒิสภาหนุ่มรูปหล่อที่
    นางได้ใช้อำนาจขับไล่เมียของเขาออก
    ไปนอกเมือง พร้อมๆกับศัตรูคนอื่นๆ
    ภรรยาของวุฒิสมาชิกผู้นี้ มีศักดิ์
    เป็นน้องสาวของพระมเหสีองค์ก่อน
    ของคลอดิอุส

    นางจึงมักจะแอบลักลอบไปเจอเขาอยู่เสมอๆ
    นางขอร้องให้ชายหนุ่มหย่ากับเมียของเขา
    และมาแต่งงานกับนางแทน
    นางสัญญากับเขาว่าจะวางแผนกำจัด
    จักรพรรดิเฒ่าสามีผู้อ่อนแอของนาง
    และให้เขาครองราชย์แทน


    ในระยะแรก กาเทียสไม่กล้าตอบตกลงนาง
    เพราะ สิ่งที่นางกำลังคิดทำนั้นถือว่าเป็น
    เรื่องใหญ่และอันตรายมาก ด้วยเหตุนี้
    แมสซาลิน่าจึงไม่สามารถมีสัมพันธ์
    อย่างเปิดเผยกับชู้รักของนางได้
    ทำให้นางอึดอัดใจเป็นอย่างยิ่ง
    จนต้องไประบายอารมย์ด้วยวิธีอื่น
    ตกกลางคืนนางจะแต่งกายอย่างงาม
    ราวกับญิงงามเมือง และสวมวิกผม
    สีบรอนซ์ทองอมเทา ทับผมดำของนางไว้
    และออกไปปาร์ตี้นอกวัง
    กล่าวกันว่าในสมัยนั้นพวกโรมชอบ
    ไปตีเมืองทางยุโรปเหนือ เช่นเยอรมัน
    อังกฤษ ฝรั่งเศส ทำให้เกิดแฟชั่น ย้อมสีผม
    หรอ สวมวิกสี ผมทอง, ผมขาว, ผมแดง,
    ผมส้ม, และ ผมสีเทา ตามสีผมของพวกยุโรปตะวันตก


    [​IMG]


    ระหว่างออกไปเที่ยวนั้นเองนางได้ไปเจอ
    ผู้หญิงโสเภณียืนเรียกแขกกันอยู่ข้างถนน
    ทำให้แมสซาลีน่านึกสนุกอยากลองทำอาชีพนี้ดูบ้าง
    นางจึงได้นำเงินมรดกของนางไปซื้อ
    โรงโสเภณีไว้แห่งนึ่ง และตั้งตัวเป็นแม่เล้า
    โดยที่ไม่มีผู้ใดรู้ว่านั้นคือ จักรพรรดินี แมสซาลิน่า
    เพราะในสมัยนั้นเป็นการยากยิ่งที่คนธรรมดา
    จะเห็นหน้าของพระเจ้าแผ่นดิน

    [​IMG]

    นางได้ก้าวหน้าในทางเสื่อมเสีย ไปถึงขนาด
    จัดประกวดราชินีแห่งหญิงงามเมือง
    โดยการแข่งขันกันว่าในเวลา 24 ชม
    หญิงโสเภณีผู้ใดที่สามารถบำเรอแขก
    ได้จำนวนมากคนที่สุดผู้นั้นจะชนะ
    และในบันทึก ปรากฏว่า
    แมสซาลิน่านั้นซึ่งแม้จะเป็นเป็น
    เชื้อสายผู้รากมากดีกลับ ชนะหญิงนางโลม
    ชื่อดังอย่าง สกายล่า ไปได้อย่างขาดลอย

    หลังจากนั้นนางได้ ตั้งตนเป็นนายหน้าหา
    พวกสตรีชั้นสูงที่สามีไม่ค่อยสนใจ
    ให้มาร่วมกิจกรรม เซ็กหมู่ที่
    โรงโสเภณี ของนาง และในระหว่าง
    นั้นเองที่นางได้ เตรียมวางแผนล้ม
    จักรพรรดิ คลอดิอุส สวามีของนาง
    และให้วุฒิสภาหนุ่ม ชู้รักขึ้นครองราชย์แทน


    [​IMG]

    ความฉลาดของนางไปไกลขนาด
    พยามตามจีบพวกนักการเมืองผู้ชายทุกคน
    ทีมีตำแหน่งสำคัญๆให้มาอยู่ข้างนาง
    โดยการทำทีเป็นพระจักรรรดินีตกหลุมรักพวกเขา
    ซึ่งบรรดาขุนนางแต่ละคนต่างก็นึกว่า
    นางทำเช่นนี้เป็นพิเศษเฉพาะกับตวเอง
    เท่านั้น จึงยมร่วมมือกับนาง
    โดยหารู้ไม่ว่าแมสซาลิน่าโปรยเสน่ห์
    ใส่ผู้ชายทุกคนที่มีอำนาจ


    การกระทำของนางทำใหนาง
    มีอำนาจและเงินทองใส่ตัวขึ้นทุกวัน
    แต่แล้วความนิยมของนางก็เริ่มเสื่อมถอย
    เมื่อ เจ้าหญิง อาคริปปีน่า
    พระมารดาของเนโร่
    ลูกบุญธรรภ์ของ จักรพรรดิ คลอดิอุส
    หมดโทษจากปีที่โดนเนรเทศและกลับมากรุงโรม
    เมื่อปรากฏตัวในสภา
    สองแม่ลูกเรียกคะแนนนิยมและความสงสาร
    จากผู้คนได้มากกว่าแมสซาลิน่า
    และลูกชายวัยไม่กี่ขวบของนาง

    และแล้วกาเทียสชู้รักของแมสซาลิน่า
    ก็ยอมตกลงร่วมมือกับนางในการจะ
    ก่อกบฏ สังหาร จักรพรรดิ คลอดิอุส
    กาเทียส ซิลิอุสนั้น ไม่มีบุตรกับภรรยา
    เก่าของเขาที่โดนแมสซาลิน่าบังคับให้หย่าไป
    เขาจึงไม่รังเกียจที่จะรับเจ้าชายน้อย
    บริทานีคัส ลูกของนางกับจักรพรรดิคลอดิอุส

    แต่แล้วแผนการล้มล้างกษัตริย์ก็ถูกเปิดเผย
    ในระหว่างที่จักรพรรดคลอดิอุสไปคุมงาน
    สร้างท่าเรือที่ออสเทีย คนสนิทของพระองค์
    ได้บอกแผนการของแมสซาลิน่า
    อีกทั้งนางคบชู้ และทำตัวเสื่อมเสียต่างๆนาๆให้
    คลอดิอุสได้ รู้แมสซาลิน่าเองก็ไม่รีรอ
    นางเองก็ทราบเรื่องข่าวลือนี้เ่นกัน
    จนต้องวาแผนหอบลูกชายตัวน้อยเดิน
    ทางจะไปพบสวามีที่ ออสเทีย
    เพื่อแก้ตัว แต่คนสนิทองจักรพรรดิคลอดิอุส
    ก็รู้กลเกมส์ขงนาง
    และเพื่อป้องกันไม่ให้จักรพรรดิคอดิอุสใจอ่อน
    เขาได้เสด็จเชิญพระองค์ไปที่อื่นป้องกัน
    ไม่ให้เจอแมสซาลิน่า


    [​IMG]

    ครั้นเมื่อนางมาถึงออสเทียก็บว่า
    จักรพรรดิได้เสด็จกลับพระนครไปเสียแล้ว
    แมสซาลิน่าจึงต้องรีบกลับไป ที่ กาเด้นท์ แ่ง
    ลูคูลาส พร้อมทั้งพระมารดา ของนาง พระนาง
    โดมีเธีย เรอปีด้า ช่วยกันเตรียคำร้องจะยื้นต่อศาล
    ด้วยทรัย์สินและมรดกมากมายของตระกูล
    แต่ก็เพราะตำแหน่งที่สูงส่งของนางทำให้
    นางมีปากเสยกับมารดาว่าควรจะทำอย่างไร
    กับเรื่องนี้ และทำให้มารดาของนางไม่กล้า
    ออกความเห็น เพราะ แมสซาลิน่าเชื่อความ
    คิดตัวเองมากกว่า ในที่สุดไม่ทันจะได้ทำ
    อะไรต่อ เจ้าหน้าที่และอดีตทาสก็เดินทาง
    มาจับกุมตัวนางไป มารดาของนางทำอะไรไม่ได้
    จึงได้แต่ขอว่าจะอยู่กับนางให้นานที่สุดจน
    วินาทีสุดท้ายที่ถูกประหาร ท่านหญิงเรอปีด้า
    มารดาของแ มสซาลิน่าจึงกล่าวกับลูกสาวเมื่
    ไม่มีทางช่วยแล้วว่า
    "ชีวิตของเจ้าสิ้นสุดแล้วแมสซาลิน่า
    สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดในเวลานี้ คือการไปอย่างสงบที่สุด"


    [​IMG]


    แมสซาลิน่าได้ยินดังนั้นก็กรีดเสียงร้องไห้
    ครวญคลางเช่นเดียวกับทุกๆคนที่มีชะตากรรม
    เช่นนาง ในเรื่องอื่นๆ นางรับไม่ได้ที่จะ
    โดนประหาร นางได้รับโทษให้ฆ่าตัวตาย
    แต่นางก็กลัวเกินกว่าที่จะทำอย่างนั้นได้เอง
    เพชรฆาตจึงช่วย ด้วยารตัดศีรษะของนาง

    พระศพของนางถูกทิ้งไว้ให้พระมารดา
    ครั้นเมื่อประหรเสร็จเจ้าหน้าที่ได้ส่งข่าว
    ไปจักรพรรดิคลอดิอุสซึ่งกำลังอยู่ระหว่าง
    เสวยกระยาหารค่ำ กล่าวกันว่าเมื่อได้ยิน
    ข่าวการตายของนาง พระองค์มิได้ทรง
    แสดงสีหน้าใดๆ แต่เพียงบอกให้คน
    รับใช้รินไวน์เพิ่มก็เท่านั่น

    ปีหลังๆหลังการประหาร แมสซาลิน่า
    องค์จักรพรรดิไม่เคยแสดงท่าที เสียใจ
    โกรธ เศร้าโศก หรือดีใจใดๆเป็นพิเศษ
    นอกจาก พระธิดา ละพระโอรสของนาง
    เท่านั้นที่ร้องไห้ให้แก่นาง จักรพรรดิสั่งให้
    ลบนางออกจากทุกสิ่งทุกอย่าง รวมทั้งรูปปั้น
    ของนางด้วย และในวันปีใหม่ของ ปี 49
    หลังจากพระคริสต์ตึกกางเขน


    จักรพรรดิคลอดิอุสได้อภิเสกสมรสใหม่กับ
    เจ้าหญิง อาคริปปีน่า ลูกสาวของ
    น้องชายต่างมารดาขอพระองค์
    และแต่งตั้งให้หลานบุญธรรภ์
    เนโร่เป็นจักรพรรดิองค์ต่อไปแทน
    เจ้าชายบริตานีคัส ลูกของพระองค์กับแมสซาลิน่า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2013
  7. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    หีบแพนโดร่า

    [​IMG]


    หลายคนคงเคยได้ยินเรื่อง ตำนานกล่องแพนโดร่า
    หรือหีบแพนโดร่า ว่าเป็นสิ่งชั่วร้าย แต่ไม่เคย
    ได้ยินที่มาที่ไปว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร
    วันนี้ข้าพเจ้าจึงนำเรื่องนี้มาเสนอแบบละเอียดยิบ

    ตามตำนานเล่ากันว่า เทพเจ้าซูสทรงพิโรจที่
    โพรเมเทอุสขโมยไฟจากเทพเจ้า
    และมนุษย์ไม่มีความเคาระนับถือเทพเจ้า
    จึงระสงค์จะให้มนุษย์พบกับกาลียุค
    พระองค์จึงทรงช่วยกันกับเทพเจ้าองค์อื่นๆ
    สร้างหญิงสาวนามว่า แพนโดร่าขึ้นมา
    โดยให้เฮพเซฟซูส เทพแห่งการสร้าง
    สร้างแพนโดร่าขึ้นมาจากน้ำและดิน
    เทวี อะเธน่าทรงประดิษฐ์เสื้อผ้าสวยๆ
    ให้กับนาง ในขณะที่ เทวี อะโฟโรไดซ์
    ให้ความงามแก่นาง และเทพเฮอร์เมซ
    ให้เสียงและถ้อยความคำแก่นาง
    โดยเทพเจ้าซูสได้ใส่ความอยากรู้
    อยากเห็นไว้ในตัวนางด้วย



    [​IMG]

    พระองค์ได้ประทานแพนโดร่าผู้งดงาม
    ให้เป็นชายาของเอพิมิธีอุสน้องชาย
    ผู้แสนจะโง่เขลาของโพรเมเทอุส
    พร้อมกับมอบหีบใบหนึ่งเป็นหีบเล็กๆ
    ที่สวยงามที่ตกแต่งด้วยอัญมณี
    และทอง เหมือนผะอบใส่เครื่องแต่งตัวสตรี
    ในสมัยโบราณมา ในฐานะสินสอด
    ซึ่งก่อนที่จะถูกลงฑัณฑ์โปรเมเทอุสได้
    เคยเตือนน้องชายไว้แล้วว่าอย่าหลง
    รับของกำนัลใดๆจากซีอุส
    แต่เอพิมิธีอุสผู้เบาปัญญาได้หลงเสน่ห์
    แพนโดร่าผู้งดงามเข้าจนถอนตัว
    ไม่ออกเสียแล้ว เขาจึงรับนางเป็นชายา
    โดยไม่ลังเลและเมินเฉยต่อคำเตือน
    ของพี่ชายแล้วแต่งงานกับนาง



    [​IMG]


    แต่ทว่าระเบิดที่ซีอุสเอามาทิ้งให้
    มนุษยชาตินั้นไม่ใช่ตัวแพนโดร่าหรอก
    แต่เป็นหีบที่ถูกส่งมาในฐานะสินสอดต่างหาก
    เพราะแท้จริงแล้วหีบนั้น
    คือหีบที่โพรเมเทอุสเคยใช้ผนึก
    ความเลวร้ายต่างๆที่จะเกิดและเป็นภัย
    ต่อมนุษยชาติไว้ แน่นอนแผนร้ายของซีอุสก็คือ
    พระองค์ได้เตือนแพนโดร่าว่าอย่า
    เปิดหีบนี้เด็ดขาดนะ

    แต่ก็ด้วยความอยากรู้อยากเห็นในตัว
    มนุษย์ทุกคน แพนโดร่าจึงเปิดหีบเล็กๆ
    นั้นดูในวันหนึ่ง และแล้วบรรดาภูติผีปีศาจ
    แห่งความชั่วร้ายความเลวร้าย
    ต่างๆที่เป็นภัยต่อมนุษย์ ได้แก่ โรคร้าย
    ภัยพิบัติ สงคราม ความตาย และปีศาจร้าย
    ต่างๆได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากหีบ
    ใบนั้นอย่างที่ไม่อาจจะผนึกกลับลงไปได้อีก


    แพนโดร่าตกใจและเสียใจมาก
    แต่ไม่ว่านางจะพยายามอย่างไรก็ไม่
    อาจจับสิ่งเลวร้ายเหล่านั้นกลับลงไปในหีบได้อีก
    แพนโดร่าเสียใจมากที่รู้สึกว่านางทำให้เทพเจ้า
    ผิดหวัง แต่ซูสก็ไม่ได้ลงโทษนาง
    เพราะทรงรู้ไว้แต่ต้นว่าแพนโดร่าจะต้องเปิดหีบ
    ความชั่วร้ายต่างๆนาๆก็พวยพุ่งออกมาจากกล่อง
    ตรงเข้าไปกัดกินหัวใจมนุษย์ให้ฆ่าฟันกันเองจน
    กลายเป็นยุคมืด นางแพนดอร่าตกใจรีบปิดกล่อง
    โดยทำให้กักขังปีศาจดีนาม เอลพีส หรือตัวแทนความหวัง
    ซึ่งเป็นสิ่งที่จะทำลาย
    ความชั่วร้ายต่างๆนั้นเข้าไว้ในกล่อง มนุษย์เริ่มมี
    จิตใจชั่วร้ายโสมมมากขึ้น จนสุดท้ายเทพเจ้าจึง
    บันดาลให้เกิดน้ำท่วมโลกจนมนุษย์ผู้ชั่วร้ายตาย
    กันหมด มนุษย์ผู้มีจิตใจดีที่ยังเหลือรอดจึง
    ได้สืบเชื้อสายเผ่าพันธุ์ต่อมาโดยที่ยังมีความ
    ชั่วร้ายเกาะติดอยู่ในหัวใจ ทว่าหากมีความหวัง
    อดกลั้นข่มใจไม่ทำความผิด
    ความชั่วร้ายต่างๆก็มิอาจทำอันตรายใดได้อีก

    ตามตำนานเดิมของกรีกจะใช้คำบรรณยายหีบ
    หรือกล่องแพนโดร่าว่า ซึงแปลว่าเหยือกหรือ
    โถ ที่มีฝาปิด เดนเต้ กาเบรียล โรเซตตี้
    ได้วาดภาพเรื่องราวขงแพนโดร่าในงานของเขาด้วย



    (kiss)(kiss)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2013
  8. nondhavich

    nondhavich สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +3
    ขอบคุณมากครับ อ่านเพลิน สนุก น่าติดตามทุกเรื่ิองเลย ถ้ามีอัพเดทอีกก็จะติดตามเรื่อยๆครับ :z2:z2:z2
     
  9. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ดีใจจังมีคนชอบเรื่องที่เอามาลงสไตน์เดียว แต่ตอนข้าพเจ้าไปแปล เรื่่องผีอินเดียบ้าง กับสคูปแนวอื่นๆด้วย แต่ถ้าชอบแนวผีๆฝรั่งเดี๋ยวจะเอามาลงอีกนะคะ pig_balletrabbit_heart
     
  10. Pukku

    Pukku เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2012
    โพสต์:
    327
    ค่าพลัง:
    +899
    ลงอีกเลยค่ะติดตามอ่านทุกวันค่ะ
     
  11. khunfongbeer

    khunfongbeer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +668
    เรื่องน่าสนใจมาก ขอบคุณนะคะ
     
  12. cookkie_mild

    cookkie_mild สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +23
    ชอบแนวนี้มากๆ
     
  13. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ตำนานลึกลับของชาวไอริช

    [​IMG]


    ถ้าพูดเรื่องราวเกี่ยวกับภูติผีและนางไม้
    หรือบรรดาเทพธิดาตัวเล็กๆที่อยู่ในป่า จะไม่พูดเรื่อง
    ตำนานต่างๆของชาวไอริชดูจะไม่ครบวงจรนัก
    เพราะชาวไอริชมีตำนานพวกนี้อยู่เยอะ และที
    แปลกๆ น่าสนใจก็มีอยู่เยอะมากเช่นกัน
    เดิมทีพวกบรรพบุรุษของชนที่อาศัยอยู่ใน
    ไอร์แลนด์ เวลส์ และสกอตแลนด์ คือชาวเคลท์
    แต่ถ้าพูดถึงแนวเพลงของชาวเคลท์ จะเรียกว่า
    เพลงเซลท์ติก พวกนี้แต่งเพลงได้ไพเราะ
    มาแต่โบราณ แนวดลตรีจะฟังดูลึกลับ
    และน่ารักเป็นเทพนิยายในขณะเดียวกัน
    มีการใช้ ดรัม หรือ กลอง ทำจังหวะตื่นเต้น
    แบบเพลงแขก แต่ใส่ความอ่อนหวานสไตน์
    ชาวยุโรปเหนือ ด้วยเสียง คอลัส และเสียง
    จากธรรมชาติ เช่นหยดน้ำ และเสียงพิณ
    เพลงเคลท์ติกในยุคหลังๆจะไพเพราะและ
    ฟังดูกล่อมเกลาจิตใจด้วยเสียงหีบเพลง
    คอลัส พิณ ปี่ หรือขลุ่ย


    [​IMG]


    ชาวไอริชขึ้นชื่อว่าเป็นศิลปินส์มาแต่โบราณ
    แม้แต่แนวเพลงสมัยนี้ตังแต่ป็อป คลาสสิก
    ไปจนถึงเมทท่อล ที่ดังๆและคุณภาพดีๆ
    มีจังหวะลุ่มลึกก็ล่วนแล้วแต่มาจากค้ายเพลง
    ทางฝังไอร์แลนด์ แต่ส่วนตัวข้าพเจ้าจะชอบ
    แนวเพลงทางฝั่งยุโรป เกือบทั้งหมด เช่น
    ฝรั่งเศส ไอร์แลนด์ รัสเซีย สแกนดิเนเวีย
    และเยอรมัน ก็ไม่เลว
    แต่ชอบเพลงไทยโบราณมากที่สุดคะ
    แต่ปกติเป็นคนชอบศิลปะจึงไม่ว่าเพลงแนวไหน
    ตั้้งแต่ไทยไปจนถึง เพลงญี่ปุ่น จีน อาหรับ ตุรกี ยัน เพลงคนผิวดำ
    ไปจนถึงเพลงชาวซามี่ ในยุโรปเหนือ
    ดิฉันฟังแล้วชอบหมด คือเข้าถึงศิลปะของทุกแขนง
    ทุกทีมีดีเหมือนกันหมด

    ทีนี้มาเข้าเรื่องเกี่ยวกับความลึกลับ
    ในตำนานไอร์แลนด์บ้าง
    ชาวไอริชนั้นขึ้นชื่อว่าร่ำรวยเรื่องตำนานภูติ
    เทพยดา และสิ่งมีชีวิตลึกลับที่อาศัยอยู่
    ตามป่าเช่น พวกเอล์ฟ บราวนี พุก หรือ
    ภูติหมวกแดง สมัยข้าพเจ้ายังเรียนในมหาลัย
    ต้องแปลเรื่องตัวสัตว์ประหลาดเหล่านี้ส่งอาจารย์
    บอกว่าพวกฝรั่งนั้นมี ภูติผีมากมายใช่ย่อย
    อย่าง แชนเจลิ่ง เรพพริคอน โนม และ
    อีกต่างๆมากมาย แต่วันนี้จะเล่าเรื่องเกี่ยว
    กับตำนานภูติผี ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตในเทพนิยายคะ


    [​IMG]

    บันชี ยมทูต ฌาณทิพย์

    บันชี หรือ ยมทูต ญาณทิพย์นี้ เป็นหนึ่งใน
    ลักษณะของภูติผีของชาวไอร์แลนด์ที่ข้าพเจ้า
    สนใจมากที่สุด บันชี มีความหมายในภาษาไอริชว่า
    สุภาพสตรีแห่งวงแหวนเทพธิดานางไม้
    หรือ เนินเขา หรือ วงล้อมเทพธิดานางไม้
    ในภาษาอังกฤษ คำว่า แองเจิล จะหมายถึงเทพ
    หรือนางฟ้าที่มีปีกสีขาว หรือกล่าวถึงเทวดาที่อยู่
    บนสวรรณ์ แต่ถ้าคำว่า แฟรี่ นั้น จะหมายถึงภูติ
    หรือ เทพธิดา ฝ่ายดีแต่ไม่ได้อยู่บนท้องฟ้า
    แต่อยู่บนดิน ซึ่งอาจจะหมายถึงนางไม้ในป่า
    หรือเทพประจำถ้ำ ขุนเขา หรือ ภูติตัวเล็กๆ
    ที่มีปีกแบบแมลงอาศัยอยู่ในป่าของฝรั่ง
    ถ้าของทางไทยเราก็มีอย่างนางพลายผีเสื้อ
    ที่พวกคนเล่นคุณไสย์สะกดไปทำเสน่ห์ ยาแฝก

    [​IMG]


    ตามตำนานนั้น นางบันชี หรือยมทูต
    ฌาณทิพย์นั้นจะมี 3แบบ ด้วยกัน คือ
    แบบที่หนึ่ง คือ ในความเชื่อของชาว เกลิก
    ในสกอตแลนด์ จะหมายถึงเทพธิดาแห่งภูติ
    ที่เวลามีคนใกล้ตายหรือกำลังจะเิดอุบัติเหตุ
    นางจะมาปรากฏตัวให้คนในครอบครัวนั้นได้เห็น
    ในลักษณะ หญิงสาวบ้าง หญิงแก่บ้าง นั่งซักผ้า
    เปื้อนเลือดอยู่ที่ริมลำธาน ห้วย หนอง
    หรือที่ใดก็ตามแต่ที่มีน้ำ แต่ความเชื่อเรื่อง
    นางบันชี ในแต่ละท้องถิ่นก็จะมีรูปแบบแตก
    ต่างกันไป อยเช่นในชาว นอร์ธ
    หรือพวกสแกนดิเนเวีย แต่โดยรวมตำนานนี้
    จะปรากฏเฉพาะในยุโรปตะวันตกทางเหนือๆ

    นางบันชี อีกแบบหนึ่ง จะไม่ใช่ภูติหรือ
    เทพธิดาที่มีอยู่ตามธรรมชาติในแบบแรก
    แต่จะเป็นวิญญาณของผู้หญิงที่ตายทั้งกลม
    หรือได้รับอุบัติเหตุจะมาปรากฏตัวให้คนที่
    กำลังจะตายหรือ ญาติผู้ตายได้เห็น

    ส่วนนางบันชีแบบสุดท้ายจะเป็นแบบที่
    น่าสนใจมากที่สุด คือ บันชีที่มีตัวตนเป็น
    คนจริง กล่าวกันว่าตระกูลผู้นำใหญ่ๆใน
    ชาวไอริช หรือ สกอตแลนด์ นั้น จะมีสร้อยนำ
    หน้านามสกุล ว่า แม็ค หรือ โอ ยกตัวอย่างเช่น
    แม็คอินทอช, แม็คเคนนีส โอ' คอนเนล, โอ' ฮาร่า
    เป็นต้น จะเป็นนามสกุลใหญ่ของพวกที่
    สืบทอดมาจาก เผ่า แอร์รี่ หรือเผ่าผู้นำ
    ของชาวเคลท์ และเกลิก มาแต่โบราณ
    อย่างในเนื้อร้องเพลง
    " เผาเมืองอ็อคคินดูน" ก็มีการกล่าวถึง
    ขุนนางชาวสกอตแลนด์นามว่า วิลลี่ แม็คอินทอช
    ที่ ผู้ร้องประสงค์จะรอบสังหาร
    เพื่อที่จะยึดปราสาท อ็อคคินดูน

    กล่าวกันว่าเป็นความเชื่อโบราณว่า
    ผู้หญิงในตระกูล ชั้นนำของ สกอต
    และไอริช ที่นามสกุลมีสร้อยนำหน้าว่า
    แม็ค และ โอ อย่างที่เล่าไปเมื่อครู่
    มีสิทธิที่จะเป็นนางบันชีมาเกิด
    กล่าวกันว่าผู้หญิงในตระกูลที่มีสิทธิเป็นนางบันชี
    จะมีลักษณะดังนี้คือ มีหน้าตาสวย
    และมีผมยาวสีขาวเหมือนไข่มุก
    นางจะมีหวีที่ทำจากเงินแท้ และที่สำคัญคือ
    จะมีฌาณวิเศษในการหยั่งรู้ว่าจะมีคนตายเกิดขึ้น
    โดยนางจะรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดและ
    ว่าตายยังไง แบบไหน ถ้าคนที่เป็นนางบันชี
    ไปยู่ใกล้บริเวณที่กำลัจะมีคนถูกฆ่า
    ก่อนเกิดเหตุหญิงสาวจะร้องไห้
    หรือหวีดเสียงร้องอย่างห้ามไม่ได้
    เพราะจะรู้สึกถึงเหตุการณ์ และความเจ็บปวด
    ของผู้ตายได้ราวกับเกิดขึ้นกับตัวเองจริงๆ

    ในตำนานของกษัตริย์ ไบรอัน โบรู
    แห่งไอร์แลนด์ ก็มีบันทึกว่าขณะที่พระองค์
    กำลังจะได้สวมมงกุฏกษัตริย์อยู่นั้นเองที่
    ทรงได้ยินเสียงนางบันชีหวีดมาแต่ไกล
    ซึ่งน่าจะเป็นเพรานางรู้และสรรเสริญ
    ในชัยชนะของพระองค์ด้วย



    เดี๋ยวเย็นนี้มาเล่าต่อเรื่องวงแหวนเทพธิดานางไม้คืออะไร

    ;aa31
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2013
  14. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    เรื่องวงแหวนเทพธิดานางไม้

    [​IMG]


    เรื่องวงแหวนเทพธิดานางไม้

    หรือ แฟริ่ ริงค์ หรือ แฟรี่ โมน
    นั้นอยู่ในความเชื่อของชาวสหราชอาณาจักร
    หมายถึง เวลาที่เราไปเดินตามป่า
    แล้วอาจโชคดีเจอ วงล้อม ของชุมเห็ด
    หรือ กอหญ้าสีเหลืองที่ขึ้นเป็นวงกลม


    [​IMG]

    โดยคนโบราณเชื่อว่าวงล้อมชุมเห็ดที่ขึ้น
    กลมดิกติดกัน หรือ กอหญ้าที่ขึ้นล้อมเป็นวงกลม
    สามารถเป็นประตูผ่านเข้าไปสู่โลกของพวก
    เทพธิดานางไม้ในป่า ที่เรียกว่าแฟรี่ได้
    โดยมากวิธีที่จะทำให้เห็นคือ
    ต้องไปยืนกลางวงเห็ดหรือหญ้านั้น
    ในยามกลางคืน โดยมากจะเป็นเด็ก
    หรือคนอายุน้อย หรือผู้มีฌาณวิเศษ
    ก็จะสามารถมองเห็นโลกของพวกแฟรี่ได้
    ถ้ายืนในวงกลมนั้น



    แฟรี่ ริงค์ แบบ เห็ด

    [​IMG]


    แฟรี่ ริงค์ แบบหญ้า

    [​IMG]

    :boo:


    [​IMG]


    ภาพวงล้อมหินธรรมชาติ หรือ แฟรี่ ริงค์ แบบหิน
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2013
  15. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    คดีแม่มดที่สยดสยองที่สุดในประวัติศาสตร์ยุโรป

    [​IMG]


    เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ถือว่าหนักและแรงที่สุด
    ในบรรดาคดีแม่มดอื่นๆที่เล่ามา
    แต่เห็นหลายคนในกระทู้สนใจเลยนำเรื่อง
    ประวัตติศาสตร์เกี่ยวกับสิ่งลี้ลับที่รนแรงมา
    เล่าให้ฟังอีก จากที่ได้พัก และไปฟังเรื่อง
    เบาๆกันมาบ้างแล้ว วันนี้เลยเอาเรื่องแรงๆ
    มาเล่าให้ฟังหน่อย เนื้อหาอาจจะติดเรท
    ผู้ใหญ่เล็กน้อย หวังว่าคงจะรับกันได้
    รู้ไว้เพื่อเป็นเกราะป้องกันตนเวลาภายภาคหน้าว่า มนุษย์ที่ไม่มีศาสนานี้
    ความจริงแล้วความดิบเถื่อน
    ไม่ได้ต่างจากสัตว์ดีๆนี้เอง
    พวกเรานับว่าโชคดีที่เกิดมารู้จักพระพุทธศาสนาคะ


    [​IMG]

    คดีแม่มดที่สยดสยองที่สุดใน
    ประวัติศาสตร์ยุโรป
    คดี ตระกูล แพพเพอร์ไฮเมอร์


    พวกพ่อมดและแม่มดตระกูล แพ็พเพอร์ไฮเมอร์นี้
    ทั้งหมดโดนประหารชีวิตและจบชีวิต
    ลงในปี คศ 1600นามสกุล แพ็พเพอร์ไฮเมอร์นี้
    เป็นชื่อใหม่ของคดีที่มีการตั้งขึ้นทีหลังในเชิงนิยาย
    ซึ่งความเป็นจริงแล้วครอบครัวดังกล่าวมี
    นามสกุลว่า Pämb หรือ Gämperle

    พวกเขาเป็นคนยากจนในตระกูลที่ประกอบ
    อาชีพขอทาน แบบในเรื่อง แม่มด เพนเดลที่
    ได้เล่าให้ฟังไปในหน้าสอง คนในครอบครัว
    แพ็พเพอร์ไฮเมอร์นี้ ประกอบไปด้วย
    พ่อ คือ พอลลัส และแม่ คือ แอนนา
    กับลูกชายสองคน คนโตอยู่ในวัยรุ่นราว17-20
    หน้าตาหล่อ ชื่อ จาค็อบ บางครั้ง
    มีชื่อเล่นว่า มิเชลว์ ส่วนน้องชายคนเล็กนั้นอายุ
    10 ขวบ ชื่อ แฮนเซล
    ทั้งหมดทำอาชีพขอทาน หรือเดินรับจ้าง
    ขอทำความสะอาดแบบถูกๆไม่เป็นหลักแหล่ง
    อาศัยอยู่ในสวาเบีย ซึ่งถือว่าเป็นชนชั้น
    ล่างตำสุดในสังคม
    ยิ่งกว่าพวกชาวบ้านธรรมดาที่ยัง
    มีทีดินทำไร่ทำนาของตัวเอง
    ซึ่งทำให้ผู้คนต่างมองพวกเขา
    ในแง่ร้ายอยู่แล้วว่าเป๋นขยะสังคม


    [​IMG]


    เรื่องนี้เกิดขึ้นในประเทศเยอรมันนี
    ในรัชสมัยของ ท่านดยุค แม็คซิมิเลี่ยน ที่ 1 หรือ
    ท่าน อิเรคเตอร์ แห่ง บาวาเรีย
    ขอเท้าความสักเล็กน้อยเกี่ยวกับการกล่าวหา
    คนอื่นว่าเป็นแม่มด จะมีวิธีที่นิยมทำกันดังนี้
    คือ คนที่โดนกล่าวหาจะถูกจับมาทรมาน
    แต่จะได้รับการผ่อนหนักเป็นเบาหากผู้ที่
    ถูกทรมานนั้นยอมซัดทอดว่าตัวเองได้รับ
    อำนาจปีศาจหรือซาตานมาจากใคร หรือมี
    ใครบ้างที่เป็นแม่มดพ่อมดนอกเหนือจากตน
    โดยปกติแล้วเกือบจะ 90 เปอร์เซนต์ของคน
    ที่โดนกล่าวหาว่าเป็นแม่มดและพ่อมดในสมัย
    เรอเนซองค์ และถูกทรมานหรือได้รับโทษ
    ตายอย่างทรมานจะเป็นพวกชนชั้นล่าง
    หรือชนชั้นต่ำซะส่วนใหญ เราจะเห็นคดี
    ชนชั้นสูงที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดพ่อมด
    นั้นมีไม่มาก หรือถ้ามีก็จะสามารถประกันตัว
    ออกไปได้ หรือถ้าติดคุกก็จะอยู่ในคุกชนชั้นสูง
    ซึ่งตัวข้าพเจ้าเอง ผู้เขียนเคยไปเห็นคุก
    ของชนชั้นสูงในสมัยกลางและสมัย
    เรอเนซองฌ์มาแล้วว่า จะเหมือนอยู่ใน
    โรงแรมมากกว่าในคุก มีห้องนอนใหญ่มาก
    กว่าบ้านพวกเราในนี้หลายๆคน มีเตียงสี่เสา
    มีห้องน้ำ มีคนทำกับข้าว และเลือกอาหารได้


    [​IMG]

    มีเครื่องอำนวยความสะดวกในห้อง และแม้
    ชนชั้นสูงที่ทำความผิด ในกรณีแย่สุดเช่นการ
    จะล้มล้างสถาบันกษัตริย์ คนพวกนี้สามารถติด
    คุกและจ่ายเงินยืดการประหารไปได้หลายปี
    อย่างกรณี เอิร์ล พ่อมด หรือ พระนางแมรี่
    และแม้แต่กรณีร้ายสุดเช่น พระนางแอนน์
    โบลีน หรือเคาเตส เซาลิสบูรี่ ที่จะโดนประหาร
    ก็ยังเป็นการประหารที่รวดเร็วและไม่ทรมาน
    เช่นการตัดหัว, หรือ กรณีของ เคาเตส แดร็กคูล่า
    หรือ เคาเตส อลิซาเบธ บาโธรี่
    ที่สังหารเด็กสาวมากมายนำมาอาบเลือด
    เพื่อให้ดูสาวอยู่เสมอนั้น แม้ว่านางจะทำ
    ความชั่วหนักขนาดคนตายมากมายขนาดนั้น
    พวกขุนนางก็ยังไม่กล้าเอาผิดนาง
    จนกระทั้งอย่างเก่ง ยังแค่จับนางขังตาย
    ในปราสาทโดยโบกปูนปิดล็อคประตูตาย
    ไม่ให้ออกมาข้างนอก ทำแบบเดียวกัน
    กับกรณีของ แม่ชี คอนสแตนซ์ เดอ เบเวอรรี่ที่
    ไปมีความสัมพันธ์กับอัศวินหนุ่ม
    ซึ่งการลงโทษลักษณะนี้ ยังนับว่ามีความ
    ปราณีโดยที่ไม่ได้มีการทรมานหรือ
    ลงโทษแบบชนชั้นล่าง


    [​IMG]

    ในขณะที่ คุกของคนชั้นล่างนั้นห้องแคบ
    และอัดกันเข้าไปหลายคน มีทางเข้ามืด
    และดูสภาพแล้วไม่ต่างจากปราสาทผีสิงค์
    บางคนก็ตรอมใจไม่รู้จะทำอะไรก็เอาเลือด
    มาวาดเป็นรูปข้อความบนผนัง เดี๋ยวคราว
    หน้าจะหารูปมาลงให้ดู อันนี้ถ่ายจากสถาน
    ที่จริงที่ไปมา

    กลับเข้าเรื่องครอบครัว
    แพ็พเพอร์ไฮเมอร์ต่อ ทั้งหมดในครอบครัว
    ขอทานนี้โดน หัวขโมยคนหนึ่งที่ถูกจับไป
    ก่อนหน้าซัดทอดว่าคนในครอบครัวขอทาน
    นี้เป็นแม่มด ทั้งหมดจึงโดนเจ้าหน้าที่
    ลากตัวไปจากที่นอนในคืนวันหนึ่ง

    ในข้อหาฆ่าหญิงท้องถึงแก่ความตาย
    ซึ่งหัวขโมยก็ได้บอกแก่เจ้าหน้าที่ว่า
    พวกแพ็พเพอร์ไฮเมอร์ เป็นครอบครัวแม่มด
    ที่ใช้เวทมนตร์บังคับให้ตนฆ่าคนท้องเพราะ
    หวังจะเอามดลูกที่มีเด็กตายทั้งกลมมา
    ทำเทียนน้ำมันพลาย
    คดีของพวกเขาตกให้ไปอยู่ในความรับผิด
    ชอบของ เจ้าที่ดินผู้มีนามว่า
    อเล็กซานเดอร์ วอน ฮาสลาง กับ
    กลอสฮาวเซ่น และไรด์
    ก่อนจะถูกส่งไปที่ ฟอวค่อน
    ทาวเวอร์ ในมิวนิก


    [​IMG]


    หลังจากนั้นพวกแพ็พเพอร์ไฮเมอร์
    ก็โดนจับไปขังและทรมานที่มิวนิก
    พวกเขาทั้งหมดถูกบันทึกว่าโดนทรมาน
    แสนสาหัสในประวัติการณ์แม่มด
    จนทำให้เอ่ยชื่อซัดทอดคนออกมาเกือบ 100 คน
    เพราะโดนทรมานอย่างหนัก

    ด้วยเครื่องมือ รูปแบบต่างๆเช่น
    สแตปปาโด้การใช้เชือกผูกมือ
    และดึงขึ้นไปในขณะที่ขาถูกผูก
    ด้วยของหนักเช่นหิน และก็การ
    ทรมานด้วยน้ำ เช่นการถ่วงน้ำ
    หรือใช้น้ำร้อน หรือเชือกเผาไฟ
    หรือการใช้ไฟจี้ สำหรับแฮนเซล
    ซึ่งยังเป็นเด็กนั้นโดยเฆี่ยนด้วยไม้


    [​IMG]


    ระหว่างการทรมานนั้น แฮนเซล
    ลูกชายคนเล็กเด็กวัย 10 ขวบของบ้าน
    โดนบังคับให้สารภาพว่าเขาร่วมประเวณีกับซาตาน
    ซึ่งซาตานก็ชอบเขาในฐานะเด็กชายคนโปรด
    และมอบขนทางซีกซ้ายของร่างกาย
    เช่นผมบนหัว หรือส่วนอื่นๆให้แก่
    ซาตานเป็นที่ระลึก และแฮนเซล
    ได้ทำสัญญาเป็นทาสรับใช้ของซาตาน
    โดยซาตานได้ขวนผิวด้านซ้ายของลำตัว
    เด็กชายเพื่อเอาเลือดออกมาเก็ยใส่ขวด
    และเขียนจารึกบนหนังหัวของเขา

    [​IMG]


    กลับเข้าเรื่องการซัดทอดแม่มดต่อ
    โดยมากคนที่โดนบังคับให้ซัดทอดชื่อแม่มดต่อ
    จะกล่าวชื่อของคนที่ไม่น่าจะสร้างความ
    เดือดร้อนในตัวเองมากที่สุด อย่างเช่น
    พวกขอทาน เป็นต้น คงไม่มีใครไปเอ่ย
    ชื่อเจ้าหญิง เจ้าชายเป็นแน่เพราะยังไงก็ไม่มีคนเชื่อ

    เดี๋ยวมาเล่าต่อตอนเย็น


    (kiss)(kiss)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2013
  16. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ต่อจากเรื่องเดิม คดีแม่มดที่สยดสยองที่สุดในประวัติศาสตร์ยุโรป

    [​IMG]


    ครอบครัวแพ็พเพอร์ไฮเมอร์ทั้งหมดต่างโดน
    ให้ร้ายเป็นจำเลยของคดีที่หาตัวการคนทำ
    ไม่เจอจำนวนหลายคดีมีตั้งแต่คดี เผาบ้าน
    ปล้นโบสถ์ ทำให้เรือกสวนไร่นาเสียหาย
    สัตว์ติดโรคระบาด ด้วยเวท์มนตร์ของปีศาจ
    นอกจากนี้ ยังคดีไร้สาระอื่นๆ เช่น
    ทำให้หญิงตั้งครรภ์จำนวนมากต้องแท้งลูกตาย
    หรือเด็กทารกที่ตายตั้งแต่อายุไม่กี่เดือน
    ก็โดนถูกกล่าวว่าเป็นเพราะครอบครัวขอ
    ทานเหล่านี้เป็นคนกระทำด้วยเวทย์มนตร์อีกด้วย


    [​IMG]


    ทั้งหมดต่างโดนลงทัณท์ให้สารภาพผิด
    ในสิ่งที่ไม่ได้ทำไปแล้ว และก็โดนตัดสิน
    ให้ถูกประหารชีวิตด้วยวิธีสุดโหด

    สำหรับแฮนเซล เด็กชายวัยสิบขวบ
    ของบ้านถูกจับแยกไปลงฑัณท์ต่างหาก
    ในขณะที่พ่อกับแม่ และพี่ชายของเขา
    กับพวกคนรากหญ้าคนอื่นๆที่ต่างถูกข้อ
    กล่าวหาคดีแม่มดพ่อมด
    ด้วยกันต่างโดนจับไปทรมาณอีกที่
    ครั้นเล่ามาถึงจดนี้เนื้อเรื่องออกจะติดเรท
    ความรุนแรงนิดหน่อย
    เมื่อวันตัดสินประหารมาถึง พวกแพ็พเพอร์ไฮเมอร์
    ทุกคนต่างถูกนำตัวไปประหารในที่แจ้ง
    ท้ามกลางคนดูมากมาย ในขณะที่ผู้พิพากษา
    จะกักตัว แฮนเซล ลูกชายคนเล็กของ
    บ้านวัยสิบขวบไว้ให้ดูการประหาร
    อันสุดโหดของพ่อแม่และพี่ชายของตน
    และบันทึกอากัปกิริยาของแฮนเซล
    ที่มีต่อสิ่งที่เด็กชายกำลังจะได้เห็น


    [​IMG]

    เพชรฆาตผู้ลงทัณฑ์ และทรมานคดีแม่มด
    นั้นจะเป็นพวกที่เฟ้นหามาแล้วว่ามี
    ความชอบเรื่องการกระทำแบบนี้มาโดยเฉพาะ
    หาใช่มนุษย์ที่มีจิตใจปกติธรรมดาไม่

    พอลลัส ผู้เป็นพ่อโดนเสียบประจาน
    ด้วยการใช้ไม้แหลมทิ่มตั้งแต่ทวารหนักขึ้น
    ไปให้ให้ไปทะลุออกปาก ส่วนบางคนที่โดน
    ข้อหานี้ ถูกจับแขวนเอาหัวลงล่างและขาชี้
    ขึ้นด้านบนก่อนจะโดนเลื่อยตัด ร่างกายออก
    ทีละส่วน ท่ามกลางเสียงหวีดร้องที่ดังจน
    กลบเสียงของคนดู เพราะกว่าความเจ็บปวด
    จะผ่านไปก็เม่อโดนตัดช่วงสะดือและร่างกาย
    ท่อนล่างหลุดไปนั่นแหละถึงเป็นอันว่า
    สิ้นความรู้สึกจากร่างกายท่อนล่าง



    [​IMG]


    ในขณะที่นักโทษแม่มดผู้หญิงดูจะ
    เป็นสิ่งที่โปรดปรานมากที่สุดของนัก
    ทรมานแม่มด ที่ถูกเฟ้นหามาแล้วว่า
    ต้องชอบด้านนี้อยู่แล้ว และสามารถสนุก
    ได้เต็มที่ในงานนี้โดยไม่ผิดกฏหมายหรือ
    หลักจริยะธรรมใดๆเพราะผู้ถูกกระทำคือ
    นักโทษคดีแม่มด หรือคนชั้นต่ำของสังคม
    ที่ไม่ได้รับการปกป้องด้วยกฏหมาย


    สำหรับ แอนนา แพ็พเพนไฮเมอร์
    ผู้เป็นแม่โดนลงทัณฑ์ด้วย เครื่องมือชนิด
    หนึ่งที่ไว้สำหรับลงโทษ ผู้หญิงที่ต้องคดี
    คบชู้ หรือทำแท้ง หรือคดีแม่มด
    แต่สำหรับแอนนานั้น นักทรมานแม่มดไม่
    เพียงแต่ใช้เครื่องทรมานนางแล้ว ยังมีการ
    อนาจารทางเพศ อย่างผิดศีลธรรมอีกด้วย
    นางโดนทรมานด้วยอุปกรณ์เหล็กสำหรับ
    ดึงเต้านมจนหลุดออกมา หลังจากนั้น
    เต้านมที่ขาดแหว่งออกมานั้น
    นักทรมานแม่มดได้บังคับ
    ให้นางกินเนื้อเต้านมของตัวเอง


    ในขณะที่ลูกชายคนโตวัยรุ่นของนางซึ่ง
    มีนามว่าจาค็อบ หรือ มิเชลว์ก็ถูกนักทรมาน
    แม่มดจิตใจผิดมนุษย์เดินถือเต้านมที่หลุด
    ออกมาอีกข้างของมารดาของเขา
    เขาบังคับให้ เด็กหนุ่มแสดงอาการ
    ทางกามารมณ์ด้วยการดูดเต้านมนั้น
    พร้อมทั้งกล่าวหาว่าทั้งหมดเป็นพวก
    ของซาตานซึ่งเป็นคนโสมม ดังนั้น
    การกระทำต่ำๆต้องเป็นสิ่งที่พวกพ่อมด
    แม่มดชื่นชอบอยู่แล้ว
    แต่ชายหนุ่มไม่ยอมทำตามและขัดขืน
    นักทรมานแม่มดจึงใช้เต้านมที่ตัดออกมา
    จากตัวแม่บังเกิดเกล้าของจาค็อบเอง
    ตบหน้าของจาค็อบ จนเศษเนื้อของเต้านมนั้นเละเทะไป
    ทั่วหน้าของเด็กหนุ่ม หลังจากนั้นทั้งสอง
    แม่ลูกก็โดนประหารพร้อมกันบน
    เครื่องประหารที่เรียกว่า วงล้อ ซึ่งวิธีการก็คือ
    จับผู้ต้องหากางแขนขามัดติดกับล้อ
    วงใหญ่ ที่คล้ายล้อเกวียน หลังจากนั้น
    ก็ทุบแขนขาออกเหลือแต่ตัวและถูกชัก
    สู่ที่สูงและท้งเอาไว้ให้นกกามาจิกกิน
    เนื้อของซากศพเมื่อเน่า


    [​IMG]


    ในขณะที่ แฮนเซลเด็กชายวัยสิบขวบถูก
    บังคับให้นั่งดู ครอบครัวของเขาโดนประหาร
    ตายไปต่อหน้าต่อตา ผู้พิพากษาได้จดบันทึก
    สิ่งที่เด็กชายกล่าวในระหว่างที่เขาต้องเห็น
    พ่อ แม่ และพี่ชายโดนทารุณกรรม
    สิ่งที่ตามมาก็คือ เด็กชายโดนกล่าวว่า
    มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้และ ถูกตัดสิน
    ให้เผาทั้งเป็นในปีถัดมา จบเรื่องเคราะห์
    กรรมอันแสนสาหัสนี้สักที
    และแน่นอนว่าแม้เรื่องนี้จะจบแต่ว่า
    แต่ละวินาทีของความเจ็บปวดที่ครอบครัว
    แพ็พเพอร์ไฮเมอร์ได้รับนั้น
    แสนสาหัสและยาวนานเกินบรรยาย

    ใครอยากเจอวิญญาณของผีตระกูล
    แพ็พเพอร์ไฮเมอร์สามารถท้าพิสูจน์ได้ที่
    ฟอลค่อนทาวเวอร์ มิวนิก
    นอกจากนี้ยังมีวิญญาณผู้ต้อง
    หาคดีแม่มดอื่นๆอีกเพียบที่หอคอยนั้น


    :(catt23
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2013
  17. Jubb

    Jubb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,267
    ค่าพลัง:
    +2,134
    บรื๋อออออ เสียงเพลงน่ากลัวจัง *_O
     
  18. sereenon

    sereenon เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,727
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +7,931
    เกล็ดเล็กเกร็ดน้อยพวกนี้ทำให้ทราบว่าชาวยุโรปนี่โหดใช่เล่นนะเนี่ย แต่ละอย่างไม่รู้คิดได้ไง:mad:
     
  19. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ดิฉันอยู่ที่ยุโรป ออกจากบ้านเดินผ่านปราสาท และตึกโบราณกับของสวยงามมากมาย แต่ทำให้รู้ซึ้งว่า กว่าจะได้ของสวยงามพวกนั้นมา คนยุโรปผ่านการเหี้ยม โหด หน้าเลือด เค็ม ขี้เหนียวแค่ไหน ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถทำให้เอนโทรปีมันน้อยได้ขนาดนั้น ดิฉันอยู่ที่นี้เจอคนนิสัยเหี้ยมๆ แข็งๆเยอะกว่าคนใจดีคะ แต่ก็ยังอยู่เพราะอยากเรียนรู้ความแตกต่าง จนกว่าจะรู้จนหมดเปลือก เดี๋ยวพรุ่งนี้เอาเรื่องผีมาเล่าต่อ

    ;k01;aa28;hi2
     
  20. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ตำนานวิญญาณเจ้าสาวในหีบเสื้อผ้า

    [​IMG]



    ตำนานวิญญาณเจ้าสาวในหีบเสื้อผ้า
    ผู้หญิงแสนสวยกับหีบเก็บเครื่องประดับโบราณ
    ใบใหญ่ดูจะเป็นของคู่กันมาช้านาน
    ย้อนกลับไปในสมัยกรีกโบราณ
    ตำแหน่ง ภิกษุณีพรหมจรรย์ประจำ
    วิหารเทวี วาสต้า ผู้ บริสุทธิ์ นั้นเป็น
    ตำแหน่งที่สุภาพสตรีสาวชั้นสูงต่าง
    ปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง เพราะพวกเธอ
    จะได้รับการศึกษาในวิหารเทวี วาสต้า
    ได้สวมชุดขาวสวยงาม เป็นที่เคารพ
    และปลอดภัยจากการจะถูกทำร้าย



    [​IMG]



    ในสังคมโบราณอันยังเต็มไปด้วย
    ความป่าเถื่อน แต่กระนั้นการผิดคำ
    สาบานที่จะเป็นสาวพรหมจรรย์ตลอด
    ชีวิตก็สามารถนำภัยพิบัติมาสู่ ภิกษุณี
    สาวเหล่านี้เช่นกัน ตามกฏมณเฑียรบาลนั้น
    ภิกษุณีสาวแห่งวิหารเทวี วาสต้านางใด
    ที่เกิดคบชู้สู่ชาย หรอตกหลุมรักชายหนุ่ม
    หรือการรอบหนีไปด้วยกัน
    ตลอดจนการล้มเลิกที่จะเป็นภิกษุณี
    เพื่อจะไปแต่งงาน ภิกษุณีหญิงนางนั้น



    [​IMG]


    จะถูกลงโทษด้วยการฝังทั้งเป็น ในหลุม
    ที่ปิดตายพร้อมกับอาหารและน้ำจำนวนหนึ่ง
    อันได้แก่ขนมปังและไวน์
    ในภายหลังการลงโทษทัณฑ์เช่นนี้โดน
    พัฒนามาให้เป็นการจับหญิงสาวใส่เข้า
    ไปในหีบขนาดเท่าโรงศพแทน และล็อคหีบนั้น
    ซึ่งทำให้การตายมีความรวดเร็วขึ้นในราว
    วันถึงสองวัน
    แต่แน่นอนที่สุดว่ากว่าวาระสุดท้ายของนาง
    จะมาถึงก็ต้องผ่านการทรมานจิตใจอย่าง
    แสนสาหัสที่เดียวในหีบมืดๆที่แคบรัดตัว
    และปราศจากอากาศหายใจ


    [​IMG]

    ย้อนกลับมายังตำนานผีเจ้าสาวในหีบ
    ใส่เสื้อผ้าในสมัยศตวรรษที่ 18 เรื่องราวเกิด
    ขึ้นที่ประเทศอังกฤษ และทุกวันนี้ผู้คนที่
    พบเห็นวิญญาณของนางจะเรียกนางว่า
    เลดี้สีขาว อันเนื่องมาจากชุดเจ้าสาวสี
    ขาวที่เธอสวมใส่อยู่นั้นเอง



    [​IMG]




    เรื่องราวเกิดขึ้นที่คฤหาสน์ มินสเตอร์
    โรเวลว์ ฮอล เรื่องนั้นมีอยู่ว่าในคืนงานเลี้ยงฉลอง
    การแต่งงานของ ลอร์ด โรเวลว์ และ
    เจ้าสาวแสนสวยของเขา ได้มีกิจกรรม
    เล่นซ่อนแอบจัดขึ้นในงานเลี้ยงฉลองนี้
    เล่ากันว่าเจ้าสาวของท่านลอร์ดนั้นเป็น
    หญิงสาวที่สวยมากคนหนึ่ง เธอผมยาว
    และสวมผ้าคลุมหน้ากับชุด แต่งงานแบบสมัยนั้น
    ซึ่งมีคอเซตรัดทรง กับกระโปรงที่พองฟู
    เธอปรารถนาที่จะเป็นผู้ชนะของเกม์
    จึงวิ่งขึ้นไปยังห้องใตหลังคาของคฤหาสน์ที่
    ทั้งลอร์ด โรเวลว์เองก็แทบจะไม่เคยได้ใช้ห้องนี้
    หญิงสาวพบกับหีบไม้โอ๊คโบราณไว้ใส่
    เสื้อผ้าใบหนึ่งเธอจึงเปิดมันและเข้าไป
    ซ่อนอยู่ข้างในโดยหารู้ไม่ว่าหีบนั้นไม่ได้
    ทำขึ้นไว้ให้สามารถเปิดได้จากภายในเช่นประตู


    [​IMG]


    กล่าวกันว่าเมื่อหญิงสาวได้เข้าไปข้างใน
    แล้วเธอถูกตัวล็อคของหีบตีศีรษะของเธอ
    จนกระโหลกแตก หนำซ้ำยังนอน
    ทับลงไปบนมีดเล่มหนึ่งในหีบ
    ในขณะที่เธอสวม คอเซต หรือ ไท้- แลซซิ่ง
    นั้นในบางยุคทีผู้หญิงนิยมรูปร่างดังตัวเอส
    จะสวมมันไว้เสมอเพราะสามารถเปลี่ยน
    รูปร่างกระบังลม อก และเอวให้ข้อด
    และอกตั้งได้ราวกับหุ่นนาฬิกาทราย
    ซึ่งการสวมคอเซตและเข้าไปโดนขัง
    ในหีบยิ่งสร้างความทรมานแก่หญิงสาว
    เป็นอย่างยิ่งเพราะทำให้หายใจไม่ออก
    จนปอดระเบิด

    เธอพยามกรีด
    เสียงร้องแต่หีบก็ทึบและหนา ไม่มีใครได้ยินเสียง
    ของเจ้าสาวผู้น่าสงสารจนงานแต่งงานเลิกลาไป
    ลอร์ด โรเวลว์ ก็หาเจ้าสาวของเขาไม่พบ จนต้อง
    แจ้งความกับตำรวจ จนกระทั้งเวลาผ่านไป
    สองสามวันให้หลังนั้นเอง ที่แม่บ้านได้
    ขึ้นไปทำความสะอาดห้องใต้หลังคาและ
    ก็แทบช็อค เมื่อพบศพของเจ้าสาวของ
    ท่านลอร์ด ตายในสภาพสะยดสยองในหีบนั้น
    ใบหน้าของศพเจ้าสาวนั้นกล่าวกันว่า
    ดวงตาเปิดลุกโพลงและอ้าปากค้างราว
    กับตกใจกลัวจนแทบช็อค
    ศรีษะโดนเหล็กล็อคหนีบทับจนแตกร้าว
    และยังมีดทิ่มอยู่ที่ตัวอีกด้วย ในขณะที่
    ความแออัดเบียดเสียดเยียดยัดด้าน
    ในหีบทำให้เธอขยับหายใจแทบไม่ได้
    จนคอเซ็ตที่รัดทรงปริขาด
    เรื่องราวนี้นำไปสู่แรงบันดานใจในนวนิยาย
    แนวลึกลับของ อิตาลี เรื่อง เจนนิเวียร่า
    ทุกวันนี้ตำนานวิญญาณเจ้าสาวผู้ถูกขังใน
    ตู้เสื้อผ้าจัดว่าเป็นวิญญาณผียุโรปอีกประเภทหนึ่ง
    ที่ขึ้นชื่อทีเดียวที่อังกฤษ จนแม้แต่เกมส์
    เพล สเตชั่น ญี่ปุ่นเกี่ยวกับวิญญาณผี
    ในสหราชอาณาจักร ก็ยังนำเจ้าสาวผู้มี
    การตายอันเรื่องชื่อนี้ไปเป็นหนึ่งในตัวละครผี









    ตำนานโหด แจ็ค เดอะ ริปเปอร์



    [​IMG]



    แจ็กเดอะริปเพอร์
    เป็นสมญาของฆาตกรต่อเนื่องที่ออกทำฆาตกรรมในย่าน
    "ไวท์ แชพเพลว์" ซึ่งเป็นถิ่นคนจนใกล้กรุงลอนดอนใน
    ช่วงครึ่งปีหลังของ ค.ศ. 1888 ชื่อสมญาได้มาจาก
    ข่าวที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ต่างๆ ที่ลงข่าวจดหมาย
    ลึกลับที่เขียนถึงสำนักข่าวกลางโดยผู้เขียนที่อ้าง
    ตนว่าเป็นฆาตกร ถึงแม้จะมีการสืบสวนและมีทฤษฎี
    ที่น่าเชื่อถือมากมาย แต่ก็ไม่สามารถบ่งบอกโฉม
    หน้าที่แท้จริงของฆาตกรได้เลย



    ตำนานเล่าขานเกี่ยวกับฆาตกรแจ็ก
    เดอะริปเปอร์ได้กลายเป็นขนมผสมน้ำยา
    ระหว่างการค้นคว้าวิจัยอย่างจริงจังทาง
    ประวัติศาสตร์ ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดและนิทานพื้นบ้าน
    การขาดหลักฐานยืนยันที่แน่ชัดทำให้
    เกิดมีคำว่า "นักริปเพอร์วิทยา" มาใช้เรียก
    นักประวัติศาสตร์และนักสืบสมัครเล่นที่ศึกษา
    คดีอันโด่งดังนี้เพื่อกล่าวหาหรือพาดพิง
    ถึงบุคคลต่างๆ ว่าคือตัวริปเพอร์
    หนังสือพิมพ์ซึ่งมียอดขายเพิ่มสูงมาก
    ในช่วงนี้โทษว่าเป็นเพราะความล้มเหลว
    ของตำรวจที่ไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้
    ทำให้ฆาตกรฮึกเหิมได้ใจและท้าทาย
    เหตุการณ์จึงเกิดต่อเนื่องเรื่อยมา
    ในบางครั้งตำรวจมาถึงที่เหตุเกิด
    เพียง 2-3 นาที แต่กลับไม่ได้ตัวคนร้าย




    เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายเกือบทั้งหมดเป็น
    ผู้หญิงที่ออกหาเงินเป็นครั้งคราวด้วยการ
    เป็นโสเภณี ฆาตกรรมส่วนใหญ่เกิดใน
    ที่สาธารณะหรือกึ่งสาธารณะ เหยื่อทุก
    รายถูกเชือดคอ หลังจากนั้นซากศพจะ
    ถูกหั่นตรงช่วงท้องและบางครั้งที่อวัยวะเพศ
    คาดกันว่าเหยื่อจะถูกรัดคอให้เงียบเสียง
    ก่อนลงมือฆ่า มีหลายกรณีที่มีการตัด
    อวัยวะภายในออก จึงมีผู้อนุมานว่า
    ฆาตกรอาจเป็นศัลยแพทย์หรือไม่ก็
    คนขายเนื้อ ซึ่งยังหาข้อสรุปไม่ได้




    เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายตาย
    จากหญิงถูกฆาตกรรมหลายรายยังที่เป็น
    ที่ถกเถียงกันทั้งชื่อและจำนวน แต่รายที่ชี้
    ได้ชัดว่ากระทำโดยแจ็กเดอะริปเพอร์มีไม่มาก

    เหยื่อที่เป็นที่ยอมรับได้แน่นอน 5 รายเหยื่อ
    ที่เป็นที่ยอมรับทางกฎหมายว่าเป็นฝีมือ
    ของแจ็กเดอะริปเปอร์แน่นอนมี 5 ราย
    มีชื่อเรียกกันว่า 5 เหยื่อบัญญัติ
    ที่ได้จากผลสรุปของการสอบสวน
    จากหลายฝ่ายจากการที่ศพทั้งหมด
    มีลักษณะการถูกกระทำเกือบเหมือนกัน
    เหตุที่ทำให้เป็นที่เชื่อถือได้ในขณะนั้น
    มาจากความเห็นของหัวหน้าตำรวจ
    ชุดสอบสวนกลางคือ เซอร์เมลวิลล์ แมกนอเทน
    ที่ให้ไว้เมื่อ ค.ศ. 1894 ซึ่งเพิ่งเปิด
    เผยเมื่อ ค.ศ. 1959


    [​IMG]



    ความจริงแมกนอเทนเข้าร่วมการ
    สอบสวนหลังเกิดเหตุแล้ว 1 ปี โดย
    ไม่มีนักสืบอื่นร่วม ทำให้ "นักริปเปอร์วิทยา"
    ต้องแยกเอาศพ 2 รายออกจากรายการ
    เดิมที่มี 7 รายเหลือเพียง 5 ราย




    การฆ่าเหยื่อบัญญัติทั้ง 5 ทำตอนกลางคืน
    ในที่มืดในวันหยุดหรือใกล้วันสุดสัปดาห์
    มีลักษณะช่วงเวลาใกล้เคียงแต่ไม่ตรงกัน
    เกิดในที่ที่เปลี่ยวแต่สาธารณชนเข้าถึง
    ได้ด้วยการนัดหมาย หรือเป็นที่ที่มีคน
    ไปในช่วงสุดสัปดาห์ มีเพียงรายเดียว
    ที่เกิดในเขตลอนดอนและเกิดบนถนน
    นอกจากนี้ ลักษณะการกระทำของฆาตกร
    เพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
    ตามความโด่งดังของการประโคมข่าว


    [​IMG]

    ความยากในการบ่งชี้ว่าลักษณะอย่างใด
    ที่เป็นฝีมือของแจ็กเดอะริปเปอร์อยู่ตรง
    ช่วงเวลาที่มีการฆาตกรรมสตรีซึ่งมากอยู่
    แล้วในยุคนั้น แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า
    ถ้าเป็นแจ็กเดอะริปเพอร์ คอเหยื่อ
    จะถูกเชือดลึกมาก จะต้องมีการหั่น
    หรือสับช่วงท้องและอวัยวะเพศ
    มีการเชือดเอาอวัยวะภายในออก
    และมีการเฉือนใบหน้าด้วยมีดเป็นริ้วๆ..


    เหยื่อที่อาจใช่ฝีมือของแจ็กเดอะริปเพอร์
    ยังมีบัญชีแนบท้ายรายชื่อ "5 เหยื่อบัญญัติ"
    ที่อาจเป็นฝีมือของแจ็กเดอะริปเพอร์อีก 13
    รายโดยถือเอาความคล้ายคลึงในการเข้าจู่
    โจมทำร้ายหรือฆ่า แต่เหยื่อเหล่านี้มีหลัก
    ฐานการกระทำไม่ครบถ้วนและละเอียด
    ชัดเจน ส่วนแจ็กเดอะริปเปอร์ตัวจริงก็
    คือ นายโรเบิร์ด มานน์

    [​IMG]


    การสืบสวนกรณีแจ็กเดอะริปเพอร์ถือ
    เป็นเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้เกิดความ
    ก้าวหน้าในเทคนิคการสอบสวนและ
    นิติเวชศาสตร์มากที่สุดหลังเหตุการณ์


    วิธีการด้านนิติเวชสมัยใหม่ที่ยังใช้อยู่ใน
    ปัจจุบันยังไม่เป็นที่รู้จักของตำรวจ
    นครบาลในสมัยวิกตอเรีย แนวคิดเกี่ยว
    กับแรงกระตุ้นหรือแรงดลใจให้ลงมือ
    กระทำการฆ่าของฆาตกรต่อเนื่องยัง
    ไม่เป็นที่เข้าใจกันแต่อย่างใด ตำรวจ
    ในสมัยนั้นเข้าใจเพียงเพียงแรงจูงใจ
    อาชญากรรมที่มีต้นจากความต้องการ
    ทางเพศเท่านั้น


    สื่อในโลกนี้มีฆาตกรปริศนาที่ฆ่าคนโหด
    กว่าแจ๊คมากมายหลายรายนัก แต่ทำไม
    แจ๊คถึงดัง และคนอื่นถึงรู้จักแต่แจ๊ค ทั้งๆ
    ที่แจ๊คไม่ใช้ฆาตกรต่อเนื่องคนแรกของโลก
    และไม่ใช้ฆาตกรปริศนาคนแรกของโลกอีก
    นั้นเป็นเพราะสื่อและสิ่งที่ทำให้สื่อสนใจนั่น
    ก็คือช่วงที่แจ๊คอาละวาดเริ่มจาก
    31 สิงหาคม 1888 ช่วงนั้นสก็อตแลนด์
    สามารถคลี่คลายคดีหมอคลิปเปน ฆ่าหั่นศพเมีย
    องค์กรนี้จึงมีชื่อเสียงทันที
    พวกเขามักออกมาให้ข่าวทำนองว่า
    พวกตนมีทีมงานที่มีคุณภาพ มีเทคโนโลยี
    เวลาสืบสวนแต่ละทีต้องละเอียดยิบ
    ต่อให้ฆาตกรจะฆ่าใครโดยไม่ทิ้งหลักฐาน


    [​IMG]

    ก็ลากฆาตกรลงโทษจงได้ ดังนั้นพอ
    เกิดคดีแจ๊คขึ้นขึ้นมา สื่อที่หมั่นไส้
    องค์กรตำรวจสก็อตแลนด์ยาร์ดอยู่แล้ว
    เริ่มยิ้มถึงความล้มเหลว ขององค์กรนี้
    และก็เริ่มเดือด เมื่อตำรวจอังกฤษไร้น้ำ
    ยาปล่อยฆาตกรฆ่าคนไปหลายราย
    สื่อเริ่มประโคมข่าว และเริ่มกระจายข่าว
    ไปทั่วโลก และชื่อของแจ๊คเริ่มโด่งดัง
    ต่อมาเมื่อมีจดหมายส่งมาถึงผู้สื่อข่าว

    แต่ต้องยอมรับว่าฆาตกรรมแจ็กเดอะริปเพอร์
    มีผลต่อชีวิตแบบใหม่ของชาวอังกฤษ
    แม้ฆาตกรรมต่อเนื่องแจ็กเดอะริปเพอร์
    จะไม่ใช่กรณีแรก แต่ก็ได้ทำให้สื่อทั่วโลก
    แตกตื่นแพร่กระจายข่าวนี้อย่างครึกโครม
    การมียอดจำหน่ายสูงขึ้นมาก
    ประกอบกับการออกกฎหมายใหม่ลดค่า
    อากรแสตมป์ทำให้ราคาหนังสือพิมพ์ต่อ
    ฉบับลดลงมากจากการพิมพ์จำนวนมหาศาล
    ทำให้เกือบทุกคนซื้ออ่านได้
    เรื่องราวลึกลับน่ากลัวที่ยังจับใครไม่ได้จึง
    เป็นข่าวที่เพิ่มยอดขายได้สูง
    หลายคนถึงกับกล่าวว่าชื่อ
    "แจ็กเดอะริปเพอร์"
    เป็นชื่อที่หนังสือพิมพ์เป็นผู้ตั้งขึ้นเอง




    ต้นเหตุสำคัญที่อาจเป็นไปได้ในกรณี
    "แจ็กเดอะริปเพอร์" ที่ได้กล่าวถึง
    คือการปล่อยละเลยไม่เหลียวแลย่าน
    คนยากจนมากในสมัยนั้นจากชนชั้นสูง
    ผู้ดูแลบ้านเมือง ดังย่านที่เป็นที่เกิดเหตุ
    จึงมีผู้เรียกร้องความสนใจให้บ้านเมือง
    เข้ามาช่วยเหลือปรับปรุงให้มีสภาพดี
    ขึ้นบ้าง จอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์ เป็นผู้
    หนึ่งที่เขียนจดหมายเชิงประชดถึง
    กรณีดังกล่าวผ่านหนังสือพิมพ์


    [​IMG]

    ผู้ต้องสงสัยเจ้านักปาดคอมนุษย์คนนี้
    ได้ทิ้งร่องรอยเอาไว้สองสามอย่างด้วยกัน
    เพราะในแต่ละครั้งที่มันได้ฆ่าใครตายไป
    นั้นมันมักจะพาตัวหายลับเข้าไปอยู่ในบริเวณ
    ไวซ์ชาเปลซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของคนจน
    ถ้าหากว่าคนร้ายรายนี้เป็นคนจน
    ถ้่าอย่างนั้นทำไมเขาจึงได้มีความรู้
    วิชาการแพทย์ และได้ใช้ความรู้นั้นมา
    ฆ่าคนอย่างโหดร้าย ทฤษฏฎีที่มีทางจะ
    เป็นไปได้มากที่สุดเกี่ยวกับตัวการคือ
    ข้อสันนิษฐานของดาเนียล ฟาร์สัน
    นักเขียนแลกนักข่าวของวิทยุกระจาย
    เสียงและต่อมาเขาได้กลายเป็นหัวหน้า
    ของกองสอบสวนกลางเมื่อปี1903
    ฟาร์สันได้เพ่งเล็งผู้ต้องสงสัยไว้สาม
    คนด้วยกัน คนแรก แพทย์ชั้นเซียนชื่อ
    ไมเคิล ออสตร๊อก คนที่สอง
    ผู้นิสัยในการชอบฆ่าคนชาวโปลิช
    สายเลือดยิว
    ชื่อว่า กอสมันสกี้


    [​IMG]



    ซึ่งมีนิสัย
    เกลียดผู้หญิงอย่างรุนแรง และอีกคนหนึ่ง
    ก็คือทนายความผู้มีนิสัยเลวทรามชื่อมา
    มองตาคิว ยอห์น ดรุตต์ หรือบ้างก็ว่า
    มีเจ้าชายของราชวังได้ไปเที่ยว
    โสเภณีแต่ในภายหลังพระองค์ถูก
    แบล๊คเมล์โดยโสเภณีหญิงผู้นั้น
    พระองค์จึงส่งคนในวังไปลอบฆ่านาง
    ซึ่งนั่นคือคดีแรก แต่คดีต่อๆไปเป็น
    แค่พฤติกรรมเลียนแบบ มีเพียงคนเดียว


    เท่านั้นที่รู้ความจริงในเรื่องคดีดีที่สุด
    นั่นก็คือคนที่เป็นแจ๊กเดอะริปเปอร์จริงๆ
    เท่านั้น ซึ่งเราก็ไม่อาจรู้ได้ว่าเขาคือใคร
    แต่ว่าจะเป็นใครก็ตามความลับอันน่า
    หวาดหวั่นของเขาก็ต้องถูกฝังอยู่ใต้พื้น
    ดินพร้อมกับร่างของเขาไปแล้ว
    ซึ่งไม่มีทางที่ใครจะรู้ได้ความ
    จริงเกี่ยวกับเรื่องนี้กันอีกเลย




    สก็อตแลนด์ยาร์ดเปิดเผยโฉมหน้าแจ็กเดอะริปเพอร์
    แม้คดีของแจ๊คจะจบลงมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1892 นานแล้ว
    แต่ใช่ว่าหลายๆ คนจะหยุดการสอบสวน
    เพราะยังมีผู้สนใจซึ่งเรียกตนเองว่า
    “นักริปเปอร์วิทยา” และผู้เชี่ยวชาญด้าน
    อาชญากรรมรวมไปถึง สก็อตแลนด์ยาร์ดที่
    ล้มเหลวยังคงสืบสวนคดีไม่รู้จักหยุดหย่อน
    แต่จากการสืบสวนของโดนัลด์ ซุทเธอร์แลนด์
    สอวนสัน สารวัตรใหญ่ประจำหน่วยสืบสวน
    คดีอาชญากรรม สก็อตแลนด์ยาร์ด
    พบว่านายวิลเลียม สมิธ ตำรวจสาย
    ตรวจเมื่อ 120 ปีก่อน เป็นพยานคน
    หนึ่งที่ยังคงมีชีวิตอยู่หลังพบเห็นใบ
    หน้าที่แท้จริงของแจ๊ค


    นายสมิธเห็นชายหญิงคู่หนึ่งอยู่ด้วย
    กันหลังเที่ยงคืนเล็กน้อย และอีกไม่ถึง
    ครึ่งชั่วโมงต่อมาผู้หญิงคนที่พบก็กลาย
    เป็นศพที่ 3 ของแจ๊ค โดยชายที่สมิธ
    เห็นนั้น สูงราวๆ 5 ฟุต 7 นิ้ว ไว้หนวด
    เรียวเล็ก ผิวคล้ำ ซึ่งสอดคล้องกับ
    คอมพิวเตอร์ประมวลผลในปัจจุบัน
    ที่วิเคราะห์โดยทางเจ้าหน้าที่ของ
    สก็อตแลนด์ยาร์ด ส่วนเรื่องอื่นๆ
    เกี่ยวกับตัวแจ๊ค ก็มีคนออกมา
    เสนอความเห็นอีกเช่นกัน
    โดยนายคิม รอสโม ผู้เชี่ยวชาญ
    ด้านภูมิประเทศบอกว่าเขาใช้เทคนิค

    อย่างหนึ่ง นำสถานที่เกิดเหตุแต่ละครั้ง
    บวกกับรายงานที่มีพยานพบเห็นมา
    ประเมินว่า ฆาตกรน่าจะอยู่ที่ไหน
    ผลออกมาคือ ฆาตกรรายนี้น่าจะ
    พักอาศัยในอาณาเขตไม่เกิน 1
    ตารางไมล์จากสถานที่เกิดเหตุ
    และยังวิเคราะห์ลึงลงไปอีกว่า
    น่าจะอาศัยอยู่ที่แถบถนนฟลาวเวอร์
    หรือถนนดีน ซึ่งห่างจุดเกิดเหตุแต่ละ
    ครั้งราวๆ ไม่เกิน 100 หลา และยัง
    เป็นพื้นที่ที่ตำรวจเมื่อ 120 ปีก่อน
    เคยสำรวจ รวมถึงสอบถามเรื่องราว
    เพื่อตามล่าผู้ต้องสงสัยจากผู้คนใน
    ละแวกนี้มาแล้ว แม้จะไม่พบข้อมูล
    ที่สามารถชี้ชัดใดๆ ได้ก็ตาม


    เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม สก็อตแลนด์
    ยาร์ดได้เปิดเผยหลักฐานชิ้นสำคัญ
    นั้นคือบันทึกส่วนตัวของโดนัลด์ ซุทเธอร์แลนด์
    สวอนสัน สารวัตรใหญ่ประจำหน่วย
    สืบสวนคดีอาชญากรรม สก็อตแลนด์ยาร์ด
    ผู้รับผิดชอบคดีนี้นับตั้งแต่วันเกิดเหตุ
    ซึ่งทายาทของสวอนสันตัดสินใจมอบ
    บันทึกนี้ให้พิพิธภัณฑ์อาชญากรรม
    ของสก็อตแลนด์ยาร์ด โดยบันทึกนี้
    เขียนด้วยมือของสวอนสันเองหลักจาก
    เกษียณอายุราชการแล้ว ที่ยังคงกังวล
    ใจเกี่ยวกับคดี แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์
    ​ และเขียนบันทึกนี้ไว้เพื่อให้คนรุ่น




    หลังได้อ่านเกี่ยวกับข้อมูลคดี
    ที่น่าสนใจคือ สวอรสันได้ระบุชื่อ
    ของบุคคลที่เขาคาดว่าจะเป็น
    “แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์” ไว้ในบันทึกเล่มดังกล่าวด้วย


    บันทึกนี้ระบุว่าฆาตกรคนนั้นชื่อ อารอน โคสมินสกี้
    เป็นช่างตัดผมชาวยิวที่อาศัยในเขตไวท์แซฟ
    เพลย่านที่เกิดเหตุนั้นเอง สำหรับนาย อารอน
    โคสมินสกี้ นี้มีการชี้ตัวอย่างลับๆ ของพยาน
    คนหนึ่งที่อ้างว่าเห็นตัวฆาตกร แต่พยานคนนี้
    ไม่ยอมร่วมมือกับราชการเท่าไหร่เพราะไม่
    อยากชื่อว่าเป็นคนทรยศ เพื่อนร่วมเชื้อชาติ
    เดียวกัน


    อย่างไรก็ตาม ในการร่วมมือแบบไม่
    เปิดเผยนั้น ตำรวจพาพยานไปชี้ตัว โดยนาย
    โคสมินสกี้ไปรวมกับคนอื่นๆ ซึ่งพยานสามารถ
    ชี้ตัวได้ถูกต้อง หลักจากนั้นตำรวจก็จับตา
    มองโคสมินสกี้ตลอด แต่ตอนนั้นนายนั้นดัน
    เกิดอาการโรคจิตกำเริบ จนถูกส่งตัวไป
    โรงพยาบาลรักษาอาการ งานนี้หลานของ
    สวอนสัน คือเนวิลล์ สวอนสัน บอกว่าคุณปู่
    มั่นใจเลยว่านายโคสมินสกี้เป็นฆาตกรแน่นอน
    แต่มีเหตุผลบางอย่างที่ไม่สามารถจับกุมเขาได้


    [​IMG]


    ความเห็นของสวอนสันนั้นก็สอดคล้องกับ
    เจ้านายเขาเหมือนกัน คือเซอร์โรเบิร์ต
    แอนเดอร์สัน เขาก็เขียนบันทึกเหมือนกันว่า
    สงสัยนายโคสมินสกี้เหมือนกัน
    อันที่จริงชื่อของโคสมินสกี้ไม่ใช้
    เพิ่งจะโผล่ออกมา แต่เป็นชื่อต้นๆ
    ที่เคยถูกอ้างมาก่อนโดยเจ้าหน้าที่
    เซอร์เมลวิลล์ แม็กนักห์ แต่เขาเป็น
    ผู้ต้องสงสัยอันดับสองเพราะเขาสนใจ
    นายมองตาคิว จอห์น ดรูอิทท์ ว่าน่าจะ
    เป็นแจ๊คมากกว่าแต่โคสมินสกี้จะเป็นแจ๊ค
    หรือไม่นั้นไม่มีใครตอบได้ เพราะตอนนี้
    เจ้าตัวลาโลกไปนานแล้วจะเชิญมาสอบ
    ปากคำคงต้องขึ้นคนทรงเจ้าแหละ
    แถมแม้มีการเปิดเผยเรื่องมากขึ้น
    แต่ปริศนาก็คือปริศนา เพราะมีคน
    บางคนนำเสนอว่าบางที่แจ๊คนั้นไม่
    ได้มีคนเดียว แต่มันมีสองคนขึ้นไป
    ดำเนินการต่างหาก

    นายเทรเวอร์ แมริออต อดีตนายตำรวจ
    อังกฤษทุ่มเทเวลากว่า 10 ปี ในการศึกษา
    สำนวนคดีแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ และประกาศว่า
    “ไม่มีทางเลยที่ฆาตกรผู้นี้จะทำงานได้
    โดยลำพังเพียงคนเดียว”เขาว่าจำนวน
    เหยื่อของแจ๊คนั้นไม่ทราบแน่ชัดว่ามีกี่
    รายกันแน่ บางคนบอกว่ามีกว่า 10 ราย
    แต่เท่าที่นักริปเปอร์วิทยาทั้งหลายลงความ
    เห็นว่าแท้จริงมีเหยื่อแค่ 5 รายเท่านั้น
    โดยนับจากรายแรกตั้งแต่สิ้นเดือนสิงหาคม ค.ศ.1888



    [​IMG]



    แต่สิ่งที่แมริออตสะดุดใจมากคือ
    เหยื่อรายที่ 3 และ 4 เพราะเกิดเหตุ
    ในคืนเดียวแต่สถานที่กันซึ่งมีระยะห่าง
    กันเพียง 12 นาที ทำให้มีการคาดว่าน่า
    จะมีการแยกกันลงมือเพราะในเวลาที่น้อย
    ขนาดนี้ ไม่น่าจะมีใครว่องไวพอขนาดทำงาน
    ได้ 2 ศพ ในเวลาไล่เลี่ยงขนาดนี้ บางที
    โคสมินสกี้อาจร่วมมือกับใครคนหนึ่งหรือ
    อาจเป็นองค์กร สมาคม หรือใครสักคนที่
    มีอิทธิยิ่งใหญ่ในอังกฤษ เขาอาจได้ค่า
    จ้างร่วมมือกันฆ่าโสเภณีทั้ง 5 โดยมีวัตถุ
    ประสงค์บางอย่างซึ่งเราก็ไม่ทราบได้

    จนกระทั่งเวลาผ่านไป 120 ปี ปลายปี
    ค.ศ. 2006 สก็อตแลนด์ยาร์ดก็เปิด
    เผยโฉมหน้าของแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ในที่สุด


    [​IMG]


    แจ็กเดอะริปเพอร์ในวัฒนธรรมสมัยใหม่มี
    การนำกรณีหรือชื่อของ "แจ็กเดอะริปเพอร์"
    มาสร้างเป็นนวนิยายหลายเรื่อง
    ตั้งเป็นชื่อวงดนตรีบ้าง ชื่อเพลงบ้าง
    ทั้งโดยตรงและใช้ชื่อสถานที่ที่มีการ
    อ้างอิงแพร่หลายในข่าวที่เป็นที่รู้จักบ้าง
    เช่น พิงค์ดอท บอบ ไดลาน จูดาส พรีสท์
    และสกรีมมิง ลอร์ด ซัทช์ ต่างร้อง
    และอัดเพลงจำหน่ายในชื่อ แจ็กเดอะริปเพอร์

    มีหลายบริษัทที่เอาแจ็กเดอะริปเพอร์มาทำตุ๊กตา
    และของเล่นขาย จนบางครั้งได้รับการประท้วง
    จากสังคม ในปี พ.ศ. 2549
    วารสารประวัติศาสตร์ บีบีซี.
    ลงคะแนนเสียงโดยผู้อ่านให้กรณี
    "แจ็กเดอะริปเพอร์" เป็นประวัติศาสตร์
    ที่เลวร้ายที่สุดของอังกฤษ



    ถึงปัจจุบันมีหนังสือที่ไม่ใช่นวนิยายเกี่ยว
    กับแจ็กเดอะริปเพอร์มากถึง 150 เล่มทำ
    ให้แจ็กเดอะริปเพอร์เป็นคดีฆาดกรรมจริง
    ที่มีผู้นำไปเขียนมากที่สุดในคริสต์ศตวรรษ
    ที่แล้ว แม้ขณะนี้ก็ยังมีวารสารเกี่ยวกับแจ็ก
    เดอะริปเพอร์ตีพิมพ์จำหน่ายพร้อมกัน
    6 ฉบับในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...