แนวทางที่ผมฝึกแล้วเห็นผล

หากเป็นอาการ หลับอยู่ส่วนหลับ และ ตื่นอยู่ส่วนตื่นแล้วละก็ แสดงว่า สติของคุณแกร่งเพียงพอที่จะลงไปในฌาณ 4 ได้ด้วยตัวมันเองแล้ว และในขณะนั้น จิตไม่สามารถจะคิดได้ หากคุณเข้าสมาธิให้เข้าสู่ระดับนี้ในอิริยาบทนั่ง ทุกอย่างจะชัดเจนมากขึ้น และจะมีสติในฌาณ 4 ได้ดีมาก ๆ คำตอบคือ ใช่ สติ สามารถมีในฌาณ 4 ได้

 

สภาวะฌานนั้นต้องให้คนที่ทรงอภิญญาถึงจะดูได้
คนที่บรรลุฌานใหม่ๆจะยังไม่รู้ ต้องหมุนฌานหลายรอบมีสมาธิเยอะๆและสำเนียกถึงพอจะรู้ได้ และต้องมีผู้ทรงอภิญญาชี้แนะ ตรวจให้เพื่อกันการนึกคิดไปเอง ไม่งั้นจะทำให้หลงได้ง่ายๆ และก้าวหน้าได้ยาก อยากรู้ฌานเองก็ปฏิบัติกรรมฐานตามที่ผมบอกดูก็ได้ ไม่เกิน7น่าจะได้รู้บ้าง

 

คุณ Tamjugg กรรมฐานแบบของคุณนั้น ผมทิ้งมันมาเมื่อ 25 ปีที่แล้ว ฌาน ญาณ และ อภิญญา แบบของคุณนั้นมี "อวิชชา" เป็นตัวนำ ผมถามคุณแบบสั้น ๆ ง่าย ๆ ก็แล้วกันว่า

"คุณเคยหายใจจน ตาย มาแล้วหรือยัง"

หาก ยัง แสดงว่าคุณยังห่างไกลจากจุดสูงสุดในกรรมฐานของคุณอีกมาก หากคุณเคยผ่านจุดนี้มาแล้ว (อภิญญา XP) คุณย่อมตอบผมได้อย่างชัดเจนว่า กระบวนการตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงที่สุดที่เรียกว่า "ตาย" นั้นมีขั้นตอนความเป็นมาอย่างไร และเมื่อหลังจากกระบวนการ "ตาย" แล้วคุณรู้สึกอย่างไร แล้วคุณทำอะไรต่อ

ฌาน ญาณ และ อภิญญา แบบของคุณนั้น

"คุณเคยเดิน 3 ก้าวแล้วได้ระยะทางประมาณ 30 ฟุตมาแล้วหรือยัง"
"ลักษณะที่จิตอื่นมาติดต่อสื่อสาร แบบนอกสมาธิ คุณเคยมีประสพการณ์นี้หรือยัง"
"คุณเคยผจญกับ มิจฉาทิฐิ ที่มาจากจิตอื่น แล้วคุณ อัดกับมันตรง ๆ โดยไม่ต้องสวดหรือเรียกครูบาอาจารย์ มาแล้วหรือยัง"

ตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ ยังเป็นเรื่องของ "โลกียะ" อยู่เลย และยังไม่สามารถ "ปิดอบาย" ได้

ส่วนเรื่องของคุณ ปัญฺญาวโร นั้น อยู่ในรอยต่อของ หลับอยู่ส่วนหลับ และ ตื่นอยู่ส่วนตื่น ซึ่งอีกไม่นาน สติ ก็จะสามารถทรงฐานในตัวมันเองได้ และพร้อมที่จะแยกออกจากขันธ์ได้ด้วยตัวมันเอง ส่วนกรรมฐานของคุณไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ย่อมไม่สามารถมาถึงจุดนี้ได้ เพราะนี่เป็นเรื่องของ "โลกุตระ" ซึ่งมีขีดความสามารถในการ "ปิดอบาย" ได้ และไม่อยู่ในกรรมฐานสายของคุณ

คุณ Tamjugg อีกประการหนึ่งสำหรับคุณ คือ ลักษณะการโพสท์ของคุณนั้น เป็นการโพสท์ของผู้หลงผิด คิดเอาเองเออเอาเองว่า ตัวเองได้ ฌาน ญาณ และ อภิญญา แต่สำหรับบุคคลที่เคยผ่านสนามนี้มาจริง ๆ แล้ว ย่อมรู้สึก สมเภท และ อนาถใจ อยู่บ้างเพราะตนเองก็เคยตกอยู่ในสภาพนี้มาแล้ว เพียงแต่ "โมหะกรรม" ได้สิ้นสุดวงจรของมันลง จึงหลุดพ้นมาได้

ขอให้คุณหลุดพ้นจาก ความอึดอัดแบบไร้สาเหตุ หงุดหงิดแบบไร้ต้นตอ โกรธแค้นชิงชังทั้้ง ๆ ที่ไม่มีเหตุ อันเกิดมาจาก "มิจฉาสมาธิ" โดยเร็วเถิด หากคุณได้เคยบำเพ็ญบารมีมาบ้างในครั้งอดีต ก็ขอให้บารมีนั้น ๆ จงส่งเสริมให้คุณมาเดินในสาย "สัมมาสมาธิ" โดยเร็วพลัน และสามารถ "ปิดอบาย" ได้ในชาตินี้เถิด

 

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ ในอริยธรรม ของท่านธรรม-ชาติ ครับ

 

โดนงัดร้าน โทรศัพท์บัตรเติมเงินตังค์ทอนรวมๆแล้วหมื่นนึง จนเลย นั่งสมาธิไม่ได้เรื่องตั้งหลายวัน

 

ขอแสดงความเสียใจด้วยจริงๆครับ
คิดเสียว่าเขามาทดสอบกำลังใจล่ะกัน ตัวผใเองก็ผ่านจุดที่ยากเย็นมาแล้ว จากเคยมีใช้วันละหมื่น เปลี่ยนมาเป็นวันละไม่กี่สิบ แล้วก็วนไปๆมาๆแบบนี้ หลายที
ผู้ใดเห็นทุกข์ ผู้นั้นเห็นธรรม ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต
ยังไงก็ขอให้กลับมาสู่เส้นทางแห่งธรรมได้โดยไวนะครับ ผมเอาใจช่วย

 

อันนี้ผมเองก็อยากให้คุณTamjugg ลองใคร่ครวญให้ดีว่าจริงดังที่คุณธรรม-ชาติเขียนไหม ที่ทุกคนรุมเตือนคุณนั้น ไม่มีใครเขารังเกียจอะไรคุณหรอก เขาแค่ไม่อยากให้คุณหลงในอวิชชาด้วยความปรารถนาดี
ผมมั่นใจว่าหากคุณTamjuggผ่านในจุดนี้ได้ ก็จะไปต่อได้ ที่ผ่านมาผมเองก็ต้องขออโหสิกรรมกับคุณด้วยจริงๆ ใจจริงว่าจะคุยกับคุณหลายเรื่องแต่จำเป็นที่ต้องวางอุเบกขาเพราะว่าคุณหลงไปมาก มากจนใครเตือนอะไรก็ไม่ฟัง หวังว่ากลับมาคราวนี้คงฟังกันบ้างนะครับ

 

แน่นอนครับ ธรรมดาของคนย่อมขุ่นมัวบ้างเวลาเจอเหตุการณ์ต่างๆ ตอนนี้เฉยๆแล้วครับ ไม่เอาเรื่องเอาราว ถึงรู้ว่าโทรศัพท์ใครซื้อไว้(รู้จริงๆคนซื้อเล่าให้ฟัง) สงสารก็แต่คนที่มันมาตีซี้แล้วงัดร้าน จะต้องเจอกรรมหนักเพราะ เบียดเบียนคนทีี่ไม่คิดเบียดเบียน

 

คุณ ปัญฺญาวโร เคยให้อาหารปลาแล้วเคยเห็นมันแย่งชิงกันไหม เคยเห็นมันเคารพสิทธิซึ่งกันและกันไหม ความโลภในจิตของพวกมัน ความโกรธและความกลัวในจิตของพวกมัน มีมากกว่าในระดับชั้นปกติของจิตมนุษย์ ดังนั้นภูมิของมันจึงมีทุกข์มากกว่าภูมิในชั้นของมนุษย์ ให้มองสัตว์ทั้งหลายด้วยความเป็น จิต มองให้เห็นพฤติกรรมแห่งจิต ของมัน มองให้เข้าใจถึง นิสัยยะ แห่งจิตของมัน จากนั้นจะเข้าใจได้ถึงเรื่อง จิตเป็นผู้กำหนด ภูมิ ที่มันจะไปในอนาคต

ใช้เหตุการณ์นี้เป็นบทศึกษา (case study) แล้วลองไปให้ อาหารปลา ในวัดที่มีการให้อาหารปลาที่มีชุกชุม สังเกตุการแย่งชิงของพวกมัน สังเกตุความเป็น จิต ของพวกมัน สังเกตุความเป็น กลุ่มจิตหรือจิตรวมหมู่ ของพวกมัน ดูสักครู่ เมื่อพอเห็นอะไรบ้างแล้ว ให้น้อม โอปะนะยิโก ความเข้าใจและความรู้สึกนั้น ๆ เข้าหาตน แล้ว "ใช้จิต" ระลึกน้อมนำเหตุการณ์ โดนงัดร้าน เข้ามาเทียบกันดู หาก "เห็น" หรือ "รู้" ปรากฏการณ์ใหม่ที่มีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้น คุณอาจเห็นภูมิที่จะไปในอนาคตของจิตดวงนั้นก็ได้ อันนี้เป็นบทฝึกส่วนตัวเฉพาะบุคคลที่ใช้ได้ชั่วคราว ในกรณีนี้เท่านั้นนะครับ

ตังหายมันผ่านไปแล้ว ลองของเล่นใหม่ดู หากสามารถรู้ได้ ก็จะรู้ได้ว่าอะไรมันคุ้มไม่คุ้มอย่างไร ที่กรรมหนึ่ง ๆ ที่มันได้ลิขิตไว้แล้ว หากสามารถรู้ได้ ให้ช่วยเล่าความรู้สึกของคุณ หลังจากรู้ภูมิไปในอนาคตของจิตดวงนั้นให้ทราบด้วย

อย่าไป "แช่ง" มันแต่ให้ "รู้" เรื่องภูมิที่มันจะไปดีกว่านะครับ

 

ขอชื่นชมกับธรรมมะของคุณธรรม-ชาติ จริงๆ
แค่ชื่อก็มองได้เป็นธรรมแล้ว

 

สิ่งที่ไม่มีในตนหรือไม่ถึงแล้วมาพูดมันก็มีแต่กรรมติดปากตน คุณถึงขั้นไหนก็ไปลงในอภิญญาXP ดีกว่า อย่ามาพูดเก่งเลย วิธีผมฝึกมีคนถึงอภิญญา5มากมาย อาจจะ6แล้วก็ได้เพราะฝึกไม่ถึง4ปีก็ได้อภิญญา5แล้ว แต่นี้ผู้ที่ได้เค้าก็ยังฝึกไปเรื่อยๆจนตลอดชีวิต คุณคิดว่าเค้าพวกนั้นจะถึงอภิญญา6ไหมหละ แล้วพบพุทธเจ้าได้ มีพระพบมาเป็นร้อยท่านแล้ว ของจิงนั้นสอบถามธรรมได้ แต่พวกนึกคิดไปเองนั้น สนทนาจอมปลอมอ่านดีๆจะหาสาระไม่ได้ปรุงแต่งเอง เช่นพบพุทธองค์ให้สมบัติบ้างให้สร้อยบ้าง ทั้งที่พุทธองค์เคยละทิ้งโดยไม่มีเยื่อใยมาแล้วตอนครองราชอยู่ ขอบอกว่าของจิงท่านจะได้ธรรมเท่านั้น

ส่วนคุณไม่ถึงไหน อย่าโกหกตัวเองและปากดี มันจะทำให้วาระจิตไปไม่ถึงไหนและมีแต่กรรม ญาน ฌานอันเป็นพื้นฐานในการฝึกสมาธิเพื่อนบรรลุอภิญญา6 ของคุณมีบ้างรึยัง เหอะๆ ถ้ายังหาไม่ได้ในตัวคุณก็หุบปากดีกว่า หยุดหาเวรกรรมก่อน ไปฝึกให้ได้ก่อนนะ

คุณได้ไปอ่านกระทู้ผมดีๆนะ ถ้ายังไม่รู้จักญาน ฌานของจิง ก็เงียบไว้ดีกว่า คุณที่เข้าได้ญานฌาน ภาวนาและรักษาศีลมาเท่าไหร่แล้ว ไปกล่าวเสียๆหายๆก็มีแต่เวรกรรมหาตัวคุณเท่านั้น หวังว่าเข้าใจที่พูดนะ

 

ที่ว่าเห็นผลๆ อภิญญาเกิดขึ้นในตัวคุณรึยัง ในอภิญญา6 คนที่รู้วิธีฝึกจนได้อภิญญา5และอาจจะ6 เค้ายังไม่กล้าใช้คำพูดว่าเห็นผลเลย

 

หลายวันมานี้ แทนที่จะไป เร่งความเพียร ให้เกิดความสุขความเจริญในธรรม แต่ดันกลับไป เร่งความเพลีย ด้วยการฟุ้งซ่านปรุงแต่งที่เต็มไปด้วย ความเร่าร้อนชิงชังจาก มิจฉาสติ มิจฉาสมาธิ ที่มันเผาพลาญประดุจไฟสุมขอนอยู่นั่นแหละ เอาละ ตอนนี้มาดูการโพสท์ที่ออกมาโดยตรงจากจิตของคุณกัน ถือว่าเป็น Case Study ก็แล้วกันนะ

สิ่งที่ไม่มีในตนหรือไม่ถึงแล้วมาพูดมันก็มีแต่กรรมติดปากตน คุณถึงขั้นไหนก็ไปลงในอภิญญาXP ดีกว่า อย่ามาพูดเก่งเลย

+++ เริ่มต้นที่ "สติ" ในประโยคแรกของคุณกันก่อน จากประโยคแรกของคุณนี้ สามารถชี้ให้เห็นอย่างเด่นชัดแล้วว่า คุณไม่มีความสามารถที่จะอยู่ใน "ปัจจุบันขณะ" ได้ เพราะ "กระทู้นี้ในปัจจุบันขณะ" อยู่ในห้อง อภิญญาXP อยู่แล้ว ดังนั้น สิ่งที่ไม่มีใน ตน ของคุณนั้น คือ "สติ" นั่นเอง ดังนั้นให้ระวัง กรรมที่เกิดจากปากของคุณเอาไว้ด้วย จบวรรคที่ 1

วิธีผมฝึกมีคนถึงอภิญญา5มากมาย อาจจะ6แล้วก็ได้เพราะฝึกไม่ถึง4ปีก็ได้อภิญญา5แล้ว แต่นี้ผู้ที่ได้เค้าก็ยังฝึกไปเรื่อยๆจนตลอดชีวิต คุณคิดว่าเค้าพวกนั้นจะถึงอภิญญา6ไหมหละ แล้วพบพุทธเจ้าได้ มีพระพบมาเป็นร้อยท่านแล้ว ของจิงนั้นสอบถามธรรมได้ แต่พวกนึกคิดไปเองนั้น สนทนาจอมปลอมอ่านดีๆจะหาสาระไม่ได้ปรุงแต่งเอง เช่นพบพุทธองค์ให้สมบัติบ้างให้สร้อยบ้าง ทั้งที่พุทธองค์เคยละทิ้งโดยไม่มีเยื่อใยมาแล้วตอนครองราชอยู่ ขอบอกว่าของจิงท่านจะได้ธรรมเท่านั้น

+++ เริ่มวรรรคที่ 2 คำพูดของคุณแสดงออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่า "ไม่รู้จักคำว่า อภิญญา คืออะไร และมี ฐาน มาจากไหน" เอาละเพื่อเป็นการโปรดสัตว์เล็ก ๆ น้อย ๆ ฐานของ "อภิญญา" นั้นตั้งอยู่บน "สติ" จาก สติปัญญา สู่ มหาสติมหาปัญญา สู่ อภิสติอภิปัญญา นี่จึงเป็นเรื่องของ อภิญญาตัวจริง ดังนั้นบุคคลที่ "ไร้สติ" อย่างคุณจึงไม่มีฐานะอยู่ในหมวดของอภิญญา

+++ อีกประการหนึ่ง คือ การสนทนาของคุณนั้น เป็นการสนทนาแบบโกหกหลอกลวง และจอมปลอมสิ้นดี ตัวอย่างที่ชัดเจนมาก ๆ คือ ประโยคนี้ของคุณ "เช่นพบพุทธองค์ให้สมบัติบ้างให้สร้อยบ้าง" นั้น คุณไปเอามาจากกระทู้ของคนอื่น แล้วนำความมั่วนี้มากล่าวว่าเป็นผม ตรงนี้เป็น "มิจฉาวาจา" และ "มิจฉากัมมันโต" อันเกิดมาจาก "สัญญาหลอน" และ "สังขารหลอน" ที่บังเกิดอยู่ในจิตของคุณอย่างชัดเจนอย่างยิ่ง หากเรื่องตื้น ๆ แค่นี้ คุณยังไม่มีปัญญาที่จะรู้ได้ ไอ้เรื่องที่ต้องอาศัยความละเอียดมากกว่านี้ ไม่ต้องพูดถึง ดังนั้นเรื่องของ ฌาณ ญาณ และ อภิญญานั้น ไม่สามารถจะบังเกิดขึ้นได้ในจิตของคุณ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นจริงอยู่ในปัจจุบันขณะแห่งโพสท์นี้คือ "สัญญาและสังขารหลอน" อันเกิดมาจาก "โมหะ" ที่มีอยู่และเป็นอยู่ในปัจจุบันขณะในจิตของคุณนั่นเอง จบวรรคที่ 2

ส่วนคุณไม่ถึงไหน อย่าโกหกตัวเองและปากดี มันจะทำให้วาระจิตไปไม่ถึงไหนและมีแต่กรรม ญาน ฌานอันเป็นพื้นฐานในการฝึกสมาธิเพื่อนบรรลุอภิญญา6 ของคุณมีบ้างรึยัง เหอะๆ ถ้ายังหาไม่ได้ในตัวคุณก็หุบปากดีกว่า หยุดหาเวรกรรมก่อน ไปฝึกให้ได้ก่อนนะ

+++ เริ่มวรรคที่ 3 จากปัจจุบันขณะแห่งโพสท์นี้ สามารถยืนยันถึงโพสท์เก่าข้างบนของผมได้ว่า การโพสท์ของคุณนั้น เป็นการโพสท์ของ "มิจฉาทิฐิ" ที่นำหน้ามาก่อน จากนั้นจึงตามมาด้วย "มิจฉาวาจา" (พูดมั่ว) และ "มิจฉากัมมันโต" (ตั้งใจพิมพ์เพื่อการบิดเบือนสัจจะธรรม อันนี้เป็นการประพฤติชั่ว อย่างแท้จริง) และไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่า คำพูดใด เป็นของใคร และกระทู้นี้อยู่ในหมวดอะไร อันเนื่องมาจาก "มิจฉาสติ" และความดันทุรังจนเป็น "มิจฉาสมาธิ" เต็มตัวเรียบร้อยแล้ว

คุณได้ไปอ่านกระทู้ผมดีๆนะ ถ้ายังไม่รู้จักญาน ฌานของจิง ก็เงียบไว้ดีกว่า คุณที่เข้าได้ญานฌาน ภาวนาและรักษาศีลมาเท่าไหร่แล้ว ไปกล่าวเสียๆหายๆก็มีแต่เวรกรรมหาตัวคุณเท่านั้น หวังว่าเข้าใจที่พูดนะ

+++ ไอ้กระทู้ของคุณอันนี้เหรอ "เข้าฌาน แล้วระลึกชาติ" เห็นคุณบอกว่า "ผมไม่ต้องการให้ใครหลงในอภิญญา" ไอ้ตัวแดง ๆ ในหน้าแรกของคุณหนะเหรอ คุณเอาตัวเองไม่ให้หลงก่อนจะดีกว่านะ เห็นคุณโพสท์แต่ละที ก็จะมีแต่คำว่า "ฌาณ ญาณ และ อภิญญา" อยู่ร่ำไป หากยังเลิกโกหกตัวเองไม่ได้ มันก็ยังต้องโกหกคนอื่นอยู่ร่ำไปนั่นแหละ ช่างเสียเวลาจริง ๆ

+++ จากการเตือนอย่างเบา ๆ ของผมในโพสท์ที่แล้วข้างบนที่ว่า คุณยังไม่ "ปิดอบาย" นั้น หวังว่าคุณคงได้รายละเอียดเพิ่มเติมในโพสท์นี้แล้วนะครับ จาก "มิจฉาทิฐิ" สู่ "มิจฉาวาจา" ต่อด้วย "มิจฉากัมมันโต" และมี "มิจฉาสติ" ที่ทำให้คุณอยู่ในปัจจุบันขณะไม่ได้ จวบจนความรุ่มร้อนที่เผาผลาญอยู่ในจิตคุณ อย่างไร้สาเหตุ อันมาจาก "มิจฉาสมาธิ" นั่น ล้วนเป็น "ประตูไฟ" ในจิตของคุณทั้งสิ้น และมันเริ่มกำหนด "ภูมิ" ที่มันจะไปเรียบร้อยแล้ว

+++ หวังว่าคุณน่าจะรู้ตัวได้ทันต่อเหตุการณ์นะครับ หากเร่งความเพียรไม่ขึ้นจริง ๆ แบบความสุขความเจริญในธรรมยังไม่ยอมปรากฏ หรือจู่ ๆ ยิ่งมายิ่งร้อนแล้วละก็ เหลือเพียงประตูเดียวให้คุณเดินเพื่อความรอดพ้นจากการนี้ไปได้คือ หาทางบำเพ็ญบารมีอย่างอื่นที่จะก่อให้เกิดความชุ่มชื้นฉ่ำเย็นภายในจิตของคุณให้ได้ แต่ถ้าหากไม่มีหนทางใดแก้ไขได้แล้วก็ให้ทดลอง "อธิษฐานเพื่อความเป็นพระโพธิสัตว์" ดู แต่คุณจะต้องหาทาง กำหนดจิตให้ได้มาเพื่อการนี้้โดยเร็ว อธิษฐานบารมีทั้งหมดตั้งแต่แรกเริ่มเข้าสู่วัฏฏะสังสารจวบจนกระทั่งตราบถึงปัจจุบันขณะในขณะนี้ และพยายามปักหลักให้มั่นคงทางจิตให้ทันในชาตินี้ให้ได้นะครับ หวังว่าบารมีเก่าของคุณคงน่าจะช่วยให้คุณรอดจากอันตรายนี้ด้วยเทอญ

 

ธรรมชาติ นายได้อภิญญาอะไรบ้างแล้วสรุป ถ้ายังไม่มีในตนก็อย่าเพิ่งไปสอนใครดีกว่าไหม อภิญญา6ไม่ใช่ผมบัญญัติขึ้นเองนะ การระลึกชาติใช้บุฟเพนิวาสานุสติญาน ก็ไม่ใช่ผมนึกขึ้นแต่งขึ้นเอง ญาน ฌาน ใครตรัสสอนไว้ไปหาอ่านดีๆ สิ่งที่ตนเองไม่มีแล้วไปว่าคนอื่นที่มีว่าผิดว่าหลง จะหากรรมเอาง่ายๆ พระอรหันต์มากด้วยอภิญญา6นั้นมีมาตั้งแต่พุทธกาลแล้ว หลายท่านก็ได้ญาน ฌาน อภิญญา5ก่อน

 

อภิญญาที่ผมได้จนเบื่อ นานมาแล้ว แต่ Tamjugg อ่านเท่าไรก็ ไม่รู้เรื่อง อยู่ตรงนี้
http://palungjit.org/threads/แนวทางที่ผมฝึกแล้วเห็นผล.376682/page-3#post7080616
อภิญญาอีกตัวที่แรงมากจน Tamjugg หมดปัญญาที่จะรู้เรื่องได้ อยู่ตรงนี้
http://palungjit.org/threads/แนวทางที่ผมฝึกแล้วเห็นผล.376682/page-3#post7143005

ไอ้เรื่อง บุฟเพนิวาสานุสติญาน นั้นคนในเวปพลังจิตนี้ได้กันมากมาย ผมก็ได้มาตั้งนานแล้ว ก็ยังไม่เห็นเคยมีใคร เป็นเซลล์ร่อนเร่ขายอภิญญาไปตามกระทู้ต่าง ๆ ของผู้อื่นแบบเดียวกับ Tamjugg เลยสักคน ทุกคนที่เขาได้มาแล้ว ก็ล้วนแต่นำเอาอภิญญาต่าง ๆ เหล่านั้นมาบำเพ็ญประโยชน์ในการช่วยเหลือผู้อื่นทั้งสิ้น

สรุป การตอบคำถามของ Tamjugg นั้นไม่คุ้มกับเวลาที่เสียไป และ ไม่ก่อให้เกิดทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านแต่ประการใดทั้งสิ้น นับเป็นการหมดสิ้นเวลาโดยใช่เหตุ หาก Tamjugg อยากรู้จริง ๆ ก็ให้ค้นคว้าหาเอาเองก็แล้วกัน ทางใครทางมันนะ เราแยกทางกันตรงนี้เลยดีกว่า ขี้เกียจเสียเวลาหนะ ประโยชน์ใด ๆ ไม่มีเอาเลยจริง ๆ

 

มากล่าวว่าวิปัสนากรรมฐานนี้เป็นอวิชชาเป็นตัวนำอีก มีคนได้คุณวิเศษเป็นพันคนแล้ว ตั้งแต่บุฟเพนิวาสานุสติญาน จนถึง เตวิโชธรรมชาติคุณจะหานรกไปถึงไหน และพวกสัมเพสีมาขอบุญมากมาย พบพุทธเจ้าได้ เห็นการเกิดของหมู่สัตว์ เห็นอดีตชาติ สามารถหยั่งรู้สรรพสัตว์ รู้วาระจิตผู้อื่นและของตน มีทิพย์จักษุบริสุทธิ์เห็นพระอรหันต์และเทวดาวิญญานต่างๆได้ ล่วงรู้เหตุการณ์อนาคต คุณยังไม่ได้ครึ่งอย่ามาดีแต่ปากเลย มีหน้ามาพูดเป็นอวิชชา กรรมฐานแบบนี้คุณทิ้งมา25ปี คุณบรรลุเตวิโชหรืออรหันต์หรืออภิญญา6แล้วหรือ เที่ยวปากเก่งแล้ว พูดไม่ดีจะเป็นการหานรกเข้าตัวนะธรรมชาติ ผมบอกได้แค่นี้

ยิ่งไปกล่าวเสียๆหายๆกับทางที่ปฏิบัติแล้วสามารถถึงมรรคผลได้ น้องๆอนันตกรรมเลย เขลาปัญญาแล้วยังอวดฉลาด คุณวิเศษในตัวยังไม่ถึงไหนอภิญญา6ยังไม่ได้มาบอกเบื่ออภิญญาแล้ว อภิญญา6พุทธองค์บัญญัติขึ้นนะ ธรรมชาติมาบอกเบื่อจะเก่งกว่าพระอรหันต์หรือพุทธองค์ไปไหม คุยกับคนไม่มีหิริโอตัปปะโง่แล้วมาอวดฉลาดคุณวิเศษยังไม่ถึงไหนนี้เหนื่อยจิงๆ

อินทรบุตรก็อีกคนไปเที่ยวกดโมทนากับข้อความมิจฉาทิฐิผิดๆ ระวังจะหากรรมเข้าตัวนะน้องอินทรบุตร จะหาว่าไม่เตือนเพื่อนพุทธศาสนิกชน แต่แม้พิจารณาสุดปัญญาที่มีในตนแล้วยังแยกแยะไม่ออกว่าสิ่งไหนเป็นสัจธรรมสิ่งไหนเปนมิจฉาทิฐิ ก็คงต้องปล่อยไปตามยถากรรมของนายแล้ว

 

คำพูดจริง ๆ ใน #43 เป็นแบบนี้ "ฌาน ญาณ และ อภิญญา แบบของคุณนั้นมี "อวิชชา" เป็นตัวนำ"
คำพูดจอมปลอมของ Tamjugg เป็นแบบนี้ "มากล่าวว่าวิปัสนากรรมฐานนี้เป็นอวิชชาเป็นตัวนำอีก"

คำพูดจริง ๆ ใน #43 เป็นแบบนี้ "คุณ Tamjugg กรรมฐานแบบของคุณนั้น ผมทิ้งมันมาเมื่อ 25 ปีที่แล้ว"
คำพูดจริง ๆ ใน #55 เป็นแบบนี้ "อภิญญาที่ผมได้จนเบื่อ นานมาแล้ว แต่ Tamjugg อ่านเท่าไรก็ ไม่รู้เรื่อง อยู่ตรงนี้"
คำพูดจอมปลอมของ Tamjugg เป็นแบบนี้ "อภิญญา6พุทธองค์บัญญัติขึ้นนะ ธรรมชาติมาบอกเบื่อจะเก่งกว่าพระอรหันต์หรือพุทธองค์ไปไหม" "ธรรมชาติมาบอกเบื่อจะเก่งกว่าพระอรหันต์หรือพุทธองค์ไปไหม"

คำพูดจอมปลอมของ Tamjugg ในกระทู้ "เข้าฌาน แล้วระลึกชาติ" บอกว่า "ผมไม่ต้องการให้ใครหลงในอภิญญา" ไอ้ตัวแดง ๆ ในหน้าแรกของคุณหนะ
แต่การโพสท์ของ Tamjugg ใน #42 เป็นแบบนี้ "สภาวะฌานนั้นต้องให้คนที่ทรงอภิญญาถึงจะดูได้"
โพสท์ของ Tamjugg ใน #51 เป็นแบบนี้ "วิธีผมฝึกมีคนถึงอภิญญา5มากมาย อาจจะ6แล้วก็ได้เพราะฝึกไม่ถึง4ปีก็ได้อภิญญา5แล้ว"
โพสท์ของ Tamjugg ใน #52 เป็นแบบนี้ "อภิญญาเกิดขึ้นในตัวคุณรึยัง ในอภิญญา6 คนที่รู้วิธีฝึกจนได้อภิญญา5และอาจจะ6 เค้ายังไม่กล้าใช้คำพูดว่าเห็นผลเลย"
โพสท์ของ Tamjugg ใน #54 เป็นแบบนี้ "นายได้อภิญญาอะไรบ้างแล้วสรุป"

โพสท์ของ Tamjugg ใน #51 เป็นแบบนี้ "คุณถึงขั้นไหนก็ไปลงในอภิญญาXP ดีกว่า"
คำพูดจริง ๆ ของผมใน #53 เป็นแบบนี้"กระทู้นี้ในปัจจุบันขณะ" อยู่ในห้อง อภิญญาXP อยู่แล้ว ดังนั้น สิ่งที่ไม่มีใน ตน ของคุณนั้น คือ "สติ"
อีกข้อความหนึ่งของผมใน #53 คือ
"อีกประการหนึ่ง คือ การสนทนาของคุณนั้น เป็นการสนทนาแบบโกหกหลอกลวง และจอมปลอมสิ้นดี ตัวอย่างที่ชัดเจนมาก ๆ คือ ประโยคนี้ของคุณ "เช่นพบพุทธองค์ให้สมบัติบ้างให้สร้อยบ้าง" นั้น คุณไปเอามาจากกระทู้ของคนอื่น แล้วนำความมั่วนี้มากล่าวว่าเป็นผม ตรงนี้เป็น "มิจฉาวาจา" และ "มิจฉากัมมันโต""

โพสท์ของ Tamjugg ใน #56 เป็นแบบนี้
"อินทรบุตรก็อีกคนไปเที่ยวกดโมทนากับข้อความมิจฉาทิฐิผิดๆ ระวังจะหากรรมเข้าตัวนะน้องอินทรบุตร จะหาว่าไม่เตือนเพื่อนพุทธศาสนิกชน แต่แม้พิจารณาสุดปัญญาที่มีตนมีแล้วยังแยกแยะไม่ออกว่าสิ่งไหนเป็นสัจธรรมสิ่งไหนเปนมิจฉาทิฐิ ก็คงต้องปล่อยไปตามยถากรรมของนายแล้ว"

คุณ อินทรบุตร มีสติที่ดีกว่า Tamjugg หลาย 10 เท่าจึงรู้ชัดเจนว่า ใครเป็น สัมมาทิฐิ และะใครเป็น มิจฉาทิฐิ ดังนั้นการกดโมทนานั้นตั้งอยู่บนฐานของ สัจจธรรม และ ความถูกต้องอยู่แล้ว การอนุโมทนาต่อผู้ที่พูดความจริงนั้นเป็น กุศล และเป็นการเพิ่มบารมีให้กับตน รวมทั้งเป็นการช่วยลด อัตตา และ ทิฐิมานะ อยู่ในตัวอีกด้วย

สรุป

ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้อ่านคำตอบของผมตรงนี้แล้ว ย่อมเห็นใด้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องใช้ อภิญญา แต่ประการใดทั้งสิ้น ว่า

"Tamjugg เป็นมิจฉาทิฐิ แบบถอนไม่ขึ้น"

ผมจะทำตามคำพูดของ พระพุทธเจ้าที่ว่า "อเสวนา จะพาลานัง บัณฑิตานัง จะเสวนา"
โดยการเลิกพูดกับ "คนพาล บิดเบือน โกหกตลบแตลง มิจฉาทิฐิ" อย่าง Tamjugg เพราะไม่คุ้มกับเวลาที่เสียไป และ ไม่ก่อให้เกิดทั้ง ประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน แต่ประการใดทั้งสิ้น

 

ในกระทู้ "เข้าฌาน แล้วระลึกชาติ"

ผมอ่านกี่รอบก็ยังไม่เห็นว่าจะผ่านอุปจารสมาธิ เข้าฌาณ๓ ตอนไหน? มีตอนไหน อธิบาย สภาพการดิ่งสงบในฌาณ๓ และก็ไม่เห็นมีการอธิบายว่าเจอกับการขัดขวางของพญามารด้วยเวทนากายที่รุนแรงชนิดปวดถึงไขกระดูกจนสั่น จนอยากออกจากสมาธิ ซึ่งมันเป็นรายละเอียดสำคัญที่คนที่ต้องการจะแนะนำคนอื่นที่ยังไม่ได้ ต้องบอกรายละเอียดส่วนนี้อย่างขาดไม่ได้ เพราะคนที่ได้ปิติในปฐมฌาณ และทุติยะฌาณ มากต่อมากแล้วที่นึกว่าองค์ลง หรือ หลงนิมิต คิดว่าบรรลุแล้วก็มี ถ้าสิ่งที่คุณมั่นใจว่าได้นั้นจริงควรช่วยอธิบายอย่างละเอียดด้วย เพื่อคนที่ยังไม่ได้เขาจะได้ไม่หลงผิดเพราะเข้าใจผิด

 

สาธุๆ หายไปผ่าตัดหลายวัน กระทู้สนุกดีนะครับ เอาเป็นว่าเราไปตามทาง

ของเรา เขาก็ไปตามทางของเขา (แต่เขาโดนลบข้อความที่postเพราะอะไร ทำไมไม่

คิด) เรื่องแบบนี้จะทราบเองตอนจบครับ

 

ก็เพราะคนบางพวกมาเถียงเอ็นขึ้นคอทั้งที่ตนยังไม่ได้อภิญญาอะไร เที่ยวเปนผู้เชี่ยวชาญอภิญญาไปสั่งสอนคนอื่นไปทั่ว เถียงไม่เลิก แนวทางของตนบรรลุธรรมบ้างรึยังถามตัวเองลึกๆมีสัมมาทิฐิไม่โกหกตน ย่อมรู้ได้เอง

คุณธรรมชาติก็อีกคนผู้เบื่อในอภิญญาได้อภิญญาจนเบื่อเมื่อ25ปีก่อน ตอนนี้ไม่บรรลุอภิญญา6ไปแล้วหรอ ขนาด25ปีก่อนก็ได้จนเบื่ออภิญญาไปแล้ว?

watajojoผ่าตัดมาขอให้หายไวๆละกัน กับอีกคนที่โจรไปงัดร้านก็เข้าวัดทำบุญเยอะๆนะ ทาน ศีล ภาวนา ย่อมช่วยให้เคราะห์ร้ายผ่านไปได้ไว