ยุคก่อนมีพระพุทธรูป

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 6 ธันวาคม 2012.

  1. มหาวัด

    มหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,892
    ว่าไงครับ คุณอุรุเวลา อย่าแถนอกเรื่องเอามาให้ดูหน่อยสิ ข้อความที่คุณอ้างว่าหนังสือเล่มนี้ ระบุอ้างหนังสือ "ก ข ก กา ของการศึกษาพุทธศาสนา หน้าที่ ๒๑-๒๒" ว่ามีข้อความว่า ท่านพุทธทาสพูดว่า
    “นิพพานก็สักว่านิพพาน ไม่ใช่ตัวตน เป็นอนัตตาเสมอกันกับสิ่งอื่น”
     
  2. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    บุคคลฟังธรรมไม่รู้เรื่องเพราะเหตุใด

    ภิกษุทั้งหลาย ! บุคคลประกอบอยู่ด้วยเหตุห้าอย่าง แม้ฟังธรรมอยู่
    ก็ไม่อาจเพื่อจะก้าวลงสู่นิยาม คือความถูกต้องในกุศลธรรมทั้งหลาย
    เหตุห้าอย่าง อะไรเล่า ? ห้าอย่างคือ เป็นคนลบหลู่ฟังธรรม
    มีจิตมากไปด้วยความลบหลู่แข่งดีฟังธรรม คอยจับจ้องความผิดพลาด
    ในผู้แสดงธรรมด้วยจิตมุ่งร้ายแข็งกระด้าง เป็นคนโง่เง่าเงอะงะ
    มัวแต่สำคัญตนว่ารู้ในสิ่งที่ตนไม่รู้.


    http://palungjit.org/threads/เหตุที่ทำให้ฟังธรรมไม่รู้เรื่อง.299377/
     
  3. มหาวัด

    มหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,892
    แถ อีกแล้ว .......ไม่มีก็พูดมาเถอะครับกระทู้นี้เล่นกันด้วยหลักฐาน
     
  4. คนเพนจร

    คนเพนจร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +27
    อย่างนั้นคุณก็หมายความว่า สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฉบับเสริมการเรียนรู้ โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เล่มที่ 8 ทุกเล่มทุกเนื้อความได้ผ่านพระราชวินิฉัยก่อนตีพิมพ์ เชื่อถือไม่ได้ด้วย
     
  5. มหาวัด

    มหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,892
    ว่าไงครับ ยกมาสิ คุณเก่งเรื่องลอกอยู่แล้่วนี่ อย่าพูดลอยๆๆ ผมจะได้ดู หน้าไหนที่คุณอ้างว่ามาผมจะได้ไปเปิดดู
    ยกมาสิครับ จะได้รู้ว่าคุณพูดจริงหรือทึกทักเอาเอง เพราะคุณทึกทักเอาเองมาตลอดอยู่แล้วนี่ คุณเคยเข้าใจซะที่ไหนล่ะ
     
  6. ลมสุริยะ

    ลมสุริยะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    365
    ค่าพลัง:
    +215
    ทุกบทความของท่านพุทธทาสที่ถูกอ้างอิงในกระทู้นี้
    ล้วนกล่าวถึงคำว่าพระพุทธรูป ในความหมายของ รูปหล่อรูปปั้น พระเครื่อง หรือภาพเปรียบพระพุทธเจ้า ดั่งที่คนทั่วไปเข้าใจตรงกันทั้งสิ้น
    จริงไหมครับ?

    ดังนั้นความหมายของคำว่า พระพุทธรูป ในชื่อกระทู้ย่อมไม่แตกต่างกัน



    1. ถ้าคุณตอบว่า พระพุทธรูป หมายถึง ข้อ 1. ร่างกาย ธาตุ4 ขันธ์5 ของพระพุทธเจ้า
    ก็แสดงว่าคุณมีความคิดขัดแย้งกับบทความของท่านพุทธทาส ที่คุณยกมาอ้างเอง

    2. ถ้าคุณตอบว่า พระพุทธรูป หมายถึง ข้อ 2. รูปหล่อปูนปั้น รูปเปรียบพระพุทธเจ้า ดั่งที่ทุกๆคนเข้าใจ คุณจะรู้สึกเสียหน้า และล้มเหลวสิ้นท่า


    ผมเข้าใจครับว่าทำไมคุณอุรุ? ไม่กล้าตอบคำถามผมอย่างตรงไปตรงมา

    คุณเป็นคนน่าเห็นใจครับ
    (kiss)
     
  7. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    คุณคิดเองครับ
     
  8. มหาวัด

    มหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,892
    ว่าไง อย่าเงียบ กระทู้นี้เราพูดกันด้วยหลักฐาน ไม่ใช่คำกล่าวหาลอยๆๆ
     
  9. มหาวัด

    มหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,892
    คุณลมสุริยะ ผมจะบอกให้คราวที่แล้ว อุรุยกเอา วักกลิสูตรมา เห็นคำว่าพระพุทธรูปในนั้น อุรุเวลาตีความเลยว่าหมายถึงพระพุทธรูปทองเหลือง ปูน แต่ความจริงหมายถึงพระพุทธรูปที่เป็นร่างกายของพระพุทธเจ้าในครั้งกระนั้น นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาเข้าใจว่าไง ....ยังจะสงสัยอะไรอีกครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2012
  10. มหาวัด

    มหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,892
    อย่างสูตรนี้

    "เรายินดีในพระพุทธรูป จึงได้ตรัสสอนเราว่า
    อย่าเลยวักกลิ ประโยชน์อะไรในรูปที่น่าเกลียดซึ่งชนพาลชอบเล่า
    ก็บัณฑิตใดเห็นสัทธรรม บัณฑิตนั้นชื่อว่าเห็นเรา ผู้ไม่เห็นสัทธรรม
    ถึงจะเห็นเราก็ชื่อว่าไม่เห็น"
    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๓๓ หน้าที่ ๑๒๔/๔๐๘
    ที่อุรุเวลา พูดว่า ว่าด้วยบุพจริยาของพระวักกลิเถระ พระสูตรนี้ผมโพสต์มาเป็นสิบๆ รอบแล้ว ผมตัดมาย่อๆ คุณไปหาอ่านพระสูตรเต็มเอาเอง ความหมายตรงตามตัวอักษรไม่ต้องแปล ใครอ่านก็เข้าใจได้ง่าย มีแต่คนพาลที่อ่านแล้วไม่เข้าใจ......
    นั้นขนาดนั้นเลย


    ผมก็บอกว่่า พอเห็นเขาแปลว่าพระพุทธรูป ก็เลยไปเข้าใจว่าหน้าตาเป็นแบบนี้ล่ะสิอุรุเวลา
    [​IMG]

    แล้วก็ทำมาเป็นอ้างว่าเห็นไหมพระพุทธเจ้าห้ามสร้างรูปเคารพห้ามกราบไหว้ นี่ อ่านยังอ่านไม่เข้าใจอ่านยังอ่านไม่ออกเลย แล้วมาพูด
    ยุคนั้นมีพระพุทธรูปแบบนี้แล้วหรือครับ
    คิดหน่อยสิ ยุคนั้นพวกกรีกเข้าไปในอินเดียแล้วหรือครับ
    ถึงมีพระพุทธรูปแล้ว
    ********************************
    เข้าใจสูตรแบบ เด็กสามขวบ ไม่คิดไม่อะไรทั้งนั้น
    โอ๊ย ผมจะบอกให้ พระพุทธรูปในที่นี้ท่านหมายถึงมหาปุริสลักษณะ
    ของพระพุทธเจ้าองค์ที่ท่านมีตัวตนในอินเดียเมื่อสองพันห้าร้อยปีก่อน
    พระวักกลิท่านไปมองอย่างหลงใหล พระธรรมไม่เรียน
    จนพระพุทธเจ้าต้องไล่ท่านไป ไม่ให้มอง ท่านก็เสียใจว่าพระพุทธเจ้าไม่รักท่าน
    *********************************
    พระพุทธเจ้าก็เลยไปสอนว่า อย่ายินดีในพระพุทธรูป หรือรูปของเราที่มีมหาปุริสลักษณะนี้ รูปที่เรียกว่าพระพุทธเจ้านี้
    แต่ให้ยึดเราที่ธรรม เพราะผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา
    อ่านพระไตรปิฏก แบบวิปริตแบบคุณนี่สิ
    ถึงทำให้เรียกว่ากล่าวตรู่พระธรรม ทำร้ายพระธรรม
    *********************************
    อย่ามาเถียงนะว่า คุณก็เข้าใจแบบที่ผมพูด
    ไม่ใช่เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าสอนไม่ให้กราบพระพุทธรูปแบบในภาพ
    ปวดตับจริงๆๆ นี่หรออ่านมาเยอะ ฟังเทศน์มาเยอะ
    แค่เขาพูดว่าอะไรยังจับใจความไม่ออกเลย


    อ้างอิงจากกระทู้นี้หน้า 5
     
  11. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ท่านพระพุทธทาสบอกว่า "พระพุทธรูปบังพระพุทธเจ้า" ทำไมพระพุทธรูปถึงบังพระพุทธเจ้า
    ผมตอบไปแล้ว คุณไม่เข้าใจเองและจะไม่เข้าใจจนว่า คุณจะเข้าใจคำนี้ของท่านพุทธทาส
    น่าเห็นใจนะครับ
     
  12. มหาวัด

    มหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,892
    ผมขอหลักฐานคุณไปตั้งนาน อย่าเงียบ อุรุ ก็ยังเห็นว่ายังออนอยู่ไม่ใช่หรือ
    เอามาเร็วๆๆ
    อย่าแถ อย่าเกรียน เบื่อ..........
     
  13. คนเพนจร

    คนเพนจร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +27
    -พระปรางค์ห้ามแก่นจันทร์นั้นมีปรากฏในวิกิพีเดีย แต่ไม่มีบันทึกในพระไตรปิฎก เมื่ออ้างคัมภีร์ตามอรรถกถา หลังพระไตรปิฎก ก็ไม่มีค่า หมดค่า หมดราคา ไม่น่าเชื่อถือ หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ไม่มีใครเห็นพระพุทธเจ้าองค์จริงแน่


    แล้วคำนี้เป็นของใครครับ ใครอ่านก็รู้ยกเว้นคนโง่ กับกะไบ เท่านั้นที่ไม่เข้าใจคำนี้
     
  14. มหาวัด

    มหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,892
    ท่านพุทธทาสไม่เคยพูดอย่างงี้ มั่วอีกแล้ว ท่านพูดว่ามันบังวิถีแห่งพุทธธรรมต่างหาก ก็เหมือนพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ตามทัศนะท่าน นั้นแหละที่เป็นภูเขาหิมาลัยบังภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรม โดยท่านจัดพวกยึดแบบหลับหูหลับตาว่าพระพุทธรูปคือพระพุทธเจ้า ไว้ในขั้นต่ำที่สุดในบรรดาพวกยึดพระพุทธตามทัศนะตัวเอง จนกลายมาเป็นภูเขาบังวิถีพุทธธรรม
    อ่านอะไร แกไม่จับใจความเลยนี่หว่า....
    ถ้าท่านพูดท่านจะพูดถึง พระพุทธรูปที่บังพระพุทธเจ้า ที่เป็นพระพุทธเจ้าแบบสภาวะธรรม หมายถึงธรรมแบบผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา นั้นแหละ
    ที่พระพุทธรูปบัง ไม่ใช่พระพุทธรูปแบบ ตัวตน สัตตะ บุคคล
    ทำท่านพุทธทาสแปดเปลื้อนไปกับเอ็งอีก..........ยังมีหน้าไปว่าเขา....เห็นใจความฟายของตัวเองก่อนเถอะ
    ผมขอหลักฐานคุณไปตั้งนาน อย่าเงียบ อุรุ ก็ยังเห็นว่ายังออนอยู่ไม่ใช่หรือ
    เอามาเร็วๆๆ
    อย่าแถ อย่าเกรียน เบื่อ..........
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2012
  15. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พุทธศิลป์ คือการฆ่ากิเลสทุกข์ให้หมดไป.

    มาสนใจศิลปะของพระพุทธเจ้า คือฆ่ากิเลส ฆ่าความทุกข์ ให้หมดไป; นั่นแหละศิลปะของพระพุทธเจ้า. ดำเนินชีวิตอยู่ ลมหายใจเข้า–ออกอยู่ โดยที่ไม่ต้องมีความทุกข์เลย เป็นชีวิตเย็น; นี่เรียกว่า ศิลปะของพระพุทธเจ้า.

    ไอ้ชีวิตร้อนไม่ต้องศิลปะหรอก มันไปตามโลกของโลกเอง. แล้วบางทีก็ไปทำศิลปะให้มันร้อนมากขึ้นก็มี; ดังนั้น ศิลปะที่ทำให้โลกร้อนมากขึ้นน่ะ กำลังมีมากกำลังระบาด แล้วกำลังแลกเปลี่ยนกันอย่างยิ่ง.

    ประเทศไทยก็ต้องโง่ไปตามก้นเขาด้วยเหมือนกัน ไปนิยมชมชอบศิลปะที่ทำให้โลกมันร้อนมากขึ้น. เต้นรำอะไรที่ยกขาสูง ๆ ท่วมหัว คุณย่าคุณยายเห็นแล้วเป็นลมนั่นแหละ. นั่นน่ะศิลปะที่ไหน มันเรื่องภูตผีปีศาจ แล้วเอากันเป็นศิลปะ แล้วก็แลกเปลี่ยนกัน อะไรกัน.

    นี่คนไทยไปโง่ตามก้นเขา; ไม่รู้จักศิลปะของพระพุทธเจ้า คือปฏิบัติชนิดที่ความทุกข์เกิดขึ้นไม่ได้, ตา หู จมูกลิ้น กาย ใจ ของเราไม่เป็นที่ตั้งแห่งความทุกข์อีกต่อไป. นี่แหละศิลปะของพระพุทธเจ้า ขอให้ลูกเด็ก ๆ ทุกคนสนใจ; อย่าไปสนใจศิลปะสมัยใหม่อะไรให้มันหมดเวลาเสีย แล้วไม่มีโอกาสจะมาสนใจศิลปะของพระพุทธเจ้า.

    ศิลปะนี้ไม่ใช่ความหลอกลวง. เดี๋ยวนี้ก็มีคำว่า ศิลปะ ซึ่งหมายถึงความหลอกลวงก็มีเหมือนกันแหละ; เขาใช้ว่า ศิลป์, ศิลป์กลายเป็นจิตวิทยาหลอกลวงไป, อย่างนั้นไม่ใช่ ไม่ใช่ความหมายที่ถูกต้อง; ศิลปะต้องถูกต้อง ไม่หลอกลวง งดงาม, แล้วแก้ปัญหาได้จริง.

    ถ้าเป็นภาษาฝรั่งพูดแล้ว มันก็แยกกันได้เด็ดขาดแหละ; คือว่า artificial นั้นน่ะใช้ไม่ได้ อย่าไปเอากะมัน artificial. ถ้า artistic artistic อย่างนี้ก็ใช้ได้แหละ. ไปดูความหมายเถอะมันต่างกัน; artificial นั่นมันมีแต่จะหลอกลวง จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้า จะมีจิตวิทยาหลอกลวง, Art อย่างนี้ไม่เอา, เดี๋ยวนี้กลับมามีอย่างนี้มาก; ศิลปะแห่งการปลอมแปลงนั้นน่ะ กลายเป็นศิลปะไปเสีย.

    พุทธศิลปะ จำไว้ว่า “พุทธศิลปะ–ศิลปะของพระพุทธเจ้า”; คือทุกคนสามารถควบคุม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ด้วย, ไว้ถูกต้อง, ไม่มีความทุกข์เลย; เรียกว่าพุทธศิลปะ.

    ฝรั่งมีความรู้ มีเงิน มีะอะไรมาก เขามาแสวงหา Buddhistic Art. แปลว่า Buddhistic Art – พุทธศิลปะ แล้วเขาก็หอบพระพุทธรูปไปกองเบ้อลเร่อ แล้ววัตถุอะไรต่ออะไรอีกไม่รู้; เผอิญเขามาแวะด้วยมาคุยด้วย อาตมาบอกเขาว่า โอ้ยคุณไม่ได้เอาพุทธศิลปะ ไม่ได้เอา Buddhistic Art ไปเลย; นั่นมันอะไรก็ไม่รู้ ไม่เกี่ยวกับพุทธศาสนาก็ได้; พระพุทธเจ้าไม่ได้รับรู้เรื่องพระพุทธรูป เรื่องศิลปะเกี่ยวกับพระพุทธรูป เกี่ยวกับสิ่งของ, ไอ้ Buddhistic Art คืออริยมรรค ๘ : วิชชาที่ปฏิบัติแล้วไม่เกิดความทุกข์เลย โดยประการทั้งปวง, นี้ Buddhistic Art.

    แล้วไม่ได้ผลอะไร เขาไม่เอา เขาไม่สนใจ เขาหอบแต่เศียรพระพุทธรูป ไม้แกะไม้สลักอะไร เอาไปเบ้อเร่อเบ้อร่า เราก็ไม่ต้องพูดกันแหละ; เพราะเห็นว่ามันพูดกันไม่รู้เรื่องแล้ว. พุทธศิลปะของคนสมัยนี้ กับพุทธศิลปะของปู่ย่าตายายน่ะ มันพูดกันไม่รู้เรื่องแล้ว มันแยกทางกันเดินเด็ดขาดเสียแล้ว.

    เราจะต้องมีศิลปะตามความหมายของโบราณ คือความงาม ที่สามารถนำมาใช้แก้ปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็สร้างสันติภาพได้ ดับทุกข์ได้. ถ้าดับทุกข์ได้โดยอาศัยความงาม ประทับใจ เป็นหลักแล้ว, ก็จะเรียกว่า ศิลปะ ได้.

    ทีนี้มันก็หมายถึงการกระทำที่ถูกต้องแหละ. ความถูกต้องของความเป็นมนุษย์ มันอยู่ที่ศิลปะ หรือเป็นศิลปะ, ถ้าทำได้ก็เป็นศิลปะ เป็นยอดของศิลปะ. จงทำความเป็นมนุษย์ของเราให้ถูกต้อง นั่นน่ะคือศิลปะ ยอดศิลปะของพระพุทธเจ้า.

    นิสสรณะของศิลปะ
    พุทธทาสภิกขุ
     
  16. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระพุทธองค์ทรงบังเกิดขึ้นในยุคอุปนิษัทนี้ ทรงค้นคว้าและสั่งสอนในเรื่องความสูงทางวิญญาณ หรือทางนามธรรม. คำสอนของพระองค์นี้มีเนื้อหาสาระอยู่ที่การบังคับตัวเองหรือกิเลส. ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ ได้ทรงย้ำอยู่แต่เรื่องการทำความเพียรเพื่อเป็นที่พึ่งของตัวเอง โดยไม่ต้องเกี่ยวกับคนอื่นนอกจากตน, แม้ว่าพระองค์จะทรงช่วยสาวกให้พ้นจากความทุกข์ได้ด้วยพระปรีชาสามารถของพระองค์ พระองค์ก็มิได้ทรงประสงค์ที่จะให้ใครถือว่าพระองค์เป็นพระเป็นเจ้าผู้ช่วยสัตว์นอกเหนืออำนาจธรรมชาติ, พระองค์ทรงขอร้องให้สาวกทุกคนมองหา "ผู้นำ" ที่ตัวธรรมะ, และมองตนเองในฐานะเป็นสรณะที่พึ่ง, แต่มหาชนส่วนใหญ่ในกาลต่อมา เป็นคนเขลาและขลาด จึงรู้สึกว่าธรรมะนั้นเป็นของยาก ไม่อาจจะเกี่ยวข้องด้วยได้, จึงหันมาติดแจในตัวพระองค์ ถือพระองค์ว่าเป็นพระเจ้า ยิ่งกว่าที่จะถือว่าพระองค์เป็นมนุษย์ที่เป็นพระศาสดา; และมองไปแต่ในทางที่ว่า พระกรุณาของพระองค์นั้นสำคัญยิ่งไปกว่าความมั่นใจในการพยายามปฏิบัติเพื่อหลุดพ้นจากความทุกข์ของตัวเอง เพื่อตัวเอง ด้วยตัวเอง, ดังที่พระองค์กำชับไว้อย่างแน่นแฟ้น แม้ในวาระสุดท้ายที่เสด็จปรินิพพาน ในฐานะที่เป็นพินัยกรรมแก่สาวกทั้งหลาย. ความหวังแต่จะให้พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยให้รอด (Saviour) เสียเรื่อยไปนี้เอง ได้นำไปสู่ลัทธิที่บูชาพระองค์อย่างพระเจ้า; ในชั้นแรกก็กราบไหว้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันเกี่ยวกับพระองค์ด้วยความรู้สึกเช่นนั้นไปก่อน จนกระทั่งยึดมั่นในพระสารีริกธาตุของพระองค์นานาชนิด เพราะความเขลาและขลาดมาก จนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร และมีความพอดีหรือถูกต้องเพียงไหนอย่างไร ยิ่งขึ้นทุกที ในที่สุดก็กล้าทำพระพุทธรูปขึ้นบูชาในลักษณะที่เป็นการถอยหลังเข้าคลองของตนเอง ในทางธรรมะหรือทางวิญญาณ, จนรกรุงรังไปด้วยพิธีรีตองทางวัตถุธรรมเกินกว่าความจำเป็น คือเกินกว่าที่จะเป็นเพียงสัญลักษณ์หรือ Symbol เพื่อการน้อมระลึกในทางนามธรรมเท่านั้น, และทับถมปิดกลบธรรมะที่จะช่วยให้รอดได้จริงยิ่งขึ้นทุกที จนมีผู้กล่าวว่า "พระพุทธรูปบังพระพุทธเจ้า" ขึ้นมาด้วยเหตุนี้

    http://www.buddhadasa.org/html/life-work/theatre/sculpture/sculpture-pre.html
     
  17. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ไม่เคารพพระพุทธเจ้า ไม่เคารพพระธรรม ไม่เคารพพระสงฆ์ จึงฟังธรรมไม่รู้เรื่อง
     
  18. ลมสุริยะ

    ลมสุริยะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    365
    ค่าพลัง:
    +215
    แล้วความหมายของ พระพุทธรูป ของประโยค "พระพุทธรูปบังพระพุทธเจ้า" คือ?????

    คุณน่าจะเข้าใจคำนี้ของท่านพุทธทาสนะครับ

    :z6
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2012
  19. มหาวัด

    มหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,892
    แล้วมันเป็นพระพุทธเจ้าในความหมายเป็นบุคคลแบบคุณพูดหรือเปล่าคุณเข้าใจว่าเป็นบุคคลไม่ใช่หรือไม่ได้เข้าใจว่าเป็นสภาวะธรรม ผมก็พูดไปแล้วว่าถ้าเป็นพระพุทธเจ้าแบบเป็นสภาวะธรรม แบบ หมายถึงธรรมแบบผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา นั้นแหละที่พระพุทธรูปบัง ไม่ใช่พระพุทธเจ้าแบบ ตัวตน สัตตะ บุคคล อย่างงี้ทีท่านพุทธทาสท่านจะพูด

    เอ้า....ไม่มีได้ไง ก็อปปี้มาเร็วนะสิ555555
    โทษที มันแก้ไขเติมข้อความแล้วละ(ดู354)ประกอบ ....งั้นพูดมันข้อความนี้ซ้ำแล้วกัน.....
    จะก็อปปี้อะไรมาก็รอคนเขาพิมพ์เติมให้เสร็จก่อนสิครับ หรือคุณจงกดลบออกไปครับ ล้อเล่นนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2012
  20. มหาวัด

    มหาวัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,892

    ไม่เคารพพระพุทธเจ้า ไม่เคารพพระธรรม ไม่เคารพพระสงฆ์ จึงฟังธรรมไม่รู้เรื่อง เอาไว้สอนตัวเองเถอะ ท่านไม่ได้หมายความว่าพระพุทธเจ้าที่เป็นคน โว้ยไอ้ฟายท่านหมายความว่า พระพุทธเจ้าที่เป็นอริยสัจ4 เป็นปฏิจจสมุปบาท ไม่เข้าใจที่คนอื่นพูดยังเกรียนอีกเอ็งนะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...