จิ. เจ. รุ. นิ.

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Samarnl, 31 สิงหาคม 2012.

  1. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ไม่ทราบคำถามจริงๆว่า
    ทำไมกอบัวจะต้องรักษาศีล
    ศีลมันจะไปเกี่ยวข้องกับกอบัวด้วย
    ถามมาใหม่ถามลึกซึ้งเกินไปตอบไม่ได้ครับ[/QUOTE]

    คือกระผมมีความเห็นอยู่ว่า
    พุทธองค์ท่านเปรียบคนไว้สี่เหล่า
    และทรงตรัสว่า
    อย่าเห็นดอกบัวเป็นกงจักร

    พอดีธรรมมะที่นำยกมามีเป็นแสนๆกัป
    แต่พระองค์ท่านเอามาเล็กน้อยเท่านั้น
    แล้วสรุปใจความดังนั้นว่า
    บัวสี่เหล่า

    กอบัวเกิดในตมมีเต่ารออยู่
    หากไม่รักษาศีลแล้วเกิดขึ้นมาก็เป็นอาหารของเต่า

    ตรงนี้สรุปได้ง่ายคือสติสมาธิและปัญญาเท่านั้น
    ไม่ยาวถึงแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ที่เราต้องรู้หมด
    เพียงแค่ กาลามาสูตร บทเดียวที่มีสามสิบสองประการมหาบุรุษ
    หากผู้ใดมีปัญญาผู้นั้นย่อมเห็นพระองค์

    และบัวสี่เหล่านี้เหมือนกันหากใครได้ไป ก็เห็นพระองค์นั่งอยู่
    แล้วคงอัศจรรย์ในสิ่งที่พระองค์ท่านสมมุติไว้
    และนำไปสู่ปริยัติที่ไม่น่าเชื่อแต่ไม่เที่ยงหรือเที่ยงเลยหรือเป็นกลาง
    ตรงนี้ขึ้นอยู่กับปัญญาและปัจจยตาของแต่ละท่านอีก
    ซึ่งนำไปสู่การรู้ธรรมเองแล้วสิ่งที่ขาดที่เกินเราก็ต้องเทียบเคียงของพุทธองค์ท่าน

    แต่หากเราไปลอกมาทั้งดุ้นและยังดั้นอีกอย่าว่าแต่ปัจเจกพุทธเลย
    ผมว่าเราจะเป็นเพียงสาวกะเท่านั้น
    ที่ไม่มีอะไรเป็นตัวของตัวเอง
    แต่หากเราปฏิบัติเจริญสติพิจารณาว่าท่านสื่ออย่างไร
    แล้วเราเข้าใจแนวทางสื่อแล้วนำมาคิดเอง
    เทียบกับของท่านว่าเราไปอย่างไรด้วยการพิจารณา
    ด้วยปัญญาของตนเองเพราะธรรมะต้องรู้เองปฏิบัติเอง
    คงจะเป็นประการดีไม่น้อยหรือไม่อย่างไรขอรับ

    แล้วถามว่าเราควรรู้ทั้งหมดไหม
    สูตร
    คูณ คิด เขียนอ่าน เห็นแต่งกันต้องผูกเนคไทค์เท่านั้นเองขอรับ

    เอาเท่านี้ก่อนนะขอรับ

    ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้ว
     
  2. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    คือกระผมมีความเห็นอยู่ว่า
    พุทธองค์ท่านเปรียบคนไว้สี่เหล่า
    และทรงตรัสว่า
    อย่าเห็นดอกบัวเป็นกงจักร

    พอดีธรรมมะที่นำยกมามีเป็นแสนๆกัป
    แต่พระองค์ท่านเอามาเล็กน้อยเท่านั้น
    แล้วสรุปใจความดังนั้นว่า
    บัวสี่เหล่า

    กอบัวเกิดในตมมีเต่ารออยู่
    หากไม่รักษาศีลแล้วเกิดขึ้นมาก็เป็นอาหารของเต่า

    ตรงนี้สรุปได้ง่ายคือสติสมาธิและปัญญาเท่านั้น
    ไม่ยาวถึงแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ที่เราต้องรู้หมด
    เพียงแค่ กาลามาสูตร บทเดียวที่มีสามสิบสองประการมหาบุรุษ
    หากผู้ใดมีปัญญาผู้นั้นย่อมเห็นพระองค์

    และบัวสี่เหล่านี้เหมือนกันหากใครได้ไป ก็เห็นพระองค์นั่งอยู่
    แล้วคงอัศจรรย์ในสิ่งที่พระองค์ท่านสมมุติไว้
    และนำไปสู่ปริยัติที่ไม่น่าเชื่อแต่ไม่เที่ยงหรือเที่ยงเลยหรือเป็นกลาง
    ตรงนี้ขึ้นอยู่กับปัญญาและปัจจยตาของแต่ละท่านอีก
    ซึ่งนำไปสู่การรู้ธรรมเองแล้วสิ่งที่ขาดที่เกินเราก็ต้องเทียบเคียงของพุทธองค์ท่าน

    แต่หากเราไปลอกมาทั้งดุ้นและยังดั้นอีกอย่าว่าแต่ปัจเจกพุทธเลย
    ผมว่าเราจะเป็นเพียงสาวกะเท่านั้น
    ที่ไม่มีอะไรเป็นตัวของตัวเอง
    แต่หากเราปฏิบัติเจริญสติพิจารณาว่าท่านสื่ออย่างไร
    แล้วเราเข้าใจแนวทางสื่อแล้วนำมาคิดเอง
    เทียบกับของท่านว่าเราไปอย่างไรด้วยการพิจารณา
    ด้วยปัญญาของตนเองเพราะธรรมะต้องรู้เองปฏิบัติเอง
    คงจะเป็นประการดีไม่น้อยหรือไม่อย่างไรขอรับ

    แล้วถามว่าเราควรรู้ทั้งหมดไหม
    สูตร
    คูณ คิด เขียนอ่าน เห็นแต่งกันต้องผูกเนคไทค์เท่านั้นเองขอรับ

    เอาเท่านี้ก่อนนะขอรับ

    ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้ว[/QUOTE]

    ถามเกินความรู้ของผมครับมะหน่อ อ้าว.....ใครรู้ช่วยตอบหน่อย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 กันยายน 2012
  3. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    -----ผมว่า คงต้องดู พุทธบริษัทสี่ ละครับ...หน้าที่ ที่ต่างกัน....เป็น บริษัทคนในบริษัทก็ต่างหน้าที่กันถึงจะพยุงบริษัทให้พออยู่กันได้...บางตำแหน่งอาจจะต้อง ใส่สูตรผูกไทบ้าง..:cool:ลองดู มหาปรินิพพานสูตร เกี่ยวกับ พุทธบริษัทสี่ ถามกู๋เกิ้ล ดู
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กันยายน 2012
  4. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    อเหตุกจิต 18 ดังนี้
    [​IMG]
    คลิ๊กดูภาพขยายได้ครับ
    อเหตุกกุศลวิบากจิต เป็นจิตที่เป็นผลของบุญกุศล ซึ่งมีจำนวน ๘ ดวงนั้น ได้แก่

    ๑. อุเปกฺขาสหคตํ กุสลวิปากํ จกฺขุวิญฺญาณํ อสังขาริกํ กามาวจรอเหตุกกุศลวิปากจิตตํ
    จิตเกิดพร้อมด้วยความเฉยๆ เป็นผลของกุศล เห็นรูปที่ดี เกิดขึ้นเองโดยไม่มีสิ่งชักชวน

    ๒. อุเปกฺขาสหคตํ กุสลวิปากํ โสตวิญฺญาณํ อสังขาริกํ กามาวจรอเหตุกกุศลวิปากจิตตํ
    จิตเกิดพร้อมด้วยความเฉยๆ เป็นผลของกุศล ได้ยินเสียงที่ดี เกิดขึ้นเองโดยไม่มีสิ่งชักชวน

    ๓. อุเปกฺขาสหคตํ กุสลวิปากํ ฆานวิญฺญาณํ อสังขาริกํ กามาวจรอเหตุกกุศลวิปากจิตตํ
    จิตเกิดพร้อมด้วยความเฉยๆ เป็นผลของกุศล ได้กลิ่นที่ดี เกิดขึ้นเองโดยไม่มีสิ่งชักชวน

    ๔. อุเปกฺขาสหคตํ กุสลวิปากํ ชิวฺหาวิญฺญาณํ อสังขาริกํ กามาวจรอเหตุกกุศลวิปากจิตตํ
    จิตเกิดพร้อมด้วยความเฉยๆ เป็นผลของกุศล ได้รสที่ดี เกิดขึ้นเองโดยไม่มีสิ่งชักชวน

    ๕. สุขสหคตํ กุสลวิปากํ กายวิญฺญาณํ อสังขาริกํ กามาวจรอเหตุกกุศลวิปากจิตตํ
    จิตเกิดพร้อมด้วยสุขเวทนา เป็นผลของกุศล กายได้สัมผัสถูกต้องสิ่งที่ดี เกิดขึ้นเองโดยไม่มีสิ่งชักชวน

    ๖. อุเปกฺขาสหคตํ กุสลวิปากํ สมฺปฏิจฺฉนจิตฺตํ อสังขาริกํ กามาวจรอเหตุกกุศลวิปากจิตตํ
    จิตเกิดพร้อมด้วยความเฉยๆ เป็นผลของกุศล รับอารมณ์ทั้ง ๕ ที่ดี เกิดขึ้นเองโดยไม่มีสิ่งชักชวน

    ๗. อุเปกฺขาสหคตํ กุสลวิปากํ สนฺตีรณจิตฺตํ อสังขาริกํ กามาวจรอเหตุกกุศลวิปากจิตตํ
    จิตเกิดพร้อมด้วยความเฉยๆ เป็นผลของกุศล พิจารณาอารมณ์ทั้ง ๕ ที่ดี เกิดขึ้นเองโดยไม่มีสิ่งชักชวน

    ๘. โสมนสฺสสหคตํ กุสลวิปากํ สนฺตีรณจิตฺตํ อสังขาริกํ กามาวจรอเหตุกกุศลวิปากจิตตํ
    จิตเกิดพร้อมด้วยโสมนัสเวทนา เป็นผลของกุศล พิจารณาอารมณ์ทั้ง ๕ ที่ดียิ่ง เกิดขึ้นเองโดยไม่มีสิ่งชักชวน
     
  5. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    อเหตุกจิต 18 ดังนี้
    [​IMG]
    คลิ๊กดูภาพขยายได้ครับ
    -อเหตุกกิริยาจิต เป็นจิตที่สักแต่ว่ากระทำ ไม่ประกอบด้วยเหตุ ๖ เป็นจิตที่ไม่เป็นบุญไม่เป็นบาป และไม่ใช่ผลของบุญหรือผลของบาปด้วยมีจำนวน ๓ ดวง ได้แก่

    ๑. อุเปกฺขาสหคตํ ปญฺจทฺวาราวชฺชนจิตฺตํ อสังฺขาริกํ กามาวจรอเหตุกกิริยจิตตํ
    จิตที่เกิดพร้อมด้วยความเฉยๆ พิจารณาอารมณ์ทางทวารทั้ง ๕
    มีความหมายว่า เป็นจิตที่พิจารณาอารมณ์ที่มากระทบนั้นว่าเป็นอารมณ์ทางทวารไหน
    จะได้เป็นปัจจัยให้สัญญาณแก่วิญญาณจิตทางทวารนั้นรับอารมณ์
    อุปมาเหมือนนายทวารที่รักษาประตูพระราชวัง คอยเปิดให้เข้าตามฐานะของบุคคลนั้นๆ

    ๒. อุเปกฺขาสหคตํ มโนทฺวาราวชฺชนจิตฺตํ อสังฺขาริกํ กามาวจรอเหตุกกิริยจิตตํ
    จิตที่เกิดพร้อมด้วยความเฉยๆ พิจารณาอารมณ์ทางมโนทวาร
    มีความหมายว่า จิตนี้ทำหน้าที่ตัดสินอารมณ์ทั้ง ๕ ทางทวาร ๕
    และมีหน้าที่พิจารณาอารมณ์ทั้ง ๖ ที่เกิดทางมโนทวารคือทางใจนึกคิดโดยตรงด้วย

    ๓. โสมนสฺสสหคตํ หสิตุปฺปาทจิตฺตํ อสังฺขาริกํ กามาวจรอเหตุกกิริยจิตตํ
    จิตที่ยิ้มแย้มของพระอรหันต์ เกิดพร้อมด้วยความโสมนัส เกิดขึ้นเองโดยไม่มีสิ่งชักชวน
    มีความหมายว่า จิตดวงนี้เป็นจิตยิ้มแย้มของพระอรหันต์ทั้งหลายโดยเฉพาะ บุคลลอื่นที่มิใช่พระอรหันต์
    ไม่ได้ยิ้มแย้มด้วยจิตดวงนี้ แต่ยิ้มและหัวเราะด้วยจิตดวงอื่น ซึ่งจะขอกล่าวถึงต่อเมื่อได้แสดงกามจิต
     
  6. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    [​IMG]

    มหากุศลจิต เรียกว่า มหากุศลเฉยๆ ก็ได้ ที่ว่าเป็นมหากุศล เพราะ
    ก. เป็นกุศลจิตที่กว้างขวางมากมายมีได้ทั่วไป กล่าวคือสัตว์ในอบาย ( สัตว์นรก สัตว์เปรต สัตว์อสุรกาย และสัตว์ดิรัจฉาน )
    มนุษย์ เทวดา ตลอดจนรูปพรหม อรูปพรหม สามารถที่จะมีมหากุศล หรือประกอบกรรมอันเป็นมหากุศลนี้ได้
    ข. เป็นที่ตั้งของกุศลทั้งปวง และยังเป็นปัจจัยก่อให้เกิดกุศลฌานจิต มัคคจิต ผลจิต ทั้งเป็นปัจจัยให้ถึงซึ่งพระนิพพานได้ด้วย
    กามาวจรโสภณจิต 24​

    มหากุศลมี ๘ ดวง ได้แก่

    ๑.โสมนสฺสสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ อสงฺขาริกํ กามาวจรมหากุศลจิตฺตํ
    มหากุศลดวงที่ ๑ เกิดพร้อมด้วยความยินดี ประกอบด้วยปัญญา เป็นอสังขาริก คือเกิดขึ้นเองโดยไม่มีสิ่งชักจูง

    ๒.โสมนสฺสสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกํ กามาวจรมหากุศลจิตตํ
    มหากุศลดวงที่ ๒ เกิดพร้อมด้วยความยินดี ประกอบด้วยปัญญา เกิดขึ้นโดยมีสิ่งชักจูง

    ๓.โสมนสฺสสหคตํ ญาณวิปฺปยุตฺตํ อสงฺขาริกํ กามาวจรมหากุศลจิตฺตํ
    มหากุศลดวงที่ ๓ เกิดพร้อมด้วยความยินดี ไม่ประกอบด้วยปัญญา เกิดขึ้นเองโดยไม่มีสิ่งชักจูง

    ๔. โสมนสฺสสหคตํ ญาณวิปฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกํ กามาวจรมหากุศลจิตฺตํ
    มหากุศลดวงที่ ๔ เกิดพร้อมด้วยความยินดี ไม่ประกอบด้วยปัญญา เกิดขึ้นโดยมีสิ่งชักจูง

    ๕. อุเปกฺขาสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ อสงฺขาริกํ กามาวจรมหากุศลจิตฺตํ
    มหากุศลดวงที่ ๕ เกิดพร้อมด้วยความเฉยๆ ประกอบด้วยปัญญา เกิดขึ้นเองโดยไม่มีสิ่งชักจูง

    ๖.อุเปกฺขาสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกํ กามาวจรมหากุศลจิตฺตํ
    มหากุศลดวงที่ ๖ เกิดพร้อมด้วยความเฉยๆ ประกอบด้วยปัญญา เกิดขึ้นโดยมีสิ่งชักจูง

    ๗.อุเปกฺขาสหคตํ ญาณวิปฺปยุตฺตํ อสงฺขาริกํ กามาวจรมหากุศลจิตฺตํ
    มหากุศลดวงที่ ๗ เกิดพร้อมด้วยความเฉยๆ ไม่ประกอบด้วยปัญญา เกิดขึ้นเองโดยไม่มีสิ่งชักจูง

    ๘. อุเปกฺขาสหคตํ ญาณวิปฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกํ กามาวจรมหากุศลจิตฺตํ
    มหากุศลดวงที่ ๘ เกิดพร้อมด้วยความเฉยๆ ไม่ประกอบด้วยปัญญา เกิดขึ้นโดยมีสิ่งชักจูง
     
  7. Ndantchor

    Ndantchor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +1,123
    ความยินดี4 ความเฉยๆ4

    มหากุศลทั้ง 8 ดวงนี้ ขอตัวอย่างการเกิดขึ้น ต่อการดำเนินในชีวิตประจำวันด้วยครับ

    แน่นอนว่า อายตนะทั้ง5 จะเป็นประตูช่องทางบอกใบ้ สู่ความยินดี หรือความเฉยๆ สู่ใจ ในมหากุศลดังกล่าว

    ช่วยอธิบายตัวอย่างด้วยครับ ขอบคุณครับ
     
  8. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    กำลังคิดหาคำอธิบายอยู่ครับ

    ยินดี ๔ เฉยๆ ๔
    มีปัญญา ๔ ไม่มีปัญญา ๔
    เกิดขึ้นเอง ๔ ถูกชักชวน ๔
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 กันยายน 2012
  9. Ndantchor

    Ndantchor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +1,123
    ลุงหมาน ตอบมาได้ตรงๆดีครับ

    ว่าแต่ขณะนี้ มีมหากุศลดวงใดเกิดขึ้นอยู่หรือไม่ครับ

    เอาเป็นว่าจะรอคำอธิบายในคำตอบดังกล่าวครับ ไว้ว่างๆจะเข้ามาติดตามอ่าน

    ขอบคุณครับ
     
  10. JitJailove

    JitJailove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    736
    ค่าพลัง:
    +741
    ๑.โสมนสฺสสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ อสงฺขาริกํ กามาวจรมหากุศลจิตฺตํ
    มหากุศลดวงที่ ๑ เกิดพร้อมด้วยความยินดี ประกอบด้วยปัญญา เป็นอสังขาริก คือเกิดขึ้นเองโดยไม่มีสิ่งชักจูง

    เป็นคนยินดีพอใจในการทำกุศล รู้เหตุและผลของการกระทำกรรม เมื่อเห็นสิ่งใดทำได้
    ก็ทำทันที ไม่รั้งรอ ไม่ต้องคอยให้ใครมาชวนให้ทำกุศล จะทำเองด้วยจิตที่เต็มไปด้วยความ
    ยินดี เช่น ขณะนั่งอยู่บนรถสองแถวเข้าซอยบ้าน เห็นคนแก่ที่กำลังไม่สบาย
    เราก็ออกค่ารถให้คนแก่ และยังให้เงินแก่คนแก่นั้นด้วย โดยที่คนแก่นั้นไม่ได้เอ่ยปาก
    ขอความช่วยเหลือหรือขอตังค์แก่เราเลย แต่เรายินดีที่จะให้คนแก่เอง และคนแ่ก่นั้นก็
    ขอบคุณและดีใจอย่างมาก เมื่อมีผู้ช่วยเหลือตน การกระทำในขณะนั้น สืบเนื่องมาจาก
    เรารู้ว่าสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของของตน เมื่อเห็นผู้หนึ่งผู้ใดได้รับความทุกข์อยู่
    ก็มีปัญญารู้ว่าไม่มีใครพ้นผลของกรรมไปได้ เป็นความจริงแ้ท้แน่นอน
    จึงสงสารเพื่อนที่เกิดร่วมวัฏฏสงสารด้วยกัน สิ่งใดเกื้อกูลกันได้ ก็สมควรกระทำ
    และการรู้เหตุและผลแห่งการกระทำกรรม ว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว สัตว์ทั้งหลาย
    ยังต้องเวียนว่ายตายเกิด ต้องอาศัยอานิสงค์แห่งกรรมดีเป็นเครื่องเดินทาง
    สิ่งใดทำได้เพื่อขัดเกลากิเลสของตนและเป็นบุญกุศล สมควรอย่างยิ่งที่จะเต็มใจกระทำค่ะ
     
  11. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    แจ๋วๆ ยกตัวอย่างได้ชัดเจนครับ งั้นยกตัวอย่างให้หมดทั้ง ๘ ดวงเลย
    จะขอบคุณขอบใจอย่างสูง
     
  12. JitJailove

    JitJailove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    736
    ค่าพลัง:
    +741
    อ้าว...ได้การบ้านเลยเรา
    รอก่อนนะคะลุง กำลังจะไปข้างนอกบ้านพอดีค่ะ
     
  13. Ndantchor

    Ndantchor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    273
    ค่าพลัง:
    +1,123
    อ่า..เพิ่งได้เข้าเวบมาอ่าน หลังจากที่ถามไปเมื่อเช้านี้

    ไม่ต้องเกี่ยงกันครับ เอาเป็นว่าไม่อยากรู้แล้วกับคำตอบ ที่ได้ถามไปดังกล่าว

    ไว้จะมาซุ่มติดตามอ่านอภิธรรมครับ

    ขอบคุณครับ
     
  14. JitJailove

    JitJailove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    736
    ค่าพลัง:
    +741
    ลุงหมาน เก็บของเตรียมหนีน้ำรึป่าวคะ

    ๒.โสมนสฺสสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกํ กามาวจรมหากุศลจิตตํ
    มหากุศลดวงที่ ๒ เกิดพร้อมด้วยความยินดี ประกอบด้วยปัญญา เกิดขึ้นโดยมีสิ่งชักจูง

    เป็นคนยินดีพอใจในการทำกุศล รู้เหตุและผลของการกระทำกรรม เมื่อมีผู้มาชวนให้เป็นกรรมการทอดผ้าป่า
    ก็ตอบตกลงด้วยความยินดีเต็มใจที่ได้เป็นผู้ร่วมบำรุงพระพุทธศาสนา ขณะทำกุศลก็มีจิตใจแช่มชื่น
    ด้วยรู้เหตุและผลแห่งการกระทำกรรม ว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว สัตว์ทั้งหลาย
    ยังต้องเวียนว่ายตายเกิด ต้องอาศัยอานิสงค์แห่งกรรมดีเป็นเครื่องเดินทาง
    สิ่งใดทำได้เพื่อขัดเกลากิเลสของตนและเป็นบุญกุศล สมควรอย่างยิ่งที่จะเต็มใจกระทำค่ะ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2012
  15. JitJailove

    JitJailove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    736
    ค่าพลัง:
    +741
    ๓.โสมนสฺสสหคตํ ญาณวิปฺปยุตฺตํ อสงฺขาริกํ กามาวจรมหากุศลจิตฺตํ
    มหากุศลดวงที่ ๓ เกิดพร้อมด้วยความยินดี ไม่ประกอบด้วยปัญญา เกิดขึ้นเองโดยไม่มีสิ่งชักจูง

    เป็นคนมีศรัทธา ยินดีพอใจกับการสวดมนต์ ก็สวดมนต์ก่อนนอนทุกวัน สวดด้วยความศรัทธา
    ในพระธรรมของพระพุทธองค์ แม้จะสวดไปโดยไม่รู้คำแปล ไม่เข้าใจความหมายของคำสวด
    ไม่เข้าใจเนื้อหาว่าพระพุทธองค์ตรัสสอนในเรื่องใดในคำสวดนั้นๆ เพราะเป็นภาษาบาลี
    แต่ก็มีความยินดีที่จะสวดมนต์ด้วยจิตใจที่เบิกบาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2012
  16. JitJailove

    JitJailove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    736
    ค่าพลัง:
    +741
    ๔. โสมนสฺสสหคตํ ญาณวิปฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกํ กามาวจรมหากุศลจิตฺตํ
    มหากุศลดวงที่ ๔ เกิดพร้อมด้วยความยินดี ไม่ประกอบด้วยปัญญา เกิดขึ้นโดยมีสิ่งชักจูง

    เป็นผู้ยินดีพอใจในการทำกุศล เมื่อมีเพื่อนชวนเราไปฟังสวดปาติโมกข์ เราก็ไปตามคำชวน
    ฟังสวดด้วยความศรัทธา และไม่รู้ความหมายของคำสวดปาติโมกข์ที่พระท่านสวดกัน
    แต่มีความยินดี มีความศรัทธาที่จะฟังด้วยจิตที่แช่มชื่นยินดีค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2012
  17. JitJailove

    JitJailove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    736
    ค่าพลัง:
    +741
    ลุง มาตรวจดูด้วยนะคะ ข้อความไหนบกพร่อง ก็แก้ไขได้เลยนะคะ
     
  18. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ดีแล้วว่าไปๆ อนุโมทนาสาธุ
     
  19. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ๕. อุเปกฺขาสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ อสงฺขาริกํ กามาวจรมหากุศลจิตฺตํ
    มหากุศลดวงที่ ๕ เกิดพร้อมด้วยความเฉยๆ ประกอบด้วยปัญญา เกิดขึ้นเองโดยไม่มีสิ่งชักจูง


    ๖.อุเปกฺขาสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกํ กามาวจรมหากุศลจิตฺตํ
    มหากุศลดวงที่ ๖ เกิดพร้อมด้วยความเฉยๆ ประกอบด้วยปัญญา เกิดขึ้นโดยมีสิ่งชักจูง


    ๗.อุเปกฺขาสหคตํ ญาณวิปฺปยุตฺตํ อสงฺขาริกํ กามาวจรมหากุศลจิตฺตํ
    มหากุศลดวงที่ ๗ เกิดพร้อมด้วยความเฉยๆ ไม่ประกอบด้วยปัญญา เกิดขึ้นเองโดยไม่มีสิ่งชักจูง


    ๘. อุเปกฺขาสหคตํ ญาณวิปฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกํ กามาวจรมหากุศลจิตฺตํ
    มหากุศลดวงที่ ๘ เกิดพร้อมด้วยความเฉยๆ ไม่ประกอบด้วยปัญญา เกิดขึ้นโดยมีสิ่งชักจูง

    มาว่าต่อ..........ฝึกบรรยายไว้ต่อๆไป จะได้ไปสอนรุ่นน้องต่อไป
    <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 กันยายน 2012
  20. JitJailove

    JitJailove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    736
    ค่าพลัง:
    +741
    ๕. อุเปกฺขาสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ อสงฺขาริกํ กามาวจรมหากุศลจิตฺตํ
    มหากุศลดวงที่ ๕ เกิดพร้อมด้วยความเฉยๆ ประกอบด้วยปัญญา เกิดขึ้นเองโดยไม่มีสิ่งชักจูง

    เช่น เป็นผู้ที่ตั้งใจใส่บาตรทุกเช้าไม่เคยขาด ด้วยเป็นผู้รู้เหตุและผลแห่งการกระทำกรรม
    นำอาหารอันปราณีตตามควรแก่ฐานะตนมาใส่บาตรพระ ในการกระทำครั้งแรกๆ ที่เริ่มกระทำ
    นั้นมีความปิติแช่มชื่นในใจอย่างมาก แต่พอใส่บาตรไปเป็นปี รู้สึกว่าความแช่มชื่นกลับหายไป
    กลายเป็นความเฉยสงบนิ่ง เพราะการคุ้นเคยกับการกระทำเป็นกิจวัตร หากจะทำการพิจารณา
    ก่อนใส่บาตรเพื่อให้เกิดปิติแช่มชื่นใจ ย่อมทำได้ด้วยการตรึกพิจารณาก็จะเกิดอารมณ์
    ที่ปิติแช่มชื่นได้ แต่ก็ไม่ได้กระทำการพิจารณา ยังคงใส่บาตรไปด้วยความรู้สึกเฉยๆ และ
    เต็มใจกระทำไปอย่างผู้มีความศรัทธา เป็นผู้มีเข้าใจเหตุผลแห่งการกระทำกรรม
    ทำบุญเพื่อลดความตระหนี่ รู้อานิสงค์เพื่อการออกจากสังสารวัฏฏ์ เป็นผู้เต็มใจใส่บาตรเอง
    โดยไม่มีใครชักชวนค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...