เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

ผลของการแยก กาย ใจ จิต

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย oatthidet, 23 สิงหาคม 2012.

แท็ก: เพิ่มแท็ก

หน้า 5 ของ 16

oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

4 กุมภาพันธ์ 2010

โพสต์:

3,498

ค่าพลัง:

+1,876
jittinon said: ↑

ทีนี้หาก คุณปฏิบัติในทางคำบริกรรมมาและไม่มีอาจารย์ คือเรียนรู้ด้วยตนเอง
ในการทำสมาธิ โดยใช้คำบริกรรมเป็นเครื่องกำหนด อาการต่างๆที่ปรากฏ
และความรู้ต่างๆที่ปรากฏ คงต้องรบกวนพี่ปราบ ยกคำสอนหลวงพ่อพุธ มาเพื่อทวนสอบ(โยนิโสมนสิการโดยแยบคาย) ผมมองว่าอาการเหล่านี้แม้แต่ละท่านจะต่างกัน หากแต่ยังคงในแนวเดียวกัน และเข้าใจกันได้ครับ หรือเรียกว่าคุยกันรู้เรื่อง
การปฏิบัติจึงต้องมีการบอกเล่าสิ่งที่ทำมาแล้ว กำลังทำอยู่
จึงมีคำกล่าวถึง การขอนิสัยพระ (ขอพระกรรมฐาน)
Click to expand...

เมื่อคุณกล่าวเช่นนี้ คุณควรที่จะแสดงสิ่งที่เป็นผลจากการปฎิบัติของคุณเองด้วยครับ

ผมตอบด้วยใจจริง คุณเองเมื่อถามแล้วได้คำตอบ ควรตอบในสิ่งที่ถามเช่นกันครับ

สาธุครับ
ขอให้เจริญในธรรมครับ

oatthidet, 25 สิงหาคม 2012

#81
deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

16 มกราคม 2007

โพสต์:

0

ค่าพลัง:

+805

oatthidet said: ↑

การภาวนาก็ไม่แตกต่างไปจากการภาวนาอื่นๆครับ เพียงแต่ผมไม่ได้กำหนดนิมิตอะไร

มุ่งอยู่แต่คำภาวนาเท่านั้น ส่วนการภาวนาผมภาวนาทุกครั้งที่มีการสั่นไหวของจิตครับ

ไม่ได้ภาวนาเฉพาะตอนนั่งกรรมฐานครับ เมื่อภาวนาอยู่จน จิต นิ่งสงบดีแล้ว

การภาวนาจะคลายตัวลงไปเองครับ มีแต่ความนิ่งสงบครับ ในช่วงแรกก็มีความสงสัยเกิดขึ้น

ว่าจะไปทางไหนต่อ แต่พอนิ่งสงบมากขึ้น บ่อยขึ้น ก็ได้รู้ว่าสิ่งที่เห็นนั้นมีแค่ จิต ครับ

เฝ้าดูจิตเพียงอย่างเดียว มุ่งมั่นที่จะเพ่งดู จิต จนเห็นการเคลื่อนไหวเมื่อมีการกระทบเกิดขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นขณะนั่งกรรมฐาน หรือ ไม่ได้นั่งกรรมฐาน ซึ่งสิ่งที่เคลื่อนไหว คือ ความรู้สึกนั่นเอง

เมื่อเกิดความรู้สึก จิต จะเกิดการรับรู้โดยอัตโนมัติ แต่เมื่อเห็นบ่อยครั้งเข้ากลับสามารถยก จิต ออกได้

สิ่งที่เห็นต่อ คือ ความรู้สึกนั้นดับลงไป และ จะเกิดความรู้สึกต่อเมื่อเกิดการกระทบ

เมื่อยก จิต ออกจากความรู้สึกบ่อยเข้า การนึกคิดจะไม่มีผลกับเราครับ ถึงแม้การนึกคิดจะมีอยู่

แต่เป็นเพียงเกิดขึ้นมาแล้วก็ดับไปเท่านั้นเองครับ เพียงแต่หากทำได้ทุกอณุวินาที

จิต จะแยกออกโดยไม่มีสิ่งที่ให้ยึดเกาะ นี่คือ สิ่งที่ผมเห็นครับ ว่าทางนี้เองที่จะทำให้หลุดพ้น

จิต จะเสื่อมสลายไปเองโดยไม่ต้องบังคับ เพราะไม่มีสิ่งให้ยึดเกาะ

สาธุครับ
Click to expand...

ตรงนี้เป้นส่วนหนึ่งของกำลังจากสมาธิครับ
คงต้องกล่าวว่า ตรงที่มีความรู้ผุดขึ้นมานั้น มันทำให้เราหลงได้
ผมพอเข้าใจคุณโอ๊ตแล้วล่ะครับ
คำแนะนำ คงต้องเข้าหาพระ ครับน่าจะดีที่สุด
เจริญในธรรมครับ

deemonster, 25 สิงหาคม 2012

#82
oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

4 กุมภาพันธ์ 2010

โพสต์:

3,498

ค่าพลัง:

+1,876

jittinon said: ↑

ตรงนี้เป้นส่วนหนึ่งของกำลังจากสมาธิครับ
คงต้องกล่าวว่า ตรงที่มีความรู้ผุดขึ้นมานั้น มันทำให้เราหลงได้
ผมพอเข้าใจคุณโอ๊ตแล้วล่ะครับ
คำแนะนำ คงต้องเข้าหาพระ ครับน่าจะดีที่สุด
เจริญในธรรมครับ
Click to expand...

ผมได้เดินตามเส้นทางที่ผมเห็นเองแล้วครับ และ เคยบอกกล่าวเรื่องในอดีตชาติแล้ว

ควรที่จะห่วงตนเองครับ และ ขอบคุณในความหวังดีครับ ไม่มีใครรู้ทุกอย่าง

เพราะหากรู้ทุกอย่างแล้ว ก็คงไม่มีอะไรให้ต้องแสวงหาอีก และ หากรู้ทุกคนก็คงไม่ต้องดิ้นรน

ทุกคนเมื่อไม่รู้ทุกอย่าง จึงต้องมีผิด มีถูก พระอาจารย์ทั้งหลายก็มีผิด มีถูกเช่นกัน

แต่หากไม่ยึดทุกอย่างที่พบเห็น ความเป็นทุกข์คงไม่เกิด ที่เป้นทุกข์อยู่นี้ เพราะไม่เห็นเหตุแห่งทุกข์นั่นเอง

สาธุครับ

ขอให้เจริญในธรรมครับ

oatthidet, 25 สิงหาคม 2012

#83
ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

23 มีนาคม 2010

โพสต์:

1,080

ค่าพลัง:

+968

oatthidet said: ↑

การภาวนาก็ไม่แตกต่างไปจากการภาวนาอื่นๆครับ เพียงแต่ผมไม่ได้กำหนดนิมิตอะไร

มุ่งอยู่แต่คำภาวนาเท่านั้น ส่วนการภาวนาผมภาวนาทุกครั้งที่มีการสั่นไหวของจิตครับ

ไม่ได้ภาวนาเฉพาะตอนนั่งกรรมฐานครับ เมื่อภาวนาอยู่จน จิต นิ่งสงบดีแล้ว

การภาวนาจะคลายตัวลงไปเองครับ มีแต่ความนิ่งสงบครับ ในช่วงแรกก็มีความสงสัยเกิดขึ้น

ว่าจะไปทางไหนต่อ แต่พอนิ่งสงบมากขึ้น บ่อยขึ้น ก็ได้รู้ว่าสิ่งที่เห็นนั้นมีแค่ จิต ครับ

เฝ้าดูจิตเพียงอย่างเดียว มุ่งมั่นที่จะเพ่งดู จิต จนเห็นการเคลื่อนไหวเมื่อมีการกระทบเกิดขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นขณะนั่งกรรมฐาน หรือ ไม่ได้นั่งกรรมฐาน ซึ่งสิ่งที่เคลื่อนไหว คือ ความรู้สึกนั่นเอง

เมื่อเกิดความรู้สึก จิต จะเกิดการรับรู้โดยอัตโนมัติ แต่เมื่อเห็นบ่อยครั้งเข้ากลับสามารถยก จิต ออกได้

สิ่งที่เห็นต่อ คือ ความรู้สึกนั้นดับลงไป และ จะเกิดความรู้สึกต่อเมื่อเกิดการกระทบ

เมื่อยก จิต ออกจากความรู้สึกบ่อยเข้า การนึกคิดจะไม่มีผลกับเราครับ ถึงแม้การนึกคิดจะมีอยู่

แต่เป็นเพียงเกิดขึ้นมาแล้วก็ดับไปเท่านั้นเองครับ เพียงแต่หากทำได้ทุกอณุวินาที

จิต จะแยกออกโดยไม่มีสิ่งที่ให้ยึดเกาะ นี่คือ สิ่งที่ผมเห็นครับ ว่าทางนี้เองที่จะทำให้หลุดพ้น

จิต จะเสื่อมสลายไปเองโดยไม่ต้องบังคับ เพราะไม่มีสิ่งให้ยึดเกาะ

สาธุครับ
Click to expand...

ถ้าคุณภาวนาแต่เรื่องจิต ดูแต่จิต ถ้าคุณปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ คุรก็อรูปพหรมแหละครับ อยากไปเหรอ ติวให้ก็ได้ว่าเรื่องจิตเป้นเรื่องของอารมณ์ ถ้าจิตคุณมีมลทิน(ผมรู้แต่ไม่รู้คำอธิบาย เพราะมันเป็นภาคปฏิบัติ) เอางี้ คุณเอาทางลัดนะครับ ศึกษาสังโยชน์ 10 แล้วปฏิบัติตามอริยสัจจ์ 4 สรุปลงที่สมาธิชอบของมรรค 8 จิตคุรหลุดพ้นเมื่อไหร่คุณจับอารมณ์ตรงนั้น นั่นแหละบรรลุธรรม...ผมแนะนำได้แค่นี้เพราะตอนนี้ผมเป้นแค่พระอนาคามี ยังไม่ใช่อรหันต์...ขอให้ได้เป้นพระโสดาบันโดยดีที่สุดนะครับ ในอนาคตเมื่อคุณบรรลุธรรมจริงๆ พุทธบริษัทของคุณจะกว้างใหญ่ไพศาล ธรรมของพระอริยะอย่างคุณจะทำให้คุณมีชื่อเสียง มีลูกศิษย์หลั่งไหลมาจากทุกสารทิศ ขอให้ลดตัวกู-ของกูนะครับ วางกำลังใจสบายๆ และอย่าคิดมาก...

-

ฟางว่าน, 25 สิงหาคม 2012

#84
oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

4 กุมภาพันธ์ 2010

โพสต์:

3,498

ค่าพลัง:

+1,876

bankbankbank said: ↑

เพี้ยนไปใหญ่แล้ว...
มาคุยว่า ปฏิบัติธรรมมาเองได้ แบบนี้ เพี้บนไป ครับ..
คุณ เขียน มาจาก ความคิด ปรุงแต่ง ที่คิดๆเอา..แถมคุยว่า ศรัทธาหลวงปู่มั่น หาก หลวงปู่ มาอ่านเจอ คงโดน บ้องหู กระจายแน่ๆ....

ความรู้สึก คืออะไร....มันคือ ผล ของการปรากฏตัวของจิต..มันคือ วิญญาณ
มัน คือ จิต ที่แสดงผล มันจึงเป็น ความรู้สึก....

((ความรู้สึก จะเคลื่อนไหว เมื่อจิตสงบดีแล้ว))..พูดมาได้ ใช้ อะไร คิดเนี่ย..
หาก เกิดการเคลื่อนไหว มันไม่ใช่ ความรู้สึก เคลื่อน..คุณ เข้าใจ ภาษา มั้ยเนี่ย..ผม ชัก สงสัย.ความรู้สึก จะเคลื่อนไหวได้อย่างไร...ควาามรู้สึก คือ ผล ที่แสดงออกของ จิต เมื่อ ต้องการ หรือไม่ต้องการ การสัมผัส..ใดๆ
จะเข้าใจ มั้ยเนี่ย สงสัยต้องจับไปเรียน รู้ ภาษาใหม่ ละมั้งเนี่ย

จิต ที่จะสงบนิ่งดีแล้ว..นั้น เกิดจาก ความรู้สึกตัว ที่ถูกต้อง อันเกิดจาก การเจริญสติ...เมื่อ ตั้งมั่นแล้ว..ก็ นิ่งไป..และจิต จะ เคลื่อนไหวใหม่ กับ สัมผัสใหม่ๆ...เป็น วัฎ วนไป เรื่อยๆ..คน ที่ปกิบัติ จึงต้อง มีความเพียร มากๆ เพื่อ การ สงบลงของจิต จะได้ มีบ่อยๆ เนืองๆๆๆๆ...

คงอ่าน ไม่เข้าใจ อีก แน่ๆ เพราะ อัตตา สูงจัด นาย ธิเดช กับ นาย ธรรมชาติ 2 คนนี้ ดีไม่ดี คนเดียวกัน....แถ และ อวดเก่ง
Click to expand...

ผมบอกหลายครั้งแล้วว่า ผมใช้เพียงชื่อเดียว และ การดูถูกผู้อื่นใช่วิสัยของผู้ปฎิบัติหรือครับ

คนที่ไม่เข้าใจน่ะคุณหรือเปล่าครับ หากหลวงปู่มั่นมาได้จริงจะเป็นสิ่งดีมากครับ

เพียงแต่มันเป็นไปไม่ได้แล้ว คนที่มีอัตตาสูงน่ะใครควรใคร่ควรดูนะครับ คุณเคยสงบนิ่งไหมครับ

ถึงได้ไม่เข้าใจเลย ว่าการเคลื่อนไหวของความรู้สึกจะเห้นชัดในขณะที่ จิต นิ่งสงบ

คุณสงสัยมากก็ลองสังเกตุด้วยตัวคุณเองสิครับ ว่ามีเกิดการกระทบแล้ว ความรู้สึกเกิดก่อน หรือ การรับรู้เกิดก่อน

คงไม่ยากจนเกินไปนะครับ แค่สังเกตุจากตนเองเท่านั้น

สาธุครับ

ขอให้เจริญในธรรมครับ

oatthidet, 25 สิงหาคม 2012

#85
oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

4 กุมภาพันธ์ 2010

โพสต์:

3,498

ค่าพลัง:

+1,876

คีย์บอร์ด said: ↑

ถ้าคุณภาวนาแต่เรื่องจิต ดูแต่จิต ถ้าคุณปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ คุรก็อรูปพหรมแหละครับ อยากไปเหรอ ติวให้ก็ได้ว่าเรื่องจิตเป้นเรื่องของอารมณ์ ถ้าจิตคุณมีมลทิน(ผมรู้แต่ไม่รู้คำอธิบาย เพราะมันเป็นภาคปฏิบัติ) เอางี้ คุณเอาทางลัดนะครับ ศึกษาสังโยชน์ 10 แล้วปฏิบัติตามอริยสัจจ์ 4 สรุปลงที่สมาธิชอบของมรรค 8 จิตคุรหลุดพ้นเมื่อไหร่คุณจับอารมณ์ตรงนั้น นั่นแหละบรรลุธรรม...ผมแนะนำได้แค่นี้เพราะตอนนี้ผมเป้นแค่พระอนาคามี ยังไม่ใช่อรหันต์...ขอให้ได้เป้นพระโสดาบันโดยดีที่สุดนะครับ ในอนาคตเมื่อคุณบรรลุธรรมจริงๆ พุทธบริษัทของคุณจะกว้างใหญ่ไพศาล ธรรมของพระอริยะอย่างคุณจะทำให้คุณมีชื่อเสียง มีลูกศิษย์หลั่งไหลมาจากทุกสารทิศ ขอให้ลดตัวกู-ของกูนะครับ วางกำลังใจสบายๆ และอย่าคิดมาก...
Click to expand...

หากไม่กล่าวในภาคปฎิบัติ เชิญคุณเถอะครับ ไม่มีความจำเป็นที่ผมจะต้องสนทนาด้วย

ผมไม่สนใจว่าจะมีลูกศิษย์ไหม ไม่ได้มีความจำเป็นในเรื่องเหล่านี้เลย โลกธรรม 8

หากคุณต้องการมากนัก เชิญคุณนำไปให้หมดเลยครับ เพราะผมไม่ได้ต้องการครับ

ผมสนใจแต่การปฎิบัติธรรมนั่งกรรมฐาน เพราะผมเห็นที่สุดจากการปฎิบัติธรรมแล้ว

ว่าควรดำเนินไปเช่นไร ในโพสนี้ได้ชี้ชัดแล้วว่า คุณไม่รู้เรื่องในการปฎิบัติ

สาธุครับ

ขอให้เจริญในธรรมครับ

oatthidet, 25 สิงหาคม 2012

#86
oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

4 กุมภาพันธ์ 2010

โพสต์:

3,498

ค่าพลัง:

+1,876

bankbankbank said: ↑

ผม แทรกๆ ตอบ ไม่รู้ ว่า จะติดมั้ย...ผม ไม่เก่งคอม นะ แต่ พอเล่นได้เท่านั้น
Click to expand...

-ไม่เป็น..แน่นอน สภาวะ แห่งฌาณ คือ จิตรวม อันเกิดจากการเพ่ง หรือ น้อม ใจ กายหายไป ไม่ใช่ ไม่มีกาย..กายกับใจไม่ได้แยกกันแน่นอน..แต่เป็น สมถะกรรมฐาน ถุฏต้อง

-หากสภาวะแห่งฌาณไม่ใช่การแยกกาย แยกจิต เป็นเพียงการรวมของจิต อันเกิดจากการเพ่ง ด้วยกายหายไป แต่ไม่ใช่ไม่มีกาย แล้วการแยกกาย แยก จิต ที่คุณเข้าใจนี้คือ ไม่มีกายเลยใช่ไหมครับ หากว่าใช่นั่นยังมีลมหายใจอยู่ไหมครับ

-ผม ยังยึดติด กับตัวตน ครับ แต่ ที่ปล่อยได่้ บ้าง ก็มีครับเรื่องธรรมมะ ผม พอตัวครับอะไรผิด ผม ก็แย้ง.ที่ผม ทำเพราะผมเห็นว่าคุณ ขี้โม้ ครับ และ กล่าวธรรมมะแบบผิดๆๆครับ
คอยกล่าวว่าร้ายผู้อื่นโดยไม่ลืมหู ลืมตา จ้องคอยทำลายโดยไม่ทบทวนด้วยเหตุ-ผล

-คุณควรที่จะหยิบยกมาเป็นหลักฐานประกอบด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้นคุณจะกลายเป็นผู้ที่ใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นนะครับ ซึ่งเป็นการส่อเสียด และ กรุณานำข้อความที่คู่ที่สนทนากับผมมาประกอบด้วยครับ ผมจะขี้โม้ด้วยเหตุ-ผลอะไรครับ ตอบในส่วนนี้ด้วยครับ

-เรื่อง หลวงปู่ มั่น ผม รู้มากกว่าคุณ แน่ๆ..ผม รู้ แม้กระมั่งว่า หลวงปู่ มั่น ท่านสอนกรรมฐาน โดยอิงอาศัยอะไรเป็นหลัก..ผม แยกได้ด้วยว่า พระ ในรุ่นถัดๆมา องค์ไหนเก๊ องค์ไหนจริง องค์ทำอิะไรเพื่ออะไร...ใครแสวงหาอะไร บางองค์ หาเงิน พี้อมชื่อเสียง บางองค์ หาเงิน อย่างเดียว บางองค์ หลอกคน ได้ ค่อนโลก เอากรรมฐาน บ้าๆบอๆ มาสอนคน..แถมมีคนเชื่อ และนับถือ ด้วย..บางองค์ อาศัยบารมีหลวงปู่มั่น หากิน ก้มี..หุหุหุ

-ผมไม่ได้สนใจว่าใครรู้มากกว่ากัน ที่ผมศัทธาหลวงปู่มั่น เพราะธรรมที่ท่านแสดงออกมาเท่านั้น ส่วนที่คุณนำมากล่าวนี้ผมไม่รู้แม้แต่น้อยครับ และ ไม่ใช่ธุระของผมด้วยครับ กรรมนั้นผู้ใดสร้างผู้นั้นพึ่งเป็นผู้รับผลแห่งกรรมนั้น ผมบอกกล่าวให้คุณไว้ว่า ผมเพียงต้องการหลุดพ้นจากวังวนนี้เท่านั้น นอกจากนั้นผมไม่ได้สนใจ ผมทำทุกวิถีทางที่จะหลุดพ้นโดยไม่ต้องกลับมาเกิดอีก เพราะผมเห้นการเกิด-ตายบ่อมแล้วในความทรงจำของ " จิต "

-ผมได้ตอบทุกคำถามที่คุณถามแล้ว หากไม่มีอะไรที่มาแสดงออกในทางธรรม ผมว่าคุณควรที่จะหยุดการจ้องหาความผิดของผู้อื่นตามคำสอนของหลวงปู่มั่นจะดีกว่าครับ ดีกว่าจะมาคอยทำให้จิตใจของตนเองขุ่นมัว ภายใน จิต นั้นมีธรรมอยู่มากมายครับ คุณเข้าไปดูเถอะครับ จะได้รู้ว่าผมขี้โม้ไหม ดีกว่ามากล่าวเช่นนี้ครับ ตักเตือนด้วยความปราถนาดีครับ

สาธุครับ

ขอให้เจริญในธรรมครับ

oatthidet, 25 สิงหาคม 2012

#87
oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

4 กุมภาพันธ์ 2010

โพสต์:

3,498

ค่าพลัง:

+1,876

bankbankbank said: ↑

555+ เออ เก่งๆ ธิเดช ยอดเก่ง เถียงทุกอย่างที่ขวางหน้า แบบนี้ ไม่เรียก อัตตา เรียกว่าอะไร ดี..คนอื่น เขียนอะไรมา ผิด หมด...ยกเว้นตนเอง ถูก เอง เออ เอง อวย ตนเอง...

55 ผมเหลือบไปเห็น สุนัข หน้าบ้าน มันยก หาง อีกแล้ว...สงสัยจะ ถ่ายอีกแล้ว..5555+
Click to expand...

หรือครับ เป็นทุกข์แม้กระทั้ง สุนัข จะถ่าย หรือครับ จิต ของคุณคงไม่ว่างเลยกระมัง

ถึงได้ชื่นชอบถกเถียง โต้แย้งเป็นนิสัย ดูถูกผู้อื่นอยู่เสมอ นี่หรือ ผู้ปฎิบัติธรรม

สาธุครับ

ขอให้เจริญในธรรมครับ

oatthidet, 25 สิงหาคม 2012

#88
oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

4 กุมภาพันธ์ 2010

โพสต์:

3,498

ค่าพลัง:

+1,876

คุณ bankbankbank คุณควรที่จะนำธรรมมาแสดงมากกว่า การที่คุณจะมาคอยชี้โทษผู้อื่น

ผมไม่เห็นคุณจะแสดงธรรมที่ควรมากเท่ากับการชี้โทษเลยครับ ดิ้นรนเพื่ออะไรครับ

สาธุครับ

ขอให้เจริญในธรรมครับ

oatthidet, 25 สิงหาคม 2012

#89
bankbankbank เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

14 สิงหาคม 2012

โพสต์:

229

ค่าพลัง:

+885

ผม...ขอ อภัยละกันที่ ทำให้ ขุ่นใจ

ไม่เถียงด้วยแล้ว...
แต่ ผม ยังเชื่อนะว่า สมถะ ไม่อาจแยก กาย กับ จิต ได้ครับ...

แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2012

bankbankbank, 25 สิงหาคม 2012

#90
oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

4 กุมภาพันธ์ 2010

โพสต์:

3,498

ค่าพลัง:

+1,876

bankbankbank said: ↑

ผม...ขอ อภัยละกันที่ ทำให้ ขุ่นใจ

ไม่เถียงด้วยแล้ว...
แต่ ผม ยังเชื่อนะว่า สมถะ ไม่อาจแยก กาย กับใจได้ครับ...
Click to expand...

หากการตักเตือนเป็นการขุ่นใจ ผู้ปฎิบัติทั้งหลายคงขุ่นใจกันทั้งวันครับ

การไม่ถกเถียงกัน เป้นสิ่งที่ควรครับ หากจะสนทนาควรสนทนาด้วยเหตุ-ผลครับ

สมถะนั้น แยก กาย ออกจาก จิต ครับ ไม่ใช่แยก กาย ออกจาก ใจ ไว้ถึงเองก็จะรู้เองครับ

สาธุครับ

ขอให้เจริญในธรรมครับ

oatthidet, 25 สิงหาคม 2012

#91
bankbankbank เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

14 สิงหาคม 2012

โพสต์:

229

ค่าพลัง:

+885

oatthidet said: ↑

หากการตักเตือนเป็นการขุ่นใจ ผู้ปฎิบัติทั้งหลายคงขุ่นใจกันทั้งวันครับ

การไม่ถกเถียงกัน เป้นสิ่งที่ควรครับ หากจะสนทนาควรสนทนาด้วยเหตุ-ผลครับ

สมถะนั้น แยก กาย ออกจาก จิต ครับ ไม่ใช่แยก กาย ออกจาก ใจ ไว้ถึงเองก็จะรู้เองครับ

สาธุครับ
Click to expand...

ไม่มีทางใช่แน่นอน ครับ..แยก กาย กับ จิต ทำไม่ได้ด้วยกการ ทำสมถะ ครับ...ผม ฝีกสมาธิมานาน สภาวะอะไรผม รู้ดีครับ

อย่าไปสอนใครนะ มันผิดครับ เรื่องคิดเอาเอวงแบบนี้ ขาย หน้าครับ

bankbankbank, 25 สิงหาคม 2012

#92
bankbankbank เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

14 สิงหาคม 2012

โพสต์:

229

ค่าพลัง:

+885
สมถะ เป็นการ ปฏิบัติ เพื่อ การรวม จิตให้สงบเท่านั้น ไม่ใช่ หนทาง ของการแยก กาย ออก จิต แน่นอน

มัน ผิด คำสอน ของศาสนาพุทธ ครับ..
หาก เป็น..ศาสนา ที่ตั้งเอาเองผม ไม่ รู้ด้วยครับ

ใครผ่านมาอ่าน กระทู้ นี้ อน่าไป เชื่อ นะครับว่า สมถะ แยก กาย กับจิตได้ คนที่เขียนแบบนี้ เขา คิดเอาเองครับ
แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2012

bankbankbank, 25 สิงหาคม 2012

#93
อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

19 มิถุนายน 2012

โพสต์:

2,511

ค่าพลัง:

+7,320

คีย์บอร์ด said: ↑

ถ้าคุณภาวนาแต่เรื่องจิต ดูแต่จิต ถ้าคุณปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ คุรก็อรูปพหรมแหละครับ อยากไปเหรอ ติวให้ก็ได้ว่าเรื่องจิตเป้นเรื่องของอารมณ์ ถ้าจิตคุณมีมลทิน(ผมรู้แต่ไม่รู้คำอธิบาย เพราะมันเป็นภาคปฏิบัติ) เอางี้ คุณเอาทางลัดนะครับ ศึกษาสังโยชน์ 10 แล้วปฏิบัติตามอริยสัจจ์ 4 สรุปลงที่สมาธิชอบของมรรค 8 จิตคุรหลุดพ้นเมื่อไหร่คุณจับอารมณ์ตรงนั้น นั่นแหละบรรลุธรรม...ผมแนะนำได้แค่นี้เพราะตอนนี้ผมเป้นแค่พระอนาคามี ยังไม่ใช่อรหันต์...ขอให้ได้เป้นพระโสดาบันโดยดีที่สุดนะครับ ในอนาคตเมื่อคุณบรรลุธรรมจริงๆ พุทธบริษัทของคุณจะกว้างใหญ่ไพศาล ธรรมของพระอริยะอย่างคุณจะทำให้คุณมีชื่อเสียง มีลูกศิษย์หลั่งไหลมาจากทุกสารทิศ ขอให้ลดตัวกู-ของกูนะครับ วางกำลังใจสบายๆ และอย่าคิดมาก...
Click to expand...

ใครเขาอยากเป็นพระอรหันต์เพื่อมีลูกศิษย์กันหละฟางว่าน???

อินทราพงษ์ | กองการวิปัสสนาธุระ วัดมหาธาตุฯ | โพธิธรรม

อินทรบุตร, 25 สิงหาคม 2012

#94
oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

4 กุมภาพันธ์ 2010

โพสต์:

3,498

ค่าพลัง:

+1,876

bankbankbank said: ↑

ไม่มีทางใช่แน่นอน ครับ..แยก กาย กับ จิต ทำไม่ได้ด้วยกการ ทำสมถะ ครับ...ผม ฝีกสมาธิมานาน สภาวะอะไรผม รู้ดีครับ

อย่าไปสอนใครนะ มันผิดครับ เรื่องคิดเอาเอวงแบบนี้ ขาย หน้าครับ
Click to expand...

งั้นผมขอถามคุณครับ ว่าคุณเคยยก จิต ออกจากการะกระทบไหมครับ คงจำได้เรื่องมีบาดมือผมนะครับ

แม้แต่ไปถอดเล็บที่โรงพยาบาล ทำการผ่าตัด ผมก็ยก จิต ออกจากการกระทบทางกายครับ

คุณเคยมีไหมครับ เคยยก จิต ออกจากการกระทบไหมครับ

สาธุครับ

ขอให้เจริญในธรรมครับ

oatthidet, 25 สิงหาคม 2012

#95
oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

4 กุมภาพันธ์ 2010

โพสต์:

3,498

ค่าพลัง:

+1,876

bankbankbank said: ↑

สมถะ เป็นการ ปฏิบัติ เพื่อ การรวม จิตให้สงบเท่านั้น ไม่ใช่ หนทาง ของการแยก กาย ออก จิต แน่นอน

มัน ผิด คำสอน ของศาสนาพุทธ ครับ..
หาก เป็น..ศาสนา ที่ตั้งเอาเองผม ไม่ รู้ด้วยครับ

ใครผ่านมาอ่าน กระทู้ นี้ อน่าไป เชื่อ นะครับว่า สมถะ แยก กาย กับจิตได้ คนที่เขียนแบบนี้ เขา คิดเอาเองครับ
Click to expand...

ความคิดเห็นนี้เป็นสิทธิ์ของคุณครับ ไว้คุณเห็นด้วยตัวคุณเองก่อนครับ เพราะบอกไปก็ไมาเกิดผล

มีแต่จะเป้นเหตุให้ถกเถียงกันเท่านั้นเอง หากยังยึดติดมากก็คงต้องเหนื่อยหน่อยนะครับ

สาธุครับ

ขอให้เจริญในธรรมครับ

oatthidet, 25 สิงหาคม 2012

#96
bankbankbank เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

14 สิงหาคม 2012

โพสต์:

229

ค่าพลัง:

+885

oatthidet said: ↑

ความคิดเห็นนี้เป็นสิทธิ์ของคุณครับ ไว้คุณเห็นด้วยตัวคุณเองก่อนครับ เพราะบอกไปก็ไมาเกิดผล

มีแต่จะเป้นเหตุให้ถกเถียงกันเท่านั้นเอง หากยังยึดติดมากก็คงต้องเหนื่อยหน่อยนะครับ

สาธุครับ
Click to expand...

ผม ไม่ยึดติดแน่ๆครับ...
คุณเอง ก้ มองลงในใจมั่งนะ ดู ท่า ยัง ฝึกน้อยไปครับ..
ไม่ยอมรับความจริง บ้างเลย....

คุณ เคย เห็น อัตตา ตัวเองมั้ยครับ...แบบว่้า อัตตา สูง จน ไม่ยอมรับอะไรในโลกเลย มีแต่ ความเห็นตนเอง ถุก คนเดียว...ลองดูลงในใจ ตัวคุณ นะครับว่า ขอ เถียง ทุกๆ เม้น เนี่ย มันแสดง ความ มีอัตตา สูงมาก นะ คุณ มอง ไม่เห้นเลยนะเนี่ย

น่าเหนื่อยนะครับ การ ปกิบัติ แบบที่คุณ ทำอยู่ มี แต่ อัตตา ครับ...
ผม ล่ะ สงสาร คุณจัง หลงไป ผิดทาง มากแล้ว

bankbankbank, 25 สิงหาคม 2012

#97
oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

4 กุมภาพันธ์ 2010

โพสต์:

3,498

ค่าพลัง:

+1,876

bankbankbank said: ↑

ผม ไม่ยึดติดแน่ๆครับ...
คุณเอง ก้ มองลงในใจมั่งนะ ดู ท่า ยัง ฝึกน่อยไปครับ..
ไม่ยอมรับความจริง บ้างเลย....

คุณ เคย เห็น อัตตา ตัวเองมั้ยครับ...แบบว่้า อัตตา สูง จน ไม่ยอมรับอะไรในโลกเลย มีแต่ ความเห็นตนเอง ถุฏ คนเดียว...

น่าเหนื่อยนะครับ การ ปกิบัติ แบบที่คุณ ทำอยู่ มี แต่ อัตตา ครับ...
ผม ล่ะ สงสาร คุณจัง หลงไป ผิดทาง มากแล้ว
Click to expand...

ความเห็นของผู้อื่นที่ผมว่าถูกก็มีไม่น้อยครับ ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเอาเลย

แม้ผู้ที่เคยต่อว่าผมเอง แต่การแสดงธรรมนั้นมีเหตุ-ผล ผมก็เข้าไปอนุโมทนาครับ

แต่ผู้ที่คอยจับผิดชี้โทษนี้ ไม่มีทางถูกแน่นอนครับ เพราะไม่สนทนาด้วยเหตุ-ผล

ที่ผมถามกรุณาตอบด้วยครับ เพราะนั่นเป้นผลจากสมาธิครับ เคยไหมครับ

สาธุครับ

ขอให้เจริญในธรรมครับ

oatthidet, 25 สิงหาคม 2012

#98
bankbankbank เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

14 สิงหาคม 2012

โพสต์:

229

ค่าพลัง:

+885

oatthidet said: ↑

งั้นผมขอถามคุณครับ ว่าคุณเคยยก จิต ออกจากการะกระทบไหมครับ คงจำได้เรื่องมีบาดมือผมนะครับ

แม้แต่ไปถอดเล็บที่โรงพยาบาล ทำการผ่าตัด ผมก็ยก จิต ออกจากการกระทบทางกายครับ

คุณเคยมีไหมครับ เคยยก จิต ออกจากการกระทบไหมครับ

สาธุครับ
Click to expand...

แบบที่คุณ ทำ นี้ เขาเรียกว่า เพ่งครับ
การเพ่ง แบบที่ยกความรู้สึกไปไว้ ที่อื่น ทำคล้ายๆไม่สนใจ จุด ที่กำลังเจ็บปวด ผม ทำเป็นตั้งแต่ 5-6 ขวบแล้ว...เรียกว่าเพ่งครับ

เด็ก ก็ทำได้ เยอะแยะ เด็ก ที่โดนตีแล้วไม่ร้องไห้ น่ะ ก็ทำแบบที่คุณ กำลังคุย เนี่ยล่ะครับ

bankbankbank, 25 สิงหาคม 2012

#99
oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

4 กุมภาพันธ์ 2010

โพสต์:

3,498

ค่าพลัง:

+1,876

bankbankbank said: ↑

แบบที่คุณ ทำ นี้ เขาเรียกว่า เพ่งครับ
การเพ่ง แบบที่ยกความรู้สึกไปไว้ ที่อื่น ทำคล้ายๆไม่สนใจ จุด ที่กำลังเจ็บปวด ผม ทำเป็นตั้งแต่ 5-6 ขวบแล้ว...เรียกว่าเพ่งครับ

เด็ก ก็ทำได้ เยอะแยะ เด็ก ที่โดนตีแล้วไม่ร้องไห้ น่ะ ก็ทำแบบที่คุณ กำลังคุย เนี่ยล่ะครับ
Click to expand...

ชัดเจนมากครับ เป็นการปรุงแต่งที่ชัดเจนมากครับ เช่นนี้ก็ไม่ควรสนทนากันอีกแล้วครับ

เพียงเพื่อการเอาชนะ คุณก็แสดงออกเช่นนี้แล้ว ผมขอประกาศเลยครับ ไม่จำเป้นต้องสนทนากันอีกแล้วครับ

สาธุครับ

ขอให้เจริญในธรรมครับ

oatthidet, 25 สิงหาคม 2012

#100

(คุณต้องเข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน เพื่อที่จะโพสต์)

หน้า 5 ของ 16

แชร์หน้านี้

Loading...