จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. kongkiatm

    kongkiatm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +1,263
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆ ท่านด้วยครับ
    ขอลงชื่อร่วมในการปฏิบัติด้วยครับ ปฏิบัติเพื่อลดละกิเลสทั้งปวงครับ
     
  2. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    คุณวาริน ดัชนีรู้แล้วล่ะว่าคุณวารินจะต้องการเมลล์แอดฯของดัชนี
    เลยส่งซิกไปเป็น pm ก่อน เอาเป็นว่าตามแผนจิตของดัชนีแล้วกันนะ 55
    dutchaneerover@hotmail.co.uk
    ลุยเลยนะส่งการบ้านได้ทุกวันยิ่งดี ดัชต้องการแบบนั้นค่ะ
     
  3. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    โมทนาสาธุอีกรอบจ๊ะ
    เห็นพระอาทิตย์สว่างช่วงเย็นแต่จิตท่านไปแต่เช้า
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  4. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    สาธุจ้า
    ขอให้ตั้งใจปฏิบัติอย่างแน่วแน่นะจ้ะ
    เกาะพระให้แน่น เกาะครูให้มั่น
    นิพพานอยู่ไม่ไกลจากเราทุกคน ถ้าเรามีความเพียรอย่างต่อเนื่อง
    อย่าปล่อยให้กิเลสตีก้นจนลุกไม่ขึ้นกันนะคะทุกท่าน
    มีเวลา มีลมหายใจวันนี้
    ต้องทำให้ดีที่สุดค่ะ

    ปล. รับน้ำมะนาวเย็นๆ สักแก้วก่อนนะคะท่านพี่ หุหุ


    [​IMG]




    ____________________
    รายชื่อคนที่ลงชื่อแล้ว

    1.Linda2009
    2.นิติทอง
    3.supatorn
    4.watta chan
    5.กรรมบท 10
    6.เมิล
    7. ่jarunee
    8.buddy0
    9.porpao
    10.Dhammanee
    11.ManC
    12.A-colyte
    13.วชระ
    14.สู่วันใหม่
    15.warin100
    16.PatWon
    17.Plapersia
    18.kansita_k
    19.preechaniy
    20.tom tana
    21.karan20
    22.อุษาวดี
    23.dobogoko
    24.kongkiatm

    ____________________
     
  5. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    เอ๊า กระเถิบเข้ามาใกล้ๆหน่อย มาเป็นชาวจิตเกาะพระกัน
    แล้วอย่าลืมส่งการบ้าน อธิบายจิตในแต่ละวันมาด้วยนะจ๊ะ
    ครูๆทั้งหลายรอ ยกจิตท่านอยู่จ๊ะ
    จุดเทียนในจิตเราให้สว่างก่อน เดี๋ยวพวกครูนำทางได้เร็วขึ้นนะ
    เป็นกำลังใจจ๊ะ
    เจริญในธรรม
     
  6. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    ฮ่วย...ทำไมไม่มี ริน ไร ยุง มดอ่ะ
    ปัดหน่อยทำเป็นตาย อั่ยเราก้อพยายามหลีกลี้
    เดินไปหัวคะมำ หลบมด
    ชาวบ้านเขาหลบเจ้าหนี้
    ข่อยหลบ...มด
    มันส์์ พะยะค่ะ
     
  7. ่jarunee

    ่jarunee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +1,917
    ได้รับเมลตอบแล้วคะ ขอบคุณในความเมตตามากๆคะ
    แล้วจะตั้งใจทำตามที่สอนคะ
    แล้วจะส่งการบ้านอันใหม่ไปอีกนะคะ
    :VO
     
  8. ่jarunee

    ่jarunee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +1,917
    เป็นเหมือนกันคะคุณดัชนี
    ประเภทหลบ มด แมลง
    จิ้งจก งู หรือ ปูข้ามถนน
     
  9. jprabs

    jprabs เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +1,229
    พวกเราชาวจิตเกาะพระ หากจะปฏิบัติเพื่อให้ได้ผลกันจริงๆ แล้ว
    ขอให้ยึดหลัก ๑๐ ประการ ต่อไปนี้ไว้ตลอด...

    ๑. หมั่นละความโลภด้วยการแบ่งปันแจกจ่าย

    ๒. รักษาศีล ๕ และหมั่นตรวจสอบอยู่เสมอ

    ๓. ศรัทธาในคุณความดีของพระพุทธเจ้า เชื่อมั่นว่าพระธรรมคำสอน
    สามารถช่วยคนให้พ้นทุกข์ และยกย่องนับถือพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี

    ๔. ละไม่ได้ให้ลด การเสพกามคุณทั้ง ๕ อย่าง

    ๕. ให้คำมั่นสัญญากับตัวเองว่าจะระลึกถึงพระไว้ตลอดทั้งวัน ทุกๆ วัน
    ให้เป็นพุทธานุสสติแบบอัตโนมัติให้ได้

    ๖. รู้ทัน อดทน และต่อสู้กับความขี้เกียจ เหน็ดเหนื่อย ง่วงนอน
    เป็นกันทุกคนแต่ต้องอดทนต้องสู้กับมัน

    ๗. เดินวิปัสสนา รู้ดูเห็นทุกสรรพสิ่งให้ลงในกฏของสัจธรรมที่ว่า
    ทุกอย่างไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา

    ๘. กำหนดจิตอุทิศบุญกุศลจากการปฏิบัติให้สรรพสัตว์
    และเจ้ากรรมนายเวรทุกๆ วัน วันละหลายๆ ครั้ง

    ๙. ทำบุญทำทานอะไรให้อธิษฐานขอไปพระนิพพานในชาตินี้เท่านั้น
    ห้ามขออย่างอื่น

    ๑๐. อาราธนาขอบุญบารมีสมเด็จองค์ปฐมและพระพุทธเจ้าทุกๆ
    พระองค์ให้ช่วยฉุดดึงดวงจิตขึ้นสู่พระนิพพาน


    ยึดถือและปฏิบัติให้ได้ตามนี้ตลอด
    ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ก็ครบ
    บารมี ๑๐ ก็ครบ อะไรๆ ก็ครบ
    ถ้าจะขาดก็ตรงที่ไม่ต่อเนื่องกระมัง

    สงสัยข้อไหน ต้องทำอย่างไร
    สอบถามกันมาได้บนกระทู้นี้เลยนะครับ
    ครูๆ หลายท่านจะได้ช่วยกันตอบด้วย


    ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม และจบกิจในการปฏิบัติให้ได้ในเร็ววัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2012
  10. savesafe

    savesafe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +442
    ขอลงชื่อด้วยคนครับ ....โมทนาสาธุกับทุกจิตบุญทุกดวงครับ โมทนาบุญกับคุณครูทุกท่านที่นำธรรมะมาสู่ทุกดวงจิต
     
  11. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    โมทนาสาธุ...สาธุ...
    ทำไมจิตทยอยยกตามๆกันเลยนะครับ
    ขนาดคนเกาะขอบกระทู้ก็ยังอุตสาห์ยกกันได้อีก
    แล้วก็ลองกลับมาทบทวนจิตตนเองดูสิว่า มันบกพร่องตรงไหน
    1.ศีล
    2.กรรมดี กรรมชั่วในปัจจุบัน ทั้งกายวาจาใจ
    3.ความขยันหมั่นเพียร ความอดทน ความตั้งใจ ตั้งมั่น เอาจริงจัง?
    ความเพียรต่างๆ
    4.นิสัยโดยส่วนตัว คือรักความสบาย ติดสุขทางโลก(ติดไม่นานหรอก)
    5.มนุษย์มักมีข้ออ้างเยอะแยะ มากมาย คือจะหาเรื่องจะไม่ทำ
    อยากรวย แต่ขี้เกลียด
    อยากไปนิพพาน แต่ติดความลังเล สงสัย ไม่ปล่อยวาง โดยเฉพาะของเดิม เพราะในเมื่อก็รู้แล้วว่า ทำมา ปฎิบัติมาก็หลายปีดีดัก แต่เหมือนเราพายเรือในอ่างน้ำ คือผลของการปฎิบัติไม่เจริญก้าวกน้าเท่าที่ควร
    หมายถึงเรื่องจิตตนเองเป็นหลักนะ
    เหตุผลก็เพราะว่าเราไม่เข้าใจตนเองเห็นหลักเลย อะไรๆเราก็รู้ไปหมด
    แต่ไม่สามารถเข้าไปถึงกระแสจิตของตนเองได้ หรือเข้าไม่ถึงธรรมชาติแห่งจิตของตนเอง
    เพราะที่เรากำลังกระทำอยู่นั้น เราไปทำ ไปเรียนรู้แทนจิตของตนเสียแล้ว
    เพราะเรื่องธรรมเป็นเรื่องภายในจิตของเอง มิใช่เป็นเรื่องของจิตผู้อื่น
    ตรงนี้นี่ไง จึงเป็นสาเหตุหลักที่พวกเราเข้าไปไม่ถึงจิตเดิมแท้ของตนเองสักทีนึง เมื่อเข้าไปไม่ถึงกัน ก็จะไม่มีวันที่จะละ ปล่อย วางกันได้เลย
    เพราะจิตจะทำหน้าที่ เป็นผู้ที่จะละ จะปล่อย จะวางกับทุกๆสิ่ง ที่พวกเราเรียกกันว่า นามสมมุติ ทั้งหลาย ทั้งปวง

    เพราะสติ หรือศีลนั้น เป็นเพียงการชำระล้างกิเลสออกจากจิต ดวงจิตของตนเอง ในเบื้อต้นกันเท่านั้น
    แต่สมาธิ หรือฌานนั้น ถือเป็นการชำระล้างกิเลสออกจากจิต ดวงจิต
    ในเบื้องต้น และกลาง เพียงชั่วคราว เพราะถ้าเมื่อไหร่ เราไม่มีสมาธิ หรือฌานถอย ฌานเสื่อม จิตก็จะไหลลงสู่ที่ต่ำ คือตามไปกับกิเลสของตนและกระแสโลกไป และอีกไม่นานนัก จิตก็จะไปรับทุกข์เข้าสู่กลางในใจของตนเอง
    ส่วนปัญญา วิปัสสนา หรือปัญญาญาณ วิปัสสนาญาณ จึงถือว่าเป็นการชำระล้างกิเลสออกจากจิต ดวงจิต ในเบื้องสูง

    บางท่านปฎิบัติจนจิตได้ฌานก็เยอะ แต่ไม่รู้จักวิธีนำจิตไปวิปัสสนา
    เพราะมัวแต่ติดสุข ซึ่งเกิดจากฌานนั้น บางคนนึกตนเองเข้าถึงธรรมะแล้ว แต่ทีไหนได้ พอมารู้ตัวทีหลัง จิตถูกกระทบเพียงนิดเดียวเอง ก็ทำใจไม่ได้ เพราะยังรู้สึกว่าตนเองยังมีความโกรธ ความไม่พอใจเล็กๆอยู่ภายในจิตใจของตนเอง
    อันนี้ก็ถือว่า ไม่ผ่าน
    และอย่างไหนเขาเรียกว่า ถึงจะผ่าน
    ตอบว่า...เมื่อผู้ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบดีแล้ว จิตเขาจะต้องเป็นกลาง
    ทั้งลืมตาและก็หลับตา หมายถึงว่า ในขณะที่จิตจะเป็นสมาธิหรือทรงฌานหรือไม่ก็ตามที เมื่อมีอะไรมากกระทบจิต ก็จะไม่มีผลต่อจิตใจของตน
    แต่มิได้หมายถึง ทำใจ ละปล่อย วาง หรือให้อภัยกันได้ ก็เพราะว่า ยกธรรมะเข้าข่มใจ อันนี้ไม่ถูกต้องนัก

    เพราะผลของการปฎิบัติธรรมนั้น จะไม่มีใครมาสอบให้เหมือนพวกเราเคยสอบไล่กันที่โรงเรียน มหา'ลัย
    แต่ผลของการปฎิบัติธรรม หรือปฎิบัติจิต ใครจะผ่านหรือไม่ผ่าน
    เราเท่านั้น หรือผู้ปฎิบัติเท่านั้น ที่จะรู้ด้วยตนเอง
    แต่ถ้าไม่ยังรู้ นั่นก็แสดงว่า ยังอีกไกล คือจะต้องมาเริ่มนับหนึ่งกันใหม่
    นั่นก็คือ การสร้างสติก่อนเลย อย่าเพิ่งไปตามหาจิต หาจิตเดิมแท้ หรือหาธรรมะกันเลย ยิ่งมรรค ผล นิพพานด้วยแล้ว
    เก็บในใต้โต๊ะลิบชักก่อนเลย
    สนใจเรื่องจิตของตนก่อนนั้น ความจริงแล้วจะต้องเริ่มต้นกันที่ สติก่อน
    เมื่อเรามีสติมากพอ เดี๋ยวก็จะพบเจอกับจิตเอง
    เพราะจิตเป็นนาม เพราะฉะนั้นเราก็ต้องเอานามตามไปดูจิต ก็คือ สติของตนเอง นั่นเอง
    เมื่อสติรวมกับจิตกันได้เมื่อไหร่แล้ว สมาธิและปัญญาก็จะตามมา

    วันนี้นึกอย่างไรไม่ทราบ โทรไปเก็บตกดวงจิตกันทางโทรศัพย์กันเลยทีเดียว เพราะทิ้งเบอร์ไว้นานแล้ว เมตตาเขา
    เพราะปฎิบัติมาก็หลายปีดีดัก แต่จิตไม่ยก แต่ถ้าจิตไม่ยกอย่างเดียวนี่นะ กำลังใจหรือว่าบุญบารมี ไม่ครบกันสักทีนึง เพราะมัวแต่หลงไปสร้างบุญภายนอกกัน เหมือนคนเราทำมาหากินแล้ว รายรับไม่เพียงพอกับรายจ่าย
    มันก็จะเกิดปัญหาตามมาทีหลัง หมายถึงเวลาฉุกเฉิน ใช่ม่ะ
    แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร พยายามบอกหลายๆเที่ยวก็ไม่เก็ตกันเอง
    ทจิตเกาะพระ นี่ไงก็ถือว่าสร้างบุญใหญ่เหมือนกัน
    เพราะคุณไม่ได้เสียเงินสักบาทเดียว ขอคุณลงทุนกันแค่เพียง จิตของตนเอง+ความเพียร = กำลังใจ บุญ หรือบารมีเกือบจะครบแล้ว
    สำหรับผู้ที่เกาะพระติดและแนบแน่นกันแล้ว ก็ยิ่งทำความเพียรกันให้หนัก เพราะอีกไม่นานนัก จิตเข้าสู่วิปัสสนาข้างในจิตตนเองนั้น
    นี่คือ ความอัศจรรย์แห่งจิตของตนเอง มากกว่าหลายเท่าตัวของการทำงานสมองของมนุษย์กันเสียอีก


    ขอบใจลูกหว้ามากนะ ที่คอยทำหน้าของตนดีมาก
    ไม่รู้อะไรดลจิต ดลใจให้กระทุ้งพวกจิตท่านทั้งหลายกัน แต่ถ้าปล่อยไว้กันเฉยๆนะ มันจะฝืด มันเฝือ
    เพราะคนเรานี่อยู่หายใจกันดีๆ แต่ถ้าตายลงกันวินาทีนี้กัน พวกเราจะทำอย่างไร โดยเฉพาะจิตที่ยังไม่ยก ไม่พร้อมที่จะยก มัวติดสุข วิ่งหนีทุกข์ จิตส่งไปนินทา มัวหลงไปเพ่งโทษผู้อื่นๆกันอยู่เลย
    คนนั้นดี คนนั้นก็เลว
    ถามว่า มนุษย์ที่เกิดมาด้วยกัน โดยเฉพาะมีกายหยาบด้วยกันทุกคนด้วยแล้ว และหลงตนเองว่าดีกว่า รวยกว่า จิตใจสูงกว่านั้น ก็ถือว่า อวิชชาทั้งสิ้น หลงนึกว่าตนเองวิเศษ หลงว่ามีดีกว่าคนอื่น
    อันนี้นะ ก็ยิ่งห่างไกลไปกันใหญ่ อีโกนะ แต่งแหน่ง ยศ ฐานะ บรรดาศักดิ์นะ มีได้ก็ต้องรู้จักวางกันได้ แต่สำหรับผู้วางไม่ได้นั้น ก็เป็นกรรมของผู้นั้น หลง หลง หลงกันไปเถิด
    ถึงต.บางอ้อ อ.บางอ้อ จ.บางอ้อกันเมื่อไหร่ โน้นแหล่ะ! จึงจะรู้ว่าตนเองนั้น
    แสนจะโง่ หรือว่า ฉลาดกันแน่

    เอาแค่นี้ก่อน กลับไปทำงานทางโลกก่อน
    ที่ผมกำลังทำงานกับทางโลกนั้น ก็เพื่อพวกเราทุกๆคน
    รู้ตัวกันบ้างไหม ไม่รู้ก็ไม่ต้องรู้ ตามพิสูจน์กันต่อไป

    ***โปรดอย่าถามว่าฉันเป็นใครเมื่อในอดีต และโปรดอย่าถาม ว่าอดีตฉันเคยรักใคร รู้ไว้อย่างเดียว เดี๋ยวนี้รักเธอ และรักตลอดไป รักมากเพียงไหน...
    และโปรดอย่าถามว่าทำไม ฉันทำเพื่อใคร....555 ก็คนมันอารมณ์ดีง่ะ***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 มิถุนายน 2012
  12. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ที่นี่! ที่นี่!! สถานีพักจิต
    ธรรมะสไตล์ " มิสเตอร์ภู "
    โปรดมองข้ามไปเสีย ถ้าคนขี้เกลียดอ่าน


    เวลาที่เราทุกข์ก็ขอให้พวกเรามาเรียนรู้เรื่องทุกข์กัน
    มิใช่ตามหาสุข วิ่งหนีทุกข์กัน
    อันนี้มันคิดผิด

    หรือเมื่อเรามีความลังเล และความสงสัยเกิดขึ้นภายในจิตใจของตน อย่าปล่อยทิ้งไว้นาน เราจะต้องรีบค้นหาความจริงให้ได้
    โดยการธรรมะปฎิบัติ หรือกระบวนการเพื่อค้นหาความจริง
    แต่ถ้าคุณไม่ทำตามนี้ ถึงแม้นว่าคุณจะไปถามผู้รู้ก็ได้ ถึงแม้นคุณไปถามใครๆจนหายข้องใจในวันนี้ได้ แต่มันจะไม่หยุดแต่เพียงเท่านี้ เพราะจิตคนเรานั้นต้องการเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆกันอยู่ตลอดเวลา
    ผมกำลังจะบอกกับคุณว่า ไม่ต้องไปตามหาคำตอบจากที่ใด และไม่มีคำตอบ หรือผู้ใดจะตอบได้ดีที่สุดเท่าตัวเราไม่มีอีกแล้ว แต่จะหาคำตอบตนเองกันได้อย่างไร
    ก็ให้พวกเราทำจิตให้นิ่งกันดูสิ!
    ถามว่าทำจิตให้นิ่งกันได้ไหม
    บางคนตอบว่าไม่ได้ มันทำยาก ถ้างั้นก็ถามคนอื่นต่อไป สงสัยกันต่อไป หรือว่าโง่กันต่อไป
    แต่ถ้าพวกเราทำจิตให้มันนิ่งกันยากนัก ก็ให้พวกเราพากันทำจิตเกาะพระกันไปเรื่อยๆ
    บางคนทำได้ แต่ส่วนใหญ่จะทำกันไม่ได้ เพราะมีความเพียรน้อย กำลังใจตนน้อย
    เมื่ออยากได้บุญกัน ทำบุญใหญ่กันไม่ได้ ส่วนใหญ่ก็ต่างพากันไปทำบุญกันแค่ภายนอกกัน เท่านั้น
    เพราะว่า กำลังใจ หรือบุญ บารมีไม่เพียงพอ นั่นเอง
    บุญใหญ่ก็อยากได้กันทุกคนนะ แต่กำลังใจไม่เพียงพอ เหตุเพราะว่าไม่เคยสำรวจเรื่องศีลของตนเอง
    โดยเฉพาะกรรมในปัจจุบัน ทั้งการกระทำ คำพูด คิดนั้น ตั้งอยู่ที่ฝ่ายบุญ กุศล หรือบาป อกุศล
    ตนเท่านั้นที่จะรู้ดี เทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะรู้ คนอื่นๆไม่รู้

    และดูเหมือนทุกวันนี้ ที่ที่พวกเราวิ่งตามกระแสโลก วิ่งตามกระแสโลกาภิวัตน์ ก็คือ ผลจากการพัฒนาการติดต่อสื่อสาร การคมนาคมขนส่ง และเทคโนโลยีสารสนเทศ อันแสดงให้เห็นถึงการเจริญเติบโตของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยี และวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงระหว่างปัจเจกบุคคล ชุมชน หน่วยธุรกิจ และรัฐบาล ทั่วทั้งโลก
    และคาดว่าจะไม่มีอะไรไปหยุดยั้งกับสิ่งเหล่านี้กันเลย

    แต่พวกเราหารู้ไม่ ได้ตกเป็นเหยื่อของกิเลสตนเองยังไม่พอ ยังต้องตกเป็นเหยื่อของกิเลสสังคม ไปยันกิเลสโลกกันเลยทีเดียว
    เปรียบดูกันง่ายๆ เช่น เมื่อก่อนพวกเราเรียนหนังสือม.ปลาย พวกเรายังไม่มีมือมือกันเลย แต่พอบ้านไหนมีมือถือนะ บ้านนั้นก็จะมีฐานะการเงินดีมาก
    แต่พอมาสมัยนี้กันดูสิ เด็กประถมก็มีมือถือกันแล้ว
    เรียกได้ว่า กิเลสตนเองก็มีค่อนข้างมากกันอยู่แล้ว แต่ไหนจะเป็นกิเลสสังคม กิเลสโลกมารอ ถึงปากทางเข้าบ้าน เผลอๆเด็กบางคนยังจำความไม่เลย หรือได้ยินเสียงโทรศัพย์มือคุณพ่อคุณแม่คุยกันตั้งแต่ในท้อง

    แล้วผมจะมาพูดทำไม? ในเมื่อเราทุกคนก็รู้กันหมดแล้ว
    ผมกำลังจะบอกกับทุกๆคนว่า สติ สตินะ สติ
    ทุกวันนี้ สติของคุณนั้นหายไปไหนกันหมด บางทีนึกว่าตนเองดีๆอยู่นี่แหล่ะ!เพียงถามแค่ ในขณะนี้ลมหายใจของเรามันกำลังเข้า หรือว่าออก แค่นี้ยังตอบกันไม่ได้เลย โดยเฉพาะนักภาวนา หรือผู้ปฎิบัติ หรือพวกเราที่กำลังทำจิตเกาะพระกันอยู่นี้
    เห็นมีคนบ่นบอกว่า ทำไมคนอื่นเขาทำกันได้ง่ายจัง สงสังคนนั้นมีของเก่าเยอะ มีบุญเยอะบ้าง อะไรบ้างมากมาย เวลาคนเราจะหาเรื่องไม่ทำกันนนี่นะ เหตุผลมนุษย์เยอะนะ
    ถามว่าผู้ที่จะมาเกิดเป็นมนุษย์นั้น เรานี่หรอไม่มีบุญ แต่ถ้าไม่มีบุญพอกัน จะไม่มีสิทธิ์จะได้เกิดมาเป็นมนุษย์กันได้หรอก
    ที่แตกต่างกันปัจจุบันกันนี้ก็เป็นเพราะ หนึ่งบุญ กรรมเก่าอดีตชาติ แล้วมาบวกกับในกรรมปัจจุบันนี้ ว่าที่เรากระทำกันอยู่นี้ ณ.วินาทีนี้ ลมหายใจนี้ มันเป็นบุญหรือว่าเป็นบาป ไล่กันกระทั่งการกระทำ คำพูด หรือจิตเรากำลังคิดเีื มันเป็นบุญ หรือว่าเป็นบาป

    ตนเองเท่านั้นที่จะรู้ดีที่สุด

    แล้วพวกเราจะไปถามคนอื่นทำไมว่าตัวเรานั้นดีหรือว่า ไม่ดี ตนเองนั้นรู้หมด แต่กลับมองความชั่วตนเองไม่เห็น แต่กลับมองเห็นความชั่วของตนเอง ซะงั้น!

    สำหรับผู้ที่มักจะชอบไปชุมนุม เรียกร้องสิทธิ์(ข้า พวกพ้องของตน) หรือไปเรียกร้องหาความเป็นธรรม แม้นกระทั่งความสุขกับผู้อื่นๆนั้น มันไม่ได้หรอก มันไม่มีหรอก ไปเรียกร้องทำไม ไปตามหาทำไม
    กิเลสตนเอง กิเลสคนอื่นพาไปทั้งนั้น
    มีที่ไหนกิเลสจะพาไปหาความสุข มีแต่หลอกให้พวกเราหลงทางกันทั้งนั้น เราไม่เห็นกันหรอ
    นี่พยายามให้พวกเรามองเห็นสิ่งที่ถูกต้องและตามความเป็นจริง ว่ามันเป็นเช่นนี้กัน
    ที่บอกว่าคนอื่นไม่ดี คนอื่นยุ่ง คนอื่นทำให้เราเป็นทุกข์ เพราะว่ามันด่าเรา มันนินทา มันกลัวเราจะได้ดีกว่ามัน
    หรือโลกนี้มันยุ่งจริงๆ ยิ่งภัยพิบัติธรรมชาติกันด้วยแล้ว เดี๋ยวนภัยน้ำ ภัยพายุ ภัยแล้ง อัคคีภัย แผ่นดินไหว
    อะไรมากมาย โทษเขาไปหมด โทษธรรมชาติกันไปหมด วุ่นวายกันนัก
    เราไม่ใช่หน้าที่ ที่จะไปจัดการกับคนไม่ดี หรือว่าคนเลว แต่จะเป็นหน้าที่ของกฎแห่งกรรม เขาจะทำหน้าที่ทุกลมหายใจของผู้นั้นเอง
    งั้นเรามาคอยดูจิตตนเอง มิให้เลว หรือไม่ให้เป็นจิตอกุศลไม่ดีกว่าหรือ

    ที่พูดมาทั้งหมดนั้น
    ผมขอตอบเพียงสั้นๆ เพียงข้อเดียวว่า

    จิตของเรามันไม่นิ่ง ตัวเดียว อันเดียว

    ยิ่งจิตใครเข้าไปน้อมรับ ยอมรับกฎธรรมดา กฎธรรมชาติ หรือกฎพระไตรักษณ์กันแล้ว
    ธรรมทุกๆธรรม จบลงกันตรงนี้ครับ
    คุณเคยเห็นพระเกจิ พระอรหันต์ ไปเรียกร้องสิทธิ์ หรือความไม่เป็นธรรมกันไหม นั่นเห็นไหม ไม่มีใช่ไหม ที่เราเห็นมีแต่สมมุติสงฆ์ แต่ก็อย่าไปหลงปรามาสท่านกันเลยนะ เพราะตราบใดที่ท่านยังครองผ้าเหลือง ก็ยังพอมีโอกาสที่จะกลับเนื้อกับใจกันได้ในภายหลัง
    แต่นี่ที่เขาไปชุมนุมกันนั้น ขอให้พวกเราเข้าใจพวกเขากันด้วยนะ โดยเฉพาะจิตที่ยกแล้วจะเข้าใจถึงธรรมชาติของจิตคนอื่นดี
    เมื่อผู้ใดเข้าไปถึงธรรมชาติแห่งจิตของตนเองได้แล้ว จะทำให้เราเข้าใจคนอื่น หรือเข้าใจคนทั้งโลกได้ดีเลยทีเดียว อยากทราบกันใช่ไหม๊? ทำจิตเกาะพระไปเรื่อยๆ เดี๋ยวรู้เอง ถึงบอกไปก็เท่านั้น คือรู้ไม่แจ้งเท่ากับเราได้ไปรู้ ไปเห็นเองกันหรอก
    (กิเลสนี่ พวกเราก็อย่าไปใจดีกับมันนะ เพราะมันจะไม่เล่นงานเราแค่ ทุกข์เท่านั้น แต่มันจะเล่นงานเราไปจนวันตายเลยทีเดียว)

    ทุกสิ่งไม่แน่นอน ทุกสิ่งทุกอย่าง หรือแม้นกระทั่งร่างกายที่นอนอยู่กับเราทุกวันนี้ มันก็เป็นตัวทุกข์ หนีก็หนีกันไม่พ้น ทุกข์กันตรงไหน ตรงที่กึ่งกลางหัวใจเราใช่ไหม๊ และเมื่อทุกข์เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป ถามว่าทุกคนทราบดีไหม ก็ทราบดีกันหมด คุณพ่อคุณแม่ คนรัก ลูกๆช่วยปลด แก้ทุกข์ใจให้กับเราได้กันไหม ไม่ได้ ก็ทุกข์กันไป จนกว่าพวกเราจะมองเห็นทุกข์กัน เบื่อทุกข์ เบื่อร่างกายกันเมื่อไหร่ นั่นแหล่ะ!
    เราอย่าหนีความจริง อยู่กับทุกข์ เรียนรู้คำว่า ทุกข์ และแก้ทุกข์และก็ดับทุกข์กันให้เป็น ตามอริยสัจ ที่พระพุทธองค์ท่านทรงค้นพบวิชา เพื่อความหลุดพ้น พ้นกองแห่งทุกข์ หรือพ้นสังสารวัฎ
    แต่พวกเราจะยอมเรียนรู้กันเมื่อไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับวาระกรรมของแต่ละบุคคล
    และธรรมตัวสุดท้าย ก็คือ ทุกสิ่ง แม้นกระทั่งร่างกายของตนเอง สุดท้ายแล้วก็ยังไม่ใช่ของตนเองเลย
    แล้วคุณๆทั้งหลาย เจ้ามาแต่ตัว ตัวนั้นประกอบไปด้วย ที่มาจากธรรมชาติล้วนๆ แต่ขี้ตู่มาบอกว่า ตัวกู ของกู
    เอ๊า! หลงกันเข้าไป ชมกันเข้าไป ด่านินทาว่าร้ายกันเข้าไป ขยันทำกรรมไม่ดีกันเข้าไป
    บุญก็อยากได้ แต่กรรมไม่ดีนั้นทำกันแทบทุกลมหายใจกันเลย บางคนมัวแต่คอยระวังรักษาศีลหยาบกัน
    แต่กลับหารู้ตัวกันไม่ กับสิ่งที่พวกเราที่กระทำ กำลังคำพูด กำลังคิดกันอยู่นั้น เป็นบาป เป็นอกุศลกันแทบทุกวัน
    นี่เขาเรียกว่าทำผิดละเอียดกันแทบจะทุกลมหายใจกันเลยทีเดียว
    นับตั้งแต่ตื่นนอน จนถึงเข้านอน
    คุณนับได้ไหมว่า คุณทำดี หรือทำชั่วกันกี่ครั้ง
    คือเริ่มนับตั้งแต่หยาบ(การกระทำ) กลาง(คำพูด) ละเอียด(คิด)
    อันไหนมันทำกรรมไม่ดีมาก

    ขอตอบว่าความคิดเรานี่แหล่ะ! ติดกรรมไม่ดี คิดไม่ดี เป็นอกุศลจิตกันมากทุกวันนี้
    สรุปรวมความกันแล้ว ยิ่งกว่าทำผิดศีลหยาบกันเสียอีก

    เวลาเรามีโอกาสได้อยู่คนเดียว ก็ลองถามใจตนเองกันดูนะว่า มีอะไรจริงๆเป็นของตนเองบ้าง
    ตามองไปให้รอบๆกายก่อน แล้วค่อยเหลือบมาหาร่างกายของตนเอง
    บางท่านไม่อยากมอง เพราะเกรงว่าจะแลเห็น ความแก่ ความเหี่ยวของผิวหนัง คือถ้าเห็นแล้วจะรับไม่ได้ เพราะวันๆนึง อาทิตย์นึงๆ ไปไหนกัน ยิ่งโดยเฉพาะวันหยุดนั้น ทำเล็บ ทำผม แต่งหน้า กลัวความสวย ความหล่อมันจางหายไปกับเวลาที่เราอาบน้ำกัน หรืออย่างไร

    สรุปแล้ว อนัตตา ก็คือ ความว่าง คือไม่มีตัวตนอยู่จริง
    ที่ผมขณะนั่งเขียนธรรมะกันอยู่นี้ อีกไม่กี่สิบปีก็ตาย หรือ ไม่แน่อาจจะเป็นลมสุดท้ายที่กำลังหายใจก็เป็นไปได้ ทั้งนั้น
    และถามว่า คุณๆทุกคน พร้อมรึยัง?
    เตรียมกาย เตรียมจิตกันรึัยัง?
    หรือว่าหายใจไปวันๆนึง ตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เพราะเวลาตายเราไม่รู้ใช่ไหม
    อย่าลืมนะว่า โลกหลังความตายนั้นมีอยู่จริงๆ และยาวนานกว่าที่พวกเรามีชีวิต อายุขัยกันอยู่มาก

    อย่าลืมนะว่า โลกนี้ไม่มีความสุขที่แท้จริงเลย มีแต่สุขชั่วคราวเท่านั้น และถ้าอยากรู้ว่ายังมีสุขที่ไหนอีกหรือ ถ้าไม่ใช่โลกนี้ (ไปถามครูเพ็ญ ครูดัช หรือจิตบุญทั้งหลายกันดูนะ อย่ามาถามผม ผมไม่บอกหรอก แต่อยากจะบอกว่า ให้ไปลองดูกันเอง จิตเกาะพระถึงแน่ อย่าเชื่อผมนะ บอกว่าให้ไปลองทำกันดู แต่ถ้าทำกันไม่ได้ ผมก็ช่วยไม่ได้ ไปถามคุณแสงจันทร คนรองล่าสุดกันดูดิ่)
    แต่ถ้าไม่ประมาท ไม่มีเวลาไปถือศีล กินเจ หรือทำบุญใหญ่กันที่ไหนละก้อ
    ก็ให้มาทำจิตเกาะพระกันที่ กระทู้นี้กันนะ
    บุญที่เรากำหนดทำได้ทันทีเลย ก็แค่ระลึกถึงพระอยู่นั้น
    แค่เรานึกถึงพระกันเมื่อไหร่ เราก็ได้บุญแล้ว เพราะว่าในขณะที่จิตนึกถึงพระอยู่นั้น จิตเกาะพระ ถือเป็นพุทธานุสสติ ถือว่าเป็นบุญในขณะที่จิตสงบ จิตนิ่ง จิตสุข เป็นการสะสมบุญทีละเล็กทีละน้อย

    อานิงสงส์แรกที่คุณได้รับก็คือ สติ สติถือว่าเป็นฝ่ายบุญ ซึ่งมีอยู่ตามธรรมชาติ
    อานิสงส์ที่สอง ก็คือ จิตนิ่ง จิตสงบ จิตตั้งอยู่ในแดน เขตบุญแล้ว
    อานิสงส์ที่สามก็คือ จิตกำลังเดินเข้าสู่ทางสายกลาง หรือมรรค ผล และมีเป้าหมายปลายทางก็คือ พระนิพพาน

    ถามว่าไหนผมพาคุณมาทำบุญภายใน
    คุณเสียตัง? เสียเวลาทำงาน? เสียเวลาส่วนตัว? เสียคน?
    เสียอนาคต? เสียตัว? เสียบุญ? ได้บาปหรือได้อกุศล?
    กระทู้นี้มีผิดใจ? ขัดแย้งกัน? ว่าร้ายด่านินทา? จิตตก?


    ไปดูจิตพวกที่ทำจิตเกาะพระกันดูสิว่า สุขภาพพวกเขาเป็นอย่างไรกันบ้าง
    ผมเห็นแต่ละคน มีแต่ขำๆ ขำกลิ้ง และก็ขำ...แตก...แตน ไม่เห็นพวกเขาเป้นทุกข์ เป็นร้อน มานั่งจับผิด นินทากันให้เสียเวลา เพราะไม่อยากไปทำผิดศีลละเอียดกัน

    สรุปแว๊ววว!!! พวกคุณรักผมไหม๊?????? HAhaha
    ไม่ต้องมารักผมหรอก ไม่ต้องชมผมหรอก เพราะ ผมจะทิ้งให้หมดทุกธรรม เท่าที่รู้ตัวนะ

    (จบ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 มิถุนายน 2012
  13. dutchanee

    dutchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,127
    ค่าพลัง:
    +12,745
    หุหุ ท่านไหนที่เราไม่เจตนาฆ่าแต่ดันมุทะลุตาย เราก้อต้องแผ่เมตตาให้เค้าไปเกิดในภพภูมิที่ดีกว่านั้นนะคะ อย่าเอาจิตไปจับไปตกกับการกระทำที่ไม่ได้ตั้งใจค่ะ เดี๋ยวจิตจะตกหรือไหลไปทางฝ่ายอกุศลเหมือนที่พี่ภูเคยเตือนไว้ พยายามเอาจิตมาเกาะพระให้ได้อยู่เรื่อยๆค่ะ
    เป็นการภาวนาที่ทำได้ตลอด และจิตก้ออยู่ในฝ่ายกุศลตลอดนะค๊ะ
    ขอคุณจารุณีจงปฎิบัติกิจทางจิต ความเพียรอย่าได้ลด
    ดัชเอาใจช่วยมากๆค่ะ
    สมัยก่อนเป็นเด็กครูชอบบอกว่า...คนเก่งแพ้คนขยัน....
    บางคนจิตเป็นเลิศแต่อาจชะล่าใจหละหลวมหรือมัวไปยุ่งกับ
    อภิญญาเลยขึ้นนิพพานช้า แต่คนขยันและตั้งใจ ทำไปแบบ
    ตรงๆ จะถึงนิพพานเร็วกว่า จิตยกกันแล้ว ค่อยเลี้ยวลงมาฝึก อภิญญาก้อยังไม่สายค่ะ ขึ้นไปเอาเพชรก่อนแล้วค่อยย้อนมาเอาเงิน
     
  14. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    อุ๊ย!!!
    คนนี้มาแปลก เล่นของแพงมาฝากกัน
    แถมชักชวนให้ไปดูเพชรข้างบนอีกด้วย
    เป็นเรื่องแล้ว ได้เรื่องแล้ว ลูกศิษย์ใครกันหว๋า!
    คุณชื่ออะไรนะ พี่ภูลืมไปแล้ว
     
  15. ยุคพีระมิด

    ยุคพีระมิด สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +6
    31-12-2012แน่นอน ฟันธงรวมถึง1-2ม.ค.56 ต่อไปข้างหน้าผมจะเป็นใหญ่บนโลกใบนี้ ด้วยศาสตร์วิชา พลังจิตพีระมิด สร้างอาวุธเส้นแสง เพื่อครอบครองโลกใบนี้ ให้รู้ว่าผมอาศัยอยู่ทางภาคเหนือ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • alien_girl.jpg
      alien_girl.jpg
      ขนาดไฟล์:
      319.6 KB
      เปิดดู:
      62
  16. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]" ​
    ธรรมชาติของดีทั้งหลาย ย่อมเกิดมาแต่ของไม่ดี
    มีอุปมาดังดอกบัวปทุมชาติอันสวย ๆ งาม ๆ ก็เกิดขึ้นมาจากโคลนตมอันเป็นของสกปรกปฏิกูล น่าเกลียด
    แต่ว่าดอกบัวนั้น เมื่อขึ้นพ้นโคลนตมแล้ว
    ย่อมเป็นสิ่งที่สะอาด
    เป็นที่ทัดทรงของพระราชาอุปราชอำมาตย์ และเสนาบดีเป็นต้นและดอกบัวนั้น
    ก็มิได้กลับคืนไปยังโคลนตมอีก "


    พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต



    ดอกไม้ที่นับว่าหอมจัด ก็หอมได้แค่ตามลม.....
    แต่กลิ่นหอมของศีลนี่...งามได้ หอมได้ทั้งตามลม แลทวนลม
    มีกลิ่นจรุงฟุ้งใจไปทั่วทุกทิศ
     
  17. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937

    ยินดีต้อนรับค่ะ
    ระหว่างรอคุณครู
    ดื่มน้ำเย็นๆ สักแก้วนะคะ
    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปค่ะ


    [​IMG]
    ____________________​


    จะปล่อยผ่านได้ยังไงกันล่ะเนอะท่านพี่...
    อยากไปนิพพาน เครื่องต้องแรงและดี
    ใครอยากได้เครื่องดี ลองแวะไปที่ jitkohphra.com ช่วงหัวค่ำได้นะคะ
    อยากน้อยๆ ก็ได้เคล็ดดีๆ กลับไปใช้กันทุกวันนะ..
    ไม่เชื่อลองถามคุณ ่jarunee, คุณPlapersia และท่านที่ไปแวะบ้านหลังนี้บ่อยๆ ก็ได้จ้า..

    ____________________​
    รายชื่อคนที่ลงชื่อแล้ว

    1.Linda2009
    2.นิติทอง
    3.supatorn
    4.watta chan
    5.กรรมบท 10
    6.เมิล
    7. ่jarunee
    8.buddy0
    9.porpao
    10.Dhammanee
    11.ManC
    12.A-colyte
    13.วชระ
    14.สู่วันใหม่
    15.warin100
    16.PatWon
    17.Plapersia
    18.kansita_k
    19.preechaniy
    20.tom tana
    21.karan20
    22.อุษาวดี
    23.dobogoko
    24.kongkiatm
    25.savesafe
     
  18. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937

    ฮ่าๆ...
    อีกสักหน่อยพี่ภูคงลืมน้อง ลืมนุ่ง
    ลืมกระทั่งตัวเองเป็นใครด้วยไหมเนี่ย?..
    สัญญาหายหมดแล้ว.. ฮ่าๆ
    แวะมาแซวเล่นค่ะท่านพี่...

    ทำงานไป อารมณ์ดีไปแบบนี้ สมกับเป็นพี่ภูจริงๆ
    ขอบคุณสำหรับอมยิ้มจากมุขนี้นะคะ คิคิ





    [​IMG]
     
  19. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    ดอกบัวเมื่อพ้นโคลนตม เป็นสิ่งสูงค่าอยู่บนหิ้งบูชา..
    เปรียบชีวิตที่ฝึกดีแล้วย่อม นำพาชีวิตไปสู่ที่ดีๆ
     
  20. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089


    อย่าทำเป็นเล่นๆนะ
    ไม่ใช่เห็นเขาลงชื่อกัน หนุกหนานก็ลงมั่ง
    เปลี่ยนใจได้นะ ว่าบุญใหญจะไม่เอา
    พระพุทธเจ้า หรือท่านพ่อกำลังมองพวกเธอกันอยู่นะ
    แค่ใครระลึกถึงพระพุทธเจ้า หรือท่านพ่อปั๊บ ท่านฯก็มาปรากฎที่จิตท่านทันที
    ขอให้พวกเรากระทำด้วย ความเคารพ ความเลื่อมใส และศรัทธากันมากๆนะครับ เพราะจักต้องสำเร็จไวๆ

    โดยเฉพาะผู้ที่เข้าถึงกระแสจิตของตนเองยาก
    ก็ยิ่งต้องอาราธนาบารมีพระพุทธเจ้า หรือท่านพ่อกันบ่อยๆนะ
    พูดเป็นกันป่ะ?

    พูดว่า " ลูกขออาราธนาบุญบารมีของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าหรือว่าลูก(บอกชื่อ)ขอฝากจิต ดวงจิตของลูกนี้ไว้ให้พระพุทธเจ้า หรือท่านพ่อดูแล ช่วยปกปักษ์รักษาแทนลูกด้วย...พระเจ้าค่ะ "

    และ(สำหรับ)ผู้ที่สร้างสติยาก(จนสติ) ยิ่งต้องให้บอกกับพระพุทธเจ้า หรือท่านพ่อ หรือ ขออาราธนาบุญบารมีของพระพุทธเจ้า หรือท่านพ่อบ่อยๆว่า ขอให้ช่วยดึงจิต ยกจิต หรือช่วยให้จิต ดวงจิตของลูกให้รวมกับสติเป็นหนึ่งไวๆ เพื่อลูกจะได้ทำจิตเกาะพระได้แนบแน่นไวๆ ลูกจะได้หลุดพ้นจากทุกข์ จากสังสารวัฎกันไวๆ หรือขอให้จิต ดวงจิตเดินเข้าสู่ทางสายตรง อันได้แก่ มรรค ผล นิพพานไวๆ
    หรือ(สำหรับผู้ที่อยากเข้าพระนิพพาน ก็พูดคำว่า ขออาราธนาบุญบารมีของพระพุทธเจ้า หรือสมเด็จองค์ปฐม ขอให้ช่วยยกจิตไวๆ และขึ้นพระนิพพานไวๆ)...

    เมื่อขอกันไปแล้ว เราก็พยายามหมั่นทรงอารมณ์พระนิพพานกันเข้าไว้นะ
    บางคนถามว่า อารมณ์พระนิพพานนั้นมันเป็นอย่างไร เอ่อจริง
    ในเมื่อเมื่อจิตยังไปไม่ถึงแล้วจะทรงกันอย่างไร
    จะแนะว่าให้จิตทรงฌาน แต่บางคนก็ยังทำจิตเกาะพระกันไม่ได้ จิตก็ยังไม่เกิดปติ ยังไม่เกิดฌานแล้วจะทำอย่างไร เป็นเป็นไรนะ
    ขอให้ขออาราธนาบ่อยๆ เดี๋ยวจิตมันจะรวมกับสติของเราได้เอง
    เพราะเราจะมาอาศัยแค่กำลังใจของตนเองนั้น มันไม่เพียงหรอก ได้แต่อีกนาน นี่กำลังจะบอกวิธีการเข้าให้ถึงกระแสจิตของพวกเราให้ไวๆ
    พอจิต+สติกันเมื่อไหร่ จิตก็จะเป็นสมาธิ หรือว่าจิตทรงฌานไปเอง
    และวันนั้นแหล่ะ! ท่านจะได้รับรู้ สัมผัสองค์ฌานกันไปตามลำดับเอง
    บอกไปก็ไม่รู้เรื่องกันหรอก ได้แต่นั่งนึกแล้วทำปากหว๋อกัน อ๋อกันอย่างนั้น
    เมื่อจิตนิ่งกันได้เมื่อไหร่ เราก็จะรู้เอง เห็นเอง ชอบเอง และถ้าใครได้นะ โลกนี้เลิกพูดถึงเลย บางท่านเบื่อโลก พาลเบื่อกาย บางคนถึงกับจะอ๊วก(นึกถึงคุณดัชเลย เธอเคยบอกผม ผมบอกว่าอย่าเพิ่งอ๊วก เก็บอาการไว้ ทำเป็นไม่รู้ ไม่ชี้ เก็บมันไว้เพื่อสร้างบุญต่อ มันตายเมื่อไหร่ เราแยกทางทัน อย่าได้ไปห่วง หวงร่างกาย ผมเห็นคนทางหลัง เมื่อเราหมดลมหายใจ กายหยาบนั้นจะแข็งทันที เพราะธาตมันก็ต่างจะกลับบ้านเก่าของมัน ก็เลยแย่งกันไป แต่ธาตุนั้นกลับไม่ทัน แต่ถ้าธาตุใครกลับทันนะ ก็จะกลายเป็นธาตุ หรือถ้าเป็นพระอริยสงฆ์ ก็จะกลายเป็นพระธาตุไปในทันที)
    สรุปแล้วจะกลายเป็นธาตหรือไม่เป็นธาตุนั้น มันก็อยู่ที่จิตของผู้นั้น สะอาด ผุดผ่อง ใส เบา ว่าง วาง กลาง บริสุทธิ์ เมตตาสูง หรือจิตวิมุตติมากเพียงไร นี่ก็คือ ตัวแปลทั้งสิ้น เข้าไปให้ถึง ความว่างมากที่สุดกันนะ
    ว่างนะ คำนี้จะตรงกันข้ามกับ อุปาทาน อัตตา มานะ เป็นต้น
    ใคมี ใครรูแล้วก็ให้รีบๆวางกันซะไวๆ ไม่อย่างนั้นทุกข์จะมาหา นรกจะถามถึงบ่อยๆ

    ฝึกจิตให้เคยชินอยู่กับโลกทิพย์
    ส่วนกายหยาบนั้น ก็ยังคงทำหน้าที่กับทางโลกตามปกติไป
    จะต้องแยกแยะกันให้ออกแบบนี้กันนะ
    กายส่วนกาย จิตก็ส่วนจิต
    นี่กำลังสอนวิธีการแยกจิตกันเบื้องต้น พวกเราจะได้คุ้นเคยกัน
    แต่ถ้าเวลาความตายมาเยือน พวกเราจะไม่ต้องมาหลงว่า เราจะไปที่ไหนกัน ขอให้พวกเรานึก ระลึกถึงพระ ระลึกถึงคุณงามความดีของพระพุทธเจ้า
    ระลึกถึงแต่บุญ กุศลกันอย่างเดียว และเมื่อไปแล้ว อย่าได้กังวล อย่าห่วงคนข้างหลัง ทรัพย์ข้างหลัง เพราะโลกทิพย์ หรือเมื่อเราไม่มีกายหยาบกันแล้ว มีแต่กายละเอียด นั่นก็คือ ดวงจิตก็จะกลายเป็นดวงวิญญาณไปในทันที
    ไปที่ไหน ไปตามกำลังใจของตนที่พวกเรากำลังฝึกกันอยู่นี้ นี่เอง
    แต่ถ้าตายไปกันแล้ว ก็อย่ามานั่งนึกเสียใจกันภายหลังนะ โดยเฉพาะที่จิตยังไม่ได้ยกกันเลย รีบๆปฎิบัติ เมื่อยกกันเสร็จแล้ว ตายเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะเราฝึกฝนจิตมาดีแล้ว พอใครจะรู้ตัวใกล้จะตายนั้น ฝึกไม่ทันกันแล้ว
    นี่ขนาดพวกเรายังมีลมหายใจกันอยู่ดีๆ ก็อย่ามัวไปติดร่างกาย อย่าไปติดสุขทางโลก หรือทางฌานกันมากนัก แต่ถ้าใครรู้ตัวว่าติดอยู่ก็ให้รีบๆถอนออกมาซะ และถ้ารู้ตัวว่าจิตยังไปยึดถืออะไรกันอยู่นั้น สติมาก็ให้รีบวางกันซะ ก่อนที่จะสายเกินไป
    เพราะไม่อยากเห็นพวกเรากลายเป็นผี โดยเฉพาะเป็นสัมภเวสี เพราะยามมีชีวิตไม่ค่อยยอมฝึกจิตกัน
    รู้ทังว่าจิตนั้น ฝึกยาก จิตนั้นเปรียบเสมือนลิง เปรียบเสมือนเด็กที่เอาแต่ใจ


    กายหยาบนอนดึกทุกคืน(เพื่อพวกเรา)
    จิตก็พยายามจะบอก จะสื่อกับพวกเราให้มากที่สุด ตราบเท่าใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ก็(ก็เพื่อพวกเรา นั่นอีก)
    เพราะเดี๋ยวนี้ นับตั้งแต่รู้สึกว่าร่างกายนี้ มิใช่ของตนแล้ว
    มันก็ไม่ได้รู้สึกว่า ชาตินี้จะต้องทำเพื่อตนเองเลย เพราะว่าเหมือนตนเองได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว เสียอย่างนั้น เหมือนแต่เหมือนกับตัวอะไรก้ไม่รู้เคลือนไหวไปมา และก็เหมือนเราอยู่บนขันธ์5 อีกทีนึง(มีใครพอจะเข้าใจกับสิ่งที่ผมกำลังพูดกันอยู่นี้กันไหม?)

    แต่จะรู้อย่างเดียวว่า อยากจะทำเพื่อพระพุทธเจ้า ทำเพื่อสมเด็จองค์ปฐม(ท่านพ่อ)
    ทำเพื่อพระธรรม(ที่ทำให้หูตาเราสว่าง)
    ทำเพื่อพระสงฆ์(โดยเฉพาะหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เพราะธรรมะถูกจริตตน) เพื่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณทุกๆท่าน (โดยเพราะครูเพ็ญที่สอนสั่งธรรมะให้ จนมีผมได้ทุกวันนี้)
    และสุดท้ายผมอยากทำเพื่อพวกเราทุกๆคน โดยมิได้เลือก เฉพาะเจาะจ
    งกับผู้ใดว่า จะต้องมารักผมนะ คนที่เกลียดผมก็มี แต่ผมก็ทำให้นะ...
    รักนะ...จุ๊บๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...