ประกาศรายชื่อแจกสมเด็จองค์พระปฐมและพระเกศา พระพุทธโฆษาจารย์(เจริญ)

แจกพระเกศา พระพุทธโฆษาจารย์(เจริญ) วัดเทพศิรินทราวาส (ตอบปัญหาธรรมมะ) ให้ท่านตอบคำว่า "ทุกข์" ในความหมายที่ท่านเข้าใจ มอบสำหรับ 10 ท่าน ที่ตอบคำถามได้เข้าใจมากที่สุด ปิดรับคำตอบวันที่ 25 พฤษภาคม นี้ พร้อมประกาศรายชื่อผู้ได้รับ และพระมวลสาร 7000 รายการ จำนวน 10 องค์(พระธาตุเสด็จทุกองค์) รวมเป็น 20 รายการ

สำหรับผู้ที่เข้ามาร่วมตอบคำถาม" ทุกข์ " ในความหมายของท่าน ให้ท่านกรุณาส่งซองกันกระแทกพร้อมกล่องสำหรับใส่พระมาที่
ชัชวาล ไชยวงค์
บ้านเพิ่มพูลทรัพย์ 8/1 ถนนต้นขาม 2
ตำบลท่าศาลา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 50000
ขนาดของกล่องประมาณ 3 เซ็นต์ครึ่งคูณ 5 เซ็นต์ หรือประมาณ 1 นิ้วครึ่งคูณ 3 นิ้วก็ได้ครับผม ลืมแจ้งว่าถ้าลงทะเบียนประมาณ 18 บาทครับผม ถ้าต้องการด่วน EMS ก็ประมาณ 32 บาทครับผม จ่าหน้าซองถึงตัวท่านเองมาพร้อมกับซองที่แนบมาครับผม
(ยกเว้นพระคุณเจ้า เดี๋ยวกระผมจัดส่งให้เองครับผม)
สำหรับท่านที่ส่งซองมาก่อน ก็จะได้รับพระเกศา+สมเด็จองค์พระปฐม ซองถึงหลังจากนั้นก็จะเป็นสมเด็จองค์พระปฐมลงทอง และสมเด็จองค์พระปฐม ตามลำดับ ให้ท่านเขียน username และ ลำดับกระทู้ ด้านบนขวามือ ตรงซองมาด้วยครับผม รอบนี้ขอแจกถึงลำดับสุดท้ายที่พระคุณเจ้าก่อนนะครับผม

มวลสารสร้างพระ

ดินจากสังเวชนียสถาน 4 แห่งจากประเทศอินเดีย ที่ประสูตร ตรัสรู้ ปรินิพพาน ของพระพุทธองค์
ใบโพธิ์จากต้นที่พระพุทธองค์ตรัสรู้
ชานหมากสมเด็จ
พระธาตุชานหมากสมเด็จ
มวลสารพระวัดระฆัง
มวลสารพระหลวงปู่ทวด
ผงมวลสาร มีมวลสารที่ บูรภาจารย์ ตั้งแต่ หลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาร์ และคณาจารย์ เกือบทุกรูปสายธรรมยุติ ที่เคยไปพัก ที่ภ้ำจำปา ภูผากูดมุกดาหารได้เมตตาสวดมนต์ทำวัตรแผ่เมตตาด้วย
กุฏิเก่าที่สร้างให้หลวงปู่มั่น ตอน ปรระมาณพศ. 2467 และต่อมาหลายองค์ที่เคยไปพักที่นั่น
พระทุกองค์มีการฝังพระธาตุเข้าบิณฑ์ทุกองค์
อังคารธาตุหลวงตามหาบัวญาณสัมปันโน
อังคารธาตุหลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท
อังคารธาตุหลวงปู่สิม พุทธาจาโร
อังคารธาตุหลวงปู่หล้า เขมปัตโต
อังคารธาตุหลวงปู่เพียร วิริโย
อังคารธาตุหลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป
อังคารธาตุหลวงปู่แฟ๊บ สุภัทโท
อังคารธาตุหลวงพ่อทูล ขิปปปัญโญ
ผ้าจีวรหลวงปู่ฤาษีลิงดำวัดท่าซุง
ผ้าจีวรหลวงปู่แหวน สุจินโน
ผ้าจีวรหลวงพ่อเกษม เขมโก
มวลสารพระหลวงพ่อเกษม เขมโก
มวลสารพระหลวงปู่ศรีมหาวีโร
หัวเชื้อพระผงกรรมฐานของหลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า
เกศาพระพุทธโฆษาจารย์(เจริญ) วัดเทพศิรินทราวาส

มวลสารผงกายสิทธิ์
เหล็กไหลแม่น้ำโขง
เหล็กไหลสุริยันจันทรา
คตพระธาตุ
ลาพิชลาซูลี
เหล็กไหลสีน้ำเงิน
อุกามณี(สะเก็ดดาว)
เมฆพัด
เหล็กน้ำพี้
ตับเหล็กไหล
ตาคูณ
ผงดินสุริยะเทพ
ด้ามพร้าพญาแถน
รากแก้วไม้พยุง
อุกาบาต
หินภูเขาไฟ
ข้าวตอกพระร่วงแดนใต้
เพชรหน้าทั้ง
แบล็คทัวมาลีน
คตปรอท
ปฐวีธาตุ
อัคคีธาตุ
วายุธาตุ
วารีธาตุ
หยกดำ
หยกเขียว
หยกขาว
ปรอทดำ
อ๊อบซิเดียบ
ไหลเขียว
ไหลดำ
หินเลือดพญานาค
โคตรแร่เหล็ก(ท่าลี่)
คตงิ้วดำ
แร่เหล้กไหลเขาอึมครึม
แร่เหล็กไหลเกาะล้าน
แร่เงิน
แร่ทอง
นาค
ปรอท
เหล็กไหลพญานาค
อกธรณี
ไผ่ดำ
โป่งข่าม
แร่ทรหด
แก้วขนเหล็ก
เสี้ยนเหล็กไหล
ไทเทเนียม
แร่ทองแดง
แก้วสาย
เหล็กไหลแม่น้ำโขง
เหล็กไหลสุริยันต์ จันทรา
เหล็กไหลสีน้ำเงิน
ผงดินสุริยะเทพ
หินภูเขาไฟ
อุกาบาต
รากแก้วคตไม้สัก
ด้ามพร้าพญาแถน(หินผสมเหล็ก)
เหล็กน้ำพี้
ตับเหล็กไหล
สะเก็ดดาว
พระที่แจกเพื่อเป็นกุศโลบายในการเข้าถึงธรรมมะครับผม ไม่ใช่มอบให้เพื่อให้ผู้ได้รับพอกพูนกิเลศที่เกิดจากความอยาก เพราะถึงมีพระดีสุดยอดแค่ใหน แต่ตัวเราไม่มีศีล ไม่มีธรรม ไม่ปฏิบัติเจริญสมาธิจิต จิตใจไม่น้อมใฝ่หาในธรรมก็ไม่เกิดผล แล้วพระที่ท่านนำไปห้อยคอก็จะมีค่าแค่ก้อนดินก้อนเดียวเท่านั้นครับผม สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่กับเรา เราก็ควรสร้างตัวเราให้ศักดิ์สิทธ์ด้วยครับผมทุกอย่างจะสมบูรณ์แบบครับผม สาธุในธรรมแด่ทุกท่านครับผม

***** แจกองค์สมเด็จพระปฐม ลงทองเพิ่มอีก 10 องค์ครับผม *****

 

ทุกข์ คือ ความคิดนี่แหละ...! ความคิดที่ปรารถนาออกไปนอกตัวนอกตน หรืออยากเป็นโน่นเป็นนี่ แต่เป็นไม่ได้ดังใจตัวเองที่คิดต้องการ ก็กลายเป็นความทุกข์ใจเกิดความทรมานจิตใจเพราะเราไม่สามารถจะดับทุกข์ที่ใจของเราได้
การปฏิบัติธรรมจึงเป็นเครื่องขจัดขัดเกลาจิตใจของเราให้สงบลง ให้มีธรรมเป็นเครื่องปกป้องคุ้มครอง ใจเราก็ไม่หลง ไม่หลงเป็นสุขกว่า ถ้าหลงมันเป็นทุกข์ เหมือนคนตาบอดเดินไม่ถูกทาง มันไปนอกทางเสียแล้วล่ะก้อ ชนโน่นชนนี่และโน่นเตะนี่แต่ถ้าไม่หลงก็เหมือนคนตาดีก็เดินไปตรงทาง ฉะนั้นถือว่าเรามาปฏิบัติเพื่อกันความทุกข์ใจ
ทุกข์มี ๒ ทาง คือ ทุกข์กายกับทุกข์ใจ สิ่งที่จะแก้ให้พ้นทุกข์ได้ก็คือ การรู้ใจตนเอง โดยการเข้ามาประพฤติปฏิบัติทำใจของเราให้ละความร้อนใจ ให้กลายเป็นคนใจเย็น ถ้าใจเย็นแล้วไม่มีอะไรเป็นทุกข์เลย

สาธุ...อนุโมทนาบุญด้วยครับ
นายณรงค์วิทย์ คงรักษา
10 ม.5 ต.ทุ่งหว้า อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล 91120

 

ทุกข์... คือ.....ความไม่สมหวังดั่งตั้งใจ

 

ขออนุโมทนาในทานบารมี
ข้าพเจ้าลำดับที่ 3 user nicolas flamel
ขอวิสัชชนาดังนี้ทุกข์เป็นธรรมที่ควรรู้คือความรู้สึกไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ความเศร้าโศกเสียใจ เป็นสภาพบีบคั้นจิตใจและร่างกายให้ทนได้ยาก
ทุกข์มี 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1.) ทุกข์ในอริยสัจ 4
2.) ทุกข์ในไตรลักษณ์

ทุกข์ในอริยสัจ 4 ก็คือทุกขเวทนาหรือความรู้สึกที่เป็นทุกข์ ทุกขเวทนามี 2 ทางคือ ทุกข์ทางกาย กับทุกข์ทางใจ
ทุกข์ทางกาย หมายถึงทุกข์ที่มีกายเป็นเหตุ ได้แก่ ทุกข์ที่เกิดจากความหนาว ความร้อน ความป่วยไข้ ความบาดเจ็บ ความหิวกระหาย ความเสื่อมสภาพของร่างกาย และความทุกข์อื่น ๆ อันมีกายเป็นต้นเหตุอีกเป็นจำนวนมาก
ดังในพระสุตตันตปิฏก ขุททกนิกาย ปฏิสัมพิทามรรค เเห่งอนุตตระสัมมาสัมพุทธะ ตรัสว่า
''...ในอริยสัจ ๔ ประการนั้น ทุกขอริยสัจเป็นไฉน ชาติเป็นทุกข์ ชรา
เป็นทุกข์ มรณะเป็นทุกข์ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส
เป็นทุกข์ ความประจวบกับสังขารหรือสัตว์อันไม่เป็นที่รัก เป็นทุกข์ ความ
พลัดพรากจากสังขารหรือสัตว์อันเป็นที่รัก ก็เป็นทุกข์ ความไม่ได้สมปรารถนา
ก็เป็นทุกข์ โดยย่อ อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นทุกข์ ฯ
ชาติในทุกขอริยสัจนั้นเป็นไฉน ความเกิด ความเกิดพร้อม ความ
ก้าวลง ความบังเกิด ความบังเกิดเฉพาะ ความปรากฏแห่งขันธ์ทั้งหลาย ความ
กลับได้อายตนะ ในหมู่สัตว์นั้นๆ แห่งสัตว์นั้นๆ นี้ท่านกล่าวว่า ชาติ ฯ
ชราในทุกขอริยสัจนั้นเป็นไฉน ความแก่ ความชำรุด ความเป็นผู้มี
ฟันหัก ความเป็นผู้มีผมหงอก ความเป็นผู้มีหนังเหี่ยว ความเสื่อมอายุ ความ
แก่แห่งอินทรีย์ทั้งหลาย ในหมู่สัตว์นั้นๆ แห่งสัตว์นั้นๆ นี้ท่านกล่าวว่า ชรา ฯ
มรณะในทุกขอริยสัจนั้นเป็นไฉน ความจุติ ความเคลื่อน ความแตก
ความหายไป ความถึงตาย ความตาย ความทำกาละ ความแตกแห่งขันธ์
ความทอดทิ้งซากศพ ความขาดแห่งชีวิตินทรีย์ จากหมู่สัตว์นั้นๆ แห่งสัตว์นั้นๆ
นี้ท่านกล่าวว่า มรณะ ฯ....''

ทุกข์ทางใจ หมายถึงทุกข์ที่เกิดจากการปรุงแต่งของใจ เช่น
ความทุกข์จากการประสบกับสิ่งที่ไม่เป็นที่รักที่พอใจ
ความทุกข์จากการพลัดพรากจากสิ่งที่เป็นที่รักที่พอใจ
ทุกข์จากการไม่ได้ในสิ่งที่ปรารถนา
ทุกข์จากความโกรธความขัดเคืองใจ
ทุกข์จากความกลัว ทุกข์จากความกังวลใจ ความคับแค้นใจ
ทุกข์จากความโลภ ตามหลักอภิธรรมแล้วความโลภจะไม่ประกอบด้วยความทุกข์ เพราะความโลภจะเกิดขึ้นพร้อมกับความดีใจ หรือเกิดพร้อมกับความรู้สึกเฉย ๆ ( อุเบกขา ) เท่านั้น ที่กล่าวว่าความทุกข์ที่มีต้นเหตุมาจากความโลภในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่าความทุกข์นั้นเกิดพร้อมกับความโลภ แต่เป็นความทุกข์อันมีความโลภเป็นเบื้องต้น และมีความทุกข์เป็นเบื้องปลาย อันได้แก่ ความทุกข์ที่เกิดจากความกลัวจะไม่ได้ในสิ่งที่ตนอยากได้ ทุกข์จากการที่ต้องดิ้นรนขวนขวายเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนอยากได้ เป็นต้น
ทุกข์จากความโกรธ ความโกรธนั้นไม่ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็นำทุกข์มาให้เมื่อนั้น เพราะความโกรธจะทำให้จิตใจต้องเร่าร้อนดิ้นรน เกิดความกระทบกระทั่งภายในใจ ทำให้จิตใจเศร้าหมอง
ทุกข์จากความยึดมั่นถือมั่น สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรูปธรรมหรือนามธรรม
ความยึดมั่นว่าตัวเราประการหนึ่ง ความยึดมั่นว่าตัวเขาประการหนึ่ง ความยึดมั่นว่าของของเราประการหนึ่ง
เเละความยึดมั่นว่าของของเขาอีกประการหนึ่ง สี่ประการนี้ก็เป็นทุกข์.
ทุกข์ในไตรลักษณ์ สามัญลักษณะ 3 ประการคือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สภาวะทั้งหลายย่อมแปรปรวนไปอยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถทนอยู่ในสภาพเดิมได้ตลอดไป ทุกข์ในไตรลักษณ์นี้เป็นลักษณะอันเป็นสามัญ คือเป็นเรื่องธรรมดาของสังขารธรรมทั้งหลายที่จะต้องเป็นไปอย่างนั้น เป็นกฎอันเป็นพื้นฐานของธรรมชาติ เพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวงล้วนเป็นเพียงผลของเหตุเเละปัจจัย. เอวัง

 

ทุกข์คือ.... ความไม่รู้

 

ความหมายของทุกข์ ที่ผมเข้าใจคือ ความไม่สบายใจ ไม่ว่าจะไม่สบายใจมากหรือน้อยก็คือทุกข์

 

ทุกข์คือสภาวะที่เรียกว่าความรู้สึกไม่ได้ดั่งใจ คำว่าใจเป็นใหญ่หรือใจเป็นประธานนั้น แท้จริงหมายถึงความตั้งใจหรือจิตใจหรือเจตนา มิได้หมายถึงจิตวิญญาณที่เป็นตัวของจิต คำว่าจิตเป็นนายกายเป็นบ่าวแท้จริงหมายถึงใจเป็นนายกายเป็นบ่าวมากกว่า แล้วความทุกข์ทั้งหลายจึงเกิดขึ้นจากใจเป็นหลัก จะทุกข์หรือไม่ทุกข์อยู่ที่ใจ โดยสิ่งที่จะทำให้เกิดความรู้สึกเกิดขึ้นในใจจะมาจากอนุสัยในจิตและสันดานในสมอง โดยเฉพาะสันดานที่อยู่ในสมองจะทำให้เกิดความไม่ได้ดั่งใจซึ่งก็คือทุกข์ หากเป็นความทุกข์ที่ไม่รู้ตัวจะหมายถึงความไม่ได้ดั่งใจโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง
อนุสัยกับสันดานที่จะก่อให้เกิดทุกข์ แบ่งออกเป็น 7 อย่าง ได้แก่ความกังวล ความกังวลคือความเกรงกลัวที่จะไม่ได้ดั่งใจทำให้เกิดทุกข์ ความหลงตนและการถือตัว เมื่อผู้อื่นไม่ให้ความสำคัญกับตนไม่ได้ดั่งใจก็ทุกข์ ความคิดที่ว่ามันต้องเป็นอย่างที่เราคิดแต่เกิดขึ้นจริงเป็นอีกอย่างไม่ได้ดั่งใจก็เป็นทุกข์ เราอยากได้หรือไม่ได้ในสิ่งใดแล้วกลับได้หรือไม่ได้ในสิ่งที่เราต้องการไม่ได้ดั่งใจก็เป็นทุกข์ ความโลภ ความโลภคืออยากได้มากแต่ได้น้อยหรืออยากได้ในสิ่งที่ต้องการหรือได้พอแล้วแต่ไม่รู้จักพอไม่ได้ดั่งใจก็เป็นทุกข์ ความขี้เกียจคืออยากอยู่เฉย ๆ ไม่อยากทำอะไรที่ตนเองทำแล้วเหนื่อยแล้วไม่ได้ดั่งใจก็เป็นทุกข์ ความริษยาและเห็นแก่ตัว ไม่อยากให้ผู้อื่นได้ดีไปกว่าตนแล้วเห็นแก่ความอยู่รอดของตนเมื่อคนอื่นได้ดีกว่าตนหรือตนเองไม่สามารถเอาตัวรอดจากสิ่งที่ตนอยากจะรอดพ้นไม่ได้ดั่งใจก็เป็นทุกข์ ความโกรธคือความสะสมของความไม่ได้ดั่งใจทั้งหลายพร้อมจะแสดงออกมาด้วยการบันดาลโทสะเสมอทำให้เป็นทุกข์ ส่วนความพยาบาทความสะสมในสิ่งที่ตนไม่ได้ดั่งใจฝังไว้ลึก ๆ ในจิตใจทำให้เป็นทุกข์ ฝังไว้มากอาจจะทำให้เกิดความทุกข์ที่ไม่รู้ตัวได้
ความทุกข์ยังแยกออกเป็นได้ 3 ลักษณะคือ ทุกข์กาย ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วไม่สำคัญเท่าไร หากเราทำใจให้ยอมรับสภาพได้ ส่วนทุกข์ใจเพราะใจคิดปรุงแต่งไปเอง ส่วนทุกข์ทางสติปัญญาคือไม่รู้ว่าเหตุแห่งทุกข์มาจากไหน ซึ่งความไม่ได้ดั่งใจที่ว่าทั้งหมดมาจากกรรม กิเลส และวิบาก เมื่อทั้ง 3 อย่างเป็นสาเหตุแห่งทุกข์ ทั้ง 3 อย่างนี้จึงเป็นสมุหทัย หากจะดับสาเหตุแห่งทุกข์ จะดับกิเลสได้ต้องขจัดอนุสัยคือนิสัยถาวรในจิต และตัณหาคือความอยากในจิตให้ลดน้อยถอยลง เมื่อทำได้กิเลสก็ลดลงหรืออาจทำให้ชนะกิเลสได้โดยง่าย ผู้ไม่อาจยอมรับความเป็นจริงได้จึงไม่มีทางพ้นทุกข์ ดังนั้นอริยสัจ 4 จึงเริ่มจากมรรคหรือทางพ้นทุกข์ก่อน แล้วจึงไปหาว่าอะไรคือทุกข์ มีสาเหตุมาจากอะไร แล้วดับทุกข์ได้อย่างไร

 

ทุกข์ คือ ความจริงว่าด้วยความทุกข์ ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ
มนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ต่างก็มีความทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น
ความทุกข์จึงเกิดขึ้นก็ได้ทุกขณะ เราจึงไม่ควรประมาทและพร้อมที่จะ
เผชิญหน้ากับความจริง ณ ที่นี้จะกล่าวถึงขันธ์ ๕ ซึ่งเป็นหลักธรรมที่ควร
รู้เพื่อให้รู้ความจริงของการเกิดทุกข์

รูป คือ ส่วนที่เป็นร่างกาย รวมถึงพฤติกรรมทั้งหมดของร่างกายด้วย
เช่น การหมุนเวียนโลหิต การหายใจ การเจริญเติบโตของร่างกาย

เวทนา ในที่นี้มิได้หมายถึงความสงสารที่ใช้กันทั่วไป แต่หมายถึง
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นต่อสิ่งที่รับรู้นั้น เวทนามีอยู่ ๓ อย่าง ได้แก่
– ความรู้สึกสบายใจ เรียกว่า สุขเวทนา
– ความรู้สึกไม่สบายใจ เรียกว่า ทุกขเวทนา
– ความรู้สึกเฉยๆ เรียกว่า อุเบกขาเวทนา

สัญญา ในทีนี้มิได้แปลว่าคำมั่นสัญญาดังในภาษาสามัญ แต่
หมายถึงการกำหนดหมายรู้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง การแยกแยะได้ว่าอะไรเป็น
อะไร อันเป็นขั้นตอนถัดจากเวทนานั่นเอง

สังขาร แปลว่า สิ่งที่ปรุงแต่งจิตหรือพูดให้เข้าใจง่าย เช่น แรงจูงใจ หรือ
สิ่งกระตุ้นผลักดันให้มนุษย์กระท าการอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นผลรวม
ของการรับรู้ (วิญญาณ) ความรู้สึก (เวทนา) และความจ าได้(สัญญา)
แล้วเกิดแรงจูงใจผลักดันให้เอื้อมมือไปหยิบมาเพราะความอยากได้
ขั้นตอนนี้เรียกว่า “สังขาร’ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมทั้งดี
และชั่ว

วิญญาณ คือ การรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง ๕ และใจ ได้แก่
(๑) การรับรู้ทางตา หรือ “การเห็น” เรียกว่า จักขุวิญญาณ”
(๒) การรับรู้ทางหู หรือ การได้ยิน เรียกว่า โสตวิญญา
(๓) การรับรู้ทางจมูก หรือ การได้กลิ่น เรียกว่า ฆานวิญญาณ
(๔) การรับรู้ทางลิ้น หรือ การลิ้มรส เรียกว่า ชิวหาวิญญา
(๕) การรับรู้ทางกาย หรือ การสัมผัสทางกาย เรียกว่า กายวิญญาณ
(๖) การรับรู้ทางใจ หรือ การคิด เรียกว่า มโนวิญญาณ

 

ทุกข์ ก็คือจิตใจ ความคิด-ใจที่ไม่สบาย ไม่มีความสุข ซึ่งอาจจะแสดงผลออกมาทางใจเอง หรือทางกายก็ได้

ได้รับพระ และพระบรมสารีริกธาตุแล้ว ขออนุโมทนาบุญครับ

 

ทุกข์ คือ สิ่งที่ทนได้ยากครับ :boo:

 

สุขหรือทุกข์คือตัวเดียวกัน​

คนทั้งหลายในโลกนี้....เขามองเห็นว่า หากต้องการสิ่งใด แล้วได้ตามต้องการนั้นคือ ความสุข ความพอใจ แต่หากต้องการแล้ว ไม่ได้ดังที่หวังหรือได้แล้วต้องมีอันสูญเสียไปนั่นคือ ความทุกข์ทรมานส่วนผู้มีสติปัญญา ย่อมเข้าใจในชีวิตได้อย่างถ่องแท้ มองเห็นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง คือมองเห็นว่าทั้งสุขและทุกข์เป็นตัวเดียวกัน ที่คนทั้งหลายมองเห็นว่าสุข แท้ที่จริงคือความทุกข์นั่นเอง เพราะทั้งสุขและทุกข์ มีสายพันธ์มาจากความปรุงแต่งเหมือนกัน มีเหตุปัจจัยเป็นตัวคอยหนุนเนื่องให้เกิดขึ้น เมื่อเกิดแล้วก็ไม่ตั้งมั่นอยู่นาน จะรีบดับตัวเองทันทีเพราะธรรมชาติมันเป็นอย่างนั้นและจะเกิดขึ้นดับไปอยู่อย่างนี้ตลอดเวลาชีวิตทุกคน....ล้วนแต่ตกลงสู่กระแสความปรุงแต่งที่ทำให้เกิดสุขและทุกข์เหมือน ๆ กัน ไม่ยกเว้นใครทั้งสิ้นแม้ใครจะเป็นเศรษฐีพันล้าน หรือเป็นคนอนาถา หรือใครจะเป็นดารายอดนิยม หรือเป็นนักร้องชื่อก้องฟ้า ก็ล้วนแต่ตกอยู่ในกระแสของความปรุงแต่งเช่นเดียวกัน

 

ทุกข์คือ ความไม่สบายของจิตใจ ความทุกข์เกิดขึ้นจากภายในของจิตใจ
ของเรา เช่น ใจที่เกิดความกังวล ใจที่เกิดความกลัว ใจที่เกิดกิเลสตัณหา
ใจที่เกิดความริษยาและเห็นแก่ตัว ใจที่เกิดความโลภ ใจที่เกิดโทสะ
เป็นต้น ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นบ่อเกิดแห่งความทุกข์ ฉะนั้นเมื่อเรา
มองเห็นและรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับจิตใจของเราได้ พร้อมทั้งสามารถขจัด
ความรู้สึกดังกล่าวออกไป จึงเป็นแนวทางหนึ่งที่จะสามารถทำให้คนเรา
นั้นพ้นทุกข์ได้ ....อนุโมทนาสาธุค่ะ

 

ทุกข์
ในความเข้าใจ คือ ความอยาก
อยากได้
อยากมี
อยากเป็น

แค่คิดว่าจะอยากก๊เริ่มเป็นทุกข์หล่ะ

 

"ความทุกข์คือความไม่รู้"
"ความไม่รู้คือบาป"
"บาปคือควาทุกข์"

 

ทุกข์ คือ ความคิดทางใจ ทั้งการยินดีในความสุข และ ยินร้ายในความทุกข์

ผมจะเห็นทุกข์มาเป็นใหญ่เสมอ แต่ปล่อยให้ควมสุขครอบงำเพลิดเพลินกว่าจะรู้ตัวก็ชั่วระยะหนึ่ง สุดท้ายก็ปล่อยมัน จนมันทิ้งบาดแผลไว้ในใจ วิธีแก้ของผม เมื่อรู้ว่ามีทุกข์และสุข ก็เฉยเห็นมันเป็ยของธรรมดา แล้วก็จับลมที่จมูก ( ผมหาทางแก้ได้แบบนี้ ^^ )

อนุโมทนาบุญครับ

 

ความทุกข์ คือทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เกิดขึ้นมาแล้วคงสภาพอยู่ไม่ได้คอยแต่รอวันให้บุบสลายไป --

 

ทุกข์ คือ ความไม่รู้แจ้งเห็นจริงอันประกอบด้วย รัก โลภ โกรธ หลง จะกำจัดตัดทุกข์ต้องพิจารณาหลักธรรมจากอริยะสัจจ์สี่ครับ
ขออนุโมทนา

 

ขอบพระคุณมากครับ

Gclub Onlineเป็นผู้ให้บริการเกมคาสิโนออนไลน์และมีเกมป๊อกเด้งออนไลน์ให้บริการลูกค้าทุกท่านสามารถเล่นG Club Onlineโดยผ่านทางGclub iphone​

 

ทุกข์ คือความไม่สบายใจ ไม่สบายกาย ตรงข้ามกับ สุข คือความสบายใจ เจ็บก็เป็น ทุกข์ ไม่สบายก็เป็นทุกข์ พลัดพรากจากสิ่งที่รักก็เป็นทุกข์ อยากเป็ฯนู้นนี่นั่น เมื่อไม่สมหวังก็เป็น ทุกข์ ดังที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทุกอย่างไม่เที่ยง ทุกอย่างเป็นทุกข์ ทุกอย่างไมใช่ตัวตน



วิกร วรรณบุญญากร

94 ม.2 ต.นาเกลือ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ 10290


ขออนุโมทนา

 

ทุกข์...เกิดจาก...มโนกรรม...วจีกรรม...กายกรรม

รวีกรณ์ (มุกมิก)