เรื่องเด่น เปิดกรุพระดี.....สำหรับมีไว้บูชาอย่างแท้จริง

เรียนคุณเอม และพี่หนุ่มครับ
รายการจองทั้งหมดผมกำลังแบ่งเงินดูว่าอย่างไรจะเหมาะสมครับ
รายการที่ครบกำหนดชำระวันนี้ เช่น พระสรรค์ยุคต้น ขอเลื่อนชำระสักวันที่ 5 นะครับ
ขอบคุณมากครับ

ลงตัวแล้วครับ ขอรบกวนเรียนคุณเอม และพี่หนุ่ม ตามนี้ครับ
- ขอโอนชำระไม่เกินวันที่ 5 พ.ค. คือ
1. เหรียญหลังหนุมาน สภาพสวยสมบูรณ์มาก กระทู้ที่ 4385 หน้า 220 ที่ยังเหลือค้างอยู่ 14,000 บาท
2-3. แหวนนิ้ว พ.สารพัดนึก กระทู้ที่ 7711 หน้า 386 size 54 (วงที่ 2) และ 64 (วงที่ 3) อย่างละวงครับ 2800*2 = 5,600 บาท
4. พระสรรค์นั่ง เนื้อดิน พิมพ์จัมโบ้ ที่หายากมากกกก กระทู้ที่ 7230 หน้า 362 5,000 บาท
รวมเป็น 24,600 บาท

- ขอโอนชำระไม่เกินวันที่ 31 พ.ค. คือ
5. เหรียญเบญจพิทักษ์เหรียญที่ 1+ หลวงปู่ทวด เนื้อว่านพิมพ์เล็ก ปี 2505 กระทู้ที่ 7641 หน้า 383 9,000 บาท
6. มีดนางลือ มีดหมอยุคกลาง หลวงพ่อกวย เล่มเล็ก ใบมีดยาว 6 นิ้ว กระทู้ที่ 7803 หน้า 391 18,000 บาท
รวมเป็น 27,000 บาท

ส่วนรายการเหรียญเดิมบาง องค์ที่ 7
ต้องขอยกเลิกเพื่อจัดสรรให้เพื่อนๆ ต่อไปครับ
ขอบคุณมากครับ มหาโมทนาบุญด้วยนะครับ

ปล. ขอบันทึกไว้ครับ ต้องส่งพระนางพญาคืนพี่หนุ่มที่จัดส่งมาเกิน 1 องค์ครับ
แต่ต้องขอโทษพี่หนุ่มที่ขอส่งประมาณปลายเดือน รอผมได้กลับบ้านไปเอาพัสดุก่อนนะครับ

 

วันนี้ได้โอนชำระค่า<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
1 พระสมเด็จหลังมิ ลพ.กวย.ในกระทู้ "เปิดกรุ" จองไว้ที่หน้า 345 องค์ที่ 9……………….. 1600 บาท<o></o>
2 พระสมเด็จหลังมิ ลพ.กวย.ในกระทู้ "พระชัย" จองไว้ที่หน้า 195 (2 องค์) @ 1500.-….3000 บาท<o></o>
3 พระกริ่งวัดหอระฆัง ลพ.กวย ในกระทู้ "เปิดกรุ" จองไว้ที่หน้า 197 กระทู้3930............ 3200 บาท<o></o>
4 พระงบน้ำอ้อย หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ องค์ที่1 จองไว้ที่หน้า 218 กระทู้4350.. 1250 บาท<o></o>
5 สมเด็จหลวงพ่อเฒ่า วัดคังคาว จองไว้ที่หน้า 218 กระทู้4360………………………………..6500 บาท<o></o>
6 พระสรรค์นั่งไหล่ตรง ลพ.กวย องค์ที่1 จองไว้ที่หน้า 222 กระทู้4428……………………..3500 บาท<o></o>
7 พระสมเด็จหลวงปู่ดู่ วัดสะแกเนื้อผง เข้าพิธีเปิดโลก จองไว้ที่หน้า 293 กระทู้5851…….2000 บาท<o></o>
8 พระเหนือพรหมพิมพ์กลาง ลป.ดู่ มีพระธาตุเสด็จ จองไว้ที่หน้า 294 กระทู้5868………….4000 บาท<o></o>
9 นางกวักเนื้อผงน้ำมัน ลพ.กวย องค์ที่1 จองไว้ที่หน้า 356 กระทู้7116………………………..2800 บาท<o></o>
10 พระสมเด็จหลังสมเด็จโต พิธีจตุรพิธพรชัย องค์ที่1 จองไว้ที่หน้า 357 กระทู้7135.........2500 บาท<o></o>
11 พระผงกัมมัฎฐาน ลป.ดู่ พิมพ์พาหุง จองไว้ที่หน้า 360 กระทู้7188...........................3200 บาท
12 เหรียญพระรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช กระทู้#6498…………………………………………….550 บาท<o></o>
รวมเป็นเงิน 34,100 บาท ตามใบโอนนี้ครับ ที่อยู่ตามPMครับ<o></o>

 

ขอจองแหวนผู้ชาย เบอร์ 64 จำนวน 1 วง ครับ

 

ขอสละสิทธิ์การจองสมเด็จนางพญารุ่นสุดท้ายครับ เงินหมด

 

เรียนพี่หนุ่มกับพี่เอม

รายการของผมที่ครบกำหนดวันนี้ผมขอเลื่อนเป็นพรุ่งนี้เที่ยงๆนะครับ
รอผมกลับจากต่างจังหวัดก่อน แล้วจะโอนให้ครบงวดเดียวเลย จากที่ตอนแรกขอ2งวด

ขอแจ้งให้พี่ทราบก่อนครับ

 

เรียนพี่หนุ่มกับพี่เอม

รายการของผมที่ครบกำหนดวันนี้ผมขอเลื่อนเป็นพรุ่งนี้เที่ยงๆนะครับ
รอผมกลับจากต่างจังหวัดก่อน แล้วจะโอนให้ครบงวดเดียวเลย จากที่ตอนแรกขอ2งวด

ขอแจ้งให้พี่ทราบก่อนครับ

 

คุณอนันตภพ จองไว้ที่กระทู้ไหน แจ้งให้ทราบหน่อยค่ะ.....หาไม่เจอ...:'(

 

สรุปว่าคุณ tanakorn_n จองได้ 1 วงค่ะ

 

สรุปรายการที่เปิดให้จองเมื่อวันที่ 29-04-55 ค่ะ

 

ผมว่านะครับ ... ถ้าอ่านในสิ่งที่คุณเชฯเขียนมาดูดีดี เป้าหมายไม่ใช่ที่คุณอุดมเดชแต่คุณเชชี้เป้าไปที่ .................... ?!? ก็ขออย่าให้เป็นเรื่องจริงเลยครับ

 

เรียนคุณ moo noi ครับ กรณีที่ผมจองแล้วระบุแค่ว่าแหวนของผู้ชาย แต่ไม่ระบุเบอร์ นี่ถือว่าไม่ได้เหรอครับ เพราะระบุว่าแหวนผู้ชายก็น่าจะเป็นเบอร์ 64

 

พระสมเด็จเนื้อดิน หลวงพ่อกวย พิธีวัดพระปรางค์ องค์ที่ 12
โอนเงินแล้ว 2,500.12 บาท เมื่อ 30/4/55

 

หน้า 388 #7753 ครับ..........

 

จริงอะไรไม่จริงอะไรครับ ไม่เห็นประเด็นเลย = =

 

ค่าพระเดี๋ยวจะโอนให้นะครับ ปลายเดือนภาระให้จ่ายเยอะ ทั้งเงินเดือน ทั้งบัตรเครดิต T__________T ขอโทษด้วยครับ

 

อ.วิทยา แม่โจ้ ฝากผมจองนางพญารุ่นสุดท้ายของหลวงพ่ออภิชิโต 1 องค์ครับ

ถ้ายืนยันการรับจองแล้วอ.วิทยาจะโอนเงินให้นะครับ

 

แจ้งโอนเงินครับ คุณ moo_noi

 

ก็เห็นเวลาอื่นจองมาตั้งแต่ต้นก็ระบุเบอร์ด้วยนี่คะ....ก็เลยเก็บ record ให้เหมือนๆกัน....

 

เค้าโครงเรื่องการฝึกจิต (สมาธิ – วิปัสสนา)<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>​

โดย<o></o>​

อภิชิโต ภิก<SUB>.</SUB>ขุ ( อาจารย์ ชาญณรงค์ ศิริสมบัติ )<o></o>​

ตอนที่๑ หน้าที่ ๓๗๓ กระทู้ที่ ๗๔๔๘<o></o>
ตอนที่๒ หน้าที่ ๓๗๗ กระทู้ที่ ๗๕๒๘<o></o>
ตอนที่๓ หน้าที่ ๓๙๔ กระทู้ที่ ๗๘๖๗<o></o>
ตอนที่๔ หน้าที่ ๓๙๕ กระทู้ที่ ๗๘๘๗<o></o>
<o></o>
ยอดปัญญา ( โลกุตตรปัญญา ) เมื่อเราได้สำเร็จฌานขั้นที่ ๔ และอำนาจพิเศษดังกล่าวไว้ในบทที่ ๑ และ ๒ เราต้องเข้าสู่ฌานขั้นที่ ๔ สักครู่หนึ่ง แล้วถอยออกมานิดหนึ่ง เพื่อใช้อำนาจจิต ( ทิพจักขุ หรือการเห็นทางใน ) พิจารณาภายในร่างกายของตนและชีวิตของตนเป็นขั้นๆ ดังต่อ ไปนี้<o></o>
๑. ตรวจสอบดูให้ละเอียดถี่ถ้วนทุกปี ทุกวัน และทุกขณะจิต จากปัจจุบันจนถึงขณะเกิดเป็นชีวิตขึ้นมาว่า ความเติบโต ความสุข ความยุ่งยาก บาปบุญ ความรู้ ความฉลาด ได้เปลี่ยนแปลงมาอย่างไร แล้วจึงตรวจในชีวิตที่เวียนเกิดเวียนตายมาก่อน <o></o>
๒. พิจารณาให้ลึกซึ้งเช่นนั้นหลายครั้งหลายหน จนทำให้พ้นจากความยึดมั่นว่าร่างกายในปัจจุบันเป็นตน ตามความจริงแล้วเป็นสิ่งที่ดำรงอยู่ชั่วเดี๋ยวเดียว ( เพราะจิตเห็นชีวิตตนในชาติก่อนๆ เปลี่ยนมามากมายชั่วเวลาเล็กน้อย เปลี่ยนจากร่างมาเรื่อยๆ จิตของตนไปอยู่ในร่างของมนุษย์ดังชาตินี้บ้าง ไปอยู่ในร่างสัตว์ต่างๆ บ้าง เมื่อเห็นจิตครองได้หลายร่างก็เลิกยึดเอาว่า ร่างกายนี้เป็นของตน จิตจะต้องย้ายไปอีก ) พิจารณาให้เห็นซึ้งลงไปว่า กายกับใจนี้ เป็นของไม่เที่ยง มีการเปลี่ยน เปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาทุกขณะจิต ทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะว่าอวัยวะทุกส่วน ทุกจุด ทุกเซลในร่างกาย กำลังไหลเคลื่อน กำลังเปลี่ยนแปลง กำลังแก่ กำลังเจ็บ และกำลังตาย ไม่มีการหยุดยั้งเลย<o></o>
- เป็นทุกข์ ( ไหวเคลื่อนอยู่มิขาดสาย ) ทนอยู่ไม่ได้ จำเป็นต้องแปรเปลี่ยนอยู่เสมอ ไม่อาจที่จะหยุดนิ่งได้แม้แต่เดี๋ยวเดียว ฉะนั้น ความแก่ ความเจ็บ ( ปวดเจ็บ เสียใจ ) และความตายจึงจำต้องมีแน่ เลี่ยงไม่ได้<o></o>
- เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตน เป็นของว่างเปล่า ไม่มีเจ้าของ เวียนไปสู่ชีวิตใหม่ไม่หยุดหย่อน<o></o>
๓. พิจารณาจิตใจและร่างกายว่าเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ แล้วพิจารณาว่าเป็นสิ่งที่น่าเบื่อหน่าย สะอิดสะเอียน แล้วพิจารณาว่า เป็นสิ่งที่น่ากลัว<o></o>
๔. พิจารณาซ้ำทั้ง ๓ ขั้นมากๆ ครั้ง จนมีความชำนาญ และสามารถเห็นแจ่มชัดทันที แล้ววางเฉยต่อกายและใจอันประกอบไปด้วยกิเลส แล้วคิดหาทางรอดพ้นจากการแก่ การเจ็บ และการตาย<o></o>
๕. ทำขั้นที่ ๔ ซ้ำหลายๆ ครั้ง จะเกิด “ ยอดปัญญา ” รู้ทางที่จะรื้อถอนเอากิเลสทั้งปวงออกจากใจ ซึ่งทำให้หลุดพ้นออกจาก การแก่ การเจ็บ การตายได้โดยเด็ดขาด<o></o>
การฝึกทั้ง ๕ ขั้นนี้เรียกว่า “ การฝึกวิปัสสนา ” อันแท้จริง ซึ่งเป็นการฝึกเพื่อยอดปัญญา บางท่านก็รอดพ้นจากความแก่ ความเจ็บ ความตาย ทั้งในชาตินี้และชาติหน้ากล่าวคือ เมื่อได้ฌานขั้นสูงสุดและใช้อำนาจจิตในขั้นนี้ได้แล้ว อยู่ในฌาน ๔ เป็นประจำก็จะทำให้ร่างกายคงที่อยู่ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีการแก่ การเจ็บ การตาย จนกว่าจะถึงวาระสุดท้าย ซึ่งนับเป็นเวลาหลายร้อยปี เมื่อเห็นว่าไม่ควรอาศัยร่างอยู่ต่อไปอีก ก็แยกวิญญาณออกไปอยู่สถานอันบรมสุขซึ่งเรียกว่า สวรรค์ชั้นพรหม แต่ถ้าฝึกวิปัสสนาจนได้ถึงยอดปัญญาแล้ว ก็จะเข้าสู่นิพพาน บางท่านฝึกทางลัด เมื่อสำเร็จฌานแล้วก็ฝึกวิปัสสนาเลย ไม่สนใจการใช้อำนาจจิต เมื่อได้ยอดปัญญาแล้วก็หลุดพ้นจากความแก่ ความเจ็บ ความตาย ในชาตินี้ได้ แต่เมื่อตายแล้วก็เข้าสู่นิพพาน แนวทางปฏิบัติอันถูกต้องนั้นคือ ศีล-สมาธิ-ปัญญา ( ยอดปัญญา ) ในการฝึกใช้อำนาจจิตหรือฝึกสมาธิขั้นต้นก็จำเป็นต้องมีศีลธรรมที่ดีบางข้อเท่าที่จะพอปฏิบัติ แต่การฝึกสมาธิขั้นกลางและขั้นสูงนั้นต้องมีศีล ๕ ครบบริบูรณ์จึงจะฝึกได้ผล นักปฏิบัติต้องจดจำหลักวิชาเพียงเล็กน้อยก็พอ เมื่อสำเร็จขั้นฌานก็จะเกิดปัญญาพิเศษสามารถรู้ได้ทุกอย่างดีกว่าตำราทุกเล่มในโลกรวมกันเสียอีก ดังตัวอย่างจริงในปัจจุบัน หลายท่านที่ไม่ต้องมีตำรา ไม่ต้องมีการจดช่วยความจำ แต่รู้ทุกวิชาในโลกได้ ตอบได้ถูกต้องและทำได้ถูกต้องตรงจุดหมายเสมอ<o></o>
กิเลสเป็นมูลเหตุของความชั่วทั้งปวง กิเลสมี ๓ ชั้น คือ<o></o>
๑. กิเลสชั้นหยาบ ( กิเลสหยาบ ) ซึ่งเป็นเหตุให้กระทำชั่วหรือกระทำผิดทางกายและทางวาจา กิเลสเหล่านี้จะกำจัดเสียได้ด้วย ศีล เราจะเห็นว่าศีลทั้งหลายกล่าวถึงแต่เรื่องกายและวาจาเท่านั้น<o></o>
๒. กิเลสชั้นกลาง ซึ่งเป็นมูลเหตุให้ทำชั่วทางใจ ยังไม่ร้ายแรงพอที่จะทำให้แสดงออกทางกายหรือทางวาจา ตัวอย่างเช่น นิวรณ์ ๕ กิเลสชั้นกลางนี้จะรู้ได้ด้วยทางใจทั้งนั้น ( พิจารณาดูก็รู้ได้ ) และจะกำจัดทิ้งได้ด้วยฌาน ( หรือเรียกง่ายๆ ว่าความว่าง ) <o></o>
๓. กิเลสชั้นละเอียด ซึ่งนอนเนื่องอยู่ในสันดานไม่สามารถจะพิจารณาทราบได้ นอกจากการพิจารณาในวิปัสสนาขั้นที่ ๕ ที่กล่าวมานี้เป็นเครื่องยืนยันว่าการเริ่มต้นฝึกวิปัสสนานั้น เราต้องเริ่มต้นฝึกเมื่อได้สำเร็จถึงขั้นฌาน อย่างน้อยที่สุดก็ต้องจบสมาธิขั้นกลางเริ่มจะเข้าสู่ฌานแล้ว มิฉะนั้น ก็จะถูกพาให้หลงผิดด้วยกิเลสชั้นกลาง<o></o>
ธรรมอันเป็นเครื่องช่วยให้ได้สำเร็จถึงมรรคนิพพานนั้น ที่เป็นแก่นสำคัญคือ มรรค ๘ ซึ่งหมายถึงทางอันพร้อมเพรียงด้วยองค์แปดประการ จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ นอกจากนั้นก็มีธรรมอื่นๆ อีกเช่น วิสุทธิ ๗ โพชฌงค์ ๗ เป็นต้น แต่จะเป็นมรรค ๘วิสุทธิ ๗ หรือโพชฌงค์ ๗ ก็ล้วนขยายความออกไปจากศีล-สมาธิ-ปัญญา ทั้งนั้น และในข้อที่เป็นสมาธิเช่นมรรค ๘ ข้อที่ ๘ คือ สัมมาสมาธิ ก็มีอธิบายไว้ว่าหมายถึงฌานทั้งสี่ การเข้าถึงฌานนั้นไม่ใช่ของง่าย อาจารย์รู้ไม่ซึ้งเข้าไม่ถึง อยากยกตนว่าเลิศเลยดัดแปลงวิธีฝึกให้ถึงมรรคผล โดยไม่ต้องได้สมาธิขั้นฌานหรือจบสมาธิขั้นกลางเสียก่อนทั้งนี้ มักชอบวางโวหาร ยกตัวอย่างผู้ที่ฟังเทศน์ครั้งเดียวจบ ก็ได้ดวงตาเห็นธรรมขั้นอริยะ เช่น สำเร็จเป็นพระโสดาบัน ความจริงแล้วผู้ที่บุญบารมีเดิมสูง การฟัง การอ่าน การเห็น หรือการฝึกสมาธิ แม้ชั่วระยะเดียว ก็สามารถมีความสนใจแรงกล้าจนจิตดิ่งเป็นสมาธิฌานได้ เพราะถึงขั้นฌานจึงจะเห็นของจริงดังกล่าวในวิปัสสนาทั้ง ๕ ขั้นได้ เพียงแต่รู้ปัญญาทางปริยัตินั้น อย่าหวังเลยว่าจะถึงมรรคผลนิพพานได้ ถึงอย่างไรก็ดี ถ้าคนรู้จริงอ่านพระไตรปิฎกให้จบจริงก็จะเห็นได้ว่า ผู้ที่ฝึกชั่วไม่นานหรือฟังเทศน์ครั้งเดียวได้ดวงตาเห็นธรรมนั้น ก็เป็นส่วนน้อยเหลือเกิน ทางที่ถูกจะต้องปฏิบัติตามมรรค ๘จงดูตัวอย่างพระสารีบุตรผู้เป็นเลิศทางปัญญา ฝึกเป็นสมาธิอยู่กับโยคีก่อนเป็นเวลานาน จึงมาฟังพระอัสสชิสอนได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นเพียงพระโสดา ต้องฝึกต่อไปอีกนานจึงได้เป็นพระอรหันต์ พระอานนท์อยู่ใกล้พระพุทธเจ้า เป็นเลิศทางจำ ก็ฝึกฝนตนนานต่อนาน จนพระพุทธเจ้าดับขันธ์เข้าสู่พระปรินิพพานแล้ว ก็ยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ มาได้สำเร็จเมื่อทำสังคายนาครั้งแรก แม้พระสงฆ์อื่นๆ บวชแล้วก็ต้องฝึกกันนานๆ ทั้งนั้นจะไปอ้างจำนวนน้อยที่สุดที่ได้มรรคผลในเวลารวดเร็วมาเป็นเครื่องสนับสนุนวิธีฝึกที่ตั้งเอาเองมรรคผลเอาเองนั้นย่อมเป็นการสร้างความชั่วร้ายอย่างหนัก เป็นการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาเพื่อความยิ่งใหญ่ของตนเอง ผู้หวังความเจริญพึงอย่ากระทำเสียเลยดีกว่า พระพุทธเจ้าสอนเอง แม้สอนเป็นเวลานานก็ยังมีผู้สำเร็จมรรคผลเป็นส่วนน้อย จึงควรฝึกตามขั้นต้น คือ ปฏิบัติ ศีลสมาธิ รวมทั้งรู้วิธีใช้อำนาจจิต เมื่อจบสมาธิขั้นกลางหรือขั้นฌานแล้วจึงฝึกวิปัสสนา ทั้งนี้แม้ว่าในชีวิตนี้จะเข้าไม่ถึงมรรคผลนิพพานก็ยังมีหวังแน่นอนว่าจะได้รับประโยชน์ของสมาธิขั้นต้นและขั้นกลางดังที่กล่าวในบทที่ ๑ เป็นอย่างน้อย<o></o>
อำนาจจิต ปัญญาขั้นวิเศษ และยอดปัญญา จะต้องเพาะให้เกิดขึ้น จากการปฏิบัติเท่านั้น<o></o>
โสตถิ เต โหตุ สัพพทา<o></o>
สัตว์ทั้งหลายจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด

<o></o>
ปล. ขอขอบคุณข้อมูลจากหนังสือตำรายาซึ่งจัดพิมพ์เป็นอนุสรณ์ โดย นายสว่าง นางสุจิตร เลาหทัย และคุณหนุ่มที่ให้โอกาสนำธรรมะมาฝากเพื่อนสมาชิก ท้ายนี้ขอนำรูปของหลวงพ่อชาญณรงค์สมัยหนุ่มๆ เทียบกับตอนสูงอายุ มาฝากส่งท้ายครับ
ขอบคุณทุกๆ ท่านที่ติดตามอ่าน สวัสดี

 

ยังยืนยันว่า ขอความกระจ่างจากคุณหนุ่ม ขอบคุณครับ