พื้นที่ปลอดภัยยามเกิดอภิมหันตภัย ในจังหวัดต่าง ๆ ของประเทศไทย

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย truethailove, 27 พฤศจิกายน 2011.

  1. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    [FONT=&quot]1. [FONT=&quot]แผ่นดินไหว คุณคิดว่าคุณหนีไปบนดอย คุณจะปลอดภัยหรือไม่[/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot]2.
    [FONT=&quot]ภูเขาไฟระเบิด-น้ำพุร้อนปะทุ ลาวาไหลทะลัก[/FONT][FONT=&quot]คุณคิดว่าอยู่บนดอย[/FONT]
    [FONT=&quot]หรืออยู่กลางแจ้งจะปลอดภัยหรือไม่[/FONT]
    [FONT=&quot]3. [/FONT][FONT=&quot]อากาศหนาวจัด ติดลบ [/FONT][FONT=&quot]40-50 [/FONT][FONT=&quot]องศา อย่างเมืองนอก[/FONT][FONT=&quot]คุณคิดหรือไม่ว่า[/FONT]
    [FONT=&quot]คุณอยู่บนดอยแล้วจะปลอดภัย ถ้าคุณไม่เตรียมเครื่องกันหนาวอย่างดี[/FONT]
    [FONT=&quot]รับมือเอาไว้[/FONT]
    [FONT=&quot]4. [/FONT][FONT=&quot]อุตกาบาตถล่ม คุณหนีไปอยู่บนดอย จะปลอดภัยหรือไม่[/FONT][/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT]<LINK rel=File-List href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5Cmycom%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C03%5Cclip_filelist.xml"><STYLE> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Angsana New";} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </STYLE>[FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]ดังนั้น ปัจจัยในการหลบภัย คุณจะต้องคำนึงถึงทุกสถานการณ์[/FONT]
    [FONT=&quot]ที่จะเ้กิดขึ้น[/FONT][FONT=&quot]รวมทั้งการคาดการณ์เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นด้วย [/FONT]
    [FONT=&quot]ไม่ใช่มุ่งแต่หาที่สูงกว่า[FONT=&quot]ระดับน้ำทะเลท่วมถึงเพียงอย่างเดียว[/FONT][/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 กุมภาพันธ์ 2012
  2. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    ผู้เขียนเขียนบทความต่าง ๆ เหล่านี้ มักจะนำธรรมะมาเขียนควบคู่ด้วยเสมอ
    เพื่อที่จะให้ทุกคนตระหนักถึงความจริงของเรื่องนี้ว่า สู้กับภัยพิบัติทาง
    ธรรมชาติ ก็เหมือนกับเราตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ มีแต่ความสูญเปล่า
    เพราะเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของมนุษย์ ณ เวลานี้ เมื่อรู้ตัีวแล้วว่า
    ภัยจะมาถึงตัว หันหน้ามาสู้กับภัยพิบัติในใจของตน โดยศึกษาและ
    ปฏิบัติธรรมให้ถ่องแท้ไม่ดีกว่าหรือ ระหว่างนี้เราก็ค่อย ๆ เตรียมการ
    ในเรื่องของภัยพิบัติทางธรรมชาติไปแบบพอควร โดยไม่ต้องตื่นตระหนก
    แต่พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ไว้ จะเกิดประโยชน์มากกว่าค่ะ
    อย่างน้อย ๆ ก็คิดไปเสียว่าตัวเราอาจจะไม่รอด แต่ลูกหลานของเรา
    ภายในวันข้างหน้า เขาต้องอยู่รอดได้อย่างปลอดภัย ด้วยสิ่งต่าง ๆ
    ที่เราเตรียมการให้พวกเขาในวันนี้
     
  3. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    ในเรื่องของการเตรียมการรับมือน้ำท่วม ทุกชุมชุม ทุกหมู่บ้านที่ประสบภัยน้ำท่วม
    ต่างรู้จุดอ่อนของสถานที่ของตนว่าน้ำเข้ามาจากทางด้านใดบ้าง จากประสบการณ์
    ที่ผ่านมาของปีที่แล้ว ที่หมู่บ้านผู้เขียน พี่ข้างบ้านขนาดป้องกันอย่างเต็มที่ ปิดทั้ง
    หน้าบ้าน หลังบ้าน และรูรั่วต่าง ๆ เชื่อมั้ยค่ะ น้ำนั้นทะลุดันพื้นขึ้นมากลางบ้าน
    เล่นเอาเจ้าของบ้านมองตาปริบ ๆ หมดปัญญา ต้องปล่อยให้น้ำท่วมทั้งบ้าน
    แถมกระสอบทรายที่ อบต. นำมา่แจก ก็เท่ากับสูญเปล่า ผลาญงบประมาณ
    ของชาติไปแบบเปล่าประโยชน์ พอน้ำท่วม เกือบถึงชั้น 2 ของบ้าน ทีนี้ก็ไปไหน
    มาไหนลำบาก เพราะไม่มีเรือ
     
  4. ANAN JANG

    ANAN JANG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +175
    ^
    ^ จริงๆครับ
     
  5. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    [FONT=&quot]เพราะทุกทีน้ำท่วมเหมือนกันหมด พอจะเข้าบ้านที ก็ต้องนั่งเืรือรับจ้าง<o>
    </o>
    [/FONT]
    [FONT=&quot]คิดหัวละ 40[FONT=&quot] บาท จะไปหาซื้่อเรือช่วงนั้นราคาแพงมาก ลำใหญ่นั่้งได้
    [/FONT]4-5[FONT=&quot] คน[/FONT]<o></o>
    [/FONT]
    [FONT=&quot]ก็ลำละเป็นหมื่นกว่าบาท ก็เลยไม่ซื้อเพราะแพงเกินไป
    จริง ๆ แล้ว วิธีแก้ปัญหา
    <o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]นั้นง่ายมาก <o></o>[/FONT][FONT=&quot]คนในหมู่บ้านหรือชุมชนนั้น ๆ
    รวมตัวกันออกเงินคนละเล็กละน้อย ตามกำลัง
    <o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]ที่มี คนไหนมีมาก
    ก็ออกมาก คนไหนมีน้อย ก็ออกเท่าที่ทำได้ เรือลำหนึ่ง
    <o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot] หมื่นกว่าบาท
    ก็นำมาเฉลี่ยออกเงินซื้อเรือ ถ้าเหลือก็ใช้เติมน้ำมันไปเสีย
    <o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot] และหาคนที่
    ว่างงาน ตกงานอยู่ มาขับเรือลำนี้ คอยรับ-ส่งคนในหมู่บ้าน
    [/FONT]
     
  6. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    [FONT=&quot]ในเมื่อทุกคนมีโทรศัพท์มือถือ ก็ใช้โทรศํพท์นั้นแหละค่ะ โทรเรียกเรือ
    ให้มารับ
    [/FONT]
    [FONT=&quot]มาส่งกัน<o></o>[/FONT][FONT=&quot] โดยช่วยกันออกค่าน้ำมัน คนละสิบบาท ยี่สิบบาท
    ก็ว่ากันไป
    [/FONT]
    [FONT=&quot]เงินส่วนที่เหลือ<o></o>[/FONT][FONT=&quot]ก็ให้เป็นค่าแรงคนขับ ค่าน้ำมัน และอาจจะ
    เป็นค่าอาหาร ค่ายังชีพต่าง ๆ
    [/FONT]
    [FONT=&quot]ตอนถูกน้ำท่วมให้กับคนในหมู่บ้านของตน
    [FONT=&quot]ทีนี้ก็แก้ปัญหาเรื่องค่าเรือรับจ้างที่[/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot]คิดกันแพง ๆ แถมมีคนช่วยเฝ้าบ้าน
    ช่วยกันลาดตระเวนดูแลบ้านให้ด้วย
    [/FONT]
    [FONT=&quot] จะได้หมดห่วงเรื่องขโมยตอนน้ำท่วม
    พอน้ำลดก็เก็บไว้เป็นสมบัติของหมู่บ้าน
    [/FONT]
    [FONT=&quot] หรือจะบริจาคให้กับวัด หรือ
    อบต ก็ได้ ถ้าน้ำท่วมอีก ก็ขอนำเรือที่เราบริจาคไว้
    [/FONT]
    [FONT=&quot]นำมาใช้ได้ แทนที่
    ต่างคนต่างไปหาซื้อเรือบ้านละลำสองลำ ให้หมดเปลืองเงินไปเปล่า ๆ
    [/FONT]

    [FONT=&quot]พอน้ำลด ก็เก็บไว้ให้เกะกะบ้าน เรานำเงินซื้อเรือ ไปซื้ออาหารไม่ดีกว่าหรือ[/FONT]
    <o>
    </o>
     
  7. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    เขียนมาอย่างนี้แล้ว คงเป็นแนวทางคร่าว ๆ ให้กับหลาย ๆ คน
    คิดได้นะค่ะว่า ความสามัคคี ต้องใช้แบบถูกทาง ไม่ใช่ไปตะโกนเย้ว ๆ
    ให้สื่อออกทีวี จะได้มีคนมาช่วยเยอะ ๆ เราต้องพึ่งตัวของตัวเราเองก่อน
    สิ่งไหนทำได้ ก็ให้ตัดสินใจทำไปเลย แต่การกระทำนั้น ต้องไม่ไปเบียดเบียน
    ผู้อื่น เช่น การก่อม๊อบปิดถนน เป็นต้น สำหรับปีนี้ที่คาดว่าน้ำจะท่วมหนัก
    ท่านคงจะเตรียมพร้อมอย่างผู้มีสติ เฉกเช่นผู้ที่เป็นปัญญาชนกันเถอะค่ะ
    รักเมืองไทยให้เหมือนกับที่ท่านรักตัวเอง แล้วสังคมจะน่าอยู่ขึ้นเยอะเลยค่ะ
     
  8. Alphaneomatrix

    Alphaneomatrix Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +77
    เท่าที่ผมติดตามข้อมูลเรื่องภัยพิบัติมา ก็คิดว่าอย่างน้อยเราก็ต้องเลือกทำเลที่อยู่ที่ปลอดภัยด้วย ทั้งเรื่องของระดับน้ำที่อาจมาสูงมากถึงขนาด 700 เมตรหลังจากเกิดการทรุดตัวของเปลือกโลกแถวอินเดีย นั่นหมายความว่าถ้าเราอยู่ในพื้นที่ต่ำกว่านี้จะลำบากมาก แน่นอนเราก็ต้องคำนึงถึงจุดที่เป็นแนวรอยเลื่อนด้วย ว่าจะเกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟจะประทุหรือไม่ อุกกาบาดจะหล่นใส่หรือไม่ ซึ่งก็ต้องเตรียมการในเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว สำคัญที่สุดน่าจะเป็นเรื่องการเตรียมใจด้วย นั่นคือเรื่องการฝึกฝนจิต ปฏิบัติธรรม แต่ผมว่ามีไม่กี่ที่เท่านั้นในประเทศไทย ที่จะพอหลบภัยได้
     
  9. กรึงไกร

    กรึงไกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +295
    ณ วันนั้นภัยพิบัติมาหลายรูปแบบ ม้วนเดียวจบในทั่วทุกมุมโลก หนีไปจุดไหนก็ต้องพบต้องเจอ
    ตอนนี้ผมเลยสะสมแต่บุญ เรื่องหาที่ทางย้ายที่อยู่อาศัยหรือสะสมเสบียงอาหาร
    ผมคงไม่คิดจะทำแล้ว เง้อออ
     
  10. j-lim

    j-lim สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +17
    ทุกเรื่องราวของภัยพิบัติ และการหาทางเอาตัวรอด เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ในการเตรียมตัวเตรียมใจ ถึงแม้อาจไม่เกิดขึ้น ขอบคุณสำหรับกระทู้ดี ๆ
     
  11. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    สถานที่ปลอดภัยในประเทศไทย จะปลอดภัยกันเป็นจุด ๆ
    ไม่ได้กินอาณาบริเ้วณกว้างทั้งจังหวัด หรืออำเภอ ดังนั้น
    ผู้เขียนจึงให้จับจุดบริเวณสถานที่่ศักดิ์สิทธิ์และสำคัญทาง
    ศาสนาของแต่ละศาสนาเอาไว้เป็นจุดหลัก เนื่องจากบุญบารมี
    ของเราจะเพียงพอหรือไม่นั้น ไม่อาจทราบได้ แต่เราพึ่งพิงบารมี
    ของพระพุทธเจ้า บวกกับบุญบารมีของเราที่ได้สะสมมา
    ให้ยึดหลักตรงนี้เอาไว้เป็นสำคัญ สำหรับการที่เราไปหลบภัย
    บริเวณพระบรมสารีริกธาตุก็ดี หรือวัดก็ดี เปรียบเหมือนเราเป็น
    นกน้อย อาศัยต้นไม้ใหญ่เป็นที่พักพิง ซึ่งต้นไม้นั้น ก็ใช้เป็นที่
    พักพิงได้ในอาณาบริเวณที่ตนเองตั้งอยู่ ดังต้นไม้ใหญ่ที่มี
    รากแก้ว ยึดไว้อย่างแข็งแรง ซึ่งหมายถึง เราไม่ได้อาศัยกำลัง
    บุญบารมีของพระพุทธเ่จ้าเพียงอย่างเดียว
    ตัวเราเองต้องมี
    บุญบารมีของเราด้วยเช่นเดียวกัน

    ดังนั้น ผู้เขียน
    จึงอยากให้ทุกคน ปรับจิต ปรับใจให้บริสุทธิ์
    ศึกษาธรรมะอย่างถ่องแท้ เพื่อวันข้างหน้าคุณงามความดี
    ที่เราได้สร้าง จะช่วยทำให้เรารอดพ้นจากภัยพิบัติ หรือ
    อย่างน้อยก็ไม่ตกลงไปสู่อบายภูมิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 กุมภาพันธ์ 2012
  12. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    คุยกับคุณไกรมาหลายเพลา เล่าให้ฟังว่าครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า
    ภัยพิบัติครั้งนี้เกิดขึ้นแน่นอน และเป็นภัยพิบัติที่เกิดมาเพื่อล้างคนชั่ว
    โดยคนเหล่านี้จะลงไปสู่อบายภูมิสถานเดียว คุณไำกรก็เลยเร่งสะสมบุญ
    เป็นการใหญ่ ส่วนที่หลบภัยไม่ต้องห่วง เป็นกัลยณมิตรกันมาหลายปีแล้ว
    สถานที่หลบภัยเตรียมไว้ให้แล้ว ยกกันไปทั้งครอบครัวก็ได้ เลี้ยงได้อยู่แล้วค่ะ
     
  13. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    3. ยารักษาโรค
    ในยามเกิดภัยพิบัติ เราอาจจะมีอาหารพอประทังชีวิตได้
    แต่ถ้าต้องเจ็บป่วยขึ้นมาแล้วละก็ เราจะหาหยูกหายา
    ได้จากที่ไหน ดังนั้น เราต้องศึกษาพืชสมุนไพรใน
    การรักษาโรคไว้เป็นสำคัญ เพราะพืชสมุนไพรเหล่านี้
    เราสามารถปลูกไว้ในไร่ในสวน หรือในอาณาบริเวณ
    บ้านของเรา ยามเมื่อเกิดภัยพิบัติ และเราต้องอพยพ
    หนีภัยไปอยู่ที่อื่น ๆ ก็ตาม
     
  14. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    พืชผักสมุนไพรเหล่านี้ ถ้ายังเหลือรอดอยู่บ้าง เราก็
    สามารถนำมาทำเป็นยาสมุนไพร บำบัดรักษาโรคต่าง ๆ
    ทดแทนยาแผนปัจจุบัน ซึ่งอาจจะขาดแคลนในเวลานั้น
    หรือไม่ก็ใช้เป็นยาสมุนไพร บำบัดอาการโรคเบื้องต้น
    ที่สมุนไพรเหล่านี้รักษาอาการได้ ส่วนยาแผนปัจจุบัน
    เราก็เก็บไว้ใช้ในยามจำเป็นในการรักษาโรคที่สมุนไพร
    ไม่สามารถทดแทนได้ คุณประโยชน์ของพืชผักสมุนไพร
    ใช้เป็นอาหารก็ได้ แถมรักษาโรคได้อีกด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 กุมภาพันธ์ 2012
  15. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    ในยามเกิดสงครามนิวเคลียร์ มีสารกัมตภาพรังสี
    ปนเปื้อนในอากาศและน้ำ อาจจะเข้าสู่ร่างกายของเราได้

    1. ดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่นหรือน้ำธรรมดา 1 ผล
    ต่อน้ำครึ่งแก้วหรือ 1 แก้ว จะช่วยล้างสารพิษในร่างกาย
    ดื่มก่อนอาหารมื้อแรกของร่างกาย คนที่ถ่ายยาก ๆ
    ไม่จำเป็นต้องทานยาระบาย ดื่มน้ำมะนาวไปสักพัก
    รับรองถ่ายทุกวัน และระบบภายในลำไส้ของเราจะ
    สะอาดอีกด้วย ดีกว่าไปทานพวกเอมไซน์ต่าง ๆ เสียอีก
    แพงก็แพง มะนาวอย่างมากที่สุดก็ไม่เกินลูกละ 5 บาท
    (ตอนหน้าแล้ง) ยิ่งหน้าฝนถูกเหมือนแจกฟรี
     
  16. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    2. ดื่มน้ำมะนาวผสมโซดา จะให้ผลดีมากกว่าข้อ 1
    ในการขับสารหนักที่เป็นพิษออกจากร่างกาย
    ประโยชน์ของมะนาวมีมาก คนที่เป็นโรคเบาหวาน,
    น้ำตาลในเลือดสูงทานแบบนี้จะช่วยได้มากเลยค่ะ
    ผู้เขียนเป็นคนชอบทานของหวาน มีคนทักว่าน้ำตาล
    ในเลือดสูงแล้วนะ แต่ด้วยความที่ชอบทานขนมของหวาน
    ก็ยังทานอยู่เสมอ จนร่างกายเริ่มมีความรู้สึกไม่ค่อยดี
    พักหลัง ๆ เริ่มชาตามปลายเท้า เข้าห้องน้ำปัสสาวะบ่อย
    เพราะน้ำตาลในเลือดสูง ร่างกายก็ทำปฏิกิริยา เพื่อ
    ขับน้ำตาลออกมา สุขภาพร่างกายเริ่มย่ำแย่ลงทุกที
     
  17. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    ดังนั้นผู้เขียนเลยหันมาดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำเปล่าครึ่งแก้ว
    หลังจากล้างหน้าแปรงฟันแล้ว และหลังทานอาหารแล้ว
    ก็ดื่มน้ำมะนาวผสมโซดาจิบทานตลอดทั้งวัน แทนน้ำเปล่า
    ผ่านไปสักอาทิตย์ร่างกายเริ่มดีขึ้น อาการชาตาม
    ปลายเท้าหายไป และรู้สึกระบบไหลเวียนของเลือด
    เริ่มดีขึ้น เพราะน้ำมะนาวมีสารช่วยเข้าไปฟอกโลหิต
    ในร่างกาย วันนี้ระบบร่างกายเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติเหมือนเดิม
    เพราะอย่างนั้นถ้าเราทานน้ำมะนาวทุกวัน ก็จะช่วย
    ป้องกันโรคต่าง ๆ ได้ดีแต่อย่าลืมนะค่ะว่า


    อย่าทานน้ำมะนาวโดยไม่ผสมน้ำเปล่า
    เพราะทานเพียว ๆ จะเข้าไปกัดกระเพาะตอนท้องว่าง
    และการดื่มน้ำมะนาวผสมโซดา ต้องทานหลังอาหาร
    ไปแล้วนะค่ะ เพราะโซดาจะกัดกระเพาะของเราได้
     
  18. โอกระบี่

    โอกระบี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,477
    ค่าพลัง:
    +1,651
    ขอบคุณสำหรับความรู้ครับผม.....
     
  19. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    มีผู้อ่านถามมาว่า ผู้เขียนไปเอาตำรายานี้มาจากไหน
    เรื่องการดื่มน้ำมะนาวนั้น เคยอ่านจากพระรูปหนึ่ง
    ท่านเขียนไว้ เพราะคนเราปัจจุบันบริโภคแต่สารพิษ
    เข้าไปในร่างกายจากอาหารที่เรารับประทานเข้าไป
    เช่น ผงชูรส สารฟอกสีจากน้ำตารสารกันบูด ฟอร์มาลีน
    ในอาหารทะเล สารเร่งเนื้อแดงในหมู เป็นต้น จึงทำให้
    คนเราทุกวันนี้เป็นมะเร็งกันมาก ก็เพราะสารแอบแฝง
    ที่มีอยู่ในอาหารเหล่านี้ รวมทั้งเครื่องสำอางต่าง ๆ ที่
    ท่านใช้กันอยู่ ถึงแม้จะเป็นสารสกัดจากธรรมชาติก็ตาม
    แต่เครื่องสำอางเหล่านี้มักจะใส่สารกันเสียไว้เสมอ
    โดยไม่ได้แจ้งบอกให้ผู้บริโภคทราบ ผู้เขียนอยู่ใน
    วงการเหล่านี้ ทราบดีค่ะ เพราะถ้าไม่ใส่สารกันเสีย
    เครื่องสำอาจจะเก็บไว้ได้ไม่นาน

    ดังนั้นท่านจึงแนะนำให้ทานน้ำมะนาวก่อนมื้อแรก
    ของการรับประทานอาหาร เพื่อขจัดและล้างสารพิษ
    ที่สะสมภายในร่างกายแต่ละวัน
     
  20. truethailove

    truethailove rich kindness

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +806
    สำหรับโซดานั้น ผู้เขียนรู้จักกับคนที่ทำงานขนของ
    ในท่าเรือ เขาเล่าว่า ต้องขนของพวกสารพิษต่าง ๆ
    กันอยู่ทุกวัน เขาได้รับการบอกต่อ ๆ กันมาว่า ให้ดื่ม
    โซดาเพื่อล้างสารพิษออกจากร่างกาย ซึ่งคนที่เล่า
    บอกว่าทำงานตั้งแต่อายุสิบกว่า ๆ ปัจจุบันอายุ
    สี่สิบกว่าแล้ว ร่างกายแข็งแรงดี และก็อีกอย่าง
    พวกเขาจะทานหอยแครง เพื่อบำรุงเลือดอยู่เสมอ
    ซึ่งคำบอกเล่าต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นประสบการณ์ของ
    หลาย ๆ ท่านอาจจะไม่เป็นวิชาการ หรือหลักตำรา
    แพทย์แผนปัจจุบัน แต่คนเหล่านี้ก็อยู่รอดปลอดภัย
    มาถึงทุกวันนี้ การที่ผู้เขียนได้บอกกล่าวไว้ก็เพื่อ
    สำหรับการรักษาที่ไม่มียาแผนปัจจุบัน เช่น
    สารไอโอดีนทานกันสารกัมตภาพรังสี อาจจะมีแจก
    ไม่เพียงพอโดยเฉพาะบางพื้นที่ทีอยู่ห่างไกล แต่
    ทุกบ้านถ้าปลูกมะนาวบ้านละต้นสองต้น ก็สามารถ
    ช่วยเหลือตนเองได้ในยามจำเป็น ที่ไม่มีตัวยา
    ในการรักษาอย่างเพียงพอ
     

แชร์หน้านี้

Loading...