ผีมีจริง...ตอนสร้างเมรุเผาศพเสร็จเพราะมีเว็บพลังจิตใช้งบเกือบล้าน(ป่าช้าโบราณ)

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย พระจิรวัฒน์ ญาณวโร, 7 กรกฎาคม 2011.

  1. พระจิรวัฒน์ ญาณวโร

    พระจิรวัฒน์ ญาณวโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    5,029
    ค่าพลัง:
    +17,452
    เสียงปลุก...หม่อมๆศรี อาตมาก็ฟังยังไม่ได้ตอบรับ ใคร?...มาเรียกนึกในใจ คว้าไฟฉายส่องไปที่นาฬิกาเเขวน ตี 2.45 นาทีเวลาเท่าเมื่อวานเลย หรือว่าชาวโลกทิพย์มาปลุกให้สวดมนต์ เสียงเรียกเสียงปลุกเเม้เเต่ ท่านหลวงปู่ดีท่านก็เคยเจอ เมื่อคราวมาที่ป่าช้าเเห่งนี้ใหม่ๆ งูเข้ามาในกุฏิมาอยู่ข้างๆจีวรท่าน ปู่ๆนิมนต์ลุกๆ เมื่อหลวงปู่ตื่นขึ้นมา(ตอนกลางวัน) งูขดตัวอยู่ข้างๆท่านสะดุ้งด้วยความตกใจ ถ้าเป็นคนธรรมดาชาวบ้านทั้วไป
    อาจจะฆ่างูนั้น...เเต่หลวงปู่ท่านหยิบไม้กราด ด้ามยาวๆเขี่ยเขาออกไปนอกกุฏิเเล้วปล่อยเขาไป เขาก้เลื่อยเข้าป่าไปเรื่องราวนี้ผ่านมา10กว่าปีเเล้ว เเต่หลวงปู่ท่านเล่าให้ฟังทั้งอาตมาเเละญาติโยมที่ถามฟังบ่อยๆ...เสียงใครหนอ... มาเรียกอาตมา คนอิสานมีอายุจะเรียกพระว่าหม่อมหรือครูบา...คนรุ่นใหม่จะเรียกอาจารย์หรือหลวงพี่ เเต่นานๆจะมีเด็กเรียกอาตมาว่าหลวงตา...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2012
  2. 678wish

    678wish เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    223
    ค่าพลัง:
    +382
     
  3. peerakul

    peerakul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    9,427
    ค่าพลัง:
    +33,493

    สบายละพระอาจารย์ ไม่ต้องซื้อนาฬิกาปลุกให้เปลืองกาตัง อิ อิ
    [​IMG]
     
  4. nahpee

    nahpee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    554
    ค่าพลัง:
    +690
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2012
  5. nahpee

    nahpee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    554
    ค่าพลัง:
    +690
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=jLsiX4W3HgA&list=HL1326001546&feature=mh_lolz]P1031088.AVI - YouTube[/ame]

    ...ลองเข้าไปฟัง คำกลอนของ แม่ชีน้อย กันดูครับ
    ...แม่ชีน้อย มักได้คำกลอนเหล่านี้มาระหว่างนั่งสมาธิ
    ...แม่ชี ช่วยดูแลปรนนิบัติ หลวงปู่ดี อยู่ที่ วัดป่าบ้านหนองผักแว่น
    ...ปฏิบัติธรรมมา ๒๐ ปีได้แล้ว อายุ ๕๗ ปีแก่กว่า น้าพี(nahpee)แค่ปีเดียว
    ...แต่ท่านพิการที่กระดูกสันหลังจนดูเป็นผู้ที่หลังค่อมซึ่งพิการเฉพาะกายเท่านั้น
    ...แต่ภายในจิต พัฒนาไปมากพอสมควร แม่ชีน้อยอัธยาศรัยดี น่ารักถ้าหากได้พูดคุยด้วย
    ...สาเหตุของความพิการที่หลัง เกิดเมื่อตอนเด็กๆประมาณ 4 ขวบตกบันไดทำให้กระดูกอ่อนที่หลังคดงอจากแรงกระแทก
    ...แล้วค่อยๆพัฒนามาเรื่อยๆจนเห็นได้ชัดเจนเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น
    ...แม่ชีเล่าว่าในนิมิตระหว่างเข้าสมาธิท่านรับรู้ได้ว่าสาเหตุหลังค่อมนี้ มาจากกรรมเก่าในอดีตชาติ
    ...ท่านมีโอกาสดูแลท้องพระคลังในยุคสมัยหนึ่งและขโมยเงินหรือทองใส่ถุงจนตุงสะพายบ่าด้านเดียวกับที่เป็นอยู่ขณะนี้
    ...นำออกไปให้ญาติ พี่น้อง จะจริงเท็จอย่างไรแต่เชื่อได้ว่า ใครทำกรรมอะไรไว้มักส่งผลเสมอ
    ...จริงๆเรื่องราวที่แม่ชีน้อย เล่าให้ฟังเกี่ยวกับสถานที่ของ วัดป่าบ้านหนองผักแว่น มีมิติที่ซ้อนกันอยู่อย่างเหลือเชื่อ
    ...ฉนั้นการไป วัดป่าบ้านหนองผักแว่น ควรเข้าไปด้วยความเคารพ ภพภูมิเจ้าที่ ชาวโลกทิพย์ที่แวดล้อมอยู่ที่วัด เขาชอบความเงียบ ความสงบ และผู้มีจิตอันบริสุทธิครับ
     
  6. nahpee

    nahpee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    554
    ค่าพลัง:
    +690
    นิพพาน<WBR></WBR>สำคัญอยู่ที่จิตตัวเดียวดูอย่างพระบิดาของพระสิทธั<WBR></WBR>ตถะ ก่อนตายมีทุกขเวทนามาก พระพุทธเจ้าแค่ถามว่า เป็นสุขหรือเป็นทุกข์ ท่านตอบว่า เป็นทุกข์ ถามต่อไปอีกว่า เบื่อไหมความทุกข์ ท่านก็ตอบว่า เบื่อ ต้องการเกิดอีกไหม ท่านก็ตอบว่า ไม่อยากเกิดอีกแล้ว เพียงเท่านั้นแหละ ท่านก็ นิพพาน กายดับ จิตดับจากการเกิดแก่เจ็บตาย<WBR></WBR>ทันที
    ****เป็นคำสอนของสมเด็จพ่อองค์ปฐม ที่สื่อสารพลังงานจิตผ่านจิตของฆราวาสที่ชื่อ ท่าน ช ที่มาของ "นิพพานชาตินี้กันเถอะ"<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- / message --><!-- sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2012
  7. พระจิรวัฒน์ ญาณวโร

    พระจิรวัฒน์ ญาณวโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    5,029
    ค่าพลัง:
    +17,452
    อนุโมทนาสาธุ การให้ธรรมะเป็นทานชนะการให้ทั้งปวง
     
  8. พระจิรวัฒน์ ญาณวโร

    พระจิรวัฒน์ ญาณวโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    5,029
    ค่าพลัง:
    +17,452
    [​IMG]
     
  9. nahpee

    nahpee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    554
    ค่าพลัง:
    +690
    อันภัยพิบัติทั้งหลาย ทั้งเคยเกิดขึ้นมาแล้วและก็กำลังจะเกิดขึ้น หรือว่ายังไม่เกิดขึ้นก็ตาม ถ้ามันจะเกิดก็ต้องเกิด สิ่งไหนที่เจ้าเคยทำไว้ในอดีตชา<WBR>ติถ้าชาตินี้จะต้องได้รับผลนั้นก็ต้องได้รับ ถ้าจะไม่ต้องได้รับอย่างไรก็ไม่ได้รับผลนั้น แล้วอย่างนี้จะมัวมานั่งกลัวหรือวิตกกังวลใจไปทำไมเหล่ามนุษ<WBR>ย์เอ๋ย...พระพุทธเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย(จิ<WBR>ตพลังงานผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลมนุ<WBR>ษย์)ไม่เคยสอนสั่งให้มนุษย์หวาดกลัวมีแต่จะสอนสั่งให้เข้มแข็ง อดทน กล้าหาญต่อทุกสภาวะ พร้อมที่จะเผชิญเหตุการณ์ที่จะเ<WBR>กิด พร้อมเสมอ ไม่ประมาท และพร้อมยอมรับความจริงว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นแต่ผ<WBR>ลกรรมทั้งนั้นแหละมนุษย์เอ๋ย ต่อให้กรรมใดๆ ส่งผลต่อมนุษย์ผู้มีจิตใจอ่อนแอ<WBR>ก็ตามก็ย่อมจะยังประโยชน์สามารถนำสิ่งที่ได้รับกรรมนั้นไ<WBR>ปต่อยอดฝึกฝนตนเองให้มีจิตใจแข็<WBR>งแกร่งมั่นคงยิ่งๆ ขึ้นไปและก็ไม่ต้องคอยมากังวลจิตอดีตและเรื่องที่ยังมาไม่ถึงอยู่ร่ำ<WBR>ไปหรอกนะ สู้เอาเวลาที่ต้องวิตกกังวลทั้ง<WBR>หลายเหล่านั้นมาทำกิจการงานให้มีกินมีใช้ พร้อมทั้งชำระจิตของตนให้ผ่องใส<WBR>อยู่ตลอดเวลานั่นแหละเป็นสิ่งที่ควรทำ สิ่<WBR>งไหนที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์พอที่จะผ่อนหน<WBR>ักผ่อนเบาให้ได้ก็จะฉุดช่วยให้เองโดยไม่ต้องร้องขอ จงทำความดีเข้าสู่จิตทุกวันให้ใ<WBR>ด้มากที่สุดเท่านั้นก็พอ จิตที่ฝึกฝนเป็นอย่างดีแล้วไซร้<WBR>ย่อมเป็นที่พึ่งอันสูงสุดสำหรับ<WBR>ตนเองเช่นกันลูกเอ้ย..แล้วจงเอา<WBR>เหตุแห่งความทุกข์ทั้งปวง เป็นเหตุให้จิตเบื่อหน่ายโลกนี้<WBR> กลับคืนสู่แดนทิพย์อมตะสุขตลอดก<WBR>าลกันเถอะลูกเอ้ย
    ****เป็นคำสอนของสมเด็จพ่อองค์ปฐม ที่สื่อสารพลังงานจิตผ่านจิตของฆราวาสที่ชื่อ ท่าน ช ที่มาของ "นิพพานชาตินี้กันเถอะ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2012
  10. nahpee

    nahpee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    554
    ค่าพลัง:
    +690
    ชาวพุทธ ผู้มีความเชื่อมั่นในอำนาจแห่งค<WBR>ุณพระรัตนตรัยอันประเสริฐ ๓ ประการที่แท้จริง ในเมื่อพระพุทธเจ้า หรือพระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย ต่างสอนสั่งให้มีจิตประกอบด้วย
    ค<WBR>วามเมตตา กรุณา อันหาประมาณมิได้ต่อปวงสรรพชีวิ<WBR>ต หากเป็นไปดังคำพูดนี้แล้วไซร้ เหตุไฉน...! มนุษย์และชาวพุทธที่ยกย่องตนเอง<WBR>ว่า เป็นสัตว์ประเสริฐ แต่กลับประเสริฐแต่ปาก แค่คำพูดจ<WBR>อมปลอมอยู่ร่ำไปเล่า มนุษย์เอ๋ย... ชาวโลกทิพย์(อมนุษย์) ผู้ที่เคยเกิดเป็นมนุษย์ เป็นญาติพี่น้องของพวกเจ้า บัดนี้พวกเขาตายไปจากความเป็น คน<WBR>-สัตว์ แล้วทำไมพวกเจ้า จึงใช้อำนาจของพระรัตนตรัยอันปร<WBR>ะเสริฐ ไปสวดขับไล่ภูติ ผี อมนุษย์ทั้งหลาย เพราะหวังเพียงเพื่อความมีมง<WBR>คลจะบังเกิดแก่ตนเอง และครอบครัว ความสวัสดีมีมงคลจะบังเกิดแก่ตน<WBR>เอง จึงยังส่งเสริมกันให้สวดพระปริต<WBR>รเพื่อขับไล่สิ่งไม่ดี สิ่งที่เรียกว่า อมนุษย์ ผู้ที่เคยเกิดเป็นพ่อแม่ พี่ น้อง ญาติมิตรของพวกเจ้าอยู่เล่า มนุษ<WBR>ย์เอ๋ย...อย่างนี้จะให้ฟ้าดิ<WBR>นได้รับรู้เป็นอย่างไรเล่า พวกเจ้ารักตัวกลัวภัย รักสุขเกลียดทุกข์ เพราะความเห็นแก่ตัวอยู่นั่นเอง<WBR> แล้วจะประกาศต่อฟ้าดินให้เข้าใจ<WBR>ว่า พวกเจ้าเป็นมนุษย์ผู้มีจิตประเส<WBR>ริฐได้อย่างไรหนอ...
    อันบทสวดพระปริตรต่างๆ นั้น แม้ท้าวเวสสุวรรณ จะประพันธ์ขึ้นมาแล้วเพื่อน้อมถวายแต่พระพุทธเจ้า ก็เพียงเพื่อมีไว้ป้องกันเฉพาะอ<WBR>มนุษย์ผู้โหดร้าย พูดไม่รู้ความเท่านั้น รวมทั้งบทอาราธนาคุณความดีของพร<WBR>ะพุทธเจ้า ที่พระอานนท์นำไปทำน้ำมนต์ เพื่อขับไล่อมนุษย์ ผู้รุกรานเบียดเบียนกับมนุษย์ ก็ไม่ใช้สวดพร่ำเพรื่อ จะทำ จะสวดก็ต่อเมื่อมีความจำเป็นเท่<WBR>านั้น หากชาวโลกทิพย์ อมมนุษย์ผู้ไม่รู้ภาษา และไม่เข้าใจในคำว่า เมตตา จึงเบียดเบียนมนุษย์ให้เดือดร้อ<WBR>น เป็นทุกข์...
    เมื่อนั้นแหละมนุษย์จึงค่อยหาทา<WBR>งป้องกัน หาวิธีการ หาคาถา พระปริตรมาสวดขับไล่อมนุษย์ให้พ<WBR>้นไปจากสถานที่ตรงนั้น แต่บัดนี้ชาวพุทธ ที่อ้างตนว่า..เป็นพุทธะ ต่างพากันสวดพระปริตร ชัยมงคลคาถา หรือบทสวดต่างๆ ที่เป็นไปเพื่อขับไล่ ป้องกันชาวโลกทิพย์โดยตรง อย่างนี้แล้วจะไม่ให้ฟ้าดินลง<WBR>โทษพวกเจ้าได้อย่างไรเล่ามนุษย์<WBR>เอ๋ย เจ้าทำร้าย ชาวโลกทิพย์ อมนุษย์ ผู้เคยเกิดเป็นญาติของพวกเจ้า ก็เท่ากันกับว่าพวกเจ้ามีจิตใจโ<WBR>หดร้าย ทารุณ และทำลายธรรมชาติโดยตรง ดิน น้ำ ลม ไฟ ดิน ฟ้า อากาศ ก็เต็มไปด้วยชาวโลกทิพย์ นี่คือความสมดุลย์ของธรรมชาติ เมื่อเจ้าทำลายสิ่งใด สิ่งนั้นย่อมส่งผลกระทบต่อความเ<WBR>ป็นอยู่ของพวกเจ้าโดยตรง อย่างนี้แล้ว.. เจ้าผู้เป็นมนุษย์... ยังจะมีความกล้าเรียกตนเองว่า ชาวพุทธกันอยู่อีกหรือ...?
    มีแต่มนุษย์ผู้รักตัวกลัวภัย รักตัวกลัวตาย รักสุขเกลียดทุกข์ ยกย่องการกระทำของพวกเจ้าต่อไปเ<WBR>ถิด มนุษย์ผู้ประเสริฐเอ๋ย ฟ้า-ดินจักลงโทษพวกเจ้าในวันใดว<WBR>ันหนึ่ง เมื่อถึงเวลานั้น...ก็จงอย่าคร่<WBR>ำครวญหวนให้ต่อว่าฟ้าดินก็แล้วกันลูกเอ้ย..<WBR>.
    ****เป็นคำสอนของสมเด็จพ่อองค์ปฐม ที่สื่อสารพลังงานจิตผ่านจิตของฆราวาสที่ชื่อ ท่าน ช ที่มาของ "นิพพานชาตินี้กันเถอะ"

    ...เรื่องนี้น่าจะจริงเพราะจากประสบการณ์ระยะหลังๆมานี้จะสวดบท บูชาพระรัตนตรัย สมาทานศีล๕ และบทอิติปิโสฯ เท่านั้นและก็อุทิศให้ชาวโลกทิพย์ที่แวดล้อมทั้งหลายทุกสถานที่ๆไปจงรีบมาโมทนารับบุญทั้งที่เป็นญาติและมิใช่ญาติ ซึ่งเราไม่สามารถมองเห็นได้แต่พอสัมผัสได้ก็สบายใจ..ดีกว่ามัวไปกลัวเขาแล้วสวดคาถาป้องกันหรือขับไล่เขาไป

    ตัวอย่างเช่น"ขอบุญของข้าพเจ้าตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบัน จงสำเร็จผล เป็น "ทิพย์สมบัติ"(ทิพย์สมบัติคือนึกได้ตลอดเวลาไม่ต้องขอบ่อยๆ) แก่ชาวโลกทิพย์ที่แวดล้อมอยู่ ณ วัดป่าบ้านหนองผักแว่น ทั้งที่เป็นญาติก็ดีมิใช่ญาติก็ดี(ไม่แน่ว่าอาจจะมีที่เป็นญาติเราในอดีตชาติก็เป็นได้เพราะการดึงจิตให้มาทำบุญอาจเป็นกระแสจากญาติก็ได้รวมทั้งผู้ที่มาร่วมทำบุญกันจากหลายๆที่ก็อาจเคยเป็นญาติกันมาก่อนในอดีตชาติแทบทั้งนั้น) จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด ท่านที่มีทุกข์ขอให้พ้นจากทุกข์ ท่านที่มีสุขขอให้มีสุขยิ่งๆขึ้นไป และเมื่อรับรู้แล้ว จงรีบมาโมทนารับบุญไปทุกๆท่านเทอญ"

    ****นำไปดัดแปลงใช้ได้เวลาสุนัขหอนที่ไหนก็ตาม รีบใช้จิตนึกแล้วให้บุญเขาไปเดี๋ยวเสียงหอนจะหยุดเองแสดงว่าเขารับไปเรียบร้อยแล้วครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2012
  11. ณิช

    ณิช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,391
    รบกวนคุณ danny หรือ คุณ nahpee เรื่องพลังแสงทิพย์นั้น มีวิธีปฏิบัติที่เป็นใจความหลักๆยังไงคะ พอจะแนะนำได้ไหมคะ พอดีณิชเข้าไปในwebแล้วเนื้อหาเยอะมากค่ะ คุณdanny กับ คุณ nahpee ปฏิบัติวิชานี้มานานหรือยังคะ หลังจากที่ปฏิบัติแล้วเป็นไงบ้างคะ ขอบคุณมากค่ะ
     
  12. chocolate kiss

    chocolate kiss Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2011
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +95
    อนุโมทนาสาธุค่ะคุณ Naphee
     
  13. nahpee

    nahpee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    554
    ค่าพลัง:
    +690
    ...อนุโมทนาสาธุครับคุณ ณิชและคุณchocolate kiss
    ...วิธีรับแสงทิพย์อริยธรรมหรือแสงทิพย์ฉัพพรรณรังสีรัศมี ๖ ประการ
    ...หลักง่ายๆในมุมมองและการปฏิบัติของผมเน้นสไตล์ของผม
    ๑. ต้องเชื่อมั่นศรัทธาหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา หรือพระศาสดาตามที่แต่ละท่านนับถือ เช่นชาวพุทธก็พระพุทธเจ้า ชาวคริสต์ก็พระเยซู ชาวอิสลามก็พระอะเลาะห์ ชาวฮินดูก็เทพเจ้าทั้งหลาย ฯลฯ (ทราบว่าเบื้องบนจะลงมาเฉพาะยุคนี้เท่านั้นเพราะภัยพิบัติจากมนุษย์กำลังบ้าคลั่งสุดโต่งกับกิเลสทุกชนิดจนไม่รู้จักดี ชั่ว ไม่สนใจศาสนา สนใจตนเองและกิเลสที่จะได้มา สังเกตุได้มีแต่โฆษณาความอยากทุกชนิดในสื่อต่างๆมากมาย อยากรวย อยากสวย อยากมีอำนาจ อยาก สุขสบายฯลฯ ไม่มีใครอยากทุกข์ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เมื่อความอยากครอบงำจิตใจมนุษย์จึงดิ้นรนแสวงหาลืมถูกลืมผิดจนวันนี้เราเริ่มเห็นภัยพิบัติเข้ามาใกล้ตัวและจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ พระผู้เป็นใหญ่เบื้องบนจึงอาศัยส่งจิตผ่านมนุษย์ที่ไว้ใจได้สื่อสารมาให้รีบทำความดีกันและเบื่อหน่ายต่อการเกิดซะเพราะเกิดเมื่อไรทุกข์เมื่อนั้นและในอนาคตจะยิ่งลำบากมากกว่านี้ จนกว่าจะเข้าสู่ยุคพระศรีอาริยเมตไตรย์ครับ)
    ๒.ยึดพระรัตนตรัยเป็นหลักเร่งปฏิบัติ ทาน ศีล ภาวนา ไว้ตลอดลมหายใจอย่ามัวรีรอว่าจะต้องแก่กว่านี้ถึงจะเริ่มจริงจัง(เวลาไม่คอยท่า)
    ๓. ฝึกดูความจริงเหตุแห่งทุกข์ อย่านำมาเป็นอารมณ์แบบกิเลสมนุษย์ที่เคยชินมานาน เห็นว่าคือครูเพื่อสอนตนเองจะแก้ไขปัญหายังไง
    ๔.การจะปฏิบัติต้องมุ่งเพื่อการหลุดพ้นจาก กิเลส ตัณหา อุปาทาน อวิชชา อกุศลกรรม ฯลฯ เท่านั้นอย่างหวัง ลาภ ยศ สรรเสริญ หรือกิเลสอื่นใด
    ๕. เมื่อภายในจิตเริ่มเข้าใจปล่อยวางให้เกิดความว่างเปล่าไร้สิ่งขุ่นมัวภายในจิต เพราะจิตสะอาดจะได้รับแสงทิพย์ง่ายขึ้น
    ๖. ปฏิบัติสมาธิจะ นั่ง ยืน เดิน นอน แล้วแต่สภาพร่างกายของเราที่ไม่ทุกข์ทรมานจนเกินไป ไม่เช่นนั้นจะยากขึ้นเพราะต้องพิจารณาสังขารที่เวทนาไปด้วยจิตจะไม่นิ่งมัวแต่ไปพะวงกับความปวด เมื่อย(สำหรับมือใหม่หัดนั่ง)
    ๗. ขอขมาพระรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้ากรรมนายเวร ทั้งหลายก่อนการปฏิบัติเพื่อให้จิตสะอาด กรรมที่เราเคยทำไว้กับเขาโดยนึกไม่ออกตั้งแต่ภพใหนต่อภพไหน เผื่อเขาจะได้มาโมทนาให้อภัยอโหสิกรรมให้ จะได้ไม่เป็นอุปสรรคขัดขวางการปฏิบัติ
    ๘.บูชาพระรัตนตรัย สมาทานศีล อิติปิโสฯ พอแล้วครับเริ่มกำหนดจิตนั่งสมาธิต่อได้เลยจะ พุทโธ สัมมาอะระหัง นะโมพุทธายะ ยุบหนอพองหนอ ฯลฯ ที่เคยถนัดตรงจริตอยู่แล้วทำไปครับอย่าไปยึดกับคำบริกรรม เพราะอยู่ที่จิตเราเป็นหลัก แค่รู้ลมหายใจผ่านเข้า- ออกปลายจมูกอย่างไรยังได้เลย
    ๙. นึกถึงครูบาอาจารย์ที่เรานับถือแค่จิตคิดก็เห็นชัดเจนแล้วในมโนภาพของจิต
    ๑๐. อย่าวอกแว่กกับเรื่องภายนอกอยู่กับจิตและคำบริกรรมหรือลมหายใจเท่านั้นถ้ากลัวมีช่องว่างลองบริกรรมเร็วๆเรียกว่าจดจ่อจิตไว้
    ๑๑. พอใจมันว่างๆเบาๆลองสร้างจินตนาการจิตภายในเป็นแสงสว่างวาบๆแบบแสงในหนังจีนกำลังภายในนั่นแหละครับ
    ๑๒. ระลึกถึงองค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธรังสีบรมธรรมบิดา ขอดวงจิตเราที่เป็นแสงสว่างขึ้นไปเฝ้าท่านและขอบารมีแสงทิพย์อริยธรรมจากท่านเพื่อส่องสว่างไปช่วยชาวโลกทิพย์ในสามโลกธาตุ เหมือนปล่อยพลังแสงสว่างออกไปจากจิตเราไกลๆสุดประมาณแบบไฟสปอร์ตไลท์แรงๆสว่างจ้ายิ่งดี ให้ดวงจิตเหล่านั้นเข้าใจพลังแห่งแสงที่จะนำจิตทุกจิตกลับไปยังบ้านเก่าของจิตแรกเดิมทีคือ แดนทิพย์นิพพานอมตะสุขนิรันดร จะได้ไม่ต้องเวียน ว่าย ตาย เกิด ทุกข์ทรมานแบบไม่รู้จบอีกต่อไป
    ...ใหม่ๆอาจจะสับสนมึนงงเล็กน้อย อย่าไปเร่งปฏิบัตินะครับ ค่อยเป็น ค่อยไป ด้วยความเข้าใจและรู้สึกจากจิตภายในตนเองเป็นหลักดีที่สุด
    ...สำคัญที่สุดของที่สุดเลย จิตต้องบอกกับตนเองว่า เบื่อแล้ว การเกิดเป็นมนุษย์ เห็นมีแต่ ทุกข์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สุขที่เห็นก็แค่รางวัลปลอบใจไปวันๆเท่านั้น
    ...ถ้ายังเพลิน ยังติดอยู่กับโลกสมมุติแบบโลกๆที่เคยชินตั้งแต่เกิด และขาดความเชื่อและศรัทธา ไม่เชื่อบุญบาป ไม่เชื่อกฏแห่งกรรม ไม่เชื่อว่าหลังความตาย ยังมีชีวิตที่รออยู่ใน ๓โลกธาตุตามบุญตามกรรมฯลฯ
    ...เหล่านี้คืออุปสรรคครับที่จะเดินทางไปให้ถึงจุดหมาย และต้องเชื่อว่า นิพพาน ไม่ใช่เฉพาะผู้ที่สำเร็จพระอรหันต์เท่านั้น
    ...แต่ฆราวาส ผู้เบื่อหน่ายต่อชีวิตแบบโลกๆ เห็นสิ่งสมมุติทั้งหลายเป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้แน่นอน ทุกอย่างที่สุดคือความว่างเปล่าจริงๆ ต้องตีความตรงนี้ให้ทะลุ
    ...โอกาสบรรลุเป้าหมายมีแน่นอนต้องมั่นใจ หรือถ้าไปไม่ถึงจริง ก็ไม่ลงสู่อบายภูมิอย่างแน่นอนครับ จิตภายในผมเชื่อเช่นนั้นจริงๆ
    ...ฉนั้นจิตสำคัญที่สุด อย่ามัวเพลินส่งออกไปเพลินกับสิ่งสมมุตติภายนอก จิตต้องเข้ามาดูจิตภายในตนเองบ่อยๆ เพื่อให้รู้ตัวเราเองเป็นอย่างไร ดีหรือชั่ว สุขหรือทุกข์
    ...เป็นวิธีของผมคงไม่อาจไปเปรียบเทียบกับใครได้ จริตแต่ละคนไม่เหมือนกัน ความเชื่อไม่เหมือนกัน
    ...ผมใช้วิธีการคนอื่นเพื่อเป็นการต่อยอดสำหรับผมเท่านั้น แล้วลงมือทดลองปฏิบัติถ้ารู้สึกว่าโอเค ก็ปฏิบัติต่อไปเรื่อยๆครับ
    ***การสื่อสารด้วยจิตมีอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคนมาทุกภพทุกชาติแต่มนุษย์หลงลืมเพลินกับกิเลสสมมุติที่มนุษย์สร้างกันขึ้นมา วันนี้ชาวตะวันตกสนใจศึกษาเรื่องความมหัศจรรย์พลังงานของจิตยิ่งกว่าเราชาวพุทธซะอีกถ้าเทียบจำนวน ฉนั้นแค่จิตนึกถึงพระเบื้องบน หรือ เทวดาพรหม หรือ ชาวโลกทิพย์ หรือแม้แต่คนใกล้ชิดที่สุดของเราบางครั้งแค่จิตคิดเขาก็รับต่อให้เราได้อย่างเหลือเชื่อทำนองว่าใจกำลังอยากก็พูดมาพอดีเลย..ไม่ใช่ความบังเอิญครับจิตล้วนๆเคยลองสังเกตุมั๊ย???ยิ่งกับภรรยา หรือสามี หรือลูก จะง่ายมาก..ที่ว่าถูกใจๆกันก็เพราะแบบนี้แหละครับ และที่สงสัยเคลือบแคลงใจก็เพราะความถี่ของจิตที่สื่อกัน ฉนั้นคนที่นอกใจสามี หรือ ภรรยา วันหนึ่งก็ต้องถูกจับได้ไม่มีพลาด หรือถ้าเฉยเพราะฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ต้องการให้เกิดปัญหา แต่ปิดไม่มิดครับรับประกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2012
  14. พระจิรวัฒน์ ญาณวโร

    พระจิรวัฒน์ ญาณวโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    5,029
    ค่าพลัง:
    +17,452
    พลังจิตนั้นมีอยู่จริง...บางครั้งอาตมานั้งสมาธิอยู่ หรือเเม้เเต่กำลังจะโทรศัพท์หาโยมที่เรากำลังมีเรื่องจะคุย...
    คนนั้นโทรมาพอดีเลย หรือบางครั้งบางเเห่งบางที่เเม้พึ่งเคยไปครั้งเเรก
    เเต่คล้ายๆว่าเราเคยไปมาเเล้ว มีอยู่หลายครั้งที่เป็นอย่างนี้ สถานที่บางเเห่งคุ้นๆเหมือนเคยได้อยู่มาก่อน
    ทั้งๆที่เคยไปครั้งเเรก...เรื่องพวกนี้ ไม่ไช่อุปาทาน ทั้งหมดที่กล่าวมาคือ ปัจจัตตังวิญญูหิทั้งสิ้นคุณโยม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2012
  15. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    อนุโมทนากับงานบุญของวัดป่าทั้งมวลครับ ความจริงเรื่องพลังแสง
    ทิพย์มันไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร อธิบายก่อนว่าตัวเราจะมีพลังงานอยู่
    ไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ ต้นไม้ สิ่งของ พลังงานนี้จะส่งออกไปทัวทั้ง
    จักรวาลอยู่แล้ว แต่พลังนี้จะหนาแน่นอยู่รอบตัวเราแบบที่เราถ่าย
    ภาพออร่าแล้วเห็นสีแบบนั้นแหละครับ สิ่งที่จะทำให้พลังนั้นสั่นด้วย
    ความถี่ต่างจากเดิม หรือความเร็วเปลี่ยนได้ก็เช่น ความคิด อารมณ์
    ความรู้สึก การพูด การกระทำ ดังนั้นทุกที่เลยไม่ว่าจะที่ไหนก็มีพลัง
    งานของเราและคนอื่นอยู่ในที่นั้น ถ้าคนที่ความรู้สึกไวจะสามารถ
    สัมผัสได้ว่าคนอื่นคิดอะไรแม้อยู่ห้างกันข้ามโลก คล้ายกับคลื่นวิทยุ
    แบบนี้ครับ เหมือนกับที่หลวงปู่มั่นพิจารณาว่าสวดมนต์ในใจมีอานุภาพ
    แผ่ไปได้หมื่นจักรวาล สวดมนต์ออกเสียงพอฟังได้มีอานุภาพแผ่ไปได้
    แสนจักรวาล แบบนี้ครับ ในกรณีนี้ความคิด การพูดเป็นตัวปรับความถี่
    และความเร็ว แม้แต่คนที่ไม่ได้มีสัมผัสพิเศษอะไรเลยก็สัมผัสได้เช่น
    บางสถานที่เราเข้าแล้วรู้สึกแน่น ไม่สบายตัว บางสถานที่โปร่งเบา
    สบาย เพราะพลังงานของทุกชีวิตทุกจิตวิญญาณนั้นเชื่อมกันหมด
    พลังแสงทิพย์ก็เหมือนกันเป็นพลังของสมเด็จองค์ปฐมท่านแผ่ไปทั่ว
    แสนโกฏโลกธาตุอยู่แล้ว เหมือนกับฉัพพรรณรังษีของพระพุทธเจ้า
    ทุกๆ พระองค์ แต่ที่เรายังรับไม่ได้เพราะเรายังไม่รู้ว่าเราสามารถทำได้
    และทำมาตลอด การรับพลังง่ายๆ ก็มองภาพของสมเด็จองค์ปฐมที่
    ห้อยพระบาทให้ใจเราเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ท่าน อย่าใช้ความคิด
    ให้ใช้ความรู้สึกว่าแสงนั้นผ่านจากกลางศีรษะทะลุตัวลงไป จะลองกับ
    ใครก็ได้ครับความจริงแต่อย่าใช้ความคิดให้ใช้ความรู้สึก
     
  16. nahpee

    nahpee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    554
    ค่าพลัง:
    +690
    ...อนุโมทนาสาธุครับ ท่านพระอาจารย์
    ...เรื่องจิตเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้แต่เพราะตัวกิเลสภายในเรามีมากกว่า
    ...ก็เลยไปปิดกั้นกระแสพลังงานตรงนี้ให้ลดลงไป
    ...ไม่ต้องอะไรหรอกครับ บางครั้งรับโทรศัพย์ยังไม่ทันดูเบอร์ก็รู้ว่าพระอาจารย์คงโทรมาก็มี
    ...จิตจริงๆมันเร็วมากจนทำให้เราคิดว่าเป็นความบังเอิญ
    ...แต่จิตของเราถ้าฝึกบ่อยๆคงสนุกสนานกว่านี้แบบครูบาอาจารย์หลายๆท่าน
    ...ท่านเห็นก็รู้แล้วว่าเราคิดอะไรอยู่ ฉนั้นการคิดอกุศลแล้วไปกราบไหว้ครูบาอาจารย์ที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
    ...ก็ระมัดระวังกันด้วยอย่านำจิตที่เป็นอกุศลเข้าไปนะครับ
    ...รวมทั้งชาวโลกทิพย์ที่แวดล้อมเราอยู่ทุกหนทุกแห่งด้วย
    ...อยู่ที่ไหนก็มีทั้งนั้นแหละครับ
     
  17. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    นางอุตตรามองเห็นนางสิริมาตั้งแต่เดินลงมาจากเรือนลำดับจนมุ่งหน้ามาที่นาง
    จึงแผ่เมตตาจิตไปสู่นางสิริมา ด้วยคิดว่า

    “หญิงผู้นี้มีคุณต่อเราอย่างมาก เราได้อาศัยนางจึงมีโอกาสทำบุญถวายทานและ
    ฟังธรรมโดยสดวกทุกวันตลอดมา หากประมาณคุณอันยิ่งใหญ่ที่นางมีต่อเรา
    โดยเอาจักรวาลเป็นความกว้าง จักรวาลก็แคบเกินไป เอาพรหมโลกเป็นความสูง
    พรหมโลกก็ต่ำนักอีก ฉะนั้น หากนางคิดโกรธเคืองเราด้วยเรื่องใดก็ตาม และเรา
    ไม่โกรธตอบต่อนาง ถึงนางจะราดรดเราด้วยเนยใสเช่นนั้น ขอให้เราอย่าต้อง
    ร้อนเลย แต่หากเราโกรธนางตอบ ก็จงให้ต้องร้อนเพราะถูกนางราดรดเราด้วย
    เนยใสซึ่งเดือดพล่าน ตามที่นางมุ่งประทุษร้ายเราเถิด”
    ดังนี้

    นางสิริมา ได้จับกระบวยตักน้ำมันที่กำลังเดือดอยู่ในกระทะแล้ว เทราดลงบน
    ศีรษะของนางอุตตราที่กำลังเข้าฌาณและแผ่เมตตาจิตอยู่
    ด้วยอำนาจแห่ง
    เมตตาฌาณบันดาลให้น้ำมันที่กำลังร้อนจัดนั้นได้ปราศจากความ ร้อน และไหล
    ตกไปประหนึ่งน้ำตกจากใบบัว
    เหล่านางทาสีของนางอุตตราที่ทำงานอยู่ในโรง
    ครัวเห็นเช่นนั้นต่างมีความโกรธ เคือง ที่นางสิริมามุ่งประทุษร้ายนายหญิงของ
    ตน จึงกรูเข้ามาจับ นางสิริมา แล้วทุบตี จนนางสิริมาบอบซ้ำทั้งตัว นางอุตตรา
    รีบเข้าห้าม และสั่งให้พวกทาสีเหล่านั้นให้นำพานางสิริมาไปอาบน้ำ ทายา
    รักษาบาดแผลอันฟกช้ำที่เกิดแก่นางสิริมา
     
  18. พระจิรวัฒน์ ญาณวโร

    พระจิรวัฒน์ ญาณวโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    5,029
    ค่าพลัง:
    +17,452
    ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย
    เเละบุญกุศลที่บำเพ็ญนี้
    จงบันดาลให้ท่านเจริญด้วย
    อายุ วรรณะ สุขะ พละ
    ปฏิภาน ธนสารสมบัติ
    เเละประสบสิ่งอันพึงปรารถนา
    ทุกทิพาราตรีกาลเทอญ
     
  19. nahpee

    nahpee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    554
    ค่าพลัง:
    +690
    แม่ชีน้อย - YouTube

    ...ลองฟังแม่ชีน้อย กันครับมีโอกาสได้คุยกันช่วงกลางคืนมีประมาณ 3-4 ตอน
     
  20. พระจิรวัฒน์ ญาณวโร

    พระจิรวัฒน์ ญาณวโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    5,029
    ค่าพลัง:
    +17,452
    พระป่าในที่นี้ หมายถึงพระที่อยู่ตามธรรมชาติ ดำรงชีวิตอยู่ตามป่าเขา ลำเนาไพร ฉันง่าย อยู่ง่าย เน้นความวิเวก สงบจิตสงบใจ ปฏิบัติธรรมเพื่อมุ่งสู่พระนิพพาน ท่านบวชด้วยความเชื่อ ความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา มีเจตนาบวชด้วยความบริสุทธิ์ใจ บวชเเล้วมุ่งดำเนินตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าผู้เป็นศาสดาเอก ท่านที่จะเป็นพระป่าเเท้ ท่านตั้งใจบวชเพื่อหนีจากวัฏสงสาร หนีจากกองทุกข์คือการเวียนว่าย ตายเเล้วเกิด บวชเพื่อเเสวงหาบรมสุข ที่ท่านเรียกว่าพระนิพพาน ซึ้งเป็นความสุขที่บริสุทธิ์สมบูรณ์ จะหาความสุขในโลกนี้หรือโลกไหนๆมาเปรียบเทียบไม่ได้ ตามพุทธประวัติที่ท่านทั้หลายได้เล่าเรียนมา พระพุทธเจ้าของพวกเรา ทรงเสด็จออกบวชเพื่อเเสวงหาทางพ้นทุกข์ พระพุทธองค์ทรงพากเพียรพยายามสร้างพระบารมีมาได้ 4อสงไขยกำไรเเสนมหากัป จนเต็มเปี่ยมครบถ้วนบริบูรณ์ด้วยพระบารมีเเล้ว พระองค์จึงได้ตรัสรู้ธรรม อริยสัจ4 ได้เเก่ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ในวันเพ็ญเดือนหก ตรัสรู้ใต้ร่ม พระศรีมหาโพธิ์ ที่พุทธบริบัททั้งหลาย ถือเป็นไม้มงคล ไม้ศักดิ์สิทธิ์เคียงคู่พระพุทธศาสนา มาจนถึงทุกวันนี้..การที่คุณโยมnahpee มีความเห็นว่าวัดป่าบ้านหนองผักเเว่น ควรที่จะปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์นั้น จึงดีเเล้ว ชอบเเล้ว อาตมาภาพขอเสนอให้ปลูกในวันที่26 ก.พ.2555 อาตมาคิดไว้ที่99ต้นคุณโยมเห็นสมควรว่าอย่างไร...อาตมาจะนิมนต์ ท่านหลวงปู่ดีปลูกต้นที่1 หลวงปู่บัว ปลูกต้นที่2 อาตมาภาพพระจิรวัฒน์ ญาณวโร ขอจองต้นที่3 ส่วนต้นกล้าของต้นพระศรีมหาโพธิ์ อาตมากำลังติดต่อขอซื้อที่อำเภอ หนองพอก เเต่ยังไม่ทราบราคา เเต่คิดว่าไม่เเพงคุณโยม...
     

แชร์หน้านี้

Loading...