ใครกราบไหว้พระพุทธรูปเรียนเชิญ...ครับ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 15 ธันวาคม 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    เท่าที่ผมรู้มีอยู่สองวัด ที่สอนว่าพระพุทธรูปไม่ใช่ศาสนาพุทธ แต่สองวัดนี้ก็ยังเห็นไม่ตรงกัน วัดหนึ่งบอกสวดปาติโมกข์ 150 ข้อ อีกวัดหนึ่งบอกสวดปาติโมกข์ 227 ข้อ แต่ทั้งสองวัดสอนตรงกัน (เอาคำพระไตรปิฏกมาบอกสอน) ผมหาในพระไตรปิฏก อ่านตอนแรกสวด 227 ข้อน่าจะถูกพออ่านอีกรอบ 150 ข้อน่าจะถูก ตอนนี้ไม่รู้ ผมให้ถูกทั้งสองวัดเลย เพราะท่านสอนตรงกันว่าศีลพระสงฆ์มีศิลหลายพันข้อต้องรักษา ไม่ใช้แค่ 227 ข้อที่เอามาสวด

    ปล. ผมไม่ใช่ศิษย์วัดสามแยก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2011
  2. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ผมยึดมั่นอย่างมั่นคงในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ครับ
     
  3. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,300
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,126
    ขอถามครับ

    อ้างอิงถึง
    "เท่าที่ผมรู้มีอยู่สองวัด ที่สอนว่าพระพุทธรูปไม่ใช่ศาสนาพุทธ..."

    ไม่ทราบว่า วัดทั้งสองวัดที่ว่ามานั้นได้บอกหรือเปล่าครับว่าศาสนาพุทธ นั้นเป็นอย่างไรครับ ? ผมก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยอยากรู้บ้างครับ

     
  4. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระพุทธเจ้าเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ได้โดยพระองค์เอง ทรงค้นพบหนทางสู่การพ้นทุกข์อันได้แก่อริยสัจ ๔ และอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ
     
  5. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ปฏิจจสมุปบาท อนุโลม
    เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร
    เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ
    เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป
    เพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ
    เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ
    เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา
    เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา
    เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน
    เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ
    เพราะภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ
    เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงมีชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส
    เป็นอันว่ากองทุกข์ทั้งมวลนั่นย่อมเกิด ด้วยประการฉะนี้

    ปฏิจจสมุปบาท ปฏิโลม
    อนึ่ง เพราะอวิชชานั่นแหละดับโดยไม่เหลือด้วยมรรคคือวิราคะ สังขาร จึงดับ
    เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ
    เพราะวิญญาณดับ นามรูปจึงดับ
    เพราะนามรูปดับ สฬายตนะจึงดับ
    เพราะสฬายตนะดับ ผัสสะจึงดับ
    เพราะผัสสะดับ เวทนาจึงดับ
    เพราะเวทนาดับ ตัณหาจึงดับ
    เพราะตัณหาดับ อุปาทานจึงดับ
    เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ
    เพราะภพดับ ชาติจึงดับ
    เพราะชาติดับ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส จึงดับ
    เป็นอันว่ากองทุกข์ทั้งมวลนั่นย่อมดับ ด้วยประการฉะนี้

    ผู้ใดเข้าใจปฏิจจสมุปบาท ผู้นั่นเห็นธรรม
    ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นปฏิจจสมุปบาท

    ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นคถาคต
     
  6. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าแม้ภิกษุจับที่ชายสังฆาฏิแล้วพึงเป็นผู้ติดตามไปข้างหลังๆ
    เดินไปตามรอยเท้าของเราอยู่ไซร้ แต่ภิกษุนั้นเป็นผู้มีอภิชฌาเป็นปรกติ มีความกำหนัดแรงกล้า
    ในกามทั้งหลาย มีจิตพยาบาท มีความดำริแห่งใจชั่วร้าย มีสติหลงลืม ไม่รู้สึกตัว มีจิตไม่ตั้ง
    มั่น มีจิตหมุนไปผิด ไม่สำรวมอินทรีย์ โดยที่แท้ ภิกษุนั้นอยู่ห่างไกลเราทีเดียว และเราก็อยู่
    ห่างไกลภิกษุนั้น ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะภิกษุนั้นย่อมไม่เห็นธรรม เมื่อไม่เห็นธรรมย่อม
    ชื่อว่าไม่เห็นเรา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าแม้ภิกษุนั้นพึงอยู่ในที่ประมาณ ๑๐๐โยชน์ไซร้ แต่
    ภิกษุนั้นเป็นผู้ไม่มีอภิชฌา ไม่มีความกำหนัดอันแรงกล้าในกามทั้งหลาย ไม่มีจิตพยาบาท ไม่มี
    ความดำริแห่งใจชั่วร้าย มีสติมั่น รู้สึกตัวมีจิตตั้งมั่น มีจิตมีอารมณ์เป็นอันเดียว สำรวมอินทรีย์
    โดยที่แท้ ภิกษุนั้นอยู่ใกล้ชิดเราทีเดียว และเราก็อยู่ใกล้ชิดภิกษุนั้น ข้อนั้นเพราะเหตุไร
    เพราะภิกษุนั้นย่อมเห็นธรรม เมื่อเห็นธรรมย่อมชื่อว่าเห็นเรา ฯ
     
  7. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานาปานสติ อันภิกษุเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว
    อย่างไร ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ อยู่ในป่าก็ดี นั่งคู้บัลลังก์ ตั้ง
    กายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า เธอมีสติหายใจออก มีสติหายใจเข้า เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัด
    ว่าหายใจออกยาว เมื่อหายใจเข้ายาวก็รู้ชัดว่า หายใจเข้ายาว เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่า หาย
    ใจออกสั้น เมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่า หายใจเข้าสั้น ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้รู้แจ้งกาย
    ทั้งปวงหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้รู้แจ้งกายทั้งปวงหายใจเข้า ย่อมสำเหนียกว่า
    เราจักเป็นผู้ระงับกายสังขารหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจัก เป็นผู้ระงับกายสังขารหายใจ
    เข้า ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งปีติหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งปีติหายใจเข้า
    ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งสุขหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งสุขหายใจเข้า ย่อม
    สำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งจิตสังขารหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักรู้แจ้งจิตสังขารหายใจเข้า
    ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้ระงับจิตสังขารหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับจิต
    สังขารหายใจเข้า ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้รู้แจ้งจิตหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจัก
    เป็นผู้รู้แจ้งจิตหายใจ เข้า ย่อมสำเหนียกว่า เราจักทำจิตให้บันเทิงหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า
    เราจักทำจิตใจให้บันเทิงหายใจเข้า ย่อมสำเหนียกว่า เราจักตั้งจิตมั่นหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า
    เราจักเปลื้องจิต หายใจเข้า ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นโดยความเป็นของไม่เที่ยง
    หายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นโดยความเป็นของไม่เที่ยงหายใจเข้า ย่อม
    สำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นโดยความคลายกำหนัดหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจัก
    พิจารณาเห็นโดยความคลายกำหนัดหายใจเข้า ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นโดยความ
    ดับหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณาเห็นโดยความดับหายใจเข้า ย่อมสำเหนียกว่า
    เราจักพิจารณาเห็นโดยความสละคืนหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่าเราจักพิจารณาเห็นโดยความสละ
    คืนหายใจเข้าดูกรภิกษุทั้งหลาย อานาปานสติ อันภิกษุเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้วอย่างนี้แล
    ย่อมมีผลมากมีอานิสงส์มาก.

    ว่าด้วยโพชฌงค์
    [๑๓๐๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานาปานสติ อันภิกษุเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว
    ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก.
     
  8. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกท่านพระอานนท์มารับสั่งว่า ดูกรอานนท์ ไม้สาละ
    ทั้งคู่ เผล็จดอกบานสพรั่งนอกฤดูกาล ร่วงหล่นโปรยปรายลงยังสรีระของ ตถาคตเพื่อบูชา แม้
    ดอกมณฑารพอันเป็นของทิพย์ ก็ตกลงมาจากอากาศ ดอก มณฑารพเหล่านั้น ร่วงหล่นโปรยปราย
    ลงยังสรีระของตถาคตเพื่อบูชา แม้จุณแห่ง จันทน์อันเป็นของทิพย์ ก็ตกลงมาจากอากาศ จุณแห่ง
    จันทน์เหล่านั้น ร่วงหล่น โปรยปรายลงยังสรีระของตถาคตเพื่อบูชา ดนตรีอันเป็นทิพย์เล่าก็
    ประโคมอยู่ใน อากาศ เพื่อบูชาตถาคต แม้สังคีตอันเป็นทิพย์ก็เป็นไปในอากาศเพื่อบูชาตถาคต
    ดูกรอานนท์ ตถาคตจะชื่อว่าอันบริษัทสักการะ เคารพ นับถือ บูชา นอบน้อม ด้วยเครื่อง
    สักการะประมาณเท่านี้หามิได้ ผู้ใดแล จะเป็นภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก หรืออุบาสิกาก็ตาม เป็น
    ผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตาม ธรรมอยู่ ผู้นั้นย่อมชื่อว่าสักการะ เคารพ
    นับถือ บูชาตถาคตด้วยการบูชาอย่างยอด เพราะเหตุนั้นแหละอานนท์ พวกเธอพึงสำเหนียก
    อย่างนี้ว่า เราจักเป็นผู้ปฏิบัติ ธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบ ประพฤติตามธรรมอยู่
    ดังนี้ ฯ
     
  9. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    [๑๘๑] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
    ชีวิตนี้น้อยหนอ มนุษย์ย่อมตายภายในร้อยปี แม้หากว่ามนุษย์ใดย่อม
    เป็นอยู่เกินไป มนุษย์ผู้นั้นย่อมตายเพราะชราโดยแท้แล.
    ว่าด้วยชีวิตเป็นของน้อย
    [๑๘๒] คำว่า ชีวิตนี้น้อยหนอ มีความว่า ศัพท์ว่า ชีวิต ได้แก่อายุ ความตั้งอยู่
    ความดำเนินไป ความให้อัตภาพดำเนินไป ความเป็นไป ความหมุนไป ความเลี้ยง ความเป็น
    อยู่ ชีวิตินทรีย์ อนึ่ง ชีวิตน้อย คือชีวิตนิดเดียวโดยเหตุ ๒ ประการ คือ ชีวิตน้อยเพราะ
    ตั้งอยู่น้อย ๑ ชีวิตน้อยเพราะมีกิจน้อย ๑.
     
  10. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเตือนภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราขอ
    เตือนพวกเธอ สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมเป็นธรรมดา พวกเธอจงยัง ความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม
    ความปรินิพพานแห่งตถาคต จักมีในไม่ช้า โดย ล่วงไปอีกสามเดือนแต่นี้ ตถาคตก็จักปรินิพพาน ฯ
    พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้ว จึงได้ ตรัสพระคาถา
    ประพันธ์ต่อไปอีกว่า
    [๑๐๘] คนเหล่าใด ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ ทั้งพาลทั้งบัณฑิต ทั้งมั่งมี ทั้งขัดสน
    ล้วนมีความตายเป็นเบื้องหน้า ภาชนะดินที่นายช่าง หม้อกระทำแล้ว ทั้ง
    เล็กทั้งใหญ่ ทั้งสุกทั้งดิบ ทุกชนิด มีความแตกเป็นที่สุด ฉันใด ชีวิต
    ของสัตว์ทั้งหลายก็ฉันนั้น ฯ
    พระศาสดาได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า วัยของเรา แก่หง่อมแล้ว
    ชีวิตของเราเป็นของน้อย เราจักละ พวกเธอไป เรากระทำที่พึ่งแก่ตนแล้ว
    ดูกรภิกษุทั้งหลายพวกเธอจงเป็นผู้ไม่ประมาท มีสติ มีศีล อันดีเถิด จงเป็น
    ผู้ มีความดำริตั้งมั่นดีแล้ว ตามรักษาจิตของตนเถิด ผู้ใด จักเป็น
    ผู้ ไม่ประมาท อยู่ในธรรมวินัยนี้ ผู้นั้นจักละชาติสงสาร แล้วกระทำที่สุด
    แห่งทุกข์ได้ ดังนี้ ฯ
     
  11. guaregod

    guaregod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    962
    ค่าพลัง:
    +1,009
    พระองค์เล็กไม่อยากได้ครับ อยากได้องค์ใหญ่ๆ มีแจกมั้ยครับ
     
  12. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ฝุ่นเล็กน้อย
    ที่เราช้อนขึ้นไว้ที่ปลายเล็บนี้กับมหาปฐพีนี้ อย่างไหนมากกว่ากัน ฯ
    ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ มหาปฐพีนั่นแหละมากกว่า ฝุ่นเล็กน้อย
    ที่พระผู้มีพระภาคทรงช้อนขึ้นไว้ที่ปลายพระนขานี้มีประมาณน้อยย่อมไม่ถึงแม้ซึ่งการนับ ย่อม
    ไม่ถึงแม้ซึ่งการเทียบเคียง ย่อมไม่ถึงแม้ซึ่งส่วนแห่งเสี้ยว เพราะเทียบมหาปฐพีเข้าแล้ว ฝุ่นที่
    พระผู้มีพระภาคทรงช้อนขึ้นไว้ที่ปลายพระนขามีประมาณเล็กน้อย ฯ
    [๖๖๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตว์กลับมาเกิดในหมู่มนุษย์มีประมาณน้อย สัตว์ไปเกิดใน
    กำเนิดอื่นจากมนุษย์มีมากกว่ามากทีเดียว ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะเหตุดังนี้นั้น เธอทั้งหลาย
    พึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักเป็นผู้ไม่ประมาท ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่าง
    นี้แหละ ฯ
     
  13. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    มีอยู่ครับ พระพุทธรูปวัดใหญ่ชัยมงคล จ.อยุธยา ครับ
     
  14. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    เพื่อไม่เป็นการช้าไป ท่านสังเกตกันดี ๆ ผมชี้ทางไว้ ใครหาเจอก็มารับไปครับ
     
  15. surer

    surer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    1,508
    ค่าพลัง:
    +1,317
    ถ้าเอาตามหลัก พระไตรปิฎก แล้ว ท่านไม่ได้สอนให้ไหวพระพุทธรูปครับ
     
  16. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571
    เรื่องจิต เกิดดับ นี่นะท่าน ด้วยปัญญาอันน้อยนิด ขออธิบายว่า


    จิตของคนเรา คนธรรมดานี่แหละ

    มัน เกิด และดับ ตลอดเวลา สังเกตุดู

    เช่น ขณะหนึ่ง ได้ยินคนเขาด่า หรือเห็นคนเขากล่าวถึงในทางไม่ดี

    คนที่ได้ยิน เกิดจิตโกรธ ขึ้นมาทันที ....... แล้วยังไงต่อ
    -- คนธรรมดา จิตโกรธเกิดขึ้น แล้วคงอยู่อย่างนั้น นานเป็นชั่วโมง เป็นวัน
    เพราะไม่รู้ ว่า ที่โกรธน่ะ จิตโกรธมันเกิดขึ้น
    -- คนฝึกวิปัสนา จิตโกรธเกิดขึ้น รู้ตัวว่ามันเกิดขึ้น ตัดทัน มันก็ดับไป ภายในเวลาไม่นาน เช่น 10 นาที

    -- ตัดทัน ดับจิตโกรธไปแล้ว หากมีวิบากกรรม เดี๋ยว จิตโกรธ เกิดขึ้นมาใหม่

    เช่น .. วันนั้น ไอ้คนนั้นมันด่าเรา นึ้แล้วยังโกรธอยู่ แค้นใจจริงๆ ( เพราะวิบาก)


    -- ตัดทัน ไร้วิบากกรรม จิตโกรธ ตัดและดับไปแล้ว ตั้งแต่ 5 นาที 10 นาทีแรกที่มันเกิดขึ้นมา ..... แล้วจิตก็เกิดเป็นอย่างอื่น เช่น เห็นของกินอร่อยๆ แล้วอยากกิน
    ..... เห็นงาน ก็ไปคิดเรื่องงาน ไม่หลงเหลือ จิตโกรธที่เขาด่านั้นเลย


    -- อริยบุคคล จิตโกรธ เกิดขึ้น ตัดทัน ดับทัน ภายในเวลาสั้นมากๆ อาจไม่ถึง 1 นาที

    -- อริยบุคคลระดับสูง จิตโกรธเกิดขึ้นแล้วดับทันที หรืออาจไม่เกิดเลย

    ________________________________________

    เปรียบเที่ยบให้เห็นง่ายๆ ด้วย หลอดไฟฟ้า หลอดนีออนยาวๆ...................

    แสงสว่าง----------> เปรียบกับ จิตที่เกิดขึ้น เช่น สุข ทุกข์ โกรธ โลภ รัก ต่างๆ

    คนธรรมดา..... เมื่อ จิตต่างๆเกิดขึ้น เหมือน เปิดไฟค้าง สว่างอยู่อย่างนั้น

    คนฝึกวิปัสนากรรมฐาน ...... เมื่อเห็นว่า จิตต่างๆเกิดขึ้น เหมือน เปิดไฟ ก็ ปิดไฟซะ

    คนมีวิบากกรรม.......... ปิดไปแล้ว เดี๋ยวก็ ไปเปิดมันขั้นมาใหม่

    อริยบุคคล...... เมื่อเห็นหลอดไปเปิด ก็ปิดไฟได้เร็ว กว่า คนธรรมดา

    อริยบุคคลระดัสูง..... ปิดเร็วมากจนแทบไม่ทันเห็นแสงสว่าง ส่องออกมา
    ( แทบไม่เห็น จิตโกรธ จิตรัก จิตทุกข์ จิตสุข)
    คนทั่วไปอาจเห็นว่า ท่านไม่ ทุกข์ ไม่สุข ไม่โกรธ เพราะ
    ท่าน เร็วมากๆ

    อรหันต์..........> ไม่เปิดไฟ เลยไม่ต้องใช้ความไว ในการปิดไฟ
    ไม่เกิด จิตทุกข์ จิตสุข
     
  17. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ผมกลับมาดูที่บ้าน พระอู่ทองวันใหญ่ชัยมงคลครับ ถ้าท่าน guaregod จะรับไปช่วยแสดงเจตนาด้วยครับ

    การรับพระพุทธรูปผมจะให้เบอร์ messenger ไปแล้วท่านนัดสถานที่กันเอง ท่านกับผมรู้จักตัวปลอมกันก็พอครับ ฝากท่านช่วยค่าน้ำมันให้ messenger ด้วยครับ เป็น messenger ของบริษัทฯ ผมให้เขาช่วยส่งให้ แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นครับ
     
  18. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ผู้รู้ชอบอ่อนน้อม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2011
  19. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ท่าน surer ครับ พระกริ่งวัดสุทัศนฯ องค์ที่สองผมให้ท่านครับ
     
  20. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ท่าน sutanon ครับ ผมมีพระไพรีพินาศอยู่หนึ่งองค์ ผมให้ท่าน sutanon ครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...