-> ตีแผ่ --> สมเด็จวังหน้า + สมเด็จวัดพระแก้ว + สมเด็จพระธาตุพนม

ขอโทษครับ หายไปนานเลย
พอดีไปอ่านเจอ การปฏิสังขรณ์วัดพระแก้วมรกต(วัดพระศรีรัตนศาสดาราม) ในสมัยัชกาลที่ 4 เลยติดพันอยู่นานเลย
เอามาลงพอให้อ่านเพื่อพิจารณาว่า
มีพระสมเด็จ "แตกกรุ" จากเพดานโบสถ์ และ จากเจดีย์ทอง หรือไม่
(ไม่ได้พิมพ์ผิดพิมพ์ถูกนะครับ เอามาจากต้นฉบับเลย)​

h ttp://ebook.lib.cmu.ac.th/full/inter/rare/2465/rare0403_2465.htm<O</O

หน้า ๖๔<O</O​

พระอารามหลวงในกรุง ฯ ที่ได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์ คือ​

๑ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

โปรดให้ถมที่ต่อฐานทักษิณพระมณฑปออกไปทั้งด้านตวันออกแลด้านตวันตก ทำพนักศิลา ล้อมทั้ง ๒ ชั้น

สร้างประตูซุ้มมณฑปประดับกระเบื้องที่บรรไดขึ้น ๖ ประตู แล้วสร้างพระระเบียงวัด ตรงด้านสกัดฐานทักษิณที่ต่อใหม่นั้น ต่อเปนคดขยายที่ออกไปทั้งด้านตวันออกแลด้าน ตวันตก ทางด้านตวันออกทำประตูซุ้มมงกุฏ ประดับกระเบื้องที่พระระเบียง แลมีพลับพลาเปลื้องเครื่องอยู่ข้างประตูข้างละหลัง ทางด้าน ตวันตกทำประตูหลังคาจัตุรมุขมีพลับพลาเปลื้องเครื่องข้างเหนือประตูหลัง ๑

<O</O
บนลานทักษิณพระมณฑปที่ต่อใหม่ทางด้านตวันออกสร้างปราสาทยอดปรางค์องค์ ๑ประดับกระเบื้องทั้งฝาผนังแลยอดปรางค์พระราชทานนามว่าพระพุทธปรางค์ปราสาท ( คือปราสาทพระเทพบิดรเดี๋ยวนี้ ) ทรงก่อฤกษ์เมื่อเดือน ๖ แรม ๙ ค่ำ ปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๙๘ เดิมทรงพระราชดำริห์จะให้เปนที่ประดิษฐานพระแก้วมรกฎแต่เมื่อสร้างขึ้นแล้วเห็นไม่พอที่จะทำการพระราชพิธีต่าง ๆ จึงไม่ได้เชิญพระแก้วมรกฎมาดังทรงพระราชดำริห์ไว้แต่เดิม

<O</O
ทางด้านตวันตกพระมณฑปนั้น โปรดให้สร้างเจดีย์ตามแบบพระมหาสถูปในวัดพระศรีสรรเพ็ชญ์ที่กรุงเก่าองค์ ๑ ทรงก่อฤกษ์เมื่อเดือนยี่แรม ๑๑ ค่ำ ปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๙๘ทรงขนานนามว่าพระศรีรัตนเจดีย์ ( แต่พึ่งประดับกระเบื้องทองเมื่อในรัชกาลที่ ๕ )<O</O

๖๕<O</O​

พระมณฑปของเดิมซึ่งสร้างเมื่อรัชกาลที่ ๑ นั้น โปรดให้ซ่อมแซมเครื่องบนใหม่ แลพื้นข้างในพระมณฑปเดิมคาดแผ่นเงิน โปรดให้สานเปนเสื่อเงินปูแทน

<Oที่มุมพระระเบียงข้างน่าพระอุโบสถโปรดให้สร้างมณฑปยอดปรางค์หลัง ๑ เปนที่ประดิษฐานพระเจดีย์โบราณ ซึ่งเชิญลงมาแต่เมืองเหนือข้างน่ามณฑปนั้นลงมาสร้างหอพระยอดปรางค์อิกหลัง๑เปนที่ประดิษ ฐานพระคันธารราษฎ ( แต่การประดับกระเบื้องทำต่อเมื่อในรัชกาลที่ ๕ ) แล้วโปรดให้ทำแท่นปูแผ่นมะนังศิลาของสมเด็จพระร่วงไว้ข้างน่าหอพระนั้น

<O</O
ทางด้านใต้พระอุโบสถโปรดให้สร้างหอระฆังใหม่ ( เข้าใจว่าตรงที่หอระฆังเดิม )

<O</O
ข้างหลังพระอุโบสถโปรดให้สร้างมณฑปยอดปรางค์ประดับกระเบื้องเปนที่ประดิษฐานพระปรางค์ของโบราณ พระราชทานนามว่า พระโพธิธาตุพิมาน แลสร้างหอพระข้างละหลัง หลังข้างเหนือเปนที่ไว้พระพุทธรูปปางต่าง ๆ ซึ่งทรงพระราชอุทิศถวายสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินครั้ง กรุงเก่า พระราชทานนามว่า หอราชกรมานุสร

ฝาผนังข้างในโปรดให้พระอาจารย์อิน วัดราชบุรณะ( เรียกกันว่า ขรัวอินโข่ง เปนช่างเขียนภาพไม่มีตัวสู้ในสมัยนั้น.) เขียนเรื่องพระราชพงษาวดารครั้งกรุงศรีอยุธยา

หอข้างใต้เปนที่ไว้พระพุทธรูปปางต่าง ๆ ทรงพระราชอุทิศถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในกรุงรัตนโกสินทร์พระราชทานนามว่าหอราชพง ศานุสร โปรดให้พระอาจารย์อินเขียนเรื่องพระราชพงษาวดารกรุงรัตนโกสินทร์
<O</O
<O</O
<O</O

๖๖<O</O​

พระอุโบสถนั้น โปรดให้ซ่อมตัวไม่เครื่องบนแลเขียนภาพที่ฝาผนังใหม่ แต่ภาพเรื่องมาผจญด้านหุ้มกลองข้างน่านั้นคงของเดิมไว้ หาได้เขียนใหม่ไม่

พื้นพระอุโบสถเดิมปูเสื่อทองเหลืองโปรดให้หล่อเปนแผ่นอิฐทองเหลืองปูใหม่



<O</O
ยังมีการอื่น ๆ ที่ได้ทรงสถาปนาในวัดพระศรีรัตนศาสดารามอิกหลายอย่าง ซึ่งยังไม่ทราบรายการแน่
<O</O

 

บูรณะวัดพระศรีรัตนศาสาราม
ในสมัยรัชกาลที่ 4​

​

กลุ่มพระที่นั่งอภิเนาวนิเวศน์ (สร้าง พ.ศ.2395 แล้วเสร็จ พ.ศ.2400)
และ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม​

​

พระที่นั่งภูวดลทัศไนย(หอนาฬิกา เป็นมาตรฐานเวลาแห่งแรกในโลก)
(เป็นหนึ่งในหลายๆพระที่นั่งในอภิเนาวนิเวศน์ ถูกรื้อลงในสมัยรัชกาลที่ 5 ช่วงกลางรัชสมัย )​

​

ปราสาทพระเทพบิดร (ก่อสร้าง พ.ศ.2398 ในสมัยรักาลที่ 4 แล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 5)
และ เจดีย์ทอง(ยังประดิษฐานอยู่ บริเวณรักแร้ปราสาทพระเทพบิดร)
แต่เดิมพระเจดีย์ทอง ๒ องค์นี้ตั้งอยู่ที่ขอบสระน้ำ ด้านทิศตะวันออกของหอพระมณเฑียรธรรมองค์เดิม
ต่อมาเมื่อ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายไปไว้ที่ด้านหน้ามุมเหนือและใต้
ของพระพุทธปรางค์ปราสาท (คือ ปราสาทพระเทพบิดร-->> จขกท.) ในบริเวณที่เรียกว่ารักแร้ปราสาท
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีพระราชวิจารณ์ไว้ในจดหมายเหตุความทรงจำของกรมหลวงนรินทร์เทวีว่า
“พระเจดีย์ทองสององค์นี้ พึ่งจะย้ายไปหน้าพุทธปรางค์ปราสาทในชั้นหลังทีเดียว
แต่เหมือนกับก่อใหม่ทับบนพระเจดีย์เก่า เพราะจมอยู่ในพื้นทักษิณเสียมาก” ​

​

ปราสาทพระเทพบิดร และ เจดีย์ทอง (ในสมัยรัชกาลที่ 5 ก่อนปี 2425)​

 

มาช่วยอัพเดทวันนี้ครับ

 

ผมเคยได้ยินมาว่าสมเด็จวัดพระแก้วบรรจุกรุ3ครั้ง จริงมั้ยครับ? และช้วยลงรูปจริงให้ดูด้วยนะครับ ขอบคุนครับ

 

เมื่อเป็นนิยายหลอกลวงขายพระ แล้วจะมีพระบรรจุกรุได้อย่างไร

 

ถ้ามีจริง ก็ต้องมีบันทึกไว้บ้างล่ะครับ เรื่องนิยายแต่งขึ้นทั้งนั้น

 

ถ้าเป็นเรื่องหลอกลวงจริง ไม่น่าเชื่อเลยครับว่าวัดคู่บ้านคู่เมืองของเราไม่มีพระบรรจุกรุเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา

 

เนื่องจากแต่เดิมเป็นวังของรัชกาลที่ ๑ พระองค์ถวายให้เป็นที่ประทับของพระแก้วมรกต และยกให้เป็นวัดภายหลัง จึงไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา และไม่มีการสร้างพระบรรจุกรุเหมือนวัดทั่วไปเพราะเป็นวังมาก่อนที่จะเป็นวัด

 

พ

จริงๆ แล้ว เมื่อปี พ.ศ.2507 ในคราวที่ก่อสร้างโรงละครแห่งชาติ (พ.ศ.2504-2508)
มีการไปบูรณะพระอุโบสถวัดพระแก้ววังหน้า (พ.ศ.2507-2509)
ได้ พบพระกรุที่ฐานชุกชี กลางพระอุโบสถ
(ฐานชุกชีนี้สร้างมาตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว สมัยรัชกาลที่ 4)
เพียงแต่พระเครื่องที่พบจากกรุ ไม่มีพระสมเด็จ
และไม่ได้แตกกรุจาก องค์เจดีย์ที่คล้ายพระธาตุพนม​

"เพราะต้องบูรณะใหญ่ต้องรื้อฐานชุกชีกลางพระอุโบสถออก จึงมีการทุบเปิดกรุกลางชุกชีพบพระพุทธรูปมากมายทั้งโลหะใหญ่เล็ก และเนื้อดินเผา ตัวเรา พ่อ แม่ อยู่ในเหตุการณ์วันเปิดกรุ ขณะเจ้าหน้าที่ค่อยๆ ทะยอยหยิบพระขึ้นจากกรุ ด้วยความคุ้นเคยและเห็นหน้าค่าตากันทั้งหมดของในกรุจึงเป็นของหลวงบ้าง ของมึงบ้าง ของกูบ้าง ชิ้นไหนใหญ่มีจุดสังเกต ผู้ใหญ่จ้องมองสอดส่องมากก็เป็นของหลวงไป ส่วนพระเครื่อง พระเนื้อชิน เนื้อเงิน พระดินเผาลงรักปิดทอง เป็นพระพิมพ์ปางต่างๆ ทั้งประประจำวัน เศียรโล้น เศียรเกศ องค์เล็ก องค์น้อย ใครหยิบได้ฉวยได้ก็เอาไป แม่เรากอบทั้งองค์พระและผงก้นกรุใส่ปี๊บกลับบ้านกันเลย"

h ttp://www.monnut.com/board/index.php?topic=1342.msg4713#msg4713

ผมตรวจสอบข้อมูลนี้อยู่เกือบเดือนแล้ว แต่ยังหาหลักฐานมายืนยัน หรือ โต้แย้งไม่ได้
ท่านใดที่อยู่ กทม. ช่วยตรวจสอบข้อมูลได้ที

พระศิริพงศ์ ครุพันธ์กิจ
หอสมุดดนตรีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙
ห้องสมุดดนตรีทูลกระหม่อมสิรินธร
ในบริเวณหอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี ดุสิต กรุงเทพ ๑๐๓๐๐

หรือ ช่วงที่มีพิธีการ "ครอบหัว" ของวิทยาลัยนาฏศิลป์
แล้วนำมาเล่าสู่ พสช.ฟังด้วยครับ

​

<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>

 

ยังติดพันอยู่กับ ประติศาสตร์ เวียตนาม ลาว เขมร และ พม่า อยู่ครับ

 

สุดยอดครับความรู้ทั้งนั้น
สนับสนุนครับ......................

 

ขอบคุณมากครับ ท่านเจ้าของกระทู้

 

ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลดีๆ

 

บูรณะวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในสมัยรัชกาลที่ 4​

​

​

พระที่นั่งภูวดลทัศไนย(หอนาฬิกา) ซึ่งเป็น 1 ใน 11 สิ่งก่อสร้างในกลุ่มพระที่นั่งอภิเนาวนิเวศน์
เริ่มก่อสร้าง พ.ศ.2395 แล้วเสร็จ พ.ศ.2400 ในสมัยรัชกาลที่ 4 ​

ดังนั้น ภาพนี้ถ่ายหลังจากปี พ.ศ.2400 ซึ่งจะมองเห็น​

1.ถัดจากพระที่นั่งภูวดลทัศไนย คือ หลังคาอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งไม่ได้ทำการรื้อ หรือ บูรณะครั้งใหญ่แต่อย่างใด
ดังนั้น จึงไม่มี "สมเด็จวัดพระแก้วปี พ.ศ.2401 บรรจุกรุหลังคาโบสถ์วัดพระแก้ว"
2. ด้านซ้ายมือ เหนือหลังคาพระอุโบสถ จะเห็นนั่งร้านขณะกำลังก่อสร้างพระพุทธรัตนเจดีย์
(ก่อสร้างอยู่ด้านหลังพระมณฑป)
3. ตรงกลาง เหนือหลังคาพระอุโบสถ คือ ยอดเจดีย์หลังคาพระมณฑป
4. ด้านขวามือ เหนือหลังคาพระอุโบสถ คือ นั่งร้านขณะกำลังก่อสร้างพระพทธปรางปราสาท(ปราสาทพระเทพบิดร)
(ก่อสร้างอยู่ด้านหน้าพระมณฑป)
ซึ่งก่อสร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 สร้างเสร็จสมัยรัชกาลที่ 5 ทันการสมโภชน์ฉลองกรุง 100 ปี พ.ศ.2425 (รูปข้างล่าง)​

​

ปราสาทพระเทพบิดร ขณะกำลังก่อสร้าง(สมัยรัชกาลที่ 4- รัชกาลที่ 5)​

จะมองเห็น เจดีย์มีนั่งร้านครอบอยู่ ซึ่งก็คือ เจดีย์ทอง ซึ่งอยู่ระหว่างก่อเสริมเจดีย์เก่าในสมัยรัชกาลที่ 4 ด้วย
ซึ่งรัชกาลที่ 5 พระองค์ท่านทรงได้บันทึกไว้ว่า
“พระเจดีย์ทองสององค์นี้ พึ่งจะย้ายไปหน้าพุทธปรางค์ปราสาทในชั้นหลังทีเดียว
แต่เหมือนกับ ก่อใหม่ทับบนพระเจดีย์เก่า เพราะจมอยู่ในพื้นทักษิณเสียมาก”
--------------------------------------------------------------------------​

ดังนั้น​

ในสมัยรัชกาลที่ 4 ไม่มี "สมเด็จวัดพระแก้ว ปี พ.ศ.2401 " หรือ "สมเด็จธาตุพนม"
บรรจุ "กรุหลังคาโบสถ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม" หรือ "กรุเจดีย์ทอง"
ตามที่ นักขายพระปลอม แต่งนิยาย "หลอกขายพระปลอม" แน่นอน​

----------------------------------------------------​

 

อ่านแล้วได้ความรู้ และได้ชมภาพประวัติศาสตร์งามๆ เป็นกระทู้ดีสมควรแนะนำ ตีพิมพ์แข่งกับ ศิลปวัฒนธรรม ได้สูสีกันเลยทีเดียว

 

ผมไม่ได้มีข้อมูลหรือความรู้เหมือนพี่เจ้าของกระทู้หรืออีกหลายๆท่านแต่คิดเอาตามประสาผมว่า เรื่องการที่นำพระบรรจุกรุเจดีย์นะผมไม่ทราบหรอกว่ามีหรือไม่แต่เรื่องเพดานโบถส์นะคงเป็นไปไม่ได้ เพราะ การที่จะนำพระหรือวัดถุอื่นใดเอาไว้เหนือพระเเก้วคงเป็นไปไม่ได้ แล้วเอาไว้บนเพดานมันน่าจะเป็นอะไรที่ไม่น่าเกิดขึ้น เพราะถ้ามีการทำพระเพื่อเก็บจริงๆ เจดีย์ในวัดพระเเก้วนักหนาเอาไว้ในนั้นไม่ดีกว่าหรือครับ

 

ครับ ถูกต้องครับ ถ้าคนที่เชื่อนิยายกลุ่มนี้ คิดโดยใช้ปัญญาอย่างคุณธณต รับรองว่าพระพวกนี้จะหายไปจากวงการครับ

 

ขอร่วมด้วยครับ พอดีค้นเจอประวัติของหลวงปู่นาค วัดระฆังครับ อย่างย่อๆ ครับ
พระสมเด็จของหลวงปู่นาค วัดระฆัง เป็นพระสมเด็จที่มีส่วนผสมของเศษแตกหักของสมเด็จวัดระฆังที่ท่านได้เก็บรวบรวมไว้เป็นจำนวนมากจากการที่มีประชาชนนำเศษแตกหักของพระสมเด็จมาทิ้งไว้ที่วัดและการค้นพบพระสมเด็จจำนวนมากบนหลังคาโบสถ์วัดระฆังซึ่งท่านได้นำพระสมเด็จที่แตกหักทั้งหมดร่วมกับการสร้างผงพุทธคุณของท่านตามตำรับของสมเด็จโต ทำให้พระสมเด็จของท่านโดยเฉพาะพระในยุคต้น ๆ ช่วงปี 2485-2495 มีเนื้อหามวลสารจัดจ้านน่าบูชายิ่งนัก ซึงนับว่าเป็นพระตระกูลสมเด็จที่มีเนื้อหามวลสารของพระสมเด็จวัดระฆังผสมไว้มากที่สุด จะเป็นรองก็เพียงพระสมเด็จของพระครูสังฆ์ วัดอินทรวิหารเท่านั้น อีกทั้งพุทธคุณก็สูงล้ำในด้านเมตตามหานิยม เป็นที่เสาะแสวงหากันอย่างมาก


เอามาแบ่งกันศึกษาพอจะเป็นความรู้ได้บ้างครับ
คัดลอกบทความมาจาก :คุณชัย วิเชียรปราการ ศิษย์ผู้รับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่นาค สมัยปี ๒๕๐๑ จนท่านมรณะภาพ ได้กรุณาเขียนเรียบเรียงไว้ นำมาย่อให้อ่านกันนะครับ
***********************************************************

 

มีเวปอ้างอิงไหมครับ จะลองเข้าไปอ่านดู

คนขายพระปลอม คิดสูงเกินไป แต่งนิยายไปแอบอ้างของสูงเกินไป คือ
แต่งนิยายว่า สมเด็จวังหน้า แตกกรุจาก วัดพระแก้ววังหน้า และ วัดพระแก้วมรกต
และ แต่งนิยายว่า สมเด็จธาตุพนม แตกกรุจาก วัดพระแก้ววังหน้า และ พระธาตุพนม (เมื่อคราวล้มปี 18)

โดยนักแต่งนิยาย ลืมนึกไปว่า สถานที่ยิ่งสำคัญ หลักฐานจำพวกภาพถ่าย หรือ พงษาวดาร ก็ต้องมีบันทึกไว้ทางประวัติศาสตร์

นักขายพระปลอม เขาพลาดไป เพราะคิดว่า แต่งนิยายขายปลอมทั้งที ก็เอาให้อยู่เหนือกว่า สมเด็จวัดระฆังไปเลย
โดยไม่ทันคาดคิดว่า จะมีภาพถ่ายและพงษาวดาร บันทึกสถานที่และเรื่องราวต่างๆที่แอบอ้างเอาไว้

 

www.ariyasound.com/<WBR>index.php?lay=show&ac=arti...

ตามนี้เลยครับพี่ ผมก็ได้จากเวปนี้ล่ะครับ