เปิดตำนานหลวงพ่อทิม วัดละหารไร่

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย แก้วสว่าง, 17 เมษายน 2011.

  1. si12a

    si12a Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +34
    สวัสดีครับคุณโต้งและท่านสมาชิก
     
  2. บรม

    บรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,163
    ค่าพลัง:
    +3,926
    ช่วงกลางวันร้อนมาก กลางคืนฝนตกลมค่อนข้างแรง ช่วงนี้เป็นพ่อลูกอ่อนชีวิตวุ่นวายมากจึงไม่ค่อยได้เข้ามาทุกวัน ตอนนี้รอรับหนังสือจากทางอุดรอยู่เพราะน้ำท่วมไม่แน่ใจหนังสือตกหล่นอยู่ที่ไหน หายเงียบไปเลย

    ขอให้บารมีหลวงปู่คุ้มครองครับ
     
  3. เม่นจัง

    เม่นจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    370
    ค่าพลัง:
    +401
    ของดีอะไรครับ อาจารย์แก้วสว่าง ผมไม่เห็นได้เลย หรือได้แล้ว 555 สวัสดีครับคุณrungaran ได้ของดีอะไรเหรอครับ ไม่เห็นบอกผมบ้างเลยนะ
     
  4. ขมังเวทย์

    ขมังเวทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,829
    เห็นด้วยครับ หลวงปู่สร้างเสกให้เป็นของกายสิทธิ์ดั่งแก้วสารพัดนึกแล้ว

    หากจะใช้พระคาถา ตามแบบชายชาตรีไทยแต่โบราณ มักจะใช้พระคาถาอิติปิโส

    วิเศษครับ
    ไม่ใช่เสกทับครู แต่เป็นการอารธนาของสัมฤทธิศักสิทธิ์ให้แสดงปาฎิหาร

    ครับ
     
  5. ติ้งลิงติง

    ติ้งลิงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,365
    ค่าพลัง:
    +3,977
    สวัสดีครับอาจารย์ ที่อุบลไม่รู้หนาวหรือยังครับ



    [/QUOTE]
    ......................
    สวัสดีครับอ.แก้วสว่าง คุณโต้งชลบุรี และสมาชิกทุกท่านครับ..ช่วงนี้งานยุ่ง ๆ ไม่ได้เข้ากระทู้ทุกวันครับ ตอนนี้ที่อุบลฯอากาศเริ่มเย็น บรรยากาศเข้าฤดูเหมันต์แล้ว ครับ
     
  6. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,322
    :cool:
    แหะ ....ของดี ของ อ.แก้ว กระผมเห็นแล้วอยากได้หมดทุกองค์เลยครับ
    กระผม ยอมรับครับ กระผมโลภมากครับ ...ก็ ของเขาดีจริงๆนะครับ ฟันธง:cool:
    ใครเขาไม่เชื่อไม่ชอบไม่ว่า แต่ กระผมชอบ และเชื่อ ครับ อิอิ
    วันนี้ขอตา หลก บริโภค ครับ แหะ... คลายเครียด น้ำท่วมครับ
    ท่าน อ.แก้วครับ:cool:
     
  7. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    [FONT=&quot] (ต่อจากตอนที่แล้ว ) เราจะเห็นได้ว่าเสือพราวถึงแม้จะไม่ได้มีวิชาอาคมใดๆติดตัวแต่การที่ได้ถือวัตถุมงคลและของขลังต่างๆนั้นทำให้มีอานุภาพที่สามารถก่อให้เกิดปาฎิหารย์ขึ้นมาได้ ซึ่งก็อยู่ที่การศรัทธายึดมั่นต่อวัตถุมงคลที่ครูบาอาจารย์ท่านได้มอบให้เพื่อเป็นกำลังใจในการต่อสู้กับชะตาชีวิต และสามารถทำให้วัตถุมงคลนั้นมีพลังแห่งพลานุภาพได้เมื่อมีจิตยึดมั่นที่ดี ซึ่งเราจะเห็นตัวอย่างจากชีวิตของเสือพราวซึ่งบางครั้งชะตาชีวิตที่ได้กำหนดหรือลิขิตบนทางเดินของชีวิตขึ้นมาซึ่งมันอาจจะหลีกเลี่ยงไม่ได้หรืออาจจะเป็นกฎแห่งกรรมก็ได้ที่ต้องดำเนินการชดใช้กรรมกันขึ้นมา ซึ่งอำนาจของแรงแห่งพุทธานุภาพนี้ซึ่งบางครั้งบางทีอาจจะช่วยให้เรามีการดำเนินชีวิตที่ดีขึ้นมาได้ถ้าเกิดมีแรงศรัทธาที่ดีสามารถคุ้มครองให้รอดปลอดภัยได้ แต่ผลกรรมก็คือผลกรรมที่ไม่มีสิ่งใดๆในโลกนี้ที่จะสามารถลบล้างมันได้หมด [/FONT]

    [FONT=&quot] หลวงปู่ทิมท่านได้สอนให้ทุกคนทำแต่ความดีมีจิตยึดมั่นที่ดีและจงทำจิตให้นิ่งอยู่เสมอไม่ว่าจะทำการใดๆก็แล้วแต่ให้ยึดมั่นของคุณความดีหรือแก่นแท้ในหลักพระพุทธศาสนาแล้วต่อไปการที่จะนับถือและยึดมั่นในพระเครื่องหรือเครื่องรางของขลังต่างๆนั้นจะทำให้วัตถุมงคลต่างๆที่เรานับถือนั้นมีประสิทธิภาพของอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นแต่เครื่องรางของขลังต่างๆนั้นก็ไม่สามารถที่จะกันตายได้แต่ก็มีอานุภาพที่อาจจะสามารถกันตายก่อนเวลาได้ถ้ามีการนับถือและยึดมั่นโดยแท้จริง หลวงปู่ทิมท่านเคยกล่าวไว้ว่าคนเราเมื่อถึงเวลาก็ต้องไปกันหมดไม่มีสิ่งใดจะมาเหนี่ยวรั้งหรือยืดเยื้อความตายไปได้ ซึ่งเราจะเห็นว่าเครื่องรางของขลังสามารถกันได้เมื่อยังไม่ถึงเวลาตาย แต่ถึงแม้จะมีเครื่องรางของขลังเมื่อถึงเวลาก็ต้องตาย เคยมีคนไปถามหลวงปู่ทิมว่าแขวนพระเครื่องของหลวงปู่ทำไมยังตาย หลวงปู่ท่านตอบว่านี่ปลุกเสกถึงเวลานี่ก็ต้องตายเหมือนกัน [/FONT]ซึ่งสิ่งใดๆในโลกนี้ล้วนอนิจจัง

    [FONT=&quot] เหมือนกับตำนานประวัติเก่าที่เล่ากันว่ามีลูกศิษย์ของหลวงพ่อเดิม แห่งวัดหนองโพจังหวัดนครสวรรค์คนหนึ่งซึ่งได้เครื่องรางของขลังจากหลวงพ่อไปใช้และมีประสบการณ์ต่างๆมากมายจนต่อมาภายหลังจากชะตาชีวิตได้หันเหตัวเองออกไปเป็นเสือออกปล้นชาวบ้านและได้รอดตายมาหลายครั้ง หลายคราจนมาท้ายสุดได้ออกปล้นวัวควายที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งจากนั้นก็โดนเจ้าของบ้านยิงตาย และจากนั้นก็ได้มีลูกศิษย์มาตามหลวงพ่อเดิมที่วัดเพื่อมามาดูศพซึ่งในตัวก็ยังมีเครื่องรางของขลังและพระเครื่องของหลวงพ่อติดตัวอยู่ หลวงพ่อเดิมเมื่อเห็นดังนั้นก็ได้ให้ลูกศิษย์ที่มาด้วยเคลื่อนย้ายศพออกจากพื้นที่ตรงนั้นทันที จากนั้นก็ให้ลูกศิษย์เอาปืนยิงไปที่ศพซึ่งลูกศิษย์ที่มาด้วยก็แปลกใจ จากนั้นลูกศิษย์จึงได้เอาปืนกระบอกทิ่ยิงตายเอามายิงซ้ำ จากนั้นลูกศิษย์ของหลวงพ่อที่มาด้วยก็ได้ลั่นไกทันทีตามที่หลวงพ่อเดิมสั่ง แต่ผลปรากฏว่ายิงไม่ออก และหลวงพ่อเดิมท่านก็กล่าวกับลูกศิษย์ว่าตรงนั้นคือจุดที่ตายของเขา แต่ตรงนี้ไม่ใช่ที่ตาย ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าถึงแม้กฎแห่งกรรมมาถึงหรือเมื่อถึงเวลาตายแม้จะมีเครื่องรางของขลังต่างๆที่ศักดิ์สิทธิ์นั้นก็ไม่สามารถที่จะคุ้มตัวได้เมื่อถึงเวลาตาย[/FONT]

    [FONT=&quot] เราจะเห็นว่าในยุคกาลสมัยก่อนไม่ว่าเกจิอาจารย์ผู้โด่งดังหรือฆราวาสผู้เรืองวิชาซึ่งเราจะเห็นว่าอาคมของแต่ละท่านที่สามารถทำการใดๆไม่ว่าการใช้อาคมในการรักษาคนป่วยหรือการใช้จิตสมาธิในการปลุกเสกวัตถุมงคลสำหรับติดตัวนั้นเขาสามารถทำได้อย่างศักดิ์สิทธิ์หรือมีอานุภาพได้ ซึ่งอยู่ที่อำนาจของสมาธิจิตที่ได้รับการเรียนรู้และฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ซึ่งวิชาอาคมต่างๆในยุคนั้นเราจะแลเห็นว่าเขาทำกันอย่างจริงจัง เพื่อให้ผลของความสำเร็จมีประสิทธิผลโดยแน่แท้ เช่นเราจะได้ยินตำนานเรื่องราวเก่าๆในยุคสมัยก่อนไม่ว่าพระเกจิอาจารย์หรือฆราวาสผู้โด่งดังสามารถปลุกเสกเครื่องรางของขลังได้อย่างศักดิ์สิทธิ์มากเทียบเท่ากันได้ ซึ่งโดยแท้จริงแล้วน่าจะอยู่ในเรื่องของอำนาจสมาธิจิตเป็นหลักใหญ่หรือตัวหลักสำคัญ หลวงปู่ทิมท่านเคยเล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่าอาจารย์ที่ท่านเคยไปเรียนวิชานั้นโดยส่วนใหญ่จะเป็นฆราวาส หลวงปู่เคยเล่าให้ฟังอีกว่าฆราวาสผู้เรืองวิชาในยุคสมัยนั้นเขาทำกันได้จริงไม่ว่าจะมีวิชาหายตัวหรือเหาะเหินเดินอากาศได้ หรือวิชาที่สำคัญๆอีกหลายประการ ซึ่งเราจะเห็นว่าวิชาบางประการนั้นพระไม่สามารถเรียนได้แต่ฆราวาสนั้นสามารถเรียนได้หรือทำได้ก็มีซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าพระนั้นถือศีล[/FONT] 227[FONT=&quot]ข้อ ซึ่งวิชาอาคมบางประการมันอาจจะไปขัดกับศีลที่ต้องยึดตามหลักปฏิบัติได้ หรือวิชาอาคมบางอย่างพระสามารถเรียนได้แต่ฆราวาสไม่สามารถเรียนหรือทำได้ก็มี แต่ในยุคสมัยก่อนวิชาอาคมมันอาจจะมีเคล็ดวิชาบางอย่างหรือเคล็ดลับบางประการในการเรียนรู้ก็อาจจะเป็นไปได้ซึ่งบางทีวิชาบางอย่างที่พระไม่สามารถเรียนรู้ได้ แต่ถ้ามีเคล็ดลับหรือมีการดัดแปลงและการนำมาประยุกข์ใช้ในหลักการเรียนของวิชาอาคมนั้นๆก็อาจจะสามารถที่จะเรียนรู้กันได้ [/FONT]

    [FONT=&quot] สำหรับวิชาการแพทย์แผนโบราณนั้นไม่ว่าจะเป็นพระเกจิหรือฆราวาสนั้นการรักษาโดยส่วนใหญ่อาจจะถนัดการรักษาไปคนละด้านหรือถ้าเทียบกับแพทย์หรือหมอในยุคปัจจุบันนี้นั้นซึ่งโดยส่วนใหญ่หลักการรักษากันโดยทั่วไปก็อาจจะรักษากันได้เหมือนกันหรือเทียบเท่ากันได้ แต่ถ้าเป็นการรักษากันโดยเฉพาะทางนั้นก็จะต้องมีการร่ำเรียนรู้กันเรื่องการรักษาของโรคนั้นๆกันโดยถ่องแท้หรือเรียนกันโดยจริงจังถึงจะสามารถที่จะรักษากันได้ ในยุคสมัยก่อนนั้นการโดนของหรือการถูกการกระทำมาไม่ว่าจะทำมาจากของผีตายโหงบ้างหรือจากของที่ไม่ดีที่ถูกให้ทำมาเป็นของทางไสยศาสตร์หรือที่เรียกกันว่าคุณไสยนั้น การที่จะมาแก้ของหรือมารักษาให้หายกันได้นั้น หมอที่จะถอนของหรือแก้คุณไสยได้นั้นจะต้องมีการเรียนรู้มาได้อย่างเป็นแน่ ซึ่งถ้าขืนวิชาอาคมยังไม่มั่นใจหรือพูดง่ายๆว่าอาคมยังไม่ถึงขั้น ซึ่งถ้าโดนเพียงแค่ลมเพลมพัดธรรมดาก็ยังพอจะรักษากันได้ แต่ถ้าโดนคุณไสยที่ใช้อำนาจของผีตายโหงซึ่งอาจจะเป็นของที่แรงมาก ถ้าอาคมและอำนาจจิตสมาธิไม่ถึงขั้นมีสิทธิ์ที่จะเข้าตัวเองได้ [/FONT]

    [FONT=&quot] เราจะเห็นดั่งตำนานอย่างเช่นหลวงพ่อสังข์เฒ่าซึ่งท่านเป็นพระที่เรืองอาคมมากซึ่งท่านถือปฏิบัติอาคมอย่างเคร่งครัด จึงทำให้อาคมของท่านนั้นสามารถที่จะทำการใดๆหรือการรักษาทางแผนโบราณต่างๆก็ทำให้การรักษานั้นมีความศักดิ์สิทธิ์หรือประสิทธิผลมากขึ้น ซึ่งด้วยอำนาจจิตที่กล้าแกร่งในการรักษาต่างๆนั้นเมื่อมีความมั่นใจในอาคมของตัวเอง ซึ่งก็เปรียบเหมือนกับหมอแผนปัจจุบันเมื่อมีประสบการณ์ในการรักษากันมากจนเกิดความชำนาญก็ทำให้เกิดมีความมั่นใจในการรักษามากขึ้นได้ ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับการเสกเครื่องรางของขลัง ซึ่งเมื่อมั่นใจในอาคมและอำนาจสมาธิจิตของตัวเองแล้วเพียงแค่เป่าไปพรวดเดียวก็เป็นอันว่าใช้ได้แล้ว [/FONT]

    [FONT=&quot] อาทิเช่นตามตำนานประวัติเก่าเล่ากันว่าหลวงพ่อทองแห่งวัดราชโยธาซึ่งท่านมีอายุยืนยาวกว่าร้อยปีซึ่งลูกศิษย์ท่านเล่าว่ามีชาวจีนอยู่คนหนึ่งมาหาหลวงพ่อทองเพื่อขอน้ำมนต์ไปและเมื่อคนจีนคนนั้นมาหาหลวงพ่อทอง ซึ่งขณะนั้นหลวงพ่อทองท่านกำลังงานของท่านอยู่ และคนจีนนั้นก็ได้เอาน้ำใส่ขวดมาเพื่อให้หลวงพ่อทำน้ำมนต์ให้หลังจากนั้นหลวงพ่อทองท่านก็ได้เป่าไปเพียงพรวดเดียวแล้วบอกแก่ชาวจีนคนนั้นว่า ใช้ได้แล้ว ซึ่งชาวจีนคนนั้นก็คงจะงงหรือแปลกใจซึ่งดูแล้วตามรูปการแล้วไม่น่าจะเชื่อถือหรือศักดิ์สิทธิ์ได้เลยซึ่งหลังจากนั้นพอเดินออกจากวัด ซึ่งชาวจีนคนนั้นก็คงไม่มีความเชื่อถือหรือน้ำมนต์นั้นไม่น่าจะศักดิ์สิทธิ์ได้จึงได้เทน้ำมนต์ที่อยู่ในขวดนั้นทิ้งทันทีแต่ผลปรากฏว่าน้ำกลับเทไม่ออก เขย่ายังไงก็ไม่ออก จึงทำให้ชาวจีนนั้นเกิดความอัศจรรย์ขึ้นและรู้ได้ถึงอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ในอาคมของหลวงพ่อทอง ซึ่งเราจะเห็นว่าอาคมต่างๆเมื่อมีความมั่นใจ แล้วเพียงเอาอาคมของตัวเองทั้งหมดแล้วมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวแล้วสามารถเป่าออกไปให้มีอานุภาพที่ศักดิ์สิทธิ์ได้[/FONT]

    [FONT=&quot] ซึ่งก็มีดังตำนานที่ร่ำลือกันว่าหลวงพ่อเพ่งอดีตเจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่ซึ่งในอดีตท่านเคยเป็นทหารมหาดเล็กในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์และกล่าวกันว่าท่านเคยตามเสด็จกรมหลวงและได้ไปเรียนวิชากับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งเล่ากันว่าหลวงพ่อเพ่งท่านมีจิตที่ไวมาก ซึ่งเล่ากันว่ามีลูกศิษย์ลูกหามาขอให้ท่านทำตะกรุดซึ่งต่างคนต่างก็เอาฝาหม้อหรือฝาบาตรแต่โดยส่วนใหญ่เท่าที่เห็นจะใช้ตะกั่วทุบแล้วนำมาให้หลวงพ่อท่านเสกซึ่งหลวงพ่อเพ่งท่านเพียงแค่จารอักขระตัวเดียวแล้วเป่าไปพรวดเดียวก็เป็นอันว่าใช้ได้ ซึ่งลูกศิษย์ลูกหาที่เห็นแล้วและได้ไปต่างก็เกิดความไม่มั่นใจถึงความขลังได้ จากนั้นจึงได้นำตะกรุดไปลองยิงซึ่งผลปรากฏว่าปืนกลับยิงไม่ออก สร้างความตะลึงให้แก่ผู้ที่ได้ไปลอง ซึ่งมันก็แสดงผลถึงอานุภาพของความศักดิ์สิทธิ์ได้ ซึ่งก็ทำให้มีผู้คนเสาะหาตะกรุดหลวงพ่อเพ่งกันมากในยุคนั้นตราบมาจนถึงยุคปัจจุบันซึ่งนับว่าหากันได้ยากมาก

    ซึ่งเราจะเห็นว่าวัตถุมงคลต่างๆหรือเครื่องรางของขลังในยุคสมัยก่อนนั้นส่วนใหญ่จะมีการปลุกเสกเดี่ยวเพื่อแสดงถึงของอำนาจจิตของคณาจารย์ที่ได้ถ่ายทอดพลังแห่งอานุภาพลงสู่ที่วัตถุมงคลหรือเครื่องรางของขลัง แต่ผลของการที่จะแสดงได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์นั้นมากน้อยเพียงไรก็ต้องอยู่ที่การทดสอบหรือการที่เรียกว่าลองของ ซึ่งยิ่งในยุคสมัยก่อนนั้นด้วยแล้วการที่จะรู้ว่าเครื่องรางของขลังต่างๆหรือแม้กระทั่งคาถาอาคมต่างๆที่ได้ร่ำเรียนมาซึ่งจะรู้ได้ยังไงว่าศักดิ์สิทธิ์จริงหรือเป็นผลได้ หรือเปรียบตัวอย่างดั่งหมอแผนโบราณที่ได้ร่ำเรียนมาซึ่งก็ประกอบด้วยตัวคาถาอาคมจากที่ได้ร่ำเรียนจากครูบาอาจารย์และได้ทำการรักษาไม่ว่าจะพ่นหรือเป่าเพื่อให้หายจากโรคต่างๆได้ ซึ่งเมื่อได้ทำการรักษาและหายจากโรคได้ก็ย่อมแสดงได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ที่ได้แสดงอานุภาพออกมาได้ ซึ่งการเสกเครื่องรางของขลังต่างๆนั้นครูบาอาจารย์หรือคณาจารย์ในสมัยก่อน ซึ่งท่านมั่นใจในอาคมของท่านในการปลุกเสกเพื่อสืบทอดในพระพุทธศาสนาโดยแน่แท้เพื่อที่วัตถุมงคลที่ผู้คนได้นำไปใช้นั้นมีอานุภาพคุ้มครองตัวได้และเพื่อให้ผู้ที่ได้นำไปใช้นั้นมีความมั่นใจมากขึ้นซึ่งเกจิอาจารย์ในสมัยก่อนนั้นจะถือการเคร่งครัดในอาคมของตัวเองและจริยวัตรต่างๆที่ถือการปฏิบัติ เพื่อให้อาคมของตัวเองนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์เสมอ และเมื่อลูกศิษย์ลูกหาหรือชาวบ้านที่ได้ไปซึ่งต่างก็ได้รับประสบการณ์ต่างๆกันมากมาย ซึ่งก็อาจจะมีลูกศิษย์ลูกหาบางคนที่อยากจะรู้อยากจะลองถึงอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคลต่างๆที่ได้มาก็ได้นำไปทดสอบหรือการลองไม่ว่าจะเอาไปลองยิงหรือลองฟันซึ่งต่างก็แล้วแต่การทดสอบกันไป แต่โดยส่วนส่วนใหญ่เกจิหรือคณาจารย์ต่างๆท่านจะไม่ให้ทดสอบหรือการลองของวัตถุมงคล แต่ท่านจะสอนให้ยึดมั่นความดี ซึ่งโดยวัตถุมงคลต่างๆนั้นจะศักดิ์สิทธิ์ก็ต่อเมื่อมีการยึดมั่นที่ดีและมั่นคงซึ่งก็จะช่วยได้ในยามคับขันหรือในสิ่งที่ไม่ให้บังเกิดขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่ผลของกรรมด้วยซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีสิ่งใดจะช่วยได้ แต่อาจจะช่วยผ่อนจากหนักให้เป็นเบาได้ถ้าเราได้ทำปัจจุบันนั้นให้ดี
    [/FONT]มีจิตที่มั่นคง

    [FONT=&quot] เราจะเห็นหรือรู้ได้ว่าไม่มีอำนาจสิ่งใดจะเหนือเกินไปกว่าอำนาจของแรงกรรรมไปได้ ทุกคนเกิดมาก็ต้องใช้กรรมกันทั้งนั้นและการที่เราได้เกิดมากันในชาตินี้ก็เพื่อที่จะได้สร้างบุญกุศลกันเพื่อผลบุญที่ดีต่อไปในภายภาคหน้าซึ่งมันก็ต้องเป็นวัฏจักรของชีวิตที่ได้วนเวียนกันไปในทุกภพทุกชาติไม่ว่าผลบุญหรือผลกรรม จนกว่าจะพบทางแห่งนิพพานที่ไม่ต้องมาเกิดมาเป็นมนุษย์อีกแล้ว พระเกจิอาจารย์หรือพระคณาจารย์ต่างๆที่ท่านยึดหลักในพระพุทธศาสนาและถือเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าที่ได้นำหลักธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเผยแพร่หลักธรรมเพื่อให้ทุกคนได้นำหลักธรรมนั้นมาปฏิบัติเพื่อให้ทุกคนเป็นคนดีมีคุณธรรมซึ่งเป็นหนทางในการดำเนินชีวิตที่ดีในการที่จะก้าวต่อไปเพื่อเป็นผลทางแห่งนิพพานต่อไปในข้างหน้า [/FONT]

    [FONT=&quot] เคยมีลูกศิษย์ลูกหาได้ไปถามหลวงปู่ทิม อิสริโกแห่งวัดละหารไร่ว่า นิพพานนั้นมีจริงไหม[/FONT]? [FONT=&quot] ซึ่งหลวงปู่ท่านก็ไม่พูดอะไรมากท่านบอกแค่เพียงว่าให้ตั้งใจทำความดีไปเถิด ซึ่งเราจะเห็นว่าหลวงปู่ท่านจะสอนให้ทุกคนทำแต่ความดี ซึ่งการที่จะเห็นทางแห่งนิพพานนั้น ก็อยู่ที่การทำความดีนั่นแหละ และหัวใจสำคัญของพระพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้า ทรงถือความจริงเป็นธรรมชาติวิสัยซึ่งเรียกกันว่าสัจธรรม หรือความเป็นจริงตามธรรมชาติของการเวียนว่ายตายเกิดของมนุษย์ ซึ่งถ้าหากเราเข้าใจของการเกิดแก่เจ็บตายในเหล่ามนุษยชาติตามความเป็นจริงแห่งสัจธรรมซึ่งตามหลักพระพุทธศาสนากล่าวว่าถ้าได้ประพฤติตามหลักของอริยสัจสี่นั้นอันประกอบด้วยทุกข์ สมุหทัย นิโรจน์ มรรค ถ้าเราสามารถเข้าใจและรู้แจ้งเห็นจริงได้ก็อาจจะเข้าถึงนิพพานกันโดยเร็ว ซึ่งสัจธรรมก็คือแก่นแท้ในหลักของพระพุทธศาสนาที่ทำให้มนุษย์เรานั้นสามารถดำรงชีวิตที่เหมาะสมบนโลกใบนี้ได้.........<o></o>[/FONT]
     
  8. kengnaja

    kengnaja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,961
    ค่าพลัง:
    +16,856
    ขอบคุณอาจารย์สำหรับแนวทางปฏิบัติและหลักธรรมครับ
     
  9. nudjinnong

    nudjinnong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    1,161
    ค่าพลัง:
    +3,012
    สวัสดีครับ อาจารย์แก้วสว่าง และสวัสดีพี่ๆทุกท่านครับ หายไปนาน เข้ามาอัพเดท สถานการณ์หน่อย อากาศเริ่มเย็นๆแล้วดูแลสุขภาพด้วยนะครับ ^_^
     
  10. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,322
    :cool:
    ผ้ายันต์ คร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบผ้มมมมมมมมมมมม(k):cool:
     
  11. นักสำรวจ

    นักสำรวจ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +16
    สวัสดีครับ อ.แก้วสว่าง ,คุณโต้ง ชลบุรี และเพื่อนสมาชิกทุก ๆ ท่าน
    เข้ามาทักทายและติดตามความเคลื่อนไหวเหมือนเคยครับ
    ยกคอมฯหนีน้ำไปนาน กลับมาเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง ^^
     
  12. naygood

    naygood เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,082
    ค่าพลัง:
    +7,245
    สวัสดี ตอนเช้าครับ อ.แก้วสว่างและเพื่อนๆทุกท่าน
     
  13. nopparat_33

    nopparat_33 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +529
    พระคาถาอิติปิโสวิเศษ เค้าต้องว่าอย่างไรครับ
     
  14. ขมังเวทย์

    ขมังเวทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,829
    คงต้องขอเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนสักหน่อยครับ แต่ลองถามหลวงพ่อกูเกิ้ล

    ดูดีกว่าครับ โบราณเรียกว่า คาถาเก้าอิ แต่นับอย่างไรจะได้แปดอิเท่านั้นครับ

    อิ ตัวที่เก้าหายไปอยู่ใหนหนอ??????????
     
  15. โต้งชลบุรี

    โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351
    อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะ นาเมอิ
    อิเมนา พุทธะ ตังโสอิ อิโสตัง พุทธะ ปิติอิ


    ใช่แบบนี้มั๊ยครับพี่
     
  16. ขมังเวทย์

    ขมังเวทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,829
    ขอบคุณครับ นับดูครับจะมีแค่8อิ

    โบราณว่าฝอย(วิธิใช้)ท่วมหลังช้าง

    เอ้า อิ ตัวที่9 มีใครรู้ใหมครับว่า หายไปใหน????
     
  17. kengnaja

    kengnaja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,961
    ค่าพลัง:
    +16,856
    อืมน่าสนมากครับพี่ รบกวนช่วยเฉลยได้ไหมครับว่าิอิตัวที่เก้าอยู่ไหน
    ขอบคุณครับ
     
  18. โต้งชลบุรี

    โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351
    นับไปนับมา ก็ไม่เห็นครบสักที มีแค่ 8 ตัวเท่านั้น
    เลยไปถามอากู๋มา เห็นว่าให้ท่อง 9 จบ

    น่าจะเป็นการนับจำนวนอิ ที่ขึ้นต้นของคาถาให้ครบ 9 จบ หรือเปล่าครับ
    เดานะครับ แหะ แหะ
     
  19. ขมังเวทย์

    ขมังเวทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,829
    มันเป็นวิธิฝึกจิตตามแบบโบราณครับ

    ถ้าเคยศึกษาเรื่องจักรา 7 ฐาน จะเข้าใจง่ายครับ

    ใช้คาถาน๊้บริกรรมกำกับ พร้อมทั้งเคลื่อนจิต

    ไปตามฐานทั้ง7 เมื่อถึงพร้อมดีแล้วจะเกิดนิมิตขึ้นที่จุดๆหนึ่ง

    อันนี้แหละครับ บางสำนักเรียกจุดพลังอำนาจ จะเรียกอะไรก็แล้วแต่ครับ มันคือ

    อิตัวที่9 ครับ หากใครฝึกใด้ ก็จะใช้คาถาใด้ผลใวครับ
     
  20. kengnaja

    kengnaja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,961
    ค่าพลัง:
    +16,856
    ขอบคุณพี่มากครับ:cool::cool::cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...