ข้อความจากต่างมิติ - อะไรจะเกิดขึ้นในวันที่ 11-11-11 นี้ & ยุคแห่งพลังงานคริสตัลไลน์

สรุปสิ่งที่รูปธรรมชีวิตจากต่างมิติบอกมาก่อนดีกว่านะครับ
เอาแบบสั้นที่สุดเท่าที่จะสั้นได้ก็แล้วกันนะครับ..เพื่อเป็นการทบทวน
และเพื่อปูพื้นให้กับผู้ที่ยังใหม่กับข้อความจากต่างมิติอยู่

พวกเขาบอกว่า...

1). ดาวเคราะห์โลกใบนี้ และระบบสุริยะทั้งระบบนี้ กำลังจะเข้าไปสู่ยุคพลังงานใหม่แล้ว
เพราะว่ามีสาเหตุมาจากหลายเหตุปัจจัยด้วยกัน ได้แก่

จุดที่ระบบสุริยะของเราโคจรไปอยู่ในกาแล็กซี่นี้หนะ มันเป็นจุดที่มีพลังงานแตกต่างไปจากเดิม
ก็เหมือนกับที่โลกของเราโคจรไปรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบใช้เวลา 1 ปีหนะแหละครับ
ซึ่งถ้าท่านยังจำบทเรียนสมัยประถมได้ ท่านก็จะรู้ว่า "ฤดูกาล" ของโลกก็จะเปลี่ยนไป
ตามจุดที่มันโคจรไปอยู่ด้วย..จำได้ไหมครับ?

ดังนั้น ระบบสุริยะของเรา ที่กำลังโคจรไปรอบๆกาแล็กซี่นี้อยู่ก็คล้ายๆกันครับ คือแต่ละจุดที่มันไปอยู่
ฤดูกาลก็จะเปลี่ยนไปด้วยเหมือนกันครับ แต่เขาไม่เรียกว่าฤดูกาล เขาเรียกว่า "ยุค" แทนครับ
และแต่ละยุคก็กินเวลาราวๆ 26,500 ปีครับ

ยุคใหม่นี้ บางข้อมูลก็เน้นว่าเกี่ยวข้องกับ Photon zone ด้วย
แต่บางข้อมูลก็ไม่เน้น เพราะว่าจะไปเน้นที่ปัจจัยอื่นๆแทน

2). จังหวะที่จะถึงวันสิ้นยุคเก่า และเข้าสู่ยุคใหม่นี้ คือช่วงปลายปี 2012 ตามที่ปฏิทินชาวมายันได้ระบุเอาไว้
ดังนั้น รูปธรรมชีวิตทั้งหลายในจักรวาล ซึ่งพวกเขาก็มีระบบระเบียบการบริหารจัดการ และปกครองอยู่เหมือนกัน
จึงพากันลงมาช่วยกันเปลี่ยนยุคของโลก ให้เป็นยุคที่หมดจากยุคมืด หมดจากความชั่วร้ายทั้งหลาย
อะไรแบบนั้นหนะนะครับ..ซึ่งมันจะเป็นแบบนี้ไปได้ มันก็ต้องจัดการหลายๆอย่าง เช่น

2.1). กำจัดเผ่าพันธุ์ต่างมิติฝ่ายมืด คือพวกอะนุนนากิ (Annunaki) ออกไปจากโลกใบนี้

2.2). กำจัดลูกสมุนของ Annunaki คือพวก Illuminati ให้หลุดออกไปจากอำนาจ

3). ยกระดับจิตสำนึกของมนุษย์โลกให้สูงขึ้น โดยการ (ตัวอย่างเฉยๆนะครับ เพราะผมก็ไม่รู้วิธีการทั้งหมดหรอก)

3.1). ยกโครงข่ายแม่เหล็กโลกให้สูงขึ้น แล้วค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นโครงข่ายพลังงานแบบใหม่
ที่ดีกว่า, มีประสิทธิภาพมากกว่า และเอื้ออำนวยต่อการรู้แจ้งของมนุษย์โลกมากกว่า

3.2). เปลี่ยนโครงสร้างร่างกายเนื้อของมนุษย์โลก จากเซล Carbon base ไปเป็นแบบ Crystal base
โดยการ upgrade DNA ของมนุษย์ขึ้น จากที่มีชั้นเดียว อยู่ในมิติเดียว ให้กลายเป็นมี 12 ชั้น 12 มิติ

3.3). เปลี่ยนโครงสร้างกายละเอียดและกายทิพย์ของมนุษย์โลก จากระบบ Mer-Ka-Ba
ไปเป็นระบบ Mer-Ka-Va และ Mer-Ka-Ra ซึ่งก็คือระบบที่ดีกว่า upgrate กว่า
และเอื้ออำนวยต่อการรู้แจ้งของมนุษย์มากกว่า เช่นเดียวกันครับ

3.4). เปลี่ยนระบบสนามพลังงออร่าของมนุษย์โลก จากระบบจักระพื้นฐาน 7 จักระ
ไปเป็นแบบระบบ 12 จักระ และประสานรวมกันกลายเป็นระบบ 13-20-33 ในที่สุด

ข้อมูลทั้งหมดที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้ มีรายละเอียดอยู่ในกระทู้ต่างๆที่พวกเราแปล
และโพสต์ไปแล้วทั้งนั้นแหละครับ..ถ้าท่านใดสนใจก็ค้นดูเอาเองนะครับ

และอย่าลืมว่าการที่จะเปลี่ยนอะไรให้ได้ตามที่ระบุมาแต่ละข้อนั้น มันก็ต้องมีเทคนิคและวิธีการครับ
อย่างเช่นประเด็นการเปลี่ยนโครงข่ายพลังงานโลก ไปเป็นโครงข่ายพลังงานคริสตัลไลน์ 144
มันก็ต้องอาศัย พลังงานจากการกระตุ้นครอสตัลแม่ขนาดใหญ่ของชาวแอตแลนติส บวกกับ
Golden Sun disc และ Pyramid ต่างๆทั่วโลกด้วย..ซึ่งส่วนนี้ก็คือเนื้อหาในกระทู้นี้
และในกระทู้อื่นๆด้วยหนะนะครับ

แต่ประมาณว่า กุญแจสำคัญทั้งหมดของเรื่อง จะอยู่ที่ "พลังงาน" ครับ
ไม่ว่าจะเป็นพลังงานในร่างกายเนื้อ กายทิพย์ และกายอื่นๆก็ตาม
รวมถึงระดับจิตสำนึกจะสูงได้ ก็เมื่อ "การตระหนักรู้มากขึ้น"

หรือพูดอีกอย่างก็คือสามารถตระหนักรู้ออกมานอกขอบเขตของมายาการได้มากเท่าไหร่
ก็นั่นแหละมีระดับจิตสำนึกยิ่งมากเท่านั้นด้วย จนถ้าใครสามารถรู้แจ้งเห็นจริงได้ว่า
อะไรคือมายาการ และอะไรคือความจริงที่จริงแท้ระดับปรมัตถ์ได้ ก็จะเข้าสู่สภาวะ "เป็นผู้รู้แจ้ง" นั่นเอง

กระบวนการด้านพลังงานทั้งหมดนี้ทำมาหลายปีแล้ว และแต่ละปีก็จะมีพัฒนาการเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
และจะเสร็จสิ้นในปี 2012 ซึ่งเป็นวันสิ้นยุคเก่า และเริ่มยุคใหม่
คือจะเริ่มมีระบบโครงข่ายพลังงานโลกแบบใหม่ใช้แล้ว

ซึ่งโครงข่ายพลังงานแบบใหม่นี้แหละ จะช่วยให้การเปลี่ยนแปลงด้านอื่นๆทั้งหลาย โดยเฉพาะด้านการตระหนักรู้
และการยกระดับจิตสำนึกของมนุษย์เกิดขึ้นตามมา ทีละน้อย ทีละน้อย

4). ตอนนี้รูปธรรมชีวิตจากต่างมิติทั้งหลาย กำลังแบ่งงานกันทำเพื่อช่วยเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ด้านอื่นๆอยู่ด้วย
ทั้งด้านเศรษฐกิจ - สังคม - ศาสนา - การศึกษา - วิทยาศาสตร์ - การเมืองและการปกครอง และด้านอื่นๆอีกมากมาย
สรุปว่าทุกๆด้านหนะแหละ

ซึ่งส่วนหนึ่งของวิธีการที่พวกเขาใช้ก็คือ "ใช้คนมาเปลี่ยนคน" หรือ ใช้คนเป็นคนมาเปลี่ยน
หมายความว่า

- อาสาลงมาเกิดเป็น starseed เป็น lightworker เป็น indigo เพื่อเปลี่ยนแปลงโลก
อย่ามองข้ามคำพวกนี้ไปนะครับ เพราะว่า "พวกท่านบอกว่า"

ศาสดาทั้งหลาย, พระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย, ปูชนียบุคคลสำคัญๆของโลกทั้งหลาย
ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มาจากมิติที่สูงกว่า และมาเพื่อช่วยเหลือหรืออนุเคราะห์โลก และมนุษย์โลกทั้งนั้นแหละ
พวกท่านเหล่านี้ก็คือ Starseed, lightworker หรือ indigo นั่นเอง

- แปลงกายลงมา แอบแฝง และปะปนอยู่กับคนธรรมดาๆนี่แหละ
- มีฐานปฏิบัติการอยู่ใต้ดิน ใต้น้ำ คอยช่วยเหลือด้านต่างๆอยู่
- อยู่บนยานอวกาศ ลอยอยู่ในโหมดพรางตัวเหนือโลก และไกลโพ้นจากโลก
แต่ส่งความช่วยเหลือมาโดยตลอด เช่น คอยปัดลูกอุกาบาตรออกไปให้โลกอยุ่เป็นเนืองนิจ
คอยส่งคลื่นพลังงานมา บล็อก หรือ ทำให้หัวอาวุธนิวเคลียร์ของฝ่ายมืด ใช้การไม่ได้ เป็นต้น ฯลฯ

- ส่งกระแสจิต สื่อสารลงมาแจ้งข่าวต่างๆให้มนุษย์โลกที่สามารถรับสาส์นได้ทราบอยู่ตลอด
รวมถึงสอน หรือ อธิบาย ข้อมูล ความรู้ใหม่ๆให้มนุษย์ได้ทราบด้วย

ประเด็นนี้ก็อย่าเพิ่งดูถูกไปนะครับ เพราะว่าลองถาม "ผู้รู้" ดูสิครับ ว่าเวลานั่งสมาธิแล้ว
ความรู้ทั้งหลายมันจะผุดขึ้นมา รู้เอง เห็นเอง จริงหรือเปล่า ?

แล้วความรู้พวกนั้นมันมาจากไหนทราบไหมครับ? จากรูปธรรมชีวิตต่างมิติบ้าง
(ทั้งฝ่ายมืด และสว่าง เช่นครูบาอาจารย์ของเราเองเป็นต้น)
จากตัวตนที่สูงส่งกว่าของตัวเราเองบ้าง จาก collective consciousness ของจักรวาลเองบ้างก็มี

- ส่งกระแสจิตมาดลใจให้มนุษย์โลกบางคน "รู้" และ "คิดออก" และ "หาเจอ" ฯลฯ
เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการเลื่อนระดับขึ้น หรือ Ascension ของโลกใบนี้

แต่ทั้งหมดนี้ พวกเขาก็มีกฎที่พวกเขาเคารพอยู่นะครับ ก็คือ "กฎแห่งทางเลือกอิสระ" ของมนุษย์โลก
ที่พวกเขาจะไม่ละเมิดอย่างเด็ดขาด ถ้ามนุษย์ไม่ร้องขอเอง หรือ ถ้าพวกเขาไม่ได้รับคำสั่งจากเบื้องบนมา
หรือ ถ้าพวกเขาไม่ทำเพื่อปกป้องอะไรบางอย่าง พวกเขาก็จะไม่ละเมิดเด็ดขาด

ดังนั้น เวลาท่านนั่งสมาธิ ท่านจึงควรจะอาราธนาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้มาช่วยท่านไงหละครับ
หรือทางคริสต์ ก็ถึงต้องมีพิธีมอบกายถวายตัวให้เป็นคนของพระเจ้า อะไรแบบนั้น
เอ..พุทธก็มีนี่ครับ..พุทธัง สรนัง คัจฉามิ และต้องพูดถึงสามครั้งด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าเราตั้งใจ
ขอพึ่งท่านจริงๆ ท่านถึงจะช่วยได้

....เดี๋ยวค่อยมาต่อครับ...

...................................................................

 

ขอบคุณมากที่ตอบมาเพื่อให้เข้าใจมากขึ้น
ผมทราบดีว่าคุณเป็นเพียงผู้แปลเท่านั้น

 

โอ้! นึกว่าจะได้ดู Wimut ศิษย์ตถาคต ถองกับ Chayutt ศิษย์ต่างดาว หน้าจอคอมฯ อีกแล้ว เที่ยวนี้สุภาพกันดีแฮะ รึว่าพลังของโลกใบนี้มันปรับสูงขึ้น ละเอียดขึ้น จริงๆ (ping)


ปล. แซวกันเล่น ๆ สนุก ๆ นะครับ อย่าคิดมาก ไม่มีอะไรจริง ๆ(deejai)

 

เข้าใจตามนั้น แต่พลังงานเยอะหลากหลายเหลือเกิน
เกิดกันมาก็มากมายหลายแสนหลายล้านชาติ เป็นทุกอย่างแม้แต่มนุษย์ต่างดาวก็เคยเป็นกัน

แล้วจริงหรือไม่ที่ แรกเริ่มเดิมที ในจักรวาล มีจิตเกิดขึ้นเพียงดวงเดียว
และมีซื่อว่า "องค์ปฐมบรมบิดา" หลังจากนั้นได้แผ่พลังงานออกมาเป็นดวงจิตเล็กๆ ได้ 9600 ล้านล้านดวงจิต กระจายไปทั่วจักรวาล หากเรื่องนี้เป็นจริง
แสดงว่าทุกสิ่งล้วนแต่เป็นเพียงสมมุติ แท้จริงแล้วเราเป็นเพียงแค่พลังงาน
ที่สามารถพัฒนาได้ เช่น หากจิต(พลังงาน)นั้นไปเกาะกับวัตถุทั้งมีชีวิตและไม่มีชีวิต
-สำหรับกลุ่มที่ไปเกาะกับสิ่งมีชีวิตจะจดจำสภาพแวดล้อมตัวเองที่โตมาแล้วก็ยึดตัวเองว่าเป็นแบบนั้น แบบนี้(เช่นลูกคนมียศมีศักดิ์ก็จะคิดว่าตัวเองสูงเป็นต้น)
และยังเป็นกลุ่มที่มีชีวิตแต่เคลื่อนไหวไปใหนไม่ได้เช่นต้นไม้ ฯ
-สำหรับกลุ่มที่สองคือไปเกาะกับสิ่งไม่มีชีวิตเช่นหิน หรือต้นไม้ที่ตายแล้ว หรือรถต่างๆ

หลังจากดวงจิตไปแวะเที่ยวตามดวงดาวต่างๆแต่แล้วก็เกิดการเกาะติดหรือเสพสิ่งที่อยู่ในดวงดาวนั้น ก็เกิดเป็นรูปร่างต่างๆ ขึ้นมาที่ไม่เหมือนกันตามสภาพแวดล้อมของแต่ละที่ และก็มีการสมมุติชื่อเรียกที่แตกต่างกันไป หรืออักษรต่างๆ เพื่อใช้ในการสื่อสาร โดยลืมไปว่าแท้จริงแล้วตัวเองสามารถสื่อสารกันทางจิตได้แต่ไม่ได้ฝึก
ซึ่งบางดวงดาวก็สื่อสารได้เลยเมื่อเกิดมา ไม่เหมือนโลกนี้ซึ่งต้องฝึกเอา แต่หากฝึกได้สำเร็จก็จะมีพลังสูงมากกว่าดวงดาวอื่นๆ

จริงๆ แล้วมนุษย์สามารถฝึกได้ทุกคนและก็ทำได้เหมือนกัน เหาะ หายตัว ไม่หายใจ เพียงแค่เราฝึกแค่การหัดนั่ง-หัดคลาน-หัดยืน-หัดตั้งไข่-หัดเดิน-หัดวิ่ง
แต่เราไม่ได้หัดการทำเหาะ-หัดหายตัว เพราะเราคิดว่าแค่วิ่งก็เหนื่อยแล้วและเพียงพอกับการใช้ชีวิตแล้ว สุดท้ายพอใครฝึกต่อและทำได้ก็หาว่าเขาเป็นผู้วิเศษ
โดยลืมไปว่าตัวเองก็เป็นผู้วิเศษได้ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เองก็ได้ (ทำไมไม่ทำเอง)
ทำได้ไม่ยากเลยหากตั้งใจ เพียงสวดมนต์ปลุกเสกตัวเองทุกวันๆ เหมือนพระเด๋วก็ขลังเอง

ฉนั้นพลังงานก็มีมากมายหลายอย่างเราก็เลือกใช้ให้เหมาะสมแก่สภาพสิ่งมีชีวิต
เราก็ให้เรียนรู้โลกให้เพียงพอ แล้วก็หาจิตตัวเองให้เจอเบื่อเมื่อไรก็กลับบ้านเก่า
หรือในศาสนาพุทธ(คือนิพพาน) ,คริส(อยู่กับพระเจ้า), อิสลาส(อยู่กับพระอัลเลาะ) ฯลฯ

สัญญาเก่าของแต่ละคนก็มากมายเหมือนกันเพียงแค่ชาตินี้คลื่นพลังงาน(สัญญา)ใหนจะแรงกว่าจึงดึงเอาจิตเรา(รวมร่างกาย)ไปเกี่ยวข้องเรื่องนั้น แล้วบางคนไม่เข้าใจก็คิดว่าชาติก่อนตัวเองเป็นกษัตริย์ เลยไปติดอดีตอีก

ดังนั้น ศึกษาพระธรรมดีๆ จะเห็นว่า ทำไมท่านให้ตัดอย่างนี้ก่อน แล้วตัดอย่างโน้น
เช่นตัดรูป รส กลิ่น เสียง ผัสสะ จนเหลือแต่วิญญาณ แล้วให้ตัดวิญญาณอีก
ก็ให้เหลือแต่จิตเดิมแท้(หรือความว่างเปล่าที่ไม่ต้องการอะไรเลย)

ด้วยรักและห่วงใยทุกสรรพชีวิต

 

แล้วต่อคำถามที่ว่า โลกมันกำลังจะดีขึ้นจริงๆหรือ?
และหลังวันที่ 11-11-11 หรือแม้แต่ 21-12-12 ไปแล้ว
เมื่อเข้ายุคใหม่ไปแล้ว ทุกๆอย่างมันจะดีขึ้นอย่างที่เขาว่ามานั้นจริงๆหรือ?

ร่างกายเนื้อของมนุษย์กำลังจะเปลี่ยนจาก Carbon base
ไปเป็น Crystal base จริงหรือ?

ผมก็ไม่ทราบครับ แต่ผมมีความหวังไว้แบบนั้น และผมก็เชื่อแบบนั้นครับ
เพราะสิ่งที่ผมเห็น มันกำลังเป็นไปแบบนั้นจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นโลกทางกายภาพ
หรือโลกภายในของผมเองก็ตาม ในสายตาของผม..

ตอนนี้มันกำลังเป็นไปในทางที่ดีขึ้นทั้งหมดครับ

ทวีปอาฟริกา จากที่ถูกกดขี่มาตลอดด้วยผู้นำเผด็จการบ้าอำนาจ และโหดเหี้ยม
ตอนนี้ก็เริ่มทะยอยกันเรียกร้องเปลี่ยนผู้นำ - เปลี่ยนการปกครองแล้ว

นักการเมือง และระบบการเมืองของหลายๆประเทศ ทั่วโลก ก็เริ่มที่จะหันมาสู่ระบบที่
"ใส่ใจ" ต่อความเป็นอยู่ของประชาชนจริงๆแล้ว..เอ..อันนี้รวมถึงไทยด้วยไหมเนี่ย?

ท่านเคยสงสัยไหม ว่าทำไม "สหภาพโซเวียต" ที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ USA เลย
ทำไมเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว ถึงล่มสลายภายในข้ามคืน?

ท่านรู้ไหมว่าตอนนี้ และเร็วๆนี้ USA และ EU จะโดนอะไร เกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจ?

และท่านรู้ไหมว่า ระบบเศรษฐกิจโลก แบบเก่ากำลังจะล่มสลาย เพื่อไปสู่ระบบใหม่แล้ว
ท่านเคยได้ยินอะไรที่เขาเรียกกันว่า NASARA บ้างไหม?

ท่านเห็นไหมว่าข่าวการพบเห็น UFO มันมีมากขึ้น และถี่ขึ้น และมีทั่วโลกแล้ว
ท่านเห็นข้อมูลลับมากมายเกี่ยวกับเรื่องเลวๆทางการทหารของ USA
ถูกเปิดเผยออกมาทาง internet เพิ่มขึ้นบ้างไหม

ท่านเห็นการประท้วงของกลุ่มที่เรียกชื่อว่า Occupy ทั่วโลกไหม? พวกเขาเป็นใครและต้องการอะไร?

ท่านสังเกตเห็นภัยพิบัติที่เกิดขึ้นทั่วโลกไหม ว่ามันถี่ขึ้น และกระจายไปทั่วโลก
"โดยเฉพาะจุดที่ต้องมีการชำระล้าง" เอาพลังงานด้านลบออกไป

เช่น ประเทศไทยเป็นต้น อันนี้ก็ต้องล้างเอาพลังงานลบที่สะสมมา
ตั้งแต่การนองเลือดในสงครามหลายครั้ง สมัยสุโขทัย อยุธยา เป็นต้นมาโน้น ออกไป

แต่ท่านมองเห็นคุณูปการของเหตุการณ์ภัยพิบัติเหล่านี้ไหม?
ท่านเห็นสถานการณ์แห่งโอกาสที่คนไทยจะหวนคืนกลับมามีน้ำใจไมตรีต่อกัน
สมัครสมานสามัคคีกัน และรักกันเหมือนเดิมอีกครั้งหรือยัง?

และท่านเห็นไหมว่ามันกำลังเกิดขึ้นอยู่ด้วย..
ท่านจะเอาเงินเท่าไหร่? ไปซื้อสิ่งนี้ได้จากที่ไหน?

ท่านเห็นไหมว่ามีกลุ่มคนที่เรียกว่าพวก New Age เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆทั่วโลก
พวกนี้เป็นใคร พวกนี้ต้องการล้มล้างศาสนาของท่านหรือเปล่า?
หรือว่าพวกเขาต้องการเห็นทุกคน ทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา ทุกเพศ ทุกวัย
มีความรัก ความปรองดอง เป็นหนึ่งเดียวกัน ดำรงอยู่แบบ "มนุษย์โลก" เหมือนกัน
และมีศักดิ์ศรี และความเป็นคนเท่าเทียมกัน ไม่ถูกกีดกั้น แบ่งแยกด้วย "ความเชื่อ" เพียงเท่านั้น

ท่านสังเกตเห็นไหมว่า กาลเวลากำลังถูกเร่งให้เร็วขึ้นเรื่อยๆอยู่
ท่านสังเกตเห็นไหมว่า มีผู้คนที่พบกับประสบการณ์หลากมิติ หรือเริ่มได้อภิญญาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ท่านสังเกตเห็นไหมว่า มีผู้คนทั่วโลก ที่เห็นเลข 11:11 แบบ บ่อยจนผิดสังเกต มากขึ้นเรื่อยๆ
แม้ว่าตัวท่านเองจะไม่เคยเห็นแบบบ่อยๆจนผิดสังเกตเลย..และไม่เชื่อเรื่องนี้เลยก็ตาม
แต่ก็อย่าเพิ่งไปดูถูกวิจารณญาณของผู้อื่นนะครับ

เพราะแรกๆที่เห็น พวกเขาก็คงคิดเหมือนท่านนั่นแหละ ว่ามันอาจจะบังเอิญ หรือ ฯลฯ
อย่างที่ท่านคิดนั่นแหละ แต่เชื่อเถอะว่า มันบ่อย และบังเอิญบ่อยจนน่าสงสัย
พวกเขาก็เลยพากันยอมรับว่ามันแปลก..

อันนี้ผมก็ไม่รู้จะอธิบายให้ผู้ที่ไม่เคยเห็น หรือเจอเรื่องนี้เลย เข้าใจได้ยังไงนะครับ
เพราะว่าก็พวกเขาไม่เคยหนะ จะให้นึกออกได้ยังไงกัน..เฮ้อ..

ท่านรู้ไหมว่าตอนนี้มีผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะโลกตะวันตก เน้นนะครับ โลกตะวันตก ไม่ใช่ตะวันออก
หันมานั่งสมาธิ ฝึกจิต ฝึกโยคะ และแบบอื่นๆกันมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ

แต่อย่าเพิ่งไปคิดว่าพวกเขาหันมานับถือศาสนาพุทธ หรือศาสนาของทางตะวันออกอื่นๆหรอกนะครับ
เพราะว่าสมาธิมันเป็นของกลางๆ และมันก็มีประโยชน์ต่อกายและจิต อย่างที่พวกเขามีวิจัยกันมาแล้ว
พวกเขาเริ่มรู้กันแล้ว พวกเขาถึงหันมาใส่ใจด้านจิตวิญญาณกันมากยิ่งขึ้น

และที่สำคัญ พวกเขาก็รู้อย่างที่เรารู้นั่นแหละครับ ว่า สมาธิคือเส้นทางสู่การรู้แจ้ง
คือประตูสู่การสื่อสารกับโลกแห่งจิตวิญญาณ กับพระเจ้า และกับตัวตนที่สูงส่งกว่าของตัวเราเอง

ท่านรู้ไหมว่าตอนนี้ โลกทางตะวันตก เขาหันมายอมรับเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดกันมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว
แม้ว่าในศาสนาที่พวกเขานับถือกันอยู่แท้ๆจะปฏิเสธเรื่องนี้ไปโดยสิ้นเชิงก็ตาม

ท่านรู้ไหมว่า ตอนนี้มีผลการค้นคว้าวิจัยด้านจิตใจ ด้านจิตวิญญาณออกมามากมาย
สอดรับกับคำสอนของศาสนาต่างๆทั้งทางตะวันออกและตะวันตกอย่างน่าทึ่ง

ท่านรู้ไหมว่าตอนนี้เทคโนโลยี และอุปกรณ์ไฮเทคต่างๆ เกี่ยวกับ free energy และอื่นๆ
ได้ถูกคิดค้นได้แล้ว และสามารถนำมาใช้งานได้แล้ว นานกว่า 20 ปีมาแล้ว เพียงแต่ตอนนี้
พวกมันยังถูกสกัดกั้นจากผู้มีอำนาจและกลัวสูญเสียผลประโยชน์อยู่เฉยๆเท่านั้น

ท่านสังเกตไหมว่า ตอนนี้ความตระหนักรู้ของคนทั่วโลก เกี่ยวกับความสำคัญของการอนุรักษ์ธรรมชาติ
และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มีเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆแล้ว มนุษย์โลกเริ่มหันมายอมรับกันกว้างขวางมากขึ้นแล้วว่า
มนุษย์ไม่อาจอยู่แยกขาดจากธรรมชาติได้ และไม่อาจอยู่แยกขาดจากกันได้ เพราะว่า
เหตุการณ์อะไรที่เกิดขึ้นกับภูมิภาคไหนของโลกก็ตาม มันก็ย่อมจะส่งผลกระทบกับส่วนที่เหลือของโลกด้วยเช่นกัน
ไม่มากก็น้อย..เพราะ เด็ดดอกไม้..สะเทือนถึงดวงดาว..

และสุดท้าย ตัวท่านเอง สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย และจิตใจของตัวเองบ้างหรือเปล่า
แน่นอนว่าระดับการเปลี่ยนแปลงของแต่ละคน อาจจะไม่เท่ากัน ตั้งแต่ 0% ไปจนถึงหลาย %
ขึ้นอยู่กับมุมมองการมองโลก ความเชื่อ และวิถีชีวิต
รวมถึงระดับการเอาใจใส่ฝึกฝนปฏิบัติจิตของแต่ละคนด้วย

ก็สรุปว่า..โดยส่วนตัวผม ผมมองเห็นสิ่งที่เล่ามาแล้วนี้แหละครับ
รวมถึงมองเห็นสิ่งอื่นๆที่ยังไม่ได้เล่าด้วย เพราะนึกไม่ออก นึกไม่ทัน ฯลฯ

ก็..รอดูกันต่อไปครับ..อีกไม่กี่วันเองนี่นา..
และกว่าจะถึง 21-12-12 มันก็อีกแค่ปีกว่าๆเท่านั้นเอง

......................................................

 

ละวางอัตตาได้มากเท่าไหร่ ยิ่ง รู้ เห็น เข้าใจ... ได้มากเท่านั้น

ฝากให้ใครบางคน อิอิ

 

ตั้งแต่เมื่อวาน พลังงานบางอย่างก็เริ่มรู้สึกได้แล้ว ลองสังเกตุดูไหม

 

บางส่วนของข้อความจากท่าน SaLuSa ในเรื่องเดียวกันนี้

ที่สื่อสารมาเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2011
ผู้รับสาส์น: นาย Mike Quinsey

ที่มา:
Mike Quinsey - SaLuSa, November 7, 2011

…

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม พวกเราก็ยังคงไปได้ดีบนเส้นทางของพวกเรา
ที่จะเริ่มต้นปีใหม่ด้วยชัยชนะเหนือฝ่ายมืด และยิ่งใกล้สัปดาห์หน้าเข้ามาเท่าไหร่
มันก็มีเหตุการณ์อยู่ 2 เหตุการณ์ที่โดดเด่นรออยู่

เหตุการณ์แรกก็คือ ในช่วงกลางสัปดาห์หน้านี้
จะมีการมาถึงของสิ่งที่ถูกเข้าใจผิดมาตลอดว่า
เป็นดาวเคราะห์น้อย (asteroid)

แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่!

เพราะว่ามันคือยานอวกาศที่ถูกควบคุมด้วยระบบอัจฉริยะลำหนึ่ง
และมันก็รอที่จะถูกเห็นอยู่ว่ามันจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
กับดาวเคราะห์โลกและดวงจันทร์ของพวกคุณ

................................................................

อ้างอิง:

“นาซ่าเตือน ดาวเคราะห์ 2005 YU55 เข้าใกล้โลกมากที่สุด พฤศจิกายนนี้”



ที่มา:
http://palungjit.org/threads/นาซ่าเ...5-เข้าใกล้โลกมากที่สุด-8-พฤศจิกายนนี้.290469/
…………………………………………………………………

พวกคุณได้เฝ้ารอคอยให้ถึงวันศุกร์นี้กันมานานแล้ว วันที่ 11-11-11
เพราะว่ามันจะมีการเพิ่มขึ้นครั้งใหญ่ของพลังงานอีกครั้งหนึ่ง
และมันจะนำพาการยกระดับขึ้นของจิตสำนึกอันวิเศษมาสู่พวกคุณด้วย
ผลกระทบโดยรวมของมันจะปรากฎชัดออกมาในรูปแบบของ
“คลื่นระลอกใหม่แห่งความรักของผู้คนทั้งโลก”

ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ จงหาที่เงียบสงบอยู่ ในที่ๆพวกคุณสามารถพักผ่อนได้
และเปิดตัวเองออกมารับพลังงานนี้ได้

แต่จงอย่าลืมว่าตอนนี้พลังงานนี้ก็กำลังเริ่มต้นปรากฎขึ้นมาแล้ว
และพวกคุณก็สามารถเตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับวันนั้นได้
โดยการดำรงอยู่ในความสงบเยือกเย็นและสันติสุข

…

........................................

 

ขอบคุณค่ะ ดิฉันก็เป็นผู้หนึ่งที่ตั้งความหวังไปในทางที่ดี และรอคอยสิ่งดีๆนั้นอยู่

 

จากเผาศพแล้วเหลือขี้เถ้าคาร์บอน ก็กลายเป็นผลึกสิครับ
หรือพระพุทธเจ้าที่นิพพานไป เผาร่างแล้วเหลือเป็นพระธาตุนี่... จะจัดอยู่หมวดCrystal base ด้วยหรือเปล่าครับ ถ้าใช่ก็.....คงเป็นเรื่อง เดียวกัน ที่คาดไม่ถึง มันเกิดมาแล้วก่อนหน้า และก็มาวนอีกรอบเรื่อยๆแฮะ......

นั่นสิครับ

หลังเหตุการ์ณนองเลือดจริงๆเนอะ ไม่บังเอิญมั้ง เหมือนทุกสิ่งมีชีวิต แม้แต่ สังคม โลก แผ่นดิน มันจ้องจะกลับไปเป็นเหมือนเก่า เพื่อสมดุลมั้ง ขุดหินปูนทรายย้ายที่ ตรงที่ขุดหาย นานวัน ตรงที่โดนขุดก็จะหาวิธีนำกลับมาได้จนเหมือนเดิม โดยพลังงานลึกลับ....

 

น่าสนใจ ติดตามอ่านอยู่ค่ะ ขอบคุณในความเสียสละของคุณchayutt ที่แปลเรื่องราวมาเล่าสู่กัน ลำพังดิฉันเองไม่มีปัญญาแปล ความรู้ภาษาอังกฤษน้อยกว่าหางอี่ง

 

มันก็แค่วันที่ 11-11-54 แต่คนไทยไปเห่อนับปีคริสต์ศักราชตามฝรั่ง

เลยกลายเป็น 11-11-11 กลัวไม่เท่มั้ง สุดท้ายสิ่งที่ล่มสลายก็คือ

การนับปีแบบพุทธศักราชครับ

 

ปี พุทธศักราช บ่งบอกความเป็นไทยที่สุดครับ
ปี คริสตศักราช บ่งบอกความเป็นสากลในโลกครับ

 

เรื่องเกี่ยวกับปี พ.ศ.แบบไทย หรือปี ค.ศ.แบบฝรั่งนี่ ไม่ใช่ประเด็น
แสดงว่า ยังไม่ได้อ่านข้อความนี้เลย หรืออ่านแล้วเข้าใจไม่กระจ่างกระมังครับ

แม้ว่าลำพังตัวเลขเอง มันจะมีพลังในตัวมันเองอยู่แล้วก็ตาม
แต่เหนือสิ่งอื่นใด เพราะมันถูกตั้งโปรแกรมไว้แล้ว
โดยสมาพันธ์ชาวดาวซีรีอุส และดาวลูกไก่หนะครับ
ว่าวันที่ที่มีเลขตอง ของ 12 ปีนี้ คือ ปี 2001 - 2012
จะให้เป็นวันที่มีการ Activate โครงข่ายพลังงานคริสตัลไลน์ของโลกหนะครับ

เพราะฉะนั้น นี่จึงคือประเด็นครับ..

......................................

 

เรื่องเกี่ยวกับการเปลี่ยนโครงสร้างกายเนื้อของมนุษย์โลก
จาก Carbon base ไปเป็น Crystal base นี่
ผมก็ตั้งใจไว้ว่าจะมาขยายความเพิ่มเติมอยู่เหมือนกันหละครับ

แต่ว่าผมก็ไม่รู้ละเอียดนักหรอกนะครับ เพียงแต่ว่าคิดว่ามันน่าจะเป็นไปได้อยู่

วิธีการก็คือ ใช้พลังงาน , คลื่นความถี่ และ แสงสว่างทั้งจากภายนอกโลก
และจากภายในจิตใจของมนุษย์เองนี่แหละครับเป็นเครื่องมือ

ถ้าท่านเคยอ่านกระทู้แปลเรื่องเกี่ยวกับ DNA ที่ผมแปลและโพสต์ไว้นานแล้วมาบ้างแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของผลการวิจัยจากรัซเซียเรื่อง DNA
หรือในแง่ของข้อความจากต่างมิติ โดยเฉพาะจากครายออน ที่พูดถึง DNA เอาไว้มากเหลือเกินนั้นก็ตาม
ท่านก็คงจะพอมองภาพของมันออกคร่าวๆ-ลางๆแล้วกระมัง

การจะเปลี่ยนอะไรในกายเนื้อของมนุษย์ จะต้องไปเปลี่ยนที่ DNA ก่อน
และการจะเปลี่ยนอะไรที่ DNA ได้ ก็ต้องเปลี่ยนที่รหัสพันธุกรรมในนั้นก่อน
ซึ่งตอนนี้ DNA ของมนุษย์โลก นอกจากจะกำลังมีการเปลี่ยนแปลงด้านรหัสดังกล่าวแล้ว
ยังกำลังถูก Upgrade จาก DNA ที่มีสาย DNA อยู่ 2 เกลียว ในมิติเดียว ชั้นเดียว
ให้กลายเป็น DNA ที่มี 12 ชั้น ใน 12 มิติอีกด้วย เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีมากขึ้น

ส่วนการจะเปลี่ยนข้อมูลในรหัสพันธุกรรมใน DNA ได้นั้น
ก็ต้องใช้วิธีการโปรแกรมข้อมูล หรือใส่ข้อมูลลงไปใหม่
บวกกับการใช้ความสั่นสะเทือนของพลังงานที่สูงๆเข้าไปร่วมด้วย..

และแม้ว่าผมเอง ก็ไม่ค่อยรู้อะไรมากนักเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้
แต่ผมก็อยากจะขอแชร์ข้อมูลเอาไว้สักนิดหนึ่ง ตามความเข้าใจของผมหนะนะครับ

ว่า..การใส่ข้อมูลลงไปใหม่ใน DNA ครายออนพูดถึงสองวิธีการ คือผ่านทางสมาธิระดับ 2 ขึ้นไป
เพราะว่า DNA เป็นของหลากมิติ ดังนั้น ก็เลยต้องเข้าไปสั่งการมันโดยตรงจากสภาวะหลากมิตินั้นเลย
ครายออนบอกว่า ถ้าใครทำได้ สิ่งอัศจรรย์ก็จะเกิดขึ้นกับคนๆนั้นทันที
เช่น เรื่องการล่องหนหายตัวนี่ ก็จะกลายเป็นเรื่องปกติที่คนๆนั้นจะทำได้เลยทีเดียว

วิธีที่สองเป็นวิธีสำหรับคนปกติ คือสั่งการโดยผ่านทางความเชื่อ คือเชื่ออย่างแท้จริงทั้ง 100% ว่า

ร่างกายของมนุษย์ถูกออกแบบมาให้ฟื้นฟูตัวเองได้อยู่แล้ว และมันก็มีศักยภาพมากมายเกินกว่าที่เราคิดกันนัก
เชื่อในความเป็นไปได้ เชื่อว่าทุกอย่างล้วนเป็นไปได้ทั้งนั้น เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง
เชื่อในศักยภาพของตนเอง เชื่อว่าเราเองนี่แหละ คือผู้ที่สร้างโลกแห่งความเป็นจริงของตัวเองขึ้นมาเอง
เชื่อว่าเรานี่แหละ คือผู้ที่กำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง ฯลฯ

สรุปว่าออกจากกรอบหรือข้อจำกัดด้านความเชื่อที่คับแคบทั้งหลายนั้นเสีย
ดังนั้น เราเชื่ออย่างไร เราก็จะได้อย่างนั้น..ครายออนว่างั้นนะครับ

เพราะว่าเราเชื่ออย่างไร ก็เท่ากับว่าเราบอกตัวเองว่าอย่างนั้น
ก็คือการที่เราสั่ง DNA ของเราเองว่าอย่างนั้น อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั่นเอง

ประเด็นต่อมา ก็คือการเปลี่ยนแปลงของ DNA เพราะผลกระทบของระดับพลังงานของโลก
ที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆอยู่นี้..

ถ้าท่านได้อ่านรายงานการค้นคว้าวิจัยด้าน DNA ของนักวิทยาศาสตร์ชาวรัซเซียมาแล้ว
ท่านจะเข้าใจ และเชื่อว่ามันเป็นไปได้เหมือนกัน เพราะว่าพวกเขาเอาไข่กบมา
แล้วฉายรังสีที่มีคลื่นความถี่เฉพาะเจาะจงบางความถี่ลงไป
ปรากฎว่า ไข่กบ พอฟักตัวออกมา กลายเป็นซาลาเมนเดอร์หมดเลย

ผลการทดลองกับไข่ไก่หรือไข่เป็ดนะ จำไม่ค่อยได้นัก ก็ได้ผลแปลกประหลาดเหมือนกัน
คือลูกเป็ดมีอวัยวะบางส่วน เช่นเท้า แปลกไป อะไรแบบนั้นหนะครับ

แต่ว่าในกรณีของมนุษย์โลก ที่กำลังแช่ อาบ อยู่ในกระแสพลังงานที่กำลังถูกส่งมาจากมิติต่างๆ
รวมทั้งจากใจกลางกาแล็กซี่ และจากคริสตัล, Sun disc, Pyramid และอื่นๆอยู่นี้
มันไม่ได้เป็นไปแบบสุ่ม หรือแบบตามยถากรรม
ดังนั้น ผลลัพธ์ของมัน จึงถูกออกแบบและคำนวนมาอย่างดีแล้ว
โดยรูปธรรมชีวิตทรงภูมิปัญญาชั้นสูงแห่งแสงสว่างทั้งหลาย
เพราะฉะนั้น จึงมีแต่จะดีขึ้นและดีขึ้น อะไรทำนองนั้นหนะครับ ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง

แสงสว่างจากภายในร่างกายและจิตใจของมนุษย์เอง
นี่ก็ช่วยเปลี่ยนแปลงรหัสข้อมูลใน DNA ของมนุษย์ได้เหมือนกันครับ
ผมใช้คำว่าแสงสว่างจากร่างกาย และ จิตใจ เพราะผมหมายถึงทั้งสองด้านจริงๆ

รูปธรรมชีวิตจากต่างมิติทั้งหลายบอกว่า ร่างกายเราต้องดูดซับแสงสว่างเอาไว้ให้มากๆ
ยิ่งมากเท่าไหร่ พัฒนาการของร่างกายเนื้อก็ยิ่งจะดีขึ้นตามไปด้วย
แต่ว่าปัจจัยมันก็โยงไปเกี่ยวกับจิตใจด้วยอีกนั่นแหละ คือถ้าระดับจิตสำนึกอยู่ในระดับไหน
ความสามารถในการดูดซับแสงสว่างของเซลในร่างกาย ก็จะแปรผันเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมกันนั้นด้วย
ดังนั้น ไม่ใช่ว่าจะไปนั่งตากแดดมากๆแล้วจะบรรลุอะไรได้หรอกนะครับ
มันต้องมีระดับจิตสำนึกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

และในทางตรงกันข้ามกัน ถ้าระดับจิตสำนึกของมนุษย์คนใดสูงขึ้นเรื่อยๆแล้ว
ไม่ว่าจะเกิดจากการปฏิบัติธรรม หรือเกิดจากอะไรก็ตาม เช่น บรรลุถึงขั้นมีความรักแบบปราศจากเงื่อนไขได้แล้ว
เซลในร่างกายของคนผู้นั้น ก็จะสามารถดูดซับแสงสว่างได้มากขึ้น ระบบข้อมูลใน DNA ของคนผู้นั้น
ก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นด้วย..อะไรทำนองนั้นหนะครับ

........................................................

 

คนดี สมควรได้รับรางวัล..เป็นกำลังใจให้ผู้ทำดีทุกท่าน

 

ขออนุญาติ save ขอส่งต่อ อนุโมทนาค่ะ :z8

 

ตอนแรกผมก็สงสัยแบบนี้แหละครับ แต่พออ่านของบทความ Kryon จริง ๆ ไม่เกี่ยวกับ ค.ศ. หรือ พ.ศ. หรือ ฮ.ศ. เลย เค้าว่ามันเป็นการทำงานรวมของ interdimentional(แนะแดะพูด Eng อีกตรู (deejai)) แต่พอต้องอธิบายมาให้คนในมิติของเรา ๆ ท่าน ๆ เข้าใจก็ออกมาในรูปแบบเวลาวันที่สถานที่ เพื่อให้เรารับรู้ได้...มั้ง?????

ก็ยังต้องติดตามกันต่อไป :boo:

 

วันนี้ได้เข้าไปอ่านข้อความจากเวปไซต์นี้แล้ว

Fun Factory Blog

ก็เลยนึกถึงความฝันของตัวเองขึ้นมาได้บ้าง
เพราะว่าสภาสูงแห่งชาวดาวลูกไก่ (Pleiadian High Council)
บอกว่าวันที่ 11-11-11 นี้พวกที่เป็น Starseed,
Lightworker, หรือ indigo ที่อยู่แนวหน้าทั้งหลาย
จะถูกกระตุ้นให้มีความสามารถด้านพลังจิต และอื่นๆกลับคืนมาเหมือนเดิม

ส่วนความฝันของผมเองนั้น ทีแรกก็ไม่กะจะเล่าหรอกนะครับ
แต่เห็นว่าสอดคล้องกับข้อความที่ว่านั้นอยู่ เลยว่าจะขอเล่าทิ้งไว้สักหน่อย

ผมฝันว่า ฝันหรือเปล่าไม่รู้นะครับ เพราะมันเป็นเสียงบรรยายในหัว
พร้อมกับมีภาพให้ดูเป็นฉากๆประกอบไปด้วย ประมาณว่า
ในวันที่ 11-11-11 นี้พวกที่เป็น starseed, lightworker, indigo ทั้งหลาย
ซึ่งใน DNA ของพวกเขา มีการใส่ "รหัสแห่งการตื่น" เอาไว้อยู่แล้วนั้น
จะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจำนวนมากมายก่ายกองเลยทีเดียว

ก็รอคอยดูกันไปนะครับ ใครรู้ตัวเอง ก็เตรียมความพร้อมทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจเอาไว้นะครับ
และอย่าลืมนั่งสมาธิด้วย เพื่อรับพลังงาน และเพื่อชำระสะสางพลังงานด้านลบออกไป
และเพื่อพัฒนาจิตใจตัวเองด้วย

ซึ่งถึงแม้ว่าอาจจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างที่ว่านี้เกิดขึ้นกับเราก็ตาม
แต่การนั่งสมาธิ ก็เป็นสิ่งที่ดีและควรทำอยู่แล้ว ถูกไหมครับ ไม่เสียหายอะไรเลย

.....................................................

 

ชั่งนี้ฝันอุตลุด ฝันดีจัง ฝันว่าได้ไปที่แปลกๆ ฝันว่าเป็นใครก็ไม่รู้แต่ที่รู้ๆในฝันนั้นคือตัวเรา

เมื่อคืนก็ฝันอีก ฝันว่าได้สู้กับสิงห์โต สิงห์โตมันงับขาเอาเห็นฟันเขี้ยวย้าวยาวแต่ตัวเราไม่กลัวนะก็เอาปากกาจิ้มตามัน แต่แปลก ปากกาไม่ทะลุตาสิงห์โต ก็เลยเอาปากกาหมุนค้วานลูกกะตามันซะเลย