กายวัชระ หรือกายทิพย์ขั้นเพชร และการบำเพ็ญอาวุธทิพย์ชั้นเพชร

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 8 พฤศจิกายน 2011.

  1. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    อรหันต์ร่างทองคำ จะมีกายทิพย์ที่มีรัศมีสีทอง จึงเรียกว่า
    อรหันต์ร่างทองคำ ทว่า ยังนับว่าบารมีน้อยกว่าขั้นเพชรฯ
    เพราะยังมีผู้บำเพ็ญกายทิพย์ได้ถึงชั้น "แก้วใส" มากมาย
    เช่น พระอินทร์ เป็นต้น ทว่า กายแก้วใส ยังไม่เท่ากายเป็น
    เพชร ไม่ใช่แค่กายทองคำ แบบพระสังข์ทองเท่านั้น แต่นี่
    เหนือกว่าขึ้นไปอีก ทว่า จะฝึกสำเร็จได้อย่างไร? ในหลัก
    การฝึกของวัชรยาน จะมีสักกี่คนที่เข้าถึงกายทิพย์ชั้นนี้?
     
  2. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    นนทุกข์ ผู้มีนิ้วเพชรชี้ใครตายก็ได้ แล้วผู้มีกายทิพย์เพชรละ?


    นนทุกข์มีนิ้วเพชร แต่เฉพาะนิ้วเขาเท่านั้นที่เป็นเพชร ดังนั้น เมื่อเขา
    ชี้นิ้วเข้าตัวเอง กายทิพย์ที่ไม่ใช่เพชร ไม่อาจรับสภาวะของพลังนั้นๆ
    ได้ กายทิพย์ก็สลายแล้วจุติ (ตายจากความเป็นเทวดา) แต่ในผู้มีร่าง
    เพชร (ร่างวัชระ) ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะร่างทั้งร่างเป็นเพชรทั้งหมดจึง
    ดำรงคงสภาวะและรับสภาวะธรรมขั้นเพชรได้ ทว่า ผู้อื่นไม่สามารถที่
    จะรับสภาวะธรรมขั้นนี้ได้ สำหรับบางท่าน บำเพ็ญบารมีสายวัชรยาน
    แล้วไม่ได้สำเร็จกายเพชร แต่ได้ "รูปแบบการปฏิบัติ" หรือ "มรรควิธี"
    ที่ตรงทางสายวัชรยาน ก็จะได้บารมีเป็น "อาวุธทิพย์ชั้นเพชร" ดังเช่น
    ขวานฟ้า (ขวานเพชรที่สลัดพลังออกมาเป็นสายฟ้าได้) เป็นต้น อนึ่ง
    ของทิพย์ที่เป็นเพชร จะตัดสิ่งอื่นที่อ่อนกว่าเพชรได้ทั้งหมด เช่น ทอง
    ก็ถูกตัดได้ แต่ถ้าทำเช่นนั้น พลังจะรุนแรงเกินไป บางท่านจึงใช้แต่การ
    "สลัดเบาๆ" ทางจิต เช่น บอกเบาๆ เล่าเบาๆ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดสายฟ้า
    (พลังทิพย์) แล่นออกมาตรงเป้าหมาย จิตวิญญาณสัตว์ถึงแก่สลายตาย
    แล้วเกิดใหม่ได้ทันที เช่น มารถูกสายฟ้าและตายกลายเป็นกุมาร ก็มีได้
    ซึ่งวิธีนี้ เหมาะสมกับสายวัชรยานมากกว่า มิเช่นนั้น จะกลายเป็นคนพวก
    "ขวานผ่าซาก" คือ ดูดุดันรุนแรงเกินไป เถรตรงเกินไป เพราะพลังนั้นฯ
     
  3. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ผู้มีกายทิพย์เพชรแล้ว ดังมีอาวุธเป็นร่างกาย อาวุธทิพย์ใดๆ ก็ไม่ต้อง


    การบำเพ็ญบารมีจนถึงขั้นนี้ได้ ผู้บำเพ็ญจะผ่านด่านพิสูจน์ใจ "สละของทิพย์"
    ของทิพย์อันเป็นเพชรที่ล้ำค่า ที่ตนบำเพ็ญได้ ต้องสลาย มลายไป หรือให้แก่
    ผู้อื่นไป ทำใจได้หรือไม่? ถ้าทำได้ จะไม่ยึดติดมรรควิธี ไม่ยึดติดรูปแบบใดๆ
    (ผู้ถืออาวุธทิพย์ ใช้จนติดมือ ติดนิสัย ก็คือ ผู้ใช้มรรควิธีเดิมๆ ไม่ยอมปล่อย)
    ถึงจุดนี้ ถ้าทำใจได้ กายทิพย์จะขึ้นชั้น "กายวัชระหรือกายเพชร" ทุกส่วนของ
    ร่างกายก็เป็นดั่งอาวุธทิพย์ ไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธทิพย์ใดๆ อีกต่อไป อนึ่ง ใน
    ผู้คนทั้งหลายที่บำเพ็ญธรรม ก็ล้วนได้บารมี ได้ของดีในตัวเองกันทั้งนั้น แต่จะ
    มีใครเข้าใจว่าตนเองมีของดีอะไร ยึดติด ชินกับการใช้อะไรบ่อยๆ และท้ายที่สุด
    จะปล่อยวางสิ่งที่ตนยึดติดและใช้วิธีนั้นๆ จนชินได้อย่างไร? เช่น ชอบจับคู่คน
    ให้ได้เป็นสามีภรรยากันบ่อยๆ จนชิน นานวันเข้า จะกลายเป็น "บ่วงบาศก์บ้าง"
    เป็น "โซ่ตรวนบ้าง" ผู้มัดคนเป็นคู่ๆ ก็มี อันนี้ ใช้บ่อยๆ จนติดเป็นนิสัยได้ ...
     
  4. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    พลังจิตของคนที่ได้ "รูปฌาน" แล้ว ล้วนก่อตัวเป็นอาวุธทิพย์ได้ทั้งสิ้น


    ผู้ที่สำเร็จรุปฌานแล้ว ซึ่งมีอยู่มากมายในนี้ เมื่อกระทำจิตซ้ำๆ ติดชินวิสัยเดิมๆ
    พลังจิตที่ย้ำซ้ำๆ จะสะสมและก่อตัวเป็น "รูป" อาวุธทิพย์อย่างใดอย่างหนึ่งได้
    เช่น ติดนิสัยชอบพูดขวานผ่าซาก แต่ตรงและถูกจริง ก็ก่อตัวเป็น "ขวานเพชร"
    ได้, ติดชอบฟาดธรรมะใส่คนแรงๆ แต่ถูกต้องตรงไปตรงมา ก็ก่อตัวเป็นพลอง
    เพชรได้ หรือบางคนติด "ชอบตัด ชอบปฏิเสธ" ในฉับพลันที่รูปนามกระทบตน
    นี่ก็ก่อตัวเป็น "ดาบเพชร" ได้เช่นกัน ทั้งหมดนี้ ล้วนมีรูปแบบทั้งสิ้น จึงยังติดใน
    "รูปราคะ" อันเป็นด่านท้ายๆ ก่อนถึงอรหันต์ เมื่อติดอาวุธ ติดชินวิสัยเดิมๆ และ
    ติดชินมรรควิธีอย่างนี้เสมอๆ จึงกลายเป็น "อนาคามี" ไป มิสำเร็จอรหันตผลได้
     
  5. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    อาวุธทิพย์ชั้นเพชรเกิดขึ้นได้ยาก ส่วนใหญ่เกิดจากปราณชนิดอื่น


    เช่น คนที่ยึดติดในคุณธรรม จะมีปราณธาตุทอง สะสมในร่างกายมาก คือ
    คนกลุ่มนี้ จะยึดติดความดี, และละเว้นความชั่ว ทำให้มีตบะสะสมมากเป็น
    ปราณธาตุทอง เมื่อก่อเกิดอาวุธทิพย์แล้วจะได้ชั้นทอง เช่น "ลูกศรทอง"
    เป็นต้น ทว่า คนที่จะมีพลังปราณธาตุวัชระ (เพชร) มากพอสั่งสมขึ้นชั้นที่
    มีอาวุธเพชรได้นั้น จะต้องมีจิตตรงนิพพานจริงๆ แล้วอย่างน้อยระดับหนึ่ง
    สะสมมากพอแล้วก่อตัวด้วยอำนาจแห่ง "รูปฌาน" ซึ่งตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็
    ดี กลายเป็นรูปอาวุธทิพย์ชนิดใดชนิดหนึ่งได้ ทั้งนี้ สิ่งนี้ก่อเกิดด้วย "เหตุ"
    คือ "ปราณธาตุ" เป็นพื้นฐานสำคัญ ถ้าคนมีความเก็บกดเคียดแค้นมาก ก็
    จะมีปราณธาตุดำ หรือธาตุมาร พลังเหล่านี้ถ้าก่อตัวแล้วจะได้อาวุธทิพย์สี
    ดำเป็นอาวุธของภาคมาร เป็นต้น ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่าอาวุธเพชรนี้หายาก
     
  6. kongsin

    kongsin Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +71
    หมายความว่า นิ้ว ของนนทุกข์ เป็นเพชร ต้องเหลืออยู่ที่ไหนสักแห่งเป็นแน่
     
  7. ไอ้นอกโลก

    ไอ้นอกโลก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    572
    ค่าพลัง:
    +72
    วันนี้อารมณ์ซึมเศร้าครับ อ่านธรรมไม่รู้เรื่องซ่ะแล้ว..(วันหลังค่อยมาอ่านใหม่นะท่าน)
     
  8. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    นั่นคือ ภาวะการปรับสมดุลในร่างกาย
    ถ้าอ่านธรรมที่ใส น้อมจิตตามจนใสมาก
    ร่างสังขารจะทรงสภาวะไม่ไหว เบื่อหน่าย
    อ่านแล้วก็รู้สึกไม่มีอะไรให้ติด ไร้สาระ เบื่อ
    นั่นและจะตรงสู่นิพพิทาญาณ ตรงสู่นิพพาน
    เมื่อสภาวะร่างกายไม่พร้อม มันจะปรับสมดุล
    ธาตุภายใน "พลังดำ" จำนวนมากจะไหลเข้ามา
    ที่เขาเรียกว่า "กิเลสจร" ไม่ใช่ตัวเรา ของเรา อนัตตา
    เกิดได้ ดับได้ มาเองได้ ไปเองได้ เป็นพลังธาตุชนิดหนึ่ง
    เกิดมากช่วงที่มนุษย์มีความทุกข์หม่นหมอง สะสมในบรรยากาศ
    แล้วบุคคลที่มีลักษณะพิเศษ สามารถเก็บ ดูดซับ สะสมไว้ในร่างกายได้
    เพื่อทรงขันธ์ ทรงสังขารให้ดำรงคงทำกิจบนโลกต่อไป ไม่รีบละสังขารนั่นเอง
     
  9. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    เคล็ดการฝึกพลังวัชระ


    จะเริ่มต้นจากจิตตรงนิพพานแน่วแน่ชัดก่อน
    ช่วงนี้ จิตมีกำลังอ่อน พบสภาวะธรรมจริงแท้
    สัจธรรมจริงแท้ ยังตั้งรับได้ไม่ดีนัก มันจะอ่อน
    เหมือนน้ำ แต่ใสปิ๊ง ไม่มีอะไรเจือปน


    ขั้นต่อไป เมื่อใสแล้วรับ "พลังแสงสว่าง" อัน
    เป็นพลังสายร้อน สิ่งตรงข้ามทดสอบ ถ้าไม่ผ่าน
    พลังวัชระจะสลายหมด เหมือนน้ำต้องแสงแดดระเหย
    ไป แต่ถ้าผ่านด่านได้ จะส่องสว่าง เปล่งประกาย อุปมา
    เหมือน "หยาดน้ำค้างต้องแสงอาทิตย์ยามอรุณ" ฉะนั้น
    จิตของท่านมีลักษณะ 1. ใส 2. เปล่งประกาย 3. อ่อนโยน
    ควรแก่งานแล้ว ก็จะเข้าสู่วัชระขั้นต่อไป คือ "แข็งขึ้นรูป"


    ขั้นนี้ จะเหมือนน้ำที่หลอมตัวกลายเป็นน้ำแข็ง ถ้าไม่มีความขุ่นมัว
    ในจิต จะเกิดเป็น "แก้วใส" เปล่งประกายได้ แต่ถ้ามีความขุ่นมัวในจิต
    จะกลายสภาพเป็น "น้ำแข็ง" แข็งแต่ขาวขุ่น อันนี้ ใช้ไม่ได้ จิตที่แข็ง
    แต่ขาวขุ่น มีความเยือกเย็น เลือดเย็น ไม่ควรแก่งาน


    ขั้นต่อไป ถ้าแข็งเป็นแก้วดีแล้ว จะได้รับการทดสอบจาก "อาวุธทิพย์"
    เหมือนเพชรตัดเพชร คือ คนที่มีพลังวัชระ อาวุธเพชร จะเข้ามากระทบ
    กระทั่งด้วย เมื่อเราใจแข็ง พลิกแพลงรับได้ ดุจ พลิกเพชรไปมารับการ
    เจียระไนฉะนั้น สุดท้ายจึงสำเร็จเป็นเพชรแท้ได้


    สิ่งนี้ ท่านจะทำไม่ได้ ข้าพเจ้าไม่มีบารมีพอเป็นครูของท่าน
    ไม่ใช่กิจ ไม่ใช่หน้าที่ของข้าพเจ้าๆ พูดให้ฟังในฐานะเพื่อนมนุษย์เท่านั้น
    ท่านจะมี "หนทาง" ของท่านเอง ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง และค้นพบธรรม
    คือ ธรรมชาติอื่นๆ เอง และธรรมชาติที่ท่านค้นพบจะนำไปสู่ความหลุดพ้นได้
     
  10. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    หยินหยางก่อกำเนิด ฟง (ใส) หวิ๋น (ดำ)


    ธรรมชาติของโลก ย่อมก่อเกิดหยินหยางคู่กัน
    คนหนึ่งใสมาก คนหนึ่งจะดำมาก ไม่มีใครผิด
    แต่ทั้งสองต้องควบคุมดุลยภาพให้แก่กัน ด้วย
    ความใสนั้น ก็มีภัยแก่ปวงสัตว์ได้เช่นกัน ไม่ใช่
    ความดำมืดเท่านั้น ที่มีด้านลบ ถ้าพระอาทิตย์
    สว่างเกินไป ใครกัน? จะช่วยลดทอนความร้อน
    แรงนั้นได้ ไม่มีใครเข้าใกล้พระอาทิตย์ได้ มีแต่
    "ราหู" เท่านั้น ที่สามารถทำได้ อมพระอาทิตย์
    หยุดยั้งความร้อนแรงของพระอาทิตย์ได้


    นี่แหละ ธรรมชาติเกื้อกูลพึ่งพากัน ไม่มีถูกผิด
     
  11. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    หาที่จอดไม่ได้ ...


    พยายามเข้าระบบการทำงาน, หางานทำ ยอมเป็นทาสทุนนิยมแล้ว
    แต่ก็ไม่สามารถหาได้ เลยล่องลอยกลางอากาศ ถูกแขวนไว้อย่างนี้
     
  12. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    พลังธาตุวัชระ (สายฟ้า) ทำให้ธาตุต่างๆ สลายใกล้ลงสู่นิพพาน


    เมื่อจิตวิญญาณใดๆ ถูกพลังวัชระ (สายฟ้า) เข้า ก็ไม่ต่างจากคราวพญา
    มังรายถูกอสุนิบาตฟาดจนสิ้นพระชนม์นั้น ผลคือ จิตวิญญาณก็จะสลาย
    ถ้ามีจิตวิญญาณมารแทรก หรือพรหมครอบ ก็สลายได้หมด เหมือนใจจะ
    ละลาย ห่อเหี่ยว หมดเรี่ยแรง หมดพลัง เหมือนจะตายเสียจากภายในนั้น
    นั่นแหละ "จิตวิญญาณสลาย" ด้วยพลังธาตุวัชระ สลายจิตวิญญาณแล้ว
    จะให้กำเนิดจิตวิญญาณใหม่ที่ใสสว่างกว่า ดีกว่า จะอ่อนโยนควรแก่งาน
    มากกว่า ในระยะนี้ อาจเกิดอาการหน่ายโลก หน่ายสังขารได้ (เบื่อหน่าย
    ไม่อยากจะทำอะไรแล้ว อยากหลุดพ้นนั่นเอง) จิตจะน้อมตรงต่อนิพพาน
    อันง่ายต่อการบรรลุธรรม ยกเว้นว่ามีวิบากกรรมมากตัดรอน บดบังดวงตา
    ธรรม จะมีกิเลสจร จิตวิญญาณจร แทรกบ้าง ประสานบ้าง ครอบขันธ์บ้าง
    ทำให้ไม่อาจบรรลุธรรมได้ แต่ก็ไม่เป็นไร ไม่จำเป็นต้องรีบแม้ไม่ได้ชาตินี้
     
  13. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ในแง่ทฤษฏีก็ถูกอยู่ แต่ในแง่ปฏิบัติ มี "กรรม" อีกมาก
    ทำให้เบี่ยงเบน และแตกต่างจากทฤษฎี เช่น เราพยายาม
    เข้าไปอยู่ร่วมกับผู้คนแล้ว แต่มันไม่ได้จริงๆ เราจึงรู้ว่ากรรม
    มีจริง บุญมีจริง บารมีมีจริง สูงและต่ำ ต่างกันอยู่ มีอยู่จริง ดังนี้
     
  14. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ตอนนี้ผมก็หยุดตัวเองไม่ได้ (ถ้าเราทำทุกอย่างได้เองหมด
    คงเป็นพระปัจเจกฯ ไปแล้วนะสิ) รอแต่ "พลังดำ" จำนวน
    มาก คอยบิดบัง ลดทอนอยู่ ถ้าไม่มี "เขาคนนั้น" ผู้คนมาก
    มายจะกลายเป็นเหยื่อ พลังดำ จากความแค้น ความมืดมน
    ความหม่นหมอง จะเพิ่มขึ้น จนเข้าสู่ดุลยภาพ คือ คานกับ
    พลังในของคนบางคนได้ ธรรมชาติจึงเข้าสู่สมดุล แต่ตอน
    นี้ "ยังขาดพลังดำคลุมอยู่" ดังนั้น คนมากมายจึงจะดำขึ้น
     
  15. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    ก็เห็นด้วย ...


    ผมฝันว่าถูกจับตรึงกลางอากาศ
    ลอยอยู่ ขยับตัวไม่ได้เลย ถ้าอยู่
    ในสภาพนี้ต่อไป จะเป็นอย่างไร
    ผมอาจจะไม่เป็นอะไรมากเพราะ
    ชีวิตจริงก็พออยู่รอดได้ แต่มันมี
    อะไรบางอย่างในตัว ที่ควบคุมฯ
    ไม่ได้ และกำลังถูกใช้อยู่ ...


    แล้วจะให้ทำอย่างไร?
     
  16. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    ก็ไม่มีอะไรค้าน


    เข้าเรื่องเลยดีกว่า นี่แค่เช็คเบื้องต้นถึงความเห็น
    คร่าวๆ ว่าตรงกันหรือไม่ก็เท่านั้น มันพื้นฐานมากเลย
    สถานการณ์จริง มันซับซ้อนกว่านี้มาก Advance เลยดีกว่า
     
  17. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ตอนนี้ ผมต้องการ "พลังดำ" ของคนบางคนที่มีมากๆ
    มากพอที่จะครอบคลุมผมเอาไว้ ก่อนที่อะไรบางอย่าง
    จะออกมามากเกินไป ....


    แต่คนที่มีพลังดำมากพอคลุมได้นั้น มันไม่ใช่หาได้ง่ายๆ
     
  18. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    [​IMG]


    ไม่อยากมีสภาพแบบนี้ ...
     
  19. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    กลไกลธรรมชาติบางอย่างไม่สมดุล
    เราคือส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
    ที่ขาดสมดุล จำเป็นต้องอาศัย
    พลังดำจำนวนมาก ปกคลุมเอาไว้
    จึงลดทอนพลังของเราลงได้ ....
     
  20. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    นั่นมองในมุม ปฏิบัติตัวเดียวโดดๆ
    มองภาพรวมดู ธรรมชาติมีหลากหลาย
    ข่มกัน เสริมกัน หักล้างกัน ตอนนี้ โลกขาดสมดุล
    และมันสามารถเริ่มได้จาก "มนุษย์ปรับสมดุล" ซึ่งมนุษย์ทำได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...