ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>อุตุฯออกประกาศเตือนภัย"ฝนตกหนัก"ช่วง21-23ก.ย. </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE style="FILTER: progidXImageTransform.Microsoft.Gradient(startColorStr=#C0FFFFCC, endColorStr=#10FFFFFF, gradientType=0)" border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="98%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-LEFT: gray 1px solid; BORDER-RIGHT: gray 1px solid" width="100%" colSpan=3 align=middle>ประกาศเตือนภัย
" ฝนตกหนักบริเวณประเทศไทย "
ฉบับที่ 8 ลงวันที่ 21 กันยายน 2554
</TD></TR><TR><TD style="BORDER-LEFT: gray 1px solid; PADDING-BOTTOM: 10px; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-RIGHT: 10px; BORDER-RIGHT: gray 1px solid; PADDING-TOP: 10px" width="100%" colSpan=3 align=middle> บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนยังคงแผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศไทยตอนบน ทำให้ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศไทย ในช่วงวันที่ 21-23 กันยายน นี้ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก มีฝนหนาแน่น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากได้บางพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเพชรบูรณ์ ลพบุรี สระบุรี เลย หนองบัวลำภู ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขา ที่ราบลุ่ม และใกล้ทางน้ำไหลผ่าน ระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่อาจเกิดขึ้นได้
สำหรับทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน จะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือในระยะนี้

ประกาศ ณ วันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554
ออกประกาศ เวลา 05.30 น.




สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> ชาวอุบลฯอพยพชาวบ้านร่วม 5 พันคนหนีน้ำท่วม </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริ่มฝั่งแม่น้ำมูลยังคงถูกน้ำท่วมขังโดยเขตอ.เมือง จ.อุบลราชธานี ต.แจระแม 6 หมู่บ้าน ราษฎรอพยพ 392 ครัวเรือน 1,718 คน และ เทศบาลนครอุบลราชธานี น้ำในลำน้ำมูลเริ่มเอ่อเข้าท่วมในที่ราบลุ่ม

ทำให้ราษฎรที่อาศัยอยู่ต่ำกว่าตลิ่งได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวกับการสัญจรไปมา ที่อยู่อาศัย และเครื่องอุปโภค-บริโภค ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 16 ชุมชน 1,605 ครัวเรือน 6,234 คน อพยพ 132 ครัวเรือน 410 คน ส่วนเขต อ.วารินชำราบ เทศบาลเมืองวารินชำราบมีราษฏรได้รับผลกระทบน้ำท่วม 1,595 ครัวเรือน 5,528 คน อพยพ 535 ครัวเรือน 1,991 คน

<DD style="PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 0px">
จ.อุบลราชธานี ได้สรุปสถานการณ์น้ำท่วมในปัจจุบันอำเภอที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย จำนวน 15 อำเภอ 77 ตำบล 634 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 206,742 คน 47,660 ครัวเรือน อพยพ 1,059 ครัวเรือน 4,119 คน น้ำท่วมบ้านเรือน 3,592 ครัวเรือน โรงเรียน 2 แห่ง โรงแรมและรีสอร์ทถูกน้ำท่วมแล้ว 5 แห่ง พื้นที่การเกษตร 118,042 บ่อปลา 47 ถนน 229 สาย สะพาน 5 แห่ง ท่อระบายน้ำ 11 แห่ง ส่วนสถานการณ์น้ำมูลในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ขณะนี้ระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องซึ่งน้ำได้สูงกว่าระดับตลิ่ง และเตือนภัยอยู่ 2.27 เมตร ส่วนแม่น้ำโขงระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและระดับต่ำกว่าตลิ่งอยู่ 0.26 เมตร ระดับน้ำโขงที่เพิ่มสูงขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อการระบายน้ำจากแม่น้ำมูลลงสู่แม่น้ำโขงไม่สะดวก จะส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมูลเพิ่มสูงขึ้น
<DD style="PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 0px">
นายสุรพล สายพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้ประชุมคณะทำงานคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยวาตภัยและดินโคล่นถล่มโดยมีหัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือราษฏร์ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ได้เตรียมความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อช่วยเหลือราษฏร์ ที่ยังคงพักอาศัยอยู่ในบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วมขัง เนื่องจากกรมอุตุวิทยาได้มีการพยากรณ์ว่าในช่วงวันที่ 21-24 ก.ย. มีฝนตกหนักหลายพื้นที่ บริเวณตอนล่างของภาค ลักษณะดังกล่าว อาจทำให้น้ำเพิ่มระดับขึ้น และอาจทำให้มีน้ำท่วมเพิ่มมากขึ้น



</DD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>พิษณุโลกท่วมนานดินริมตลิ่งแม่น้ำน่านเริ่มทรุด </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>พิษณุโลก 20 ก.ย.- นายบุญยิ่ง คุ้มสุพรรณ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิษณุโลก

รายงานว่า จังหวัดพิษณุโลก มีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม 9 อำเภอ 84 ตำบล 670 หมู่บ้าน ดือดร้อน 22,190 ครอบครัว 78,242 คน ถนนเสียหาย 32 สาย บ่อปลา 338 บ่อ พื้นที่การเกษตร 413,735 ไร่ ซึ่งมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ เพราะสถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่ยังไม่คลี่คลาย เนื่องจากลุ่มน้ำหลายสายไหลล้นตลิ่งอยู่ตลอด โดยเฉพาะแม่น้ำน่านระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 40 เซนติเมตร ซึ่งจังหวัดและเทศบาลนครพิษณุโลกร่วมกับกองทัพภาคที่ 3 และชลประทานจังหวัด บูรณาการบริหารจัดการน้ำ เพื่อไม่ให้น้ำทะลักเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจ เขตเทศบาลนครพิษณุโลก

ล่าสุดพบว่าดินริมฝั่งแม่น้ำน่านบริเวณสวนชมน่านเฉลิมพระเกียรติ ที่เอ่อท่วมพื้นที่มานานเกือบ 1 เดือน เริ่มทรุดตัว

ทำให้ต้นไม้ขนาดใหญ่ทยอยหักโค่น บางจุดล้มทับร้านค้าเสียหาย โดยขณะนี้แม่น้ำน่านระดับน้ำที่จุดวัดน้ำ TN 5 A เชิงสะพานเอาทศรถ อำเภอเมืองพิษณุโลก อยู่ที่ 10.93 เมตร มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,729 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที.-สำนักข่าวไทย


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง"
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>รถบรรทุกทำตะปูหล่นเกลื่อนถนนสายเอเชียช่วงชุมพร </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>ชุมพร 21 ก.ย.-รถบรรทุกตะปูทำตะปูหล่นเกลื่อนพื้นถนนสายเอเชีย 41 ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 594-595 จ.ชุมพร

ตำรวจทางหลวงและเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยต้องตัดสินใจปิดช่องทางการจราจร 1 ช่อง เพื่อเปิดเดินรถช่องเดียว หลังมีรถบรรทุกทำตะปูเหล็กแบบเกลียวความยาว 2-3 นิ้ว หล่นเกลื่อนพื้น และมีกล่องบรรจุตะปูหล่นกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณในระยะทางยาวกว่า 5 กิโลเมตร บนถนนสายเอเชีย 41 หลักกิโลเมตรที่ 594-595 ต.สวนแตง อ.ละแม จ.ชุมพร ส่งผลให้รถที่วิ่งตามหลังมายางแตกกว่า 20 คัน ทำให้เกิดความโกลาหล เนื่องจากรถไม่สามารถแล่นต่อไปได้ อีกทั้งร้านปะยาง หรืออู่ซ่อมรถ ปิดให้บริการ เนื่องจากเป็นเวลากลางคืน เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยจึงถอดล้อและขนยางเข้าไปปะในตัวเมือง

นอกจากนี้ ยังทำให้การจราจรติดขัดเป็นระยะทางกว่า 20 กิโลเมตร ส่วนช่วงถนน อ.ละแม ถึงหลังสวน ยังมีรถยนต์อีกกว่า 50 คัน ที่ถูกตะปูตำยาง และไม่สามารถหาร้านปะได้ ขณะนี้ตำรวจกำลังเร่งติดตามตัวคนขับรถบรรทุกตะปูมาสอบสวนเพื่อเตรียมดำเนินคดี.-สำนักข่าวไทย

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง"
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับข่าว
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อเวลา 01.34 น. เช้านี้ ตามเวลาประเทศไทย ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง 5.8ริกเตอร์ ที่บริเวณทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงกัวเตมาลา ซิตี้ นอกจากนี้ ยังเกิดอาฟเตอร์ช็อคขนาด 4.8 ริกเตอร์ตามมาอีก 2 ครั้งจนเป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3ราย
ด้านประธานาธิบดีของกัวเตมาลา ได้ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนอยู่ในความสงบ หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว และว่าสถานการณ์ความวุ่นวายได้สิ้นสุดลงแล้ว โดยขณะนี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยและค้นหาผู้เคราะห์ร้ายที่อาจติดอยู่ใต้ซากปรัก หักพังของอาคารที่พังถล่มลงมา
Mthai News


หลังจากมีคลิปของพระเกษม เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์สามแยก ตำบลวังกวาง อำเภอนน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ แสดงกิริยาหยาบคายใช้ถ้อยคำไม่สุภาพต่อหน้าลูกศิษย์ลูกาหที่มาฟังเทศน์ ความยาวกว่า 24 นาที ปรากฏทางเว็บไซต์ยูทูป จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของหลายฝ่าย
ล่าสุดทางพระะเกษมได้ออกมายืนยันว่า ตนเป็นคนนำคลิปดังกล่าวไปเผยแพร่ในเว็บไซต์ยูทูปเอง พร้อมทั้งชี้แจงถึงเหตุผลและที่มาที่ไปด้วยว่าต้องการสั่งสอนพระผู้ใหญ่รูปหนึ่ง ที่ออกมากล่าวหาว่าตนประพฤติกิริยาไม่เหมาะสมแก่สมณะเพศ พร้อมยืนยันว่าปกติตนเป็นพระที่ประพฤติไม่ต่างจากพระรูปอื่นๆ และบอกว่าตนสั่งสอนลูกศิษย์ไปตามพระธรรมวินัยและพระไตรปิฎกอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ พระเกษมเคยตกเป็นข่าวดัง จากรณีที่เทศน์ลูกศิษย์ไม่ให้กราบไหว้องค์พระพุทธชินราชจำลอง รวมทั้งตบพระพักตร์และใช้เท้าเหยียบฐานพระพุทธรูป โดยติดป้ายข้อความว่า ‘ทองเหลืองหล่อนี้ ไม่ใช่พระพุทธเจ้า ไม่ต้องกราบมัน’ เมื่อปี 2551 แต่ต่อมาศาลสั่งยกฟ้องช่วงต้นปี 2553 เนื่องจากไม่เห็นว่าพระเกษมมีเจตนาเหยียดหยามศาสนา และไม่มีข้อบัญญัติใดว่า พระพุทธรูปเป็นตัวแทนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า
Mthai News

 

จิ๊ก เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์
แต่งหน้าศพ …มุมหนึ่งของชีวิต อดีตนางเอก จิ๊ก เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์

Mthainews: ชีวิตเบื้องหน้าผ่านจอโทรทัศน์ อันสวยงาม ร่าเริง เฮฮา ของอดีตนางเอก จิ๊ก เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ น้อยคนนักที่จะทราบว่า แท้จริงแล้ว ผู้หญิงคนนี้ยังมีเรื่องราวดีๆที่เป็นต้นแบบให้กับใครหลายๆคน รายการคนค้นคนนำเสนอเรื่องราวเบื้องหลังของชีวิตการเป็นผู้ให้ ในการดูแลผู้ป่วย และแต่งหน้าศพ ที่โรงพยาบาล
จิ๊ก เนาวรัตน์ ผันบทบาทจากนักแสดงมาทำหน้าที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ในการดูแลผู้ป่วยทั้งเข็นรถ พาไปห้องเจาะเลือด พาไปวัดความดัน หวังว่าผู้ป่วยที่เห็นรอยยิ้มของเธอ จะช่วยให้ผู้ป่วยมีรอยยิ้มเช่นกัน กำลังใจเพียงวินาทีเดียว ก็ทำให้พวกเขามีความสุขได้ หายจากโรคที่เขามีทุกข์ไปชั่วขณะ

จิ๊ก เนาวรัตน์ ให้กำลังใจ ดูแลผู้ป่วย ด้วยรอยยิ้ม
เพราะกำลังใจ เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง สำหรับใครที่กำลังตกอยู่ในความทุกข์ ทรมาน อย่างเช่นที่เธอเคยประสบพบเจอมา
ก่อนหน้านี้ จิ๊ก เนาวรัตน์ ทำอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ กว่า3-4 ปี แล้ว หากมีเวลาว่างก็จะแวะมาเสมอ เริ่มต้นจากเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลแห่งนี้ การที่มาเจอกับตัวเอง ก็เลยเข้าใจถึงความรู้สึกคนไข้จริงๆว่าลึกๆแล้ว คนไข้ต้องการอะไร ทรมานแค่ไหน ได้ไปไหว้ศาลกรมหลวงชุมพร เพื่อบนบานศาลกล่าวว่า ขอให้ได้กลับมาเป็นชีวิตใหม่ ขอให้หายจากความเจ็บป่วยได้กลับมาใช้ชีวิตใหม่ อยากทุ่มเทชีวิต แลกกับการทำงานที่นี่ อยากจะดูแลทุกอย่าง ดูแลผู้ป่วย ทำงานทุกอย่างที่เคยเจอมากับโรงพยาบาลแห่งนี้
ใครจะเชื่อว่า ความสนุกสนาน ร่าเริงของ จิ๊กเนาวรัตน์ ยังมีมุมที่น่ายกย่องในความที่มีจิตใจเผื่อแผ่ ไม่เพียงแต่ผู้ที่มีชีวิต แต่ยังมอบความสวยงาม แต่งหน้าให้กับร่างไร้วิญญาณ ที่จากโลกไป

จิ๊ก เนาวรัตน์ แต่งหน้าศพผู้เสียชีวิต สุขใจในฐานะผู้ให้
จิ๊ก เนาวรัตน์ กล่าวว่าเราไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่า เกิดแก่เจ็บตาย จะเกิดกับเราเมื่อไหร่ ทุกครั้งที่มาก็จะได้แต่งหน้าศพทุกครั้งไป สาเหตุที่มาแต่งหน้าศพเพราะว่า ถ้าเรามีจิตใจดีกับทุกๆคน ไม่แบ่งชั้นวรรณะ เราก็จะมีความสุข

“รู้สึกมีความสุข เพราะคนเราทุกคนที่เกิดมาบนโลกใบนี้เราก็ต้องช่วยคน อย่างน้อยการที่เราถูกคนช่วยมา มีชื่อเสียง อยู่บนโลกใบนี้อย่างสง่างาม ทุกคนสนับสนุนเราจนไปสู่จุดสุดยอด ก็อยากมอบให้คนอื่นๆบ้าง
ในฐานะผู้ให้ของ จิ๊ก เนาวรัตน์ คงจะเป็นต้นแบบให้กับใครหลายๆคน นำไปเป็นแบบอย่าง แม้ไม่ใช่เงินทอง ทรัพย์สินที่มากมาย แต่รอยยิ้ม ที่มอบให้ด้วยความจริงใจ กลับยิ่งใหญ่สำหรับใครบางคน และนั่นเองจะทำให้โลกสดใส น่าอยู่ขึ้นมาทันที
รับชมเบื้องหลังชีวิตอื่นๆ ของ จิ๊ก เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์
<IFRAME height=315 src="http://www.youtube.com/embed/Y7KL7U-mv0o" frameBorder=0 width=420></IFRAME>
<IFRAME height=315 src="http://www.youtube.com/embed/hbnXsBkP9Ks" frameBorder=0 width=420></IFRAME>
<IFRAME height=315 src="http://www.youtube.com/embed/Qki-YKGcPxY" frameBorder=0 width=420></IFRAME>

 

​

ประชาชนกว่า 1 ล้านคนในเมืองนาโงยาของจังหวัดไอชิ ทางตอนกลางของญี่ปุ่นถูกสั่งให้อพยพออกจากบ้านเรือน เมื่อวันอังคาร เนื่องจากพายุไต้ฝุ่น “โรคี” ใกล้เข้าถล่ม และทำให้เกิดฝนตกหนัก พร้อมกับเตือนว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดน้ำท่วม และดินถล่ม เช่นเดียวกับจีนประสบภัยน้ำท่วมอย่างรุนแรง ต้องอพยพประชาชนนับล้าน หลังยอดตายพุ่ง 70 ศพ

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่นรายงานว่า ตาของพายุ “โรคี” อยู่ห่างจากเกาะทาเนงาชิมาทางใต้ของญี่ปุ่นไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 190 กิโลเมตร และเคลื่อนตัวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือด้วยความเร็วลม 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เจ้าหน้าที่อุตุฯ บอกว่า หากพายุไต้ฝุ่น “โรคี” ยังมีความเร็วลมเช่นนี้อย่างสม่ำเสมอ คาดว่า จะเข้าถึงชายฝั่งของญี่ปุ่นในวันพุธ (21 ก.ย.) อันจะทำให้เกิดฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง และคลื่นสูง

แต่อิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นลูกดังกล่าว ก่อให้เกิดฝนตกหนัก และน้ำท่วมระดับหัวเข่าในเมืองนาโงยา เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องเข้าช่วยเหลือผู้สัญจรไปมา นอกจากนี้ ทางการเมืองนาโงยา เรียกร้องให้กองกำลังป้องกันตนเองส่งทหารเข้ามาช่วยเหลือแล้ว อย่างไรก็ตาม มีรายงานคนหาย 2 รายในจังหวัดไกฟู ซึ่งเป็นไปได้ว่า อาจถูกกระแสน้ำซัดหายไป จากนั้นในเวลาต่อมา สำนักงานอุตุฯ รายงานว่า ไต้ฝุ่น “โรคี” อยู่ห่างจากเกาะชิโกกุไปทางใต้ราว 330 กิโลเมตร และจะเข้าถึงเมืองนาโงยา กับเกาะฮอนชูช่วงบ่ายวันนี้ คาดว่า จะเคลื่อนตัวไปยังเกาะฮอกไกโดในช่วงบ่ายวันพฤหัสบดี ขณะที่ จังหวัดมิยาซากิ ทางใต้ของญี่ปุ่น ฝนตกในช่วง 24 ชั่วโมงวัดปริมาณได้ 16 นิ้ว

ส่วนที่จีน เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมหลายพื้นที่ทั่วประเทศ คร่าชีวิตผู้คน 70 ศพ และสูญหาย 29 ราย บาดเจ็บนับร้อย ขณะที่ ประชาชนเกือบ 1.7 ล้านคนต้องละทิ้งบ้านเรือนอพยพไปยังที่ปลอดภัย โดยพื้นที่ประสบอุทกภัยอยู่ในมณฑลเสฉวน, ชานสี และเหอหนาน สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน 12.3 ล้านคน บ้านเรือนกว่า 120,000 หลังพังทลาย และการสูญเสียทางเศรษฐกิจจากบ้าน พืชผลทางการเกษตร และที่ดินเสียหาย ประมาณ 17,270 ล้านหยวน หรือราว 81,000 ล้านบาท ทางการจีนต้องส่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือ พร้อมสิ่งของบรรเทาทุกข์ เช่น เต็นท์ที่พัก ผ้าห่ม และเสื้อผ้า.

​

กบฏเยเมนปะทะทหารที่ยังภักดีต่อประธานาธิบดีคนเก่าดุเดือดเมืองหลวง เลือดนองไปทั่วทุกหย่อมหญ้า
วันนี้ (20 ก.ย.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงซานา ประเทศเยเมน ว่า เกิดเหตุปะทะกันระหว่างกำลังทหาร 2 ฝ่ายติดต่อกันเป็นวันที่ 3 กลางเมืองหลวงประเทศเยเมนซึ่งการปะทะกันทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 53 ศพ

หลังจากหยุดปะทะกันเป็นช่วงสั้นๆเพียง 2 ถึง 3 ชั่วโมงในตอนกลางคืน กรุงซานาก็ต้องดังกึกก้องด้วยเสียงยิงปะทะกันด้วยอาวุธอัตโนมัติและปืนใหญ่อีกครั้ง พยานผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่าเป็นการปะทะกันระหว่างกลุ่มทหารกบฏภายใต้การนำของนายพลอาลี โมห์เซน อัล-อาห์มาร์ กับกลุ่มทหารที่ยังภักดีต่อประธานาธิบดีอาลี อับดุลลาห์ ซาเลห์ โดยตอนนี้ยังไม่มีรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตออกมา พลเรือนผู้อาศัยพื้นที่ในกล่าวว่าเสียงปืนดังมากจากบริเวณเขตฮาดาที่อยู่ทางตอนใต้ของกรุงซานา ซึ่งเขตนี้มีหน่วยทหารชั้นยอดของกองกำลังป้องกันสาธารณรัฐ ภายใต้การบัญชานายอาห์เหมด บุตรของประธานาธิบดีซาเลห์ ประจำการอยู่ พยานผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าแนวปะทะกันอยู่ตรงที่มั่นของกำลังทหารกบฏภายใต้การบังคับบัญชานายพลอาห์มาร์ที่กำลังปกป้องกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านประธานาธิบดีซาเลห์ที่บริเวณจัตุรัสแห่งการเปลี่ยนแปลง ซึ่งที่จัตุรัสนี้มีกลุ่มผู้ประท้วงจำนวนหลายพันคนได้อาศัยอยู่มานานหลายเดือนแล้ว

นับตั้งแต่วันอาทิตย์ (18 ก.ย.) ที่ผ่านมาจัตุรัสแห่งการเปลี่ยนแปลงถูกกองกำลังทหารของเยเมนโจมตีอย่างหนัก โดยหน่วยแพทย์สนามรายงานว่าเมื่อวันอาทิตย์ผู้เสียชีวิต 26 ศพ และเมื่อวันจันทร์ (19 ก.ย.) เกิดเหตุปะทะกันที่บริเวณรอบจัตุรัสและบริเวณอื่นๆในเมืองหลวงทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 27 ศพ ซึ่งในจำนวนนี้มีทหารกบฏอยู่ 3 ศพ หน่วยงานจัดการของกลุ่มผู้ประท้วงรายงานว่า นับตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมามีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนจำนวน 642 คน ในจำนวนนี้มีอาการสาหัส 47 คน

 

=====================================


21 ก.ย. 54


23 ธ.ค. 46 สองเทวดาโดดร่ม

หน่วยเหนือ-------ลงมา------------ทำการเก็บ
ให้เบ็ดเสร็จ-------ความสะอาด-----ในโลกา
สิ่งโสโครก-------หมักหมม---------ไม่ชักช้า
เพื่อประชา-------เข้าสู่-------------ยุคแดนใหม่



5 ก.ย. 47 สามปลายักษ์

จะเก็บกวาด-----ทางน้ำ-------ถึงสามครั้ง
ตามข่าวดัง-----ซึนามิ--------ทางภาคใต้
ยังตามมา-------อีกสอง-------อย่าไว้ใจ
ให้ทำใจ--------เมื่อภัย-------มาเยี่ยมเยือน



5 ก.พ. 50 สองวงล้อกับ พ.ศ. 2537
เวลาได้ถูกเลื่อนออกไปแล้ว

เรื่องต่างๆ--------ที่เล่า--------ให้ท่านฟัง
จะประดัง---------และจบ-------ปี61
ต้องทนทุกข์------หนีตาย-------กว่าจะถึง
จะต้องดึง--------สิ่งร้ายๆ-------ให้หมดไป



27 ก.พ. 50 ตามหลังปลายักษ์ตัวที่สอง

เมื่อปลายักษ์------ตัวที่สอง---------ได้มาเยือน
ผมขอเตือน-------ท่านต้องรีบ-------หาที่สูง
เข้าอาศัย---------ทั้งครอบครัว------และชักจูง
ทั้งเพื่อนฝูง--------ที่ดีๆ-------------ไปด้วยกัน




16 ก.ย. 51 เรื่องเล่าจากภาพ

เตือนซ้ำ---+----ย้ำเตือน-------เรื่องเก่าๆ
จากเรื่องเล่า-----ภาพนิมิต------ที่เคยเห็น
การทะเลาะ------วิวาท---------ได้คนเก่ง
ทำเงินเป็น-------ทั้งผู้นำ--------ประเทศไทย

ให้ระวัง----------แผ่นดิน-------ถิ่นกำเนิด
จะระเบิด---------แยกออก------มาให้เห็น
เกิดทุกข์ยาก------ทั่วไป--------อย่างลำเค็ญ
อย่าใจเย็น-------ให้ระวัง--------มารจะมา



องค์อินทร์ ๙๗
ทำการแทน


======================================
ภาพฐานผาแบ่นค่ะ(tanphaban.blogspot.com)
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"

 

สัตว์โลกย่อมมีกรรมเป็นของตนเอง ต่างเวียนว่ายตามกรรมจนกว่าจะหลุดพ้นสู่พระนิพพาน ขอแย้งสักเรื่องครับ เรื่องที่คุณเกษมกล่าวเกี่ยวกับพระพุทธสมณโคดมนั้น ผมก็เคยได้ยินมา แต่ไม่เชื่อครับ...เนื่องจากไม่มีในพระไตรปิฏก อีกอย่างพระพุทธสมณโคดมก็ทรงกล่าวแล้วว่าเป็นกรรมของสัตว์โลก ไม่ใช่กรรมของพระองค์ครับ กรรมของพระองค์มีเพียงเรื่องเดียวก็คือ กรรมที่ห้ามวัวกินน้ำตอนที่พระองค์เสวยพระชาติเป็นคนเลี้ยงวัวครับ ซึ่งพระองค์ได้ชดใช้กรรมนั้นแล้ว และปัจจุบันพระองค์เป็นผู้ที่บาปกรรมไม่สามารถเอี้อมถึงหรือกระทำพระองค์ได้อีกต่อไปตลอดนิรันกาลครับ อีกอย่างผมมีพุทธทำนายของหลายภาษาในโลก มีการกล่าวถึงศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนหน้าพระพุทธสมณโคดมด้วยครับ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นในภัทรกัปนี้รึเปล่า มีเหตุการณ์ทำนองที่คุณเกษมว่าไว้เหมือนกันครับ
ผมว่าพวกเราชาวเวปพลังจิตมาช่วยกันปกป้อง คุ้มครอง และรักษาพระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์ที่ 4 ของเราเพื่อรอคอยพระศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์ที่ 5 กันดีกว่าครับ

 

นี่แหละ ภารกิจนางฟ้าตกสวรรค์ ธาตุดีดั้งเดิมเขามี ก็ยังเดินตามรอยเก่า นี่เองที่เขาเรียกว่า ไม่ได้เกิดมาเพื่อหายใจทิ้งไปวันๆ แต่มีชีวิตเพื่อคนอื่นๆ ด้วย แทนที่จะทำเพื่อตัวเองหรือคนไม่กี่คนในวงแคบๆ

เดี๋ยวพอเขาหมดเวลา เขาก็จะได้กลับที่เก่า ไปเสวยผลบุญ ใครที่ยังทำดีน้อยไป ก็เร่งทำให้มากที่สุด เหมือนแต่ละวันเป็นวันสุดท้าย จะได้ไม่ต้องไปทีอื่น ที่ไม่ควรไป

 

จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นสิทธิ์ของทุกๆ ท่านครับ ผมเพียงทำหน้าที่รวบรวมคำทำนายจากทุกๆ แหล่งเท่าที่ผมพอจะหามาได้ มาให้ได้ร่วมกันวิเคราะห์และพิจารณาครับ ส่วนข้อความแสดงความคิดเห็นของผมนั้น ก็เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมเพียงคนเดียว ซึ่งอาจจะมีถูกบ้างผิดบ้างเป็นธรรมดา ขอให้ทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านในกระทู้นี้ โปรดใช้สติปัญญาของท่านพิจารณาให้รอบคอบด้วย

แต่อย่างไรก็ตามผมใคร่ขอร้องให้ทุกๆ ท่านที่ได้เข้ามาอ่านในกระทู้นี้ อย่าได้นำเรื่องข้อขัดแย้งของสำนักปฏิบัติธรรมต่างๆ เข้ามาโพสต์หรือโต้เถียงกันในกระทู้นี้อีกเลยครับ เพราะวัตถูประสงค์ของกระทู้นี้ มีไว้เพื่อแจ้งเตือนภัยพิบัติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสงครามหรือภัยทางธรรมชาติ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้เท่านั้น ถ้าท่านใดอยากจะโพสต์เรื่องข้อขัดแย้งของสำนักปฏิบัติธรรมต่างๆ ว่าใครทำผิดหรือทำถูกอย่างไร กรุณานำเรื่องเหล่านี้ไปตั้งกระทู้ใหม่จะดีกว่านะครับ

 

OK ซึ้ง.......................................

 

สุด ซาบ ซึ้ง ครับ ขอบพระคุณมาก

 

สหประชาชาติ..ยูเอ็นวอนผู้นำร่วมแก้วิกฤตโลก​

​

นายบันคี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ เรียกร้องให้คณะผู้นำโลกในช่วงแห่งวิกฤตลงมือปฏิบัติเพื่อช่วยโลก ป้องกันความขัดแย้งไม่ให้อุบัติขึ้นมา และสนับสนุนชาติต่างๆ ในตะวันออกกลาง และทวีปแอฟริกาเหนือในการแสวงหาประชาธิปไตย

นสุนทรพจน์ประจำปีของนายบันคี-มูน ต่อประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี และพระมหากษัตริย์จาก 193 ประเทศสมาชิกสหประชาชาติ นายบันคี-มูน เจาะจงซีเรียว่า น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง โดยท่านได้กล่าวหารัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัลอัสซาด ผู้นำซีเรียว่า ไม่รักษาสัญญาว่าจะปฏิรูป และเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงนาน 6 เดือนลงทันที ระหว่างการประชุมรัฐมนตรีของสมัชชาสหประชาชาติในปีนี้ สปอตไลต์ จะอยู่ที่ความพยายามเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติของปาเลสไตน์

นายบันคี-มูน กล่าวว่า ชาวปาเลสไตน์สมควรจะมีรัฐของตัวเอง ขณะที่อิสราเอลก็จำเป็นต้องมีความมั่นคง และภาวะถึงทางตันทั้งสองฝ่ายเกี่ยวกับการรื้อฟื้นการเจรจาต่อรองจะต้องยุติลง ท่านให้คำมั่นว่า สหประชาชาติจะเพียรพยายามโดยไม่ยอมผ่อนปรนที่จะช่วยให้มีการบรรลุสันติภาพนั้นโดยผ่านการตกลงปรองดองกันที่มาจากการเจรจาต่อรอง

ข่าวทีวีช่อง 3 วันพฤหัสบดี ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

ญี่ปุ่น..ไต้ฝุ่นโรคีพัดถล่มกรุงโตเกียว​

​

พายุไต้ฝุ่นโรคีพัดถล่มกรุงโตเกียวของญี่ปุ่น สร้างความปั่นป่วนให้กับการคมนาคม และขณะนี้พายุได้เคลื่อนตัวสู่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นซึ่งได้รับความเสียหายคลื่นสึนามิ

พายุไต้ฝุ่นโรคี ความเร็วลม 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขึ้นฝั่งเมื่อบ่ายวานนี้ ใกล้กับเมืองฮามามัตสึของจังหวัดชิซูโอกะ ห่างกรุงโตเกียวไปทางตะวันตกประมาณ 200 กิโลเมตร มีรายงานว่า ประชาชน 13 คนเสียชีวิต หรือสูญหายหลังถูกน้ำจากแม่น้ำที่ไหลท้นฝั่งจากฝนที่ตกหนักจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นโรคีพัดพาไป พายุยังทำให้เกิดไฟฟ้าดับส่งผลกระทบต่อประชาชนเกือบ 2 แสน 6 หมื่นคนในภาคกลางของญี่ปุ่น ขณะที่ทางการต้องขอให้ประชาชนกว่า 1 ล้านคน ในภาคกลางและภาคตะวันออกอพยพ

ที่กรุงโตเกียว พายุทำให้ต้องระงับริการรถไฟโดยสารในกรุงโตเกียว ทำให้ผู้โดยสารหลายหมื่นคนติดค้างตามสถานีรถไฟต่างๆ นอกจากนี้ยังมีการยกเลิกเที่ยวบินภายในประเทศกว่า 600 เที่ยว และระงับบริการรถไฟความเร็วสูงบางส่วนด้วย ส่วนที่เมืองนาโงย่า มีการยกเลิกคำสั่งอพยพประชาชนกว่า 8 แสน 8 หมื่นคนเป็นการชั่วคราว หลังจากระดับน้ำในแม่น้ำสายสำคัญลดลง แต่อาจมีการเตือนภัยใหม่อีก หากสถานการณ์เลวร้ายลง อย่างไรก็ตาม ชาวเมืองนาโงย่าบางส่วนก็เลือกที่จะอพยพไปอยู่ที่ศูนย์อพยพชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย

โทรทัศน์ญี่ปุ่นเผยภาพน้ำท่วมสูงในเมืองอาวาจิชิมะ ของจังหวัดเฮียงโงะ และคลื่นกำลังแรงพัดเข้าถล่มชายฝั่งในเมืองมิอุระ ของจังหวัดคานางาวะ พายุไต้ฝุ่นโรคี ได้เคลื่อนผ่านตอนเหนือของกรุงโตเกียวไปเมื่อค่ำวานนี้ และมุ่งหน้าสู่เขตโทโฮกุ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ได้รับความเสียหายยับเยินจากแผ่นดินไหว และคลื่นสึนามิ เมื่อวันศุกร์ที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา รวมถึงมุ่งหน้าสู่โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ ฟูกูชิมะด้วย ทำให้คนงานต้องแข่งกับเวลาเพื่อปกป้องอาคารและเตาปฏิกรณ์ โดยเรื่องที่เป็นห่วงกันมากที่สุดคือ ฝนตกหนักอาจส่งผลทำให้ระดับน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีเพิ่มสูงขึ้น

ข่าวทีวีช่อง 3 วันพฤหัสบดี ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

อิตาลี..ฟ้องคดีไม่เตือนแผ่นดินไหว​

​

ศาลอิตาลีเริ่มการพิจารณาคดีนักวิทยาศาสตร์ 7 คน ข้อหาฆาตกรรมโทษฐานที่ไม่สามารถเตือนภัยแผ่นดินไหว จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 300 คน

เจ้าหน้าที่รัฐบาล และนักแผ่นดินไหววิทยาอิตาลี 7 คนขึ้นศาลเมืองลากวียาเมื่อวานนี้ เพื่อพิจารณาคดีข้อหาล้มเหลวในการคาดการณ์แผ่นดินไหวเมื่อปี 2552 ทั้งที่ก่อนหน้านั้นมีสัญญาณการเกิดแผนดินไหวในพื้นที่ดังกล่าวมาแล้ว โดยจำเลยทั้งหมด ถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยประมาท

แม้หลายฝ่ายมองว่าเป็นคำฟ้องไม่เป็นธรรมต่อวิทยาศาสตร์ แต่อัยการระบุว่าประชาชนที่อยู่โดยรอบเมืองลากวียาที่เกิดแผ่นดินไหว ควรได้รับคำเตือนให้อพยพออกจากบ้านในช่วงหลายวันก่อนจะเกิดแผ่นดินไหว นอกจากนี้สภาเทศบาลเมืองลากวียา ยังได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายมูลค่า 50 ล้านยูโรต่อจำเลยทั้ง 7 คนอีกด้วย

ด้านผู้สูญเสียในเหตุแผ่นดินไหวเชื่อว่า การพิจารณาคดีครั้งนี้จะกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความคิด ทำให้ใส่ใจต่อการแจ้งเตือนความเสี่ยงมากขึ้น เพราะแม้ไม่มีใครสามารถพยากรณ์เหตุแผ่นดินไหวได้อย่างถูกต้อง แต่ประชาชนก็ยังต้องการคำเตือนภัยว่าพวกเขามีความเสี่ยง

ขณะที่นักวิทยาศาสตร์ด้านแผ่นดินไหวทั่วโลก โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่นต่างก็จับตาดูคดีนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากเกรงว่าอาจจะต้องถูกฟ้องคดีความแบบนี้เหมือนกัน

ข่าวทีวีช่อง 3 วันพฤหัสบดี ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

ที่มา http://www.krobkruakao.com

 

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ฝนตกชุกหนาแน่น เหนือ -อีสาน-กลาง -กทม.ฝน70-80%ของพื้นที่ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น.วันนี้ ( 22 ก.ย.)ร่องมรสุมยังคงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศไทย ในช่วงวันที่ 22-23 กันยายนนี้

ประกอบกับมรสุม ตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก มีฝนหนาแน่นกับมีฝนตกหนักได้บางพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเพชรบูรณ์ ลพบุรี สระบุรี ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขา ที่ราบลุ่ม และใกล้ทางน้ำไหลผ่าน ระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่อาจเกิดขึ้นได้ในระยะนี้
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.
ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดน่าน อุตรดิตถ์ พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา
อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ตรัง และสตูล
อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>กทม.ยังต้องเฝ้าระวังฝนที่อาจตกหนักในช่วงสัปดาห์นี้ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>ผู้ว่าฯ กทม. เผยภาพรวมสถานการณ์น้ำใน กทม.ขณะนี้ไม่น่าห่วง แต่ยังต้องเฝ้าระวังฝนที่อาจตกลงมาอย่างหนักในช่วงสัปดาห์นี้

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำ บริเวณประตูระบายน้ำคลองแสนแสบ (ซ.ประชาร่วมใจ) เขตมีนบุรี โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่บริเวณด้านฝั่งตะวันออกของ กทม. ครอบคลุมพื้นที่หนองจอก มีนบุรี คลองสามวา และลาดกระบัง ที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำตามแนวพระราชดำริ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำทำการเกษตรกรรม มีพื้นที่ประมาณ 400 ตารางกิโลเมตร มักเกิดปัญหาน้ำท่วมเป็นประจำ เพราะต้องรับน้ำจาก จ.สมุทรปราการ ปทุมธานี เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวต้องเสียแก้มลิงตามธรรมชาติที่สำคัญไป เพื่อสร้างเป็นท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

สำหรับการแก้ไขปัญหาในระยะสั้นได้สร้างระบบระบายน้ำไม่ให้เข้าพื้นที่ ด้วยการสร้างทำนบกั้นน้ำตามแนวคลองแยกนครเนื่องเขต 6 แห่ง

พร้อมทำแนวคันดินกั้นน้ำในประตูระบายน้ำคลองแสนแสบ ส่วนระยะยาวหลังการเข้าพบนายกรัฐมนตรีในวันนี้ จะได้มีการหารือการทำงานแบบบูรณาการร่วมกับจังหวัดปริมณฑล เพื่อแก้ไขร่วมกัน รวมถึงจะมีการหารือกับ จ.สมุทรปราการ เพื่อหาพื้นที่ทำแก้มลิงแห่งใหม่ในอนาคต

ส่วนภาพรวมสถานการณ์น้ำใน กทม. ระดับน้ำสูงสุดวันนี้ วัดที่ปากคลองตลาดอยู่ที่ 1.35 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งเป็นระดับที่ไม่น่าห่วงแต่อย่างใด แต่กังวลในช่วงวันนี้ถึง 24 กันยายน พยากรณ์อากาศว่าจะมีฝนตกลงมาอย่างหนักใน กทม.จึงยังคงต้องเฝ้าระวังแบบวันต่อวัน. - สำนักข่าวไทย
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง"
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>พายุ'โรคี'ถล่มญี่ปุ่นเสียชีวิต4ราย </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>พายุ 'โรคี' พัดกระหน่ำญี่ปุ่น ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน คาดมุ่งหน้าสู่ที่ตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิม่า ไดอิชิ


พายุไต้ฝุ่นโรคี กำลังพัดกระหน่ำพื้นที่ประสบภัยในญี่ปุ่น ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 4 คน และนับเป็นภัยพิบัติล่าสุดที่เกิดขึ้นในเวลาไม่ถึงเดือน หลังพายุไต้ฝุ่นตาลัส พัดกระหน่ำ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 100 คน ประชาชนมากกว่า 1 ล้านคน ได้รับคำเตือนในเบื้องต้นให้อพยพออกจากบ้านเรือน เนื่องจากความวิตกว่า อิทธิพลของพายุโรคีที่ทำให้เกิดฝนตกหนัก จะทำให้เกิดน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง

พายุโรคี พัดกระหน่ำญี่ปุ่นภายในเวลาไม่กี่เดือน

หลังจากเพิ่งเผชิญภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวและสึนามิ เมื่อเดือนมีนาคม จนเกิดวิกฤติที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิม่า ทางการระบุว่า พบผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ศพ ทางภาคกลางและตะวันตกของประเทศ ส่วนที่จังหวัดกิฟุ มีผู้สูญหาย 2 คนรวมทั้งเด็กชายคนหนึ่งที่หายตัวในระหว่างเดินทางจากโรงเรียนประถมกลับไปบ้าน
<!-- inside news --><!-- Insidenews -->

ทางการได้พยายามประกาศเตือนภัยประชาชนทั่วประเทศ แต่ไม่แน่ชัดว่าจะมีคนปฏิบัติตามหรือไม่ บริษัทโตโยต้า ผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 1 ของโลก

ได้ปิดโรงงาน 11 แห่ง จากทั้งหมด 15แห่งในญี่ปุ่น เป็นการชั่วคราว เนื่องจากตั้งอยู่ในเส้นทางการเคลื่อนตัวของพายุ โดยคาดว่าโรงงานทั้งหมดที่อยู่ในเส้นทางของพายุ อยู่ที่จังหวัดไอจิ ทางภาคกลางของประเทศ

เจ้าหน้าที่พยากรณ์อากาศคาดว่า พายุโรคีจะสร้างความเสียหายซ้ำเติมให้ญี่ปุ่น ที่เผชิญภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี

โดยเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ได้เกิดแผ่นดินไหวและสึนามิ ทำให้ประชาชน 2 หมื่นคน เสียชีวิตหรือสูญหาย และสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ชายฝั่งเป็นระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร ทำลายชุมชนหลายแห่งชนพังพินาศ และทำให้เศรษฐกิจยับเยินเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลล่าร์

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิม่า ไดอิชิ ต้องเผชิญหายนะหลังระบบหล่อเย็นไม่ทำงาน เพราะถูกคลื่นยักษ์ซัดกระหน่ำ

ทำให้สารกัมมันตรังสีรั่วเข้าสู่อากาศ , ทะเลและห่วงโซ่อาหาร จนเกิดเป็นมหันตภัยนิวเคลียร์ที่ร้ายแรงที่สุดของโลก นับตั้งแต่เกิดระเบิดที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล และล่าสุด เมื่อช่วงต้นเดือนนี้ พายุไต้ฝุ่นตาลัส ได้พัดกระหน่ำพื้นที่ภาคกลาง กลายเป็นภัยพิบัติจากพายุที่รุนแรงที่สุดในรอบกว่า 30 ปี ทำให้มีประชาชนเสียชีวิตราว 100 คน

อิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นโรคี ทำให้เกิดน้ำท่วมเฉียบพลันและดินถล่ม สร้างความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน

สถานีโทรทัศน์ได้แพร่ภาพประชาชนต้องเดินลุยน้ำที่สูงถึงเข่า ตามถนนหลายสาย ทางด่วนหลายสายถูกปิด เที่ยวบินมากกว่า 200 เที่ยว ถูกยกเลิกในวันนี้ และเมื่อช่วงเที่ยงวันของวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น พายุไต้ฝุ่นโรคี ได้เคลื่อนตัวอยู่ห่างจากเมืองฮามามัทสึ ในจังหวัดชิสุโอกะ ประมาณ 120 กิโลเมตร ด้วยความแรงลม 162 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเคลื่อนตัวด้วยความเร็ว 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

คาดว่า พายุจะพัดเข้าพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงบ่ายและเป็นไปได้ว่าจะบ่ายหน้าไปยังที่ตั้งโรงงานนิวเคลียร์ฟูกูชิม่า ไดอิชิ ที่คนงานยังอยู่ระหว่างการควบคุมไม่ให้สารกัมมันตรังสีรั่วไหล


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ช็อกโลก อิตาลีฟ้องศาลเล่นงานเหล่านักวิทย์ "ฆ่าคนตาย"ฐานพยากรณ์"แผ่นดินไหว"พลาด </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 21 ก.ย.ว่า นักวิทยาศาสตร์อิตาลี 7 ราย ต้องขึ้นศาลเพื่อรับการไต่สวนต่อข้อหา"ฆ่าคนตาย"ฐานล้มเหลวที่จะพยากรณ์เตือนราษฎร์เกี่ยวกับภัยแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 6 เม.ย.ปี 2009 ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 6.3 ริกเตอร์ เขย่าเมืองแอล อควิลา โดยผู้ร้องทุกข์ต้องการฟ้องเรียกเงินค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 50 ล้านยูโรต่อความผิดพลาดดังกล่าว

รายงานระบุว่า คดีนี้กำลังถูกจับตาไปทั่วโลกจากนักธรณีวิทยาซึ่งยันกรานว่า ไม่มีทางเป็นไปได้ที่พวกเขาจะสามารถพยากรณ์เหตุการณ์แผ่นดินไหว และแรงสั่นสะเทือน ให้ราษฎร์ล่วงรู้ล่วงหน้า โดยเมื่อปีที่แล้ว ผู้เชี่ยวชาญนานาชาติ 5,200 ราย ต่างหนังสือร้องเรียนช่วยเหลือนักธรณีวิทยา ขณะที่สมาคมธรณีวิทยาสหรัฐ ได้เขียนจดหมายถึงประธานาธิบดีอิตาลีแสดงความวิตกต่อการดำเนินคดีทางกฎหมายต่อนักวิทยาศาสตร์ ต่อกรณีการพยายกรณ์แผ่นดินไหว ทว่า อัยการอิตาลีได้มุ่งเน้นต่อบันทึกช่วยจำที่ออกมาหลังจากวันที่ 31 มี.ค.ปี 2009 ที่เหล่านักธรณีวิทยา สรุปว่า ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในอิตาลี

เมื่อเดือนพ.ค.เหล่านักธรณีวิทยาอิตาลีโวยว่า พวกเขากำลังถูกปฎิบัติการ"ล่าแม่มด"จากทางการอิตาลีที่ต้องการหา"เหยื่อรับผิดชอบ"ต่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวดังกล่าว ขณะที่ทางการอิตาลีกล่าวว่า สถาบันภูมิศาสตร์วิทยาและภูเขาไฟวิทยาอิตาลีควรจะเตือนประชาชนต่อภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น

ทางด้านโฆษกสมาคมภูมิศาสตร์วิทยาสหรัฐ กล่าวว่า การกระทำเช่นนี้ไม่ต่างจากพฤติกรรม"ล่าแม่มด"ในยุคกลาง

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>23 ก.ย.จับตาดาวเทียมชนโลก </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>สหรัฐจับตาดาวเทียมวิจัยหล่นชนโลก 23 ก.ย.นี้ ระบุชิ้นส่วนดาวเทียม ที่จะหลงเหลือไม่ถูกเผาไหม้จากการเสียดสีกับชั้นบรรยากาศ

กระทรวงกลาโหม และองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซ่า) ของสหรัฐ เฝ้าจับตาดาวเทียมวิจัยอายุงาน 20 ปีของนาซ่า ขนาดเท่ารถบัสโดยสาร จะหล่นชนโลกในวันศุกร์ (23 ก.ย.) โดยโอกาสที่ชาวโลกคนในคนหนึ่งในเกือบ 7,000 ล้านคนจะโดนหล่นทับ อยู่ที่ 1 ใน 3,200

ผู้เชี่ยวชาญขององค์การนาซ่า กล่าวยอมรับว่า การหล่นชนโลกของดาวเทียมยูเออาร์เอส ที่ใช้วิจัยชั้นบรรยากาศ ขนาด 35 คูณ 15 ฟุต เท่ารถบัสโดยสาร น้ำหนัก 6 ตัน

จะไม่มีทางรู้ได้ จนกว่าจะถึง 20 นาทีสุดท้าย ก่อนมันหล่นกระทบ โดยจากการคำนวณของนักวิทยาศาสตร์ มันจะกลับคืนสู่ชั้นบรรยากาศโลกในวันศุกร์ (23 ก.ย.) อาจเร็วหรือช้ากว่า 1 วัน และจุดที่คาดว่ามันจะตกอยู่ระหว่างเส้นรุ้ง 57 องศาเหนือ และเส้นรุ้ง 57 องศาใต้ ในรัศมี 12,000 กม. ซึ่งครอบคลุมพื้นที่อยู่อาศัยของประชากรโลกส่วนใหญ่

ดาวเทียมยูเออาร์เอส ถูกปล่อยสู่อวกาศในปี 2534 เพื่อตรวจวัดชั้นโอโซน ลม และอุณหภูมิ

ถูกปลดประจำการอย่างเป็นทางการในปี 2548 ถือเป็นยานอวกาศขนาดใหญ่สุดของนาซ่า ที่หล่นชนโลกในรอบ 30 ปี หลังยานสกายแล็ปหล่นลงที่ภาคตะวันตกของออสเตรเลียเมื่อปี 2522 แต่ในรอบ 50 ปีของการสำรวจอวกาศ ยังไม่เคยมีมนุษย์รายใดได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต จากการหล่นสู่โลกของยานอวกาศ

องค์การนาซ่ากล่าวย้ำว่า ชิ้นส่วนดาวเทียมยูเออาร์เอสแค่ 26 ชิ้น ที่จะหลงเหลือ ไม่ถูกเผาไหม้ จากการเสียดสีกับชั้นบรรยากาศ

ขณะมันหล่นลงด้วยความเร็วสูง แต่ความเสี่ยงต่อชีวิตมนุษย์และทรัพย์สินจากมันมีน้อย แค่ประมาณ 1 ใน 3,200 ความคืบหน้าถึงวันที่ 20 ก.ย. วงโคจรของยูเออาร์เอสอยู่เหนือพื้นโลก 205 – 225 กม. คาดว่าเศษชิ้นส่วนของมันจะกระจายในรัศมี 800 กม. หลังหล่นถึงพื้นโลก.

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวานนี้ (21 ก.ย.) นายวิโรจน์ ไผ่ย้อย รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า ได้หารือกับทางคณะสงฆ์ ซึ่งประกอบไปด้วย เจ้าคุณวิสุทธินายก เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ฝ่ายธรรมยุต และเจ้าอาวาสวัดสนธิการาม แล้ว โดยคณะสงฆ์มีมติแจ้งให้พระเกษม อาจิณณสีโล อายุ 51 ปี เจ้าของคลิป ไม่อยากดัง ออกจากพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ ทันที แต่กรณีพระเกษมนั้นไม่ปฏิบัติตาม ยังคงพำนักอยู่ในที่พักสงฆ์เช่นเดิม
ด้านนายวิลาศ รุจิวัฒนพงศ์ ผวจ.เพชรบูรณ์ ให้สัมภาษณ์ว่า พฤติกรรมของพระเกษมที่โพสต์ลงในยูทูบนั้น ขณะนี้หน่วยของทั้งทางสงฆ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักพุทธกำลังเร่งตรวจสอบอยู่ ในชั้นแรกนี้พบว่าการขออนุญาตตั้งสำนักสงฆ์ไม่ถูกต้องตามระเบียบ
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวในหมู่บ้านใกล้วัดรายหนึ่งกล่าวว่า คลิปวิดีโอที่เผยแพร่ออกไปนั้น ชาวบ้านหลายคนรู้สึกไม่สบายใจต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์ เห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และเห็นว่าเป็นเรื่องซ้ำซาก เพราะครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2แล้วที่หลวงปู่เกษมมีข่าวออกไปในลักษณะนี้ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นชาวบ้านก็ไม่กล้าเข้าไปก้าวก่าย ไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวเพราะหากประพฤติไม่เหมาะสม สังคมหรือคนภายนอกก็จะเป็นผู้สะท้อนเอง ส่วนตัวเลิกทำบุญที่สำนักสงฆ์แห่งนี้เพราะไม่ศรัทธา
Mthai News

 

ผมขอ อนุญาต เตือนท่านทั้งหลายด้วย ความบริสุทธิ์ใจครับ ขอให้ท่านทั้งหลาย เมื่อได้ฟังข่าวเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ ให้ ปล่อยวาง อย่าเก็บเอามาพิจารณาเลยนะครับ ข่าวเขาว่ามาก็ แค่รู้แล้วก็แค่นั้น เฉยๆไว้เป็นดี แม้เสี้ยวนึงของความคิด อาจทำให้อยู่ในอบายภูมิ ก็ได้ เรื่องแบบนี้ เป็นเรื่องที่นอกเหนือวิสัย ปุถุชน ธรรมดา จะรู้ได้ สิ่งไหนที่ท่านสอนแล้วเราเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดี เราสามารถนำมาปฏิบัติได้ ก็เป็นเรื่องที่ดี ก็พอ โดยส่วนตัวแล้ว ผมเคยอ่านหนังสือท่าน ท่านก็สอนตรงตามหลักพุทธศาสนา ให้แผ่เมตตา ให้รักษาศีล ให้ภาวนา สำรวมใจ ทุกอย่าง ท่านสอนก็เป็นสิ่งที่ดี ผมก็นำสิ่งที่ท่านสอนมาปฏิบัติ ส่วนตัวท่านเองจะเป็นยังไง อันนี้เป็นเรื่องของท่านเอง เราชาวพุทธ ทั้งหลาย ได้รับรู้ข่าวท่าน ก็ ถือว่าได้รู้ก็แค่นั้น เรื่องความมี ความเป็นอยู่ ความเสื่อม เป็นเรื่องธรรมดา เรื่องภัยพิบัติ ก็เป็นเรื่องความเสื่อมเป็นธรรมดา แต่เราไม่ประมาทที่จะรอให้ภัยพิบัติเกิดขึ้นโดยที่เราไม่ทำอะไรเลยนั้น ไม่ใช้วิสัยชาวพุทธเรา สิ่งไหน บอกได้ เตือนได้ รับรู้ได้ เตรียมการได้ เราก็พึงที่จะทำ และจะทำต่อไป ขออนุโมทนา ทุกท่านด้วยครับ คุณ เกษม คุณ วรเดช คุณ Fakman ฯลฯ

 

=====================================


21 ก.ย. 54


น้ำท่วม---------ท่วมทั่ว-------ปฐพี
ประชาชี--------เดือดร้อน-----กันถ้วนหน้า
มองดูแล้ว------เศร้าใจ--------เป็นนักหนา
พร้อมใจพา-----บริจาค--------ทรัพย์สินกัน

เข้าช่วยเหลือ-----เครือญาติ-----ผู้เดือดร้อน
อีกทั้งน้อง--------เด็กเล็ก-------ให้ได้กิน
เพื่อประทัง-------ชีวิต----------ไม่แดดิ้น
ถ้าไม่สิ้น---------ต้องสู้---------กันต่อไป

ธรรมชาติ--------เร่งย้ำ---------ซ้ำเตือนภัยพิบัติ
แสนสาหัส-------ชีวีต----------ต้องสลาย
ทรัพย์สมบัติ-----สร้างมา-------กันมากมาย
แต่สุดท้าย-------กลับไม่ได้-----ใช้กันเลย

เร่งเถิดเร่ง-------เร่งสร้าง------------แต่ความดี
เป็นวิธี----------ป้องกัน-------------การสูญเสีย
ญาติพี่น้อง------อีกตน--------------และลูกเมีย
จะได้เคลีย-------ความปลอดภัย-----ไว้ป้องกัน

ปีนี้---------------ยังเท่านี้--------แล้วปีหน้า
ผมไม่กล้า---------จะบอก--------ว่าแค่ไหน?
จะทวี-------------หลายเท่า------หรืออย่างไร?
ต้องเตรียมไว้------ให้พร้อม-------อย่าประมาท

ข่าวเทศ----------เขาเซด--------ได้ลงข่าว
จะต้องเอา--------ความผิด-------เจ้าหน้าที่
แผ่นดินไหว-------ไม่แจ้ง--------ให้อึ้งมี่
จั๊กจี้--------------รูหู------------เมื่อได้ยิน

แผ่นดินไหว------ไหวเอง--------เหนือคาดเดา
ยังใจเบา---------โทษเขา-------ไม่โทษเรา
ถ้าแจ้งเหตุ-------ก่อนเหตุ--------แล้วเที่ยวเป่า
เขาว่าเอา--------ปลุกระดม------ความตื่นกลัว

ซวยขาขึ้น-------ขาล่อง--------พี่น้องเอ๋ย
ไฉนเลย---------ใครกล้า-------อยากจะช่วย
อยู่เฉยๆ---------ไม่ช่วย--------ดีกว่าเลย
ให้เฉยเมย-------ช่วยเหลือ------แต่ตัวเอง



องค์อินทร์ ๙๗
ทำการแทน


======================================
ภาพฐานผาแบ่นค่ะ(tanphaban.blogspot.com)
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"

 

22 ก.ย. 54

นิมิตภาพ หินทับ ถาโถม
ประชาชน ล้วนอยู่ ใต้ซาก
เท่าภูเขา เลากา น่าอนาถ
ธรรมชาติ นั้นเริ่ม เอาจริง

ลูกสาวซื้อ หกล้อ ไว้ใช้งาน
ผมคิดตาม อยากนำ มาใช้ต่อ
ที่ผาแบ่น ยามมีภัย ช่วยงานพ่อ
ขนหีบห่อ ของใช้ ได้มากมาย

องค์อินทร์ ๙๗
ทำการแทน

 

GOOD JUDGEMENT.......ANUMOTANA...SATOO!!!!!

 

มูดี้ส์หั่นเรทติ้ง 3 แบงก์ยักษ์สหรัฐ​

​

มูดี้ส์หั่นอันดับความน่าเชื่อถือ 3 แบงก์ใหญ่สหรัฐ ชี้รัฐบาลอยากเข้าช่วยเหลือน้อยลง หากตกอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพ

มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของสหรัฐประกาศวานนี้ (21 ก.ย.)ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาว และระยะสั้น ของธนาคารชั้นนำสหรัฐ 3 ราย รวมถึง แบงก์ ออฟ อเมริกา เวลส์ ฟาร์โก และซิตี้กรุ๊ป

ในจำนวนนี้ แบงก์ ออฟ อเมริกา โดนปรับลดมากสุดถึง 2 ขั้น โดยมีความน่าเชื่อถือระยะยา จากระดับจาก A2 ลงมาอยู่ที่ Baa1 ส่วนเวลส์ ฟาร์โก ลงมาอยู่ที่ A1 จากเดิมที่ A2 และซิตี้กรุ๊ปโดนลดน้อยสุด ด้วยการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะสั้น จาก Prime-1 มาอยู่ที่ Prime-2 มูดี้ส์ ระบุว่า บริษัทเชื่อว่ารัฐบาลสหรัฐได้ละทิ้งพันธะสัญญาที่จะรักษาธนาคารซึ่งมี "ความสำคัญทางระบบ" ไปแล้ว นับแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจระหว่างปี 2551-2552 ที่รัฐบาลต้องอัดฉีดเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์ให้กับสถาบันการเงิน เพื่อไม่ให้ระบบธนาคารล่มสลาย

"มูดี้ส์เชื่อว่า รัฐบาลมีแนวโน้มที่จะจัดหาความช่วยเหลือระดับเพื่อสนับสนุนสถาบันการเงินที่มีความสำคัญต่อระบบการเงิน แต่มีแนวโน้มมากขึ้นว่า รัฐบาลอาจจะยอมปล่อยให้ธนาคารขนาดใหญ่ล้มไป หากเกิดปัญหาทางการเงินขึ้นมา"

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 22 กันยายน 2554

เฟดตอกย้ำเศรษฐกิจอ่อนแอทุบหุ้นสหรัฐร่วง​

​

หุ้นสหรัฐดิ่งหนักหลังเฟดประกาศมาตรการหนุนเศรษฐกิจ ที่ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ถึงอนาคตเศรษฐกิจอันมืดหม่น

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (21 ก.ย.) ดิ่งลง 283.82 จุด (2.49%) มาอยู่ที่ 11,124.84 จุด ขณะที่ดัชนีเอส แอนด์ พี 500 ร่วงลง 35.33 จุด (2.94%) ที่ 1,166.76 จุด และดัชนีแนสแด็ก ทรุดลง 52.05 จุด (2.01%) ที่ 2,538.19 จุด

หลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายนาน 2 วันปิดฉากลง ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ประกาศแผนการ ที่นักวิเคราะห์การเงินระบุว่า ทำให้เหล่านักลงทุนในตลาดพากันสรุปว่า เฟดมองเศรษฐกิจต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะฟื้นตัวขึ้นมา

ทั้งนี้ เฟดประกาศว่า จะเข้าซื้อพันธบัตรระยะต่างๆ ไล่ตั้งแต่ 6 ปี ไปจนถึง 30 ปี ภายในเดือนมิ.ย. 2555 คิดเป็นมูลค่ารวม 400,000 ล้านดอลลาร์ และในช่วงเวลาเดียวกัน มีแผนที่จะขายพันธบัตร ที่มีกำหนดระยะเวลาชำระคืนใน 3 ปี หรือน้อยกว่านั้น มูลค่า 400,000 ล้านดอลลาร์ การเคลื่อนไหวดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อกดให้อัตราดอกเบี้ย สำหรับตราสารหนี้ระยะยาวของรัฐบาลลดต่ำลง และอาจส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยในสินทรัพย์จดจำนอง และหนี้อื่นๆ ลดลงด้วย

ตลาดยังได้รับปัจจัยลบ จากการที่มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ประกาศหั่นอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารชั้นนำในสหรัฐ 3 ราย ประกอบด้วย แบงก์ ออฟ อเมริกา เวลส์ฟาร์โก และซิตี้กรุ๊ป ชี้มีความเสี่ยงที่รัฐบาลอจะเข้าช่วยเหลือน้อยลง หากตกอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพ

การตอกย้ำถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่อ่อนแอ จากท่าทีของเฟด ยังกดดันให้ราคาน้ำมันร่วงลง โดยราคาน้ำมันดิบไลท์ สวีท เวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียท ส่งมอบเดือนพ.ย. ที่ตลาดไนเม็กซ์ สหรัฐ ลงลง 1 ดอลลาร์ ปิดซื้อขายที่ 85.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ ส่งมอบเดือนเดียวกัน ที่ตลาดลอนดอน อังกฤษ ขยับขึ้น 18 เซนต์ มาอยู่ที่ 110.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 22 กันยายน 2554

ที่มา http://www.bangkokbiznews.com

ชาวเกาหลีใต้เข้าคิวข้ามคืนถอนเงินธนาคารออมทรัพย์ที่ถูกสั่งระงับกิจการ​

​

ซองนัม 22 ก.ย.- ผู้ฝากเงินชาวเกาหลีใต้จำนวนมากแห่เข้าคิวตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาเพื่อรอถอนเงินจากธนาคารออมทรัพย์ 7 แห่งที่ถูกทางการสั่งระงับกิจการเพราะฐานะการเงินย่ำแย่

รายงานระบุว่า เฉพาะที่กรุงโซล เมืองหลวงของประเทศ ชาวเกาหลีใต้กว่า 800 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุวัย 60 กว่าปี และ 70 กว่าปีรวมตัวกันหน้าธนาคารออมทรัพย์แห่งหนึ่งที่ถูกทางการสั่งเมื่อวันอาทิตย์ให้ระงับกิจการและให้ลูกค้าเริ่มถอนเงินฝากได้ตั้งแต่วันนี้เป็นวันแรก ผู้ฝากเงินสามารถถอนเงินฝากได้สูงสุดเป็นการชั่วคราว 20 ล้านวอน (ราว 521,800 บาท) จนถึงเดือนพฤศจิกายนนี้ และสามารถถอนได้จากธนาคารรายใหญ่ในกรณีที่ธนาคารอมทรัพย์รายเล็กถูกปิด

คุณยายวัย 72 ปีคนหนึ่งซึ่งมาเข้าแถวรอหน้าธนาคารออมทรัพย์โทเมโทตั้งแต่คืนก่อนเผยว่า ยืนแทบไม่ไหวเพราะกระดูกพรุน ซ้ำยังเผลอทำหลานชายวัย 5 ขวบหาย เพราะคนเบียดเสียดกันวุ่นวาย โชคดีพบหลานชายนอนหลับอยู่ที่ตู้จำหน่ายตั๋วจอดรถหลังธนาคาร โทเมโทเป็น 1 ใน 7 ธนาคารออมทรัพย์ขนาดเล็กที่จูงใจให้คนฝากเงินด้วยดอกเบี้ยสูงกว่าธนาคารใหญ่ ธนาคารเหล่านี้ปล่อยสินเชื่อจำนวนมากให้แก่ภาคก่อสร้างที่มีปัญหาจนประสบปัญหาขาดแคลนเงินทุนและถูกทางการสั่งระงับกิจการ

ความวิตกนี้แพร่กระจายไปยังธนาคารขนาดเล็กอื่น ๆ ที่ไม่ถูกสั่งระงับกิจการ สำนักงานกำกับดูแลการเงินของเกาหลีใต้แจ้งว่า จนถึงบ่ายวันนี้มีคนแห่ถอนเงินจากธนาคารออมทรัพย์ทั้งหมด 91 แห่งแล้วรวม 40,800 ล้านวอน (ราว 1,065 ล้านบาท) ด้านบริษัทจัดอันดับเครดิตสแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ส (เอสแอนด์พี) ระบุว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความเสี่ยงต่อระบบการเงินเพราะธนาคารทั้ง 7 แห่งมีเงินฝากรวมกันเพียงร้อยละ 0.8 ของทั้งประเทศ ขณะเดียวกันสำนักข่าวยอนฮัพรายงานว่า สำนักงานอัยการสูงสุดจะสอบสวนธนาคารออมทรัพย์ทั้ง 7 แห่งเรื่องการบริหารจัดการผิดพลาดและข้อกล่าวหาเรื่องทุจริต.-สำนักข่าวไทย

วันพฤหัสบดี ที่ 22 ก.ย. 2554

นักลงทุนหวั่นปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐขายหุ้น ดัชนีหุ้นไทยดิ่ง 39 จุด​

​

กรุงเทพฯ 22 ก.ย. - ดัชนีหุ้นไทยวันนี้ปรับลดลงอย่างหนักตลอดทั้งวัน ก่อนปิดตลาดดิ่งลง 39 จุด เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) วันนี้ (22 ก.ย.) ว่า ดัชนีราคาหุ้นปรับลงลึกตลอดการซื้อขายในวันนี้ จนต่ำกว่าแนวรับสำคัญที่ 1,000 จุด เนื่องจากนักลงทุนกังวลเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นสูงสุดที่ 1,014.75 จุด ปิดตลาดที่จุดต่ำสุดของวันที่ 990.59 จุด ลดลง 39.00 จุด คิดเป็นร้อยละ 3.79 ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 32,481.33 ล้านบาท ส่วนตลาดเอ็ม เอ ไอ ปิดที่ 273.76 จุด ลดลง 11.53 จุด มูลค่าซื้อขาย 497.01 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 93.68 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 3,675.39 ล้านบาท ขณะที่บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 1,068.54 ล้านบาท และ นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 2,700.53 ล้านบาท

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีราคาหุ้นไทยปรับลดลงอย่างหนักตลอดทั้งวันมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศทั่วโลกที่ลดลง เพราะนักลงทุนไม่มั่นใจภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ หลังผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาแล้วยังไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน

ส่วนแนวโน้มวันพรุ่งนี้ (23 ก.ย.) คาดว่า ดัชนีราคาหุ้นอาจฟื้นตัวทางเทคนิค (รีบาวด์) เพิ่มขึ้นได้ในช่วงสั้นๆ เพราะแนวโน้มตลาดยังอยู่ขาลงต่อ เนื่องจากปัจจัยกดดันจากปัญหาหนี้ในยุโรปและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวยังคงอยู่ จึงประเมินแนวรับที่ 980 จุด และแนวต้าน 1,000-1,010 จุด ด้านกลยุทธ์ ให้นักลงทุนรอดูสถานการณ์ เนื่องจากยังไม่น่าไว้วางใจ และควรถือหุ้นในพอร์ตไม่เกินร้อยละ 25 หากดัชนีดีดตัวควรทยอยเทขายบ้าง. - สำนักข่าวไทย

วันพฤหัสบดี ที่ 22 ก.ย. 2554

ที่มา http://www.mcot.net