การเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเป็นไปได้หรือไม่หลังปรินิพพาน

อยากทราบความเห็นของ้พื่อนๆการเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเป็นไปได้หรือไม่หลังปรินิพพานแล้ว แต่โดยความคิดเห็นส่วนตัวผมขออุบไว้ก่อน

 

เค้าขึ้นไปเข้าเฝ้าพระพุทธกันเป็นพันๆคนแล้วคับ

 

ความเห็นส่วนตัว...ถ้าเคยได้ยินเสียงที่มาจากภพภูมิต่างๆแล้วและมีกำลังสติเพียงพอจะแยกได้เองครับว่าจริงหรือเปล่า..ส่วนเรื่องแบบนี้.คิดว่าใครที่
..เคยทำได้อย่าง จขกท..หรือ แม้แต่เคยได้รับคำสอน..มักจะไม่ค่อยพูดและแสดงตัวแบบว่าเป็นตัวเอง.หรือพูดเฉพาะกลุ่มที่ระดับการสัมผัสรับรู้พอๆกันเท่านั้น ...

 

ครับ

คนไปเฝ้าพระพุทธเจ้าถึงชั้นนิพพานเก่งนะ

แต่แปลกนะพระพุทธเจ้ากลับมาที่โลกมนุษย์ไม่ได้นี่มันยังไง พระพุทธศาสนาเจอภัยพิบัตินับครั้งไม่ถ้วน หรือพระองค์ไม่ทรงเหลี่ยวแลศาสนาของตนเอง

 

แม้พระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน ธรรมยังไม่ตาย ยังอยู่กับโลกต่อไป ตราบเท่าที่พระพุทธองค์ทรงพยากรณ์ไว้
เราจะเข้าถึงพระพุทธเจ้า ก็ต้องเข้าถึงธรรมะของพระองค์ ไม่ใช่เข้าถึงสิ่งอื่น
รูปภาพนั่นเป็นแต่เพียงสิ่งเตือนจิตใจให้เรานึกถึงธรรมะ เนื้อแท้ต้องเป็นธรรม
ต้องเข้าถึงธรรมะของท่าน เอาธรรมะของท่านมาใส่ไว้ในใจของเรา
ก็เชื่อว่าเราได้พบพระองค์โดยธรรม เอาธรรมมาปฏิบัติ เราก็มีความสุขความเจริญ
นี่ฉันใด คนดีจึงเป็นคนที่ไม่ตาย ธรรมะจะเป็นตัวแทนของพระองค์
เหมือนเราได้เข้าเฝ้าพระองค์โดยแท้

 

การตัดสินใจผิดพลาดร้อยครั้ง ดีกว่าการลังเลเพียงครั้งเดียว<!-- google_ad_section_end -->

ลายเซ็นต์นี้ดีนะครับ.....แต่ผมว่าผู้ที่มีปัญญานั้น.....ทำอะไรควรใช้ปัญญาพิจารณาให้มากดีกว่านะครับ.....อย่างนั้นก็จะเกิดแต่สิ่งที่ผิดพลาดอยู่นั่นหละ....

 

สำนวนคุณคนรักควาย เหมือนไม่ใช่ชาวพุทธ
(ถ้าเข้าใจผิดก็ขออภัย...)<!-- google_ad_section_end -->

 

ครับ

ผมเป็นชาวพุทธครับแต่เชื่อว่าการเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แม้ว่าจะมีอ้างไว้ในพระไตรปิฏกก็ตาม ผมเคยบวชมา 7 พรรษาครับ เป็นความคิดเห็นส่วนตัว อยากทราบว่ามีใครคิดเหมือนผมบ้าง

 

เหลี่ยวแลแล้วละ
ใครว่าท่านไม่ช่วย
ช่วยคนดี คนมีศีลธรรม
ถ้ามันเกินกฏของกรรม
ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ

 

ครับ

อนุโมทนาด้วยครับ ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง

 

พระพุทธศาสนาเจอภัยพิบัตินับครั้งไม่ถ้วน หรือพระองค์ไม่ทรงเหลี่ยวแลศาสนาของตนเอง

พูดเหมือนคุณจะน้อยใจ
ในพระพุทธเจ้าอย่างนั้นแหละ
โกนหนวดโกนเคราซะบ้าง
จะได้โลงสบายจิตสบายใจ

 

การตัดสินใจผิดพลาดร้อยครั้ง ดีกว่าการลังเลเพียงครั้งเดียว

อย่าลังเลเลยครับ ปฏิบัติตามคำครู พระพุทธองค์เชื้อเชิญให้เข้ามาพิสูจน์ ข้อมูลที่นี่มีมากมาย หาได้ตามสะดวกครับ

 

ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต<O</O​

<O</O
ตามความเห็นของผมแล้ว พระพุทธเจ้าท่านยังมิได้ปรินิพพาน เพราะอะไร เพราะว่า ณ.ปัจจุบันนี้ พระธรรมยังเป็นที่ประจักษ์อยู่ ธรรมะ คือ ธรรมชาติ ใครก็ตามเมื่อเห็นธรรมก็ย่อมเหมือนกับว่าได้เห็นพระพุทธองค์อยู่ตรงหน้า....ซึ่งก็ตรงกับพระพุทธพจน์ที่กล่าวไปแล้วข้างต้น....ถ้าเกิดว่าผมกล่าวว่าการที่ได้เห็นพระพุทธเจ้าอยู่ตรงหน้านั้น ในลักษณะนี้ ก็ย่อมเป็นที่แน่ใจได้ว่าได้เห็นพระตถาคตเจ้านั้น...นะครับ...<O</O
<O</O
ส่วนคำกล่าวที่ว่าทำไมพระพุทธเจ้าท่านไม่เสด็จมาโปรดโลก....สำหรับผมนั้น...พระพุทธเจ้าท่านทรงเสด็จโปรดโลกอยู่ตลอดเวลาครับ....เพราะอะไรเหรอครับ...เพราะสมเด็จพระตถาคตได้กล่าวเอาไว้ว่า ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม อย่างไรเหรอครับ..ยกตัวอย่างเช่น ศีล ๕ ผู้ที่ประพฤติอยู่ในศีล ๕ ย่อมอยู่เป็นสุข ส่วนในเรื่องอธิบายนั้น ถ้าท่านบวชมาแล้วตั้ง ๗ พรรษา ก็คงได้ศึกษามาบ้าง เราคงไม่ต้องอธิบายกันนะครับ...<O</O
<O</O
ศาสนาพุทธเป็นศาสนาสัจนิยม คือยึดมั่นในหลักแห่งความเป็นจริงตามธรรมชาติ และเน้นการพิสูจน์ให้ประจักษ์ด้วยตนเอง พึ่งตนเอง.
<O</O
ไม่เหมือนศาสนาที่เป็นแบบเทวนิยม ที่อะไรก็เชื่อว่าพระเจ้าประทานให้ พระเจ้าบันดานให้ พระเจ้าเป็นผู้กำหนด พระเจ้าเป็นผู้ลิขิต หรือในวาระสุดท้ายพระเจ้าเป็นผู้พิพากษาโทษในวันสิ้นโลก(ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีหรือไม่)..ที่มีความเชื่ออีกว่าบุคคลที่ทำความดีมาทั้งชีวิตแต่ผิดที่ไม่เชื่อในพระเจ้าก็มีสิทธิลงนรกไปตลอดกาลนาน....จนขาดความเชื่อมั่นในตนเอง และไม่ต้องใช้ปัญญาอะไรมากมาย ไม่รับรับรู้ความจริงตามธรรมชาติทั้งหมด ยอมรับแต่ว่าความจริงคือพระเจ้าเท่านั้น.....
<O</O<O</O
ถ้าคุณบวชมาแล้ว ๗ พรรษาก็คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากนะครับ....ผมเชื่อแน่ว่าอย่างน้อยคุณก็คงเคยผ่านหูผ่านตามาบ้างในสิ่งที่ผมพูดถึง....<O</O

 

ส่วนตัวไม่มีคำเห็น สาทุ สาทุ สาทุ

 

สาธุครับ

-มหาโมทนากับกุศลจิตทุกๆท่านครับ

-เรื่องการบวชเรียนนั้น ไม่ใช่การวัดระดับจิตใจของคนน่ะครับ แต่ขึ้นอยู่กับ

ผลของการปฏิบัติต่างหากน่ะครับ

-พระพุทธเจ้า องค์ท่านสอนไว้ทุกอย่าง เพียงแต่เราผู้ศึกษา นั้น ยังไม่ศึกษา

ให้รอบรู้เท่านั้นครับ ลองไปค้นคว้าอีกสักครั้ง ก็จะได้คำตอบที่ต้องการครับ

-สิ่งที่เราทำไม่ได้ ใช่ว่าสิ่งนั้น ไม่มีอยู่ครับ อุปมา อย่างคลื่นวิทยุ/โทรทัศน์

ถ้าเราไม่มีวิทยุ /โทรทัศน์ เราจะได้ยิน/ได้เห็นไหม?

สาธุ

 

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับผม ผมก็ปฏิบัติบ้าง ในชีวิตประจำวัน บางช่วงก็ขยัน บางช่วงก็ขยันน้อย แม้จะไม่เป็นไปตามที่ต้องการ แต่ก็ยอมรับว่า ชีวิตดีขึ้นจริง เท่านี้ก็พอใจผลในปัจจุบัน แต่ส่วนอนาคตนั้นเราก็สะสมของเราต่อไป เผื่อจะถึงวาระที่สามารถเชื่อมต่อกับบุญเก่าได้ ก็จะชัดเจนขึ้น ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านครับ

 

คนที่ออกจากคุกแล้ว ทำไมจะมาเยี่ยมคนในคุกไม่ได้

ท่านพร้อมที่จะลงมาช่วยเราเสมอ แต่เราจะรับได้หรือเปล่า ขึ้นอยู่กับการ

ปฏิบัติสมาธิของเรา

ถ้าท่านเจ้าของคำถามเข้าเวปพลังจิตบ่อยๆ น่าจะลองเข้าไปอ่านคำสอน

ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจก็อย่าได้ปรามาสเด็ดขาด

เพราะคำสอนของพระอรหันต์เป็นหนึ่งเดียวกับพระพุทธเจ้า ไม่มีแบ่งเป็นสอง

 

สมเด็จโตเทศน์บอกมนุษย์ที่สำนักปู่สวรรค์ นานแล้ว มีหลักฐานในหนังสือ ซึ่งตรงกับที่ ท่านเจ้าคุณ นรรัตน์ราชมานิต ว่า พระพุทธเจ้ายังอยู่ คือสมเด็จโตบอก พระพุทธเจ้ายังไม่เข้าแดนนิพพาน เพราะสัจจะ หรือสัญญาที่พระองค์บอกว่า ศาสนาของตถาคตจะอยู่ถึง 5000 ปี พระองค์จึงยังพำนักอยู่แดนอรหันต์ เพื่อเฝ้าดูความเป็นไปของศาสนาของพระองค์จนครบ 5000 ปีนั่นเอง แล้วจึงเข้าแดนนิพพาน....ส่วนใครว่าไปเฝ้ามา ก็ว่ากันไปตามสบาย
เรื่องนี้แปลกไม่เหมือนที่เราคิดกัน แต่ทำไมตรงกัน 2 คน คือสมเด็จโตและท่านเจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต
ลองหาหนังสือที่สมเด็จโตเทศน์ไว้ที่สำนักปู่สวรรค์ มีหลายๆอย่างที่เข้าใจผิด ท่านก็บอกให้เข้าใจเสียใหม่
ป.ล. ไม่เหมาะกับคนที่ไม่เปิดใจกว้างรับข้อมูลใหม่ๆ

 

-ผมยังได้ฟังพระพุทธเจ้าเทศสั่งสอนอยู่ทุกกาล เมื่อกำลังเจริญสติ (ไม่ได้พูดอวดแต่ พิจารณาตามคำสอน)
-พระพุทธองค์ตรัสรู้ อริยสัจ 4 ใครมีปัญญามากก็เหมือนได้เห็นพระองค์อยู่ตลอดเวลา
-พระรัตนตรัย พระธรรม คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า และถามว่าสอนใคร สอนกายกับใจนี้เอง เมื่อเห็นใจได้ใจตนเองแล้วก็คือได้ธรรม เมื่อได้ธรรมก็เท่ากับได้เห็นพระพุทธเจ้าแล้ว

 

ท่านบวชมา 7 พรรษา ท่านเชื่อเรื่องกรรมไหม?

ถ้าท่านไม่เชื่อเรื่องที่่ว่าน่ะ

ท่านเชื่อว่าอนันตรยิกรรมทำไปแล้ว ห้ามสวรรค์ห้ามนิพพานนั้นท่านเชื่อไหม?

แล้วท่านรู้ไหมว่า กรรมนั้นมันมีได้ 3 ทาง คือ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม

แล้วท่านเชื่อไหมว่า ถ้าเราทำกรรมไม่ดี ทางกาย วาจา หรือใจก็ดี จะเกิดวิปติ

สาร ท่านเคยสัมผัสคำว่า วิปติสารไหม? ตรงกันข้าม ถ้าเราทำกรรมดี เราก็จะมี

ปีติ ปลื้มอกปลื้มใจในความดีนั้น ท่านเคยปลื้มใจในความดีอะไรบ้างไหม?

ท่านเคยนั่งคู้บรรลัง ตั้งกายให้ตรง ดำีรงสติให้มั่น หายใจเข้ารู้ หายใจออกรู้

ตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไหม? ถ้าเคยทำท่านทำจนเกิดปีติ เกิด

ความสุข ความสงบร่มเย็นขึ้นในใจไหม? เมื่อมีปีติ มีความสุขมีความสงบแล้ว

ท่านเคยอาศัยจิตนั้น พิจาระณากองสังขารไหมว่า มันเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป

อย่างไร?เมื่อพิจาระณาท่านพิจาระณาจนเกิดนิพพิทาญาณ คือความเบื่อหน่าย

ในกองสังขารทั้งหลายทั้งปวงไหม? เมื่อเบื่อหน่ายท่านเกิดอารมณ์คลายความ

กำหนัดยินดีในกองสังขารทั้งหลายทั้งปวงไหม? เมื่อท่านเบื่อหน่าย เมื่อท่าน

คลายความกำหนัด จนจิตท่านละความยึดมั่นถือมั่นในกองสังขารทั้งหลายทั้ง

ปวงได้ จิตท่านก็จะหลุดพ้นจากความถือมั่น แม้จะเป็นเพียงตะทังคปหาน

ก็จะเป็นคุณสมบัติที่สามารถเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าได้ ทำได้ไหม?

ถ้าอ่านแล้วเกิดอยากทำได้บ้างอย่างคุณก็ต้องเริ่มต้นที่ ขอขมาพระรัตนะตรัย

ก่อน สึกมาแล้ว ก็สมาทานศีล 5 หัดรักษาที่ละข้อ ทีละข้อให้ครบ

แล้วทำตามที่บอกไว้ข้างบนนั่นแหละให้ครบ อย่างน้อยๆคุณก็จะได้เข้าใจใน

ความรู้สึกว่าผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเราตถาคตนั้นมันรู้สึกอย่างไรด้วยใจของคุณ

เอง ถ้าเดินทางนี้ไม่ได้ คุณก็เดินทางเดิมของคุณ ดับทุกข์ด้วยกามสุขไปเรื่อยๆ

ก็แล้วกัน เชื่อว่าคุณไม่ขาดเพื่อนหรอก เพราะคนทั่วโลกส่วนใหญ่ เขาก็เห็น

เหมือนคุณกันทั้งนั้น คุณไม่ต้องมาถามหรอกว่า ใครเห็นอย่างผมบ้าง แต่ถ้า

ถามผม ผมก็จะตอบว่า ผมไม่เห็นอย่างคุณหรอก เพราะม้นสุ่มเสี่ยงเกินไป

ผมเห็นแล้วว่า ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป

นอกจากทุกข์แล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากทุกข์แล้วไม่มีอะไรตั้งอยู่ นอกจาก

ทุกข์แล้วไม่มีอะไรดับไป สิ่งทั้งหลายเกิดแต่เหตุ ถ้าเหตุดับสิ่งนั้นก็ดับ

ผมจะประกอบเหตุโดยตั้งมโนกรรม วจีกรรม ที่สุ่มเสี่่ยงที่จะทำให้ได้รับทุกข์สิ้น

กาลนานอย่างคุณไปทำไม