ว่ากันเรื่อง วัดธรรมกาย

ทำไมไม่ศึกษาเรื่องอนุปุพพิกถาดูหละครับ จะได้มีความรู้เพิ่มขึ้น

ผมว่าผมยอมถูกว่าโง่เพราะถูกหลอกให้ทำบุญ
ดีกว่าโดนสื่อบางสื่อหรือคนบางคนหลอกให้ทำบาปแล้วเป็นคนฉลาดนะครับ

กรุณาศึกษาดูสักหน่อยครับ เพราะพระพุทธเจ้าท่านก็ใช้ในการแสดงธรรม
แสดงว่าส่วนใหญ่คุณใช้ความรู้สึกพิจารณาตัดสินเขาสิครับไม่มีหลัก

ดูหน่อยว่าพระพุทธเจ้าสอนอย่างไร
เรื่องอุุตริก็เหมือนกันทำการศึกษาที่มาที่ไปด้วยครับ

ไม่ใช่เขาว่ามาอย่างไรก็ว่าตามเขาไป อ่านพระไตรปิฎกดูเลยครับ
อย่าอ่านแต่กรณีธรรมกาย แล้วก็เอามาโพสท์

ตัวอย่างกรณีพระพิมลธรรมสมัยก่อน ก็น่าจะเป็นข้อเตือนสติ
คนที่ชอบปรับอาบัติพระสงฆ์ได้ดี

 

ภิกษุอวดอุตริมนุษยธรรมที่ไม่มีในตนต้องอาบัติปาราชิก

ภิกษุอวดอุตริมนุษยธรรมที่มีในตนต้องอาบัติทุกกฎ

อุตริมนุสธรรมหมายถึงฌาน วิโมกข์ สมาธิ สมาบัติ มรรค และผล

มีครั้งหนึ่งพระสารีบุตรท่านขอพระศาสดาจะไปโปรดนางหอยที่บ้านอยู่
หน้าวัดเชตวันนางคนนี้เป็นมิจฉาทิฏฐิ ท่านก็โปรดด้วยปาฏิหารย์หมายให้นางละ
มิจฉาทิฏฐิแล้วมีศรัทธา พระศาสดาก็มิได้ตำหนิอะไร

แต่ที่ท่านตำหนิก็ครั้งที่ภิกษุเหาะขึ้นไปเอาบาตรของเศรษฐี ที่ท้าทายพระอรหันต์นั่นเอง

คุณเห็นข้อแตกต่างของทั้งสองเหตุการณ์นี้มั๊ยครับ ลองค่อยๆคิดดูก่อน

 

แล้วหลวงพ่อวัดธรรมกาย ท่านก็ไม่ได้บอกว่าท่านได้ฌาน วิโมกข์ สมาธิ
สมาบัติ มรรค และผลใดๆ

ท่านก็บอกอยู่ว่าท่านหลับแล้วฝันไปเป็นเรื่องเป็นราวแล้วตื่นมาเล่าให้ญาติโยมฟัง
เป็นนิยายนิทานสอนใจสนุกๆครับ

 

คุณ upanya
ฆราวาสที่ไหนครับปรับอาบัติพระภิกษุได้ ทำไม่ได้ครับ ถ้าตำหนิ ติเตียนได้ครับ ถ้าท่านผิดวินัยสงฆ์ หรือถูกกล่าวหา ก็ต้องแก้ข้อตำหนินั้นๆ หรือ แก้ข้อกล่าวหานั้นๆ ตามกรณีไปครับ ถ้าหากกรณีนั้นๆมีผลในทางโลกวัชชะทางกฎหมายบ้านเมือง ก็ต้องลาสิกขามาแก้ข้อกล่าวหานั้นๆ ถ้าไม่แก้มันก็คาราคาซังอยู่อย่างนั้นแหละ คุณลองคิดดูผลที่เสียหายแก่ศาสนามันเป็นอย่างไร
การอวดอุตริอย่างที่ท่านยกมานั้นถูกต้อง100% เพราะมันเป็นหลักที่พระบรมศาสดาทรงตั้งไว้ แต่ถ้าท่านลองไปศึกษา บุพพสิกขา ท่านจะทราบว่าอวดอุตริไม่ได้มีความหมายเพียงแค่ประโยคสั้นๆแค่นี้หรอกครับ เว้นไว้แต่การสมมุติเท่านั้นที่ไม่ผิด
วินัยสงฆ์นั้น พระบรมศาสดาไม่ได้กำหนดขึ้นไว้ก่อนล่วงหน้า แต่พระองค์ทรงบัญญัติหลังจากมีเหตุเกิดแล้ว และทรงพิจารณาแล้วว่า ไม่มีสารประโยชน์ ไม่เป็นไปเพื่อความหลุดพ้น แต่ทรงให้เป็นไปเพื่อความเรียบร้อย ดีงามแก่พระสงฆ์

 

ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ ผมต้องยอมรับครับว่า ไม่ได้ศึกษาพระไตรปิฎกอย่างจริงจัง รู้แค่เพียงผิวเผิน ที่กล้าอวดอุตริมาตอบ ก้อเอามาจากความรู้สึกที่อยากเห็นพุทธศาสนาเรา ปราศจากสิ่งมัวหมอง ที่อาจเกิดจากมนุษย์ที่แต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ และเอาผ้าเหลืองบังหน้าเพื่อกระทำการใดๆ เพื่อหาประโยชน์ให้แก่ตัวเอง คงไม่ผิดใช่ไหมครับสำหรับความคิดเพียงแค่นี้ของผม ถึงแม้ว่าผมอาจจะไม่รอบรู้เรื่องศาสนาสักเท่าไร แต่ผมก้อคิดว่า ผมได้พิจารณาจากจิตของผมในเรื่องของความถูกต้องโดยมองด้วยสายตาของมนุษย์คนนึงที่มีจิตใจปกป้องศาสนา ผมคงต้องอาศัยความรู้ของคุณ afseven มากครับ จะได้มีความรู้มากขึ้นครับ ส่วนคุณ upanya คุณจะมองว่าคนที่ต่อต้านวัดธรรมกายอย่างไร ผมไม่สนใจหรอกครับ แนวทางคุณกับผมอาจต่างกัน แต่หวังว่าสักวันคุณคงพิจารณาดีกว่านี้ ในการที่จะตัดสินว่า คนที่ต่อต้านวัดธรรมกายมีจุดประสงค์อย่างไร....
ฝากให้คิดนะครับ

 

พระอรหันต์สอนคนธรรมดานั้นท่านสอนในลักษณะชี้เหตุและผล แล้วแนะนำให้ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย
ไม่สอนคน ให้งมงายหรือทางไปนรกให้ ไม่มีพูดให้บุคคลที่สองขึ้นไปเข้าใจว่าตนคือพระอรหันต์ หรืออกุศโลบายต่างๆเพื่อชี้นำให้เข้าใจว่าเป็น
ฉะนั้น พระอรหันต์ไม่มีทางเลอะเลือนหรือไม่แม่นยำในพระธรรมวินัยโดยเด็ดขาด พระอรหันต์น่ะดูได้ไม่ยากหรอก ถ้าเราต้องการชื่นชมจริงๆ ประเทศไทยเรามีมากมายหลายองค์

 

จุดประสงค์ของคุณต่อต้านบุคคลที่ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาว่าตกลงมันคืออะไรกันแน่ แต่พฤติกรรมที่ผ่านๆมานั้นเป็นที่ทราบกันดีทั่วทั้งโลกว่ามันถูกต้องหรือเปล่า แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ต่างอย่างถูกต้องเสียที ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรที่มันรุนแรงไปกว่านี้แล้ว เพราะเพื่อนๆก็เอาซีนไปหมดแล้วครับ
ไม่ผิดหรอกครับ มันอยู่ที่เจตนา เจตนาของคุณต้องการให้เขาพิสูจน์ตัวเองโดยแนวทางที่เหมาะที่ควร ไม่มีเจตนาทำลายศาสนา แต่ว่าคำพูดบางคำก็ไม่ควรพูดน่ะครับ ก็ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ผิดแล้วแก้ไข ถือได้ว่า สำนึกแล้ว อภัยกันไป

จริงๆแล้วในความคิดผม ผมไม่ได้ต่อต้านวัดธรรมกายหรอกครับ วัดจะอยู่ก็อยู่ไป แต่วิธีการที่ผู้นำ หรือ พวกร่วมกันนำเนียะ มันเป็นวิธีที่น่ากลัวมากสำหรับพระพุทธศาสนา มันแฝงไว้ซึ่งการกลืนกิน พระธรรมคำสั่งสอนของพระบรมศาสดาทีละเล็กละน้อย อันนี้แหละครับน่ากลัวมาก มันเป็นวิธีการที่ตักน้ำใส่ตุ่มทีละเล็กน้อย ถึงแม้จะเดินทางไปตักน้ำในที่ห่างไกลจากตุ่มน้ำ
ที่ผมพูดอย่างนี้ก็เพราะว่า ผมเชื่อที่พระบรมศาสดาทรงตรัสไว้ว่า ไม่มีใครทำลายศาสนาของตถาคตลงได้ นอกเสียจาก พุทธบริษัท4 จะทำลายกันเอง
มันมีเหตุให้ทำลายกันเอง ก็เพราะผลประโยชน์ตามลักษณะของพวกทุนนิยมนั่นแหละ

 

สิ่งนี้แหละครับเป็นสิ่งที่ผมพยายามบอกการพิจารณาด้วยจิตของมนุษย์ มันยังปนด้วยโลภโกรธหลงนั้น มันมีโอกาสผิดพลาดได้มาก

ผมไม่ได้ว่าถ้าใครจะเห็นต่างกันมันธรรมดาสัตว์โลก
เพียงแต่อยากให้หันมามองอีกแง่นึงบ้างว่า

ที่ท่านกล่าวร้ายพระสงฆ์ด้วยความมั่นใจด้วยจิตของปุถุชนนั้นหนะ
ถ้ามันผิดคุณจะทำอย่างไร

ในศีล5ข้อนั้นข้อที่ผิดง่ายที่สุดคือข้อ4
กรรมที่ร้ายแรงและทำง่ายที่สุดไม่พ้นวาจาครับ

 

และผมเองเข้าวัดธรรมกายมาตั้งแตปี36
ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ ข่าวเมื่อปี40ก็ผ่านมาแล้วมันใส่ไข่สิ้นดี

พระไตรปิฎกอ่านมามากกว่าใครบางคนในนี้

กว่าจะตัดสินใจเลือกครูบาอาจารย์ผมพพิจารณามาแล้วอย่างถี่ถ้วน เทียบเคียงกับพระไตรปิฎกในทุกคำสอน

ผมไม่ได้ว่าผมเก่ง แต่ผมตัดสินใจด้วยข้อมูล
อยากให้หาข้อมูลเยอะๆในแง่มุมต่างๆกัน พิจารณาด้วยธรรมะอย่าอคติ

 

คุณเองก็เริ่มไล่เลี่ยกับผมนั่นแหละ ผมต่างจากคุณตรงที่ การได้รับข้อมูลส่วนที่ละเอียดอ่อนนั้น ผมได้รับมาจากตัวเองและพบเข้าโดยบังเอิญ ผมทำงานรับใช้พระผู้ใหญ่มาหลายองค์ ก็พอจะทราบได้บ้างหลายๆข้อมูล มีบ่อยครั้งที่ประชุมสงฆ์มีทัศนคติเห็นแย้งกันแต่ไม่แสดงออก เพราะเกลงกลัวต่อพระธรรมวินัย ไม่ใช่กลัววัดธรรมกาย กรณีของวัดธรรมกายเป็นเรื่องเล็กน้อยมากถ้าเทียบกับเรื่องทางอื่นที่เกี่ยวกับสงฆ์ แต่ปัญหาไม่จบง่ายๆเพราะ มีหลายคนที่ไม่ยอมให้จบ
ยังไงก็ขออนุโมทนาให้คุณได้ครู อาจารณ์ที่ชี้ทางสวรรค์ให้สมดังตั้งใจครับ
ส่วนครูของผมที่เกี่ยวกับการปฏิบัติมีเพียงพระรัตนตรัยเท่านั้นครับ ไม่ใช่ผมมีมานะอะไรในการถือครู แต่ทุกครั้งที่มีปัญหาติดขัดจากการปฏิบัติ ผมจะได้รับการชี้แนะจากองค์พระรัตนตรัยเสมอ
สาธุ

 

ในชีวิตของผมที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ผมยังใฝ่หา สถานที่ที่อยู่กับธรรมชาติ ไม่ต้องการศาสนวัตถุที่ใหญ่โต ไม่ต้องการผู้คนเรือนแสน เรือนล้าน เพื่อสานความยิ่งใหญ่ ผมมองหลักของธรรมชาติ เช่นในอดีตที่เคยเกิดขึ้น ที่ไม่มีอะไรเลย มีแต่พระธรรมคำสอน อาจอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ เพื่อหาความร่มเย็นเท่านั้น ผมว่าแค่นี้ก้อคงเป็นความสุขใจอย่างมาก ละทิ้งทุกสิ่งให้ได้ แต่ทุกวันนี้ ชีวิตต้องดิ้นรนไปกับการทำงาน ทำเพื่อครอบครัว ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตที่จะพบกับสิ่งที่ใฝ่หามาหรือเปล่า

 

สถานที่คุณว่ามันมีอยู่แถวอุทัยธานี ผมเคยไปปฏิบัติธรรมแถวนั้น ตอนออกธุดงค์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร มีสำนักสงฆ์ที่เงียบสงัด อยู่กลางป่า ทุกอย่างเป็นธรรมชาติ ถ้ำก็มี ชาวบ้านที่นั่น
เป็นชาวกะเหรี่ยงมอญ ที่ยังคงความบริสุทธิ์เอาไว้ได้มากอยู่ ผมได้กัลลญาณนิมิตที่นั่น4คน เป็นพระ2 ฆราวาส2
ฆราวาสคนนึงเป็นครูสอนหนังสือ อีกคนเป็นหัวหน้าหน่วยรักษาป่า ที่นั่นเป็นมิตรมาก
แต่เอาไว้ก่อน คุณยังไม่พร้อม ถ้าจิตแสวงหาสถานที่นั้นจริงๆ ก็คงต้องมีช่วงเวลาให้แน่นอน ขอให้พบทางเร็ววันครับ
สาธุ

 

สาธุครับ...ขอบคุณครับที่แนะนำ ไว้เมื่อโอกาสของผมมาถึง อาจจะต้องรบกวนคุณ afseven อีกครั้ง

 

ขอลดบทบาทลงเรื่องวัดธรรมกายนะครับ ศาสนาจะเสื่อมบ้างอะไรบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีอะไรยั่งยืนแม้ศาสนา ขอให้ทุกท่านที่มีจิตใฝ่ธรรมได้ประสบผลสำเร็จดังที่ต้องการ
ไว้มีความคืบหน้าที่สำคัญจริงๆแล้วจะมาโพสใหม่ ขอบคุณครับ

 

เรื่องพระศาสนาให้เอาอุเบกขาวางค่ะ เราต้องช่วยกันสืบทอดค่ะ ถ้าคิดอย่างนี้กันหมด คงไม่มีพระศาสนาตั้งแต่สมัยพระพุทธองค์ปรินิพพานแล้วค่ะ

 

ทำหน้าที่ของพุทธบริษัทกันไป ช่วยกันหลายๆด้าน ทำไป
อนุโมทนาสาธุ

 

มาช่วยดันกระทู้ครับ จะได้เห็นชัดๆว่ามันล้นเว็บแล้ว

 

อันนี้เขียนได้ดี แต่ ขออนุญาตนำไปให้ท่านผู้รู้พิจารณาหน่อยน่ะครับ

อีกไม่นานอาจเห็นข้อความนี้ ขึ้นหน้าหนึ่ง

หุหุ

 

ที่ทำงานก็มีเพื่อนที่นับถือธรรมกายหลายคน แต่เป็นพวกเสื้อแดงทั้งนั้น ไม่ทราบว่าเป็นแนวร่วมขบวนการเดียวกันหรือเปล่า แต่สังเกตุดูเวลาพูดถึงขบวนการดังกล่าวดูเขาจะมีอารมณ์มาก ทั้งที่บอกไปวัดเกือบทุกสัปดาห์ ไม่สมกับเป็นคนวัด ถ้าไปแตะวัดหรือคนที่ไม่มีแผ่นดินอยู่เขาจะโมโหเป็นเดือดเป็นแค้นมาก คนพวกนี้เป็นเหมือนกันหมด

 

เอคุณธงสามสีครับ ไอ้เรื่องนี้ไม่ใช่หรือครับที่ทำให้วัดพระธรรมกายโดนฟ้าผ่าเมื่อ10ปีก่อน
เหมือนกับว่า คุณวงบุญพิเศษกำลังจะนำเรื่องนิพพาน เป็นอัตตามาขยายความอีกหรือเปล่าครับ ( ถ้าผมเข้าใจคุณวงบุญพิเศษผิดไปก็ขออภัยด้วยครับ ) ความจริงเรื่องนิพพานนี่ผมคนนึงครับที่ไม่กล้าแตะต้องหรือขยายความอะไรเพราะยังไปไม่ถึง วานคุณธงสามสีบอกที