ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    =====================================



    18 เม.ย. 54


    หนีอยากหนี------ได้อยากได้-------ใจยึดติด
    ไม่ได้คิด---------ถึงชีวิต-----------ที่จะอยู่
    นั่นของข้า--------นี่ของเอง--------โน่นของกู
    แม่โฉมตรู--------พาคนรอด--------ได้อย่างไร?

    ทิ้งเสียเถิด---------สิ่งยึดติด--------ที่มีอยู่
    เป็นประตู----------สู่ทางออก-------ของชีวิต
    ให้ครอบครัว-------ปลอดภัย--------ทั้งเพื่อนมิตร
    อย่ามัวคิด---------เพราะชีวิต-------ไม่ปลอดภัย

    น่าเห็นใจ----------ผู้ร่วมใจ---------นำเงินลง
    อยากมั่นคง--------ในชีวิต----------และทรัพย์สิน
    แต่ชีวิต------------สำคัญกว่า-------จะแดดิ้น
    ให้ตัดสิน-----------สิ่งใดเล่า--------อยากเอาไว้ !!!




    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน

    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นค่ะ(tanphaban.blogspot.com)
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"
     
  2. 9อมตะ9

    9อมตะ9 อมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +1,288
    ชลบุรี....11.00 น...ท้องฟ้ามืดคลึ้ม..ลมแรงเหมือนฝนจะตกหนักครับ:cool:
     
  3. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    ควรเร่งแล้ว ถึงเวลาเปลี่ยน รหัสกรรม


    ต่างคน ต่างเปลี่ยนได้ โดยตน


    มิต้องรอ เบื้องบน ปลดเปลื้อง


    ผู้ใดเคย กระทำล้วน กรรมร้าย


    เร่งสลาย ให้เป็น กรรมประเสริฐ


    เมื่อมวลรวมกรรม ประชาชาติ


    กลายเป็นกรรมสะอาด ดุจเกลือ


    เมื่อนั้น จึงผ่านยุคเข็ญ
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    [​IMG]

    ที่มา ขนาดของแผ่นดินไหว จาก สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 28
    <o:p></o:p>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. กล้วยป่า

    กล้วยป่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +170
    ***********************************************
    ข้อมูลจากพระที่ชุมพร "พระกัมมัฏฐาน ปวัตฺตโน" (ฉบับขยายความ) ค่ะ
    ***********************************************

    โปรดใช้วิจารณญาน

    สำนักสงฆ์ป่าถ้ำธารน้ำลอด หมู่ที่ ๙
    ตำบลทุ่งระยะ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๔<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เรื่อง แจ้งเตือนเตรียมรับมือภัยพิบัติแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ซึนามิ ฉบับที่ ๒/๓ <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เจริญพร ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดระนองและพี่แม่พี่น้องชาวระนองที่เคารพรักทุกท่าน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สิ่งที่ส่งมาด้วย
    ๑. จดหมายตอบกลับของเลขานุการเอก ท่านเอกอัคราชทูตไทย ประจำประเทศนิวซีแลนด์<O:p></O:p>
    ๒. เอกสารยืนยันตัวตน<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อาตมภาพ พระภิกษุกัมมัฏฐาน ปวตฺตโน ขออนุญาติทำจดหมายแจ้งเตือนมายังท่านผู้ว่าฯและพ่อแม่พี่น้องชาวระนองที่เคารพรักทุกท่าน เป็นฉบับที่สอง จากจำนวนสามฉบับก่อนจะเกิดเหตุการณ์ครั้งแรกในเดือนมิถุนายนที่จะมาถึงนี้ โดยฉบับที่สาม จะแจ้งมาในวันที่ ๑ มิถุนายน ๕๔ จะทำหนังสือแจ้งผ่านผู้สื่อข่าวโทรทัศน์ที่สำคัญ ๆ ทุกช่อง เพื่อเป็นการประกาศให้เตรียมพร้อมขั้นสุดท้ายก่อนจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ ๔ – ๑๕ มิถุนายน ๕๔ ซึ่งอาตมาคิดว่าจดหมายแจ้งเตือนทุกฉบับจะกลายเป็นจดหมายประวัติศาสตร์ ที่จะช่วยชีวิตทั้งชาวไทยและต่างประเทศจำนวนมากให้รอดพ้นจากมหาภัยพิบัติแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิ ในครั้งนี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    จุดประสงค์ของจดหมายฉบับนี้คือ จะกล่าวบรรยายรายละเอียดของเหตุการณ์ให้เจาะลึกมากยิ่งขึ้น ตามข้อมูลที่ได้รับแจ้งมาทุกแหล่ง และจากการวิเคราะห์ส่วนตัว รวมทั้งเสนอแนวทางเตรียมรับมือทั้งก่อนและหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิระลอกที่ ๑ ให้กับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพ่อแม่พี่น้องชาวจังหวัดระนองที่จะได้รับผลกระทบในเหตุการณ์มหาภัยพิบัติในครั้งนี้ทุกคน นำไปพิจจารณา โดยจดหมายฉบับนี้จะมุ่งเน้นไปที่จังหวัดที่จะได้รับการปะทะจากคลื่นสึนามิระลอกแรกโดยตรงคือ จังหวัดสตูล จังหวัดตรัง จังหวัดกระบี่ จังหวัดภูเก็ต จังหวัดพังงา และจังหวัดระนอง <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    จากที่อาตมภาพได้เน้นย้ำไปว่า *** สิ่งหนึ่งที่จะยืนยันว่าสิ่งที่แจ้งเตือนเป็นจริงหรือไม่ในภาคใต้คือ ก่อนเกิดเหตุการณ์ที่ภาคใต้ จะเกิดแผ่นดินไหวและแผ่นดินยุบตัวที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้ยินว่าจะเป็นข่าวใหญ่ทางสื่อ ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง ก็จะเป็นเครื่องยันยันได้ว่าเหตุการณ์ที่ภาคใต้จะเกิดขึ้นจริง และให้เตรียมรับมือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ตอนนี้เหตุการณ์นั้นได้เกิดขึ้นไปแล้ว เมื่อคืนวันที่ ๒๔ มีนาคม ๕๔ คือเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดในภาคเหนือ โดยจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวที่ประเทศพม่าและมีผู้เสียชีวิตทั้งชาวพม่าและชาวไทยจำนวนหนึ่ง ซึ่งข้อมูลที่ได้รับแจ้งมาตรงกับข่าวที่เกิดขึ้น อาตมายังเสียดายที่ไม่ได้ลงรายละเอียดให้เหมือนกับที่ได้รับมา เพียงแต่ลงแค่ที่จังหวัดเชียงใหม่เพราะต้องการมุ่งเน้นเหตุการณ์ในภาคใต้ จึงไม่ได้ลงรายละเอียดเหตุการณ์อื่น ๆ ดังนั้นจึงถือว่าเหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นแล้ว <O:p</O:p
    คิวต่อไปก็คือที่ภาคใต้ของเรา<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ลักษณะของเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิที่จะเข้าถล่มภาคใต้ของประเทศไทย จำนวน ๓ ระลอก ภายในปี ๒๕๕๔ ตามข้อมูลที่ได้รับแจ้งมาคือ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ระลอกที่ ๑ จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในทะเลอันดามัน ช่วงระหว่างวันที่ ๔ – ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๔ เวลาประมาณ ๕ ทุ่ม – เที่ยงคืน และเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ ที่มีความรุนแรงมากกว่า เหตุการณ์ในปี ๔๗ คลื่นเดินทางถึงชายฝั่งประเทศไทย เวลา ๐๒.๕๐ นาที (ตีสอง ห้าสิบนาที) คลื่นจะเข้าปะทะชายฝั่ง และเข้าทำลายชีวิตทั้งคนและสัตว์ อาคารบ้านเรือนของประชาชนที่อยู่ในรัศมีของคลื่นสึนามิ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    จากข้อมูลที่ได้รับแจ้งและยืนยันมาจากพระอรหันต์ และพระอริยบุคคล มากกว่า ๓ ท่าน ระบุว่า กำลังของคลื่นที่เข้าปะทะชายฝั่งที่ อำเภอเมือง จังหวัดระนอง ในปีนี้นั้นคลื่นจะพัดเข้าถล่มชายฝั่งและทำลายอาคารบ้านเรือนตั้งแต่ริมทะเล จนถึงตีนภูเขาสูงทางด้านทิศตะวันออก คลื่นน้ำทะเลจะอิ่มตัวหมดพลังที่ตีนภูเขาและไหลกลับพร้อมทั้งกวาดเศษวัสดุทั้งคน สัตว์ สิ่งของต่าง ๆ ลงทะเล ซึ่งระยะทางตั้งแต่ชายฝั่ง จนถึงตีนภูเขาสูงที่มีน้ำตกที่มีชื่อของเมืองระนองนั้น ประมาณ ๓ – ๔ กิโลเมตร จากการสอบถามชาวระนองที่โทรศัพท์เข้ามาสอบถาม ระบุว่า ตีนภูเขาอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ ๕ เมตร จะเห็นได้ว่าพลังของคลื่นสึนามิในปีนี้แรงกว่าปี ๔๗ มาก ซึ่งครั้งนั้นที่จังหวัดระนอง ได้รับการปะทะที่บริเวณหาดต่าง ๆ และเข้ามาเพียงแค่บริเวณป่าชายเลนประมาณ ๒ กิโลเมตรเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น ชายหาดตำบลม่วงกลวง กะเปอร์ หาดบางเบน และหาดประพาสทางด้านเหนือของอ่าวเคย บริเวณอุทยานแห่งชาติแหลมสน (ข้อมูลจาก “สึนามิในประเทศไทย” ผลงานการวิจัยของ รศ.ดร.มนตรี ชูวงศ์ นักวิชาการสึนามิและพิบัติภัยธรณีวิทยา ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ)<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ให้ท่านลองจินตนาการว่า เหตุการณ์จะเกิดขึ้นในเวลากลางคืน ประมาณ ตีสอง ผู้คนทั้งพี่น้องชาวไทย และชาวพม่าหลายแสนคนที่เข้ามาทำงานในเมืองระนอง โดยเฉพาะลูกเด็กเล็กแดง หนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่กำลังนอนหลับสนิทไม่ค่อยจะตื่นกัน ซึ่งไม่เหมือนที่ญี่ปุ่น เป็นเวลากลางวันซึ่งผู้คนออกไปทำงานนอกบ้านบางส่วนแล้ว ถ้าไม่เตรียมการป้องกันหรือทำอะไรเลย จะมีผู้เสียชีวิตเฉพาะที่อำเภอเมืองระนองที่เดียวกี่แสนคน? ทรัพย์สินทั้งราชการและเอกชน คนธรรมดาจะเสียหายไปเป็นจำนวนเท่าไหร่? และที่สำคัญชีวิตคนแต่ละคนกว่าจะเติบโตมาได้จนขณะนี้ หมดข้าวสารไปกี่เกวียน? หมดหมู หมดไก่ ไปกี่เล้า? หมดปลาไปกี่คันรถสิบล้อ? กว่าพ่อแม่จะเลี้ยงดูเติบโตมาถึงขนาดนี้ หมดเงินไปกี่แสน กี่ล้าน? ถ้ามีการเสียชีวิตของคนจำนวนมากซึ่งแทบจะหมดทั้งตระกูล ซึ่งที่จังหวัดระนองเป็นตระกูลเก่าแก่ทั้งนั้น ชีวิตที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษมาแล้วกี่รุ่นต่อกี่รุ่น กี่ร้อยปี? จะสลายไปหมดเพียงแค่โดนสึนามิถล่มเพียงไม่กี่นาที ดังนั้นเป็นสิ่งที่เราจะยอมเสียไปไม่ได้และให้ทำทุกอย่างเพื่อรักษาชีวิตของพี่น้องคนไทยเอาไว้ ถึงแม้รักษาชีวิตได้แต่ถ้าเสียทรัพย์สินต่าง ๆ ที่อุตส่าห์เก็บหอมรอมริบมา ก็จะมีสภาพเหมือนต้องเริ่มต้นจากศูนย์ใหม่ เหมือนโดนศาลสั่งล้มละลาย ดังนั้นจึงควรรักษาทรัพย์สินเท่าที่จะทำได้ให้มากที่สุดเช่นเดียวกัน เช่นสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ส่วนอสังหาริมทรัพย์คือทรัพย์สินที่เคลื่อนย้ายไม่ได้ก็ต้องทำใจ และค่อยมาสร้างเอาใหม่<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    อาตมามีข้อมูลความรุนแรงของคลื่นสึนามิที่แน่ชัดที่อำเภอเมืองระนอง ซึ่งแหล่งข่าวเน้นย้ำมา เพราะสำนักสงฆ์ของอาตมาอยู่ตรงข้ามกันกับแนวภูเขาที่กั้นระหว่างชุมพรและระนอง ส่วนจังหวัดอื่น ๆ คือจังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต จังหวัดกระบี่ จังหวัดตรัง จังหวัดสตูลซึ่งจะได้รับการปะทะโดยตรงจากคลื่นในระลอกแรก ให้นำข้อมูลที่อำเภอเมืองระนองไปเปรียบเทียบกับพื้นที่ต่าง ๆ ในจังหวัดของท่าน ก็จะพอทราบได้ว่ารัศมีการปะทะเข้าถล่มชายฝั่งที่ต่าง ๆ มีความรุนแรงและไกลจากชายฝั่งแค่ไหน และสิ่งที่ต้องทำคือถ้าไม่ต้องการให้มีการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินที่สำคัญ ๆ ให้อพยพและเคลื่อนย้ายออกจากแนวรัศมีการปะทะของคลื่นสึนามิ ทั้งสามระลอก โดยจากการวิเคราะห์ของอาตมาคือ บริเวณจุดเสี่ยงควรอพยพไปอยู่ที่สูงไม่ต่ำกว่า ๕๐ เมตรจากระดับน้ำทะเล จะปลอดภัย แต่ให้ระวังเรื่องภูเขาถล่ม ดินสไลน์ ต้นไม้หักโค่น<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ส่วนจังหวัดในภาคใต้ที่ไม่โดนการปะทะจากคลื่นยักษ์สึนามินั้น เนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงมาก จะมีผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวคือ ดินถล่ม ดินสไลน์ ดินยุบตัว และเรื่องน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแหล่งข่าวเน้นย้ำมา ๔ จังหวัด คือ นครศรีธรรมราช สงขลา (จะหนักที่หาดใหญ่ อาตมาคิดว่าจะเป็นเรื่องอาคารเก่าที่สร้างมานานพังลงมาจากแรงสั่นสะเทือน) พัทลุง และชุมพร (ซึ่งที่สำนักสงฆ์ที่อาตมาพักอยู่ได้รับแจ้งว่าจะภูเขาหินปูนจะแยกออกจากกันอีกประมาณ ๕ เมตร)<O:p</O:p
    แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวจะไปถึงที่เมืองหลวงคือกรุงเทพมหานคร และให้ผู้ที่อยู่อาคารสูงเตรียมตัวระวังไว้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ระลอกที่ ๒ จะเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ครั้งแรกประมาณ ๑ เดือน (ระบุมาชัดเจนว่า ๒๘ วันหลังจากเหตุการณ์ครั้งแรก) โดยแหล่งข่าวบอกว่า เก็บกู้ความเสียหายยังไม่ทันเสร็จระลอกใหม่ก็เกิดขึ้นอีก เหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิจะรุนแรงกว่าระลอกแรก และมีความรุนแรงมากที่สุดในสามระลอก <O:p</O:p
    ลักษณะของเหตุการที่ได้รับแจ้งมาคือจะเกิดขึ้นคล้าย ๆ กับคลื่นยักษ์สึนามิที่เข้าถล่มเกาะพีพีของจังหวัดกระบี่ ทั้งสองด้าน แต่แทนที่จะเฉพาะบริเวณแค่เกาะพีพี แต่จะเป็นทั้งด้ามขวานทอง กินบริเวณประเทศไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย โดยจะโดนคลื่นสึนามิเข้าถล่มทั้งฝั่งอันดามันและอ่าวไทย<O:p</O:p
    ในเหตุการณ์ครั้งนี้จังหวัดในภาคใต้จะได้รับผลกระทบทั้งสองฝั่ง รวมถึงจังหวัดอื่น ๆ ที่อยู่บริเวณอ่าวไทย และประเทศมาเลเซีย สิงค์โปร์ บรูไน อินโดนีเซีย <O:p</O:p
    เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้แกนโลกเอียงลงมากกว่าเดิม หลังจากที่เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นเมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๕๔ ก็เอียงลงไปบ้างแล้ว แหล่งข่าวระบุเลยว่า ทางด้านชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทยบางแห่ง น้ำทะเลจะกินชายฝั่ง กู่ไม่กลับ ประมาณ ๕๐ เมตร ให้พ่อแม่พี่น้องที่อยู่ชายฝั่งอ่าวไทยพิจารณาดี ๆ <O:p</O:p
    ความรุนแรงของคลื่นสึนามิในระลอกที่สองจะมีพลังทำลายมากกว่าระลอกแรก แต่ถ้าไม่เชื่อในสิ่งที่แจ้งเตือน และไม่เตรียมการอพยพและขนย้ายทรัพย์สินอย่างที่แนะนำไป ตั้งแต่ระลอกแรกในระหว่างวันที่ ๔- ๑๕ มิ.ย. ๕๔ เจ้าหน้าที่คงไม่ต้องทำอะไรมาก เพราะตายกันไม่เหลือแล้ว และทรัพย์สินก็คงพังพินาจจนไม่ต้องขนย้ายอะไร รอให้รัฐบาลเยียวยาผู้รอดชีวิตและบาดเจ็บ และให้มูลนิธิกู้ภัยต่าง ๆ มาเก็บศพทีเดียว ซึ่งตอนนี้ อาตมาได้ประสานกับมูลนิธิต่าง ๆ บ้างแล้วและมูลนิธิร่วมกตัญญู เหล่าวีรบุรุษ-วีรสตรี ในเหตุการณ์สึนามิ ปี ๔๗ มีความมั่นใจในเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแล้วเกือบร้อยเปอร์เซ็น และกำลังเตรียมพร้อม จัดประชุมทั้งกำลังคนและเครื่องมือกู้ภัยต่าง ๆ แล้ว เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว พร้อมที่จะมาช่วยเหลือพี่น้องชาวใต้เราได้ทันที ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ระลอกที่ ๓ จะเกิดขึ้นระหว่างปลายเดือนพฤศจิกายนจนถึงต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๔ มีความรุนแรงน้อยกว่าระลอกที่สอง ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิที่จะเกิดขึ้นสามระลอกในปีนี้ ไม่ได้จะเกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่ประเทศต่าง ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ทะเลอันดามันจะเกิดผลกระทบกันถ้วนหน้า คือ ประเทศมาเลเซีย อินนีเซีย บรูไน แม้แต่สิงคโปร์ที่อยู่ปลายแหลมก็ยังโดน นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย ศรีลังกา อินเดีย บังคลาเทศ และประเทศพม่าคู่รักคู่แค้นของไทยเรา ดังนั้นขอให้พยายามแจ้งเตือนไปยังรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ด้วย ซึ่งอาตมาได้ทำจดหมายธรรมดาและอีเมลล์ส่งไปยังเอกอัคราชทูตประเทศต่าง ๆ ที่กล่าวมา ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศแล้ว แต่ให้พยายามช่วยเน้นย้ำกันอีกครั้ง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สาเหตุสำคัญของภัยพิบัตืทั้งปวงที่ทั่วโลกกำลังประสบอยู่ในขณะนี้คือ ถ้าท่านที่ติดตามข่าวสารเรื่องแผ่นดินไหว หรือภัยธรรมชาติมาตลอดจะทราบได้ว่า ประมาณปีที่แล้วนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบภูเขาไฟใต้ทะเลซึ่งกำลังปะทุอยู่ ใต้มหาสมุทธแปซิฟิก แต่อาตมาได้รับแจ้งมาจากแหล่งข่าวว่าลูกนั้นเป็นลูกเล็ก มีภูเขาไฟใต้ทะเลลูกใหญ่กว่านั้นใต้มหาสมุทธแปซิฟิกที่กำลังปะทุอยู่ด้วยซึ่งนักวิทยาศาสตร์ยังไม่ได้ค้นพบ และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวตามแนวแผ่นเปลือกโลก โดยเฉพาะแถบ The Ring Of Fire หรือแถบวงแหวนแห่งไฟ ที่ไล่มาตั้งแต่นิวซีแลนด์ อินโดนีเซีย พม่า และผ่านไปทางญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้ชั่วชีวิตของเราต่อไปนี้ จะต้องเผชิญกับภัยพิบัติต่าง ๆ ถี่ยิ่งขึ้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สิ่งที่อาตมาภาพได้ดำเนินการไปแล้ว คือ ส่งจดหมายลงวันที่ ๑๖ มีนาคม ๕๔ ทั้งจดหมายธรรมดากว่า ๘๐ ฉบับ และอีเมลล์ ร้อยกว่าชื่อ ไปยัง รัฐบาล หน่วยงานราชการสำคัญ ๆ ที่เกี่ยวข้อง หน่วยงานทางความมั่นคงของประเทศ ทหาร ตำรวจ ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายกอบจ. ๑๔ จังหวัดภาคใต้ สถานทูต บุคคลสำคัญ รวมทั้งมูลนิธิกู้ภัยที่มีบทบาทสำคัญครั้ง สึนามิ ๔๗ ฯลฯ แต่ไม่ได้ส่งไปยังนักข่าว และคนธรรมดา เพราะไม่อยากเป็นข่าว และความตื่นตระหนกเกิดขึ้น อยากให้เป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยตรง แต่ทราบมาว่าหน่วยงานราชการบางแห่งนำจดหมายไปแจกจ่ายให้กับประชาชนให้ศึกษา และได้โทรศัพท์เข้ามาสอบถาม ซึ่งอาตมาก็ยินดี ไม่ขัดข้องประการใด และอธิบายจนเข้าใจกันทุกคน<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สำหรับวันจันทร์ที่ ๒๘ มีนาคม ที่ผ่านมา ที่ทำเนียบรัฐบาลมีการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยมีวาระการประชุมเรื่องแผ่นดินไหวและน้ำท่วม ซึ่งอาตภาพขึ้นมาที่กรุงเทพพอดี ก็เห็นช่องก็เดินทางไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง และหาช่องทางเพื่อเข้าไปรายงานเรื่องนี้ให้ทางคณะรัฐมนตรีรับทราบ โดยก็ทราบอยู่ก่อนว่าถ้าไม่ได้รับเชิญมา ไม่ใช่จะเข้าได้ง่าย ๆ แต่สุดท้ายก็ได้ส่งหนังสือที่กองธุรการ สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เห็นหน่วยงานที่ส่งจดหมายฉบับแรก มาให้ข้อมูลแก่คณะรัฐมนตรีเป็นจำนวนมาก และหลังการประชุมทราบว่านายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ และท่านสาธิต วงศ์หนองเตย ประธานศูนย์เยียวยาผู้ประสบอุทกภัย เตรียมยกวาระแผ่นดินไหวและภัยพิบัติเป็นวาระแห่งชาติ ทราบมาว่าส่วนหนึ่งเป็นอานิสงฆ์ของหนังสือที่อาตมภาพทำจดหมายแจ้งไปยังรัฐบาลและหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ขอชื่นชมรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าพวกท่านทำถูกทางแล้ว โดยเฉพาะโยมพี่สาธิต วงศ์หนองเตยเป็นคนใต้ จังหวัดตรัง มีญาติพี่น้องอยู่ที่ตรังเป็นจำนวนมาก<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    แต่สำหรับกรณีแผ่นดินไหวและภัยพิบัติซึนามิครั้งรุนแรงที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายนนี้ ขอให้ท่านลองพิจจารณาว่า สิ่งที่รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะช่วยท่านได้คือ การแจ้งเตือนเมื่อเหตุการณ์จะมาถึงแล้วเท่านั้น ซึ่งลองพิจจารณาดูว่า จะเกิดแผ่นดินไหวเวลาประมาณ ๕ ทุ่ม – เที่ยงคืน ถ้ารอรัฐบาลแจ้งเตือน จะเตือนโดยวิธีใด โทรทัศน์ หรือ วิทยุ ซึ่งตอนนั้นท่านจะเปิดอยู่หรือเปล่า และเมื่อเกิดขึ้นแล้วท่านจะมีเวลาหนีคลื่นสึนามิแค่ประมาณ ๓ ชั่วโมงกว่าคลื่นจะเดินทางมาถึง จะปลุกคนในครอบครัวใช้เวลากี่นาที เมื่อปลุกแล้วจะขนอะไรออกไปด้วยได้บ้าง ออกไปที่ถนนแล้วจะไปเจอกับผู้คนเป็นแสนและรถราที่แตกตื่นโกลาหลจอดติดกันอยู่บนถนน จนไม่สามารถขึ้นไปสู่ที่สูงได้ทัน ดูกรณีของญี่ปุ่น ขนาดขับรถเก๋งยังหนีคลื่นไม่ทัน <O:p</O:p
    ดังนั้น ถ้าท่านรอหวังพึ่งรัฐบาลและเจ้าหน้าที่เพียงอย่างเดียว สิ่งที่รัฐบาลและเจ้าหน้าที่จะช่วยได้คือ แจ้งเตือน และมาช่วยเหลือเยียวยาคนที่รอดชีวิต หรือบาดเจ็บและเก็บศพ พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล คนที่เสียชีวิตภายหลังเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วเท่านั้น และจะมีคนเสียชีวิตและทรัพย์สินเสียหายไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งมันเป็นการช่วยแก้ปัญหาที่ปลายเหตุแล้ว และทางเจ้าหน้าที่เองก็มี บ้านพัก ที่ทำงาน อยู่ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ ท่านก็มีครอบครัว ญาติพี่น้อง และทรัพย์สินที่จะต้องจัดการเหมือนกับประชาชนคนอื่น ๆ สรุปคือเจ้าหน้าที่และประชาชนก็ประสบกับชะตากรรมเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าญาติพี่น้องของเจ้าหน้าที่สูญหายหรือเสียชีวิต ก็คงไม่มีจิตมีใจที่จะช่วยเหลือท่านเต็มที่ ดังนั้นกรณีนี้ท่านจะต้องตั้งสติ และพิจจารณาด้วยความรอบคอบด้วยตนเอง ถ้ารอเพียงรอรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือและไม่เตรียมการทำอะไรแล้วจะสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของญาติพี่น้องท่านเป็นจำนวนมาก<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ครั้งนี้เป็นครั้งที่โชคดีของชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคใต้ ที่มีการแจ้งเตือนลักษณะนี้ ให้ท่านลองถามได้เลยว่าในประวัติศาสตร์ มีคนที่ได้รับข้อมูลวิธีพิเศษลักษณะนี้มา แล้วมาทำเป็นหนังสือราชการ มีเจ้าหน้าที่คนไหนเคยเห็นหรือเปล่า ? ที่ทราบมาก็เพิ่งมีอาตมานี่แหล่ะเป็นคนแรกที่ทำ และจะเป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ชาติไทย และของโลก แต่จะมีคนเชื่อมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับสติปัญญาและวิจารณญาณของแต่ละคน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สาเหตุที่อาตมาต้องเปิดเผยตัวตนทั้งชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ก็เพราะว่าในการทำจดหมายราชการนั้น จำเป็นต้องมีชื่อของบุคคลที่ติดต่อ และสถานที่อยู่ที่ชัดเจน แน่นอน จดหมายจึงจะได้รับความเชื่อถือ และสามารถยันยันได้ว่าเป็นผู้ติดต่อมาจริง ถ้าเป็นจดหมายนิรนามแล้ว ผู้อ่านจะไม่ให้น้ำหนักและความสำคัญของข้อมูล หรือไม่ก็ไม่อ่านเลย หน่วยงานที่อาตมภาพทำจดหมายส่งถึงไปมีทั้งรัฐบาล หน่วยงานราชการสำคัญ ๆ ที่เกี่ยวข้อง หน่วยงานทางความมั่นคงของประเทศ ทหาร ตำรวจ ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายกอบจ. ๑๔ จังหวัดภาคใต้ สถานทูต บุคคลสำคัญ รวมทั้งมูลนิธิกู้ภัย และอาตมภาพทราบดีว่าหน่วยงานที่ส่งไปแต่ละทีมีปืนกันทุกที่ ถ้าเหตุการณ์ไม่เกิดขึ้นจริง ๆ อามภาพโดนยิงทิ้งแน่นอน ตายลูกเดียว เพราะจะมีผู้โกรธแค้นเป็นจำนวนมาก ที่ทำให้ตื่นตระหนก ตกใจ และเสียเวลาทำงาน เสียเวลาทำมาหากิน
    <O:p</O:p
    แต่อาตมาภาพมีความมั่นใจในข้อมูลที่ได้รับมาว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นตามที่แจ้งไป ล้านเปอร์เซ็น และด้วยความเมตตาสงสารในชะตากรรมของเพื่อนร่วมโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อแม่พี่น้องชาวใต้เรา และไม่อยากให้มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ จึงตัดสินใจ “ดับเครื่องชน” ทำทุกอย่างเพื่อรักษาชีวิตเพื่อนมนุษย์ไว้ อาตมาภาพตัดสินใจทำอะไรแล้ว ไม่มีถอย <O:p</O:p
    อาตมาขอพูดให้ท่านและพ่อแม่พี่น้องชาวใต้ทุกคนมั่นใจเลยว่า เหตุการณ์จะเกิดขึ้นจริง อาตมภาพขอเอาชีวิตมาเป็นประกันไว้เลยว่า ถ้าวันที่ ๑๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๔ แล้ว เหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิยังไม่เกิดขึ้นที่จังหวัดภาคใต้ฝั่งทะเลอันดามันแล้ว ขอให้พี่น้องชาวไทยทุกท่าน และท่านที่ได้อ่านจดหมายฉบับนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวใต้เรานักเลง ๆ กันอยู่แล้ว มายิงอาตมภาพทิ้งได้เลย ชื่อก็มีแล้ว ที่อยู่ก็มีแล้ว เบอร์โทรก็มีแล้ว อาตมาจะรออยู่ที่สำนักสงฆ์นั่นแหล่ะ จะสั่งโยมแม่ไว้ว่า จะไม่เอาผิดเอาโทษกับใคร และให้เอาค่าทำศพ ไปจ่ายค่าลูกกระสุนที่ยิงอาตมาตายด้วย (จดมาให้ด้วยว่ายิงมากี่นัด ราคาลูกละเท่าไหร่)<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อาตมาภาพวิเคราะห์ดูแล้ว สถานการณ์ที่ชาวใต้เราจะได้รับในปีนี้ร้ายแรงมาก และไม่มีใครเคยเจอมาก่อนในชีวิต ความรุนแรงและความเสียหายจะรุนแรงกว่าปี ๔๗ มาก สำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวและเกิดคลื่นสึนามิที่เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซียเมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๔๖ นั้น ได้รับการบันทึกไว้ว่าเป็นครั้งที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก คือมีผู้เสียชีวิต ๒๑๓,๗๒๖ คน (“สึนามิในประเทศไทย” อ้างแล้ว)<O:p</O:p
    แต่ในเหตุการณ์ในปีนี้จะรุนแรงกว่า ปี ๔๗ มาก ถ้าไม่มีการทำอะไรเลย จะมีผู้เสียชีวิตและทรัพย์สินเสียหายมากกว่าปี ๔๗ มาก<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ประเทศไทยมีความโชคดี ในยามวิกฤติจะมีผู้มีบุญบารมี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ คอยช่วยเหลือประเทศไทย ในชีวิตเราก็ได้เห็นเป็นตัวอย่างคือ การที่ได้อยู่ในร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมราชินีนาถ ทำให้ประเทศเรามีความสงบสุขมาช้านานในการครองราชและการปกป้องดูแลพสกนิกรชาวไทยของพระองค์ แม้ว่าสถานการณ์ภายนอกประเทศ และสถานการณ์ของโลกขณะนั้นกำลังสับสนวุ่นวาย และต้องการแสวงหาผลประโยชน์จากประเทศไทยก็ตาม<O:p</O:p
    ในคราวเสียกรุงศรีอยุทธยาครั้งที่ ๑ บุเรงนองหรือพระเจ้าสิบทิศ ยกทัพมาตีกรุงศรีอยุทธยาแตกและได้ไทยเป็นเมืองขึ้นของพม่า เราได้พระนเรศวรมหาราช หรือพระองค์ดำ มีคู่พระบารมีของท่านคือมณีจันทร์และบรรพบุรุษนักรบ เป็นผู้ปลดแอกไทยจากพม่า และทำให้ไทยยังคงเป็นไทยอยู่ได้ <O:p</O:p

    ในคราวเสียกรุงศรีอยุทธยาครั้งที่ ๒ ประมาณ ๒๐๐ กว่าปีแล้วพม่ายกมาล้อมกรุงศรีอยุธยา ขณะนั้นพระนครอ่อนแอมาก พระยาวชิรปราการ (สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช) จึงพาสมัครพรรคพวกตีฝ่าออกจากพระนครศรีอยุธยา มุ่งไปรวบรวมกำลังที่หัวเมืองชายทะเลตะวันออก ที่ชลบุรี เพื่อจะรบสู้ขับไล่ข้าศึกจากพระนคร เมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่ข้าศึกบ้านเมืองสับสนเป็นจลาจล <O:p></O:p>
    ในครั้งนั้น มีมหาดเล็กท่านหนึ่งชื่อนายบุญมา มีตำแหน่งคือ นายสุดจินดา มหาดเล็กหุ้มแพร ได้หนีลงเรือเล็กหลบหนีออกจากกรุงศรีอยุธยาในคราวพม่าบุกเข้าเมือง และได้รับฉายาในครั้งนั้นว่า “นายบุญมาฟ้าสั่ง” เพราะระหว่างที่หลบหนี โดนฟ้าผ่ามาที่กลางลำเรือ เรือจมแต่ท่านและเพื่อน ๓ คนไม่ได้รับอันตรายอะไรเลย ได้ไปพบพี่ชายคือนายทองด้วง (รัชกาลที่ ๑) พี่ชายที่เมืองอัมพวาราชบุรี และไปรับมารดาของพระเจ้าตากสินที่เพชรบุรี เพื่อไปพบพระเจ้าตากสินที่เมืองจันทบุรีด้วยกัน และเข้าร่วมกองทัพกู้ชาติกับพระเจ้าตากตั้งแต่ครั้งนั้น<O:p></O:p>
    เมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่ข้าศึก ข้าศึกได้เผาผลาญบ้านเมือง วัดวาอาราม เก็บรวบรวมทรัพย์สินมีค่า แล้วยกทัพกลับไป ให้ทหารรักษาการอยู่ที่ค่ายโพธิ์สามต้น และที่ธนบุรี บ้านเมืองตกอยู่ในภาวะระส่ำระสาย แยกเป็นก๊กเป็นเหล่าถึง ๖ ก๊ก พระยาตากสิน เป็นก๊กหนึ่งรวบรวมไพล่พลตั้งอยู่ที่จันทบุรี เข้าตีพม่าข้าศึกค่ายโพธิ์สามต้น ที่รักษากรุงศรีอยุธยาแตกไปแล้ว จึงเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็น สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี สถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี นายสุดจินดา(บุญมา) ในขณะนั้นได้รับเลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น พระมหามนตรี เจ้าพระตำรวจในขวา ได้เลื่อนตำแหน่งเรื่อยมาเพราะเป็นแม่ทัพใหญ่คู่พระทัยของสมเด็จพระเจ้าตากสินร่วมกับแม่ทัพท่านอื่น ๆ เช่นนายทองด้วงพี่ชาย (ร.๑) และนายทองดีฟันขาวหรือพระยาพิชัยดาบหัก เพื่อนร่วมสาบานฯลฯ ตำแหน่งที่ได้เลื่อนคือ พระอนุชิตราชา พระยายมราช เจ้าพระยาสุรสีห์พิษณุวาธิราช เป็นผู้สำเร็จราชการเมืองพิษณุโลกและปกป้องหัวเมืองฝ่ายเหนือทั้งหมด เป็นทหารเสือของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและทหารเสือของสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ เป็นแม่ทัพใหญ่ กรำศึกในสมัยกรุงธนบุรีทั้งหมด ๑๖ ครั้ง และสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ทั้งหมด ๘ ครั้ง รวม ๒๔ ครั้ง ทั้งสงครามกอบกู้เอกราช สงครามป้องกันประเทศและสงครามขยายดินแดน รบไม่เคยแพ้ใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งศึกสำคัญคือ ศึกอะแซวุ่นกี้ยกทัพมาตีเมืองพิษณุโลก ในครั้งนั้นบัญชาการทัพคู่กับพี่ชายคือเจ้าพระยาจักรี (นายทองด้วง) ป้องกันเมืองพิษณุโลก โดยกำลังทหารพม่ามีจำนวนถึง ๓๐,๐๐๐ คน แต่ทหารไทยเมืองพิษณุโลกที่รบป้องกันเมืองมีแค่ ๑๐,๐๐๐ คนเท่านั้น ผลของสงครามครั้งนี้ประวัติศาสตร์ของทั้งสองประเทศบันทึกไว้ว่า ไม่มีใครชนะใคร เพราะทัพอะแซวุ่นกี้ย่อยยับกลับไปเช่นกัน <O:p</O:p
    พลเรือเอก วสินธ์ สาริกะภูติ ได้เขียนบทความเรื่องสงครามอะแซวุ่นกี้ยกทัพพม่าตีเมืองพิษณุโลก ในวารสารนาวิกศาสตร์และกล่าวถึงท่านไว้ว่า
    <O:p</O:p
    “เจ้าพระยาสุรสีห์พิษณุวาธิราช เป็นแม่ทัพชั้นยอดเยี่ยมผู้หนึ่ง เชี่ยวชาญทั้ง ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี มีความแกล้วกล้า เหี้ยมหาญ เฉลียวฉลาด รู้เท่าทันกลยุทธ์ของศัตร ูและ การติดตามชนิดไม่ปล่อยจนแม้แต่พม่าก็ยังเรียกว่า “ พระยาเสือ ” ท่านมีบุคลิกภาพใกล้ เคียง กับสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ มาก ตั้งแต่เข้าถวายตัวกับสมเด็จพระเจ้าตากสินฯในปี พ.ศ.๒๓๑๐ ที่เมืองจันทบุรีจนถึงสงครามคราวนี้ ท่านยังไม่เคยพ่ายแพ้ในการศึกเลย ท่านเป็นแม่ทัพที่ เพียบพร้อมด้วยยุทธวิธี ( Tactic) ดีที่สุดท่านหนึ่งของกรุงธนบุรี”<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ต่อมามีการผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน โดยในประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โดนสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทร์ แต่ความเป็นจริงแล้ว มีสาเหตุสำคัญเบื้องหลัง ท่านจึงวางแผนสละราชสมบัติ โดยบอกเฉพาะคนไกล้ชิดรู้ และวางแผนให้เพื่อนของท่านคือ สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก รับราชบัลลังต่อเพราะสถาณการณ์ตอนนั้นบ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย พระองค์ทรงวางแผนและทรงปรึกษาเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกทำทีเป็นว่าให้ไปตีเมืองเขมรและที่กรุงธนบุรีเกิดจลาจลและให้ยกทัพกลับมาปราบปรามการจลาจลที่กรุงธนบุรี ฯลฯ มีตัวแทนที่จะถูกสำเร็จโทษแทนพระองค์และพระองค์เสด็จหนีลงเรือสำเภาที่เจ้าพระยาสุรสีห์สั่งให้ต่อไว้ให้อย่างลับ ๆ ที่แถว ๆ บางขุนเทียน พระองค์เสด็จหนีพร้อมคนจำนวนหนึ่งไปที่นครศรีธรรมราช และไปพักบำเพ็ญเพียรที่เขาขุนพนม อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช และหนึ่งในคนที่ตามเสด็จพระองค์ไปด้วยทีหลังคือ พระยาพิชัยดาบหัก (หรือหลวงปู่ฟัก วัดพิชัยพัฒนาราม จังหวัดจันทบุรี) แต่ในประวัติศาสตร์ กล่าวไว้ว่าท่านโดนประหารชีวิตตามพระเจ้าตาก
    <O:p</O:p
    ดังนั้น บุคคลที่เสียสละเพื่อประเทศมากที่สุดในเหตุการณ์ครั้งนั้น ที่สำคัญสองพระองค์คือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (พระอาจารย์สิงห์โต โฆษโก เป็นครูบาอาจารย์ของอาตมาภาพ ยังมีชีวิตอยู่ ปัจจุบันถอนพุทธภูมิเรียบร้อยแล้ว) ที่กอบกู้เอกราชมาตลอด แต่ยอมโดนประวัติศาสตร์จารึกไว้ว่าเสียสติ และโดนสำเร็จโทษ และสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ดังนั้นคนที่ทราบความเป็นจริง จะรู้สึกยกย่องทั้งสองพระองค์ในพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างมาก
    <O:p</O:p
    เมื่อมีการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินใหม่ จากกรุงธนบุรี เป็นกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (ทองด้วง) ได้รับการบังคมทูลเชิญจากข้าราชบริพานและประชาชนให้เป็นพระมหากษัตริย์ เจ้าพระยาสุรสีห์พิษณุวาธิราช (นายบุญมา) ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “กรมพระราชวังบวรสถานมงคลมหาสุรสิงหนาถ” หรือ “สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทกรมพระราชวังบวรสถานมงคล”พระเจ้าอยู่หัววังหน้า เป็นพระมหากษัตริย์วังหน้าคู่กับสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มีหน้าที่ว่าราชการกึ่งหนึ่ง และปกป้องพระราชอาณาเขต ทำศึกสงครามปกป้องประเทศ
    <O:p</O:p
    หลังตั้งกรุงรัตนโกสินเพียง ๓ ปี เกิดศึกสำคัญคือ สงครามเก้าทัพ สงครามครั้งนี้พระเจ้าปดุงกษัตริย์ของพม่าได้ยกทัพมาถึง ๙ ทัพ รวมกำลังพลมากถึง ๑๔๔,๐๐๐๐๐ นาย โดยแบ่งการเข้าโจมตีกรุงรัตนโกสินทร์ออกเป็น ๕ ทิศทาง <O:p</O:p
    ทัพที่ ๑ ได้ยกมาตีหัวเมืองประเทศราชทางปักษ์ใต้ตั้งแต่เมืองระนองจนถึงเมืองนครศรีธรรมราช
    ทัพที่ ๒ ยกเข้ามาทางเมืองราชบุรีเพื่อที่จะรวบรวมกำลังพลกับกองทัพที่ตีหัวเมืองปักษ์ใต้แล้วค่อยเข้าโจมตีกรุงรัตนโกสินทร์
    ทัพที่ ๓ และ ๔ เข้ามาทางด่านแม่ละเมาแม่สอด
    ทัพที่ ๕-๗ เข้ามาทางหัวเมืองฝ่ายเหนือตั้งแต่เชียงแสน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตีตั้งแต่หัวเมืองฝ่ายเหนือลงมาสมทบกับทัพที่ ๓ ,๔ ที่ยกเข้ามาทางด่านแม่ละเมา เพื่อตีเมืองตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก นครสวรรค์
    ทัพที่ ๘-๙ เป็นทัพหลวงพระเจ้าปดุงเป็นผู้คุมทัพ โดยมีกำลังพลมากที่สุดถึง ๕๐,๐๐๐ นาย ยกเข้ามาทางด่านพระเจดีย์สามองค์เพื่อรอสมทบกับทัพเหนือ และใต้โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะเข้ารบกับกรุงเทพฯ<O:p</O:p
    เวลานั้นทางฝ่ายไทยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รวบรวมกำลังไพล่พลได้เพียง๗๐,๐๐๐ นายมีกำลังน้อยกว่าทัพพระเจ้าพม่าถึง ๒ เท่า ประจวบเป็นทหารรบเดิมของพระเจ้ากรุงธนบุรีที่เคยกอบกู้บ้านเมืองสมัยเสีย กรุงศรีอยุธยาไว้ได้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงทรงปรึกษาวางแผนการรับข้าศึกกับ สมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้า สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ว่าจะทำการป้องกันบ้านเมืองอย่างไร แผนการรบของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ คือจัดกองทัพออกเป็น ๔ ทัพโดยให้รับศึกทางที่สำคัญก่อน แล้วค่อยผลัดตีทัพที่เหลือ<O:p</O:p
    ทัพที่ ๑ ให้ยกไปรับทัพพม่าทางเหนือที่เมืองนครสรรค์
    ทัพที่ ๒ ยกไปรับพม่าทางด้านพระเจดีย์สามองค์ ทัพนี้เป็นทัพใหญ่ มีสมเด็จพระบวรราชเจ้ามาหาสุรสิงหนาทเป็นแม่ทัพ คอยไปรับหลวงของพระเจ้าปดุงที่เข้ามาทางด่านพระเจดีย์สามองค์
    ทัพที่ ๓ ยกไปรับทัพพม่าที่จะมาจากทางใต้ที่เมืองราชบุรี
    ทัพที่ ๔ เป็นทัพหลวงโดยมีพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ เป็นผู้คุมทัพคอยเป็นกำลังหนุน เมื่อทัพไหนเพลี้ยงพล้ำก็จะคอยเป็นกำลังหนุน<O:p</O:p
    สมเด็จพระอนุชาธิราช พระบวรราชเจ้ามาหาสุรสิงหนาท ได้ยกกองทัพไปถึงเมืองกาญจนบุรี ตั้งรับทัพอยู่บริเวณทุ่งลาดหญ้า เชิงเขาบรรทัด โดยกองทัพพม่ายกทัพมาทางด้านนั้นประมาณ ๘ หมื่นกว่าคน ขณะที่กองทัพไทยที่เข้าสกัดและรบกับพม่าทางด้านนั้นมีแค่ ๓ หมื่นคน ได้สกัดกั้นไม่ให้ทัพพม่าได้เข้ามารวบรวมกำลังพลกันได้ นอกจากนี้ยังจัดกำลังไปตัดการลำเลียงเสบียงของพม่าเพื่อให้กองทัพขาดเสบียง อาหาร แล้วยังใช้อุบาย โดยให้ทหารส่วนหนึ่งถอยกำลังออกในเวลากลางคืน ไม่ให้ทหารพม่าเห็น ครั้นรุ่งเช้าก็ให้ทหารเดินเข้ามาเสริมกำลัง เสมือนว่ามีกำลังมากมาเพิ่มเติมอยู่เสมอ เมื่อทัพพม่าขาดแคลนเสบียงอาหารประจวบกับครั้นคร้ามคิดว่ากองทัพไทยมีกำลัง มากกว่า จึงไม่กล้าจะบุกเข้ามาโจมตี สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทเมื่อสบโอกาสทำการโจมตีกองทัพ ๘-๙ จนถอยร่นพระเจ้าปดุงเมื่อเห็นว่าไม่สามารถบุกโจมตีต่อได้ประจวบทั้งกองทัพ ขาดเสบียงอาหารจึงได้ถอยทัพกลับ สำหรับการโจมตีทางด้านอื่น ทางด้านเหนือพระยากาวิละเจ้าเมืองลำปางสามารถป้องกันทัพพม่าที่ยกมาทางหัว เมืองฝ่ายเหนือได้สำเร็จ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ส่วนทัพที่บุกมาทางด่านแม่ละเมามีกำลังมากกว่าจึงสามารถตีเมืองพิษณุโลกได้ แต่เมื่อเสร็จศึกทางด้านพระเจดีย์สามองค์แล้ว พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงเสด็จยกทัพขึ้นไปช่วยหัวเมืองทางเหนือ<O:p</O:p
    ส่วนทางปักใต้ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท เมื่อเสร็จศึกที่ลาดหญ้าแล้ว เสด็จยกทัพลงไปช่วยทางปักต์ใต้ต่อ แต่ก่อนที่จะเสด็จไปถึงทัพพม่าได้โจมตีเมืองระนองถึง เมืองถลาง เวลานั้นเจ้าเมืองถลางเพิ่งจะถึงแก่กรรมยังไม่มีการตั้งเจ้าเมืองคนใหม่ แต่ชาวเมืองถลางนำโดยคุณหญิงจันภริยาเจ้าเมืองถลางที่ถึงแก่กรรมและนางมุก น้องสาว ได้รวบรวมกำลังชาวเมืองต่อสู้ข้าศึกจนสุดความสามารถ สามารถป้องกันข้าศึกพม่าไม่ให้ยึดเมืองถลางไว้ได้ หลังเสร็จศึกแล้วพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้คุณหญิงจันเป็นท้าวเทพกษัตรีย์ (หรือท้าวเทพสตรี) นางมุกน้องสาวเป็นท้าวศรีสุนทร นอกจากนี้ทัพพม่าบางส่วนสามารถตีเมืองนครศรีธรรมราชได้ และยกลงไปตีเมืองสงขลาต่อ เจ้าเมืองและกรมการเมืองพัทลุงพอทราบข่าวทัพพม่าตีเมืองนครศรีธรรมราชได้ ด้วยความขลาดจึงหลบหนีเอาตัวรอด แต่มีภิษุรูปหนึ่งนามว่าพระมหาช่วยมีชาวบ้านนับถือศรัทธากันมาก ได้ชักชวนชาวเมืองพัทลุงให้ต่อสู้ป้องกันสกัดทัพพม่าไม่ให้เข้ายึดเมือง พัทลุงได้ เมื่อกองทัพสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ยกกองทัพลงมาช่วยหัวเมืองปักต์ใต้ ตีทัพพม่าตั้งแต่เมืองไชยาลงมาจนถึงนครศรีธรรมราช เมื่อทัพพม่าแตกพ่ายถอยร่นไปพ้นจากหัวเมืองปักต์ใต้แล้ว พระมหาช่วยต่อมาได้ลาสิกขาบทและเข้ารับราชการ (ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ได้ยินมาว่า “พระยาเสือ” ในครั้งนั้น คืออาตมาภาพในครั้งนี้เอง โดยข้อมูลนี้ พระอรหันต์ที่เป็นครูบาอาจารย์ของอาตมาในปัจจุบันชาติที่ยังมีชีวิต มากกว่า ๕ องค์ กล่าวยืนยันกับอาตมาตรงกัน และอาตมาคิดว่าในครั้งนี้ ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยคือ ต้องมาช่วยพ่อแม่พี่น้องชาวปักษ์ใต้ในคราววิกฤตินี้ <O:p</O:p
    ครูบาอาจารย์ของอาตมา บอกกับญาติโยมบนศาลาว่า อาตมาภาพต่อไปเขาจะแต่งตั้งให้เป็นทั้งท่านเจ้าคุณและเจ้าอาวาส กิจนิมนต์ไม่เคยว่างเว้นแม้แต่เวลาขี้เวลาเยี่ยวก็แทบจะไม่มี เขาจะมานิมนต์ให้ไปโน่นไปนี่ (แต่ที่สำนักสงฆ์ไม่รับกิจนิมนต์และเน้นภาวนาเพื่อความพ้นทุกข์) บุญบารมีเยอะ ขณะเดียวกันศัตรูก็เยอะเหมือนกัน เพราะยกทัพไปตีเขาไปทั่ว ทั้งพม่า ลาว เขมร ฯลฯ ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่า หลังวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๕๔ อาตมาจะไม่โดนท่านยิงทิ้งแน่นอน<O:p</O:p
    สำหรับปัจจุบันชาตินี้ อาตมาขออุทิศบุญกุศลทั้งหมดที่ทำมาเพื่อเป็นประโยชน์แก่สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เพื่อให้พ่อแม่พี่น้องที่อยู่ในประเทศไทยมีความร่มเย็นเป็นสุข<O:p</O:p
    สำหรับเหตุการณ์บ้านเมือง ที่ผู้คนวุ่นวายอยู่ในขณะนี้ อาตมาคิดว่า ภายหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิเกิดขึ้น คนไทยเราจะหันมาสามัคคีกันอีกครั้ง เพราะนิสัยคนไทยเราตั้งแต่สมัยโบราณอย่างหนึ่งคือ ยามศึกเรารบ ยามสงบเราตีกัน ทะเลาะเบาะแว้งกันเอง ซึ่งจะเป็นการเปิดช่องให้อริราชศรัตรู มาแสวงหาประโยชน์จากความแตกแยกของประชาชนชาวไทยเรา ดังเช่นเหตุการณ์ในปัจจุบัน และภายหลังเหตุการณ์ในปีนี้ อาตมาขออาสาเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ชาวไทยทั้งประเทศมาสามัคคีกันอีกครั้ง ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด พุทธ คริสต์ อิสลาม จะเล่นกีฬาสีอยู่สีอะไรก็ตาม สีเหลือง สีแดง สีน้ำเงิน สีกากี สีขี้ม้า สีเขียวฯลฯ แต่ทั้งหมดคือพวกเราก็คือ “คนไทย”เหมือนกัน เรามีในหลวงและพระราชินี พระบรมสานุวงศ์ ที่เป็นร่มโพธิสมภารของพวกเรา <O:p</O:p
    และอาตมามีความมั่นใจอย่างหนึ่งว่า ถ้าหากบุคคลในหน่วยงานราชการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล หน่วยงานที่สำคัญต่าง ๆ ทหาร ตำรวจ ทั้งภาครัฐและเอกชน และประชาชนหมู่เหล่าต่าง ๆ ที่จะต้องประสานงานร่วมมือกันในครั้งนี้ ถ้าหากพวกเราได้เคยร่วมงานกันมาในอดีตไม่ว่าจะเป็นการบริหารประเทศ หรือการศึกสงครามแล้ว ในปัจจุบันชาติท่านจะต้องรับฟัง พิจารณา และร่วมมือกับอาตมาในการเตรียมการรับมือแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิแน่นอน ทำให้อาตมายังพอมีความหวังในความเพียรพยายามในครั้งนี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สำหรับแนวทางการเตรียมการรับมือแผ่นดินไหวสำหรับเจ้าหน้าที่และประชาชนในบริเวณจุดเสี่ยงนั้น อาตมาภาพได้วางแผนเตรียมไว้โดยการวิเคราะห์เหตุการณ์ตามข้อมูลที่ได้รับมา วิเคราะห์สถานการณ์ในประเทศ รัฐบาล เจ้าหน้าที่ และประชาชนในตอนนี้ พอมีแนวทางให้ท่านนำไปพิจจารณา ดังต่อไปนี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    แผนดำเนินงานโดยคร่าว ๆ ของอาตมาภาพเอง<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สำหรับ อาตมาภาพ ภายหลังที่ตัดสินใจเข้าช่วยเหลือเจ้าหน้าที่และพ่อแม่พี่น้องประชาชนในจังหวัดภาคใต้เรา ทำทุกอย่างเพื่อรักษาชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด ตั้งใจจะทำให้ดีที่สุด ไม่ยอมถอยต่อปัญหาอุปสรรคใด ๆ โดยเป้าหมายของอาตมา ในการเตรียมรับมือกับแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิระลอกที่ ๑ และระลอกที่ ๒ (หลังจากเหตุการณ์แรก ๒๘ วัน) คือ<O:p></O:p>
    <O:p</O:p

    ทำทุกวิถีทางเพื่ออพยพชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนออกจากจุดเสี่ยงภัยพิบัติ ก่อนวันที่ ๓ มิถุนายน ๕๔ และเฝ้ารอเกิดเหตุการณ์ในครั้งแรก ระหว่างวันที่ ๔ – ๑๕ มิถุนายน ๕๔ (ประมาณ ๑๐ วัน)<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อาตมาภาพมีเวลาประมาณ ๒ เดือน ครึ่ง <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    -ทำจดหมายแจ้งเตือน ฉบับที่ ๑ กว่า ๘๐ ฉบับและอีเมลล์อีกเป็นจำนวนมาก ถึงรัฐบาล หน่วยงานที่สำคัญ ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งราชการและเอกชน ทหาร ตำรวจ สถานทูตไทย สถานทูตต่างประเทศ และรัฐบาลของประเทศที่ได้รับผลกระทบ บุคคลสำคัญ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ แต่ไม่ทำหนังสือถึงบุคคลธรรมดา และนักข่าว เพราะไม่ต้องการเป็นข่าวและเกิดความตระหนกเกิดขึ้น แต่ให้เจ้าหน้าที่ไปชี้แจงและดำเนินการเอง<O:p</O:p
    -รัฐบาลและหน่วยงานสำคัญ ๆ ที่ส่งหนังสือไปได้ตระหนักและยกวาระแผ่นดินไหวและภัยพิบัติเป็นวาระแห่งชาติ <O:p</O:p
    -เจ้าหน้าที่และประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ ที่ส่งหนังสือไปเริ่มตระหนักและเริ่มเตรียมมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น <O:p</O:p
    -ส่งจดหมายชี้แจง ฉบับที่ ๒ (ฉบับนี้) เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและประชาชนรับทราบรายละเอียดของเหตุการณ์เพิ่มเติม เกิดความมั่นใจในข้อมูล เกิดความเชื่อมั่นและเสนอแนะแนวทางเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิ และให้เริ่มเตรียมการอพยพชีวิตและทรัพย์สินต่าง ๆ ให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ ๓ มิถุนายน ๕๔<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    -เป้าหมายในเดือนเมษายน คือการเก็บข้อมูลสำคัญ ๆ พร้อมทั้งออกสำรวจสถานที่เกิดเหตุโดยเน้นไปยังฝั่งทะเลอันดามัน และวิเคราะห์เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น แนวเขตปลอดภัย สถานที่ที่จะตั้งศูนย์บัญชาการรับมือภัยพิบัติในจังหวัดต่าง ๆ แต่ละอำเภอแต่ละตำบล หมู่บ้าน และรอการติดต่อกลับจากรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ เพื่ออธิบายรายละเอียดและเน้นย้ำให้เกิดความเชื่อมั่นในข้อมูลในเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ร่วมวางแผนและให้คำปรึกษากับทางรัฐบาล เจ้าหน้าที่จังหวัดต่าง ๆ และ ทหาร หรือองค์กรที่ติดต่อเข้ามาในการเตรียมตัวรับมือภัยพิบัติ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    - เป้าหมายในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายก่อนเกิดเหตุการณ์ คือ ถ้าทางรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ ยังไม่ติดต่อเข้ามา และไม่ดำเนินการทำอะไร ทางทีมงานของอาตมาจะลงพื้นที่ไปชี้แจงและขอความร่วมมือกับประชาชนในการอพยพชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนฝั่งทะเลอันดามันออกจากพื้นที่เสี่ยงไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัยก่อนวันที่ ๓ มิถุนายน ๕๔ เอง โดยไม่หวั่นว่าจะเกิดอันตรายอะไรขึ้น ถ้ามีการดำเนินการแล้วก็จะเข้าไปช่วยเจ้าหน้าที่และประชาชนในจังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน ในการเตรียมการป้องกันภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นให้มากที่สุด<O:p</O:p
    <O:p></O:p
    -วันที่ ๑ มิถุนายน ๕๔ จะทำจดหมายถึงนักข่าวสถานีโทรทัศน์ที่สำคัญ ๆ ทุกช่อง เพื่อแจ้งรายละเอียดเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น และให้พี่น้องประชาชนเตรียมอพยพชีวิตและทรัพย์สินขั้นสุดท้าย ให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ ๓ มิถุนายน ๕๔<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    -ระหว่างวันที่ ๔ – ๑๕ มิถุนายน ๕๔ ซึ่งจะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิระลอกแรก อาตมาภาพจะพยายามเดินทางไปสำรวจความเรียบร้อยพี่น้องประชาชนในพื้นที่เสียงในจังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน และจะเฝ้ารอเหตุการณ์ร่วมกับเจ้าหน้าที่และประชาชนจังหวัดต่าง ๆ อยู่ที่ บนภูเขาที่มีพระพุทธรูปหินอ่อนใหญ่ที่จังหวัดภูเก็ต เป็นทัพหน้ารับคลื่นยักษ์ซึนามิที่เข้ามาปะทะชายฝั่งอันดามันของประเทศไทย <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    แผนดำเนินการและคำแนะนำโดยคร่าว ๆ สำหรับประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    อาตมามีแผนดำเนินการให้แต่ละท่านเลือกตามความพอใจของแต่ละคน ซึ่ง ขึ้นอยู่กับระดับ “ความเชื่อมั่น” ในตัวอาตมาและสิ่งที่แจ้งเตือนมานี้ มากน้อยขนาดไหน โดยใช้ สติปัญญาและวิจารณญาณ ของแต่ละท่าน<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    แผน ก. สำหรับท่านที่ไม่เชื่อมั่นเลย เป็นเรื่องหลอกเด็ก ไร้สาระ ต้องให้แกนนำม๊อบมาพูดถึงจะเชื่อ ไม่ต้องทำอะไรเลย ใช้ชีวิตและทำมาหากินอย่างสงบสุขเหมือนเดิม แต่ความสงบสุขจะหมดไปเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้น<O:p</O:p
    แผน ข. สำหรับท่านที่เชื่อครี่ง ไม่เชื่อครึ่ง ใครพูดอะไรเชื่อไว้ก่อน วันไกล้ ๆ ค่อยว่ากันอีกที<O:p</O:p
    แผน ค. สำหรับท่านที่ใช้สติปัญญาณ และวิจารณญาณของตนเองและปรึกษากับนักปราชน์ บัณฑิตและคนในครอบครัวดีแล้ว และเห็นความเป็นเหตุเป็นผล และเชื่อมั่นในสิ่งที่อาตมาแจ้งเตือนที่ยอมเอาชีวิตของตนเองเข้าแลกมานี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ผลของผู้ที่เลือกแผน ก คือ จะได้รับบทเรียนราคาแพง ไม่สามารถกลับมาแก้ใขได้ คือการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของตนเอง คนที่ตนรักและญาติพี่น้อง<O:p</O:p
    ผลของผู้ที่เลือกแผน ข คือ ตนเองและญาติพี่น้องจะรอดชีวิต แต่สูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินเพราะความไม่มั่นใจว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เลยไม่ขนทรัพย์สินที่สามารถขนได้ออกมาให้หมด<O:p</O:p
    ผลของผู้ที่เลือกแผน ค. คือ ท่านจะรักษาชีวิตของตัวท่านเอง บุคคลที่ท่านรัก และญาติพี่น้องของท่าน รวมทั้งทรัพย์สินที่สามารถขนออกมาได้ โดยเสียเพียงอสังหาริมทรัพย์เท่านั้นและสามารถกลับไปตั้งเนื้อตั้งตัวได้ใหม่ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อาตมาภาพจะขอแนะนำแผนดำเนินการโดยคร่าว ๆ สำหรับผู้ที่เลือกแผน ค เท่านั้น คือ<O:p></O:p>
    <O:p</O:p
    - ให้ท่านศึกษาและทำความเข้าใจกับจดหมายแจ้งเตือนของอาตมาภาพทั้งสองฉบับ ซึ่งทางราชการจะถ่ายเอกสารแจกจ่ายไปยังท่าน และคนในหมู่บ้านของท่าน ให้พยายามตั้งสติ และพิจารณาว่า เป็นเรื่องธรรมดาของโลก อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ที่สิ่งทั้งหลายทั้งปวงจะต้องแตกดับ แปรปรวนเป็นธรรมดา ทุกสิ่งทุกอย่าง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน และควรยึดมั่นถือมั่น <O:p></O:p>
    - ให้ปรึกษาและสอบถามกับผู้รู้ เกี่ยวเจ้าหน้าที่ นักวิชาการ ถึงโอกาสที่จะเกิดภัยพิบัติแผ่นไหวและคลื่นสึนามิ ความเสียหายที่จะเกิดขึ้น การเตรียมตัวรับมืออย่างมีสติและปัญญา และศึกษาทำความเข้าใจเรื่องนี้ให้มากที่สุด ตามคติที่ว่า “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง”
    <O:p</O:p
    -ให้ท่านพยายามศึกษาข่าว ภาพเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศญี่ปุ่นถึงความรุนแรงและความเสียหายที่เกิดขึ้นและตระหนักว่า ถ้าอยู่ในจุดเสี่ยงเราจะต้องประสบเหตุการณ์เช่นเดียวกับที่ญี่ปุ่นเหมือนกัน แต่เราโชคดีอยู่มาก ที่เรามีการข่าวที่ดี มีผู้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าก่อน ซึ่งเราจะสามารถรักษาชีวิตของคนในครอบครัวเรา ญาติพี่น้อง และทรัพย์สินที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ไปอยู่ในที่ปลอดภัยได้ ก่อนที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    - ปรึกษากับคนในครอบครัวของท่าน ญาติพี่น้อง ว่าจะตัดสินใจทำประการใด พร้อมทั้งพยายามอธิบายให้คนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะได้รับทราบ เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกตกใจและทำใจยอมรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    - เมื่อได้รับการรับคำตอบจากสมาชิกของคนในครอบครัวของท่านแล้ว ให้ท่านคิดแนวทางในการแก้ใขปัญหาหลาย ๆ แนวทางและเลือกแนวทางที่ดีที่สุด พร้อมทั้งเตรียมแผนสำรองเอาไว้ กรณีที่ไม่เป็นไปตามนั้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    - ถ้าท่านเชื่อมั่นในสิ่งที่อาตมภาพแจ้งไป ๑๐๐ เปอร์เซ็นให้ท่านพยายามขนย้ายทรัพย์สินต่าง ๆ ที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ไปอยู่ในสถานที่ปลอดภัย เช่น บ้านญาติพี่น้องต่างจังหวัด หรือบริเวณไกล้เคียงที่คิดว่าปลอดภัย หรือศูนย์อพยพซึ่งรัฐบาลและทางจังหวัดได้เตรียมไว้ สำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่รัศมีของคลื่นสึนามิ ซึ่งอาตมภาพวิเคราะห์ไว้ว่าสถานที่ที่ปลอดภัย จะต้องไม่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลอย่างน้อยประมาณ ๕๐ เมตร และให้ระวังเรื่องภูเขาถล่ม ดินไสลน์ และต้นไม้หักโค่น การขนย้ายทั้งชีวิตและทรัพย์สินทั้งหมดควรขนย้ายให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ ๑ มิถุนายน ๕๔ เพื่อเหลือเวลาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความเรียบร้อยของบริเวณพื้นที่ประสบภัยพิบัติ และป้องกันทรัพย์สินบางอย่างของประชาชนที่เหลืออยู่ จากโจรผู้ร้ายที่แสวงหาผลประโยชน์จากความทุกข์ของคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานต่างชาติ (บางส่วน)
    <O:p</O:p
    - สำหรับเรือทุกชนิด เรือขนาดเล็กที่ขนย้ายได้ให้ขนขึ้นมาสู่ที่ปลอดภัย อย่างต่ำสูงกว่าระดับน้ำทะเล ๕๐ เมตร ส่วนเรือขนาดใหญ่ และขนาดกลาง ช่วงวันที่ ๔ – ๑๕ มิถุนายน ให้ออกไปลอยลำอยู่กลางทะเล ห่างจากฝั่งอย่างน้อย ๕ กิโลเมตร <O:p</O:p
    - อาตมาภาพขอเอาชีวิตเป็นประกันว่าในปีนี้ตั้งแต่ เดือนมิถุนายน จนถึงเดือนธันวาคม ๕๔ บริเวณพื้นที่เสี่ยงที่จะเกิดคลื่นสึนามิ เราจะไม่สามารถอยู่อาศัยได้ เพราะคลื่นจะเข้าทำลายอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ ในบริเวณรัศมีของคลื่น และจะเกิดขึ้น ๓ ระลอก ในปีนี้ จนถึงปลายปี ให้เราอพยพไปอาศัยที่อื่นชั่วคราว บอกลูกค้าซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวของท่านว่า เราจะปิดปรับปรุง ประมาณครึ่งปี เพราะแผนผังเดิมไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยและอาคารต่าง ๆ ก็ชำรุดทรุดโทรม เราจะให้คลื่นสึนามิเก็บกวาดให้ประมาณ ๓ ครั้ง และจะก่อสร้างกันใหม่ และเปิดให้บริการใหม่ในปีหน้า ขอให้มาใช้บริการใหม่อีกครั้ง ส่วนชาวใต้เราที่อยู่ในรัศมีคลื่นจะเก็บข้าวของไปเที่ยวปิคนิคกันประมาณ ๖ เดือน<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    - ขอให้ท่านให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ กรณีออกประกาศขอความร่วมมือต่าง ๆ ให้ดีที่สุด เพราะเหตุการณ์ในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่เองคงไม่เคยเจอมาเหมือนกันในชีวิต การทำงานจะประสบความยากลำบากมากหากไม่มีการเตรียมการวางแผนกันไว้ล่วงหน้า อีกทั้งเครื่องไม้เครื่องมือ ยานพาหนะก็จะพังเสียหายไปจากคลื่น<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    -เราจะรอดูเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิด้วยกันในสถานที่ปลอดภัย (ได้ยินมาว่าฝนจะตก) ถ้าหากเกิดขึ้นแล้วความเชื่อและความความมั่นใจของท่านจะเกิดขึ้น ๑๐๐ เปอร์เซ็นเพราะประสบด้วยตนเอง แต่ถ้าหากรอจนถึงวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๕๔ แล้วยังไม่มีเหตุการณ์อะไรขึ้น ก็ให้มายิงอาตมาทิ้งได้ทันที<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    - พระอรหันต์ที่ท่านรับทราบเหตุการณ์และแหล่งข่าว แจ้งและเน้นย้ำมาว่า ผู้ที่จะรอดชีวิตส่วนใหญ่คือผู้ที่ปฏิบัติธรรม อานุภาพของศีล สมาธิ ปัญญา จะสามารถช่วยเหลือให้รอดพ้นจากอันตรายต่าง ๆ ได้ <O:p</O:p
    สำหรับท่านที่นับถือศาสนาอื่น ๆ ให้ปฏิบัติตามคำสอนของศาสดาของท่าน ที่เน้นไปในเรื่องการทำความความดี การละเว้นจากความชั่ว บาปอกุศลต่าง ๆ และการทำให้จิตใจผ่องแผ้ว แจ่มใส การกระทำอันเกิดประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น อานุภาพคุณงามความดีเหล่านี้ จะเกิดขึ้นในจิตใจของท่าน และจะปกป้องคุ้มครองตัวท่านเองให้รอดพ้นจากภัยอันตรายต่างที่จะเกิดขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งตรงกับหลักธรรมคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺม จารึ แปลว่า ธรรม ย่อมปกป้อง,รักษา ผู้ประพฤติธรรม <O:p></O:p>
    ตามที่ได้ยินได้ฟังมา ขอให้ท่านทราบไว้ว่า ประเทศไทยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านอาจเคยได้ยินชื่อและเคารพนับถือเป็นจำนวนมาก ที่ทราบเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น มีความเป็นห่วง และพยายามทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือท่านและประชาชนชาวไทยอยู่ ยกตัวอย่าง การปกป้องประชาชนชาวไทย ให้รอดพ้นจากสารกัมมันตภาพรังสีที่แผ่มาจากประเทศญี่ปุ่นในขณะนี้ แต่ท่านช่วยมาโดยวิธีการอย่างไร ให้ท่านลองใช้สติปัญญาพิจารณาดู แต่อย่าลืมว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านไม่สามารถห้ามไม่ให้เกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงได้ เพราะเป็นเรื่องปกติธรรมดาของธรรมชาติ แต่ขอให้ท่านรับฟังคำแจ้งเตือนของอาตมภาพที่พยายามช่วยท่านอยู่นี้ ตามความประสงค์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งจะเป็นวิธีที่และเหตุปัจจัยที่จะสามารถช่วยเหลือชีวิตและทรัพย์สินของพวกท่านได้ แต่ให้ท่านพยายามช่วยเหลือตนเองให้มากที่สุดด้วย<O:p></O:p>
    แผนดำเนินการและคำแนะนำโดยคร่าว ๆ สำหรับรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ที่จะต้องประสานงานและร่วมมือกัน เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ได้ยินมาว่า ตอนนี้ถนนทุกสายมุ่งสู่การเลือกตั้ง โดยจะมีการยุบสภาในเดือนพฤษภาคม ทั้งพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลและพรรคการเมืองอื่น ๆ ต่างมุ่งเตรียมการเลือกตั้ง ต่างกำลังมุ่งหาเสียง และพยายามกันเต็มที่ทุกกระบวนท่า เพื่อให้ได้เป็นรัฐบาล เพื่อหวังกลับมาทำหน้าที่ของ ส.ส. คือการรับใช้และเป็นที่พึ่งของประชาชน อีกครั้ง<O:p</O:p
    เหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิในระลอกแรกจะเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน ระหว่างวันที่ ๔ ถึงวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๕๔ รัฐบาลขณะนั้นคงเป็นเพียงรัฐบาลรักษาการ อำนาจการสั่งการต่าง ๆ และการจัดสรรงบ คงไม่สามารถทำได้เต็มที่ ซึ่งอาตมาภาพมีความภาคภูมิใจในนักการเมืองของไทยเป็นอย่างยิ่ง และเกิดความสงสัยอยู่ว่า ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร หรือ ส.ส. มีหน้าที่รับใช้ประชาชน และประเทศชาติหรือเพื่อประโยชน์ของตนเอง และพรรคการเมืองของตน <O:p</O:p
    ความวุ่นวายของบ้านเมืองไทย ๔-๕ ปีที่เกิดขึ้นมานี้ ซึ่งทำให้ชาวไทยตั้งแต่สถาบันพระมหากษัตริย์ สถาบันศาสนา สถาบันต่าง ๆ จนถึงประชาชนคนธรรมดา ทุกหมู่เหล่าเกิดความเดือดร้อน ความทุกข์ใจไปทุกหย่อมหญ้า มีสาเหตุจริง ๆ ก็มาจาก การได้-การเสีย ผลประโยชน์ของบรรดานักการเมืองทั้งนั้น ทุกข์ของประชาชนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่พอทุกข์ของนักการเมืองเรื่องเล็ก ๆ ก็ทำเป็นเรื่องใหญ่ ต่างฝ่ายต่างมุ่งทำลายซึ่งกันและกัน โดยมีชาติบ้านเมืองและประชาชนเป็นตัวประกัน และลากประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปร่วมมวงกับพวกท่านด้วย สภาผู้ทรงเกียรติ กลับกลายมีแต่คำหยาบคายเป็นตัวอย่างให้เด็ก ๆ เยาวชนของชาติเอาเป็นตัวอย่าง ทุกเรศจริง ๆ <O:p></O:p>
    ขอให้ท่านนักการเมืองบางคน ทราบด้วยนะว่า ท่านเอาเปรียบประชาชนและประเทศชาติมานานแล้ว ประชาชนเขาเริ่มทนพวกท่านไม่ไหวแล้ว
    <O:p</O:p
    ตามที่ได้ยินได้ฟังมา บรรดานักการเมืองรุ่นพี่ของพวกท่านที่รู้จักกันเป็นอย่างดีหลายคนที่ละโลกนี้ไป บางคนก็อยู่ในนรก บางคนก็ไปเป็นเปรตกินหินกินทราย บางคนทำกรรมหนัก คิดว่าเป็นนักการเมืองแล้วใหญ่กว่ากรรม ไปด่าว่าพระอริยเจ้า พระอรหันต์ จนต้องไปเป็นสัตว์นรกชั้นโลกันต์ขุมท้ายสุดลึกยิ่งกว่าอเวจีมหานรก ลักษณะเป็นผนังถ้ำใหญ่ มืดมิด ด้านล่างเป็นน้ำทะเลกรดเย็นเฉียบ สัตว์นรกปีนป่ายอยู่บนผนังถ้ำ มืด ๆ ได้เห็นแสงสว่างแวบมาสักทีหนึ่งก็ตอนที่พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ตรัสรู้ ไต่อยู่ไปมาบนผนัง ถ้าไต่มาเจอกันก็จะต่อสู้และจับเอาร่างพวกเดียวกันกินเป็นอาหาร ถ้าตกลงไปก็จะโดนน้ำกรดเย็นเฉียบละลายร่างกายไม่มีเหลือ แล้วก็เป็นโอปาติกะเกิดขึ้นมาใหม่ ไต่อยู่อย่างเดิมจนกว่าจะชดใช้กรรมหมด นานแสนนาน<O:p</O:p
    โชคดีที่มีพระอริยเจ้าท่าน อยากรู้ว่าคนๆ นี้ไปเกิดที่ไหน ก็ได้พบ ขณะได้พบความจำ(สัญญา) ต่าง ๆ สมัยเป็นมนุษย์ก็กลับมา และเล่าถึงผลกรรมที่ตนเองได้ทำเอาไว้สมัยเป็นมนุษย์และนักการเมือง และฝากบอกมายังชาวไทยและนักการเมืองรุ่นน้อง ๆ ว่า ถ้ากลับไปแก้ใขได้ จะไม่ทำกรรมเหล่านั้นในสมัยมีชีวิตอยู่ แต่ก็แก้ใขอะไรไม่ได้แล้ว สัตว์นรกตัวนี้สมัยเป็นนักการเมืองชาวไทยรู้จักกันดี แต่ขอสวงนนามเพื่อเป็นการรักษาเกียรติของท่านไว้<O:p</O:p
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาคนที่เป็นแกนนำม๊อบนำผู้คนก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง กรรมนี้มีกำหนดไว้ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยที่เป็นดินแดนสำคัญที่พระพุทธศาสนาและผู้มีบุญบารมีมาเกิดเพื่อบำเพ็ญเพียรและสะสมบุญเป็นจำนวนมาก ไม่ใช่ที่ที่จะทำอะไรเล่น ๆ ได้ตามใจชอบ ได้ยินมาว่ายมบาลท่านหมายหัวพวกท่านไว้แล้ว รอเพียงแต่วันที่ท่านละสังขารไปเท่านั้น (ได้ยินว่าท่านยมบาลท่านรู้จักและนับถืออาตมาดีเพราะเคยเกิดและเป็นลูกน้องในบางชาติ) ถ้าไม่อยากไปรับกรรมตรงนั้น ให้หยุดก่อความวุ่นวายทุกอย่างโดยทันที ให้พิจารณาดูว่าระหว่าง คำว่า “ประชาธิบไตย” ที่มุ่งเฉพาะประโยชน์ตนและพวกพ้อง แต่ทำให้คนทั้งประเทศทุกหย่อมหญ้าเดือดร้อน ไม่เว้นทหาร ตำรวจ ที่ต้องทำหน้าที่ด้วยความเหน็ดเหนื่อย และคำว่า “กรรม” อย่างไหนใหญ่กว่ากัน?? ให้ทำกรรมดีให้แซงหน้ากรรมชั่วที่พวกท่านทำมาในอดีต กรรมดีจะสามารถช่วยพวกท่านได้ ให้แข่งกันทำความดี ไม่ใช่แข่งกันทำความชั่ว ความวุ่นวาย ความเดือดร้อนให้กับประเทศอย่างในปัจจุบัน และประชาชนทั้งปวงจะเคารพรัก ศรัทธาพวกท่านเอง <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ที่อาตมากล่าวมานี้ มีความเจตนาดี และมีความเคารพรักในโยมพี่ ๆ นักการเมืองทุกท่าน ไม่อยากให้ท่านทำกรรมไม่ดี ซึ่งสติปัญญาของพวกท่านเองก็ทราบอยู่แล้ว แต่ความไม่เชื่อเต็มร้อยเรื่องกรรม และผลประโยชน์บางอย่างมาล่อใจที่ทำให้ลืมเรื่องนี้ไป<O:p></O:p>
    อาตมาอยากให้ประเทศชาติเรา คนไทยเรามีความสงบสุข ซึ่งเป็นหน้าที่ของนักการเมืองทุกท่าน ที่จะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่ ที่จะทำตรงนี้ และขอเป็นกำลังใจให้นักการเมืองทุกท่าน สำรวจความบกพร่องของตนเอง ปรับปรุงแก้ใข และทำให้การเมืองของไทย เป็นการเมืองที่เห็นประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นใหญ่ และอาตมภาพขอให้โยมพี่ ๆ นักการเมืองทุกท่านประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อาตมาหวังว่าทุกหน่วยงานที่สำคัญ ๆ ที่อาตมาส่งจดหมายไปจะได้รับจดหมายแล้ว โดยอาตมาเขียนจดหมาย คืนวันที่ ๑๖ มีนาคม ๕๔ และส่งไปรษณีย์ไปในวันจันทร์ที่ ๒๑ มีนาคม ๕๔ จดหมายธรรมดาคงถึงราว ๆ วันที่ ๒๓ – ๒๔ มิถุนายน ๕๔ ซึ่งบางหน่วยงานหลังได้รับจดหมายก็ติดต่อมายังอาตมาภาพโดยทันที ซึ่งอาตมาก็ได้ชี้แจงและอธิบายรายละเอียดของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นและยันยันว่าจะเกิดขึ้นแน่นอนโดยเอาชีวิตเป็นประกัน เพื่อตอกย้ำความมั่นใจและให้เตรียมการรับมือกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น <O:p</O:p
    และวันพฤหัสบดี ที่ ๒๔ มิถุนายน ๕๔ เหตุการณ์ที่เชียงใหม่ทางภาคเหนือก็เกิดขึ้นจริง ๆ ตามที่แจ้งไว้ ซึ่งอาตมาภาพคิดว่าเร็วกว่าที่คิดไว้ แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ท่านและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มั่นใจได้ว่า คิวต่อไปคือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในภาคใต้เราในเดือนมิถุนายน ๕๔<O:p</O:p
    อาตมาทราบดีว่า ภายหลังที่ท่านและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้อ่านและพิจารณาจดหมายแจ้งเตือนไปแล้ว ในใจลึก ๆ ท่านเชื่อในสิ่งที่อาตมาและแหล่งข่าวแจ้งเตือนไป ขนาดหมอดูทักบางท่านยังเชื่อ แล้วทำไมพระสงฆ์ท่านอุตส่าห์ทำหนังสือแจ้งมาโดยเอาชีวิตเข้ามาเสี่ยงอย่างนี้ทำไมจะไม่เชื่อ แต่เนื่องด้วย แหล่งที่มาของข้อมูล อยู่นอกเหนือตำหรับตำราวิชาการทางรัฐศาสตร์การปกครอง และวิทยาศาสตร์ที่พวกท่านร่ำเรียนมา และการทำงานของท่านก็ต้องทำอยู่ในระบบระเบียบของทางราชการ การจะนำข้อมูลที่มาจากวิธีพิเศษนี้ไปใช้ ท่านเองคงรู้สึกลำบากใจในการตัดสินใจและสั่งการกับผู้ใต้บังคับบัญชา เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอนาคต แม้จะมีชีวิตและทรัพย์สินจำนวนหลายแสน หลายล้านคน ซึ่งท่านมีหน้าที่รับผิดชอบที่จะสูญเสียไปหากเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง ค้ำคอท่านอยู่ก็ตาม
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    อาตมาร่ำเรียนมาทั้งสองสาขาวิชา คือทั้งพระพุทธศาสนา และวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาศึกษาเปรียบเทียบพระพุทธศาสนากับวิทยาศาสตร์ อาตมาเรียนมาและเข้าใจจนแตกฉานแล้ว ทั้งปริญญาตรี และปริญญาโท ดังนั้นจึงทราบได้ว่า วิทยาศาสตร์นั้น ไม่ได้ส่วนเสี้ยวหนึ่งของพระพุทธศาสนาเลย
    <O:p</O:p
    วิทยาศาสตร์เป็นศาสตร์ที่มีการพิสูจน์ค้นคว้าและทดลอง โดยอาศัยเครื่องมืออุปกรณ์ ทฤษฏีเดิม ๆและอาศัยประสาทสัมผัสของมนุษย์เข้าไปตัดสิน คือภาพทางตา เสียงทางหู กลิ่นทางจมูก รสทางลิ้น และสัมผัสทางกาย และเมื่อได้คำตอบแล้วก็ตั้งเป็นทฤษฏีทางวิทยาศาสตร์ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มีการพิสูจน์ที่ได้คำตอบที่ดีกว่า ทฤษฏีเก่าก็ถูกล้มล้างไป และปัจจุบันวิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถอธิบายและตอบคำถามได้ทุกเรื่อง
    <O:p</O:p
    พระพุทธศาสนาก็สนใจศึกษาธรรมชาติทั้งมวล ทั้งธรรมชาติรอบ ๆ ตัวเราเช่นเดียวกัน และที่สำคัญคือตัวเราเองคือกายกับจิต ซึ่งปัจจุบันวิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถอธิบายเรื่องจิตได้อย่างเต็มที่ อย่างดีก็ศึกษาพฤติกรรมของจิตเช่น สาขาจิตวิทยา หรือจิตแพทย์ <O:p></O:p>
    เป้าหมายของการศึกษาค้นคว้าธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ คือการนำข้อมูลนั้นมาใช้ประโยชน์เพื่อสนองกิเลสตัณหาของมนุษย์ แต่เป้าหมายในการศึกษาธรรมชาติของพุทธศาสนาสวนทางกันคือ การรู้เท่าทันความเป็นจริงในสรรพสิ่ง การพิจารณาเห็นความเป็นธาตุ เห็นเป็นอสุภะ ความไม่สวยไม่งาม และความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ และความไม่ใช่ตัวใช่ตนของสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ที่มีลักษณะ เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป ความเกิดดับในสังสาร สิ่งปรุงแต่งทั้งหลาย และให้ถอดถอนความยึดมั่นถือมั่น ความโลภ ความโกรธ ความหลง และกำจัดเชื้อหรือรากแก้วที่ทำให้มีการเกิดคืออวิชชา เพราะเมื่อมีการเกิดก็มีทุกข์ เมื่อไม่มีการเกิดก็ไม่มีทุกข์
    <O:p</O:p
    พระพุทธเจ้าทรงสอนเรื่อง กฏไตรลักษณ์ คือ ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ของสรรพสิ่ง มากว่า ๒,๕๐๐ กว่าปีแล้ว และไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนใดในโลกจนถึงปัจจุบันสามารถล้มล้างทฤษฏีนี้ได้<O:p</O:p
    ญาณรู้เห็นในสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอริยสาวก บุคคลต่าง ๆ ที่ท่านปฏิบัติธรรม สามารถเกิดขึ้นจริง และที่ได้ยินได้ฟังมา ท่านก็สามารถรับรู้เห็นสิ่งที่เหนือการรู้เห็นของมนุษย์ได้ เช่นอดีตชาติ หรืออนาคตหลายวัน หลายเดือน หรือหลาย ๆ ปี แม้กระทั่งการได้ยิน ได้เห็นภาพและเสียง สิ่งที่อยู่คนละซีกโลก การรู้เห็นเช่นนั้นได้เป็นเพราะจิตที่ท่านฝึกดีแล้ว ชำระกิเลสสิ่งที่ห่อหุ้มจิตได้แล้ว กำลังของจิตแท้ที่เป็นอิสระไม่เป็นทาสกิเลส ที่มีเชื้อคืออวิชชา ก็สามารถรู้เห็นได้ เพราะจิตเป็นธรรมชาติ “ธาตุรู้”
    <O:p</O:p
    ยกตัวอย่างเช่นคลื่นโทรศัพท์มือถือ แม้จะมองไม่เห็นแต่ท่านก็เชื่อว่ามีอยู่จริง และเชื่อว่าโทรศัพท์รับคลื่นได้จริงเพราะท่านใช้อยู่ทุกวัน จิตคนธรรมดารู้เห็นได้จำกัด เพราะโดนอำนาจของกิเลสข่มอำนาจของจิตแท้ไว้ และเมื่อกิเลสและรากแก้วคืออวิชชาโดนทำลายไป ในหมู่พระอริยเจ้าท่านก็จะสามารถรับรู้สิ่งที่นอกเหนือประสาทสัมผัสธรรมดาของมนุษย์ได้เช่นเดียวกัน<O:p</O:p
    ดังนั้น อาตมาภาพขอยืนยันว่า สิ่งที่พระอริยเจ้าและพระอริยบุคคลท่านเห็น สามารถอธิบายได้เป็นวิทยาศาสตร์ แต่วิทยาศาสตร์ปัจจุบันไม่มีทฤษฏี หรือเครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์ หรือนักวิทยาศาสตร์คนใดในโลกนี้ที่จะไปอธิบายญาณรู้เห็นของพระอริยะเจ้าเหล่านั้นได้ จะเห็นได้ว่าถ้าเอาวิทยาศาสตร์มาเทียบกับพระพุทธศาสนา แทบจะไม่ติดเศษฝุ่นธุลีเลย คนตะวันออกปัจจุบันไปคลั่งไคล้ศาสตร์ตะวันตก ขณะที่คนตะวันตกเริ่มอิ่มตัวและหันมาสนใจค้นคว้าศาสตร์ของตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระพุทธศาสนา<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อาตมาพบช่องโหว่ใหญ่ของรัฐบาลและทางเจ้าหน้าที่ในการเตรียมรับมือกับแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิที่รุนแรงกว่าที่ผ่าน ๆ มาที่ประวัติศาสตร์โลกได้มีการบันทึกไว้ ตามข้อมูลที่อาตมาภาพได้แจ้งท่านไปนั้น คือ เหตุการณ์ที่แจ้งเตือนเป็นเรื่องของสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งในตำหรับตำราการบริหารรัฐกิจของท่านคงไม่มีการบันทึกเอาไว้ว่า ทางรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ราชการในอดีตเคยนำข้อมูลลักษณะนี้ไปใช้ ดังนั้น รัฐบาลและเจ้าหน้าเองฝ่ายต่าง ๆ เองก็คงจะไม่ทำอะไรได้อย่างเต็มที และไม่กล้าทำอะไร เพราะเป็นเรื่องระบบระเบียบทางราชการ สิ่งที่ทางรัฐบาลบาลและเจ้าหน้าที่ทำได้คือ การแจ้งเตือนเมื่อเกิดแผ่นดินไหว แล้ว และมีเวลาหนีกันแค่ประมาณ ๓ ชั่วโมงกว่าคลื่นจะมาถึง ซึ่งจะเกิดความโกลาหล วุ่นวายเกิดขึ้น และรัฐบาลและเจ้าหน้าที่จะทำเต็มทีก็ต่อเมื่อเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นแล้ว ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย และเยียวยาผู้บาดเจ็บและผู้รอดชีวิต ซึ่งคิดว่าถ้าเป็นอย่างนี้จะเกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนที่ท่านรับผิดชอบเป็นจำนวนมาก ซึ่งแค่เพียงคนเดียวท่านก็รับผิดชอบไม่ไหวแล้ว ซึ่งในจำนวนนั้นก็เป็นพี่น้องคนใต้ของอาตมาและของท่านด้วยเช่นกัน ซึ่งอาตมายอมไม่ได้ถ้ามีการดำเนินการลักษณะนี้<O:p</O:p
    ดังนั้น ในครั้งนี้ ทางรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ต้องทำงานออกนอกกรอบของตำหรับตำราและระบบราชการที่บล๊อกตัวท่านและการทำงานของท่านไว้ เพราะมีชีวิตและทรัพย์สินของคนเป็นล้านคนที่จะต้องสูญเสียไปเป็นเดิมพัน ถ้าท่านยังยึดระบบการทำงาน ไม่คิดและทำงานนอกกรอบบ้าง ถ้าประชาชนของท่านตายไปเสียหมดแล้ว ต่อไปท่านจะมีตำแหน่งหน้าที่ไปเพื่ออะไร ? <O:p</O:p
    อาตมาขอยกตัวอย่าง ทางนายกรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ของประเทศนิวซีแลนด์ซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่เจริญกว่าเรามาก ตามข้อมูลในจดหมายตอบกลับของท่านเลขานุการเอก ของท่านเอกอัคราชทูตไทย ประจำประเทศนิวซีแลนด์ ที่ตอบกลับมายังอาตมาภาพว่า<O:p</O:p
    “ที่นิวซีแลนด์เอง ก็มีผู้เฒ่าชาวเมารีซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของคนนิวซีแลนด์ได้กล่าวเมื่องานวันชาตินิวซีแลนด์ (Waitangi Day) เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ที่ผ่านมา ต่อหน้านายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ และคณะทูตานุทูตจำนวนมากที่ไปร่วมงาน (ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์) ว่า ตนเห็นภาพเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่กรุงเวลลิงตัน คลื่นยักษ์สึนามิถล่มอาคารรัฐสภานิวซีแลนด์ลงมากองกับพื้น เห็นถุงศพกองเต็มถนน Lambton Quay ใกล้กลางกรุงเวลลิงตัน เห็นว่าจะเกิดขึ้นในเดือน มิ.ย. (มิได้ระบุปีอย่างชัดเจน) ขอให้นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์เตรียมพร้อมรับมือไว้ ทางการนิวซีแลนด์และคนที่อยู่ในนิวซีแลนด์ก็ alert เตรียมพร้อมนะคะ โรงเรียนต่างๆ ซักซ้อมวิธีปฏิบัติกรณีที่เกิดภัยพิบัติขึ้น นายกเทศมนตรีสั่งการสำรวจอาคารในพื้นที่เสี่ยงภัย ชาวบ้านเตรียมน้ำ อาหารแห้ง ไฟฉาย ของใช้จำเป็น ฯลฯ”<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    จะเห็นได้ว่า แม้ผู้เฒ่าชาวเมารี จะไม่ใช่นักบวช แต่ได้มีการฝึกฝนเรื่องการทำสมาธิก็สามารถ รู้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคตได้ และข้อมูลก็ตรงกับข้อมูลที่อาตมาภาพได้รับแจ้งมาคือ จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงและ คลื่นยักษ์สึนามิ ในเดือนมิถุนายน <O:p></O:p>
    ท่านจะเห็นว่า นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ได้ตระหนักและสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนเตรียมการรับมือกับเหตุการณ์ที่ได้รับแจ้งมาจากผู้เฒ่าชาวเมารี และประชาชนก็เตรียมตัวรับมือ และซักซ้อมการรับมือกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแล้ว ถึงแม้จะเป็นฝรั่ง ที่เราคิดว่าเขาเชื่อแต่วิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้ แต่จะเห็นได้ว่าไม่ว่าข้อมูลจะมาจากแหล่งใด หากเป็นประโยชน์เขาจะไตร่ตรองและตรวจสอบ และดำเนินการสิ่งที่เป็นสาระสำคัญคือการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
    <O:p</O:p
    ดังนั้น จึงขอให้ทางรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ที่เป็นความหวังของประชาชนคนใต้ ที่จะต้องประสบชะตากรรมกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิในครั้งนี้ นำไปพิจารณาและทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือและปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของเพื่อนมนุษย์ในครั้งนี้ อย่างเต็มความสามารถ และให้ดีที่สุด โดยไม่ต้องมาเสียใจในภายหลัง<O:p></O:p>
    <O:p</O:p

    สำหรับแนวทางดำเนินงานและคำแนะนำ ของอาตมาภาพเสนอแก่ทางรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ของจังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามันที่ได้รับการปะทะจากคลื่นสึนามิในระลอกแรกโดยตรง โดยอาตมาภาพจะอุดช่องโหว่ใหญ่ของทางรัฐบาลและเจ้าหน้าที่นั้น และจะอาสาเข้าไปช่วยเหลือท่านในการเตรียมรับมือภัยพิบัติครั้งนี้ โดยพอมีแนวทางคร่าว ๆ ดังนี้คือ<O:p</O:p
    อาตมามีแผนดำเนินการให้แต่ละท่านและผู้ใต้บังคับบัญชาหน่วยงานของท่าน เลือกตามความพอใจซึ่งขึ้นอยู่กับระดับ “ความเชื่อมั่น” ในตัวอาตมาและสิ่งที่แจ้งเตือนมานี้ มากน้อยขนาดไหน โดยใช้ สติปัญญาและวิจารณญาณ ของแต่ละท่าน เช่นเดียวกับของภาคประชาชน คือ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    แผน ก. ชื่อแผนว่า “แผนวัวหายแล้วล้อมคอก”<O:p</O:p
    แผน ข. ชื่อแผนว่า “แผนสักแต่ว่าทำ”<O:p</O:p
    แผน ค. ชื่อแผนว่า “แผนดับเครื่องชน”<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ผลของผู้ที่เลือกแผน ก แผนวัวหายแล้วล้อมคอก คือ จะได้รับบทเรียนราคาแพง ไม่สามารถกลับมาแก้ใขได้ คือการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของตนเอง คนที่ตนรัก ญาติพี่น้อง และพี่น้องประชาชนของท่าน หลายแสนคน แม้แต่คอกก็ไม่มีมาให้ล้อมเพราะจะพังหมดเช่นเดียวกัน
    <O:p</O:p
    ผลของผู้ที่เลือกแผน ข แผนสักแต่ว่าทำ คือ ตนเองและญาติพี่น้องและประชาชนบางส่วนของท่านจะรอดชีวิต แต่สูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินเพราะความไม่มั่นใจว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เลยไม่อพยพคนและขนทรัพย์สินที่สามารถขนได้ออกมาให้หมด<O:p></O:p>
    ผลของผู้ที่เลือกแผน ค. แผนดับเครื่องชน คือ ท่านจะรักษาชีวิตของตัวท่านเอง บุคคลที่ท่านรัก และญาติพี่น้อง และประชาชนของท่าน รวมทั้งทรัพย์สินที่สามารถขนออกมาได้ โดยเสียเพียงอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น ซึ่งเราค่อยมาสร้างกันเอาใหม่ปีหน้า ซึ่งขณะนี้อาตมาภาพกำลังดำเนินการตามแผนนี้อยู่<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ให้ท่านและเจ้าหน้าที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านเลือกเอาว่าท่านจะเลือกแผนใด และท่านก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทั้งสามนี้ คือไม่ทำ ทำครึ่ง ๆ กลาง ๆ และทำเต็มที่ให้ดีที่สุด<O:p
    </O:p
    แต่ท้ายที่สุดแล้ว อาตมาภาพคิดว่าเหตุการณ์นี้จะมีผู้เสียชีวิต โดยลักษณะการเสียชีวิตมี ๓ ลักษณะคือ <O:p</O:p
    ๑. ไม่รู้ ไม่รู้ประกาศคำแจ้งเตือนทั้งของเจ้าหน้าที่และจดหมายฉบับนี้ ทำให้ขณะเกิดเหตุการณ์ไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ทั้งแผ่นดินไหวและรัศมีของคลื่นสึนามิ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ตามเกาะต่าง ๆ นักท่องเที่ยวต่างชาติ<O:p</O:p
    ๒.ไม่เชื่อ และประมาท คิดว่าคำแจ้งเตือนนี้และของเจ้าหน้าที่เป็นเรื่องลม ๆ แล้ง ๆ บุคคลประเภทนี้ต้องให้แกนนำม๊อบมาพูด ถึงจะเชื่อฟัง<O:p</O:p
    ๓. กรรม คนประเภทสุดท้ายนี้ ไม่สามารถมีใครช่วยได้เลย<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สำหรับท่านที่เลือก แผน ก และแผน ข ให้ท่านไปพิจารณาวิธีการเอาเอง แต่อาตมาจะแนะนำแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ที่เชื่อมั่นให้คำแจ้งเตือนของอาตมาและและข่าวมานี้ และทำเต็มที่ตามแผน ค “ดับเครื่องชน” ซึ่งไม่ว่าจะเกิดปัญหา อุปสรรค อะไรเกิดขึ้น เพื่อรักษาชีวิต และทรัพย์สินของพ่อแม่พี่น้องของเราให้มากที่สุด<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    - ให้ท่านทำความเข้าใจ กับจดหมายแจ้งเตือนของอาตมภาพทั้งสองฉบับ ถ้าสงสัยเรื่องใดให้ติดต่อสอบถามกับอาตมาภาพ จะอธิบายให้เข้าใจอย่างละเอียดยิบ และสามารถทำให้ท่านมั่นใจได้ว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นจริง ๆ <O:p</O:p
    - ให้เรียกประชุมและปรึกษากับผู้ใต้บังคับบัญชา โดยนำจดหมายแจ้งเตือนทั้ง ฉบับที่ ๑ และฉบับที่ ๒ ของอาตมภาพให้ศึกษา พร้อมทั้งประชุมหารือกันว่าจะดำเนินการกันอย่างไร ในหน่วยงาน องค์กรของท่าน<O:p</O:p
    - ให้ติดต่อและปรึกษากับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของท่านเพื่อหาแนวทางดำเนินการและตัดสินใจปฏิบัติในเรื่องนี้<O:p</O:p
    -อาตมาเข้าเข้าใจดี ถึงความยากลำบากในการตัดสินใจของท่านในเรื่องนี้ ดังนั้นสิ่งที่ท่านควรทำคือ การทำสำเนา จดหมายแจ้งเตือนฉบับที่ ๑ และฉบับที่ ๒ นี้ ส่งไปให้ผู้นำชุมชนระดับจังหวัด อำเภอ หมู่บ้าน และครัวเรือน ทุกครัวเรือนในภาคใต้ เพราะจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงและคลื่นยักษ์สึนามิ ทั้งสามระลอกในปีนี้ หมดทุกคน ไม่เว้นเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ<O:p</O:p
    ผู้นำชุมชน และประชาชนของท่าน จะศึกษาและพิจารณาในสิ่งที่อาตมาแจ้งเตือนไปเอง โดยจดหมายนี้จะทำงานแทนท่าน และถ้าหากเกิดประโยชน์อันใดก็จะเกิดกับตัวท่าน เจ้าหน้าที่ ผู้นำชุมชนในพื้นที่นั้น ๆ แต่ถ้าหากมีโทษเกิดขึ้นแล้ว เขาจะติดต่อมายังอาตมาภาพเอง ซึ่งท่านไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้ และท่านก็ไม่มีความผิดทางระบบระเบียบราชการอันใด เพราะเป็นลักษณะของจดหมายเวียนแจ้งให้ทราบ เขาจะทำอย่างไรก็เรื่องของเขา
    <O:p</O:p
    โดยเจ้าหน้าที่เพียงแต่เข้าไปชี้แจงและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนภายหลังจากได้รับข้อมูลแล้ว และให้ปรึกษากันในระดับจังหวัด อำเภอ หมู่บ้าน ว่าพวกท่านและประชาชนจะดำเนินการกันอย่างไร กับระยะเวลาที่เหลืออยู่แค่ไม่ถึง ๒ เดือน<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    -ให้ทางรัฐบาล และหน่วยงานระดับจังหวัด ตั้งศูนย์บัญชาการใหญ่ในการรับมือแผ่นดินไหวขึ้นจังหวัดละ ๑ แห่ง โดยเลือกพื้นที่ที่ปลอดภัย เป็นลานกว้าง มีอาคารหรือตั้งเต้นชั่วคราว มีทั้งศูนย์อำนวยการระดับจังหวัด หน่วยงานต่าง ๆ เช่น การแพทย์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) ทหาร ตำรวจ อบจ. เครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ อุปกรณ์สื่อสาร เครื่องปั่นไฟ เพราะเสาไฟฟ้าจะโดนคลื่นทำลาย การไฟฟ้า หน่วยกู้ภัยต่าง ๆ ทีมอาสาสมัคร ยานพาหนะ ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ซึ่งควรมีเฮลิคอปเตอร์ประจำการไว้อย่างน้อยจังหวัดละ ๕ ลำ เครื่องจักรกลหนักต่าง ๆ เช่นจังหวัดระนอง พื้นที่ ที่เก็บเครื่องจักรกลหนักของอบจ.ระนองอาจโดนคลื่นทำลาย จึงควรย้ายมาที่ปลอดภัยทั้งของราชการ และเอกชนต่าง ๆ <O:p</O:p
    โรงพยาบาลและสถานที่ราชการจำนวนมาก อยู่ในพื้นที่รัศมีของคลื่น ให้ย้ายมาอยู่ที่ศูนย์บัญชาการนี้ชั่วคราว ส่วนคนไข้ให้ส่งไปยังโรงพยาบาลอื่น ๆ ที่ปลอดภัยทั้งหมด<O:p</O:p
    ศูนย์บัญชาการแห่งนี้จะเป็นศูนย์บัญชาการที่ควบคุมสถานการณ์ในระดับจังหวัดและระดับท้องถิ่นล่าง ๆในสถานที่เกิดเหตุ และประสานงานกับศูนย์ควบคุมของรัฐบาลที่ตั้ง ณ กองบัญชาการ ทำเนียบนายกรัฐมนตรี<O:p</O:p
    ให้ตั้งศูนย์อพยพประชาชน มีลักษณะคล้าย ๆกับศูนย์บัญชาการ โดยมีเต้นที่พัก ห้องน้ำห้องส้วม โรงครัว สถานที่รับประทานอาหาร พักผ่อน และให้สั่งตู้คอนเทนเนอร์มาเป็นจำนวนมากเพื่อเก็บสิ่งของหรือทรัพย์สินของประชาชน โดยมีการล๊อกกุญแจและดูแลกันเอาเอง ถ้าไม่ทำอะไรตู้คอนเทนเนอร์จะถูกสั่งมาเก็บศพของผู้คนหลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้น<O:p</O:p
    -ให้สั่งข้าวสาร อาหารแห้ง สด ประเภทต่าง ๆ มาเตรียมไว้ที่ศูนย์อพยพนี้ เพื่อรองรับประชาชนจำนวนมากที่จะมาอยู่อาศัยกันเป็นเวลานับเดือน<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    -ให้ตั้งศูนย์บัญชาการและศูนย์อพยพย่อย ๆ ทุกอำเภอ ทุกตำบล ทุกหมู่บ้านย่อย ๆ ชายฝั่งทะเลอันดามัน โดยให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด นำเครื่องจักกลหนักเข้าไปเตรียมพื้นที่ ส่วนหน่วยงงานอื่น ๆ จะเข้าไปตั้งศูนย์ประสานงาน ทำงานของแต่ละหน่วยเอง
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    -ทั้งศูนย์บัญชาการ และศูนย์อพยพ ถ้ารัฐบาลและเจ้าหน้าที่ไม่กล้าดำเนินการและทำอะไร ให้ประชาชนและผู้นำท้องถิ่นที่เชื่อในคำแจ้งเตือนของอาตมาภาพดำเนินการเองเลย โดยให้เช่าเต้นงานศพ มากางให้มากที่สุด และจัดเป็นโซน ๆ ไว้ สำหรับทำงานและพักอาศัย ในสถานที่ลานกว้าง สูง มีความปลอดภัย ห่างจากชายฝั่งพอสมควร เพียงพอที่จะให้รถบรรทุกและเฮลิคอปเตอร์ลงจอดได้หลาย ๆ ลำ ขณะนี้ทราบมาว่าหน่วยงานราชการที่ส่งจดหมายไปมีการเผยแพร่แก่ประชาชน และมีความเชื่อถือแล้วเป็นจำนวนมากทั่วประเทศ ทั้งจดหมายธรรมดา และทางอีเมลล์ ดังนั้นประชาชนเหล่านั้นจะส่งอาหาร ยารักษาโรค เครื่องนุ่งห่ม และสิ่งของต่าง ๆ มาช่วยในศูนย์อพยพของพี่น้องเอง
    <O:p</O:p
    -ให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพต่าง ๆ ตำรวจ ส่งกำลังพล ยานพาหนะ ต่าง ๆ เช่นเครื่องจักกลหนัก รถจีเอ็มซี รถวิทยุสื่อสาร และเฮลิคอปเตอร์ ให้มากกว่า ๕๐ เปอร์เซ็นที่มีอยู่ในปัจจุบัน มาประจำการทุกจังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน เมื่อเกิดเหตุการณ์แล้วพร้อมที่จะออกปฏิบัติการได้ทันที ซึ่งถ้าเราไม่วางแผนเตรียมรับมือไว้ก่อนแล้ว กรณีที่ชีวิตและทรัพย์สินเสียหายเยอะ ๆ เราจะเหนื่อยหนักมากกว่านี้หลายเท่า <O:p</O:p
    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อศึกสงคราม ๙ ทัพ เรามีการข่าวทีดีจากหน่วยลาดตระเวนชาวมอญ ที่มาแจ้งข่าวให้เราทราบล่วงหน้า เราจึงวางแผนจัดทัพ ไปตั้งรับ ณ ทุ่งลาดหญ้า และถึงก่อนข้าศึก ๑๕ วันทำให้เรามีเวลาเตรียมพร้อมตั้งรับ และการข่าวเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เรารบชนะพม่าใด้ในครั้งนั้น ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันอาตมาและแหล่งข่าวแจ้งท่านก่อนล่วงหน้าประมาณ ๒ เดือนกว่า ๆ ขอให้ท่านตระหนักและพิจารณาในสิ่งที่อาตมาภาพร้องขอมา ไม่ฉะนั้นแล้วชีวิตและทรัพย์สินพี่น้องชาวใต้จะเสียไปเป็นจำนวนมาก และท่านจะท่องคำขวัญของเหล่าทหารว่า เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์และประชาชนได้อย่างเต็มปากได้อย่างไร<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    - ให้ทางรัฐบาล หน่วยงานที่สำคัญๆ และเจ้าหน้าที่ในจังหวัดภาคใต้ ทหาร ตำรวจ องค์กรทั้งภาพรัฐและเอกชน แต่งตั้งให้อาตมภาพ เป็น “ที่ปรึกษาพิเศษ ภารกิจเตรียมรีบมือแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิ สามระลอก ปี ๕๔ (เฉพาะกิจ)” สำหรับหน่วยงานของท่าน<O:p</O:p
    โดยอาตมาภาพจะสามารถดำเนินการไปช่วยท่านและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ เพราะอาตมภาพในตอนนี้เป็นบุคคลที่มีข้อมูลสำคัญ ๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น และจะสามารถช่วยชีวิตผู้คนและทรัพย์สินต่าง ๆ ทั้งราชการและเอกชนได้เป็นจำนวนมาก โดยทีมงานของอาตมภาพมีทั้งพระอรหันต์ พระอริยเจ้า พระอริยบุคคล และสิ่งศักดิ์ผู้มีฤทธิ์ และอาสาสมัครต่างๆ ซึ่งจะดำเนินการช่วยท่านได้ครอบคลุมทุกมิติ (กรุณาใช้วิจารณญาณส่วนตัวพิจารณา) ซึ่งเหตุการณ์การณ์ครั้งนี้จะเป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ชาติไทย ดังนั้นอาตมภาพคิดว่า พระอรหันต์ พระอริยบุคคล พระอภิญญา ลูกศิษย์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอื่นๆ ทั่วประเทศไทยเป็นจำนวนมาก จะอธิษฐานจิตเพื่อช่วยประชาชนชาวไทย และเริ่มเปิดตัวออกมาช่วยเพื่อนร่วมโลก ร่วมกับทีมงานของอาตมามากยิ่งขึ้น
    <O:p</O:p
    -ขอให้รัฐบาล หน่วยงานที่สำคัญๆ และเจ้าหน้าที่ในจังหวัดภาคใต้ ทหาร ตำรวจ องค์กรทั้งภาพรัฐและเอกชน พยายามติดต่อมายังอาตมาภาพ ตามที่อยู่และเบอร์โทรที่ให้ไว้ ในจดหมายฉบับแรก และให้ถอดเกียรติ ศักด์ศรีของเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ และระบบระเบียบทางราชการลงก่อน เพราะมันเดิมพันด้วยชีวิตของท่าน ญาติพี่น้อง และประชาชนของท่านเป็นล้านคน <O:p</O:p
    ท่านอย่าลืมว่า แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิ มันไม่สนว่าจะเป็นวันเปิดทำการราชการ หรือวันหยุดราชการ เวลามันจะมา มันไม่ได้แจ้งมายังเลขาฯของท่านก่อน แต่จะเกิดเมื่อไหร่ก็เกิดตามเหตุปัจจัยของมันซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาของธรรมชาติ จึงขอให้ท่านติดต่อมายังอาตมาภาพเพื่อให้อาตมาได้เข้าช่วยเหลือท่านในการทำงานและช่วยปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนของท่านได้เต็มที่ แต่ถ้าท่านไม่ติดต่อและไม่ได้ทำอะไร ท่านจะได้รับการสอบถาม และคำตำหนิจากประชาชนของท่านเป็นจำนวนมาก <O:p</O:p
    สิ่งที่อาตมาภาพจะเข้าไปช่วยท่านในเดือนเมษายนและพฤษภาคม คือ <O:p</O:p
    - ให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่ท่านและเจ้าหน้าที่ของท่านให้มากที่สุด เพื่อรับรู้ข้อมูลของเหตุการณ์ ลักษณะการเกิดเหตุการณ์ ความรุนแรงของภัยพิบัติในครั้งนี้ การตอบคำถามข้อสงสัย และการทำให้ท่านและเจ้าหน้าที่ รวมทั้งประชาชนที่พื้นที่ของท่าน มีความมั่นใจว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นล้านเปอร์เซ็น<O:p</O:p
    -ร่วมปรึกษาหารือแนวทางเตรียมการป้องกัน และเสนอแนะแนวทางป้องกันและแผนดำเนินงานแก่หน่วยงานต่าง ๆ <O:p</O:p
    -การออกสำรวจพื้นที่เสี่ยงภัย ทั้งทางบกและทางอากาศ แนวรัศมีของคลื่นยักษ์สึนามิ ที่จะต้องอพยพผู้คนและทรัพย์สินออกนอกพื้นที่ให้หมด รวมทั้ง จุดเสี่ยงดินถล่ม ดินยุบตัว ตึกอาคารถล่ม น้ำท่วม และบริเวณที่จะตั้งเป็นศูนย์บัญชาการประสานงานหน่วยงานต่าง ๆ ศูนย์อพยพประชาชนและที่เก็บทรัพสินต่าง ๆ เป็นต้น<O:p</O:p
    -การเข้าไปช่วยท่านและเจ้าหน้าที่อธิบาย ชี้แจงเพื่อย้ำความมั่นใจ และเชื่อมั่นต่อประชาชนของท่านให้อพยพชีวิตและทรัพย์สินออกนอกพื้นที่ภัยพิบัติชั่วคราว และเฝ้ารอเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น จนถึงปลายเดือนพฤษภาคม<O:p</O:p
    -ออกสำรวจพื้นที่ภัยพิบัติครั้งสุดท้าย ตั้งแต่วันที่ ๑ – ๔ มิถุนายน ๕๔ และเฝ้ารอเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในระหว่างวันที่ ๔- ๑๕ มิถุนายน ๕๔ ร่วมกับท่าน เจ้าหน้าที่และพี่น้องประชาชนทุกคน<O:p</O:p

    (มีต่อค่ะ..) ({)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 เมษายน 2011
  6. กล้วยป่า

    กล้วยป่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +170
    ***************************************************
    ข้อมูลจากพระที่ชุมพร "พระกัมมัฏฐาน ปวัตฺตโน" (ฉบับขยายความ)..(ต่อค่ะ)
    ***************************************************

    สรุปแผนการดำเนินงานของรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จังหวัดฝั่งทะเลอันดามัน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    -เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้อง<O:p</O:p
    -นำจดหมายออกแจกจ่ายประชาชนทั่วทั้ง ๑๔ จังหวัดภาคใต้<O:p</O:p
    -ออกสำรวจพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติทั้ง แผ่นดินไหว คลื่นสึนามิ ภูเขาถล่ม ดินสไลน์ ดินยุบตัว น้ำท่วมและอาคารบ้านเรือนถล่ม<O:p</O:p
    -ตั้งศูนย์บัญชาการ และศูนย์อพยพประชาชน ทุกจังหวัดชายทะเลฝั่งอันดามัน ร่วมทั้งศูนย์ย่อย ๆ ต่าง ๆ <O:p</O:p
    -อพยพทรัพย์สินของราชการ เอกชนและประชาชนคนธรรมดาที่อยู่ในแนวภัยพิบัติ ให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ ๑ มิถุนายน ๕๔<O:p</O:p
    -ให้กองทัพเรือโดยเฉพาะฐานทัพเรือพังงา นำเรือรบ เรือลาดตระเวน ออกไปลอยลำกลางทะเลอย่างน้อย ๕ กิโลเมตร จัดให้เตรียมเรือหลวงจักรีนฤเบศ มาลอยลำที่อ่าวไทย บริเวณจังหวัดสงขลา พร้อมเฮลิคอปเตอร์เต็มพิกัด เพื่อคอยช่วยเหลือพี่น้องชาวภาคใต้<O:p</O:p
    -เตรียมความพร้อมขั้นสุดท้าย ระหว่างวันที่ ๑-๔ มิถุนายน ๕๔ <O:p</O:p
    -เผ้ารอเหตุการณ์เกิดขึ้นระหว่างวันที่ ๔ – ๑๕ มิถุนายน ๕๔ โดยมีการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร จัดชุดเคลื่อนที่ประจำการเฝ้าทรัพย์สินจากโจรผู้ร้ายต่าง ๆ เมื่อเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวเกิดขึ้นประมาณ ๕ ทุ่ม จะมีเวลาประมาณ ๓ ชั่วโมง ให้เจ้าหน้าที่เหล่านั้นรีบเคลื่อนย้ายมาอยู่ที่ปลอดภัย<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    -คืนวันเกิดเหตุมีข้อมูลว่าฝนจะตก ดังนั้นจะเข้าไปเก็บกู้ความเสียหายในช่วงเช้า<O:p</O:p
    - ให้ทหารและอบจ.ส่งเครื่องจักรกลหนักเข้าไปเคลียร์เส้นทาง เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ส่วนอื่น ๆ เข้าไปทำงานในพื้นที่ภัยพิบัติ<O:p</O:p
    - หลังจากเหตุการณ์ครั้งแรก จะเกิดเหตุการณ์ครั้งที่ ๒ ขึ้นหลังจากนั้น ๒๘ วัน ให้เจ้าหน้าที่และประชาชน อาสาสมัครต่าง ๆ ทำงานให้เสร็จภายใน ๒๕ วัน เว้นช่วงระยะ ๓ วันที่ปลอดภัยและพักผ่อนเพื่อเตรียมตัวรับมือกับคลื่นยักษ์สึนามิระลอกที่สอง ซึ่งมีความรุนแรงกว่าระลอกแรกมาก<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    - ส่วนจังหวัดทางด้านอ่าวไทยในระลอกแรกนั้น ให้เฝ้าระวังเรื่องดินถล่ม ดินยุบตัว ตึกอาคารบ้านเรือนถล่ม และน้ำท่วม <O:p</O:p
    -หลังจากเหตุการณ์ครั้งแรกแล้ว ผู้คนในจังหวัดฝั่งอ่าวไทยจะมีความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้นเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง ให้ทุกจังหวัดในจังหวัดอ่าวไทยดำเนินการเหมือนจังหวัดฝั่งทะเลอันดามันในระลอกแรก<O:p</O:p
    - มีข้อมูลว่า ความรุนแรงของแผ่นดินไหวจะรุนแรงมาก แรงสั่นสะเทือนจะไกลถึงกรุงเทพมหานครให้ทุกจังหวัด เฝ้าระวังเรื่องดินถล่ม ดินยุบตัว ตึกอาคารบ้านเรือนถล่ม และน้ำท่วม ดินยุบตัว ตึกอาคารบ้านเรือนถล่ม และภูเขาไฟแถบเทือกเขาตะนาวศรีประทุ และอันตรายจากลาวา แถบจังหวัดราชบุรี (อาจจะระลอกที่ ๑ หรือระลอกที่ ๒)<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    - หากพี่น้องชาวไทยที่ได้อ่านจดหมายฉบับนี้มีความเชื่อมั่นในสิ่งที่อาตมาภาพแจ้งมานี้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง ๆ ตามที่อาตมาได้เอาชีวืตเป็นประกันไว้ ให้พ่อแม่พี่น้องชาวไทยทุกหมู่เหล่า เริ่มทะยอย บริจาค ข้าวสารอาหารแห้ง เครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ที่จำเป็น ไปที่จังหวัดภาคใต้ชายฝั่งทะเลอันดามัน โดยส่งไปเก็บไว้ก่อนที่ ศาลากลางจังหวัดระนอง จังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต จังหวัดกระบี่ จังหวัดตรัง และจังหวัดสตูล รวมทั้งจังหวัดทางอ่าวไทย อื่น ๆ เพราะถ้ารอให้เหตุการณ์เกิดขึ้น ถนนบางแห่งจะไม่สามารถใช้การได้เนื่องจาก ดินถล่ม ต้นไม้ล้มทับ น้ำท่วม คลื่นเข้าทำลาย ฯลฯ โดยในครั้งนี้โลกจะได้เห็นความอัศจรรย์ของประเทศไทยและประชาชนชาวไทยทั้งปวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความอัศจรรย์ของพระพุทธศาสนา <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    **** เน้นย้ำเป็นพิเศษ ให้รัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับภัยพิบัติและแผ่นดินไหว ผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าหน้าที่ของจังหวัดราชบุรี เข้าไปสำรวจปล่องภูเขาไฟแถบ ๆ เทือกเขาตะนาวศรี และแนวการไหลของลาวา ถ้าบ้านเรือนตั้งอยู่ในแนวการไหลของลาวานั้น ให้พิจารณาให้ดี ๆ ได้เลย ได้ข้อมูลมาว่าประมาณกลาง ๆ ปี<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ****เน้นย้ำเป็นพิเศษ ให้รัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับภัยพิบัติและแผ่นดินไหว ผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าหน้าที่ของจังหวัดหนึ่งแถบภาคอีสาน ที่ตั้งอยู่บนปากปล่องภูเขาไฟที่เย็นแล้ว โอกาสดินยุบตัวทั้งจังหวัดมีสูงมาก ขอให้ท่านไปศึกษาและพิจารณาให้ดี ๆ <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ในการลงทำงานเพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคใต้ใน ครั้งนี้ อาตมาภาพขอความอนุเคราะห์จากรัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และทางกองทัพ ดังนี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ๑.รถฮัมวี่ พร้อมพลขับ ๒ คัน<O:p</O:p
    ๒.รถฮัมวี่ ติดตั้งอุปกรณ์สื่อสาร พร้อมเจ้าหน้าที่ ๑ คัน<O:p</O:p
    ๓.รถยูนิม็อกติดตั้งเครนท้าย พร้อมพลขับ ๑ คัน <O:p</O:p
    ๔.รถจีเอ็มซีบรรทุกทหาร พร้อมพลขับ ๑ คัน <O:p</O:p
    ๕.เฮลิคอปเตอร์ เบลล์ ๒๑๖ จำนวน ๑ ลำ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เพื่อใช้ออกสำรวจแนวรัศมีคลื่นยักษ์สึนามิ และปฏิบัติงานร่วมกับรัฐบาล เจ้าหน้าที่ และประชาชนในจังหวัดภาคใต้ เพื่อรับมือกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิครั้งรุนแรง ทั้ง ๓ ระลอกในปีนี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ทั้งหมดนี้จะส่งคืนในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๕๔ ขอให้รัฐบาล เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และผู้บังคับบัญชาในกองทัพช่วยประสานงานให้ด้วย อย่าให้เป็นไปตามคติของคนโบราณคือ “เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย”<O:p</O:p
    ถ้าทางรัฐบาลและกองทัพใจไม่ถึง ขอให้ภาคเอกชนที่มีกำลัง ช่วยจัดยานพาหนะตามแนวทางดังกล่าวให้ทีมงานของอาตมาด้วย ซึ่งเชื่อแน่ว่าจะสามารถช่วยชีวิตและทรัพย์สินของคนได้เป็นล้านคน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    อาตมภาพเขียนจดหมายฉบับนี้ใช้เวลาทั้งหมด ๓ วัน ๓ คืน โดยกลั่นกรองออกมาจากจิตใจทั้งหมด จนเลือดสูบฉีดไปทั่วทั้งสมองและร่างกายร้อนไปหมด เพื่อให้ทางรัฐบาล เจ้าหน้าที่ และพ่อแม่พี่น้องที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิ ที่จะเกิดขึ้นระลอกแรกในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ มีความเข้าใจในลักษณะภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น ความรุนแรง แนวรัศมีการทำลายล้างของคลื่นยักษ์สึนามิ มีความเชื่อมั่นและมั่นใจในอาตมาภาพและสิ่งที่อาตมาภาพทำจดหมายแจ้งเตือนไปนี้ และรู้วิธีปฏิบัติเพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น โดยอาตมาเสนอแนวทางเป็นองค์รวมที่เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน ระหว่างรัฐบาล เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ และประชาชนที่จะประสบภัยพิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนชาวไทยทั้งปวงที่จะได้รับผลกระทบทุกคนในปีนี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    อาตมภาพขอน้อมระลึกในพระคุณสำหรับอาหารบิณฑบาตร และกำลังใจ ของครอบครัว ครองสิงห์ ครอบครัวไวยวาศ ครอบครัวหาญชนะและครอบครัววัฒนเสวี ซึ่งมาใส่บาตรอาตมาภาพ เลี้ยงดูร่างกายนี้ขณะที่กำลังเขียนจดหมายฉบับที่ ๒ ที่มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร.)ศาลายา<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สำหรับบุญกุศลอันจะเกิดจากจดหมายฉบับนี้ ที่จะสามารถช่วยคนเป็นจำนวนมากที่เชื่อมั่นและเตรียมการป้องกันภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น ขออุทิศให้กับ ท่านสุวรรณ สหธรรมิกโยคาวจร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกท่าน พ่อแม่ครูบาอาจารย์ทุก ๆ องค์ และผู้ที่จะเสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    กระผมขอโอกาสชี้แจงคณะสงฆ์ทั้งปวงที่ได้อ่านจดหมายแจ้งเตือนฉบับนี้ และขอโอกาส สมเด็จพระสังฆราช พระมหาเถระ พระเถรานุเถระ เพื่อนสหธรรมิก และสามเณรน้อยทุก ๆ รูป ในการออกมาทำจดหมายแจ้งเตือนภัยพิบัติแก่ประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อแม่พี่น้องชาวใต้ของกระผม <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ในการทำจดหมายราชการจำเป็นจะต้อง มีชื่อที่อยู่ผู้ติดต่อที่แน่นอน มิฉะนั้นแล้วจะเป็นจดหมายนิรนาม ซึ่งทางราชการและเจ้าหน้าที่ไม่ให้ความเชื่อถือหรืออ่านเลย ดังนั้นกระผมจึงจำเป็นต้องแจ้งชื่อและที่อยู่เพื่อยืนยันตัว และให้ความเชื่อมั่นว่าสถานการณ์ที่แจ้งไปจะเกิดขึ้นจริง ๆ โดยกระผมไม่ได้หวังชื่อเสียง และลาภสักการะใด ๆ อีกทั้งพยายามหลีกหนีด้วยซ้ำ ถ้าหากมีผู้โจทย์ฟ้องร้องกระผมในเรื่องนี้ ไม่ว่ากรณีใด ๆ ขอให้ทางคณะสงฆ์ดำเนินการไต่สวนภายหลังวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๕๔ ไปแล้ว กระผมจะให้ความร่วมมืออย่างดีที่สุด ซึ่งในตอนนี้กระผมต้องรักษา “กำลังใจและความมุ่งมั่น” เอาไว้ เพราะชีวิตของคนหลายล้านคนกำลังตกอยู่ในอันตราย โดยที่เขาเองไม่ทราบว่าจะเกิดเหตุการขึ้น <O:p</O:p
    อนึ่ง ในจดหมายฉบับนี้ กระผมพยายามระวังไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดในพระธรรมวินัย ในเรื่องการอวดอุตริมนุษยธรรม อย่างเต็มที่แล้ว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในบรรดาผู้เสี่ยงภัยพิบัติที่ภาคใต้ ก็มีพระสงฆ์ในภาคใต้รวมอยู่ด้วยเช่นกัน ดังนั้น กระผมขออาสาเพื่อช่วยเหลือและแจ้งเตือนไปให้เตรียมรับมือให้มากที่สุด<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    กระผมขอกราบนมัสการมา ณ โอกาสนี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สำหรับนักข่าว หากท่านได้รับสำเนาจดหมายฉบับที่ ๑ หรือฉบับที่ ๒ นี้ อาตมาอนุญาติให้นำไปลงได้ แต่ถ้าจะลงก็ลงให้หมด ให้ครบถ้วน เพราะเป็นประเด็นเชื่อมโยงกัน และตอนนี้ทราบมาว่าทาง หน่วยงานราชการเริ่มทำสำเนาออกแจกจ่ายประชาชนแล้ว แต่รบกวนช่วยปิดเบอร์โทรศัพท์ให้ด้วย ขอสงวนไว้ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องติดต่อเข้ามา <O:p</O:p
    แต่อาตมาไม่ประสงค์ให้นักข่าวต่าง ๆ สัมภาษณ์ หรือทำข่าวใด ๆ ทั้งสิ้นเกี่ยวกับอาตมา เพราะต้องการความสงบและต้องการรักษากำลังใจและความมุ่งมั่นในการทำตรงนี้ แต่ให้เน้นแจ้งเตือนไปยังประชาชนที่จะประสบชะตากรรมแผ่นดินไหวกับคลื่นสึนามิที่จะเกิดขึ้น ถ้าจะทำ ให้ทำหลังวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๕๔ ซึ่งอาตมภาพยินดีให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อพ่อแม่พี่น้องชาวไทย <O:p</O:p
    ใครไม่ปฏิบัติตามขอให้ขี้ไหลไม่หยุด ๓ วัน ๓ คืน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สำหรับผู้ที่วิจารณ์ โจมตีหรือประสงค์เอาชีวิตอาตมาภาพ ด้วยสาเหตุประการต่าง ๆ ให้ทำหลังจากวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๕๔ เพราะถ้าอาตมาตายตอนนี้ จะเป็นกรรมหนักแก่ท่าน และถ้าคนที่ท่านพูดวิจารณ์กับเขาเกิดไม่เชื่อในสิ่งที่แจ้งเตือนไปแล้ว เกิดเขาและญาติพี่น้องต้องตายขึ้นมาก็จะเป็นกรรมแก่ท่าน และการโจมตีพระสงฆ์เปรียบเหมือนการถ่มน้ำลายขึ้นที่สูง น้ำลายก็จะย้อนตกไปที่ตัวท่านเอง<O:p></O:p>
    และที่สำคัญ ตอนนี้อาตมาภาพยังตายไม่ได้ เพราะมีคนมีบุญบารมีอยู่อีกเป็นจำนวนมากที่รอความช่วยเหลือจากอาตมาอยู่ <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สุดท้ายนี้ ด้วยอำนาจของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยะสงฆ์สาวก และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ปกปักรักษาสยามประเทศ ได้โปรดอำนวยพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระราชินี พระบรมวงศานุวงศ์ ทุกพระองค์ นายกรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ ข้าราชการทุกหมู่เหล่า พ่อแม่พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกสัญชาติ ศาสนา จงประสบกับความสุขสวัสดี และประสบความสำเร็จในการเตรียมการรับมือกับมหาภัยพิบัติ โดยอาศัยความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจของชาวไทยทุกคน และเหลือระยะเวลาเตรียมการเพียงแค่ประมาณ ๒ เดือน ในครั้งนี้ด้วยเทอญ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ขอเจริญพร<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    กัมมัฏฐาน ปวตฺตโน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    พระกัมมัฎฐาน ปวตฺตโน<O:p</O:p
    สำนักสงฆ์ป่าถ้ำธารน้ำลอด หมู่ที่ ๙<O:p</O:p
    ตำบลทุ่งระยะ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร<O:p</O:p<!-- google_ad_section_end -->

    ข้อมูลข่าวสารจากกระทู้:
    http://palungjit.org/threads/แจ้งเตือนเตรียมรับมือภัยพิบัติแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ซึนามิ.288160/

    ขออนุโมทนากับผู้ที่ให้ข้อมูลข่าวสารด้วยค่ะ..สาธุ :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 เมษายน 2011
  7. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    [SIZE=+1]ประกาศเตือนภัย[/SIZE]
    [SIZE=+1] "พายุฤดูร้อน" [/SIZE]
    ฉบับที่ 8 ลงวันที่ 19 เมษายน 2554
    บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอน บนแล้ว ในขณะที่บริเวณประเทศไทยมีอากาศร้อนอบอ้าว ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน รวมทั้งกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล มีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกได้บางพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนในช่วงวันที่ 19-20 เมษายน นี้ไว้ด้วย




    ประกาศ ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2554
    ออกประกาศ เวลา 16.30 น.



    สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
    กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ​
     
  8. doodee1

    doodee1 คนละพวก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2554 เวลา 10:22 น. ข่าวสดออนไลน์


    เครือข่ายพลเมืองเน็ต ยื่นหนังสือ “มาร์ค”ค้าน ร่างพ.ร.บ.คุมคอมพิวเตอร์

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>
    เมื่อเวลา 08.40 น. 19 เม.ย. ที่อาคารรัฐสภา เครือข่ายพลเมืองเน็ต (Thai Netizen Network) โครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) เครือข่ายนักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน กลุ่มเสรีภาพต่อต้านการเซ็นเซอร์ (FACT) ได้ยื่นหนังสือ คัดค้านการนำร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฉบับใหม่เข้าสู่การพิจารณาของ ครม.เนื่องจากการมีส่วนร่วมของประชาชน ต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยระบุว่ากระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้จัดทำร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ขึ้นมาใหม่ แต่ทางกลุ่มประชาชนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเห็นว่ากฎหมายดังกล่าวเป็นกฎหมายสำคัญที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชน ไม่ควรดำเนินการอย่างรีบเร่ง อีกทั้งร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวยังมีหลายมาตราที่ขัดต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนเกินความจำเป็น

    ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี รับหนังสือดังกล่าวพร้อมพูดคุยในรายละเอียดกับตัวแทนกลุ่มที่คัดค้าน โดยมีความเห็นเบื้องต้นว่าไม่น่าจะมีปัญหาตามข้อห่วงใย


    ประชุมร่วมรัฐสภามีมติถอน เจบีซี 3 ฉบับ

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>
    เมื่อเวลา 10.15 น.วันที่ 19 เม.ย. ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา มีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ เป็นประธานการประชุม ทั้งนี้ได้แจ้งให้สมาชิกทราบว่า พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อแผ่นดินออกจากสมาชิกพรรค จึงทำให้สภาผู้แทนราษฎรเหลือสมาชิก 473 คน วุฒิสภา 149 คน ส่งผลให้สมาชิกรัฐสภามีจำนวน 622 คน จากนั้นเข้าสู่การพิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา(เจบีซี) 3 ฉบับ ที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว โดยเป็นการพิจารณาต่อจากการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ ด้วยคะแนน 240 ต่อ 12 งด 86 ไม่ลงคะแนน 9 เสียง ทั้งนี้ข้อสังเกตดังกล่าว เสนอให้รัฐบาลไทยเร่งเจรจากับประเทศกัมพูชา เพื่อให้ย้ายทหารในพื้นที่พิพาทออกไป เพื่อเตรียมพร้อมในการทำหลักเขตแดนให้แล้วเสร็จ พร้อมทั้งให้เร่งเยียวยาคนไทยที่มีปัญหาเกี่ยวกับที่ดินในพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อน และเห็นว่า ผู้แทนเจบีซีฝั่งกัมพูชากล่าวความเท็จในเรื่องพื้นที่ทับซ้อนหลายอย่าง ดังนั้นขอให้ประธานเจบีซีฝั่งไทย ดำเนินการโต้แย้งในการประชุมเจบีซีครั้งต่อไป

    จากนั้นนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า รัฐสภาพิจารณาเจบีซีมา 3 ปี มีปัญหาทั้งในและนอกสภา มีส.ส.ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เข้าข่ายรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ต้องให้รัฐสภาพิจารณาหรือไม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การเจรจาเขตแดนยังไม่ถึงที่สุดจึงยังไม่เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาขั้นสุดท้ายในรัฐสภา ดังนั้นจากการปรึกษาหารือระหว่างรัฐบาลและรัฐสภา รัฐบาลจึงเสนอขอถอน เจบีซี 3 ฉบับ ออกจากที่ประชุม และฝ่ายบริหารจะดำเนินการต่อไป ซึ่งที่ประชุมร่วมรัฐสภาเสียงข้างมากได้มีมติให้ถอนเจบีซีทั้ง 3 ฉบับ ออกจากการพิจารณาของรัฐสภา

    3ดญ.มอบตัว ขอโทษเต้นโป๊สีลม

    ครวญ-ยังเป็นแค่เยาวชน ตร.แนะมอบตัว-ปรับ500 ชี้ต้นเหตุโดนกองเชียร์ยุ 7วันอันตราย-ตาย271ศพ



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>[​IMG]
    ขอโทษ - ผู้ปกครองพา 3 เด็กสาวเต้นเปลือยในงานสงกรานต์ย่านสีลม เข้าพบตำรวจเมื่อวันที่ 18 เม.ย. สารภาพพร้อมยกมือไหว้ขอ โทษที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสม เจ้าหน้าที่ปรับคนละ 500 บาทก่อนปล่อยตัวไป






    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ญาติเด็กสาววัยรุ่นเต้นเปลือยอกงาน สงกรานต์ "สีลม" เข้าให้การกับตำรวจแล้ว ตร.ชี้ปมอาจทำลงไปเพราะมึนเมา คึกคะนอง พอถูกยั่วยุเลยไปกันใหญ่ แต่ผิดแค่ "ลหุโทษ" มารับทราบข้อกล่าวหา-จ่ายค่าปรับเรื่องก็จบ ด้านรมต.วัฒนธรรมยันผู้สนับ สนุน หรือ คนเชียร์ให้ถอดเสื้อผ้าก็ผิดด้วย แต่เข้าใจว่าตามกฎหมาย ตร.คงทำได้แค่เรียกมาปรับ เผยขณะนี้มีบางหน่วยงานเสนอขอแก้กฎหมายอนาจารให้สูงขึ้น อธิบดีกรมสุขภาพจิตระบุ 3 สาเหตุเต้นโชว์โป๊ เพราะเมา มีพฤติกรรมชอบโชว์อยู่แล้ว หรือมีความเบี่ยงเบนทางเพศ กทม. ล้อมคอกบอกปีหน้าจะเข้าไปเป็นเจ้าภาพสงกรานต์ สีลม ปภ.สรุปยอด 7 วันอันตราย ตาย 271 น้อยกว่าปีก่อน 90 ราย เจ็บเกือบ 3,500 ราย อยุธยาทำสถิติจังหวัดมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงสุด ส่วนเมาสุราขณะขับขี่เป็นสาเหตุการตายอันดับ 1

    ญาติ 3 สาวโป๊ติดต่อมอบตัว

    จากกรณีนายสุรเกียรติ ลิ้มเจริญ ผอ.เขตบางรัก กทม. รับนโยบายจากนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เข้าแจ้งความที่ สน.ยานนาวา ให้ดำเนินคดีกับสาววัยรุ่น 3 คนที่ขึ้นไปยืนเต้นเปลือยอกบนหลังคารถยนต์ ร่วมเล่นน้ำสงกรานต์บริเวณสี่แยกถนนสีลมตัดนราธิวาสฯ (แยกนรารมย์) แขวงสีลม เขตบางรัก เหตุเกิดช่วงกลางดึกคืนวันที่ 15 เม.ย.ท่ามกลางฝูงชนจำนวนมาก และมีคนถ่ายคลิปนำไปเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ยูทูบจนกลายเป็นข่าวฉาวไปทั่วประเทศ ขณะที่พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ระบุว่าอาจดำเนินคดีกับคนที่ส่งเสียงเชียร์ให้ 3 สาวดังกล่าวถอดเสื้อผ้าด้วย

    ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 18 เม.ย. พ.ต.อ.มนต์ชัย ศรีประเสริฐ ผกก.สน. ยานนาวา กล่าวว่า หลังจากสื่อมวลชนนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 17 เม.ย.มีบุคคลที่อ้างว่ารู้จักกับหญิงสาวทั้ง 3 คน ติดต่อเข้ามาว่าจะพาตัวหญิงสาวเข้ามารับทราบข้อกล่าว หากับพนักงานสอบสวน แต่ไม่ได้บอกว่าจะมาภายในวันนี้หรือไม่ ล่าสุดตำรวจยังไม่ได้ออกหมายเรียกแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนนำภาพของหญิงสาวทั้ง 3 คนออกไปสอบถามตามสถานบันเทิงและประชาชนในพื้นที่แล้ว คดีจึงน่าจะมีความคืบหน้าเพิ่มขึ้น

    คาดเมา-ถอดผ้าเพราะโดนยั่วยุ

    ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มกองเชียร์ที่ส่งเสียงเชียร์ให้ 3 สาวเปลือยอกโชว์และถอดเสื้อผ้าจะมีความผิดด้วยหรือไม่ พ.ต.อ.มนต์ชัย ผกก.สน. ยานนาวา กล่าวว่า ยัง คดีดังกล่าวเป็นคดีลหุโทษ มีโทษแค่ปรับไม่เกิน 500 บาท ซึ่งก็ต้องว่ากันตามการสอบสวน

    "สำหรับการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามมาตรา 388 ประมวลกฎหมายอาญา ในข้อหากระทำการอันควรขายหน้าต่อหน้าธารกำนัล โดยเปลือยหรือเปิดเผยร่างกาย หรือกระทำการลามกอย่างอื่น ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500 บาท แต่หญิงสาวทั้ง 3 คนจะกล่าวขอโทษประชาชนผ่านสื่อมวลชนหรือไม่คงจะเป็นสิทธิ์ของทั้ง 3 คน" พ.ต.อ.มนต์ชัยระบุ

    พ.ต.อ.มนต์ชัย ระบุต่อไปว่า คาดว่าวัยรุ่นทั้ง 3 คนน่าจะยังเป็นเยาวชน และเดินทางมาจากพื้นที่อื่น เพื่อเข้ามาเล่นสงกรานต์ที่ถนนสีลม ส่วนสาเหตุแห่งการกระทำ น่าจะเกิดจากอาการมึนเมาคึกคะนอง ประกอบกับมีการยั่วยุกัน

    ให้เวลา 2 วัน-ออกหมายจับ

    ผกก.สน.ยานนาวา กล่าวด้วยว่า ยังบอกไม่ได้ว่าสาวทั้ง 2 คนจะมามอบตัวเมื่อไหร่ ตอนนี้อาจกำลังอยู่ในช่วงตกใจกลัว เพราะสื่อมวลชนเสนอข่าวอย่างต่อเนื่องครึกโครมไปทั่วโลก เราคงต้องให้เวลาก่อนสัก 2 วัน ปัจจุบันพนักงานสอบสวนสน.ยานนาวา ยังไม่ได้ออกหมายจับหญิงสาวทั้ง 3 คน แต่หากไม่มาพบภายใน 2 วัน จะขออนุมัติศาลออกหมายจับอย่างแน่นอน คดีนี้เป็นคดีลหุโทษหากมีการมอบตัวรับทราบข้อกล่าวหาและเสียค่าปรับตามขั้นตอนขบวน การทุกอย่างก็จบ ไม่มีความซับซ้อนอะไร

    ผิดลหุโทษ-กองเชียร์รอด

    พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวถึงกรณีมีสาววัยรุ่นแต่งกายไม่เหมาะสมและมาเต้นในลักษณะอนาจารบริเวณถนนสีลมช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ว่า ความคืบหน้าทางคดีตอนนี้ทราบว่าผู้ปกครองและคนรู้จักของหญิงสาวที่ปรากฏภาพในคลิปที่ถูกเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ตนั้นประสานมาที่พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา เพื่อขอเข้ามอบตัวและรับทราบข้อกล่าวหา แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้เดินทางเข้ามาพบพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด การกระทำลักษณะดังกล่าวมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 388 ที่บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำการอันควรขายหน้าต่อหน้าธารกำนัล โดยเปลือยหรือเปิดเผยร่างกาย หรือกระทำการลามกอย่างอื่น ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท เป็นเพียงความผิดลหุโทษและเป็นความผิดเฉพาะตัวบุคคล

    "ส่วนกองเชียร์ หรือผู้สนับสนุนที่พยายามยุยงให้หญิงสาวแสดงท่าทางลามกอนาจาร ตามประมวลกฎหมายอาญา ในหมวดลหุโทษไม่ได้กำหนดบทลงโทษ ฐานเป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำการในลักษณะดังกล่าวไว้ ดังนั้น กองเชียร์หรือผู้ที่สนับสนุนยุยงจึงไม่มีความผิดตามกฎหมาย"

    ปีหน้า-คุมเข้มสงกรานต์สีลม

    ที่ศาลาว่าการกทม. นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม. ให้สัมภาษณ์กรณีหญิงสาวเต้นเปลือยอกเล่นเทศกาลสงกรานต์บริเวณถนนสีลม ว่า เนื่องจากสีลมเป็นสถานที่ใหม่ที่มีการเล่นน้ำสงกรานต์ การจัดการงานเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ และไม่ได้ประสานกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ในเรื่องการปิดถนน รวมถึงมีประชาชนเข้ามาเล่นน้ำสงกรานต์จำนวนมาก ทำให้ยังมีความบกพร่องอยู่บ้าง

    อย่างไรก็ตาม ในปี 2555 ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก กทม. จึงมีแนวคิดจะเข้าไปเป็นเจ้าภาพจัดงานด้วยตนเอง โดยต้องประสานกับบช.น. เพื่อดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อย และจะสั่งให้สำนัก งานเขตทุกเขตเข้าไปดำเนินการกับป้ายโฆษณาที่ล่อแหลมและไม่เหมาะสมด้วย

    รมต.ยันคนเชียร์ก็ผิด

    นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รมว.วัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์กรณีสาวเต้นโชว์อกเล่นน้ำสงกรานต์ ถนนสีลม ว่า ผู้สนับสนุนหรือกองเชียร์และผู้จัดงานมีโทษเช่นเดียวกับผู้ที่เต้น แต่เบื้องต้นเข้าใจว่าอำนาจของตำรวจทำได้เพียงเรียกค่าปรับ เท่านั้น ขณะที่อำนาจของศาลอาจจะมีการเสนอมาตรการ เช่น การปลูกฝังให้ทำกิจกรรมเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ เป็นต้น

    "ผมไม่แน่ใจว่าหน่วยงานใดไปขอแก้กฎหมายอนาจารให้สูงขึ้น แต่ขณะนี้กฎหมายยังไม่ผ่านกระบวนการพิจารณาของรัฐสภา อย่างไรก็ตาม กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) มีหน้าที่หามาตรการ รวมทั้งรณรงค์ให้ประชาชนมีจิตสำนึกที่ดีในการเข้าร่วมกิจกรรมหรือประเพณีต่างๆ" นายนิพิฏฐ์กล่าว

    ป้องภาพศิลป์ในเว็บวธ.

    ส่วนกรณีมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามเว็บบอร์ดอินเตอร์เน็ตต่างๆ ว่า ภาพวาดสีน้ำรูปนางวรรณคดีเปลือยอกที่ปรากฏอยู่ในเว็บไซต์วธ. เป็นภาพอนาจารไม่เหมาะสมและนำมาเปรียบเทียบกับการเปลือยอกเล่นน้ำสงกรานต์ของหญิงสาวที่สีลมนั้น นายนิพิฏฐ์ชี้แจงว่า เพื่อเป็นการลดกระแสวิจารณ์ดังกล่าว จึงสั่งให้นำภาพออกจากเว็บไซต์แล้ว แต่ตนอยากจะให้คนไทยมีสุนทรียภาพในการดูภาพศิลปะให้สวย บางครั้งคำว่าศิลปะกับการอนาจารอาจคาบเกี่ยวกัน ถ้าทุกคนคิดว่าภาพดังกล่าวที่เผยแพร่เป็นภาพอนาจาร ตนก็กังวลว่ารูปปั้นนางเงือก นางผีเสื้อสมุทร ที่จังหวัดสงขลา รวมถึงประติมากรรมนางอัปสร นางกินรี จะนำมาจัดแสดงไม่ได้ ต้องยกออกหรือทุบทิ้ง หรือไม่คงต้องนำชุดชั้นในไปใส่ให้ เพื่อให้ไม่ถูกมองว่าอนาจาร

    ทอร์นาโดซัดหนักคร่ามะกัน45ศพ




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>[​IMG]
    พังราบ - สภาพความเสียหายของบ้านเรือนในรัฐนอร์ท แคโรไลนา สหรัฐ ซึ่งโดนพายุทอร์นาโดซัดถล่มจนพังยับเยิน ไม่แตกต่างจากรัฐอื่นๆ ที่อยู่ทางใต้ ความรุนแรงของพายุทำให้ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 45 ราย ตามข่าว (เอพี)






    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    วันที่ 18 เม.ย. เอเอฟพีรายงานว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยในหลายรัฐทางภาคใต้ หลังจากโดนพายุทอร์ นาโดพัดถล่มตั้งแต่วันที่ 14 เม.ย. เส้นทางพายุเริ่มที่รัฐโอกลาโฮมาและทวีกำลังแรงขึ้นเมื่อเข้าสู่รัฐอาร์คันซอ มิสซิสซิปปี อลาบามา นอร์ทแคโรไลนาและเวอร์จิเนีย มีผู้เสียชีวิตแล้ว 45 ราย หลายรัฐประกาศภาวะฉุกเฉิน บางเมือง เช่น เมืองทุชกา ที่มีประชากรไม่ถึง 400 คนในรัฐโอกลาโฮมา โดนพายุถล่มราบทั้งเมือง

    ทอร์นาโดลูกนี้สร้างความเสียหายมากที่สุดในรอบ 30 ปี รัฐอลาบามามีผู้เสียชีวิต 7 ราย ในจำนวนนี้มีแม่กับลูก 2 คน ที่อาศัยอยู่ในรถบ้านถูกพายุหอบลอยไปตกในป่า

    ด้านเมืองเวย์เนสโบโร รัฐเวอร์จิเนีย เด็กหญิงวัย 8 ขวบกับหญิงวัย 47 ปี ถูกน้ำซัดตกสะพานจมน้ำหายไป





    "เทปโก"ส่งหุ่นยนต์กู้นิวเคลียร์




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>[​IMG]
    อ่วม - เจ้าหน้าที่สภาญี่ปุ่น กรุงโตเกียว คุ้มกันนายมาซาทากะ ชิมิซึ ประธานบริษัทเทปโก ภายหลังถูกคณะกรรมาธิการวุฒิสภารุมสอบสวนอย่างหนัก ส่วนทางโรงไฟฟ้าส่งหุ่นยนต์ (ภาพเล็ก) เข้าไปตรวจสอบภายในอาคารที่กัมมันตรังสีรั่วไหล เมื่อ 18 เม.ย. (เอเอฟพี)






    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เอพีรายงานว่า วันที่ 18 เม.ย. บริษัทโตเกียว อิเล็กทริก เพาเวอร์ หรือเทปโก เจ้าของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะของญี่ปุ่นใช้หุ่นยนต์ที่ผลิตในสหรัฐเข้ามากู้วิกฤตนิวเคลียร์ แม้ว่าญี่ปุ่นเองจะเป็นประเทศที่เทคโนโลยีด้านหุ่นยนต์ล้ำหน้า แต่สถานการณ์เลวร้ายครั้งนี้ จำเป็นต้องพึ่งหุ่นยนต์ต่างชาติให้เข้าไปยังเตาปฏิกรณ์ซึ่งเป็นส่วนที่อันตรายเกินกว่ามนุษย์จะเข้าไปได้

    หุ่นยนต์ดังกล่าวมีชื่อว่า แพ็กบ็อต มี 2 ตัว ส่งมาจากบริษัทไอโรบ็อต รัฐแมสซาชูเส็ตส์ ซึ่งเชี่ยวชาญการผลิตหุ่นยนต์ค้นหาระเบิด โดยมีส่งไปใช้งานทั้งในอิรักและอัฟกานิสถานและเคยใช้ในงานตรวจค้นซากในเหตุวินาศกรรมสหรัฐ 11 ก.ย. เมื่อสิบปีก่อน

    โชโงะ ฟูกูดะ โฆษกเทปโก กล่าวว่า เทปโกเพิ่งตัดสินใจใช้หุ่นยนต์หลังบริษัทไอโรบ็อตเสนอให้ยืมแบบไม่คิดเงิน เนื่องจากถ้าจะให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลอุปกรณ์ที่ซับซ้อนข้างในเอง จะต้องเสียเวลาอีกหลายสัปดาห์ โดยเจ้าหน้าที่ควบคุมหุ่นยนต์จากอาคารที่อยู่ห่างออกไปด้วยรีโมตให้หุ่นยนต์เข้าไปยังเตาปฏิกรณ์แต่ละเตา ซึ่งเตาหมายเลข 3 มีปัญหา มีซากหลังคาและอาคารที่พังถล่มเนื่องจากการระเบิดก่อนหน้านี้ทำให้เข้าไปไม่ได้

    การกอบกู้สถานการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ รวมถึงแผ่นดินไหวและสึนามิที่เป็นไปอย่างเชื่องช้าทำให้ประชาชนญี่ปุ่นเริ่มไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ แรงกดดันตกหนักที่รัฐบาลและบริษัทเทปโก นายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คังของญี่ปุ่น โดนนายมาซาชิ วากิ ส.ส.ฝ่ายค้าน ตะโกนด่ากลางสภาว่า "คุณควรจะก้มหัวลงขอโทษ เห็นกันชัดๆ ว่าคุณไม่มีความเป็นผู้นำอยู่เลย"

    ด้านนายมาซาทากะ ชิมิซึ ประธานเทปโกเองก็โดนสภาซักฟอก รวมทั้งพูดเสียดสีเยาะเย้ยจนอยู่ในสภาพย่ำแย่ไม่ต่างกัน

    แฉห้องแล็บอังกฤษทารุณกระต่าย




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>[​IMG]





    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เมื่อ 18 เม.ย. ซันเดย์ มิร์เรอร์ เปิดเผยการสืบสวนลับขององค์กรต่อต้านการทารุณกรรมสัตว์ว่า ภายในห้องแล็บวิกแฮม เขตแฮมเชียร์ของอังกฤษ มีกระต่ายกว่าร้อยตัว ถูกใช้ทดลองยา ด้วยวิธีการทรมานให้อดน้ำและอาหารนานกว่า 30 วัน จับขังในกล่องพลาสติกขนาดเล็กโผล่ออกมาได้แต่หัว และฉีดสารเคมีเข้าไปที่หูของพวกมันอย่างต่อเนื่อง หากกระต่ายป่วยจะถูกฆ่าทิ้งทันที ส่วนกระต่ายที่ยังปกติ จะถูกทดลองซ้ำนานหลายเดือน จนกว่าจะตายในที่สุด

    ด้านตัวแทนห้องแล็บวิกแฮม แถลงหลังถูกเปิดโปงว่า จะทบทวนความจำเป็นของงานวิจัยบางประเภท พร้อมพิจารณาลดจำนวนการใช้สารเคมีในการทดสอบกับกระต่าย เพราะความเป็นอยู่ที่ดีของสัตว์ทดลอง คือมาตรการสำคัญของห้องแล็บแห่งนี้เช่นกัน



    'มาม่า'ยืนยันกัดฟันตรึงราคายาว หันปรับตัวในองค์กรสู้ทุนพุ่ง



    นายสุชัย รัตนเจียเจริญ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยเพรซิเดนส์ ฟู้ด จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและทำตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ตรา "มาม่า" เปิดเผยว่า บริษัทยังไม่มีแผนจะปรับราคาสินค้าในส่วนของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป "มาม่า" ขึ้นในขณะนี้ แม้ว่ามาตรการตรึงราคาสินค้าเพื่อดูแลค่าครองชีพของประชาชนของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จะสิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา และยืนยันที่จะตรึงราคาออกไปให้ได้นานที่สุด แม้ว่าปัจจุบันปัญหาต้นทุนการผลิตสินค้าได้ปรับตัวสูงขึ้น จากวัตถุดิบผลิตสินค้าหลายตัวได้ปรับราคาเพิ่มในช่วงปีที่ผ่านมา

    ทั้งนี้ บริษัทยอมรับว่าต้นทุนการผลิตสินค้าโดยรวมราคาปรับขึ้นแล้ว 10% ไม่ว่าจะเป็น แป้งสาลี น้ำมันปาล์ม และต้นทุนในด้านอื่นๆ อาทิ ด้านขนส่งสินค้า เป็นต้น แต่บริษัทต้องปรับแผนการบริหารงานภายในองค์กร เพื่อให้สามารถตรึงราคาขายได้ในระดับเท่าเดิมต่อไป ทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และลดต้นทุนในองค์กรที่ไม่มีความจำเป็นลง อย่างไรก็ตาม บริษัทขอยืนยันว่าในช่วงก่อนหน้านี้ไม่ได้ยื่นหนังสือเพื่อขอปรับราคาสินค้าขึ้นไปที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ แตˆอยˆางใด เนื่องจากยังไม่ต้องการเพิ่มภาระให้กับผู้บริโภคจึงต้องหันมาปรับตัวภายในองค์กรก่อน

    สำหรับภาพรวมยอดขายของบริษัทในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาสามารถเติบโต 8% ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยคาดการณ์ว่าภายในสิ้นปีนี้บริษัทจะสร้างยอดขายรวมเติบโตขึ้น 10% จากปีก่อน เพราะปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้นทำให้ลูกค้าบางส่วนหันมาซื้อบะหมี่สำเร็จรูปมากขึ้น และที่ผ่านมาบริษัทไม่เคยปรับราคาขายสินค้าขึ้นแต่อย่างใด พร้อมกันนี้บริษัทได้วางแผนการตลาดเชิงรุกให้กับแบรนด์มาม่าอย่างต่อเนื่องตลอดปี ส่วนตลาดรวมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีมูลค่า 12,000 ล้านบาทนั้นยังเป็นตลาดที่มีการเติบโตต่อเนื่องอยู่ ซึ่งมาม่ามีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 50% ยังคงความเป็นผู้นำในตลาดดังกล่าว

    แล้งหนัก

    ภาพมันฟ้อง


    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>[​IMG]





    </TD></TR></TBODY></TABLE>จากสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่หนองหญ้าม้า หมู่ 1 ต.รอบเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ท้องทุ่งนาแห้งแล้งมีแต่ฟางแทนหญ้า แหล่งน้ำแห้งขอด ประชาชนที่อาศัยอยู่ในชนบทเดือดร้อนเรื่องอาหารการกิน ไม่มีน้ำทำการเกษตร ต้องขุดปูในท้องทุ่งที่แล้งจัดเพื่อนำมาเป็นอาหารประทังชีวิตไปวันๆ เห็นทีรัฐบาลต้องหันมาสนใจระดับรากหญ้ากันหน่อย












    ฝูงวาฬบรูด้าหากินบริเวณหมู่เกาะสุรินทร์


    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>วันที่ 19 เม.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบฝูงวาฬบรูด้า และวาฬหลังค่อมขนาดใหญ่กว่า 10 ตัว บางตัวมีขนาดยาวกว่า 20 เมตร หนักกว่า 6 ตัน หรือ 6,000 กิโลกรัม ในจำนวนนี้มีวาฬลูกอ่อนรวมอยู่ด้วยคู่หนึ่ง เข้ามาหากินอยู่บริเวณด้านทิศตะวันออก ห่างจากเกาะสต๊อก หมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา ประมาณ 2 ไมล์ทะเล สร้างความตื่นเต้นยินดีแก่นักท่องเที่ยวที่ได้พบเห็นเป็นอย่างมากเพราะโอกาสที่จะพบเห็นฝูงวาฬเป็นเรื่องไม่ง่าย นักท่องเที่ยวหลายคนที่ทราบข่าว ต่างเดินทางไปสังเกตฝูงวาฬดังกล่าวจำนวนมาก ส่งผลให้บรรยากาศการท่องเที่ยวหมู่เกาะสุรินทร์เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง หลังจากก่อนหน้านี้เงียบเหงา เพราะประสบปัญหาสภาพอากาศแปรปรวน

    นายปรารพ แปลงงาน หัวหน้าศูนย์ศึกษาวิจัยอุทยานแห่งชาติ จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่าการพบฝูงวาฬบรูด้า และวาฬหลังค่อมบริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ ถือเป็นเรื่องที่ดี และบ่งชี้ว่าทรัพยากรธรรมชาติบริเวณดังกล่าวมีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะสมเป็นแหล่งอาศัยและหากินของสัตว์ทะเลหลายชนิด นักท่องเที่ยวที่พบเห็นไม่ควรเข้าไปกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนฝูงวาฬ ควรดูอยู่ในระยะห่าง และไม่ควรนำเรือเข้าไปใกล้กับฝูงวาฬ เพราะเครื่องจักรเรืออาจเป็นอันตรายกับฝูงวาฬได้


    [​IMG]


    <TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>
    [​IMG]

    [​IMG]






    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>









    </TD><TD vAlign=top align=left>




    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=295 border=0><TBODY><TR><TD width=21 height=21></TD><TD background=images/line_top.gif></TD><TD width=21 height=21></TD></TR><TR><TD background=images/line_left.gif></TD><TD width="100%"><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>







    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=images/line_right.gif></TD></TR><TR><TD width=21 height=21></TD><TD background=images/line_bottom.gif></TD><TD width=21 height=21></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=295 border=0><TBODY><TR><TD width=21 height=21></TD><TD background=images/line_top.gif></TD><TD width=21 height=21></TD></TR><TR><TD background=images/line_left.gif></TD><TD width="100%"><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>







    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=images/line_right.gif></TD></TR><TR><TD width=21 height=21></TD><TD background=images/line_bottom.gif></TD><TD width=21 height=21></TD></TR></TBODY></TABLE>




    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2011
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ไหว้ขอพรพระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี(พระใหญ่) ยอดเขานาคเกิด จังหวัดภูเก็ต

    [​IMG]

    "พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี พระประจำเมืองภูเก็ตบนยอดเขานาคเกิด" ตั้งอยู่บนยอดเขานาคเกิด อยู่ในเขตตำบลฉลอง โดยขับรถมาทางที่จะไปวัดฉลอง(หลวงพ่อแช่ม) ขับเลยไปทางห้าแยกฉลอง สังเกตุทางด้านขวามือจะมีป้ายบอกทางเข้าไปยังเขานาคเกิด สังเกตุทางเข้าจะเป็นซอยยอดเสน่ห์

    ทางขึ้นไปยังเขานาคเกิดค่อนข้างจะลาดชันสักเล็กน้อย รถยนต์กับมอเตอร์ไซต์สามารถขึ้นไปยังยอดเขานาคเกิดได้สะดวกสบาย เพราะระหว่างทางได้ทำเป็นพื้นคอนกรีตเรียบร้อยแล้ว โดยระหว่างทางนั้นจะมีจุดชมวิวทิวทัศน์มุมสูงของหาดราไวย์สวยงามเป็นอย่างมาก ระหว่างที่ขึ้นไปยังเขานาคเกิดสองข้างทางจะเป็นป่าไม้ อยู่เป็นระยะร่มรื่นดีครับและก็จะสลับกับจุดชมวิวเป็นช่วงๆรับรองว่าสวยงามเป็นอย่างยิ่ง

    พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี พระประจำเมืองภูเก็ต ยอดเขานาคเกิด

    พระมิ่งมงคลเอกนาคคีรี เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนยอดเขานาคเกิด ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเขานาคเกิด ตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต พระมิ่งมงคลเอกนาคคีรี เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 25.45 เมตร สูง 45 เมตร สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ผิวนอกบุด้วยหินอ่อนสีขาว พระพักตร์หันไปทางอ่าวฉลอง ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 19 องศา เป็นพระประธานของวัดกิตติสังฆาราม (วัดกะตะ)การก่อสร้างพระมิ่งมงคลเอกนาคคีรี เริ่มต้นตั้งแต่ พ.ศ. 2545 ด้วยเงินบริจาคของประชาชน โดยได้รับอนุญาตการจัดสร้างจากกรมป่าไม้

    สำหรับท่านที่มาเที่ยวภูเก็ต พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี พระประจำเมืองภูเก็ตบนยอดเขานาคเกิด เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ผมขอแนะนำให้มาเที่ยวเยี่ยมชมกันน่ะครับ ใครที่มากับทัวร์ภูเก็ตอาจจะลองบอกให้เขาจัดทัวร์ขึ้นมายังเขานาคเกิดแห่งนี้ ไว้ในทริปการเดินทางมาเที่ยวภูเก็ตของท่านดูน่ะครับ

    ชมเว็บไซต์ของ พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี http://www.mingmongkolphuket.com/

    [​IMG]
    พระใหญ่จะเห็นได้ชัดอยู่บนยอดเขานาคเกิดเป็นองค์สีขาว จะเห็นได้ชัดถนนที่ขึ้นมายังหาดกะตะ กะรน
    [​IMG]
    พระใหญ่ เขานาคเกิด จะอยู่ในพื้นที่ตำบลฉลอง มาทางเส้นถนนที่จะมายังวัดฉลองขับเลยวัดฉลองไปประมาณ 2 กิโลเมตร สังเกตุป้ายบอกทางนี้
    [​IMG]
    ระหว่างทางที่ขึ้นไปยังเขานาคเกิดก็จะเห็นทิวทัศน์มุมสูงของอ่าวฉลองและหาดราไวย์
    [​IMG]
    ทิวทัศน์ของอ่าวฉลอง
    [​IMG]
    แล้วเราก็มาถึงพระใหญ่กันแล้วครับ ทางเข้าพระใหญ่
    [​IMG]
    เห็นองค์พระใหญ่แล้วครับ โดยพระพักตร์หันไปทางอ่าวฉลอง
    [​IMG]
    [​IMG]
    ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติขึ้นเยี่ยมชม นมัสการพระใหญ่อยู่ตลอดเวลา
    [​IMG]
    ความงามขององค์พระใหญ่
    [​IMG]
    สวยงามจริงครับ
    [​IMG]
    เขากำลังสร้างทางเข้าไปยังอุโบสถโดยใต้ฐานขององค์พระใหญ่เขาจะทำเป็นอุโบสถ
    [​IMG]
    [​IMG]
    ทิวทัศน์มุมสูงของยอดเขานาคเกิดจะเห็นหาดราไวย์
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    yutphuket โพสต์เมื่อ: 30 มิ.ย. 52 00:23 น. , เปิดชม: 1180 ครั้ง​

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 65.jpg
      65.jpg
      ขนาดไฟล์:
      67.5 KB
      เปิดดู:
      2,620
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2011
  10. สิงห์สมุทร

    สิงห์สมุทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +182
    ขอขอบคุณ..ท่านมากครับ..ที่ให้ข้อมูล..เพื่อเป็นวิทยาทาน..
     
  11. สิงห์สมุทร

    สิงห์สมุทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +182
    พระรอดวัดมหาวัน เมืองลำพูน ที่ใครๆว่าน้ำจะไม่ท่วมเมืองนี้..จริงหรือ..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <table cellpadding="0" cellspacing="0" width="98%"><tbody><tr><td style="border-top: 1px solid gray;" width="97%"><table width="100%"><tbody><tr><td height="1">
    </td></tr></tbody></table> </td> <td class="c2" width="4">
    </td> </tr> <tr> <td colspan="3" style="border-left: 1px solid gray; border-right: 1px solid gray;" align="center" width="100%"> [SIZE=+1]ประกาศเตือนภัย
    "พายุฤดูร้อน"
    [/SIZE]
    ฉบับที่ 9 ลงวันที่ 20 เมษายน 2554
    </td> </tr> <tr> <td colspan="3" style="padding: 10px; border-left: 1px solid gray; border-right: 1px solid gray;" align="center" width="100%"> บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอน บนแล้ว ในขณะที่บริเวณประเทศไทยมีอากาศร้อนอบอ้าว ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน รวมทั้งกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล มีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกได้บางพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนในระยะ 1-2 วันนี้ไว้ด้วย </td> </tr> <tr> <td class="c3" width="4" height="4">
    </td> <td style="border-bottom: 1px solid gray;" width="97%"> <table width="100%"><tbody><tr><td height="1">
    </td></tr></tbody></table> </td> <td class="c4" width="4">
    </td></tr></tbody></table>
     
  13. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ตอนนี้ ชาวนา กับ ปลาวาฬ เข้าใกล้กันแล้ว ****

    <TABLE id=post1503669 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>16-09-2008, 10:51 AM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#11533 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->หนุมาน ผู้นำสาร<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1503669", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Jul 2006
    ข้อความ: 11,598
    พลังการให้คะแนน: 5100 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_1503669 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ OLDMAN AND A CAR [​IMG]
    ....ไม่ฆ่าสัตว์ใหญ่ สี่ขา ก็ดีแล้ว...แล้วบรรดาสัตว์เล็กๆ อย่าง ผม เนี่ย..สองขา..., ปลาวาฬ...ไม่มีขา..., คนแก่ๆ ..สามขา..เผลอๆแถมให้อีก สี่ล้อ, ...แมงมุม ..๘ ขา, และ เอ้อ...กิ้งกือ..นับร้อยๆขา เนี่ย เขาจะไม่น้อยใจบ้างหรือไรครับ...คุณหนุมาน

    ....ไม่มีอะไรนะ...ว่างๆแค่แวะมาเยี่ยม....และทักทาย ก็เท่านั้น

    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    *** ความแตกต่าง ****

    ท่านมีปัญญา...สามารถพิจารณา การกระทำ ตัวกระทำ และผลตอบแทน กรรมได้เอง

    แต่ บางท่านยังไม่เคยพิจารณา เรื่องการกระทำและผลการกระทำ
    จึงต้อง มีผู้รู้ช่วยชี้ทาง นำพาให้เลิกทำความชั่ว สิ่งที่ไม่ดี
    พระ และ ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ...จะสามารถช่วยชี้เหตุให้ได้

    การทำความดี เป็นเรื่องของบุคคล
    แต่ละบุคคล ก็อยู่ในสถานที่ต่างกัน
    ชาวนา ก็ไม่มีโอกาส ไปฆ่าปลาวาฬ
    การกระทำต่างกัน ความผิดพลาดในการดำเนินชีวิตต่างกัน เบียดเบียนต่างกัน
    พระพุทธเจ้า จึงระบุกำหนดให้ความชัดเจน สำหรับบุคคลที่มีกรรมต่างกัน
    เลือกเดินสายกลาง...เลือกทำความดี สิ่งที่ดี...ที่พอหยิบ พอเอื้อม พอทำได้จริง

    แต่ เรื่องราคะ โทมะ โมหะ.... มนุษย์มีเหมือนกันทั้งโลก

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "<!-- google_ad_section_end -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    [​IMG]



    <TABLE border=0 cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>
    [​IMG]

    [​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เอาเรื่องเก่าหลายๆ ปีแล้วมาเล่าใหม่
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Falkman<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4609335", true); </SCRIPT>
    ทีมงานพลังจิตนานาชาติ

    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ลุงคนเชียงใหม่ [​IMG]
    ลุงไม่แน่ใจนะว่าสิ่งที่ลุงเห็น เป็นอะไรแต่ส่วนหนึ่งที่ลุงตัดสินใจที่จะเดินหน้า
    และยิ่งมีความมั่นใจ เมื่อพบกับกลุ่มบ้านคนญี่ปุ่นที่ เมื่อสอบถามประวัติหลังจากรู้จักกันดีแล้ว
    ส่วนใหญ่พอเอ่ยชื่อ ต้องตกตะลึง ที่เจ้าของบริษัทใหญ่ๆมารวมกันที่นี่
    นักวิทยาศาสตร์ ชั้นยอดเกี่ยวกับนาโนเทคโนโลยี่ขอญี่ปุ่น
    ใช้เวลาปีละกว่า 5-6 เดือนอยู่ที่นี่

    ขอเล่านิมิตรของลุงให้ฟังก็แล้วกัน ไม่ต้องเชื่อนะ เพราะระดับการฝึกจิตของลุงยังไม่ถึงขั้นที่
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ลุงคนเชียงใหม่ [​IMG]

    จะบอกตัวเองได้ถึงขั้นใหน การถอดจิตยังไม่เป็นวสีได้
    แต่อย่างไรก็ตามภาพที่เห็นในนิมิตรนั้น
    ตัวเมืองเชียงใหม่พังยับเยิน หลังจากเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง
    หลังจากนั้นเขื่อนที่เกิดรอยร้าวก็ทลายลง
    คนในตัวเมืองและระหว่างทางไหลของน้ำ ต้องก้มหน้าร้องไห้กับความสูญเสีย
    แต่ไม่ทันที่คนจากภาคอื่นจะเข้ามาช่วยนั้น
    ก็เกิดแผ่นดินไหว ซ้ำจนร่องลำน้ำแม่ปิงหายไป
    ทุกอย่างดับมืดไปหมด ตึกสูงระเนระนาด

    ..............................................
    ลุงเห็นภาพลุงกำลังใส่บาตรพระที่พายเรือ
    เห็นยอดแหลมดผล่ขึ้นมา
    พระท่านยิ้มแล้วบอกว่า เป็นส่วนหนึ่งของเจดีย์ที่เป็นสัญลักษณ์ของแม่น้ำเจ้าพระยา
    ......................................................................................
    แผ่นดินที่อิสานแตกร้าวไปทั่ว น้ำที่เจิ่งนอกในภาคอีสาน กินไม่ได้แม้แต่หยดเดียว
    (คงเป็นวิบากกรรมของคนอีสานเรื่องน้ำ) คนอีสานบ้านเรานำโดยพระอาจารย์หูเป็นรอยปาน
    ข้ามลำน้ำโขงไป อยู่ที่ฝั่งลาว
    ...........................................................................................

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ลุงคนเชียงใหม่ [​IMG]
    รายละเอียดและที่ตั้งที่ได้มีการศึกษาจากกลุ่มคนที่ทำงานกับลุงมา2-3 ปีแล้ว
    ในการหาว่าจุดที่ปลอดภัยควรจะเป็นจุดใด
    ทั้งจาก น้ำ แผ่นดินไหว ภัยสงคราม
    และรังสีจากการมีสงครามนิวเครียส์
    เมื่อเลือกกันทั้งหมดแล้ว ก็เลือกกันว่า
    พื้นที่ๆพอมีแผ่นดินไหวบ้าง
    แต่มีความสามารถในป้องกันภัยด้านอื่นได้
    น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
    จึงเลือกเอาบริเวณเหนือหมู่บ้านของชาวญี่ปุ่นไปประมาณ 2 กิโลกว่าๆ ซึ่งน่าแปลกใจที่แผ่นดินไหวคราวที่แล้วห่างจากบริเวณนี้ไปประมาณไม่ถึง 30 กิโลเมตร แต่ฝั่งนี้กับไม่รู้สึกเลย(อาจเป็นเปลือกหินคนละก้อนกัน)
    ใครมีจุดที่ดีกว่า หรือมีข้อมมูลที่ๆลูกเลือกแล้วมันอันตราย ปรือปลอดภัยมากกว่าลุง ส่งมาให้ลุงด้วย
    บริเวณที่ตั้งที่ลุงกับเพื่อนๆเลือก เป็นเขตบ้านนอกแนวสันเขาด้านหลังมีทิวเขาห่างไปพอสมควรเป็นแนวกั้นลมได้ดี พื้นเป็นดินยังมีความสมบูรณ์ ปลูกมัน เผือกได้ขนาดใหญ่มาก(ดูจากของญี่ปุ่นปลูก) เป็นจุดกึ่งกลางระหว่างวัดพระบาท4รอย กับวัดป่าดาราภิรมย์(มีพระเขี้ยวแก้วของพระพุทธเจ้า ที่จะพบรังสีม่วงในคนที่ฝึกสมาธิมาถึงระดับสัมผัสจิตอรหันต์) ที่ทั้ง2ที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเมืองเชียงใหม่ ที่ได้รับการพยากรณ์ว่าจะอยู่จนครบ 5000 ปี

    "ตามที่พระอาจารย์เคยบอกนิมิตรไว้ว่าภาคเหนือจะได้รับภัยก่อน แล้วก็จะหยุดก่อน
    แต่ที่เหลือจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงมาก ตามมาภายหลัง

    ในส่วนภาคอีสาน พระอาจารย์ บอกไว้ว่าคนเกือบทั้งหมดจะข้ามไปอยู่ฝั่งลาว
    เพราะบ้านเราไม่มีอาหารเพียงพอ และหนาวมากจนไม่มีฟืนไปในพื้นที่พอจุดกองไฟประทังหนาว
    ภาคเหนือหลังจากเกิดเหตุแล้วเมืองลี้เมืองลาวจะหนาว ทุ่งนาจะเป็นสีขาว ต้นไม้สูงยาวจะเฉาตายทั้งป่า ฝูงปลาจะพากันแข็งตาย (สงสัยมีหิมะตกแล้วต้นไม้พากันตายหมด เสียดายที่ไม่ได้ทันถามรายละเอียดเพราะตอนนั้นยังไม่แน่ใจเท่าวันนี้)

    ......................................จะมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมใหม่พรุ่งนี้
    ใครที่คิดว่าสนใจจริงจังก็ติดต่อกันเรื่อยๆนะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ลุงคนเชียงใหม่ [​IMG]
    ขอบคุณที่เข้ามาช่วยกันคิดครับ
    .................................
    ที่จังหวัดเชียงใหม่ มีบริเวณที่เป็นที่ลุ่มรอยต่อระหว่างฝั่งดอยสะเก็ดกับฝั่งแม่ริม
    ทางฝั่งดอยสะเก็ด ติดค่อนไปทางเชียงรายที่มีเหตุการแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง
    ฝั่งอำเภอแม่ริม อำเภอสะเมิง อำเภอแม่แตงตอนบน(เหนือเขื่อแม่งัด) จะติดค่อนไปทางแม่ฮ่องสอน
    บ้านของลุงเองอยู่คนละฝั่งแม่น้ำปิงกับจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวครั้งก่อน คราวที่ไหว 5.1ริกเตอร์
    ทางฝั่งโน้น บ้านร้าว ของตกระเนระนาด
    แต่ฝั่งบ้านลุงเอง ไม่รู้สึกรุนแรงเหมือนในข่าว ยิ่งคนแถบสะเมิง ไม่มีความรู้สึกเลย(อันนี้น่าคิดนะ เพราะระยะห่างจากจุดศูนย์กลางพอๆกับอำเภอเมือง ขณะที่อำเภอเมืองไหวจนวิ่งกันหน้าตั้ง แต่อำเภอสะเมิงหลับกันสบาย ไม่รู้สึกซักกะแอะ) แต่อย่างไรก็ตามบ้านลุงเองก็ยังไม่ปลอดภัยเพราะปีที่ผ่านมาน้ำที่ไม่เคยท่วม กลับมีน้ำหลากมาจากบริเวณภูเขา กวาดเอาบ้านไกล้ๆพังไปหลายหลัง
    แต่ได้เตรียมการหาที่เหมาะสมสำหรับทุกคน คิดว่าน่าจะซัก 20 ครอบครัว ไม่เกิน 100 คนน่าจะมีกำลังเพียงพอในการที่จะเผชิญปัญหาที่จะเกิดขึ้นหรือจำเป็นต้อง เริ่มต้นชีวิตในโลกที่สูญสิ้นไปเกือบสิ้นเชิง เช่นสงครามแย่งชิงอาหาร โรคระบาด หรือโลกมืดไป47วัน
    อยากได้ข้อมูล
    1.แบบบ้านที่ทนต่อแผ่นดินไหว
    1.1 ที่ราคาไม่แพง
    1.2 รองรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้ แผ่นดินไหว น้ำท่วมหลาก(น้อยๆเพราะอยู่บนเขาอยู่แล้ว)
    2. รูปแบบของการจัดการระบบอาหาร แบบไม่พึ่งไฟฟ้า
    3. การจัดการระบบพลังงานในพื้นที่(กรณีที่โลกมืดไป 7ราตรีเหมือนคำทำนายของหลายๆฝ่าย)
    4. ระบบการจัดการชุมชนให้สามารถอยู่ได้
    5. ระบบการสื่อสาร/รับข้อมูล
    6. การเตรียมการด้านสิ่งเหนือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ(ที่คนอื่นจะเข้าใจ) เช่นกรณีเกิดภูตผีปีศาจ
    7.การเคลื่อนเข้าสู่ชุมชนของสมาชิกในหมู่บ้านกรณีเกิดปัญหาขึ้น(เตือนกันอย่างไรดี หรือใครตัดสินใจที่จะเตือนสมาชิกเข้าสู่ชุมชน)
    ขอส่งข้อมูลให้ลุงเรื่อยๆนะแม้จะเริ่มแก่แล้ว
    (ยืนยันนะว่าไม่ได้กลัวตาย เพราะชีวิตที่ผ่านมาเพียงพอแล้วหละ ทำบุญมามากพอที่จะไม่ตกนรกและไม่มีพลาดตอนอาสัญนกรรมแน่เพราะปลงกับความตาย ตั้งแต่ตอนเรียนผ่าศพแล้วหละ)
    แต่ก็อยากดูสิ่งที่เราฟังมาตลอดชีวิตกลัวมันจะเกิดหลังวันที่เราตายไปแล้ว 1 วัน
    จิตอย่างนี้เป็นห่วง จนเป็นเหตุให้เป็นเดรัจฉานหรือเปล่าก็ไม่รู้
    เอ้าช่วยๆกันหน่อย
    ใครจริงจัง กับลุงไปด้วยก็เตรียมตัวคุยกันต่อไปนะ
    ขอบคุญและยินดีกับคำแนนำที่ผ่านๆมา และผู้ที่ร่วมอนุโมทนาบุญด้วย
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Falkman [​IMG]
    *******************
    ส่วนใหญ่พอเอ่ยชื่อ ต้องตกตะลึง ที่เจ้าของบริษัทใหญ่ๆมารวมกันที่นี่
    นักวิทยาศาสตร์ ชั้นยอดเกี่ยวกับนาโนเทคโนโลยี่ขอญี่ปุ่น
    ใช้เวลาปีละกว่า 5-6 เดือนอยู่ที่นี่
    *******************
    เป็นไปได้หรือไม่ที่พวกนี้มาเพื่อเป็นทำการอะไรบางอย่าง หรือเตรียมการอพยพ ผู้คนจำนวนมากมาในอนาคต เพราะคิดว่าเกาะญี่ปุ่นอาจไม่ปลอดภัย

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ลุงคนเชียงใหม่ [​IMG]
    ข้อมูลเพิ่มเติม
    ลุงมีข้อมูลที่เขาคาดเดาว่าอะไรจะเกิดเล่าให้ฟัง
    1.เขาเชื่อว่าภัยพิบัติจะเกิดจากแผ่นดินไหว ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเจอมา เขาเชื่อว่ามังกร(ประเทศญี่ปุ่นจะบินขึ้นผงาดบนฟ้าแล้วหายไป คงหมายถึงประเทศญี่ปุ่นหายไป) จะทำลายโลกอย่างแน่นอนและปรากการณ์อย่างหนึ่งคือพื้นหินชั้นใต้ดินที่เก็บน้ำไว้จะแตกหัก ถ้านำไม่ลงไปข้างล่างก็จะขึ้นมาข้างบนจะทำให้ขณะเกิดเหตุน้ำจะเจิ่งนองไปหมด ยังไม่นับที่เขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำต่างๆพังทลายลงไป ลองนึกภาพ เขื่อนใหญ่ทั้งหมดของเราแตกพร้อมกัน ทำให้นึกถึงภาพขนาดของน้ำจำนวนมหาศาลที่จะกวาดลงไปตั้งแต่จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีเขื่อนแม่งัดแม่กวง เขื่อกิ่วลมที่ลำปาง เขื่อสิริกิตต์ที่อุตรดิตถ์ เขื่อนภูมิพลที่ตาก แตกพร้อมๆกันขณะเกิดแผ่นกดินไหวที่บ้านพักอาศัยพังทลายไปแล้ว ทุกอย่างก็จะถูกกวาดไปลงทะเล (อย่าลืมคิดคำนวนปริมาณน้ำที่โผล่ออกมาจากใต้ดินที่เกิดจากชั้นหินที่เก็บน้ำไว้ถูกทำให้แตกหักทำลาย)

    2.ความอดอยาก
    จะตามมาหลังเหตุการณ์ที่ 1 ที่ตามก็คือน้ำที่มีอยู่ก็จะหายไปอย่างรวดเร็วจากที่ชั้นหินที่อยู่ไต้ดินที่ทำหน้าที่อุ้มน้ำมีรอยรั่ว บ่อน้ำที่มีอยู่จากบ่อน้ำหรือที่หาได้ก็จะหมดไป น้ำสะอาดจะหายากขึ้น ยังไม่พออาหารเท่าที่มีจะถูกกวาดไป คือแผ่นดินไหวทำลาย แล้วน้ำก็กวาดไปทิ้ง ที่เหลืออยู่ก็ไม่พอบริโภค

    3.สงครามแย่งอาหาร และสงครามเต็มพื้นที่


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ลุงคนเชียงใหม่ [​IMG]
    ดังนั้นเขาจึงเตรียม สถานที่ๆไม่ถูกทำลายจากแผ่นดินไหว เลือกภูเขาที่ไม่สูงห่างจากแนวร่องลำน้ำที่มีเขื่ออยู่ต้นน้ำ เตรียมน้ำ อาหาร และยารักษาโรคอย่างพอเพียง(มากกว่าคน100 คนต้องการร่วม10เท่า) รวมทั้งมีการใช้วิทยุคลื่นสั้นติดต่อกันระหว่างบ้าน แทนที่จะเลือกใช้การสื่อสารที่ทันสมัยอย่างอื่นๆ

    ลุงอยากจะหาแนวร่วมที่อยากมาอยู่เชียงใหม่ด้วยกัน

    ศึกษาหาพื้นที่ที่ปลอดภัย(ไม่ได้กลัวตายนะ แต่อยากเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและความเปลี่ยนแปลง ไม่อยากตายตอนหัวม้วน เพราะตอนกลางเรื่องอาจจะได้เห็นอะไรที่ทั้งชีวิตไม่เคยเจอมา)
    หวังว่าจะมีผู้ร่วมบุญกับลุงมาอยู่ในพื้นที่เดียวกัน
    ขอบุญกุศลคุ้มครองทุกคน

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ลุงคนเชียงใหม่ [​IMG]
    ลองนึกภาพที่บ้านของเรา
    วันนี้แผ่นดินไหว ตึกใหญ่ บ้านปูนพังยับ
    ถนนที่มีอยู่ใช้การไม่ได้ พังยับเยิน
    ปั้มน้ำมันระเบิดไฟใหม้จนแทบไม่เหลือ
    ไฟฟ้าดับหมด โรงไฟฟ้าพังยับเยิน
    อาหารไม่มีคนขาย เพราะบ้านส่วนใหญ่พังหมด (คงมีการไหวของแผ่นดิน 15-20 ริกเตอร์ หรือมากกว่า เพราะขนาดที่มีการทำนายกันไว้ว่าแผ่นดินแยก เหมือนมีงูยักษ์มุดออกมาจากแผ่นดินต้องไหวระดับแรงหินใต้ดินโก่งตัวอย่าง รุนแรง)
    ทุกคนอยู่ในอาการกระวนกระวายร้องให้เพราะความสูญเสีย อาหารที่มีในมือก็พอกินได้ อีก2-3 มื้อ
    เป็นปรกติแล้วที่เราจะมีอาหารอยู่ประมาณนั้น ที่เหลือพึ่งตลาด
    เพราะอาหารในตู้เย็นเริ่มเสียแล้วเนื่องจากไฟดับ
    หรือ ถูกบ้าน(โดยเฉพาะแบบสร้างด้วยปูน)ถล่ม
    อาหารขาด เงินจำนวนมากเท่าไดก็ไม่สามารถแลกอาหารได้มากพอ เริ่มมีการแก่งแย่งกันเกิดขึ้น
    หลายพอเริ่มจะตั้งหลักกันได้
    คนที่เริ่มคิดได้ก็จะไปริมทะเลเพื่อมองหาอาหารแล้ว คลื่นยักษ์ที่เกิดจากแผ่นดินไหว ก็พากันกวาดเอาคนจำนวนมาลงทะเล
    จนคนจำนวนมากไหวหวั่น กระวนกระวาย
    การจราจรแย่งอาหารเกิดขึ้นในเขตเมืองก่อน
    แล้วค่อยลามมายังเขตปริมณฑลที่ยังพอมีอาหารมากกว่า
    .........................
    -----------------------------------------------------------
    วันที่ 3ก็มาถึง น้ำเหลือจำนวนมากมายก็พากันหลั่งโหมเข้ามากวาดเอาคนต้อนคนที่บนทรากปรักหักพังลงสู่ท้องทะเล
    เสียงกรีดร้องน้ำตา จากความเศร้าเสียใจของคนที่เหลือเพียงไม่กี่คน
    (ตำนวนของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงที่เลือกอยู่บนยอดดอย เพราะเขามีการสอนกันมาว่าเขาคือผู้ที่รอด
    ในบ้านนอกมียุ้งข้าวที่กินได้
    มีฟักข้างบ้าน มีไก่เลี้ยงตามใต้ถุน มีหมูที่เลี้ยงไว้ที่บ้าน
    แล้วเราคนในเมืองหละถ้าวันี้ ต่อไปอีก 3วันตลาดไม่มีอะไรเลย(เพราะถนนพังทั้งหมด)
    ไม่มีอุปกรณ์หุงหาอาหาร เพราะไฟฟ้าดับหมด
    ...........................................
    มองในมุมร้าย หรือมองโลกในแง่ร้ายมากไปหรือเปล่า
    ........................................................
    แต่ชักชวนครับผมกำลังจำทำเรื่องเช่าที่ส่วนป่าเสื่อมโทรมบริเวณประมาณ 300 ไร่
    กำลังหาสมาชิก เพื่อจะมาร่วมมือกันคิดกันอย่างจริงจัง
    ถ้าทำแบบที่ญี่ปุ่นทำกัน ผมดูแล้วบ้านที่ปลอดภัยจากแผ่นดินไหว
    หลังละไม่กี่หมื่นเท่านั้นเอง(เขาบอกว่าต้องเป็นวัสดุที่ล้มไปแล้วนำมาประกอบใหม่ได้)
    อุปกรณ์กลางเช่น เครื่องทำน้ำจากอากาศ โรงพยาบาลเล็กๆ
    แหล่งหลบภัยกรณีมีอะไรตกจากฟ้า

    อยู่ร่วมกันอยู่เหมือนบ้านที่มีการเตรียมพร้อมทั้งจิต และกาย อาหาร สิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย
    เพื่อจะได้เป็นผู้รอดที่มีพลังพอจะช่วยเหลือมนุษย์โลกที่เหลือต่อไป
    ในรูปแบบ นิคมพุทธหรืออะไรอย่างนี้ก็ไม่เลวนะ
    เพราะวันนั้นแล้ว ถ้าพลังไม่พอเหล่ามารคงไม่พอใจที่มีพวกที่รอดอย่าง
    เข้าใจและมีพลังก้าวเดินต่อไปอีกจำนวนมาก
    ..................................................................................
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ลุงคนเชียงใหม่ [​IMG]
    คุณหนุมานดูข้อมูลนี้หน่อยนะ
    ********************************
    ช่องทางที่ต่อจากเชียงแสนมายังเชียงใหม่มีดอยนางแก้ว
    วางขวางอยู่ตั้งแต่แม่สายไปจนต่อกับดอยขุนตาลของลำปาง
    ลองดูแผนที่และเป็นสาเหตุหนึ่งที่พะเยาไม่อยู่ในพื้นที่ทำนาย
    ของพื้นที่ปลอดภัย


    ภาพที่น้ำข้ามภูเขามาลุงได้บอกไว้แต่ต้นแล้วหละ
    ดูตามรูปที่ลุงแนบมาด้วยนะ (เป็นรูปที่พวกลุงและกลุ่มเพื่อนได้ศึกษาพื้นที่กัน
    นอกจากการดูกันทางจิตและก็คำทำนายทุกอย่างที่มีอยู่แล้วครับ )
    ส่วนทางทิศตะวันตกของเชียงใหม่ ที่น้ำมาจากสาละวิน (ต้นน้ำจากหิมาลัยเช่นกัน)
    จะมีเทือกเขาบรรทัดกันอยู่ สูงกว่าเทือกเขาดอยนางแก้วอีก
    สบายใจได้ครับ
    *******************************
    ในส่วนอากาศหนาวเจอแน่นนอนครับทุกที่ ยกเว้นส่วนที่จมทะเลไปแล้ว
    น้ำจากทางเหนือเป็นน้ำที่เกิดจากการทะลัก
    ลุงไม่แน่ใจนะว่าเกิดอย่างที่คุณหนุมานเอ่ยอ้าง
    แต่ลุงคาดว่าเกิดจากเขื่อนของจีนต้นน้ำโขงพังทะลายลง
    ********************************
    และความอดอยากจะรุนแรงในแหล่งที่ไม่มีอาหารในพื้นที่เช่นเขตเมือง
    ที่แค่ไฟฟ้าดับก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว แต่ในแหล่งที่มีพืชอาหารในพื้นที่
    สบายครับ
    *********************************
    ส่วนภาคกลางจะรุนแรงมากเท่าไรลุงไม่มีภาพที่เห็นนะ

    *******************************
    พูดคุยกับเพื่อนที่ ภาคอีสาน
    ลุงเพิ่งถึงบางอ้อว่าทำไมอีสาน
    ถึงมีน้ำที่กินไม่ได้เต็มพื้นที่(ตามคำทำนาย)
    เพราะเพิ่งทราบว่าใต้พื้นดินอีสานเต็มไปด้วย(เกลือสินเทาว์ โปแตส)
    ทำให้น้ำที่จะทะลักขึ้นมาจากพื้นหินใต้ดินแตกหัก
    จะใช้ได้ไม่กี่วันก็จะเค็ม จนใช้ไม่ได้ พืชอาหารตายหมด

    จนต้องข้ามไปฝั่งลาว( เหมือนที่ลุงเคยได้รับการบอกเล่า
    คงเป็นเหตุหนึ่งที่วันหนึ่งลาวกับไทยจะเป็นประเทศเดียวกัน )

    *********************************
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ หนุมาน ผู้นำสาร [​IMG]
    *** ศึกษาภูมิประเทศภาคเหนือ...เพื่อรับสถานการณ์แม่โขงทะลักเข้าไทย ****

    เมื่อถึงวันนั้น...น้ำแข็งบนยอดเทือกเขาหิมาลัย คงทะลายไหลลงสู่แม่น้ำโขงอย่างรวดเร็ว กระแสน้ำจะมีพลังมหาศาลคณานับ พุ่งชน กระแทก กัดเซาะ ท่วมทะลักทั้งตามลำน้ำ และพื้นราบ....เมื่อมาถึง "เชียงแสน" คุ้งลำน้ำที่มีจุดอ่อนเป็นรูป ตัวยู กระแสน้ำจะไหลขึ้นเหนือไม่ทัน....ระดับน้ำจะทะลักเข้าแผ่นดิน แถบเชียงแสน เชียงของ...กระแสน้ำและคลื่นจะ กลืนบ้านกลืนเมือง ที่ขวางทาง...ทำลายภูเขาหลุดออกเป็นลูกๆ...เกิดน้ำวนขนาดใหญ่คลุมพื้นที่ เกือบทั้งจังหวัด...ก้อนหินยักษ์จากภูเขา จะกลิ้งทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า...ป่าไม้จะกลายเป็นท่อนซุงยักษ์ กวาดทุกอย่างไปตามกระแสน้ำ....น้ำมหาศาลที่อยู่บนจังหวัดทางเหนือพยายามหา ทางออกไหลลงที่ต่ำกว่า คือ ภาคกลาง....กว่าก้อนหินใหญ่จะสิ้นแรงแถวตาก แถวกำแพงเพชร ก็กลายเป็นกรวดเป็นทรายจำนวนมาก....จะเกิดเนินเขาใหม่ๆ มากมาย จากการทับถมสิ่งต่างๆ ที่พัดมากองรวมกัน (ที่จังหวัดตาก มี แหล่งท่องเที่ยว ต้นไม้ใหญ่โบราณกลายเป็นหินขนาดใหญ่จำนวนมาก ในอดีตคงเกิดเหตุการณ์นี้มาแล้ว) บ้านเมืองต่างๆ จะถูกดินหินทรายทับจนหาไม่เห็นทรากสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ....แผ่นดินบางแห่งจะมีพื้นดินสูงกว่าเดิมมาก (ที่จังหวัดเชียงใหม่ มี เวียงกุมกาม ในอดีตก็คงเกิดเหตุการณ์นี้เช่นกัน แล้วยังมีตำนานอีกหลายเรื่องเกี่ยวกับ เมืองที่เจริญรุ่งเรืองและจมหายไปทั้งในดิน และกลายเป็นทะเลสาป)....แล้วปริมาณน้ำจำนวนมหาศาลจะไหลท่วมจนไปถึง เมืองหลวงกรุงเทพฯ...ส่วนภาคอีสานก็ท่วมเช่นกัน...อย่าเชื่อว่าฉันอยู่ จังหวัดสองเชียง สองลำ แล้วจะปลอดภัยแน่นอน....เพราะทั้ง ๔ จังหวัดนี้ ล้วนมีเส้นทางที่น้ำจากแม่น้ำโขงไหลมาถึงอย่าแน่นอน....การท่วมครั้งนี้ ไม่เหมือนน้ำท่วมทุกครั้ง ที่ระดับน้ำค่อยๆเพิ่มทั้งจากฝนตก และน้ำในแม่น้ำ...แต่การท่วมครั้งนี้เสมือนยักษ์หิ้วถังน้ำใหญ่เท่าน้องๆ อ่าวไทยมาเทลงใส่ที่แม่น้ำโขง....หากเหตุการณ์นี้ มีสาเหตุจาก "การใช้ระเบิดนิวเคลียร์"....ก็ต้องมีผลต่อเนื่องทั้งเรื่องแผ่นดินไหว แผ่นดินแยก พายุขนาดใหญ่ พายุหมุนโหมกระหน่ำซ้ำเติม...จะเกิดการระเบิดจากใต้ดิน...ลาวาจะทะลักออกมา ลุกเป็นไฟสีเขียว....แม่น้ำเจ้าพระยาจะกลายเป็นลาวา แผ่นดินสองฝั่งเจ้าพระยาจะไหลลงแม่น้ำ...ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นอย่างรวด เร็ว....เกาะต่างๆ จะท่วมหายไป ประเทศที่ทำกรรมไว้มากหลายประเทศจะล่มจมหายไปในทะเล...เกิดคลื่นขนาดยักษ์ ยิ่งกว่าในหนังภาพยนต์ทำลายกลืนกินเมืองต่างๆ ทั่วโลก....เปลือกโลกทั้งหมด จะขยับตัวครั้งยิ่งใหญ่ ประชาชนที่เหลือหลายแห่งจะไม่มีแผ่นดินอยู่....กลับไปเรื่องแม่น้ำโขงทะลัก เข้าไทย...ก็ขอให้เริ่มศึกษาลักษณะภูมิประเทศ ศึกษาที่ต่ำ ที่สูงรีบค้นหาที่ปลอดภัย...เพราะเรื่องนี้ต้องเตรียมการนาน หาที่ปลอดภัยจริงๆ จึงจะรอด...ผู้ที่อ่านแล้วมองเห็นภาพ....ผู้นั้นอาจจะรอดตาย หากไม่ประมาท และรู้จักศึกษาเตรียมตัวให้พร้อม....โอ้...ชะตาฟ้าลิขิต...น่าสงสารผู้ที่ ยังลุ่มหลงวัตถุ ยังใช้ชีวิตอย่างประมาท ยังไม่รู้ "กรรมที่ยิ่งใหญ่" กำลังใกล้มาถึง....ขอให้ผู้ที่เชื่อใน "หลักสัจจะธรรม" ได้มีโอกาสอ่านข้อมูลนี้ ก่อนเกิดสถานการณ์จริง - " หนุมาน ผู้นำสาร "
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ลุงคนเชียงใหม่ [​IMG]
    ลุงยังอยูที่จังหวัดหนองคาย ปฏิบัติธรรมอยู่ที่นี่สบายใจ
    หลังปีใหม่คงกลับขึ้นไปเชียงใหม่

    ********************************
    เล่าให้คุณเทพฟังคงไม่ได้เป็นแหล่งที่จะทำให้ร่ำรวยนะ
    ภาพชุมชนที่เกิดขึ้นใหม่ที่ออกแบบไว้นั้น
    ในเบื้องต้นคงป็นพื้นที่บนเขาไม่สูงมากที่มีพื้นที่
    ประมาณ 300ไร่ ต่อ 20ครอบครัว(ถ้าเขาอนุมัตินะหรืออาจะมากหรือน้อยกว่านี้นิดหน่อย)
    ก็หมายถึง ครอบครัวหนึ่งจะมีพื้นที่สำหรับทำกินและเป็นแหล่งสร้าง
    จุดสะสมอาหารไว้ในพื้นที่ประมาณ 15 ไร่ โดยไม่เข้าไปตัดทำลายนะ
    โดยพื้นฐานแล้วก็คงต้องแบ่งเป็น2 ช่วงเตรียมความพร้อมคือ

    ช่วงที่ 1 ในช่วงก่อตั้งต่างครอบครัวคงต้องมองหาอาชีพรายได้ที่จะมา
    จุนเจือสังขารก่อน และยังไม่เคลื่อนเข้าชุมชนอย่างเต็มเวลา แต่ต้องเข้า
    ไปเตรียมสรรพอาหาร สมุนไพร และอะไรๆจำนวนมากในพื้นที่
    ในระยะยาว คงเป็นลักษณะชุมชนวิถีพุทธ ที่ให้บริการท่องเที่ยว
    แก่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาฝึกปฏิบัติทางจิต ธรรมชาติ สปา
    และการผลิตสินค้าประเภทอาหารปลอดสารพิษ (ส่วนหนึ่งเตรียมไว้เพื่อเป็นอาหารสำรองสำหรับชุมชน)

    2.ในส่วนของการดูแลชุมชนน่าจะมีการจัดตั้งเป็นบริษัท(ในเมืองก่อน)ประกอบการต่างๆ ที่สามารถ
    ระดมความสามารถที่แท้จริง ลุงมีภาพชุมชนที่ขอยกตัวอย่างชุมชนในทะเลทรายของอินเดียที่เป็นบริษัท ผลิตSolf ware ที่เล็กแต่มีประสิทธิภาพระดับแนวหน้าของโลก
    แต่ที่ลุงสนใจคือ ชุมชนพึ่งตนเองของอิสราเอล ที่ผลิตอุปกรณ์ปีนเขา/อุปกรณ์ช่วยชีวิตชนิดพกพา
    ชุดอาหารแห้งแบบพกพาสำหรับทหาร ที่เก็บไว้ได้นานร่วม 2 ปี
    อุปกรณ์สำหรับcamping มีด สินค้าเน้นคุณภาพเกรดสูงผลิตในชุมชนทะเลทราย
    เป็นสินค้าหลัก และส่งออกไปทั่วโลก ทั้งหมดโดยอาศัยสมองในการออกแบบคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอย และ
    ผลิตเทคโนโลยีที่ไม่สูงมากนัก สามารถทำได้ในชุมชน และมีตลาดรองรับ และสามารถทำเป็นการค้าขายผ่านระบบอินเตอร์เนตได้
    มีสังเกตุนะว่าเป็นการผลิตสินค้าที่ยามเกิดภัยขึ้นมา สินค้านั้นเขาจะนำมาใช้ได้เองเลย
    ลุงคิดว่ามีจำนวนผู้ที่ ต้องการอุปกรณ์เหล่านี้จำนวนมาก สำหรับคนทั่วโลก
    สำหรับกลุ่มที่ยังไม่สามารถย้ายที่เข้ามาในพื้นที่ได้
    *********************************
    ซึ่งลุงเองคิดว่า ในแต่ละชุมชนย่อยต้องมาระดมสรรพกำลังจุดแข็งของแต่ละกลุ่ม
    ในการเตรียมความพร้อม เหมือนกับทั้ง 20ครอบครัวกลายเป็นหุ้นส่วนชีวิตกันก่อน
    ให้เกิดแนวทางที่ดีที่สุดของสมาชิกที่จะเข้าไปอยู่ในแต่ละกลุ่มบ้าน
    ในการระดมทุนเพื่อสร้าง/สะสม อุปกรณ์สาธารณูปโภค อาหาร และทุกอย่างเข้าชุมชน

    *****ลุงสนใจวิธีคิดของคุณสัปเหร่อนะ ซึ่งดีง่ายสำหรับคนที่มีกำลังทรัพย์เพียงพอ และสามารถทดแทนด้วยกำลังกายกำลังสมองของคนที่กำลังทรัพย์ยังไม่เพียงพอ สร้างเป็นบ้านที่สอง****

    สมาชิกมีได้ 2 ส่วนคือ กลุ่มที่1 ครอบครัวเคลื่อนมาอยู่เชียงใหม่(หรืออยู่ๆแล้ว)และ กลุ่มที่2 ครอบครัว/สมาชิกอยู่นอกพื้นที่ ในกลุ่มที่2 นั้นต้องเตรียมความพร้อมตัวเองมากขึ้นนะ ในการที่จะเดินทางที่จะเคลื่อนเข้าสู่บ้านหรือชุมชนภายใน 3-5 วันหลังมีสัญญานเตือนที่ชัดเจน (แต่ต้องพร้อมจริงๆ เพราะสัญญานเตือนคงเป็นแผ่นดินไหว ถนนจะพังหมด ต้องออกแบบวางแผนการเดินทางให้ดี ลุงเองเริ่มกลับมาใช้มอร์เตอไซย์วิบากและขับบ่อยๆให้คล่องมากขึ้น จักรยานวิบากที่ต้องปั่นระยะไกลๆพร้อมเครื่องหลัง และออกกำลังกายให้สามารถวิ่งเดินได้ต่อเนื่องกัน และซ้อมเดินจากบ้านของลุงปัจจุบันไปยังจุดพื้นที่ไว้แล้ว หลายครั้ง)

    รายละเอียดยังไงคงต้องมานั่งคุยกัน ตอนนี้ในกลุ่มของลุงมีทั้งหมด 7 ครอบครัว ประมาณ 27 คนที่กำลังเตรียมความพร้อมกันอยู่ คาดว่าชุมชนที่ 1 คงรับได้อีกประมาณ 10 -13 ครอบครัวตามแปลนที่วางไว้ครับ ซึ่งได้ดำเนินการไประยะหนึ่งแล้ว ในกลุ่มนี้มีอาชีพ เป็นแพทย์ วิศวกร ข้าราชการบำนาญ
    นักธุรกิจเล็กๆ อาจารย์ ไกด์นำเที่ยว และนักวิจัย 7 ครอบครัว ครับ
    ***********************************************
    สัญญานเตือน
    "ยามเมื่อคนก้มหน้าร้องไห้ทั้งแผ่นดิน จนสิ้นสุดเสียงร้อง
    วันต่อมาที่ท้องฟ้าสงบ ผู้คนเพิ่งตื่นจากหลับไหล
    เสียงดังก้องจากพื้นดิน สิ่งที่คนไม่ถวิลหา ก็มาทดแทน "

    ประโยคนี้ลุงไม่แน่ใจว่าอะไรนะ จากพระอาจารย์เปรยๆ
    แต่คิดว่าคงเป็นการสูญเสียคนสำคัญของแผ่นดิน
    หลังจากวันนั้นก็คงเริ่มอะไรต่อๆมากมาย

    ลุงเองไม่อยากเล่า เพราะภาพที่ลุงเห็น
    มันเกี่ยวข้องกับคำทำนายประเทศไทยไว้
    ที่ผ่านมา ลุงก็ไม่คิดว่ามันจะรุนแรงระดับนี้
    (ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยถึงนิมิตรของตนเองให้ใครฟัง
    เพราะกระทบกับ..รั้ว..วัง )
    *******************
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ลุงคนเชียงใหม่ [​IMG]
    "น้ำปิงจะกลายเป๋นสันดอย บ้านคนควันจะลอยอุ้ม คนหนุ่มจะกำมีดมาฆ่ากั๋น เป๋น100 วันบาตรแก่นน้อยก่อปะเต๋ม
    คนบ่าหันต๋ายจะก๋ายเป่นผีบ้า ป่าเฮ้วป่าช้าบะปอฝังผี คนดีจะมีในป่า คนใจ๋บาปหยาบจ้าจะไปฆ่ากั๋นในเวียง เมียบะนับผัว ผัวบะนับเมีย ลูกจะขุดเซาะหาป้อ หมองีบก่อบะได้นอน แฮ้งก๋าบินฮ่อนมืดเต๋มเวียง
    จ๋นวันตี้ฟ้ามีเสียงเหมือนโลกแตก ตี้เป่นดอยก็จะแยกเป๋นตี้เปียง คนตี้เปียงจะเสี้ยงตี้ยืน คนเป่นหมื่นจะปาต๋ายเกือบเสี้ยง เจ๊ามีเสียงดังเต๊าหมาตดคนก็กั๋ว ก้มหัวกราบขอบะหื้อต๋าย"

    แปลเผื่อคนที่ไม่ใช่คนเหนือ

    "แม่น้ำปิงจะหายกลายเป็นสันดอย(ภูเขา) บ้านคนจะมีควันลอยคลุมไปหมด(น่าจะควันจากไฟใหม้)
    คนวัยหนุ่มสาวจะมืออาวุธอกมาเข่นฆ่ากัน นานนับร้อยวันที่ที่แม้แต่บาตรที่เล็กที่สุดของพระก็ไม่เคยได้เข้าเต็มบาตร คนที่ไม่เห็นหรือรู้จักความตายจะเป็นบ้า(รับไม่ได้กับความตาย)ป่าช้าจะไม่มี ที่พอกลบฝังศพ คนดีมีอยู่ในป่า คนที่โลภทรัพย์สินหรือคนบาปจะเข้าไปฆ่ากันในเมือง(คงแย่งสมบัติกัน) ผัวเมียจะไม่ถือว่าเป็นผัวเมียกัน ลูกจะเที่ยวขุดพื้นดินหาพ่อของตัวเอง หมอรักษาโรคแทบจะไม่ได้นอน แร้งกาบินว่อนเต็มเมืองจนวันที่มีเสียงเหมือนฟ้าแตก ที่บนดอยจะทลายลงเป็นที่ราบ ที่ราบจะหายไปจนไม่มีที่ยืน คนนับหมื่นจะพากันตาย เช้าขึ้นมาผู้คนพากันกลัวจนหวาดผวา ได้ยินเสียงเท่าหมาตด ก็กลัวจนต้องก้มลงกราบขอชีวิต"

    เล่าเรื่องที่เหลือต่อกัน.................
    "บ้านคนจะมีควันลอยคลุมไปหมด(น่าจะควันจากไฟใหม้) คนวัยหนุ่มสาวจะมืออาวุธออกมาเข่นฆ่ากัน นานนับร้อยวันที่ที่แม้แต่บาตรที่เล็กที่สุดของพระก็ไม่เคยได้เข้าเต็มบาตร"

    ภาพของความจราจลหลังการเกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรง มากจนความเสียหายที่เกิดไม่มีคนมีกำลังมากพอที่จะไปช่วยกันดับไฟ หรือเกิดจากการปล้นสะดมเพื่อแย่งอาหาร เพราะประโยคต่อไป ตามด้วยเหตุการณ์ที่คนออกมาเข่นฆ่ากัน

    จนบรรยายเห็นภาพว่า แม้แต่พระสงฆ์องค์พระเจ้าทั้งหลายก็มีอาหารไม่พอฉัน นานร่วมร้อยวัน (น่าเป็นห่วงนะ สำหรับพระที่ไม่เคยปฏิบัติ เคร่งครัดแต่เรื่องธรรมวินัยไม่เคยฝึกจิตมีเป็นจำนวนมาก ยิ่งพระที่เป็นพระพุทธพานิชย์คงอดอาหารที่3-7วันฉัน 1มื้อ แต่พระสายพระป่าคงไม่ยากหรอก ใครที่ฝึกปฏิบัติกับพระอาจารย์ที่ระดับจิตสูงๆแล้ว ท่านมักจะแนะนำให้ฝึกถือศิลอดนะลองถามดูท่านจะยิ้มๆถึงเหตุผล** คงให้เตรียมตัวไว้**)
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เอาเรื่องเก่ามาเล่าอีกตามเคย<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->"ความคิด" เหมือนกระสุนสโลว์โมชั่นใน The Matrix ฝึกสติ ให้มองเห็นได้ไวให้ทัน ฝ่อก่อนจะมาถึงตัว
     
  15. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146

    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>เหยื่อทอร์นาโด240ลูก ถล่มสหรัฐพุ่ง45คน </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>สหรัฐยังอ่วม เหตุทอร์นาโด 240 ลูกถล่ม ยอดคนตายพุ่งกว่า 45 คน บางพื้นที่เสียหายหนักสุดรอบหลายสิบปี


    เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสหรัฐยังคงพยายามค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุทอร์นาโดพัดถล่มในรัฐนอร์ท แคโรไลนาในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 45 คน ในกว่า 10 รัฐของสหรัฐ ทั้งนี้ เฉพาะในรัฐนอร์ท แคโรไลนา มีพายุทอร์นาโดกว่า 60 ลูกพัดถล่ม มีผู้เสียชีวิต 21 คน ซึ่งสูงที่สุดในรัฐที่ถูกพายุพัดกระหน่ำ

    เบเวอร์ลี เปอร์ดู ผู้ว่าการรัฐ กล่าวกับเครือข่ายโทรทัศน์เอ็นบีซีว่า เธอไม่เคยเห็นความเสียหายรุนแรงอย่างนี้มาก่อน

    บ้านเรือนในรัฐถูกพายุพัดไม่ต่างจากบ้านกระดาษของตุ๊กตาเด็กเล่น อย่างไรก็ตาม เธอกล่าวว่า ข่าวดีก็คือว่า ทอร์นาได้เคลื่อนตัวไปแล้ว และหลายสิ่งหลายอย่างเริ่มดีขึ้นในรัฐนอร์ท แคโรไลนา และเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางกำลังเริ่มประเมินความเสียหาย

    ส่วนผู้เสียชีวิตจากพายุทอร์นาโด มีรายงานอยู่ในรัฐโอกลาโฮมา,อาร์คันซอส์ มิสซิสซีปปี อาลาบามา และเวอร์จิเนีย โดยทอร์นาโดลูกแรกเคลื่อนตัวเข้าถล่มรัฐโอกลาโฮมาก่อนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปทางตะวันออกกวาดทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า และบางพื้นที่ได้รับความเสียหายเลวร้ายที่สุดในรอบหลายสิบปี อย่างไรก็ตาม พายุก็ได้เคลื่อนตัวออกสู่มหาสมุทรแอตแลนติกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

    มีรายงานว่า มีพายุทอร์นาโตกว่า 240 ลูกในรอบ 3 วันที่ผ่านมา

    ซึ่งรวมทั้ง 62 ลูกที่พัดถล่มในรัฐนอร์ท แคโรไลนา แต่สำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติของสหรัฐ ระบุตัวเลขสุดท้ายว่า อาจต่ำกว่านี้ เพราะพายุทอร์นาโดบางลูกอาจมีการรายงานซ้ำมากกว่า 1 ครั้ง



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>[​IMG] ญี่ปุ่นขอไทยส่งหมอเด็กช่วยเหยื่อสึนามิ </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>รัฐบาลญี่ปุ่น ขอทางการไทยส่งทีมหมอเด็กร่วมรักษาเหยื่อสีนามิ-โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่จังหวัดฟุกูชิมะ


    เมื่อวันที่ 19 เม.ย. นพ.ธีรวุฒิ คูหะเปรมะ ผอ.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะอดีตนักเรียนแพทย์ญี่ปุ่น กล่าวว่า ทางรัฐบาลญี่ปุ่นได้ติดต่อผ่านสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ขอให้แพทย์ไทยไปร่วมรักษาผู้ป่วยในญี่ปุ่นที่ จ.ฟุกูชิมะ ที่โดนสึนามิถล่มและมีปัญหาโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ โดยไปทำงานร่วมกับทีมของมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ฟุกุชิมะ โดยแพทย์ที่ทางญี่ปุ่นต้องการคือต้องการกุมารแพทย์หรือหมอเด็กไปดูคนไข้เด็กตามเต็นท์ต่างๆ เกี่ยวกับโรคติดเชื้อ


    “ตอนนี้ทางญี่ปุ่นขอทีมแพทย์ไทยมา 2 ทีมไปอยู่ประมาณ 2 สัปดาห์ โดยทางญี่ปุ่นต้องการแพทย์ที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้ ซึ่งอาจจะยากหน่อยสำหรับแพทย์ที่รักษาโรคเด็กที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้ ซึ่งถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร โดยแพทย์ที่จะเดินทางไปนั้นใน 1 ทีมจะประกอบด้วยแพทย์ 1 คนและพยาบาล 1 คน ขณะนี้กำลังมีการประสานงานกันอยู่ คาดว่าสัปดาห์หน้าคงจะชัดเจน”นพ.ธีรวุฒิ กล่าว



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ชงขึ้นค่าไฟฟ้าห้างฯ-ราชการ </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>เพิ่มอีกหน่วยละ 10 สตางค์ ชดเชยนโยบายรัฐใช้ไฟฟรี

    นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือเรกูเลเตอร์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 27 เม.ย. นี้ จะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน พิจารณาหลักการของนโยบายใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือนฟรีถาวร

    โดยให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดใหญ่, ภาคราชการ, โรงแรม, ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่,

    ผู้ซื้อไฟฟ้าตรงจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และภาคเอกชนมาช่วยรับภาระร่วมกับรัฐบาลในการจ่ายค่าไฟเพิ่มเฉลี่ย 10 สต.ต่อหน่วยแทนผู้ที่ใช้ไฟฟ้าฟรีหรือมีมิเตอร์ขนาด 5 แอมแปร์ จำนวน 7.9 ล้านครัวเรือน วงเงิน 12,000 ล้านบาทต่อปี

    สำหรับนโยบายนี้ขอให้ประชาชนทั่วไปหรือครัวเรือนขนาดใหญ่ที่ใช้เกิน 90 หน่วยต่อเดือน สบายใจได้เพราะจะไม่กระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้าในกลุ่มที่อยู่อาศัยทุกประเภท และไม่กระทบต่อกิจการวิสาหกิจขนาดเล็กแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ใช้ไฟฟ้าไม่มากนัก

    “ในช่วงแรกเป็นการเตรียมพร้อม เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเวลาปรับตัว เรกูเลเตอร์ก็จะนำเงินที่เรียกเก็บคืนจากทั้ง 3 การไฟฟ้า คือ กฟผ., การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ที่ไม่มีการลงทุนตามแผนในช่วงที่ผ่านมา คาดว่าจะมีเงิน 9,000 ล้านบาท มาจ่ายไปก่อนแล้วหลังจากนั้นจึงจะมีการเก็บเพิ่มในลักษณะขั้น
    บันได”

    ส่วนค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (ค่าเอฟที)งวดใหม่ที่จะเรียกเก็บในรอบบิลเดือน พ.ค.-ส.ค.นี้ มีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มขึ้น ตามต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติ

    ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักผลิตไฟฟ้า รวมถึงเงินบาทที่อ่อนค่าลง แต่ขณะนี้ยังไม่มีการส่งสัญญาณจากทางการเมืองว่าให้มีการตรึงค่าเอฟทีงวดใหม่ แม้จะใกล้การเลือกตั้งก็ตาม ซึ่งหากนโยบายสั่งให้ตรึง ก็คงต้องมาดูรายละเอียดว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่ถ้าดูจากทั้ง 3 ปัจจัยคือ ราคาเชื้อเพลิง อัตราแลกเปลี่ยนและปริมาณการใช้ไฟที่ลดลงก็หวังว่าค่าเอฟทีจะปรับขึ้นไม่มากนัก

    นางพัลภา เรืองรอง กรรมการเรกูเลเตอร์ กล่าวว่า

    หลังจากรับฟังความคิดเห็นเรื่องหลักเกณฑ์การกำหนดโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าของประเทศไทยที่จะใช้ในช่วงปี 54-58 แล้ว จะสรุปเพื่อจัดทำโครงสร้างค่าไฟใหม่หลังจากใช้โครงสร้างค่าไฟเดิมมาแล้ว 6 ปี ก่อนเสนอต่อที่ประชุม กพช. ในวันที่ 27 เม.ย.นี้ ซึ่งคาดว่าจะประกาศใช้ได้ในเดือน ก.ค.นี้ โดยโครงสร้างค่าไฟใหม่จะประกอบด้วย ค่าไฟฟ้าฐานและค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) เหมือนเดิม แต่จะมีการแยกให้ชัดเจนว่า ต้นทุนการผลิตของแต่ละโรงไฟฟ้า ต้นทุนสายส่ง และอื่น ๆ เป็นอย่างไร ในขณะที่ค่าไฟฟ้าเอฟทีจะเหลือเฉพาะค่าเชื้อเพลิงเท่านั้น

    “โครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่ไม่ได้ทำให้ค่าไฟเปลี่ยน เพราะเป็นการเปลี่ยนภายในเพื่อแยกต้นทุนให้เห็นชัดเจน โดยปัจจุบันค่าไฟฟ้าฐานอยู่ที่ประมาณ 2.46 บาทต่อหน่วย ส่วนค่าไฟฟ้าเอฟทีอยู่ที่ 0.86 บาทต่อหน่วย เมื่อประกาศใช้โครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่แล้ว ค่าไฟฟ้าเอฟทีจะเป็นศูนย์ แต่ในส่วนค่าไฟฟ้าฐาน จะปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งโครงสร้างใหม่จะประกาศใช้ 5 ปี และจะมีการปรับปรุงในช่วง 2 ปีแรก”.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2011
  16. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    ฮือฮา! พบซาก มนุษย์ต่างดาว นอนตายที่รัสเซีย
    Mthai news: เว็บไซต์ข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ที่กองหิมะ แคว้นอีร์คุตสค์ ทางตอนใต้ของไซบีเรีย ประเทศรัสเซีย มีผู้พบซากของมนุษย์ต่างดาว หรือเอเลี่ยน นอนตายในสภาพขาข้างขวาขาด ร่างกายผอมแห้ง มีรูโหว่ที่ปากและจมูก ซึ่งการพบครั้งนี้สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมาก จนกระทั่งได้รับความนิยมในเว็บไซต์ยูทูป
    ชาวบ้านส่วนหนึ่งเชื่อว่า มนุษย์ต่างดาว อาจจะถูกทิ้งจากพวกมนุษย์ต่างดาวตัวอื่นเพราะเกิดอุบัติเหตุ จากยานของพวกมัน รวมทั้งบริเวณนี้ เป็นจุดที่มักจะพบสัญญาณลึกลับในทุกๆปี
    อย่างไรก็ตาม นายอิกอร์ โมโลวิค ผู้อัพโหลดวิดิโอมนุษย์ต่างดาวนี้ ระบุว่า แทบไม่เชื่อสายตาในสิ่งที่เห็น มันอาจถูกพวกของมันทิ้ง หรือลืมทิ้งไว้ จนกระทั่งมันตายในพื้นโลก
    <EMBED height=349 type=application/x-shockwave-flash width=425 src=http://www.youtube-nocookie.com/v/n16Iwgzm0Nw?fs=1&hl=th_TH allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always">
    อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีผู้ชมกว่า 2 ล้านวิว ภายในไม่กี่วันก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า วีดิโอนี้จัดทำขึ้นโดยมนุษย์นี่เอง ไม่ใช่ร่างเอเลี่ยน อย่างแท้จริง อีกทั้ง จากการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ ก็ไม่พบอากาศยานบินในพื้นที่ดังกล่าว และไม่พบร่องรอยอุบัติเหตุอากาศยานบินตก จึงขาดความน่าเชื่อถือ

    [​IMG]
    20 เม.ย. 54 รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อช่วงกลางดึกของคืนวันที่18 เม.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ได้รับแจ้งจากนายสุชาติ โพธาพิวัฒน์ อายุ 45 ปี พ่อค้าขายโจ๊ก ว่ามีชายคนหนึ่งนำรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ มาจอดแลกกับโจ๊ก เนื่องจากไม่มีเงินจ่ายค่าอาหาร
    ซึ่งจากการเดินทางไปตรวจสอบของเจ้าหน้าที่บริเวณหน้าร้านโจ๊ก ที่ตั้งอยู่บริเวณซอยประชาราษฎ์บำเพ็ญ 6/2 ถ.ประชาราษฏ์บำเพ็ญ แขวง และเขตห้วยขวาง กทม. ก็พบว่ามีรถยนต์ยี่ห้อดังกล่าวจอดอยู่จริง เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้ตรวจสอบ
    และจากการสอบถามนายสุชาติ ก็ได้ความว่า หลังจากที่ตนเปิดร้านขายโจ๊กตามปกตินั้นจู่ๆ ก็มีชายอายุประมาณ40-45 ปี ขับรถยี่ห้อดังมากินโจ๊กจากนั้นเมื่อถึงเวลาจ่ายตัง ชายลึกลับกลับบอกว่าไม่มีเงิน และจะขอชำระค่าโจ๊ก 300บาท เป็นรถปอร์เช่แทน จากนั้นเขาก็ได้ขึ้นรถแท๊กซี่หนีไปทันที
    “ตนรออยู่นานก็ไม่ปรากฎว่ามีใครมารับรถคืนจึงตัดสินใจแจ้งให้ตำรวจ สน.ห้วยขวาง มาตรวจยึดรถเพื่อเช็คประวัติและรักษารถไว้” นายสุชาติ กล่าว
    อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 18.00 น.ของวานนี้ (19 เม.ย.) นายธภัทร สุดอำพันธร เจ้าของบริษัทจักรสินสตีล ทำธุรกิจค้าเหล็ก ย่านบุคคโล ก็ได้เดินทางมาติดต่อขอรับรถคืนแล้ว โดยนายธภัทร เผยว่า ชายที่นำรถไปจอดนั้นเป็นพี่ชายของตน ที่มีนิสัยชอบทำบุญ จึงคิดว่าเขาน่าจะนำรถไปจ่ายเป็นค่าอาหารแทนนั่นเอง
    Mthai News
    <LI class=news_src_item>[​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2011
  17. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    ดันทุรัง – แม่ลูกจันทร์….(ใครเคยว่าใคร.....ขายชาติ?)
    หลังจาก​ถลุง​เงิน​กองทุนน้ำมัน​ที่​เก็บ​จาก​คนใช้​น้ำมันเบน​ซิน​เอา​ไป​ตรึง​ราคา​น้ำมัน​ดีเซล​ไป​แล้ว​กว่า​สอง​หมื่น​ล้าน​บาท​ภายใน​เวลา​ไม่​กี่​เดือนทำให้​กองทุน​น้ำมัน​เหลือ​เงิน​ชดเชย​ส่วน​ต่าง​น้ำมันดีเซล​อีก​ไม่​ถึง 10 วัน หรือ​ไม่​ถึง​สิ้น​เดือน​เมษายน!! พูด​กัน​ตรงๆคือ กองทุน​น้ำมัน​หมดตูด​นั่นแหละ​โยม
    ฝ่าย​ต่างๆ ทั้ง​สภา​หอการค้า นัก​วิชาการ และ​สื่อมวลชน ได้​ออก​มา​เตือนสติ​รัฐบาล​ว่า ไม่​ควร​ดันทุรัง​อุ้มน้ำ​มัน​ดีเซล​ไม่​เกิน​ลิตร​ละ 30 บาท​ต่อ​ไป เพราะ​นอกจาก​กองทุน​น้ำมัน​จะ​ถูก “อภิสิทธิ์” ถลุง​จน​หมดตูด ผล​จาก​นโยบาย​บิดเบือน​ราคา​พลังงาน​ของ​รัฐบาล ยัง​ทิ้ง​ภาระ​หนี้​ให้​กองทุน​น้ำมัน​แบก​เอา​ไว้​อี​กก้อน​โต เช่น หนี้​จ่าย​ชดเชย​ตรึง​ราคา​ก๊าซ​เอ็น​จี​วี​อีก 4,000 ล้าน​บาท หนี้​จ่าย​ชดเชย​ตรึง​ราคา​แก๊ส​แอล​พี​จี​อีก 8,800 ล้าน​บาท กลาย​เป็น​ดินพอกหางหมู​โต​ขึ้น ​โต​ขึ้น​ทุกทีๆ
    “แม่​ลูก​จันทร์” คิด​ว่า​เมื่อ​รัฐบาล​ถลุง​เงิน​กองทุน​น้ำมัน​จน​เหี้ยน​เต้​แล้ว
    “นายกฯ​อภิสิทธิ์” จะ​ทยอย​ปรับ​ราคา​น้ำมันดีเซล​ขายปลีก​ให้​สะท้อน​กับ​ราคา​ต้นทุน​ที่แท้​จริง
    แต่ “แม่​ลูก​จันทร์” คาด​ผิด​จัง​เบอร์
    เพราะ “นายกฯ​อภิสิทธิ์” ยัง​ดันทุรัง​จะ​ตรึง​ราคา​น้ำมันดีเซล​เพื่อ​ประโยชน์​ทางการ​เมือง​ต่อ​ไป ไม่​ว่า​ราคา​น้ำมัน​ตลาด​โลก​จะ​แพง​หูฉี่​ขนาด​ไหน ราคา​น้ำมันดีเซล​ใน​เมือง​ไทย​ต้อง​ไม่​เกิน​ลิตร​ละ 30 บาท​อย่าง​เดิม
    เพราะ​กลัว​ว่า​ถ้า​ปล่อย​ให้​ราคา​น้ำมันดีเซล​ปรับ​ขึ้น​จะ​กระทบ​ต่อ​คะแนนเสียง​เลือกตั้ง​ของ​รัฐบาล ล่า​สุด นายกฯ​อภิสิทธิ์ ได้​ตัดสินใจ​ครั้ง​สำคัญ ด้วย​การ​ยกเลิก​เก็บ​ภาษี​สรรพสามิต​น้ำมันดีเซล (ลิตร​ละ 5.30 บาท) และ​ภาษี​มูลค่า​เพิ่ม (ลิตร​ละ 40 สตางค์) ไป​จนถึง​สิ้น​เดือน​กันยายน
    การ​ยกเว้น​ภาษี​สรรพสามิต​และ​ภาษี​มูลค่า​เพิ่ม​จะ​ทำให้​ราคา​น้ำมันดีเซล​ลด​ลง​ลิตร​ละ 5.70 บาท​ทันที เท่ากับ​ลด​ภาระ​กองทุน​น้ำมัน​ที่​ปัจจุบัน​จ่าย​ชดเชย​น้ำมันดีเซล​ลิตร​ละ 6.40 บาท เหลือ​ต้อง​จ่าย​ชดเชย​เพียง​ลิตร​ละ 70 สตางค์ แต่​จะ​ทำให้​ราย​ได้​จาก​ภาษี​สรรพสามิต​ ที่​เก็บ​จาก​น้ำมันดีเซล​ต้อง​หาย​ไป​เป็น​เงิน 44,000 ล้าน​บาท​ทีเดียว
    แน่นอน การ​ที่​รัฐบาล​ยอม​เสีย​ราย​ได้​หลาย​หมื่น​ล้าน​บาท​เพื่อ​ตรึง​ราคา​น้ำมันดีเซล​เพื่อ​คะแนนเสียง​ทางการ​เมือง ทำให้​คน​ที่​ใช้​น้ำมันดีเซล​ถูกกว่า​ราคา​จริง​ถึง​ลิตร​ละ 6.40 บาท ได้​ประโยชน์​ไป​เต็มๆ
    แต่​คน​ที่​ใช้​รถยนต์​น้ำมันเบนซิน และ​คน​ขี่​รถมอเตอร์ไซค์​ที่​ถูก​มัดมือชก​เก็บ​เงิน​เข้า​กองทุน​น้ำมัน​ไป​อุ้ม​คนใช้​น้ำมันดีเซล ​ย่อม​ไม่​พอใจ​นโยบาย​เลือก​ปฏิบัติ​ของ​รัฐบาล
    ข้อ​สำคัญ...การ​ที่​รัฐบาล​ไม่​เก็บ​ภาษี​น้ำมันดีเซล​ ใน​ขณะ​ที่​รัฐบาล​ยัง​ขูดรีด​เก็บ​ภาษี​น้ำมันเบนซิน​เท่า​เดิม ทำให้​คนใช้​น้ำมันเบนซิน​ต้อง​ซื้อ​น้ำมัน​ใน​ราคา​แพง​กว่า​ต้นทุน โดย​รัฐบาล​ไม่​คิด​จะ​ช่วยเหลือ​อะไร​เลย
    “แม่​ลูก​จันทร์” เห็น​ว่า​นโยบาย​อย่าง​นี้​ไม่​เป็น​ธรรม

    อนึ่ง...การ​ที่​รัฐบาล​ตัดสินใจ​ไม่​เก็บ​ภาษี​น้ำมันดีเซล ซึ่ง​จะ​ทำให้​กระทรวง​การคลัง​ขาด​ราย​ได้​ก้อน​โต ต้อง​เกิด​ผล​กระทบ​ต่อ​งบประมาณ​รายจ่าย​ของ​รัฐบาล​อย่าง​แน่นอน ถาม​ว่า รัฐบาล​จะ​แก้​ปัญหา​นี้​อย่างไร??
    “แม่​ลูก​จันทร์” ตอบ​ว่า รัฐบาล​อภิสิทธิ์​จะ​ใช้​นโยบาย​ขาย​หุ้น​รัฐบาล
    ล่า​สุด​ที่​ประชุม ครม. ​เห็น​ชอบ​ให้​ขาย​หุ้น​รัฐวิสาหกิจใน​ตลาด​หลัก​ทรัพย์ฯ​ที่​รัฐบาล​ถือ​เกิน 70 เปอร์เซ็นต์ เช่น​ หุ้น ปตท. หุ้น​การ​บิน​ไทย หุ้น อ​สม​ท หุ้น​แบงก์​กรุง​ไทย ฯลฯ คาด​ว่า​จะ​ปั๊ม​เงิน​เข้า​คลัง​ได้​อีก​ก้อน​โต
    หุ้น​พวก​นี้​รัฐบาล​เก่าๆ เขา​สะสม​ไว้​เป็น​สมบัติ​ของ​แผ่นดิน
    ใคร​คิด​จะ​เอา​สมบัติ​แผ่นดิน​มา​ขาย​กิน แสดง​ว่า​หมด​ปัญญา​หาเงิน."แม่ลูกจันทร์"
    ไทยรัฐออนไลน์
     
  18. rehacked

    rehacked เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,191
    ค่าพลัง:
    +8,013

    260 ลูก ทำไมมันมากมายอย่างนี้
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    นิมิตเห็นแผ่นดินไหว,ตึกถล่ม,และน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่กรุงเทพฯ

    [​IMG]

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->อริยะบุญ<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4604487", true); </SCRIPT> สมาชิก

    “ พ่อ มันจะเกิดขึ้นจริงครับ เราเหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียว ในการแจ้งเตือน “<O:p</O:p
    “ ตุ้ย เห็นอะไรบ้างครับ เล่ามาให้หมดเลยลูก“<O:p</O:p
    “ ภาพที่ดวงแก้วแสดงให้ตุ้ยดู คือ แผ่นดินสั่นสะเทือน ตึกสูงๆพังระเนระนาด แล้วก็น้ำท่วม ฝนตกทั้งวันทั้งคืน “<O:p</O:p
    “ มันเป็นไงครับ “<O:p</O:p
    “มันเหมือนภาพที่ตุ้ยเห็นวันก่อนนั่นและพ่อ น้ำเยอะมาก พ่อตรงที่เขาขายเกลือ จังหวัดอะไรนะ ตรงนั้นเป็นทะเลไปเลย “<O:p</O:p
    “ หรือลูก “<O:p</O:p
    “ พ่อๆ พ่อต้องบอกคนที่เขาอยู่ที่นั่นนะครับ ให้ออกมาจากที่นั่น ไม่งั้นตายกันหมด ตุ้ยเห็นคนตายจากน้ำท่วมเยอะมาก”<O:p</O:p
    “ เรามีเวลาแค่เดือนเดียวจริงๆลูก หากตุ้ยยืนยันเช่นนี้”<O:p</O:p
    “พ่อ มันเป็นวันพฤหัสบดีนะ จากนั้นมันก็เกิดไปเรื่อยๆ ไม่ใช่เกิดขึ้นวันเดียวแล้วจบนะพ่อ “

    19-04-2011, 02:29 AM

    ที่มา อนาคตังสญาณ เพื่อการแจ้งเตือนภัยพิบัติในประเทศไทย - หน้า 3 ...

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->k_isara<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1576369", true); </SCRIPT> สมาชิก

    16 ก.ย. 51<O:p</O:p
    เรื่องเล่าจากภาพ(นิมิต) การทะเลาะวิวาท ผู้นำจากคนนอกที่เก่งด้านการเงิน แผ่นดินไหว <O:p</O:pหลังจากความวุ่นวายผ่านไป จะได้ผู้นำที่เป็นคนนอกจากสายการเงิน แล้วแผ่นดินไหวจะตามมา...

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->paang<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_580462", true); </SCRIPT> ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด (แป้ง)

    ดร.กัญจีรา กาญจนเกศ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ ประธานชมรมวิถีธรรม-วิถีไท ผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้พลังจิตและคลื่นพิเศษสร้างกระแสทำนายพิบัติภัย กล่าวถึงกรณีที่วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.) เข้าตรวจสอบอาคารแฟลตดินแดง 1-8 และ 21-32 ด้วยสายตา แล้วระบุว่าสภาพอาคารทั้ง 20 หลังยังสามารถซ่อมแซมได้โดยไม่จำเป็นต้องทุบทิ้งว่า ตนเคยเตือนแล้วว่าภายใน 3-6 เดือนข้างหน้า ประเทศไทยจะเกิดแผ่นดินแยกและทรุดในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ จะมีตึกสูงถล่มและจะเห็นภาพแฟลตดินแดงถล่มทรุดลงมากองกับพื้นดิน และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก จึงอยากเตือนให้หน่วยงานราชการเตรียมรับกับภัยธรรมชาติที่อาจจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และการเคหะแห่งชาติต้องมีบทบาทอย่างจริงจัง

    23-05-2007, 03:09 AM

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->สัปเหร่อ<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_580495", true); </SCRIPT> สมาชิก

    มีท่านหนึ่งปฏิบัติธรรมแล้วสื่อจิตกับมนุษย์ต่างดาว เขาหลับตาเอาปากกาขีดเป็นเส้นอย่างรวดเร็ว ได้ภาพมากมาย เช่น ภาพรูปมนุษย์ต่างดาวที่สื่อจิตด้วย ภาพตึกเวิล์ดเทรดถล่ม (ก่อนถล่มจริง) ภาพตึกไบหยกถล่ม

    ที่ยังไม่เกิดก็มี "ตึกไบหยกถล่ม" และ "อุกาบาตชนโลก" ได้เห็นภาพและเรื่องราวผ่านกัลยาณมิตรบางท่าน เลยลองโพสดู<!-- google_ad_section_end -->

    23-05-2007, 03:41 AM

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ตุ๊กตาแก้ว<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_581522", true); </SCRIPT> ทีมงานเว็บพลังจิต

    เมื่อคืนนอนท่อง พุท-โธ ก่อนหลับ มีอยู่ช่วงหนึ่งเห็นเป็นภาพตึกสูงถล่ม ดูแล้วคิดว่าน่าจะอยู่ในกรุงเทพฯ แต่เนื่องจากเป็นคนที่ไม่เคยจำหน้าตาตีกว่าชื่ออะไร อยู่แถวไหน เลยไม่รู้ว่ามันคือตึกอะไร แต่ที่เห็นคิดว่าไม่ใช่ลักษณะของแฟลตนะ เป็นตึกสูงชะลูด...

    หรือว่าจะใกล้แล้ว...<!-- google_ad_section_end -->

    24-05-2007, 06:40 AM

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->marine24<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4604152", true); </SCRIPT> สมาชิก

    เท่าที่รู้ฝ่ายรัฐทราบ แต่ไม่กล้าทำแบบเป็นทางการ เพราะกลัวจะถูกหาว่าเป็นกระต่ายตื่นตูม ผมได้ทราบมาจากพระที่เพชรบูรณ์ว่า ฝ่ายกวาดล้าง เขาลั่นกลองรบแล้ว และอีกท่านหนึ่ง (ฆราวาส) บอก พ.ค.54 เป็นต้นไป ภัยพิบัติต่างๆ จะเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้พระหลายสาย หลายท่าน บอกคล้ายกันว่า เขาไม่เลื่อนอีกต่อไป แล้ว ให้พวกเราเตรียมตัวรับสถานการณ์ให้ดี เร่งทำความเพียรปฏิบัติธรรม สร้างความดีให้มาก ผมเตรียมการความพร้อมทั้งทางธรรม และทางโลก<!-- google_ad_section_end -->

    19-04-2011, 12:15 AM

    ที่มา http://palungjit.org

    ข่าวสารจากจิตจักรวาล

    จากการสื่อสารรับข้อมูลจาก 'จิตจักรวาล' ของอาจารย์ปริญญา ตันสกุล ที่ได้รับบอกกล่าวกันไว้ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2552 ผ่านทางรายการสำนึกรักแผ่นดิน โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่องสุวรรณภูมิ เวลา 18.00 - 20.00 น.

    อาจารย์ปริญญาได้บอกถึงหายนะทางธรรมชาติไว้ล่วงหน้า เป็นการเตือนให้มนุษย์ตระหนัก และสร้างจิตสำนึกที่ถูกต้องดีงามกันใหม่ จึงนำมาเสนอไว้

    ค.ศ. 2012 ( พ.ศ. 2555) กรุงเทพฯ ธนบุรีน้ำท่วมหนัก - พายุใหญ่ถล่มกรุง - คอนโดใหญ่ และตึกสูงพัง ถล่มสะพานแขวนขาด เพราะพายุ และฟ้าผ่า จะมีผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่ง

    ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558) ไทย-พม่า-อินเดีย-ศรีลังกา จะประสบภัยร้ายแรงระดับที่ต้องเขียนแผนที่โลกกันใหม่ แผ่นดินส่วนหนึ่งจะจมหายไปในทะเล จะมีผู้ประสบภัยไร้ที่อยู่ที่กิน-เสียชีวิตรวมกัน 3.23 ล้านคน / คนไทย 1.2 แสนคน เหตุการณ์นี้จะทำให้ด้ามขวานของไทยหักจมทะเล ตรงประมาณหลัก กม.ที่ 346 จาก กทม. ไปตามถนนเพชรเกษม ทำให้ทะเลเชื่อมต่อกันสองด้าน เป็นระยะห่างประมาณ 1,823 เมตร ในส่วนที่หักจมทะเลหายไป

    โพสต์ข้อความโดยคุณ ประมวล รุจนเสรี วันที่ 23/8/2009

    ที่มา http://www.naewna.com

    หมายเหตุ

    นิมิตภาพแผ่นดินไหว ตึกถล่ม และน้ำท่วมใหญ่ใน กทม.ในตอนนี้มีผู้ที่เห็นในนิมิตแบ่งออกเป็นสองกระแส คือฝ่ายหนึ่งบอกว่าจะเกิดในปี 2554 อีกฝ่ายบอกว่าจะเกิดในปี 2555 แต่ภาพที่เห็นในนิมิตนั้นตรงกันทุกอย่าง แล้วอย่างนี้จะเชื่อใครดีล่ะ ในความคิดเห็นส่วนตัวของผมแล้ว ควรเตรียมพร้อมเอาไว้ด้วยความไม่ประมาทเป็นดีที่สุดครับ

    คอยสังเกตุพฤติกรรมของสัตว์ต่างๆ ที่อยู่รอบๆตัวท่านเอาไว้ให้ดีเถอะครับ ไม่ว่าจะเป็น มด แมลง กบ เขียด นก หนู เป็ด ไก่ สุนัข แมว เพราะสัตว์พวกนี้จะมีสัญชาตญาณของการเอาชีวิตรอด ถ้าสัตว์พวกนี้เริ่มมีพฤติกรรมแปลกไปจากปกติ ในช่วงใกล้ๆเวลาที่มีการทำนายว่าจะมีแผ่นดินไหว ก็ควรรีบอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัยได้เลยครับ ใครจะว่าเราเป็นพวกกระต่ายตื่นตูมก็ช่างเขาเถอะครับ เพราะชีวิตและความปลอดภัยของตัวเราและคนที่เรารัก ย่อมจะสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดใช่ไหมครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2011
  20. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909

แชร์หน้านี้

Loading...