กัญชา มีอะไรมากกว่ายาเสพติด

เมื่อผมเด็กๆผมจำได้ว่าที่บ้านผมซึ่งเป็นร้านขายของเบ็ดเตล็ดอยู่ที่ตำบลบ้านเหนือ จังหวัดกาญจนบุรีนั้นมีกัญชาขายด้วย ดูเหมือนจะเป็นมัดเล็ก ๆ ใส่อยู่ในปีบ มัดละ 2-3 สตางค์ มีคนมาซื้อบ้างนาน ๆ ครั้ง
พ่อบอกว่าตาล้วนซึ่งมีนิวาสสถานอยู่หลังบ้านแกสูบกัญชา แกเป็นคนขี้ขโมย ขโมยดะตั้งแต่ของเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปจนปลาที่พ่อผมไปลงแหลงอวนไว้ที่แม่น้ำ ตลอดจนขโมยเอาทั้งเบ็ดและตะครัดที่ลงไว้ แกก็เอาไป พ่อบอกว่าสูบกัญชาไม่ดี ทำให้ขาดความรับผิดชอบชั่วดี และเกียจคร้านทำการทำงาน ต่อมามีกฎหมายห้ามเสพ ห้ามมีไว้ในครอบครอง ซื้อขาย และปลูกกัญชา บ้านผมก็เลยไม่ได้ขายกัญชาอีก
ผมมาเห็นกัญชาอีกทีก็ตอนไปออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ที่ต่างจังหวัด อุดรธานี ตอนนั้นประมาณ พ.ศ. 2511-2512 กำลังอยู่ในช่วงสงครามเวียดนาม มีทหารอเมริกันเกลื่อนจังหวัดอุดรธานี และหลังสถานีอนามัยที่ผมทำงานก็มีต้นกัญชา จะขึ้นเองหรือมีใครไปปลูกก็ไม่ทราบ
คนครัวเคยเอามาใส่แกงให้กิน กล่าวกันว่าทำให้แกงอร่อย ผมนั้นไม่รู้หรอกว่าแกงใส่กัญชา เมื่อกินแล้วจึงมีคนมาบอกว่าแกงใส่กัญชา สำหรับผมเองผมไม่รู้สึกว่าแกงอร่อยผิดปกติไปจากทุกวันที่กิน เพราะผมกินอะไรก็อร่อยไปทั้งนั้น ผมกินแล้วก็ไม่รู้สึกผิดปกติอะไร แต่มีพยาบาลคนหนึ่งที่กินเข้าไปเหมือนกันมีอาการพิกล ซึ่งผมเคยเห็นเป็นครั้งแรก กล่าวคือ แกมีอาการหัวเราะสลับกับร้องไห้ ถามว่าเป็นอะไร แกก็บอกว่าบอกไม่ถูก บางทีก็หัวเราะทั้งน้ำตาอย่างไม่มีเหตุผล คนแถวนั้นบอกว่าเป็นอาการของการเมากัญชา

คุณหมอนิยม เกตุจำรัส ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุดรธานี พาผมไปดูหนังในเมือง มีคนสูบบุหรี่ในโรงหนังกันมาก ขณะนั้นยังไม่มีการห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ คุณหมอนิยมบอกว่า “มันสูบกัญชากัน” แกได้กลิ่นและรู้ ผมนั้นพยายามดมเท่าไรก็ไม่รู้ อย่างหนึ่งเพราะเป็นคนไม่สูบบุหรี่ จึงแยกไม่ออกว่ากลิ่นบุหรี่กับกัญชาต่างกันอย่างไร ขณะนั้นกัญชาหาได้ง่ายมากในเมืองอุดรฯ
ผมมาเขียนเรื่องกัญชาเพราะไปอ่านเจอบทความเกี่ยวกับกัญชาในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ฉบับวันที่ 4 เมษายน 2538 ภายใต้หัวเรื่องกัญชายาเสพติดหรือพืชสารพัดประโยชน์ คุณอดัม ออสเวลล์ เป็นผู้รายงานในหนังสือพิมพ์นั้นบอกว่า กัญชาเป็นพืชต้องห้าม เพราะถือเป็นสิ่งเสพติดให้โทษเช่นเดียวกับฝิ่น โคเคน เฮโรอีน และอื่น ๆ มาประมาณ 50 กว่าปีแล้ว

กัญชาเป็นพืชประเภทป่านและปอ ซึ่งมีเส้นใยเหนียวมากและครั้งหนึ่งเคยเป็นพืชสำคัญทางการเกษตร เมื่อครั้งกัญชายังเป็นพืชที่ถูกกฎหมายนั้น ในอเมริกาเองสามารถใช้กัญชาชำระภาษีได้!
สารออกฤทธิ์ของกัญชาอยู่ที่ใบและช่อดอก ชื่อเททรา ฮัยตรา คานาบานอล หรือที.เอช.ซี.เป็นสารออกฤทธิ์ทางจิตและประสาท กล่าวกันว่าพระนางเจ้าวิคทอเรียแห่งประเทศอังกฤษ ทรงเคยใช้สารสกัดจากกัญชารักษาพระอาการปวดก่อนมีประจำเดือน นอกนั้นสารสกัดยังใช้เป็นยารักษาโรคอีกหลายอย่าง เมื่อเร็ว ๆ นี้ผมอ่านพบในหนังสืออะไรลืมไปแล้วว่าสารสกัดจากกัญชาใช้บรรเทาอาการผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ซึ่งทั้งดีและถูก
ในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์กล่าวว่า ก่อนจะมีการห้ามปลูกกัญชานั้น ต้นกัญชาสามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางการค้ากว่าห้าพันชนิด นี่คือไม่มีการห้ามและใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ด้วย คงจะค้นพบประโยชน์ของกัญชาไม่รู้ว่ามากมายอีกเท่าไร

การเสพกัญชาเพื่อผ่อนคลายอารมณ์นั้นเริ่มมาจากอินเดียเมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว การเสพกัญชาลุก-ลามมาทางตะวันออกกลางและแอฟริกา และต่อมาก็ข้ามมาทางอเมริกาโดยเส้นทางการค้า สมัยนั้น มีการปลูกกัญชากันทั่วไปในอเมริกา และคนสูบกัญชาก็ถูกมองว่าเป็นคนแปลกและไม่น่าไว้ใจ
ใน พ.ศ. 2457 รัฐบาลซัสก็ออกกฎหมายห้ามเสพกัญชา มีหลายคนกล่าวว่ากฎหมายห้ามเสพกัญชาที่ออกใน พ.ศ. 2476 เป็นการแก้เกี้ยวกรณีที่เกิดภาวะทางสังคม และศีลธรรมเสื่อมโทรม บางคนก็กล่าวว่าเป็นเรื่องทางการเมือง เพราะถ้าปล่อยให้ปลูกกัญชากันมาก เส้นใยจากกัญชาจะทำให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจที่น่ากลัว

เดี๋ยวนี้มีการผสมพันธุ์กัญชา ชนิดที่ไม่มีสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท และแม้แต่พันธ์ที่ไม่มีสารออกฤทธิ์นี้ก็ยังมีกฎหมายห้ามไม่ให้ปลูก ในเกือบทุกประเทศในโลก เป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่เราวาดภาพกัญชาเสียน่ากลัวจนมองข้ามสิ่งดี ๆ ที่ได้จากต้นกัญชา

อเมริกาเป็นประเทศที่มีการพัฒนาเรื่องปิโตรเคมี และคู่แข่งเส้นใยที่ทำจากปิโตรเคมี คือเส้นใยที่ได้จากต้นกัญชา ในอเมริกานั้นกิจการอุตสาหกรรมมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับการเมือง เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงอเมริกาก็ประกาศสงครามทำลายล้างกัญชา กะกันว่า จะให้สูญพันธุ์ไปเลยทีเดียว ไร่กัญชาหลายหมื่นหลายพันไร่ถูกเผาทำลายเรียบ นอกจากนั้นสหประชาชาติยังประกาศนโยบายที่จะให้ภาคีสมาชิก ทุกประเทศออกกฎหมายห้ามมี ห้ามครอบครอง ห้ามเสพกัญชา ทุกวันนี้ประเทศที่ได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ จะต้องมีแผนปราบปรามกัญชาอย่างเบ็ดเสร็จ
เส้นใยจากกัญชาร้อยละ 80 เป็นเซลลูโลสซึ่งย่อยสลายได้ง่าย ไม่เกิดพิษภัย ลำต้นสามารถใช้ทำกระดาษสังเคราะห์ได้ดีกว่ากระดาษที่ทำจากไม้ยืนต้น

ทุกวันนี้บริษัททำกระดาษของญี่ปุ่นและอเมริกา ทำลายป่าไม้ปีละกว่าห้าหมื่นตารางกิโลเมตร กัญชาซึ่งเป็นพืชที่มีวงชีวิตเพียง 120 วัน สามารถที่จะปลูกได้ 10 ตันต่อพื้นที่ 1 เอเคอร์ (1 เอเคอร์ = 2 ไร่) ภายในเวลา 4 เดือน ปลูกได้เร็วกว่าฝ้าย 4 เท่า ได้น้ำหนักมากกว่าฝ้าย 3 เท่า กัญชาไม่ต้องใส่ปุ๋ย ไม่ต้องใช้สารพิษฆ่าแมลง นอกจากนั้นยังเพิ่มคุณภาพของดิน เพราะรากของกัญชา หยั่งลงไปลึก เมื่อตัดต้นกัญชาแล้ว รากก็ยังยึดดิน กันการกัดกร่อนของหน้าดินได้ดี จากสถาบันวิจัยของสหรัฐอเมริกาพบว่ากัญชาสามารถปลูกและนำมาทำกระดาษได้มากเป็น 4 เท่าของการทำไม้ยืนต้น
นอกจากนี้การทำกระดาษจากต้นกัญชาไม่ต้องใช้คลอรีนเหมือนการทำจากไม้ ซึ่งทำให้เกิดสารไดออกซิน นอกจากนั้นเส้นใยของต้นกัญชาใช้ทำกระดาษได้ดีกว่าไม้มาก

การทำอุตสาหกรรมปลูกต้นกัญชาดีอีกอย่างที่ใช้แรงงานเป็นหลัก ไม่ใช้ใช้เงินทุนเป็นหลัก ดังนั้นเหมาะสำหรับประเทศกสิกรรมเป็นอย่างยิ่ง ลำต้นใช้ทำกระดาษและเส้นใย ส่วนใบใช้เลี้ยงสัตว์ได้ นอก-จากนั้นส่วนเหลือจากการทำเส้นใย นำมาผสมกับปูนขาวและน้ำ จะได้วัสดุที่เบาและแข็ง ทนทานกว่าซีเดมนต์ สารชนิดนี้นักโบราณคดีเชื่อว่าในสมัยโบราณใช้สร้างวัสดุต่าง ๆ เมื่อสามพันปีก่อน
คริสตกาลราคาเยื่อไม้ที่ได้จากต้นกัญชา ถ้าเป็นอย่างคุณภาพต่ำก็ตกราคาตันละ 1 หมื่นบาท ถ้าคุณภาพสูง มีราคาตันละ 37,000 บาท เมื่อเทียบกับเยื่อไม้ราคาตันละ 1,500 บาท แล้วต้นกัญชาน่าจะปลูกมากกว่ามาก
ในที่ดินว่างเปล่าที่มีอยู่มากมายในโลก ชาวบ้านที่ยังยากจนและปรารถนาจะได้พืชทำเงิน น่าจะได้หันมาปลูก ราคาที่ว่านี้คงจะไม่เป็นราคาที่ตรงตามความจริงนัก เพราะเมื่อมีการปลูกมากขึ้นราคาน่าจะถูกลง ถึงจะถูกลงอย่างไรก็ยังดีอยู่นั่นเอง เพราะเพียงแค่ทดแทนการใช้เยื่อกระดาษที่ทำจากการตัดต้นไม้ทำลายป่าก็คุ้มแสนคุ้มแล้ว
กล่าวกันว่า กางเกงยีนลีวายที่ลือชื่อ กระดาษที่ใช้พิมพ์คัมภีร์ไบเบิล หรือแม้แต่ธงชาติอเมริกันเอง แต่เดิมก็ทำจากป่านที่ได้มาจากต้นกัญชา

ผมเข้าใจว่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ของเราที่มีอยู่หลายแห่งมีข้องมูลของผลงานวิจัยของต้นกัญชาที่ไม่มีสารเสพติดเพื่อนำมาใช้เป็นประโยชน์ทางอุตสาหกรรมและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็ไม่ควรมองข้ามการสกัดสารออกฤทธิ์ที่อาจนำมาใช้รักษาโรค หรืออาการของโรคต่าง ๆ ในราคาถูก
เมื่อเรามีข้อมูลเพียงพอก็อาจมีการผลักดันให้มีการอนุญาตให้ปลูกพืชชนิดที่ไม่มีสารออกฤทธิ์อันตรายต่อคนเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมดังกล่าว ปัญหาอาจอยู่ที่ความยากลำบากในการแยกพืชที่มีสารออกฤทธิ์และพืชที่ไม่มีสารออกฤทธิ์ เพราะอาจมีบุคคลปลูกพืชต้องห้ามลงไปในแปลงเดียวกันและเก็บเกี่ยวไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย

ถ้าเราสามารถควบคุมเรื่องนี้ได้ กัญชาก็อาจเป็นพืชสารพัดประโยชน์ ไม่เพียงผ่อนคลายความยากจนของเกษตรกรเท่านั้น ยังช่วยส่งเสริมผลผลิตทางอุตสาหกรรมที่ลดมลภาวะ อันกำลังเป็นตัวสำคัญในการทำลายมนุษยชาติในอนาคตอีกด้วย

ที่มา กัญชา มีอะไรมากกว่ายาเสพติด | ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน

 

ข้อเสียร้ายแรงกว่า ข้อดีนะผมว่า

 

อย่าว่าแต่ กัญชาเลย กระท่อม นิ ยังห้ามเลย

 

ผมเข้าใจว่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ของเราที่มีอยู่หลายแห่งมีข้องมูลของผลงานวิจัยของต้นกัญชาที่ไม่มีสารเสพติดเพื่อนำมาใช้เป็นประโยชน์ทางอุตสาหกรรมและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็ไม่ควรมองข้ามการสกัดสารออกฤทธิ์ที่อาจนำมาใช้รักษาโรค หรืออาการของโรคต่าง ๆ ในราคาถูก
เมื่อเรามีข้อมูลเพียงพอก็อาจมีการผลักดันให้มีการอนุญาตให้ปลูกพืชชนิดที่ไม่มีสารออกฤทธิ์อันตรายต่อคนเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมดังกล่าว ปัญหาอาจอยู่ที่ความยากลำบากในการแยกพืชที่มีสารออกฤทธิ์และพืชที่ไม่มีสารออกฤทธิ์ เพราะอาจมีบุคคลปลูกพืชต้องห้ามลงไปในแปลงเดียวกันและเก็บเกี่ยวไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย

^
^
^
ตรงจุดนี้ ยังเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก
คนคิดคิดไว้ดี แต่ที่เหลือก็อยู่ที่คนเอาไปใช้ด้วย
มาตรการป้องกันมีไว้ให้ฝ่าฝืน (คนบางส่วนเขาว่าอย่างนั้น)
เห็นมาตรการดีๆ ไปไม่ตลอดรอดฝั่งมาแล้วหลายเรื่อง

 

คนครัวเคยเอามาใส่แกงให้กิน กล่าวกันว่าทำให้แกงอร่อย ผมนั้นไม่รู้หรอกว่าแกงใส่กัญชา เมื่อกินแล้วจึงมีคนมาบอกว่าแกงใส่กัญชา สำหรับผมเองผมไม่รู้สึกว่าแกงอร่อยผิดปกติไปจากทุกวันที่กิน เพราะผมกินอะไรก็อร่อยไปทั้งนั้น ผมกินแล้วก็ไม่รู้สึกผิดปกติอะไร แต่มีพยาบาลคนหนึ่งที่กินเข้าไปเหมือนกันมีอาการพิกล ซึ่งผมเคยเห็นเป็นครั้งแรก กล่าวคือ แกมีอาการหัวเราะสลับกับร้องไห้ ถามว่าเป็นอะไร แกก็บอกว่าบอกไม่ถูก บางทีก็หัวเราะทั้งน้ำตาอย่างไม่มีเหตุผล คนแถวนั้นบอกว่าเป็นอาการของการเมากัญชา
^
^
^
เคยทานแต่ก๋วยเตี๋ยวเรือใส่กัญชาอยู่ระยะหนึ่ง ตอนทานไม่รู้ มีคนมาบอกทีหลัง
รู้แต่ว่าอร่อย แต่มักจะมีอาการคอแห้ง และหิวน้ำมาก
หัวเราะไม่มีเหตุผลนี่ ไม่เคยเป็นนะ อาจเป็นเพราะหัวเราะง่ายอยู่แล้ว

 

ไม่

สมองส่วนความจํา
อารมณ์
ประสาทการรับรู้

เป็นตัวช้วยสร้างสมาธิได้ดี สําหลับผู้ที่ยังไม่สามารถสร้างสมาธิให้ตนเองได้

เเต่ก็จําต้องเเรกกันกับสุขภาพ ที่เสียไป
<table width="880" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td width="540">
Home > English > Cures against Cancer </td> <td width="340" align="right"> <form action="http://www.google.com/cse" id="cse-search-box"> <input name="cx" value="005352688021101714280:gn9snvugrw0" type="hidden"> <input name="ie" value="UTF-8" type="hidden"> <input style="border: 1px solid rgb(126, 157, 185); padding: 2px; background: url(&quot;<a href=&quot repeat scroll 0% 0% transparent;" http:="" www.google.com="" cse="" intl="" en="" images="" google_custom_search_watermark.gif&quot;="" target="_blank">http://www.google.com/cse/intl/en/images/google_custom_search_watermark.gif") no-repeat scroll left center rgb(255, 255, 255);" name="q" size="31" type="text"> <input name="sa" value="Search" type="submit">
<input value="www.galacticchannelings.com/english/cures_against_cancer.html" name="siteurl" type="hidden"></form> </td> </tr> </tbody></table>
Cures against Cancer

Contrary to what most people think, being diagnosed with cancer is not the end of the world. There are several cures against it, which work very well and have no side effects. Unfortunately, these cures have been held back from the public by the illuminati, the powerful elite who own the pharmaceutical industry. They make billions off of diseases like cancer. As they also control most of the mainstream media, barely anything is ever written about these cures. Instead, unsuccessful and dangerous "cures" like chemotherapy and radiation are promoted.

Many people reject the idea of an evil elite secretly running the world. To them, we can only say: study this matter yourself. There's tons of material available on the web. Read it, compare it and draw your own conclusions. When you stand in your own power, you can judge so much better what treatment to choose.

Here are a couple of videos and links that we think everyone who is confronted with cancer, owes it to himself - and his loved ones - to look into.

The first one is a story told by a young boy, about how the pharmaceutical industry really works and how they did everything to discredit good cures for cancer, like the Gerson therapy.
สารจากกัญชาปราบมะเร็งสมอง ได้เป็นมะเร็งชนิดก้าวร้าวรุนแรงที่สุด


แบ่งปัน
คณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยคอมปลูเทนส์ ของสเปนได้แจ้งในวารสาการแพทย์ การวิจัยโรคมะเร็ง ว่า ได้พบจากการทดลองในหนู ว่าสารสกัดจากกัญชา มีสรรพคุณรักษาโรคมะเร็งสมองชนิดร้ายแรง โดยมันได้ออกฤทธิ์ช่วยสกัด ไม่ให้เลือดไปหล่อเลี้ยงมะเร็งได้ รายงานยังได้กล่าวว่า สารนั้นส่อท่าว่า อาจจะใช้รักษาคนได้ผลได้เช่นกัน
มะเร็งของสมองแบบที่ทดลองรักษาด้วยสารจากกัญชา เป็นมะเร็งสมองแบบที่เป็นกันมาก และเป็นแบบที่รักษายาก มันสามารถจะหลบหลีกการรักษา ไม่ว่าจะด้วยการฉายแสง เคมีบำบัดและแม้แต่การผ่าตัดไปได้
ดร.มานวล กุซมน์ ผู้เป็นหัวหน้าคณะ จึงได้ความคิดที่จะทดลองใช้สาร จากกัญชามาลองรักษาดูบ้าง เพราะเคยได้รับทราบผลจากการวิจัยที่แล้วมาว่า สารจากกัญชาสามารถสกัดไม่มีเส้นเลือดงอกไปเลี้ยงมะเร็งในหนูได้ แต่ยังไม่เคยรู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร และจะเป็นผลกับคนหรือไม่.
Related Posts by Categories


"The Beautiful Truth"<table width="95%" align="center" border="0" cellpadding="10" cellspacing="2"><tbody><tr><td colspan="2" height="2"><table width="100%" border="0" cellpadding="2" cellspacing="0"><tbody><tr><td width="84%">ข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจในตำบล ของ กลุ่มสตรีสหกรณ์บ้านข้างน้ำ</td> <td width="16%">
</td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> <tr valign="top"> <td width="38%" align="center" height="175">







</td> <td width="62%" height="175"> ผลิตภัณฑ์ ผ้าฝ้ายทอมือ,ผ้าใยกัญชา

รายละเอียดผลิตภัณฑ์
เนื้อผ้าคุณภาพดี ทอด้วยมือ มีสีสันสวยงาม มีหลายแบบหลายลายให้เลือก


วัตถุดิบที่ใช้
ผ้าฝ้าย ใยกัญชา ด้าย สี

กระบวนการผลิต
นำผ้ามาทำบาติกกรณีผ้าใยกัญชา และเพ้นท์สีกรณีผ้าฝ้ายจากนั้นนำมาปักลายตามแบบ และเย็บเป็นผ้าถุงและเสื้อ

การใช้/ประโยชน์
ไว้สำหรับตัดชุดสุภาพบุรุษและชุดสุภาพสตรี

สถานที่จำหน่าย
กลุ่มสตรีสหกรณ์บ้านข้างน้ำ
เลขที่ 146 หมู่7 ต.ลวงเหนือ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ 50220
ติดต่อ : คุณศรีพรรณ ไทยวงศ์
โทร 053) 495862 ,(01) 922-8458






สินค้า/บริการ >> ผลิตภัณฑ์ชาวเขา >> กระเป๋าผ้าชาวเขาผ้าใยกัญชาแต่งด้วย Pom Pom HB 201

<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr valign="top"><td style="padding-right: 20px;"><table class="ProductPictureBorder" width="150" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" height="150"><tbody><tr><td></td></tr></tbody></table>

​

​

<table class="ProductPictureBorder" width="150" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" height="150"><tbody><tr><td></td></tr></tbody></table>

​

<table class="ProductPictureBorder" width="150" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" height="150"><tbody><tr><td></td></tr></tbody></table>

​

<table class="ProductPictureBorder" width="150" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" height="150"><tbody><tr><td></td></tr></tbody></table>

​

<table class="ProductPictureBorder" width="150" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" height="150"><tbody><tr><td></td></tr></tbody></table>

​

</td><td>กระเป๋าผ้าชาวเขาผ้าใยกัญชาแต่งด้วย Pom Pom HB 201


รหัสสินค้า: 000209
ราคา 0.00 บาท
รายละเอียด: กระเป๋าผ้าชาวเขาผ้าใยกัญชาแต่งด้วย Pom Pom HB 201
กว้าง 15 " in Wide ,
สูง 4 "
ก้นกระเป๋า 9 "
สายหนังปรับได้ 40"

เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง:

<nobr>21/01/2554 (update 21/01/2554)</nobr>
</td></tr></tbody></table>
</td></tr></tbody></table>

 

ฝึกสมาธิให้ถึงระดับสูงไปเลยแล้วก็จะสามารถควบคุมมอารมณ์ได้ดั่งใจ จะกล้าก็ได้โดยไม่ต้องเมา จะฮามากขนาดไหนก็ได้โดยที่ไม่ต้องดูดกัญชา แต่ว่าไม่มีผลเสียตามมานะ
อย่าไปยุ่งดีที่สุดพวกกัญชาหรือว่ายาเสพติดอะไรก็ตาม

 

ไม่รู้เจ้าของกระทู้เพิ่งไปอ่านข้อความในนี้มาหรือเปล่านะครับ

Cures against Cancer

แต่ถ้าไม่ใช่ ก็น่าจะเรียกว่าปรากฏการณ์ Synchronicity แล้วหละ
เพราะว่ามันเป็น "ความบังเอิญที่เหลือเชื่อ" ที่มันเกิดขึ้นพร้อมกัน
และสอดรับกันพอดี

ผมเองก็เพิ่งอ่านข้อความในลิงค์ดังกล่าวนั้นมาเมื่อ สัปดาห์ที่แล้วนี่เอง
อ่านแล้วก็อึ้ง และทึ่งครับ เพราะมันทำให้เราย้อนกลับมาคิดใหม่ว่า

สิ่งที่เราถูกสื่อมวลชน ข่าวสาร รัฐบาล และฟรั่งโดยเฉพาะ USA บอกมา
หรือยัดเยียด หรือปลูกฝังให้เชื่อมา มันเป็นความจริงทั้งหมดแน่หรือ?

หรือว่ามันมีอะไรแอบแฝงอยู่เบื้องหน้า-เบื้องหลัง ที่เราไม่อาจมองเห็นอยู่?

เพราะข้อมูลเกี่ยวกับกัญชาที่ผมเพิ่งอ่านมานั้น มันน่าอัศจรรย์มาก
เพราะเขาบอกว่ากัญชานี้แหละ ส่วนต่างๆของมัน เป็นยารักษาสารพัดโรคเลยหละ
โดยเฉพาะมะเร็ง จนมีนายคนหนึ่งเขาออกมาประกาศว่า

ถ้าใครหาข้อมูลมาแย้งเขาได้ว่า ผลการรักษาทางการแพทย์ของกัญชา
ไม่เป็นอย่างที่เขาค้นคว้าและศึกษาไว้จริง เขาจะจ่ายให้ 100,000 USD ทันที

และประกอบกับซีกโลกทางตะวันตก เขามีกลุ่มเคลื่อนไหวเรียกร้องให้รัฐบาล
ยอมเปิดช่องทางทางกฎหมาย ให้ประชาชนสามารถปลูกและใช้กัญชาเพื่อการรักษาโรคได้อยู่
และดูเหมือนว่าออสเตรเลียกำลังมีความคืบหน้าเรื่องนี้อยู่ด้วยนะครับ

กัญชากับการรักษาโรคมะเร็งนี้ ฟรั่งกลุ่มที่เขาศึกษา และทดลอง และเห็นผลกันมาแล้ว
ด้านการรักษาโรคมะเร็งทุกชนิดนั้น เขาออกมายืนยันกันเหลือเกิน นับร้อย นับพันคน

และดูเหมือนว่าวงการทางการแพทย์ และเภสัชกรรม ก็จะรู้เรื่องนี้กันด้วยนะ
แต่ก็ต้องปกปิดไว้ หรือเลี้ยงไข้ไว้ เพราะไม่งั้นพวกเขาจะไปทำมาหากินอะไร
ถ้าทุกคนสุขภาพดีทั้งหมด

เกี่ยวกับเรื่องนี้ มีฟรั่งนางหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งในวงการเภสัชกรรม
ก็ได้ออกมาบอกข้อมูลลับว่า วงการนี้มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
และยังบอกอีกว่า อย่าหวังว่าข้อมูลที่พวกเราถูกบอกเล่ามา, ถูกประโคมข่าวให้ค่อยๆเชื่อมา
และถูกปลูกฝังให้ค่อยๆยอมรับนับถือ เอาผลงานวิจัยด้านการแพทย์ทั้งหลายมาใช้นั้น
มันจะเป็นความจริงทั้งหมด เขาบอกว่ามันมีธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยทั้งนั้นแหละ

...ไม่มีใครอยากให้ทุกคนหายป่วยจริงๆหรอก..ไม่งั้นจะไปทำมาหากินอะไรกัน..

ธุรกิจด้านการแพทย์มูลค่ามหาศาลจะทำอย่างไร ถ้าทุกคนแค่ปลูกกัญชาไว้หลังบ้าน
เวลาป่วยมาก็ไปเด็ดใบ เด็ดดอกมันมาทำยากินง่ายๆ เท่านั้นเอง พวกเขาก็เจ๊งกันหมดหนะสิ..

ถ้าใครสนใจก็แวะเข้าไปดูก็ได้นะครับ และถ้าหากว่าผมพอจะมีเวลาอยู่บ้าง
ผมก็อาจจะคัดมาแปล และเผยแพร่ให้ท่านได้อ่านด้วยก็ได้นะครับ แต่ยังไม่แน่ครับ

แถมอีกนิดนะครับ คือ สรุปว่า เขาบอกว่า

- กัญชานี้แหละ รักษาโรคมะเร็งทุกชนิดได้ชะงัดนัก บางกรณี หายภายใน 21 วันด้วยซ้ำ
โดยการแค่กิน "hem oil" หรือสารสกัดจากกัญชาแบบเข้มข้น (เขาสอนวิธีทำไว้ให้ด้วยนะ)
เพียงครั้งละเท่าหัวไม้ขีดไฟเท่านั้นเอง

- กัญชาเป็นยาอายุวัฒนะสำหรับมนุษย์ทุกๆคน โดยวิธีการกิน เช่นเดียวกัน

- การกินกัญชา ไม่มีผลต่อการติดด้านร่างกายแต่ประการใด แต่ด้านจิตใจก็อาจจะมี
อันนี้ไม่ชัวร์ว่าเขาหมายถึง โดยการสูบด้วยหรือเปล่านะครับ แต่น่าจะใช่

- กัญชาไม่มีผลร้ายต่อปอดอย่างที่เข้าใจกัน และถูกปลูกฝังให้เชื่อกันมา ร่วม 2 ช่วงอายุคนนี้เลย

- สารสกัดจากกัญชานี่แหละ คือตัวยาบำรุงผิวชั้นเลิศที่สุดเลยหละ หน้าเด้งได้โดยไม่ต้องผ่านมือหมด

- แผลทุกชนิด หายได้ไวมากเมื่อทาด้วยสารสกัดจากกัญชา

- รูปธรรมชีวิตต่างมิติ ก็เคยเอ่ยถึงประโยชน์ของการใช้กัญชา ที่มีต่อการฝึกจิตด้วยนะครับ

- สภาวะของการได้รับสารที่มีอยู่ในกัญชาเข้าไปในปริมาณที่พอเหมาะ มันจะเป็นสภาวะแห่งความเบิกบาน
มันเป็นสภาวะที่เปิดการใช้งานของสมองซีกขวา ซึ่งเป็นซีกที่เกี่ยวข้องกับความดีงามทั้งหลายของมนุษย์
มันเป็นซีกที่เกี่ยวข้องกับการหยั่งรู้ จินตนาการ และความรักความเมตตา มันเกี่ยวข้องกับการรับรู้แบบหลากมิติ

เขาบอกว่า นั่นแหละคือสภาวะที่มนุษย์ทุกคนควรจะมีกัน หมายถึงการใช้สมองซีกขวานำซีกซ้ายหนะนะครับ
ไม่ใช่ใช้สมองซีกซ้ายนำซีกขวา เหมือนกับพวกเราส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ ที่กำลังเป็นกันอยู่ในขณะนี้

สมองซีกซ้ายมันเกี่ยวข้องกับ การคิดแบบตักกะ การหาเหตุและผล การใช้ภาษา การแบ่งแยก
การจดจ่ออยู่กับอดีต และอนาคต (ไม่ใช่จดจ่ออยู่กับปัจจุบันขณะเหมือนซีกขวา)
และมันก็เป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับ "การยึดมั่นถือมั่นในอัตตาตัวตน" (ego) ด้วย


อะไรประมาณนั้นครับ
.................................................

 

เป็นพืชที่ขึ้นง่ายมากทนแล้งโตเร็ว น่าปรับปรุงพันธุ์ให้เป็นพืชเศรษฐกิจนะ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเส้นใย เมื่อไม่มีสารออกฤทธิ์ทางประสาท มันก็เหมือนต้นปอทั่วไป ส่วนเรื่องเป็นยารักษาโรคเรารู้กันมาแต่โบราณแล้ว แต่เชื่อว่าไม่ผ่านด่าน อ.ย.กับ ปปส.แน่นอน

 

แต่ผมว่า มันจะดีหรือไม่ดี นั้น ขึ้นอยู่กะตัวบุคคล ที่จะนำมันไปใช้น่ะครับกัญชาอ่ะครับ ถ้าคนดีๆ เขาก็ไม่นำไปสูบกันหรอกก็อาจจะนำไปใช้ ทางเศรษฐกิจ อย่างที่กล่าวมาใช้ทางการแพทย์ ส่วนคนที่ไม่ดีนั้นก็เอาไปสูบ กัน อัดใส่บ้องไม้ไผ่พันลำ สูบกัน เพื่อความมัวเมา ผมว่า มันอยู่กับเรื่องที่นำไปใช้มากกว่า อยุ่ที่ตัวคนๆ นั้น

 

ทำจากใยกัญชงหรือเปล่าคะ?
เห็นเขาว่า กัญชงกับกัญชาต่างกันนะ แต่จะต่างยังไงบ้าง ต้องลองหาข้อมูลอ่านกันดู

เมื่อก่อนเคยได้อ่านผ่านตาอยู่ แต่ไม่ค่อยได้สนใจ

 

กัญชงไม่ใช่กัญชา ครม.หนุนขุมทองตัวไทยใหม่..สู่ตลาดโลก

วันที่ 22 กันยายน 2552 สศช.ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ได้เสนอให้ที่ประชุม ครม. รับทราบผลการศึกษาวิจัยและขอความเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการปลูก เฮมพ์ หรือกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจบนพื้นที่สูง..ทั้งนี้ สศช.ได้ชี้แจงถึง ผลการศึกษาวิจัยและขอความเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการปลูกเฮมพ์ หรือกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจบนพื้นที่สูง พ.ศ. 2552-2556 โดยมอบให้ สศช.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข มูลนิธิโครงการหลวง สถาบัน วิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ฯลฯ จัดทำแผนปฏิบัติ การการส่งเสริมการปลูกเฮมพ์ เป็นพืชเศรษฐกิจบนพื้นที่สูง และแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อเป็นกลไกสนับสนุนการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมาย สำหรับยุทธศาสตร์ดังกล่าว มีข้อเสนอ 4 ด้านหลัก ได้แก่ 1. ศึกษาวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพ พัฒนาแปรรูปเส้นใยเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า 2. ส่งเสริมการปลูกและการสร้างมูลค่าเพิ่ม 3. สร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่ผลิตเฮมพ์เชิงเศรษฐกิจ และ 4. มีกลไกบริหารจัดการ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเฮมพ์เป็นพืชเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ผลการศึกษาวิจัยสรุปว่าเฮมพ์เป็นพืชที่สร้างรายได้ให้ เกษตรกรหลายประเทศนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ ต่างๆ เช่น สิ่งทอ อาหาร เฟอร์นิเจอร์ ผลิตภัณฑ์ บำรุงสุขภาพ เครื่องสำอาง เป็นต้น แต่ไทยยังถือว่าเป็นพืชเสพติดหวงห้ามประเภท 5 เช่นเดียวกับกัญชา ห้ามผู้ใดผลิต จำหน่าย นำเข้า ส่งออก หรือครอบครองผลิตภัณฑ์จากใยกัญชง กัญชง ตามกฎหมายจัดเป็นพืชเสพติด ประเภทที่ 5 จำพวกเดียวกับกัญชา ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 แม้จะมีลักษณะคล้ายกันเพราะเกิดจากพืชชนิดเดียวกัน แต่การนำไปใช้งานหรือใช้ประโยชน์นั้นแตกต่างกันสิ้นเชิง

กัญชา คือ พืชเสพติด ส่วน กัญชง คือ พืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่กำลังได้รับความนิยม กัญชงและกัญชา มีชื่อทางพฤกษศาสตร์เดียวกันคือ Cannabis sativa L. เพราะมีต้นกำเนิดมาจากพืชชนิดเดียวกัน ลักษณะภายนอกชองพืชทั้งสองชนิดนั้นมีความแตกต่างกันน้อยมากจนยากที่จะจำแนก แต่จากการที่พืชทั้งสองชนิดนี้มีการใช้ประโยชน์มาเป็นระยะยาวนาน จึงทำให้มีการคัดเลือกพันธุ์เพื่อให้ได้สายพันธุ์ที่มีคุณสมบัติดีและเหมาะ สมที่สุดตรงตามวัตถุประสงค์ของการใช้ประโยชน์จึงมีความแตกต่างกันชัดเจนมาก ขึ้นระหว่างต้นกัญชาที่เป็นยาเสพติดและกัญชงที่ใช้เป็นพืชเส้นใยในปัจจุบัน กัญชง-กัญชา เป็นพืชเดิมที่ขึ้นอยู่ในเขตอบอุ่นของทวีปเอเซีย สันนิษฐานว่ามีการกระจายพันธุ์เป็นบริเวณกว้างอยู่ทางตอนกลางของทวีป ได้แก่พื้นที่ทางตอนใต้ของแคว้นไซบีเรีย ประเทศเปอร์เซียทางตอนเหนือของประเทศอินเดียบริเวณแคว้นแคชเมียร์ เชิงเขาหิมาลัย และประเทศจีน เป็นพืชที่ได้รับการบันทึกไว้ในเอกสารเก่าหลายเล่มว่ามีการปลูกใช้ประโยชน์ เป็นพืชเส้นใยและปลูกเป็นพืชเสพติดมาแต่ดึกดำบรรพ์ประโยชน์จากเส้นใยของกัญชง เส้นใยกัญชาเป็นเส้นใยที่มีคุณภาพสูง มีความยืดหยุ่น แข็งแรง และทนทานสูงสามารถใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์จากเส้นใยได้กว่า 5,000 ชนิด อย่างไรก็ตามตลาดหลักของเส้นใยกัญชงในปัจจุบันนี้มีอยู่ 2 ตลาดใหญ่คือ ใช้เป็นวัตุดิบในการผลิตเส้นใยใช้ในการทำเสื้อผ้าและทำเยื่อกระดาษ ถึงแม้ว่าเส้นใยกัญชงจะทำให้ผ้ามีรอยย่นหรือเกิดรอยยับได้ง่าย แต่ลักษณะของเส้นใยของเส้นใยที่สามารถลอกออกเป็นชั้นๆคล้ายหัวหอมแต่เป็นใย ยาว สามารถนำมาพัฒนาผลิตเป้นผ้าที่บางได้เท่าที่ต้องการและยังสามารถซักด้วย เครื่องซักผ้าได้ โครงสร้างของเส้นใยทำให้ผ้าที่ได้สวมใส่เย็นสบายในฤดูร้อน อบอุ่นและสบายในฤดูหนาว และคุณสมบัติของเส้นใยที่แข็งแรงกว่าผ้าฝ้ายทำให้ดูดซับความชื้นได้ดีกว่า ไนลอน อบอุ่นกว่าลินิน ทำให้มีความเบาสวมใส่สบาย ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้เส้นใยกัญชงเริ่มเข้ามาเป็นคู่แข่งที่สำคัญในตลาดเส้นใย ธรรมชาติและจะทวีความสำคัญมากยิ่งขึ้นอีกในอนาคต แต่ยังไม่มีปริมาณเพียงพอกับความต้องการของตลาดโลก

“กัญชง”ที่ไม่ใช่“กัญชา”ของชาวม้ง ในประเทศไทย กัญชง เป็นพืชพื้นบ้านของม้ง เรียกในภาษาม้งว่า “หมั้ง” หรือ “ม่าง” มีสัมพันธ์กับวิถีชิวิตชาวม้ง อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่เกิดจนตาย กล่าวกันว่า “ถ้าไม่มี “หมั้ง” ก็ไม่ใช่ม้ง” ตามความเชื่อของม้ง เชื่อว่า “เทพเจ้า หรือ เย่อโซ๊ะ (Yawm Saub )” เป็นผู้สร้างโลก สร้างมนุษย์ และได้ประทานพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ มาให้มนุษย์ได้ใช้ หมั้ง ( กัญชง) ก็เป็นพันธุ์พืชชนิดหนึ่งที่ได้ประทานมาให้มนุษย์ได้ใช้ทำเป็นเครื่องนุ่ม ห่ม ใช้สอย และใช้ในพิธีกรรมต่างๆ ชาวม้งปลูกต้นกัญชง เพื่อที่จะลอกเปลือก แล้วนำเส้นใยมาต่อกันเป็นเส้น เพื่อใช้เป็นเส้นด้าย และเส้นเชือก เปลือกหรือเส้นใยที่ยังไม่แปรรูป จะใช้เป็นเชือกผูกมัดสิ่งของต่างๆ รวมทั้งใช้เป็นเชือกของหน้าไม้ด้วย นอกจากนี้ยังใช้ในพิธีกรรมต่างๆ และใช้เป็นรองเท้าของคนตายเพื่อเดินทางไปสวรรค์ ส่วนเส้นใยกัญชงที่ผ่านการฟอกแล้ว จะเป็นด้ายสายสิญจ์ ในพิธีกรรมต่างๆ ตลอดจนใช้ทอผ้า ทำเครื่องนุ่งห่ม ที่สำคัญคือ ในพิธีอัวเน้งหรือพิธีเข้าทรง ซึ่งเป็นงานประเพณีสำคัญของชาวม้ง จะใช้เส้นใยกัญชงทำเป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างมนุษย์และเทพ

นางชี แซ่ลี วัย ๕๐ ปี ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาและวัฒนธรรมม้ง เล่าว่า “ฉันใส่ผ้ากัญชงมาทั้งชีวิต มันเย็นดี ไม่ชอบใส่ผ้าฝ้ายและไม่เคยคิดจะทอผ้าไหม” เธอหยิบผ้าใยกัญชงลวดลายสวยงามให้ดู และบอกว่า "ผืนนี้ฉันจะนำไปถวายในโครงการศิลปาชีพ เมื่อก่อนฉันนำไปถวายสมเด็จย่าทุกปี" "ตอนผู้ว่าราชการต้องการส่งเสริมการ ท่องเที่ยวของจังหวัด ท่านถามว่าหมู่บ้านเรามีอะไรบ้าง เราใช้ผ้ากัญชงนี้แหละจนกลายเป็นสินค้า ๑ ผลิตภัณฑ์ ๑ ตำบล" "เมื่อไม่กี่วันก่อน เขามาจับตัวผัวของลูกสาวฉันไป เขาบอกว่ามันเป็นสิ่งเสพติด" นายเยะ แซ่ย่าง ลูกเขยนางชี ปลูกต้นกัญชง ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร อำเภอขุนตาล จังหวัดเชียงรายจับ ข้อหา “ปลูกกัญชา หรือ ผลิตพืชเสพติด” กัญชงของชาวม้ง กลายเป็นกัญชาในสายตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยืนยันว่าเป็นกัญชาแน่นอน เพราะได้ข่าวมานานแล้ว และปลายเดือนตุลาคม ๒๕๔๗ ได้ตัดต้นกัญชาไปพิสูจน์เนื้อเยื่อดูสารเสพติด และให้ตำรวจเฝ้าไว้ตลอดเวลา เพื่อป้องกันการทำลายหลักฐานเมื่อผลพิสูจน์จากกองวิทยาการตำรวจภูธรจังหวัด เชียงรายออกมาแน่ชัดว่าเป็นกัญชา จึงสนธิกำลังบุกทลายพร้อมผู้สื่อข่าวเพื่อเสนอข่าวในหนังสือพิมพ์ โดยตัดฟันถอนทิ้ง นำต้นกัญชาทั้งหมดมาชั่งดูน้ำหนักประมาณ ๓๑๐ กิโลกรัม จึงแยกออกประมาณ ๒๐ กิโลกรัม เพื่อเก็บไว้เป็นของกลาง ที่เหลือได้เผาทำลาย จากนั้นเรียกนายเยะ แซ่ย่างไปสอบสวน พร้อมกับแจ้งข้อหา แล้วควบคุมตัวไว้ที่สถานีตำรวจ และบอกว่าชาวเขาปกป้องกันเอง อ้างว่าปลูกกัญชงบังหน้า แต่แท้จริงกลับปลูกกัญชา

นายเยะ เป็นม้งบ้านป่าไผ่ อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ เพิ่งย้ายมาอยู่บ้านเดิมของภรรยา ที่บ้านพญาพิภักดิ์ อำเภอขุนตาล จังหวัดเชียงราย เมื่อเดือนมิถุนายน ๒๕๔๗ เนื่องจากพ่อแม่ของภรรยาชรามากไม่มีคนดูแล เมื่ออยู่ที่เชียงใหม่ นายเยะเคยปลูกกัญชง เนื่องจากมีโครงการหลวงส่งเสริม ดังนั้นจึงปลูกกัญชงต่อที่บ้านพญาพิภักดิ์ เชียงราย แต่เจ้าหน้าที่เชียงรายไม่เหมือนที่เชียงใหม่ นายเยะที่ได้รับการส่งเสริม สนับสนุนกัญชงโดยโครงการหลวงที่เชียงใหม่ แต่ถูกจับที่เชียงรายโครงการหลวงก่อตั้งขึ้นเพื่อมาพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ ของชาวไทยภูเขา จนพื้นที่หมู่บ้านม้งเกือบจะไม่มีปลูกฝิ่นเลย ในระยะนี้เองที่กัญชงของชาวม้งได้ถูกตัดทำหลายไปเป็นจำนวนมาก เพราะทางราชการเข้าใจว่ากัญชงที่ชาวม้งปลูกคือกัญชา ส่งผลให้การปลูกกัญชงลดจำนวนไปมาก บางหมู่บ้านไม่มีการปลูกเลย แต่ความจำเป็นในการใช้กัญชงยังมีอยู่เหมือนเดิม ฉะนั้นจึงหาทางออกโดยการซื้อกัญชงจากประเทศลาว เพราะยังมีการปลูกอยู่มาก และบางส่วนก็เป็นกัญชงจากประเทศจีน ต่อมาความรู้ความเข้าใจในความแตกต่างระหว่างกัญชงและกัญชามีมากขึ้น ทำให้มีการส่งเสริมการปลูกกัญชงในบางพื้นที่ เพราะกัญชงเป็นพืชในพระราชดำริ ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในประเทศไทย

ลักษณะแตกต่างกันระหว่างกัญชงและกัญชา อาทิ กัญชงต้นสูง กิ่งก้านน้อย กัญชาต้นเตี้ย กิ่งก้านมาก กัญชงเส้นใยคุณภาพสูง กัญชาเส้นใยคุณภาพต่ำ กัญชงปลูกระยะห่างระหว่างต้นน้อย เพราะเน้นเอาเส้นใย กัญชาปลูกระยะห่างระหว่างต้นมาก เพราะเน้นเอาใบกัญชงใยเมื่อนำมาสูบมีกลิ่นหอมน้อย ทำให้ผู้สูบปวดหัว จึงไม่นิยมนำมาสูบ ส่วนกัญชาใบมีกลิ่นหอม ทำให้ผู้สูบเคลิบเคลิ้ม ความแตกต่างเหล่านี้สามารถพิสูจน์ได้ว่าต้นไม้ที่นายเยะปลูก เป็นต้นกัญชงหรือกัญชา แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้พิสูจน์ตามความแตกต่าง แต่กลับไปดูที่สารเสพติด กัญชงมีสารเสพติดอยู่เล็กน้อยคือ ๐.๓% ขณะที่กัญชามี ๑-๑๐% ดังนั้นตรวจอย่างไรก็พบ สารเสพติดแน่นอนโจทก์คือพนักงานอัยการจังหวัดเทิง ยืนยันว่า เป็นกัญชา ขณะที่จำเลยคือนายเยะ แซ่ย่าง ปฏิเสธและยืนยันว่าเป็นกัญชงศาลจังหวัดเทิง ได้มีคำพิพากษาเป็นคดีหมายเลขแดงที่ ๗๗๓/๒๕๔๙ ลงวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๔๙ มีใจความน่าสนใจดังนี้ “เห็นว่าพยานโจทก์ทั้งสามต่างยืนยันว่าของกลางเป็นต้นกัญชา แต่ร้อยตำรวจเอกวชรพลผู้ร่วมตรวจค้น และพันตำรวจโทอัศเรศพนักงานสอบสวนกลับเบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า ไม่เคยเห็นต้นกัญชง ร้อยตำรวจเอก(หญิง)วิไลรัตน์ผู้ตรวจพิสูจน์ของกลางกลับเบิกความว่า ตรวจของกลางเพียงว่า มีสารเสพติดอยู่หรือไม่เท่านั้น จากการตรวจพืชของกลางพบสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอลหรือTHC แต่พยานไม่รู้จักต้นกัญชงมาก่อน แสดงให้เห็นว่าเจ้าพนักงานตำรวจผู้ร่วมตรวจค้น กับผู้ตรวจพิสูจน์ของกลาง และพนักงานสอบสวน ต่างไม่มีใครรู้จักต้นกัญชงมาก่อน นอกจากนั้นนายสมาน แซ่ลี พยานจำเลยได้เบิกความยืนยันว่า พืชที่ปลูกในที่ดินจำเลยดังกล่าวเป็นต้นกัญชง เวลาปลูกจะต้องปลูกติดๆกัน เพื่อให้ได้เส้นใยที่มีคุณภาพ และนอกจากจะใช้กัญชงเป็นเส้นใยในการทอผ้าแล้ว ชาวม้งยังใช้พืชกัญชงในการประกอบพิธีกรรมทางความเชื่อด้วย ซึ่งจำเลยก็ได้ให้การปฏิเสธมาตลอดว่า พืชที่ปลูกเป็นต้นกัญชง จำเลยนำเมล็ดพันธุ์มาจากจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนางชี แซ่ลี เบิกความเป็นพยานว่า พยานเป็นสมาชิกศูนย์ศิลปาชีพภูชี้ฟ้า รู้จักต้นกัญชงตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน ขณะอยู่จังหวัดเชียงใหม่เคยปลูกต้นกัญชงเพื่อนำเส้นใยที่ได้มาใช้ในการทอผ้า โดยเมล็ดพันธุ์ได้มาจากบรรพบุรุษที่เคยปลูกต้นกัญชง พยานเคยส่งผ้าที่ทอจาก เส้นใยกัญชงไปจำหน่าย ดังตามสำเนาไปรษณีย์ธนาณัติ”“จำเลยยังมี นายเพิ่มศักดิ์ สุภาพรเหมินทร์ เป็นพยานเบิกความยืนยันว่า ของกลางในคดีนี้เป็นต้นกัญชง เนื่องจากลำต้นมีลักษณะเรียวเหมาะสำหรับนำเส้นใยมาทำสิ่งทอ และพืชที่ปลูกในสถานที่เกิดเหตุ ตามภาพถ่ายหมาย จ.๔ ภาพที่ ๑ ถึงที่ ๙ เป็นต้นกัญชง เนื่องจากเป็นการปลูกในลักษณะที่ถี่ติดกัน เพื่อให้ลำต้นมีลักษณะเรียวจะได้เส้นใยที่ดีมีคุณภาพ นอกจากนั้นต้นกัญชงจะมีสารเตตราไฮโดรแทนนาบินอลหรือTHCอยู่ด้วย แต่จะมีปริมาณน้อยกว่าสารTHCที่พบในต้นกัญชา เห็นว่า นายเพิ่มศักดิ์ จบปริญญาเอกวิทยาศาสตร์ดุษฏีบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปัจจุบันทำงานที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ กรมวิชาการเกษตรและสหกรณ์จังหวัดเชียงใหม่ ตำแหน่งนักวิชาการเกษตร เป็นที่ปรึกษาโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต เคยเป็นผู้ถวายรายงานเกี่ยวกับต้นพืชกัญชง ถือได้ว่าเป็นผู้ชำนาญการพิเศษ คำเบิกความจึงมีน้ำหนักน่าเชื่อถือเมื่อพิจารณาคำเบิกความของนายเพิ่มศักดิ์ หนังสือกัญชา-กัญชง เอกสารหมาย ล.๑, สรุปความแตกต่างระหว่างม่าง(กัญชง)กับกัญชา เอกสารหมาย ล.๙ และหนังสือบทสรุปม่าง(กัญชง)กับภูมิปัญญาของชาวไทยเผ่าม้ง เอกสารหมาย ล.๑๐ ประกอบกับภาพถ่ายหมาย จ.๔ ภาพที่ ๑ ถึงที่ ๙ แล้ว เห็นได้ว่า ต้นกัญชาและต้นกัญชงจะมีความแตกต่างกัน โดยต้นกัญชาจะมีลักษณะลำต้นค่อนช้างใหญ่ มีการแตกกิ่งมาก มีใบย่อยเรียวแหลมคล้ายรูปหอก สำหรับต้นกัญชงมีลักษณะเรียว กิ่งน้อย ใบค่อนข้างใหญ่กว่าต้นกัญชาและบริเวณที่เกิดเหตุตามภาพถ่ายหมาย จ.๕ ภาพที่ ๓ และที่ ๔ มีการปลูกคล้ายกับภาพถ่ายในหนังสือบทสรุปม่าง(กัญชง)กับภูมิปัญญาของชาวไทย เผ่าม้ง เอกสารหมาย ล.๑๐ หน้าที่ ๓๓ ภาพที่ ๒๖ ถึงที่ ๒๘เชื่อว่าของกลางคดีนี้เป็นต้นกัญชงไม่ใช่ต้นกัญชา พยานหลักฐานจำเลยสามารถหักล้างพยานโจทก์ พยานหลักฐานโจทก์จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง และยกคำขอให้ริบของกลางโดยให้คืนแก่เจ้าของ”

วิถีชาวม้งที่ผูกพันกับกัญชงโดยไม่มีการเสพ จนต้องกลายเป็นผู้ต้องหาที่ทำผิดกฏหมาย แม้ศาลจะพิพากษายกฟ้อง เห็นว่าไม่มีความผิด แต่การกลับมารื้อฟื้นวัฒนธรรมประเพณีคงไม่ใช่เรื่องง่าย ในขณะที่สังคมกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว“แม่ปั่นด้าย พ่อสานเชือก” ภาษิตชาวม้งที่แสดงความสัมพันธ์ของวิถีชิวิตม้งกับกัญชง ที่เป็นด้ายและเชือก กำลังจะเป็นภาพในอดีต หากเจ้าหน้าที่ไม่มีความเข้าใจในวิถีชีวิตชนเผ่าม้งกัญชง คือพืชเศรษฐกิจกัญชงเป็นพืชที่ชาวเขาที่ราบสูงเป็นผู้ปลูก เพื่อนำเอาลำต้นมาลอกเปลือกออกจากต้น แล้วนำมาต่อให้ยาวแล้วม้วนให้เป็นเส้นก่อนนำไปต้มในน้ำเดือดที่ผสมกับขี้ เถ้า เพื่อให้เกิดการนุ่มและเหนียวก่อนนำมา ถักทอเป็นวัสดุตามที่ต้องการ ต้นกัญชงมีลักษณะ เหมือนต้นกัญชา แต่กัญชงมีใบที่ใหญ่กว่ากัญชา กลุ่มสตรีแม่บ้านเกษตรกรหลายพื้นที่ในภาคเหนือของประเทศได้นำมาถักนิตติ้ง และโครเชต์เป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ หลายรายการด้วย กัน อาทิ เสื้อ กางเกง หมวก กระเป๋า รองเท้า ผ้าคลุมไหล่ ปัจจุบันสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้มีพระราชดำริให้มีการส่งเสริม การปลูกเพื่อนำมาเป็นวัสดุเพื่อการผลิตผลิต ภัณฑ์เพื่อการใช้สอยของประชาชนในพื้นที่และมีหลายพื้นที่ที่ประสบความสำเร็จ จนสามารถนำออกสู่ตลาดสร้างรายได้ให้กับชุมชนและครอบครัวของเกษตรกรได้เป็น อย่างดี อย่างเช่นที่ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ทางสหกรณ์จังหวัดเชียงใหม่ได้เข้าไปส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่ผลิต ผลิตภัณฑ์ที่มีวัสดุมาจากกัญชงอย่างเป็นกิจจะลักษณะในเชิงพาณิชย์ ภายใต้โครงการการส่งเสริมกิจกรรมกลุ่มอาชีพสหกรณ์การเกษตรทั้งนี้หากใครมี โอกาสไปเยี่ยมชมโครงการส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่ม เกษตรกรและสมาชิกสหกรณ์ในการดำเนินงานโครงการสหกรณ์ในพื้นที่จังหวัด เชียงใหม่ และได้พูดคุยกับเกษตรกรในพื้นที่ก็รับทราบถึงประวัติความเป็นมาของกัญชงได้ ชัดเจนยิ่งขึ้น จากความเชื่อ ของชาวไทยภูเขาที่เชื่อว่าเทพเจ้า หรือ เย่อโซ๊ะ เป็นผู้สร้างโลก สร้างมนุษย์ และได้ประทานพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ มาให้มนุษย์ได้ใช้ และ “หมั้ง หรือ กัญชง” ก็เป็นพันธุ์พืชชนิดหนึ่งที่ได้ประทานมาให้มนุษย์ได้ใช้ เพื่อนำเส้นใยมาทำเป็นเครื่องนุ่งห่ม ใช้สอย และใช้ในพิธีกรรมต่าง ๆ ชาวไทยภูเขาจะปลูกต้นกัญชง เพื่อเอาเปลือกมาทำเป็นเส้นด้ายหรือเชือก เนื่องจากเปลือกหรือเส้นใยที่ยังไม่ผ่านขบวนการแปรรูป จะสามารถใช้เป็นเชือกผูกมัดสิ่งของต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี กัญชง เป็นไม้ล้มลุกลักษณะทางพฤกษศาสตร์คล้ายกัญชา แต่ต่อมน้ำมันของกัญชงมีน้อยกว่า ลักษณะแตกต่างกันระหว่างกัญชงและกัญชา คือ กัญชงต้นสูง กิ่งก้านน้อย กัญชาต้นเตี้ย กิ่งก้านมาก กัญชงเส้นใยคุณภาพสูง กัญชาเส้นใยคุณภาพต่ำ กัญชงปลูกระยะห่างระหว่างต้นน้อย เพราะเน้นเอาเส้นใย กัญชาปลูกระยะห่างระหว่างต้นมาก เพราะเน้นเอาใบ ใบกัญชงเมื่อนำมาสูบมีกลิ่นหอมน้อยและทำให้ผู้สูบปวดหัว จึงไม่นิยม ส่วนกัญชาใบมีกลิ่นหอม ทำให้ผู้สูบเคลิบเคลิ้ม ต้นกัญชงจะสูงใหญ่กว่าต้นกัญชา สูงมากกว่า 2 เมตร ใบกัญชงจะมีขนาดใหญ่กว่า มีการเรียงสลับของใบค่อนข้างห่างกันชัดเจน และไม่มียางเหนียวติดมือ ส่วนกัญชา ลำต้นสูงไม่เกิน 2 เมตร ใบเล็กกว่ากัญชงเล็กน้อย ใบเรียงตัวชิดกันหรือเรียงเวียนโดยเฉพาะใบประดับบริเวณช่อดอกจะเห็นได้ ชัดเจนและมักมียางเหนียวติดมือ เส้นใยกัญชงมีคุณภาพสูง มีคุณสมบัติที่แข็งแรงกว่าผ้าฝ้าย ดูดซับความชื้นได้ดีกว่า ไนลอนและอบอุ่นยิ่งกว่าลินิน จึงมีความเหมาะสมที่จะนำมาใช้เป็นเครื่องนุ่งห่มได้เป็นอย่างดี เมื่อสวมใส่ในอากาศร้อน จะให้ความเย็นสบายและให้ความอบอุ่นในอากาศหนาว สามารถดูดกลิ่น ดูดความร้อนและสารพิษจากร่างกายที่ขับถ่ายออกมาในรูปของเหงื่อ ใช้ทนทานยิ่งซักยิ่งนุ่มเบา บางสวมใส่สบายไม่ระคายผิวหนัง ไม่มีกลิ่นอับชื้นและไม่ขึ้นราแม้อยู่ในที่อับชื้นอย่างที่ราบสูง และด้วย เหตุนี้ประชาชนชาวไทยภูเขาจึงนิยมสวมเสื้อผ้าหรือวัสดุเครื่องใช้ที่ใช้ วัสดุการผลิตมาจากกัญชงกันเป็นส่วนใหญ่ โอกาสหน้าหากมีโอกาสเดินทางเข้าจังหวัดเชียงใหม่ก็ลองแวะเข้าไปที่อำเภอแม่ ริมเยี่ยมชมหรือเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากเส้นใยกัญชงติดไม้ติดมือกันบ้างก็ดี ไม่น้อย เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัสดุจากธรรมชาติอย่างแท้จริง และที่สำคัญเป็นการเสริมรายได้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่อีกด้วย. กัญชงสามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้มากกว่า 25,000 ชนิด เช่น สามารถทดแทนเส้นใยจากฝ้ายในการทำสิ่งทอได้เป็นอย่างดี สามารถใช้ผลิตเป็นไบโอดีเซลโดยไม่กระทบต่อสภาพแวดล้อมได้ และใช้ทำเป็นเยื่อกระดาษชั้นดีได้ และยังทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอีกมากมายด้วย


กัญชงในญี่ปุ่นคือพืชมงคล

ในประเทศญี่ปุ่นนั้นถือว่ากัญชงเป็นพืชมงคล เสื้อผ้าที่ทอจากใยของกัญชงถือเป็นของมงคล ฉลองพระองค์ของสมเด็จพระจักรพรรดิในการเข้าพิธีบรมราชาภิเษกจะเป็นฉลอง พระองค์ด้วยผ้าที่ทำมาจากเยื่อของ กัญชง นี่เป็นราชประเพณีโบราณของญี่ปุ่นที่มีมานับพันปีแล้ว

ดังนั้นคนญี่ปุ่นจึงนิยมเสื้อผ้าที่ทอจากใยของกัญชง เพราะนอกจากสวยงาม มีลักษณะเฉพาะ สวมใส่เย็นสบายในหน้าร้อน อุ่นสบายในหน้าหนาวแล้วยังถือว่าเป็นพืชมงคลอีกสถานหนึ่งด้วย เหตุนี้จึงทำให้เสื้อผ้าที่ทอจากใยกัญชงมีราคาสูง
ราชสำนักมีราชนิยมแบบใด อาณาประชาราษฎร์ก็จะมีความนิยมตาม ดังนั้นชาวญี่ปุ่นจึงรักและนิยมที่จะสวมใส่เสื้อผ้าที่ทอมาจากใยของกัญชงและ มีความต้องการเสื้อผ้าที่ทอจากใยของกัญชงจำนวนมหาศาลในแต่ละปี

ดังนั้นการที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงสนพระทัยและสนับสนุนส่งเสริมให้มีการปลูกพืชกัญชงเพื่อการส่งออก จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งใหญ่ของเกษตรกรไทยทั่วประเทศ

กระแสพระราชดำรัสในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่รัฐบาลน้อมนำใส่เกล้ามาดำเนินการนั้นย่อมสามารถแก้ไขปัญหาการปลูกกัญชงใน ประเทศไทยได้ เพราะเมื่อใดก็ตามที่สามารถปลดกัญชงออกจากบัญชีรายชื่อยาเสพติดแล้ว เมื่อนั้นการสนับสนุนส่งเสริมการปลูกกัญชงก็สามารถกระทำได้ และย่อมมีผู้ปลูกเป็นจำนวนมาก

การดังกล่าวนั้นจะเปลี่ยนแปลงการผลิตในภาคเกษตรของไทยและแก้ไขปัญหาราคาพืช ผลของเกษตรกรไทยได้เป็นอย่างมาก ทั้งจะมีผลต่อสภาพแวดล้อมที่กำลังวิกฤตและคุกคามประเทศไทยมากขึ้นทุกทีด้วย
ปลูกกัญชงได้ผลเป็นแบบอย่างขึ้นมาเมื่อใด ผู้คนก็จะเลิกปลูกยูคาลิปตัสซึ่งเป็นมหันตภัยทำลายสภาพแวดล้อมของชาติ ทั้งการปลูกกัญชงจะได้รับผลประโยชน์มากกว่าการปลูกยูคาลิปตัสถึง 10 เท่า คือผลผลิตกัญชง 1 ตัน สามารถนำไปทำเยื่อกระดาษเท่ากับยูคาลิปตัสขนาดใหญ่ถึง 10 ตัน

ผลผลิตที่มากกว่า ราคาที่สูงกว่าเช่นนี้ ย่อมเป็นที่ต้องการของเกษตรกรและย่อมสามารถทำให้รายได้ของเกษตรกรเพิ่มพูน ขึ้นเป็นอันมาก ในขณะเดียวกันสภาพแวดล้อมก็จะได้รับการฟื้นฟูคือนอกจากจะไม่ทำลายสภาพดิน แล้ว ยังช่วยป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน เศษของลำต้นและรากสลายเร็วกลายเป็นปุ๋ยที่มีคุณภาพ ทำให้สภาพดินอุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

สามารถทดแทนการตัดไม้ทำลายป่าที่เป็นผลพวงจากอดีตได้ เพราะหากจะปลูกป่าทดแทนก็ต้องใช้เวลา 20-50 ปีจึงจะใช้ประโยชน์ได้ ในขณะที่กัญชงใช้เวลาเพียง 75 วันเท่านั้น และให้ผลผลิตอย่างต่อเนื่อง

เรื่องของกัญชงจึงเป็นเรื่องที่แก้ไขปัญหาสภาพแวดล้อม แก้ไขปัญหาสภาพดิน ช่วยฟื้นฟูดิน ลดการตัดไม้ทำลายป่า ช่วยแก้ไขปัญหาผลผลิตและราคาผลผลิตภาคเกษตรและยกระดับรายได้ของเกษตรกรให้ สูงขึ้นหลายเท่า ในขณะที่ตลาดก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะมีความต้องการสูงและสามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้เป็นจำนวนมาก

จึงเป็นเรื่องที่น่าปลื้มใจที่เรื่องนี้ไม่สูญหายไปกับสายลม เพราะคาดหวังได้ชัดเจนว่าเมื่อได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานกระแสพระราชดำรัสให้รัฐบาลนำไปดำเนินการแล้ว ความเปลี่ยนแปลงใหญ่ในภาคเกษตรที่จะเป็นประโยชน์ใหญ่หลวงดังที่พรรณนาจะ ปรากฏเป็นจริงขึ้นในไม่ช้า

ความจริงแล้วปัญหาในภาคเกษตรของประเทศไทยนั้น รัฐบาลไม่ต้องไปคิดอ่านหาความรู้จากที่ไหนเลย เพียงแค่น้อมนำเอาผลการศึกษาหรือความสำเร็จในโครงการตามพระราชดำริต่าง ๆ ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ชัดเจน ปฏิบัติได้ และมีประโยชน์ยิ่งมาดำเนินการให้ขยายผลต่อยอดออกไปได้เท่านั้น ผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่ก็จะบังเกิดแก่มวลมหาประชาชนและประเทศไทยเป็นส่วนรวม

เอกชนไทยหนุนเต็มสูบ

ปัจจุบันทั่วโลกกำลังตื่นตัวกับ สินค้าออร์แกนิกกันอย่างมาก หนึ่งในนั้นคือสินค้าที่ผลิตจากกัญชง เพราะเส้นใยมีความยืดหยุ่นและทนทานสูง เป็นที่ต้องการมากในตลาด ต่างประเทศผู้ผลิตเส้นใยกัญชงอย่าง บริษัท ดีดี เนเจอร์ คราฟ (DD Nature Craft) ของ ดวงฤทัย ภูมิพิเชฐ ต้องการเจาะตลาดสินค้าดีไซน์ จึงเข้าร่วมโครงการ “ตลาดปล่อยแสง 2? และได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 20 ผู้ประกอบการเข้าร่วมในโครงการ “ต่อยอดสินค้าทำมือ สู่ตลาดทำกิน”
บริษัทมีไร่กัญชงและโรงงานผลิตเป็นของตนเอง ซึ่งเพาะปลูกและผลิตโดยชาวม้งในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย แต่เดิมดวงฤทัยตั้งใจจะพัฒนาผ้าใยกัญชงเพื่อขายเป็นวัตถุดิบให้ผู้ผลิตเจ้า อื่นๆ จึงมุ่งหาความรู้จากสถาบันสิ่งทอและนำมาแตกไลน์สร้างผิวสัมผัสใหม่ๆ ให้มีความหลากหลายจะได้เป็นตัวเลือกให้กับผู้ผลิตสินค้าได้หลายประเภท จนได้วิธีการทอใยกัญชงผสมไหมซึ่งยังไม่เคยมีใครทำได้สำเร็จมาก่อน โดยได้แรงบันดาลใจจาก ห้องสมุด TCDC

คุณ ดวงฤทัยกล่าวว่า มีลูกค้าหลายรายสนใจผ้าใยกัญชง แต่ไม่รู้จะนำไปทำเป็นสินค้าอะไร เธอจึงลองผลิตสินค้าตัวอย่างเพื่อให้เห็นว่า ผ้าใยกัญชงสามารถประยุกต์เป็นหมวก รองเท้า และกระเป๋าแบบต่างๆ ได้ ขวัญหทัย ผู้จัดการร้าน The Shop@TCDC และเจ้าของโครงการ “ต่อยอดสินค้าทำมือ สู่ตลาดทำกิน” เห็นว่าใยกัญชงมีความน่าสนใจมากจึงแนะนำให้ ต่อยอดวัสดุเป็นผลิตภัณฑ์ของตัวเองเลย ดวงฤทัยเห็นด้วยกับความคิดนี้และตั้งชื่อ แบรนด์ให้ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ว่า Olive

คุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของใยกัญชง คือ การป้องกันรังสี UV จึงกำหนดทิศทางของสินค้าว่าควรเป็นสินค้าที่ต้องการคุณสมบัตินี้และมีมูลค่า ในตัวพอสมควร เพราะใยกัญชงมีราคาสูง ขวัญหทัยแนะนำให้ดวงฤทัยลองผลิตกระเป๋าใส่แล็ปทอป ที่บังแดดในรถยนต์ หรือเครื่องแต่งกายที่เน้นการใช้งานกลางแจ้ง
คุณ ดวงฤทัยยอมรับว่า ตัวเธอเองไม่ใช่นักออกแบบ แต่เป็นนักบริหารที่คิดวางแผนและจัดการกระบวนการผลิต ช่างฝีมือในโรงงานก็ถนัดการทอเป็นผืนมากกว่าการเย็บขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์ ผ้าทอนี้มีทั้งความงดงามและคุณสมบัติพิเศษ เหมาะสำหรับการผลิตเป็นสินค้าราคาสูง เช่น เฟอร์นิเจอร์ ผ้าม่าน หรือผ้าบุหัวเตียง เป็นโอกาสในการต่อยอดธุรกิจในขั้นต่อไป

แม้ธุรกิจหลักที่ขายใยกัญชงเป็นวัตถุดิบจะไปได้ดีอยู่แล้ว แต่ดวงฤทัยยังต้องการสร้างสินค้าในชื่อแบรนด์ของตนเอง การเข้าร่วมเวิร์กช็อปในครั้งนี้จึงถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ลองผันตัวจากผู้ ประกอบการที่ถนัดเฉพาะการผลิตวัสดุมาเป็นผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์ด้วยตนเอง โดยพัฒนาและ ผลิตไลน์สินค้าที่ชูจุดเด่นของใยกัญชง และมีความสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของ กลุ่มเป้าหมาย ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ปูทางการผลิตสินค้าในแบรนด์ของตนเองต่อไปได้อนาคต
TCDC ขอเชิญผู้ประกอบการและผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ดีไอเดียเด็ดมาร่วมเทศกาล “ปล่อยแสง 4 คิด/ทำ/กิน ตอน Supermarket of Ideas” ตั้งแต่วันที่ 9-27 กันยายนนี้ เวลา 10.30-21.00 น. (ปิดวันจันทร์) ที่ห้องนิทรรศการ 2 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เทศกาลปล่อยแสง คิด ทำ กิน

ที่มา : กัญชงไม่ใช่กัญชา ครม.หนุนขุมทองตัวไทยใหม่..สู่ตลาดโลก

 

ไม่แน่นะอาจจะสกัดเป็น ยารักษามะเร็ง รักษาเอดส์ ได้อะไรแบบนี้

 

ในทางเภสัชวิทยา มีฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ในทางการแพทย์มากมาย
เช่นเดียวกับฝิ่น นำมาสกัดเป็นมอร์ฟีน ใช้ระงับปวดในผู้ป่วยโรคมะเร็ง
ผู้ป่วยผ่าตัด ฯลฯ ที่พบเห็นทั่วไปเราจะเห็น ยาแก้ไอน้ำดำที่เราคุ้นเคยกัน
เช่น ยาแก้ไอน้ำดำตราเสือดาว ตรางู องค์การเภสัชกรรม ก็มีส่วนผสม
ของฝิ่นอยู่ ในปริมาณที่ออกฤทธิ์เป็นยาแก้ไอ นั่นคือข้อดี ส่วนข้อเสียของ
ฝิ่นไม่ต้องพูดถึง ยิ่งกว่ากัญชาเยอะเลยครับ คิดว่ากัญชา
น่าจะเอามาใช้ประโยชน์ให้มากกว่านี้ ...

 

ที่ญี่ปุ่น

ที่ญี่ปุ่นนําไปทําเรียบร้อยเเล้วครับ
เเถมใช้ สายพันธุ์ ของ ทางเอเซียใต้ ของเราอีกต่างหาก
เเละที่น่าชํ้าใจ เป็นที่สุด ในหนังสือเข้าบอกว่า สายพันธุ์ ที่เหมาะเเก่การ ใช้สกัดที่ดีที่สุด เขามีชื่อเรียกกันในภาษานักเสพ ทางตะวันตก กันว่า
speed devil almizclado 802
มีมากในประเทศ ลาว กัมพูชา เเละ ไทยเเลน ของเรา นี่เอง
หาอ่านข้อมูลเบื้อต้นได้จาก www.soft secrets.com
เเต่เห็นว่า มีผลข้างเคียงสูง ไม่ผ่านกระทรวงอาหารเเละยา ใน หลายๆ ประเทศ โดยมีพี่ มะกัน ออกมายืนเป็นหัวขัดค้าน บอกให้กลับไป ทํามาใหม่

เเต่ที่น่าเเปลก หลังจากนั้น ไม่ถึง สองปี ก็มียาชื่อ
thc diazin เกิดขึ้นที่ เมริกา เหมือนกัน เเถมใช้สายพันธุ์ เดี๋ยวกันกับที่ ญี่ปุ่นใช้ อีกตางหาก 5555
น่าเเปลกดีเนอะ
ยังไม่พอ ที่จีน เมื่อต้นปีก่อนพึ่งจะออกมา ประกาศ เรื่องสารสกัด จาก กัญชา ว่าของเขาก็มีมานานเเล้วเช่นกัน
เเปลกดีเนอะ

 

โอ้...ว้าว....คุณ ชยุต มาตอบให้ด้วย ปลื้มจัง ^_^ มีนมสกัดจากเมล็ดกัญชาด้วยน้าาา... สำหรับผู้ที่ทานมังสวิรัต แต่ทานแล้วไม่เมานะเพราะเค้าสกัดสารออกหมดแล้ว(เสียดายจัง...) กัญชามันเป็นพืชที่พระเจ้าสร้างมา ดูดกัญชาแล้วอารมณ์ดี รักสงบรักสันติ ไม่หาเรื่องกวนตีน เหมือนแดกเหล้า เมายาบ้า ยาไอซ์ ดูดแล้วทำข้อสอบแบบข้อเขียนนะลื่นปื้ดๆ แต่แบบคำนวนจบเลย>.<! ดูดกัญชาแล้วไม่เจ็บคอเจ็บหน้าอกเหมือนบุหรี่ บุหรี่แม่งห่วย ต่างประเทศใช้เป็นยามานานแล้ว หลายประเทศเค้าก็ขายกันถูกกฎหมายนะ ลาวเงี้ย ขายตามข้างถนนเหมือนสมุนไพรชนิดนึง ประเทศไทยน่าจะถูกกฎหมายบ้างนะแต่ต้องควบคุมปริมาณ รับรองยาบ้าเจ๊ง ขายไม่ออก ดูดกัญชาไม่กินเหล้าสูบบุหรี่ ไม่ก้าวร้าว วันๆยิ้มให้ประชาชนอย่างเดียว ชิว สัด อ่ะ^_^ 55555
~@~ มีนิทานเรื่องนึงมาเล่าให้ฟังเล่นๆนะ มีคน3คนพายเรือมาด้วยกัน คนนึงเมาน้ำท่อม คนนึงเมายาบ้า คนนึงเมากัญชา มันเห็นท่อนไม้อันเขื่องลอยมา คนเมาน้ำท่อมมันก็ร้อง "..เข้มา!....เข้มา...!" คนเมายาบ้าบอก"อยู่ไหนๆ...ตีมันให้ตาย!" คนเมากัญชาบอก"ไอ้เข้รึป่าว... ไหนๆดูให้ดีๆก่อน...."

 

^
^
^
โห เมากัญชาอยู่ยังมีสติบอกให้ดูให้ดีๆ นับถือๆ 55
ว่าแต่ของจริงเป็นอย่างงั้นหรือเปล่าอ่ะ?

 

นักวิจัยสหรัฐบอก...
http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/news/7726

นักวิจัยสเปนบอก...
http://www.raksamong.com/?p=427"]สเปนพบสารออกฤทธิ์ในกัญชา ต้านเซลล์มะเร็งในสมองได้ – Raksamong.com รักสมอง.คอม เว็บของคนรักสมอง |

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9520000099384

น่าสงสัย น่าสงสัย (อย่างที่คุณชยุตกล่าว)

 

ต่างประเทศเค้าใช้สกัดเป็นยากันมาตั้งนานแล้วพี่ไทยจ๋า... หัดคิดนอกกรอบฃะบ้าง ดูอย่างประเทศลาวงี้ขายกันตามข้างทางเหมือนสมุนไพรชนิดหนึ่ง ประเทศเค้าไม่เห็นมีปัญหาเหมือนบ้านเรา ความจริงน่าจะทำให้ถูกกฎหมายไปเลย แต่ต้องควบคุมปริมาณ รับรองยาบ้าขายไม่ออก ดีกว่าดูดบุหรี่อีกต่างหาก ไม่ไอ ไม่เจ็บคอ บุหรี่แม่งห่วย เหล้าก็ยิ่งห่วย เมาแล้วแม่งกวนตีน ก้าวร้าว ชอบมีเรื่องกันประจำ ''smoke weed'' ดีก่า ชิว สัด อ่ะ

 

ยืนยัน

ยืนยันว่า ตามนั้นในเรื่องของสติ
กัญชา ช้วยในการสร้าง สมาธิ ได้ในระดับ ที่ถ้าคนไม่เคยก็จะไม่เข้าใจค่ะ

ไม่ได้ว่าให้ไปลอง กันน่ะเจ้าค่ะ เเค่ ความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น