ว่ากันเรื่อง วัดธรรมกาย

เห็นด้วยกับคุณลักยิ้มค่ะ

 

ยังหวังนะครับ...ว่า ให้เหลือบศาสนา หมดไปเสียที ศาสนาพุทธจะได้เดินตามคำสอนของพระพุทธองค์

 

ลองมาใช้ชีวิตในเพศสมณะดูมั้ยครับ แล้วที่เคยพูดๆไว้ การกระทำ

ของภิกษุรูปอื่น ที่ไม่ชอบใจ ไม่พอใจ ก็นำมาเป็นบทเรียน แล้วไปบวช

เองเลย


กระทำพระนิพพานให้แจ้ง ใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน อยู่ในสมณสารูป เป็นที่

ตั้งแห่งศรัทธา สัมรวมระวังในศีล เผยแผ่พระศาสนาไปทั่วโลก สั่ง

สอนในอรรถที่ตนพอใจเถิด


http://palungjit.org/threads/ขอเชิญ...หมู่-100000รูป-โครงการ3-13-มี-ค-54นี้.274644/

 

คุณรู้ได้อย่างไรว่าผมไม่เคยบวช.. ผมเคยบวช แม้ว่าจะเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่ผมก้อเลือกที่จะบวชอยู่บนเขา ใกล้ชายแดนพม่า ที่มีเสียงปืนยิงกันแทบทุกวัน อยู่กับพระภิกษุสงฆ์อีกรูปหนึ่ง อยู่ภายใต้ท้องฟ้าทางภาคเหนือของ ต.ท่าสองยาง อ.แม่สอด จ.ตาก นอนในกุฎิไม้ไผ่เล็กๆที่ชาวบ้านผู้มีน้ำใจช่วยกันสร้าง ไฟฟ้าไม่มี ประปาไม่มี มีแต่ธรรมชาติ ที่เป็นธรรมชาติจริงๆ กับ ชาวบ้านที่รอใส่บาตรในทุกเช้า ไม่มีสิ่งก่อสร้างต่างๆสวยงาม ไม่มีมรรคทายก ไม่มีงานรื่นเริง ไม่ต้องกังวลกับสถานที่ ที่จะพาให้หลงไปกับความใหญ่โต หรือห่วงหาปัจจัย เพราะที่นี่ชาวบ้านไม่มีเงินมากนัก และที่สำคัญตลอดระยะเวลาบวชสั้นๆของผม ยังไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องมีเงินทองอะไรมากมาย ยามป่วยไข้ ก้อมีญาติโยมมาถวายยารักษาให้ มีเวลาให้คิดในเรื่องราวบนโลกใบนี้ ปลงให้ตก ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงิน ข้าวมีให้ฉันวันละมื้อ ส่วนที่เหลือ บริจาคให้คนที่ไม่มีกิน มาหวังพึ่งใบบุญจากศาสนาพุทธของเรา นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้ผมถึงคิดว่า ชีวิตมนุษย์เรา ถ้าต้องการละทิ้งสิ่งต่างๆ เราก้อสามารถทำได้โดยไม่ต้องหาข้ออ้าง ข้อแก้ตัว เฉไฉ บิดเบือนไปเรื่อยๆ เพียงหวังแค่ ทรัพย์สินเงินทอง คุณล่ะเคยคิดที่จะทำแบบไหน บวชในวัดอลังการ หาความสุขสบายในระหว่างบวช รอรับปัจจัย เพื่อให้เกิดกิเลส จะทนกระแสได้หรือ ชอบในความอลังการ ยิ่งใหญ่คนมากมายมหาศาล แต่จิตล่ะนิ่งพอหรือยัง หรือบวชอยู่ในวัดป่าแบบธรรมชาติจริงๆเพื่อหาทางหลุดพ้น ทำได้เท่าที่จะสามารถทำได้ เริ่มโดยที่เราเจริญภาวนาแบบสงบจริงๆก่อน ที่จะเข้าให้ถึงกับสวาวะอลังการเพื่อพิสูจน์จิตเราว่าทนต่อสิ่งยั่วเย้าได้ไหมอ้อ...ผมรอตั้งนานละ จำได้ไหม ที่คุณเคยบอกสอบถามกับพระอภิญญาเรื่องของผมน่ะ...ผมตั้งหน้าตั้งตารอ หลังจากที่ให้คุณนิมนต์พระอภิญญาที่ว่าน่ะ ถอดจิตหรือล่องหนมาให้ผมเห็นกับตาสิ ผมจะก้มลงกราบท่านแทบเท้าเลย ถ้าท่านมาได้ แต่จนแล้วจนรอด ยังไม่เห็นหรือ นิมิตรอะไรเลย ลืมแล้วหรือ ถ้าไม่มีจริง อย่าแอบอ้างข้างๆคูๆจะดีกว่ามั๊ง...สิ่งที่คุณคิด ไม่แตกต่างจากสิ่งที่คุณกระทำเลยแม้แต่น้อย

 

อย่าเพิ่งเหนื่อย อย่าเพิ่งท้อครับ มาช่วยงานกันก่อนครับ

ยกตัวอย่างน่ะ

การจัดงานตักบาตร เค้าเหนื่อยกันมากน่ะ กว่าจะนิมนต์พระมาเป็น

หมื่นๆรูปในแต่ละที วัดหนึ่งได้ 5รูปบ้าง 10รูปบ้าง ต้องขับรถไป

รับ-ส่งพระบ้าง จัดกันให้มันรู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นพุทธ ว่า

"เออ ยังมีคนศรัทธาพระพุทธศาสนากันอีกมากน่ะ"

พระสงฆ์ท่านเองก็ภาคภูมิใจว่าพุทธศาสนิกชนยังเหนี่ยวแน่น

สหธรรมิกเองก็เช่นกัน แต่สิ่งที่ได้ยินบางครั้งก็คือ "โอ้ย ธรรมกาย

จัดหรอ" ผมอยากรู้ว่า ธรรมกายจัดแล้วทำไม












งานบวชพระ เค้าชวนคนมาบวชเข้าพรรษา กันเป็นแสนรูป พระ

ศาสนารุ่งเรืองแค่ไหนกัน พระสังฆาธิการ พระอุปัชณาทั่งแผ่นดิน

มาที่วัดพระธรรมกาย มาจัดงานบวช เหนื่อยไหม เหนื่อยน่ะ แต่ที่

เค้าคิดกันในใจคือ พระพุทธเจ้า ทำเพื่อพระพุทธเจ้า เค้่าไปทุกที่

ห้างดังก็ไป อำเภอทุกอำเภอ จะทุรกันดารแค่ไหนก็ไป เงินเองน่ะ

งานก็ไม่ทำ เค้าทำแบบไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าเป็นหนี้หรือไม่ ไม่ว่า

สุขภาพจะอย่างไร เพราะ เค้ามีแต่พระพุทธเจ้าทุกอณูจิต


แต่สิ่งที่ได้รับจากสังคมคือ......

นี่หรือสังคมที่พระพุทธศาสนาจะถาวร ตั้งมั่น

ว่าแต่วัดพระธรรมกาย เค้าทำอะไรก็ไม่ดี แล้วเราท่านเล่า

ทำอะไรกันอยู่ คิดอะไรกันอยู่

หากว่าเค้าสร้างใหญ่โต ไปดูซิ ว่าทุกวันนี้วัดจะแตกอยู่แล้ว ไม่มีที่

จะนั่ง คนเข้าวัดกันมากมาย สมัยพุทธกาลเค้าสร้างกันกว่านี้หลาย

เท่านัก







พุทธบุตรต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว

พุทธบริษัทสี่ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว





อย่าเพิ่งเหนื่อยน่ะ มาช่วยงานพระศาสนากัน

ลองทำใจใสๆ ดู VDO นี้น่ะครับ ดูให้จบ


[ame=http://www.youtube.com/watch?v=Qq6AVxwNV44&feature=related]YouTube - 19 หัวใจดั่งเพชร[/ame]

 

วาระพิเศษ

ได้เวลาทำหน้าที่ปกป้องพระศาสนาอีกแล้วครับ นี่แหละทำไมหมู่คณะวัดพระ

ธรรมกายถึงต้องเร่งงานกันนัก เพราะอุบาสก อุบาสิกาเป็นแบบนี้กันไงครับ

เชิญชมได้ที่ (เห็นแบบนี้แล้ว คงต้องบวชพระล้านรูปเร็วๆ)

http://palungjit.org/threads/อนุตตรธรรมคืออะไร.115829/page-6


http://palungjit.org/threads/ประจัก...ธรรม-ตายแล้วตัวนิ่ม-ตายแล้วฟื้น.116406/page-3


" ไม่มีบุคคลหรือหมู่คณะใดจะทำลายศาสนาของตถาคตได้ นอกจากบุคคลในศาสนาเอง นั่นคือ พุทธบริษัทสี่ จะเป็นต้นเหตุแห่งความเสื่อมของพุทธศาสนาและแตกสลายไปในที่สุด "

 

ไม่รู้หรอกครับว่าวัดธรรมกายเป็นอย่างไง แต่ที่ได้เห็นงานศพแม่ชียังกับงานเปิดโอลิมปิก แล้วลองหันไปดูงานศพหลวงพ่อพุทธทาส ผมก็พอจะรู้แล้วว่าอันใหนน่าจะOKกว่า

 

ถ้าท่านพุทธทาสไม่เขียนพินัยกรรมเอาไว้ เรื่องสังขารของ

ท่าน ศิษยานุศิษย์จะจัดงานกันยังไง



ผมสงสัยจังว่าดูยังไงว่ายิ่งใหญ่เหมือนโอลิมปิก

พื้นที่ก็ใหญ่ปกติอยู่แล้ว สร้างก่อนหน้าแล้ว จำนวนศิษยานุศิษย์ก็

มากอยู่แล้ว ที่สร้างมาพิเศษก็เมรุที่เผาศพ มยุรานาวากาศ(ที่

บรรทุกร่าง) และก็นิมนต์พระทุกวัดทั่วประเทศมาสวดและเปิดโอกศ

ให้สาธุชนได้สร้างบุญใหญ่ โดยปรารถเหตุงานสลายร่างคุณยาย


ลองดูให้ดีๆน่ะ มีอะไรที่เกินไปกว่าเงินที่ได้รับบริจาค จากคนหลายแสนคนบ้าง เงินบริจาคงานนี้เหลือหลายร้อยล้านครับ ซึ่งนำมาเป็นทุนนำฤกษ์สร้างวัดสาขาใน 40 ประเทศทั่วโลก ปัจจุบันก็สำเร็จแล้ว


[ame="http://www.youtube.com/watch?v=UUSTbnY_sfk"]YouTube - เพลงเหงื่อแก้ว (วันสลายร่างคุณยาย)[/ame]



มันมีอะไร ที่ Over บ้าง ??

เมรุ ?
ที่แบกโลง ?

จำนวนคน จำนวนพระ ที่โล่งกว้าง ไฟสว่างมาก จุดเทียน ?



ทำอะไรอย่าให้มันน่าเกียจ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ตั้งอยู่บนพื้นฐาน จำนวนศิษย์วัดหลายแสนคนน่ะ

 

ขออนุญาตลงซ้ำ

การกล่าวถึงงานของท่านพุทธทาส พระอริยสงฆ์ ไปเปรียบเทียบกับงานศพแม่ชีนั้นคงมีเหตุผลเพียงอย่างเดียว


ผมก็จะขอเปรียบในเรื่อง "อัฐิ" บ้างน่ะครับ

เถ้าอังคารของท่านพุทธแบ่งเป็น 3 ส่วนที่ให้นำไปลอยอังคาร คือ

1 เขาประสงค์

2 ต้นน้ำ (แม่น้ำตาปี)

3 ช่องอ่างทอง



ส่วนเถ้าอังคารขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือพระบรมสารีริกธาตุนั้น ทรงตรัสให้แบ่งไปบูชาทั่วทุกแคว้น

และยังกล่าวอีกว่า "...อัฐิธาตุของบุคคลที่ควรบูชาได้แก่ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ และพระเจ้าจักรพรรดิเป็นการสร้างมงคลให้กับตนเองอย่างสูงสุด"

เห็นได้ชัดเจนว่า "ให้สร้างเจดีย์"





ถ้าอย่างนี้แล้ว ยังจะเปรียบเทียบเรื่อง "อัฐิเถ้ากระดูก ของท่านพระพุทธทาส กับของพระพุทธเจ้าอีกหรือไม่"




ในที่สุดแล้ว มันขึ้นกับจุดประสงค์ที่ต้องการ ต้องการบารมีส่วนใดก็เติมส่วนนั้น ต่่างฝ่ายต่างทำถูก ต้องร่วมสนับสนุนกัน บางท่านว่า "ชอบทำวัดป่า ไม่ชอบวัดบ้าน" ใครจะคิดอย่างไรก็ตามแต่ แต่หมู่คณะของเรานั้นสนับสนุนทุกอย่างที่เป็นของสังฆมณฑล เราไม่ห่วงแต่วัดเราเอง เราห่วงทุกวัด ช่วยทุกวัด



พุทธบุตรต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว

พุทธบริษัทสี่ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว



สิ่งที่ต้องสั่งสม คือ บุญกุศล
What we need to accumulate is merit.

สิ่งที่ต้องแสวงหา คือ พระรัตนตรัยภายใน
What we need to seek is the Triple Gem within.

เป้าหมายชีวิต คือ ที่สุดแห่งธรรม
The ultimate life-goal is the Uttermost of Dhamma.

ที่พักระหว่างทาง คือ ดุสิตบุรีวงบุญพิเศษ เขตบรมโพธิสัตว์
Our rest stop between lifetimes is the Special Merit Zone of the Tusita Realm in the district of Bodhisattas

 

ปล่อยให้เขาโฆษณาวัดกันตามสบายเลยนะครับ ผมเชื่อว่าเพื่อนชาวเว็บพลังจิตส่วนใหญ่ที่มีโอกาสเข้ามาอ่าน คงได้ใช้วิจารณญาณในการที่จะไตร่ตรองว่าเชื่อถือได้หรือเปล่า ? ใช้จิตพิจารณาให้ดีนะครับ ถ้าจะเข้ามาตอบ ควรระวังนิดนึงเพราะที่นี่ศิษย์วัดเขามีหลายคน เดี๋ยวจะโดนเขาว่าเอา ถ้าคิดต่างจากเขา

 

ผมได้นำเรื่องของคุณ ไปกราบเรียนถามพระสุปฎิปันโนท่านหนึ่ง ทรงอภิญญา ท่านบอกว่า "สิ่งที่คุณพูด คิด สงสัยไว้ทั้งหมด จะยังไม่ส่งผล จนกว่าคุณจะออกบวช ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติใดก็ตาม ทุกสิ่งที่คุณพูด คิด จะส่งผลให้สาธุชนที่เห็นสมณสารูปของคุณ ปรุงแต่งไปว่าคุณเป็นพระอย่างนั้น พระอย่างนี้" วงบุญพิเศษ

ผมเคยฝากให้คุณบอกกับพระอภิญญาของคุณนั้น ว่าอยากให้ใช้อภิญญามาหาผม จะถอดกายทิพย์ หรือจะมารูปแบบไหนก้อได้ ถ้าทำได้ ผมจะก้มลงกราบแทบเท้าท่านเพราะอยากพบกับพระผู้ทรงอภิญญามานานแล้ว แต่จนถึงวันนี้ ก้อยังไม่เห็นว่าจะมาเลยสักนิด สงสัยอยู่เหมือนกัน ว่าคุณไม่ได้บอก หรือ อภิญญาที่ว่า มันจะเป็นอย่างอื่นแทน...(คิดเอาเอง 555++) แต่จะรอนะ แบบว่า อยากเจอสุดๆเลย

 

ผมก็บอกท่านไปแล้วน่ะ แต่ท่านไม่เห็นความจำเป็น ผมเองก็ไม่เห็นความจำเป็นน่ะ และท่านคงไม่ว่างไปสนใจใคร งานยุ่งมาก ตอนนี้ก็มีงานอยู่ที่อยุธยา พระเค้ามารับปริญญากัน7500รูป ส่วนที่คุณ "สงสัย" (อีกแล้ว) นั้น ผมไม่สงสัยเพราะไปเห็นมากับตาเรื่องอภิญญา คุณคงไม่ได้คลุกคลีกับวงการสงฆ์มากนักจึงไม่ทราบ จากบทความต่างๆ ในกระทู้ต่างๆ เห็นได้ชัดเจนว่าคุณตกข่าวไปหลายเรื่อง

 

ผมว่าคงไม่ใช่ไม่จำเป็นหรอก...อาจเป็นเพราะทำไม่ได้ต่างหาก จริงไหม เป็นผม ก้อคงตอบแบบที่คุณตอบนั่นแหละ..55555++++

 

โอวาทล่าสุดจากหลวงพ่อธรรมะครับ

"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นแค่ teacher ถ้าใครใจอยู่ศูนย์กลางกาย จะแคล้วคลาดปลอดภัย"

มีสติกันทุกคนนะคร้าบบบ สาธุ

 

พระรูปที่ผมกล่าวถึง เป็น1ในพระที่หลวงตาบัวกล่าวว่าสำเร็จแล้ว

พระรูปนี้ไม่ใช่พระวัดพระธรรมกาย

การเข้าฝัน (กายมนุษย์ละเอียด) ขอภิกษุ เป็นการแสดงฤทธิ์ ต้องอาบัติ


วันนั้นผมมีโอกาสไปกราบพระท่านนี้ ก่อนที่ท่านจะเดินทางไปวัดป่าบ้านตาด

เรื่อง งานหลวงตาบัว ท่านเปิดโอกาสให้สาธุชนได้ถามเรื่องของอรรถธรรม

และปกิณกะ พอผมได้โอกาส ผมก็กราบท่านแล้วก็ถามไป 4 คำถาม ข้อสุด

ท้าย ผมกราบถามท่านว่า "ไม่ว่าพระรูปนั้น จะผิดจริงหรือไม่ การที่เราไป

เตะต้องคนในผ้าเหลือง อย่างที่ชอบมีคนไปวิจารณ์ในอินเตอร์เน็ตกันนั้น จะ

เกิดวิบากไหมครับ" ท่านก็ว่ามาอย่างนั้น แล้วผมก็ไม่เจอท่านอีกเลย การที่จู่ๆ

จะเข้าไปขอให้ท่านเข้าฝันคนนั้น คนนี้ มันดูจะเป็นเรื่องใหญ่ไปมั้ย ท่าน

เมตตาสาธุชนในวันนั้น เพราะนานๆท่านจะมากรุงเทพ ผมก็ทราบเรื่องจาก

เพื่อนที่อยู่ในเว็บลานธรรม แล้วผมก็ไม่รู้จักท่านเป็นการส่วนตัว ไม่มีเบอร์โทร

อุปัฏฐากท่าน ก็แค่ได้โอกาสให้ท่านแสดงธรรม สาธุชนในที่นั้นก็ได้ทราบไป

ด้วยว่า อะไรไม่ควรทำ อะไรควรทำ



ส่วนเรื่องที่คุณปรามาสท่านไปนั้น ก็แล้วแต่คุณ ผมว่า บางสิ่งที่คุณวิจารณ์

เรื่องของสงฆ์ มันมากไป มันล่วงเกิน

พระสงฆ์ที่บวชถูกต้องตามวินัย ไม่ว่าทำผิดทำถูกเราห้ามเตะต้องน่ะครับ เป็น

ต้นว่า ท่านจะฉันเสียงดัง เดินไม่เรียบร้อย สายตาไม่สำรวม เพิ่งบวชได้ไม่

นาน ไม่มีความรู้ทางธรรม ไม่ปฎิบัติ เวลาเราเจอท่าน เราก็ต้องกราบ นี่คือ

สิ่งที่ถูกต้อง เราจะมีโอกาสตักเตือนก็เมื่อเราเป็นพระเอง มีพรรษาเหนือกว่า

เป็นพระอาจารย์กับลูกศิษย์ อย่างนี้จึงจะได้ครับ



ผู้ที่ครองผ้ากาสาวพัตรอยู่ ถึงเพียงแต่แค่ครอง ไม่ได้ปฎิบัติก็ตาม เราก็เตะต้องไม่ได้ ทั้งกาย วาจา ใจ

 

สำหรับผม ความจริง ก้อคือความจริง ผมไม่เคยปรามาสพระสงฆ์ สิ่งที่กล่าวมา มันมีให้เห็นในสังคมเรามาโดยตลอด แต่พวกเราไม่คิดที่จะแก้ไข ปล่อยเลยตามเลย สังคมเรามีทั้งคนดี คนชั่ว จึงต้องมีระเบียบกฎเกณฑ์ที่แน่นอน แม้กระทั่งสังคมพระ ก้อมีพระธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่สุดท้ายก้อมีเหลือบศาสนามาคอยเกาะกิน หากินกับผ้าเหลือง และที่สำคัญ พุทธศาสนิกชนอย่างเราๆท่านๆ กลับวางเฉย (ขนาดมีตำรวจพระแล้ว ก้อเท่านั้น)เพราะมีเรื่องของเงินทองเข้ามาข้องเกี่ยว จึงทำให้มีมนุษย์ที่เห็นแก่เงิน ผู้ไม่กลัวบาป กลัวกรรม สร้างความเสื่อมเสียให้กับพุทธศาสนา ไม่ว่าวัดใหญ่ หรือวัดเล็ก เราเองไม่ควรวางเฉย ควรช่วยกันหาทางแก้ปัญหา ไม่ใช่มองเพียงแค่ว่า ใครทำกรรมชั่ว เดี๋ยวก้อได้รับบาปนั้นเอง ถ้าคิดแค่นั้น ไม่น่ามานับถือพุทธศาสนาเลย
ส่วนที่ว่าพระสงฆืที่บวชมาอย่างถูกต้องไม่ควรไปแตะต้องนั้น ถ้าพระสงฆ์รูปนั้น ประพฤติผิดศีล ยุ่งเกี่ยวสตรี หรือ ทำอย่างอื่นๆ เราคงไปแตะต้องไม่ได้งั้นหรือ ...? คุณคิดอะไรผิดไปหรือเปล่า ส่วนพระที่ประพฤติมิชอบ สำหรับผม เขาก้อคือ มนุษย์หัวโล้น ขี้เหม็น อาศัยผ้าเหลืองหากินไปวันๆ ก้อเท่านั้น ถ้ามุมมองคุณคิดว่าผมปรามาส ก้อแล้วแต่นะ...สำหรับผม ผมแค่อยากให้ทุกคนตาสว่าง ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นในสังคมไทยก้อเท่านั้น เรื่องจะบาปหรือไม่ ไม่ไมีใครบอกได้หรอกครับ อยู่ที่ตัวเรา จิตเรา มากกว่า ว่าจะรู้จริตตัวเองแค่ไหน

 

ผมพูดเพราะนำธรรมะ มาแสดงต่อน่ะครับ

ถูกต้องเลย หากพระที่บวชมาอย่างถูกต้องไปยุ่งกับสตรีเราก็ห้ามเตะ

ต้อง ผมเคยไปฟังธรรมที่วัดป่าแห่งหนึ่ง สายหลวงปู่มั่น เจ้าอาวาส

ท่านเล่าว่า


เคยเห็นโยมที่เคยด่าพระทุศีลรูปหนึ่ง(ผมจำชื่อไม่ได้อ่ะครับ ที่ต่อมา

ท่านไปอยู่ต่างประเทศ นุ่งห่มจีวรเขียวอ่ะครับ พระรูปนี้หล่อมาก

ประมาณ20ปีก่อนดังมากๆ ไปต่างจังหวัดที คนมาฟังธรรมเป็นหมื่น

คน ต่อมาทำผู้หญิงท้อง ก็เลยไปต่างประเทศ ตอนนี้ก็ยังเป็นสมณะ

อยู่) โยมคนนี้มีปัญหาชีวิตหนักหนาสาหัส(เล่าย่อๆ) มาขอให้ท่านแผ่

เมตตาช่วย เขาคิดว่าเขาเองโดนของเขมร เจ้าอาวาสท่านเมตตาก็

เลยแสดงธรรมเพื่อบอกใบ้โยมคนนี้ว่า เคยส่วงเกินผ้าเหลือง



เจ้าอาวาสท่านก็เล่าให้ฟังระหว่างแสดงธรรม เพราะตอนนั้นมีข่าว

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช ท่านก็ว่าพระจะผิด ไม่ผิดอย่างไรก็

อย่างไปยุ่ง มันไม่ใช่เรื่องของเรา ยุ่งแล้วเราก็ยุ่งตาม ผมได้ฟัง

ธรรมก็พอควร ก็สรุปว่าอย่าไปยุ่งเลย มันเกิดวิบากจริงๆ เพราะ

อะไรหรือ เพราะหากเราใส่ใจมากเข้า เราก็จะสงสัยพระทุกรูปอยู่

เนืองๆ พอเห็นปุ๊ป ก็คิดปั๊ป ใจมันเร็วครับ ว่า พระจริงหรือเปล่า

ว่าไม่ควรอย่างนั้น ไม่ควรอย่างนี้ มันเป็นมโนกรรมครับ



ทุกข่าวคาวของพระผู้ทุศีลนั้น ต่อหน้าพระเหล่านั้นก็ดูดี เป็นที่ตั้ง

แห่งศรัทธา ต่อเมื่อมีข่าวก็จึงรู้เบื้องหลัง ตรงนี้มาเป็นโปรแกรมในใจ

เราครับ เอ...ต่อหน้าท่านก็ดีน่ะ แต่ลับหลังไม่รู้เป็นไง อาการทาง

จิตมันวิ่งไปทันทีต่อพระทุกรูปที่เห็น แบบนี้เราจะไม่ได้สังฆานุสติ

กรรมฐาน เราจะลังเลอยู่ลึกๆ ซึ่งมันเปล่าประโยชน์ ผมก็เคยเป็น

แต่ได้พระท่านโปรดไปมาก ฟังธรรมทีไรก็เจอแต่เรื่องนี้ เห็นหน้า

เราทีไรก็พูดแต่เรื่องนี้ ทำให้ผมรู้ตัวเองโดยอัตโนมัติ


จะเชื่อผมหรือไม่นั้น ก็เรื่องคนอื่น ไม่ใช่เรื่องผม ทุกวันนี้ถ้าเปิด

ข่าวอยู่แล้วนักข่าวพูดถึง พระฉาว พระปลอม มารศาสนา พระ

ชื่อดังที่โน่นนี่นั่น ผมจะเปลี่ยนทันที ประคองจิตให้มั่นคง แล้วท่อง

ในใจว่า "เรื่องคนอื่นไม่ใช่เรื่องของเรา สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม"


เวลาทำบุญกับพระผมก็จะชุ่มชื่น ศรัทธามั่นคงมากๆ ใส สว่าง

มากๆ ไม่ลังเล ไม่สงสัย จะยังไงเราเองก็ทำดีแล้ว

 

เคยเห็นวัดนี้เค้าทำประโยชน์อะไรให้สังคมบ้างไหม เคยเห็นเงินทำบุญกระเด็นออกนอกวัดไหม เคยเห็นบุญที่ทำในวัดนี้โดยไม่ต้องจ่ายเงินไหม

 

ถ้ามองก็เห็น ถ้าไม่มองก็ไม่เห็น

ไม่มีใครร่วมมือ รัฐไม่ร่วมมือ Free TV ไม่ร่วมมือ อย่างนี้แล้วจึงไม่เห็น

เค้าต้องทำเอง ร่วมมือกันเอง

โครงการมีมาก เต็มฟ้าครอบ เปิดย้อนอ่านดูได้ กระทู้นี้ก็มี

บุญกิริยาวัตถุ10 ทานก็เพียงอย่างเดียว อยากได้บุญโดยไม่ใช้ปัจจัย

ก็เชิญ ออสาสมัครต่างๆ เก็บขยะในวัด ล้างห้องน้ำ ระดับเจ้าของ

เนเจอร์กีฟก็ทำมาแล้ว รวมเป็นหมู่คณะชวนคนบวชพระ บวช

อุบาสิกา


ถ้าเคยมาวัดก็จะรู้เอง ไม่ทำก็ไม่มีใครรู้นิ ทำ20ก็ได้


ที่ผมเห็นมามากในเน็ตคือ การใส่ร้ายวัด มากครับ จุกจิกมาก

...ที่นั่งละ1000 เอามาจากไหน??
...กว่าจะเข้าวัดได้ ต้องผ่านด่าน ตรงไหนว่ะ
...บังคับสร้างพระ ไม่สร้างไม่ให้เข้า งง ใครจะกล้าบังคับ
...ล้างสมอง ล้างยังไงว่ะ มีแต่ทำใจใสใส
...เข้าห้องน้ำ ต้องเสียตัง ....วัดน่ะ ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว
..เจดีย์อะไรไม่มีฉัตร งง จำเป็นหรอ พระพุทธรูปก็เป็นเจดีย์ได้

...อีกมากอ่ะ ไร้สาระ

 

ผมหวังว่าผู้คนที่นับถือศาสนาพุทธที่คิดแบบคุณคงเป็นแค่ส่วนน้อยของประเทศนี้...เพราะถ้าขืนคิดแบบนี้ ผมว่าคงยุ่งเหยิงตายเลย แค่คิดว่าปล่อยให้มีเหลือบอยู่ในศาสนา ผมว่าคุณก้อคงผิดเสียแล้ว น่าจะบาปมากกว่า สิ่งที่คุณคิดว่าผมปรามาส คนหัวโล้น ขี้เหม็น นุ่งเหลือง ละมั๊ง...ส่วนวิธีคิดแยกแยะระหว่างพระดี กับ พระเลว คงไม่ต้องบอกวิธีคิดกระมัง เพราะขนาดพระเลวคุณยังมองข้าม ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขา ผมว่าหันไปนับถือนิกายตามแบบของคุณก้อคงเหมาะกับจริตคุณมากที่สุด ปล่อยให้ชาวพุทธจริงๆเขามองหาวิธีแก้ไขกันเอง เพราะถ้านิกายแบบของคุณสอนแบบนั้น คงไม่เหมาะกับชาวพุทธอย่างเรา...