ไม่รู้ว่ามีใครเห็น Planet X หรือยัง?

โอ้สกุลนี้นี่เอง ว่าแต่ภาษาอะไรอ่ะ

 

ผมก็ยังงงอยู่ว่าหากพวกเขาจะบินทำไมไปบินไกลดวงอาทิตย์จังไม่กลัวโดนเผ่าหรือนั่น

 

บางที ยานพหนะของเค้า หรือ สิ่งนั้น อาจจะใช้พลังงานความร้อนจาก
ดวงอาทิตย์ก็ได้นะครับ ท่าน

 

ตอบแบบถั่วๆนะ แหะ แหะ
ช่วงนี้อยู่ในขั้นตอน แจกกระหน่ำซัมเมอร์ ลูกพี่ใหญ่พระอาทิตย์บิ๊กบึ้มท่านแจกของ
หมายถึงแจกพลังงานบริสุทธิ์ จะเข้าข่ายเพลังงานต้นแบบด้วยไหม อันนี้ไม่รู้
มีทั้ง solar flar CME และอนุภาคอื่นๆอีกมากมายที่เรามองไม่เห็น
พวกเขาก็มารอรับอั้งเปา กันละมั้ง อิ่มพลังงาน กินกันพุงปลิ้น *-*

พวกเราอาจจะไม่ชอบเพราะว่ามันร้อนนนน และทำให้โลกปั่นป่วน แปรปรวน

แต่เรานึกมาได้เรื่องนึง สมัยโลกกำเนิดขึ้นมาเป็นง้วนดิน มีพวกที่มีแสง
ฉัพพรรณรังสีลงมากินง้วนดิน แล้วเพลิดเพลินลืมตัว กินง้วนดินจนแสงรังสี
หายหมด แสงก็ไม่ได้หายไปไหนตำราบอกว่า ก็กลายเป็นพระอาทิตย์
และทำให้เกิดมีกลางวันและกลางคืนบนโลก พวกที่ลงมากินง้วนดินเลยติดอยู่
ที่โลก กลับบ้านไม่ได้ กลายเป็นประชากรโลกไป แล้วก็มีเสื่อม มีเจริญไปตาม
วัฏจักรของโลก ส่วนพระอาทิตย์ท่านก็ถือกำเนิดมาตั้งแต่นั้น กลายมาเป็นสุริยจักรวาล
แล้วก็ทำหน้าที่แจกพลังงานเป็นลมสุริยะ หล่อเลี้ยงระบบของจักรวาลไป
ช่วงนี้เป็นรายการพระอาทิตย์ถึงเวลาอัพเกรดเป็นรอบสุดท้ายก็เลยมีรายการ
แจกกระหน่ำซัมเมอร์เซลส์ อย่างที่บอก เขาก็มารอเฉลิมฉลองกัน

พวกที่เราเห็นเป็นแสงนั่น อาจจะเป็นพวกเดียวกับเราก็ได้นะ แต่เป็นพวกที่ไม่ได้
กินง้วนดินไง เลยมีสภาพเหมือนพระอาทิตย์ แต่ฟิ้วส์ไปฟิ้วส์มาได้

แล้วก็มาดูหน้าเพื่อนเก่าๆแบบพวกเราไง พวกเห็นแก่กิน
เลยโดนเขาจับไว้ ติดแหงกอยู่บนโลกนี่แหละ แหะ แหะ

ปล.เราแต่งนิยายให้อ่านเล่นตามอารมณ์รั่วๆนะ ฟังหูไว้หู ฮี่ ฮี่ ฮี่ !!!

 

พวกนักวิทย์ฯไม่เชื่อรายงานนักวิจัยนาซาอ้างพบ'สิ่งมีชีวิตนอกโลก'!!

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 มีนาคม 2554 03:27 น.




ลอสแองเจลิสไทมส์/เอเจนซีส์ - นักวิจัยผู้หนึ่งขององค์การนาซา สร้างความเกรียวกราวตื่นเต้นไปทั่วจากการออกมาระบุว่า ค้นพบเศษซากของสิ่งมีชีวิตนอกโลกภายในหินอุกาบาตหลายก้อน อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่านักวิทยาศาสตร์กระแสหลักจำนวนมาก รวมทั้งองค์การนาซาเอง กลับไม่ให้น้ำหนักความสำคัญอะไร ภายหลังที่รายงานวิจัยเรื่องนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารออนไลน์ซึ่งไม่สู้เป็นที่ยกย่องเชื่อถือในวงการเมื่อวันศุกร์(4)ที่ผ่านมา

รายงานวิจัยดังกล่าว เขียนโดย ริชาร์ด ฮูเวอร์ ผู้เป็นวิศวกรใน ศูนย์มาร์แชลล์เพื่อการเดินทางในอวกาศ ขององค์การบริหารการบินและอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองฮันต์สวิลล์ มลรัฐแอละแบมา ฮูเวอร์ระบุว่าเขาได้ผ่าหินอุกาบาตก้อนเล็กๆ สองสามก้อน นำกล้องจุลทรรศน์มาตรวจดู และได้เห็นสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นซากฟอสซิลของเชื้อแบคทีเรียขนาดเล็กจิ๋ว ที่มีชื่อว่า ไซยาโนแบคทีเรีย (cyanobacteria)

ฮูเวอร์เขียนในรายงานวิจัยของเขา โดยมีบทสรุปว่า ชีวิตเป็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ทั่วไปหมดในเอกภพ เขาได้ส่งรายงานนี้ไปยังวารสารชีววิทยานอกโลก (Journal of Astrobiology) ทว่าทางวารสารปฏิเสธไม่รับตีพิมพ์เผยแพร่

จากนั้นฮูเวอร์จึงส่งรายงานของเขาไปยังวารสารจักรวาลวิทยา (Journal of Cosmology) ซึ่งเป็นวารสารออนไลน์ที่มุ่งส่งเสริมสนับสนุนแนวความคิดที่ว่า ชีวิตบนโลกมาจากอวกาศภายนอก ต่อมาสถานีข่าวโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ ได้นำรายงานวิจัยนี้มาทำเป็นรายงานข่าว จึงจุดชนวนให้เกิดการเผยแพร่เรื่องนี้อย่างตื่นเต้นเกรียวกราว ติดตามด้วยการที่พวกนักวิทยาศาสตร์กระแสหลักพากันออกมาเยาะเย้ยถากถางอย่างรวดเร็ว

นาซาเองก็กันตัวเองให้ออกห่างจากผลงานของฮูเวอร์ ในความเคลื่อนไหวที่ถือว่าผิดไปจากธรรมดา พอล เฮิร์ตซ์ ผู้เป็นหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของบรรดาหน่วยงานที่มีภารกิจด้านวิทยาศาสตร์ทั้งหลายของนาซา ได้ออกคำแถลงฉบับหนึ่งในวันจันทร์(7) ในคำแถลงนี้นอกเหนือจากพูดถึงสิ่งอื่นๆ แล้ว ได้ระบุด้วยว่า “นาซาไม่สามารถยืนอยู่เบื้องหลังหรือให้การสนับสนุนแก่การกล่าวอ้างทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ได้ จนกว่าการกล่าวอ้างนั้นๆ ได้ผ่านกระบวนการศึกษาทบทวนโดยเพื่อนนักวิทยาศาสตร์อื่นๆ หรือได้ผ่านการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณภาพรายอื่นๆ … นาซาไม่ได้รับรู้รับทราบเลยว่าเมื่อเร็วๆ นี้มีการส่งรายงานผลวิจัยดังกล่าวนี้ไปให้แก่วารสารจักรวาลวิทยา ตลอดจนการที่รายงานผลวิจัยนี้ได้รับการเผยแพร่ต่อๆ มา”

สำหรับวารสารจักรวาลวิทยานั้น เป็นสิ่งพิมพ์ที่ออกมาแล้วประมาณ 2 ปี วารสารออนไลน์ฉบับนี้พัฒนาขึ้นโดย รูดี ชิลด์ แห่งศูนย์ฮาร์วาร์ด-สมิธโซเนียนเพื่อฟิสิกส์ดาราศาสตร์ ชิลด์เป็นผู้ซึ่งไม่มีความขวยเขินเลยในการส่งเสริมสนับสนุนแนวความคิดที่ว่า ตลอดทั่วทั้งเอกภาพมีสิ่งมีชีวิตอยู่ทั่วไป และสิ่งมีชีวิตในโลกเราถูกนำมาจากนอกโลก วารสารฉบับนี้ออกมาได้เพียง 13 ฉบับ และในคำแถลงที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์(7)ก็ระบุว่า จะยุติการจัดทำในเดือนพฤษภาคมนี้ เนื่องจาก “ถูกฆ่าโดยพวกโจรและพวกขี้โกง” ในวารสารวิทยาศาสตร์กระแสหลักอย่าง “ซายซ์” (Science) ตลอดจนวารสารประเภทบอกรับเป็นสมาชิกฉบับอื่นๆ โดยวารสารเหล่านี้คอยขัดขวางบีบคั้นจนวารสารจักรวาลวิทยาไม่สามารถเผยแพร่กระจายข่าวสารของตนได้

วารสารออนไลน์ฉบับนี้อ้างว่าตนเองเป็นวารสารประเภทที่ใช้กระบวนการศึกษาทบทวนโดยเพื่อนนักวิทยาศาสตร์อื่นๆ โดยสำหรับในกรณีผลงานของฮูเวอร์นี้ ทางคณะบรรณาธิการของวารสารระบุว่า ได้ส่งสำเนาบทความของฮูเวอร์ไปยังนักวิทยาศาสตร์คนสำคัญๆ รวม 100 คนเพื่อขอให้วิพากษ์วิจารณ์แสดงความเห็น และจะตีพิมพ์ความเห็นเหล่านี้เมื่อส่งกลับมายังวารสาร อย่างไรก็ตาม ในวิธีปฏิบัติตามปกติของการตีพิมพ์ผลงานทางวิทยาศาสตร์นั้น กระบวนการศึกษาทบทวนโดยเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ จะต้องกระทำกันก่อนที่รายงานวิจัยนั้นๆ จะได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ ทั้งนี้เพื่อเป็นหลักประกันในเรื่องความถูกต้องแม่นยำของผลวิจัย

สำหรับพวกนักวิทยาศาสตร์ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นนั้น ส่วนใหญ่แล้วแสดงความกังขากับรายงานผลวิจัยนี้ เป็นต้นว่า พอล แซด ไมออร์ส นักชีววิทยาและบล็อกเกอร์แห่งมหาวิทยาลัยมินนิโซตา เขียนเอาไว้ว่า “ผมละเซอร์ไพรซ์จริงๆ ว่ายังจะมีใครให้คะแนนความน่าเชื่อถือใดๆแก่งานชิ้นนี้อีกหรือ”

“ขับรถต่อไปดีกว่าพรรคพวก แถวนี้ไม่มีอะไรที่น่าจะมามุงดูหรอก” โรซี เรดฟิลด์ นักจุลชีววิทยาแห่งมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย เขียนเอาไว้เช่นนี้ พร้อมกับบอกด้วยว่า เป็นเรื่องง่ายจะตายที่จะค้นหาโครงสร้างต่างๆ ในธรรมชาติ ซึ่งมีลักษณะดูเหมือนกับว่าเป็นแบคทีเรีย

นักวิทยาศาสตร์อีกหลายคนกล่าวว่า กระทั่งถ้าร่องรอยที่ฮูเวอร์ตรวจพบในอุกาบาตกลายเป็นแบคทีเรียจริงๆ ขึ้นมา มันก็เป็นเรื่องลำบากอยู่ดีที่จะหาข้อพิสูจน์ยืนยันให้ได้ว่า แบคทีเรียดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่มาปนเปื้อนในภายหลัง

ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกนักวิจัยอ้างว่าค้นพบซากฟอสซิลในหินอุกาบาต เมื่อปี 1996 นักวิจัยของนาซาผู้หนึ่ง (รายนี้ได้รับอนุญาตจากองค์การนาซาให้ออกมาแถลงเรื่องนี้อย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ) ระบุว่าเขาได้ค้นพบฟอสซิลแบคทีเรียในอุกาบาตก้อนหนึ่งที่ระเบิดออกมาจากผิวนอกของดาวอังคาร รายงานการวิจัยชิ้นนี้ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสารซายซ์ ยังกลายเป็นรายงานขึ้นปกของนิตยสารไทม์ และได้รับการป่าวร้องยกย่องจากทำเนียบขาวด้วย

อย่างไรก็ดี ในที่สุดแล้วนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ก็สรุปว่า สิ่งที่นักวิจัยเหล่านี้พบเห็นเป็นเพียงการก่อตัวของหินที่แลดูเหมือนฟอสซิลเท่านั้น

เมื่อปีที่แล้ว คณะนักวิจัยที่ได้รับความอุปถัมภ์จากนาซาคณะหนึ่ง ออกมาแถลงว่าพวกเขาค้นพบแบคทีเรียบางอย่างในทะเลสาบ โมโน ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งสามารถดูดซึมเอาสารหนูเข้าไปในดีเอ็นเอของพวกมัน โดยใช้สารหนูแทนที่สารฟอสฟอรัส พวกเขาบอกว่าการค้นพบนี้บ่งชี้ว่ามีความเป็นไปได้ที่ในอวกาศอาจจะมีสิ่งมีชีวิตรูปแบบอื่นๆ ที่ผิดแผกไปจากที่เรารู้จัก ทว่าข้อสรุปนี้ก็ถูกหัวเราะเยาะจากนักวิทยาศาสตร์อื่นๆ เช่นกัน

Around the World - Manager Online -

 

นิยายคุณขวัญนี่ อ่านดีๆ ออกแนวสยองขวัญนะครับ ไอ้ตรงอั่งเปาที่แจกเนี่ย

ว่าแต่ ลุงๆ ป้าๆ น้าๆ อาๆ ที่ฟิ้วไปมาแถวพี่ใหญ่ดวงโตนั้น เมื่อก่อนไม่ยักกะเห็น (หรือเราเห็นแต่ไม่เคยใส่ใจกับพวกแก)

ว่าแล้วก็ขอบคุณทุกข้อมูลดีๆจากทุกท่านที่หามาให้อ่านครับ

 

อีกหนึ่งร่องรอย PX ที่หลายๆคนเริ่มมั่นใจแล้วว่ามันใกล้เข้ามาเต็มที่แล้ว
ถ้านี่เป็นของจริง..คงอีกไม่นานครับ .. เมืองไทยเราคงได้เห็นของจริง..
http://www.youtube.com/watch?v=UwvDyAPhWIM

 

ภาพถ่ายฝีมือคนไทยชาวเว็บพลังจิต ก็มีเห็นพวก ฟิ้วส์ไปฟิ้วส์มา นะ
เราเอามามั่วข้อมูลแบบถั่วๆ แล้วแต่งเป็นนิยาย แหะ แหะ

โดยคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->eakcom57<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4453229", true); </SCRIPT>

อะไรอยู่รอบดวงอาทิตย์ ลองส่องดูดี ๆ ครับ

ผมบอกตรง ๆ ครับ ผมก็ตกใจมากเหมือนกันที่ได้เห็น เพราะมีหลายดวงเหลือเกิน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคืออะไรกันแน่

*** จากการถ่ายนับ 20 ครั้ง ก็มีมาให้แบบนี้ครับ ใครต้องการไฟล์ภาพต้นฉบับขอได้หลังไมค์ เพราะไม่มีการตัดต่อใด ๆ ทั้งสิ้น

ถ่ายเมื่อวันที่ 6 มค. 54

เวลา 17.00 น.

ภาพที่ถ่าย ถ่ายจาก Canon EOS 60D ด้วยความละเอียดสูงสุด เทคนิคการถ่ายคือปรับค่ารูรับแสงให้แคบที่สุด เพื่อลดความสว่างและเก็บรายละเอียดของภาพให้ได้มากที่สุด **ห้ามเล็งนานอาจทำให้เซ็นเซอร์ของกล้องเสียได้ ต้องใช้วิธีการปรับค่าที่เหมาะสม เล็งแล้วถ่ายเลย เท่านั้น ปล.ถ่ายตอนเย็นพระอาทิตย์แสงไม่แรงเหมือนตอนเที่ยงหรือบ่ายนะครับ

Crop ตรงพระอาทิตย์มาให้ดู ไม่มีการปรับแต่งใด ๆ ทั้งสิ้น

ส่วนรูปสุดท้ายเป็นการสลับสีให้ดูวัตถุที่อยู่รอบ ๆ<!-- google_ad_section_end -->









ผมลองทำ Map ให้ดูง่าย ๆ ครับกับ 12 รูป ที่ผมถ่ายได้ แต่ละรูปเวลาห่างกันประมาณ 15 - 20 วินาที จะถ่าย 1 ครั้ง

ตัวเลขที่กำกับ เป็นชื่อไฟล์ครับ ใครอยากได้ไฟล์ต้นฉบับส่ง PM มาให้ผมได้เลยครับ จะได้ส่งไปให้พิสูจน์กัน

ปล.ทำไมจุดเหล่านั้นถึงเคลื่อนที่ตลอด ผมไม่เข้าใจเหมือนกัน<!-- google_ad_section_end -->



ภาพจากเว็บ ZT

http://palungjit.org/threads/สถานีถ่ายทอดสัญญาณ-เซต้าส์.281715/page-18

อันนี้จากคุณ AmpeerA รูป แจกอั่งเปาให้มะละกอ หรือว่า มะละกอรีบแจ้นมารับอั่งเปา หว่า? อิอิ

 

เจ้าของภาพบอกว่าเป็น lens flare ครับ เขาเพิ่มวีดีโอมาให้ดู
[ame="http://www.youtube.com/watch?v=nde_mOdYFlo"]YouTube - It's NOT a planet Sorry 07/03/2011 please read info box[/ame]

 

มาบิ๊วอารมณ์กันอีกรอบ

ดาว Nibiru มาจากไหน และจะส่งผลกระทบอะไรกับโลกบ้าง ?



ยาวหน่อยนะ..ลองอ่านดู ผมเอามาจากหลายที่ ดาวชื่อ nibiru จะเฉียวโลกจริงหรือเปล่าเนื่ย.... ถ้าจริง อีกสองปีเท่านั้น ดาวฤกษ์ที่ชื่อว่า นิบิรุ จะโคจรเข้ามาใกล้โลก ซึ่งมีผลกระทบอย่างแน่นอน แต่ใครมีความรู้ดีๆเรื่องนี้มั้ง มาคุยกันดีกว่าเนอะดาวนิบิรุ (Planet X Nibiru)สันนิฐานว่าถูกดวงอาทิตย์จับไว้เมื่อ 500,000 ปีก่อน

ผลกระทบ (เท่าที่รู้มา)

เนื่องจากมันเป็นดาวหางที่มีขนาดใหญ่มากๆ ซึ่งถ้ามันโคจรเข้าใกล้ๆวงโคจรของระบบสุริยะนี้ ก็สร้างความปั่นป่วนได้แล้ว (ปัจจุบัน ดาวยูเรนัสกับเนสจูนโดนเป็นประจำ) และวิถีโคจรของมันโดยองค์กรนาซ่าบอกว่า...จะโคจรเข้ามาใกล้โลกมากๆ และมันจะโคจรเข้าเป็นเส้นตรงพอดีในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ.2012 ก็คือ ดวงอาทิตย์ โลก และนิบิรุ อยู่ในระนาบเดียวกันพอดี วันนั้นจะเป็นวันวิบัติซึ่งจะมีผลดังนี้

1. สร้างความปั่นป่วนให้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าของโลก
2. น้ำทะเลจะขึ้นสูงมากๆ จนเกิดวิกฤติการณ์ที่เรียกว่า น้ำท่วมโลกหรือซุปเปอร์สึนามิ
3. แผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดไปทั่วโลก
4. ระบบอิเล็กโทรนิคจำนวนมากจะทำงานผิดปกติ (ระบบขีปนาวุธ,ดาวเทียม,คอมพิวเตอร์ ฯลฯ)
5. การอพยพของฝูงสัตว์ เช่น นก หรือปลาวาฬ ทำให้สูญเสียทิศทางและอื่นๆ
6. ระบบภูมิคุ้มกันโรคในบรรดาสัตว์รวมถึงมนุษย์ จะทำให้อ่อนแอลงอย่างมาก
7. สนามแม่แหล็กโลก (Magnetosphere) จะอ่อนแอลง และการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์จะเพิ่มปริมาณถึงระดับอันตราย ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังตามมา ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้
8. กลุ่มวัตถุในอวกาศที่มีเส้นผ่านมากมาย จะเฉียดเข้าใกล้โลกได้ง่ายขึ้น
9. แรงดึงดูดของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

เอาล่ะ..พล่ามมาซะยืดยาว ผมจะนำเสนอภาคข้อมูลเท็จจริง ณ ปัจจุบันก่อนละกันนะครับ...(ปล.ก็อปเค้ามาอีกทีและแก้ไขใหม่ ให้อ่านเข้าใจง่ายขึ้น) เนื่องด้วยความสงสัยของตัวผมและใครอีกหลายๆคนว่า ทำไมปี 2012 จึงมีข่าวลือเกี่ยวกับวันสิ้นโลกมากมายเหลือเกิน!!! บางแหล่งก็อ้างน้ำท่วมจากเหตุโลกร้อน บางแหล่งก็อ้างคัมภีร์ไบเบิ้ลเพราะพระเจ้ากำหนดมา แต่มีสิ่งที่นึงที่มีทั้งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ พร้อมเกี่ยวกับปรากฎการณ์ที่อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้

เรื่องนี้คือเรื่อง ดาวปริศานาดวงที่ 12 ของระบบสุริยะจักรวาล (นับตามแบบของชาวสุเมเรียน) นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบ ดาวดวงที่ 12 ขึ้นมาอยู่ในระบบกาแล็คซี่ของเราดื้อๆ แต่ความเป็นจริงนักดาราศาสตร์รู้จักดาวนี้มาตั้งแต่ปี 1982 แล้วซึ่งเป็นข่าวใหญ่โตมากช่วงเดือน พฤษภาคม เพราะผมก็ได้ดูเหมือนกัน มันคือดาวที่มีชื่อตั้งทางวิทยาศาสตร์ว่า นิบิรุ (Nibiru)

และด้วยหลักฐานโบราณวัตถุและนักโบราณคดีได้กล่าวไว้เนืองๆ ว่า...สิ่งของที่ไม่สามารถอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ได้ เกิดจากดาวดวงนี้ แต่สิ่งที่เรารับรู้คือเจอดาวเคราะห์ดวงใหม่ ที่อาจสำคัญมากๆ ทำไมผมถึงกล่าวอ้างเช่นนั้น? สิ่งที่เราไม่รู้มันคือสิ่งนี้ครับ....

ดาวดวงนี้ทุนเดิมไม่ได้อยู่ในระบบกาแล็คซี่ทางช้างเผือกมาแต่เนิ่นๆ อยู่แล้ว แต่... มีวงโคจรกว้างใหญ่ไพศาลมาก จนมาทับซ้อนลงบนกาแล็คซี่นี้ แปลว่า... ที่นักวิทยาศาสตร์เห็นเพิ่มมาอีกดวง ก็แปลว่ามันโคจรเข้ามาใกล้กาแล็คซี่เราสินะ ถูกครึ่งเดียวครับ ความจริงมันเเข้ามาทับวงโคจรทั้งแถบเลย

เส้นทางการเดินทางของวงโคจรดาว นิบิรุ มีความเป็นไปได้ที่มันจะโคจรมาทับเส้นเดียวกับวงโคจรของโลกเลยล่ะครับ ซึ่งนั่นก็แปลว่า... มันมีสิทธิชนโลกใด้!! มันเข้าใกล้มาแล้วจริงหรือ? เส้นทางวงโคจรทำให้เรารู้ได้ว่า ถ้าเมื่อก่อนเราส่องดูดาวบริเวณทิศใต้สุดของโลกเราจะเห็นมัน แต่ต้องใช้กล้องส่องทางไกลช่วย แต่ปัจจุบันนี้ ปีนี้สามารถเห็นได้ด้วยเปล่าแล้ว!!

และสำหรับคนที่อยากเห็นแต่ไม่มีตัง ไปออสเตรเลียหรือประเทศอะไรที่อยู่ทางใต้ของโลกนะ​ครับ แนะนำให้ลองใช้โปรแกรม googleSky ดู ท่านจะเห็นเป็นวงแดงๆ อยู่วงเดียวทั้งท้องฟ้า นั่นหละครับ นิบิรุ...แล้วทำไม? มันเกี่ยวอะไรกับโบราณสถานและวัตถุในอดีตหละ นักโบราณคดี สันนิษฐานว่า นิบิรุเคยโคจรเข้ามาใกล้ทีนึงแล้วในเมื่อหลายแสนปีก่อน หลายหมื่นปีก่อน และหลายพันปีก่อน (ในช่วงพระคริสต์นั่นเอง)

หากดาวดวงนี้โคจรมาที่ ระบบสุริยะของดวงอาทิตย์อีกครั้ง ซึ่งกำลังจะเกิดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ มันจะทำให้เกิดมหันตภัยชนิดโหดสุดยอด เพราะแกนของดาวมีสนามแม่เหล็กอยู่ ซึ่งมันจะทำปฎิกิริยากับสนามแม่เหล็กโลก อาจจะทำให้เกิดสภาพอากาศแปรปรวนครั้งใหญ่ เกิดภัยพิบัติธรรมชาติ เกิดภาวะน้ำขึ้นกระทันหัน ซุปเปอร์สึนามิ แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ เกิดพายุต่างๆ นาๆ และอื่นๆนับไม่ถ้วน!! และเค้าคาดการณ์ไว้แล้วว่าในปี 2012 เราสามารจะเห็นดาวนิบิรุ ใหญ่ขนาดเท่าดวงอาทิตย์ได้เลย เพราะมันเข้าใกล้เรามากแล้ว

ข้อมูลอาจจะยังไม่แน่นพอ เพราะ NASA ยังปิดข่าวอยู่ แต่นักดาราศาสตร์ชั้นนำของประเทศต่างๆ ออกมาอธิบายเรื่องทฤษฎีความเป็นไปได้ กันอย่างจ้าละหวั่น ข้อมูลที่ยังขัดแย้งกันอยู่คือ บางแหล่งบอกเป็นดาวฤกษ์ และบางแห่งบอกว่าเป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่ประมาณดาวพฤหัส!!! (ดาวพฤหัสเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบนี้)

Data of Nibiru คาดหมายว่าเป็นสมาชิกของระบบสุริยะ ตามการคาดหมายเป็นดาวเคราะห์ดวงที่ 9 (นับตามแบบสากล โดยได้ตัดดาวเคราะห์แคระพลูโตออกไป) เนื่องจากนักดาราศาสตร์ได้ศึกษาการโคจรของดาวยูเรนัสและพบว่าวงโคจรของยูเรนัส มีลักษณะที่ผิดปกติอยู่พอสมควร จึงคาดว่าน่าจะมีดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ ที่สามารถส่งแรงโน้มถ่วงรบกวนการโคจรของยูเรนัส จึงได้มีการพยายามค้นหา และได้พบดาวเนปจูนแต่การค้นพบนี้ก็ยังไม่สามารถอธิบายความผิดปกติทั้งของ ยูเรนัสและเนปจูน

จึงได้มีการพยายามค้นหาเพิ่มเติมและได้พบพลูโต แต่พลูโตเป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาดเล็กมาก ทำให้ยังไม่สามารถอธิบายความผิดปกติ ของการโคจรของยูเรนัสและเนปจูนได้ จึงได้มีความพยายามที่จะค้นหาดาวเคราะห์ดวงที่ 9 ของระบบสุริยะอีกครั้ง ความพยายามครั้งนี้ไม่เพียงแต่แค่ค้นหาโดยการสังเกตเทหวัตถุในท้องฟ้าเท่านั้น ยังมีความพยายามในการค้นหาโดยการศึกษาบันทึกโบราณที่อาจจะบันทึกถึงปรากฏการณ์ ที่อาจจะสรุปได้ว่ามีการเคยพบเห็นดาวเคราะห์ลึกลับดวงนี้อีกด้วย (Planet X นี้เป็นชื่อที่ผู้คนหลงใหล เพราะนัยหนึ่งหมายถึงดาวเคราะห์ดวงที่ 9 อีกนัยหนึ่งหมายถึงดาวเคราะห์ลึกลับที่ไม่เคยมีใครพบเห็น)

ขนาดของดาวนิบิรุ: ใหญ่กว่าโลก 5 เท่า = ประมาณดาวพฤหัสบดี <<<(อันนี้ผมไม่รู้ว่าข้อมูลมันถูกไหม เพราะได้ยินมาว่าพายุบนดาวพฤหัสยังใหญ่กว่าโลกตั้ง 3 เท่า)

มวล: ไม่ทราบ

บริวาร: ไม่ทราบ

คาบการโคจร: ประมาณ 3,600 ปี วงโคจรคล้ายดาวหาง จุดที่ห่างจากดวงอาทิตย์ที่สุดอยู่ในแถบกลุ่มเฆมออร์ด จุดที่ใกล้ดวงอาทิตย์น่าจะเป็นบริเวณแถบดาวเคราะห์น้อยระหว่างดาวพฤหัสบดี และดาวอังคาร

จุดกำเนิด: ไม่ใช่สมาชิกดั้งเดิมของระบบสุริยะ แต่ถูกดวงอาทิตย์จับไว้เป็นบริวารเมื่อ 500,000 ปีก่อน คาดว่าน่าจะหลุดมาจากระบบสุริยะของดาวซีรีอุสA

ลักษณะพิเศษ: เป็นดาวเคราะห์ที่อาจจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เช่นเดียวกับโลก

ผลกระทบที่มีต่อโลก: ในอดีตมีความเป็นไปได้สูงที่เคยโคจรเฉียดใกล้โลก ทำให้ดวงจันทร์น้อยที่เป็นดาวบริวารชนโลก ทำให้เกิดเป็นมหาสมุทรแปซิฟิค ปัจจุบันน่าจะมีวีถีโคจรที่แน่นอนแล้ว คาดว่าไม่ถึงกับชนโลกแค่เฉียดๆ แต่จะสร้างหายนะให้โลกอย่างมหาศาล

***อ่านแล้วอย่าเพิ่งตัดสินใจเชื่อ ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน***

ที่มา Patid.com Computer Music Community

เพื่อนบ้านของโลกมาเยือนทุกๆรอบ 13,000 ปี

ของจริงที่กำลังมาปรากฏให้เห็นด้วยตา เป็นดาวฤกษ์ดวงหนึ่งที่ ทางองค์การนาซ่าตรวจพบเมื่อ ค.ศ.1982 และติดตามสังเกตการณ์เรื่อยมา จนข้อมูลมาต่อเชื่อมกับดาวดวงเดียวกันกับที่ชาวสุเมเรียลได้บันทึกเอาไว้ในอดีต หลายพันปี ปัจจุบันนี้ชาวออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ได้เห็นดาวสีส้มโตเท่าลูกกอล์ฟขึ้นทางทิศใต้เป็นปกติ นั่นคือ ดาวนิบิรุ ที่มีลักษณะรีคล้ายลูกรักบี้เป็นดาวฤกษ์ใหญ่กว่าดาวพฤหัสบดีประมาณ 2 เท่า โคจรเป็นวงรีควง 2 กาแลกซี่รอบดวงอาทิตย์ 2 ดวง ในเพลนทะแยงมุม 30 องศากับระนาบวงโคจรของโลกและดาวเคราะห์อื่นๆในระบบสุริยะ

เราลองแวะดูข่าวสารข้อสรุป ของ AndrosEnigmax ในวิดีโอนี้ เพื่อเสริมสร้างสติปัญญาของเรา ที่ชาวโลกได้เริ่มมองเห็นดาวดวงนี้ด้วยตาเปล่ากันมากขึ้นแล้ว ช่วงระยะที่ ดาวนิบิรุ ทำยูเทิร์นดวงอาทิตย์ด้วยวงรีจะเร่งอัตราความเร็วเนื่องจากอยู่ในโค้งข้อศอก และเป็นขณะเดียวกับโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์เข้าไปในระหว่างระยะทางของนิบิรุและดวงอาทิตย์พอดี ช่วงนั้นพลังเส้นแรงแม่เหล็กของดาวนิบิรุและดาวบริวารอีก 5 ดวง ซึ่งมีขนาดใหญ่พอๆกับโลก จะเหนี่ยวนำให้ขั้วเหนือแม่เหล็กโลก เคลื่อนโน้มลงประมาณ 90 องศา

นักดาราศาสตร์คาดการณ์เอาไว้ว่าจะเกิดขึ้นประมาณ 14 ก.พ. 2013 ดาวนิบิรุ เป็นดาวฤกษ์ที่มีขนาดพอๆกับดาวพฤหัสฯ มีผงฝุ่นฟุ้งกระจายอยู่รอบตัวและมีส่วนหางยาว ดังนั้นประมาณ กลางปี 2011 เป็นต้นไปช่วงที่โลกโคจร รอบดวงอาทิตย์ และเข้าไปอยู่ใต้ดาวดวงนี้ซึ่งมีระนาบโคจรทะแยงมุมกับระนาบโคจรของสุริยะจักรวาลประมาณ 30 องศา โลกจะได้รับปรากฏการณ์ฝนดาวตก ลงมาจากผงฝุ่นและส่วนหางของดาวนิบิรุ ซึ่งอาจมีโลหะหรือของแข็งที่ไหม้ไม่หมด ในชั้นบรรยากาศของโลก หลุดรอดลงมาถึงพื้นโลกได้

ซึ่งได้ทราบเพิ่มเติมจากญาณทัสสนะของ พระอาจารย์รัตน์ ว่า ขั้วเหนือใหม่จะไปอยู่ที่สฟิงซ์ที่ประเทศอียิปต์ ในช่วงเวลานี้ที่จะมีปรากฏการณ์ธรรมชาติมากมายเกิดขึ้นแก่โลก ที่อาจเรียกว่าเป็นการร่อนตะแกรงครั้งสุดท้ายของธรรมชาติ ที่มนุษย์ชาติที่เหลือรอดตายประมาณ 10 % ตามพุทธทำนาย ส่วนผู้เตรียมวิดีโอนี้ ได้สรุปไว้ว่า ประชากรของโลกจะสูญเสียรอบแรกไป 2 ใน 3 ส่วนที่เหลือจะอดอยากและเผชิญความแร้นแค้นในระยะ 6 เดือนไปอีก 2 ใน 3 ทั้ง 2 ช่วง ก็จะมีประชากรโลกรอดชีวิตอยู่ประมาณ 10 %


มีความเห็นจาก skywatchMedia ต่อดาว นิบิรุ ที่จะเริ่มโคจรสวนทางแทรกกลางระหว่างโลกและดวงอาทิตย์ในวันที่ 21 ค.ศ. 2012 นั้น
a week before the passage, the Earth stops rotation and the world waits....
then...in one hour the Earth rotates 90 degrees as it realigns the Poles to the magnetic pull of Nibiru, the 12th Planet, as it passes between the Earth and the Sun.
Money....becomes meaningless to All.
As the red planet passes, jiant waves watch over Earth, volcanoes erupt worldwide, and earthquakes destroy All Cities.
Dying comes Easy, and living comes Hard. 90% of Mankind is Dead or Dying. Mighty Nations are No More.
Soon after passes, the Earth resumes rotation. Herricane force winds sweep the World. Volcanic ash darkens the Skies.
The struggle for Life on Planet Earth begins Anew....
รับชม วีดีโอ.....

YouTube - Nibiru-Planet of the Crossing

<object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/mkv4chj47XY?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/mkv4chj47XY?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></object>


จาก: SkywatchMedia | สร้างเมื่อ: 3 เม.ย. 2007

ดาวนิบิรุ จะโคจรมาทำยูเทิร์นกับดวงอาทิตย์ของระบบสุริยะ กินเวลาประมาณ 2 ปี โดยมีดาวนิบิรุ โคจรอยู่ระหว่างดวงอาทิตย์และโลก เป็นเวลาประมาณ 2 ปีนั้น ชาวโลกที่ยังมีชีวิตอยู่จะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น 2 ดวง จนดาวนิบิรุเริ่มตีวงจากไกลดวงอาทิตย์ออกไป ทั้งนี้มีความเห็นจากนักดาราศาสตร์ไว้ว่า ต้นปี 2012 ที่ดาวนิบิรุได้เริ่มโคจรเข้าใกล้โลก จะมีฝนดาวตกจากเศษดาว นิบิรุ ลงมาที่โลก และอาจมีวัตถุก้อนใหญ่ๆ ที่อาจไหม้ในบรรยากาศของโลกไม่หมดจะตกลงมาเป็นอันตรายต่อชาวโลก

ผลดีของการมาของดาว นิบิรุ ในรอบนี้ จะช่วยปรับย้ายระบบสุริยะและโลก ไปสู่แรงดึงดูดของ กาแลกซี่ ไตรแอง กุลัม หรือกาแลกซี่เบาทางด้านทิศตะวันออก โลกจะได้รับพลังคลื่นสีขาว เหลือง หรือพลังดี เป็นพลังปราณ และพลังมโนธาตุและธาตุว่างอย่างเต็มที่ ตรงกันข้ามกับธาตุหนักของกาแลกซี่ทางช้างเผือก เป็นการนำโลกไปสู่ยุคใหม่ใต้อิทธิพลของกาแลกซี่นี้ไปอีก 13,000 ปี แล้วจึงจะสลับกลับมาสู่กาแลกซี่ทางช้างเผือกอีก 13,000 ปี เป็นวัฏจักรของสุริยะจักรวาล และกาแลกซี่อื่นๆที่ครอบสุริยะจักรวาลอยู่

สำหรับหลายๆท่านยังต้องการจะรู้จักดาวดวงนี้ให้ละเอียดละออยิ่งขึ้น ก็ลองแวะที่นี่ได้..2012 - Planet X - Nibiru - Hundreds of Pages, Videos and Audios For Free http://www.yowusa.com/


การที่ระบบสุริยะจักรวาลทั้งหมดจะย้ายที่ได้นั้น ย่อมต้องการทั้งแรงดูดและแรงผลักในอวกาศเกิดขึ้นทั้ง 2 อย่าง แรงดูดนั้นปัจจุบันกาแลกซี่ไตรแองกุลัมได้ดูดสุริยะจักรวาลเข้ามาใกล้ขอบแล้ว ยังขาดแต่แรงผลักจากกาแลกซี่ทางช้างเผือกเท่านั้น ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในปลายปี 2012 เป็นต้นไป

ลั่นไกเมื่อดาวทุกดวงในระบบสุริยะ และดาวนิบิรุมาเข้าแถวอยู่ในระนาบเดียวกันเป็นเส้นตรง ส่งเชื่อมพลังสนามแม่เหล็ก บวก-ลบ ๆ เพิ่มกำลังแรงแม่เหล็กเต็มที่ ส่งพลังไปยังศูนย์กลางของกาแลกซี่ทางช้างเผือก จุดประกายขึ้นทั่วจักรวาล ทั้งแสงและเสียง ส่งพลังคลื่นแม่เหล็กสะท้อนกลับมายังดาวต่างๆ ที่เข้าแถวอยู่ให้เคลื่อนตัวไปสู่กาแลกซี่ไตรแองกุลัม เริ่มขบวนการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่กลางดึกของ 21-12-2012

คัดมาบางส่วน อ่านทั้งหมดได้ที่นี่


เครดิต คุณเกษม http://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-1182

 

UPDATE: ( TWO SUNS ) MORE NEWS DIRECTLY FROM CHINA ( MARCH 1 2011 )

<object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/Xo3Ti4CcVKo?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/Xo3Ti4CcVKo?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></object>

จาก: NYC812 | สร้างเมื่อ: 3 มี.ค. 2011

Earth could have two suns before 2012 - University of Queensland Feb 2011

<object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/SlFCCL1b-WA?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/SlFCCL1b-WA?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></object>

จาก: 11AncientFather | สร้างเมื่อ: 4 ก.พ. 2011
The Earth could soon have two suns | Sympatico.ca Sync

2011-02-03

Daniel Reid
Earth could have two suns when Betelgeuse, the second largest star in the constellation Orion, explodes.
Crack out the SPF 8,000. Scientists are predicting a second sun could illuminate the Earth for a period of about two weeks.

I'm going to repeat that for anyone that temporarily lost consciousness. The Earth. Could soon have. Two freaking suns.

This mind-blowing event could happen as soon as this year when Betelgeuse, one of the brightest stars in the sky, explodes -- causing enough brightness to illuminate both day and night.

The only real issue of debate is over when exactly this event will happen. Some scientists say the blast might have already happened and we just haven't seen the light rays yet.

Brad Carter, senior lecturer of physics at the University of southern Queensland in Australia, told the London Telegraph that the blast could happen in the next few months . . . or any time over the next million years. Talk about an open-ended timeframe.


Though the bright red supergiant Betelgeuse is a frightening 100,000 times brighter than our sun, it remains a comfortable 640-light years away.

Though a lot of questions come to mind -- namely whether we should start buying stocks in Oakleys or beach towels -- experts claim the event should not otherwise affect our planet.
Earth will simply have a front-row seat for what promises to be one of the most incredible light shows in our planet's history, reports the Daily Mail.



2011-02-03

Reid Daniel
โลกอาจมีสองซันเมื่อ Betelgeuse, ดาวใหญ่เป็นอันดับสองในกลุ่มดาว Orion, ระเบิด
Crack ออก 8,000 SPF นักวิทยาศาสตร์ทำนายดวงอาทิตย์ที่สองสามารถเปล่งโลกเป็นระยะเวลาประมาณสองสัปดาห์

ฉันจะย้ำว่าสำหรับทุกคนที่หมดสติชั่วคราว Earth เร็ว ๆ นี้สามารถมี สองซัน freaking

งานนี้ไม่สามารถจะเชื่อได้อาจเกิดขึ้นโดยเร็วในปีนี้เมื่อ Betelgeuse, หนึ่งในดาวที่สว่างที่สุดในท้องฟ้า, ระเบิด -- ก่อให้เกิดความสว่างมากพอที่จะส่องแสงทั้งกลางวันและกลางคืน

เท่านั้นปัญหาที่แท้จริงของการอภิปรายมีมากกว่าเมื่อว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น นักวิทยาศาสตร์บางคนบอกว่าระเบิดอาจจะเกิดขึ้นแล้วและเราก็ไม่ได้เห็นแสงไฟยัง

Brad Carter, อาจารย์อาวุโสของฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัยทางตอนใต้ของรัฐควีนส์แลนด์ในออสเตรเลียบอก London โทรเลขที่ระเบิดอาจเกิดขึ้นในไม่กี่เดือนข้างหน้า . . หรือเวลาในอีกล้านปีใด ๆ พูดคุยเกี่ยวกับระยะเวลาเปิดสิ้นสุดวันที่


แม้ว่า Betelgeuse supergiant สีแดงสดใสเป็นครั้ง 100,000 น่ากลัวที่สว่างกว่าดวงอาทิตย์ของเราก็ยังคงเป็นปีแสง 640 สบายออกไป

แม้ว่าคำถามจำนวนมากมาใจ -- คือว่าเราควรเริ่มซื้อหุ้นใน Oakleys หรือผ้าขนหนูชายหาด -- ผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียกร้องกรณีที่ควรจะเป็นอย่างอื่นไม่ส่งผลกระทบต่อโลกของเรา
โลกก​​็จะมีที่นั่งแถวหน้าในสิ่งที่สัญญาว่าจะเป็นหนึ่งในยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นแสงของดาวเคราะห์ของเรา, Daily Mail รายงาน

 

mega disasters 2011
<object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/MGgEKgAGdxE?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/MGgEKgAGdxE?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></object>

จาก: kayak1969p | สร้างเมื่อ: 4 ม.ค. 2011
a compilation of scenarios dipicting well over due events. that are inevitable. its just a matter of time.

 

DEEP IMPACT - Coincidence? Planet X - Hercolubus - Nibiru - Tyche

<object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/RIsZUn4MUMs?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/RIsZUn4MUMs?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></object>

จาก: nibiruTV | สร้างเมื่อ: 7 มี.ค. 2011
ELENIN = EXTINCTION LEVEL EVENT NIBIRU IS NEAR ???

WHEN THE GOVERNMENT ANNOUNCE COMET ELENIN - THEN YOU KNOW NIBIRU IS NEAR ??

speaking of 'coincidences' elenin, nin(e) ele(ven) numerology 15/3/11 1+5 = 6 +3 = 9 you dont break down the 11 = 9/11 the other date Ive seen is 28/10/11 (also apparently the end of the Mayan astrological calender ( would need to double check that) 28/10/11 2+ 8 =10 1 + 0 = 1 1+ 0 = 1 = 11:11

LOL YOU DO THE MATH

 

6 MARCH 2011 Augsburg, Germany - Planet X - Hercolubus - Nibiru - Tyche - Deutschland März 2011

<object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/Y9v6_--oJxs?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/Y9v6_--oJxs?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></object>

จาก: nibiruTV | สร้างเมื่อ: 6 มี.ค. 2011
Zweite Sonne über Deutschland März 2011

THANKS TO
sunnymind1 - [ame=http://www.youtube.com/watch?v=oN9Cs_lNjOk]YouTube - Zweite Sonne über Deutschland März 2011.wmv[/ame]

 

NEW MOON - SOLAR STORM 2011 ? Planet X - Hercolubus - Nibiru - Tyche
<object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/PEK0STaXsOk?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/PEK0STaXsOk?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></object>

จาก: nibiruTV | สร้างเมื่อ: 7 มี.ค. 2011
thanks to uforiddlesanomaly - YouTube - ช่องของ uforiddlesanomaly

 

PART 1 OF 7 - Planet X - Hercolubus - Nibiru - Tyche - 2012
<object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/2i4jzdvHPuQ?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/2i4jzdvHPuQ?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></object>

กำลังโหลด...
จาก: nibiruTV | สร้างเมื่อ: 6 มี.ค. 2011
This is a film about Nibiru and the Dark star of Brown Dwarf, It is a collection of the best videos online. Pleases watch to the end before you make any judgments. Some spots have no audio because the audio that was with it did not suit. - PART 1 OF 7

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=MZWlpc-YvME"]YouTube - PART 2 OF 7 - Planet X - Hercolubus - Nibiru - Tyche - 2012[/ame]

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=i3nokqhA6WQ"]YouTube - PART 3 OF 7 - Planet X - Hercolubus - Nibiru - Tyche - 2012[/ame]

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=5soPFav8XWw"]YouTube - PART 4 OF 7 - Planet X - Hercolubus - Nibiru - Tyche - 2012[/ame]

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=tiyUF_I3Kfc"]YouTube - PART 5 OF 7 - Planet X - Hercolubus - Nibiru - Tyche - 2012[/ame]

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=W10NLJhdj3E"]YouTube - PART 6 OF 7 - Planet X - Hercolubus - Nibiru - Tyche - 2012[/ame]

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=Aj_gS805tJ8"]YouTube - PART 7 OF 7 - Planet X - Hercolubus - Nibiru - Tyche - 2012[/ame]

 

คืนนี้มีสกู๊ปข่าวหนุกๆมาฝาก ท่านทั้งหลาย หวังว่าจะได้มุมมองที่กว้างไกลขึ้นนะคับ

ตอนนนี้ผมยังคงท่องอวกาศเพื่อหาคำตอบเรื่องพระอาทิตย์ดวงที่สอง
รู้สึกว่าจะได้คำตอบที่น่าพอใจ เลยเอามาแชร์กัน ท่านสามารถวิตกวิจารณ์ได้ตามถนัดนะขอรับ
หลังจากที่ผมเริ่มหวาดๆกับข่าวตามอินเตอร์เนต ก็เลยลองเสียเวลาไปกับ Herioviewer ไปพักใหญ่
โดยการย้อนกลับไปดูข้อมูลเก่าของน้าซ่า ที่คิดว่าแกคงยังไม่ระวังตัวมากเหมือนสมัยนี้
อย่างแรกหลายท่านจะเห็นว่าผมเชื่อหัวปักดินไปแล้วว่า มีอะไรอยู่ข้างนอกนั่นจริงๆ
หลังจากได้สัมผัสด้วยตัวเอง และจะเป็นแพะตัวแรกที่ผมจะจับมาชนกัน
ด้วยเหตุฉะนี้ ผมเห็นว่ามีความเป็นไปได้สูงมาก ที่ดวงอาทิตย์นั้นจะเป็นแหล่งชุมชนใหญ่ยักษ์ของชาวต่างดาว
ตามที่เคยนำเสนอไปก่อนหน้า
และน่าจะหลักฐานสำคัญของการโปรโมทเพื่อ ของบสำรวจอวกาศเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วของน้าซ่าเรา
รูปแรกเป็นข้อมูลเมื่อปี 2538

เปิดดูไฟล์ 1400262

จะเห็นว่าเมการู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรก จึงทุ่มงบประมาณไม่อั้นจนน้าซ่ากลายเป็นองค์กรใหญ่ยักษ์เช่นในปัจจุบัน
ในรูปแรก ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า UFO อยู่ตรงนั้นมานานนมโตตั้งกะปีมะแว้ง เพียงแต่ตอนโน้นเราไม่รู้เรื่องรู้ราว ก็เท่านั้นเอง

 

ในปีเดียวกัน (2538) รูปนี้ท่านจะเห็นนกกาจิ๊บกาจ๊อกบินกันให้ว่อน มิได้พึ่งจะโฉบมาเมื่อตอนข่าวการมาของ PX
จึงมาถึงข้อสรุปแรกของผมที่ว่า “นกที่ตีปีกผับๆอยู่แถวนั้น มิใช่สัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงการใกล้เข้ามาของ PX”

 

ถ้ายังไม่แน่ใจว่าเค้าอยู่กันเป็นชุมชนมานานแล้ว ผมแถมให้อีกรูป ในช่วงที่พี่ใหญ่กำลังปะทุ วาบเดียวก็เสียวได้ อิอิ

 

ในข้อมูลเก่าของน้าซ่านั้น ผมจะเห็นดวงอาทิตย์ปั่นป่วนอยู่เป็นพักๆ บางเดือนก็เจี๋ยมเจี้ยมนิ่งเตะซะงั้น บางเดือนตีโพยตีพายเหมือนคนบ้า ผมคงไม่ฟันธงว่ามันมีสาเหตุหรือไม่ มาจากอะไรได้บ้าง เพราะไม่ว่างขนาดนั้น ดึกๆยังคงต้องไปเฝ้ายามหน้าโลตัส (พูดเล่นนะ) ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้มีความรู้ไปก็แล้วกัน รูปที่นำมาให้ดูต่อไปนี้ เป็นของปี42 เป็นช่วงนึงที่ พี่หย่ายยยของเรากำลังหงุดหงิดมากกกกก