ว่ากันเรื่อง วัดธรรมกาย

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย วิถีคนจร, 14 มกราคม 2011.

  1. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649
    เหตุผลที่หลวงพ่อสดเขียนรับรองการปฏิบัติกรรมฐานแบบหนอ ก็ เพราะว่าท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาสภมหาเถระ) เมื่อครั้งมีสมณศักดิ์ที่พระพิมลธรรม เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครอง (สมัยนั้นมีสังฆมนตรีเพียง๔ รูป) ผู้มีอำนาจมาก มีบารมีมาก มีบริวารมาก และมีสมณศักดิ์เกือบสูงสุด ท่านเจ้าประคุณ มีความดำริจะส่งเสริมวิปัสสนากรรมฐานให้เจริญแพร่หลายในประเทศไทย โดยเฉพาะท่านเชื่อว่าการสอนวิปัสสนาธุระที่เป็นระบบถูกต้องมีเฉพาะในประเทศพม่าเท่านั้น ทั้งที่ตอนนั้นสายพระอาจารย์มั่นและสายวัดปากน้ำได้ปฏิบัติธรรมอย่างมีระบบแล้ว



    หลวงพ่อวัดปากน้ำและพระเถระผู้เชี่ยวชาญกรรมฐานฝ่ายมหานิกายจึงถูกเกณฑ์ให้เรียนกรรมฐานแบบหนอ



    สำหรับหลวงพ่อสดนั้นถูกขอร้องเป็นพิเศษ ด้วยหลวงพ่อมีลูกศิษย์ลูกหามาก น่าจะมากที่สุดในประเทศไทยในสมัยนั้น ให้ช่วยเขียนรับรองการปฏิบัติกรรมฐานแบบวัดมหาธาตุฯให้ด้วย ไม่ใช่เป็นอย่างคำบิดเบือน “ที่กล่าวว่าหลวงพ่อปฏิบัติไป ๆ แล้วติดตันขึ้นมา ต้องไปขอให้ให้อาจารย์วัดมหาธาตุแนะทางให้ จึงรู้ว่าที่ท่านปฏิบัติมานั้นผิดทาง” ซึ่งยุทธการกล่าวบิดเบือนดังกล่าวมีมาตลอด แต่ที่เขียนบิดเบือนเป็นลายลักษณ์อักษรนั้นปรากฏเป็นครั้งแรกในหนังสือมักกะลีผล



    ในการเกณฑ์ให้เรียนนั้น ท่านเจ้าคุณพระธรรมธีรราชมหามุนี(โชดก ญาณสิทธิ) ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระอุดมวิชาญาณเถรต้องไปถวายการสอนที่ในโบสถ์วัดปากน้ำตอนบ่าย หลายวัน โดยปิดประตูโบสถ์ ไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปฟัง หลวงพ่อวัดปากน้ำและท่านเจ้าคุณพระธรรมธีรราชมหามุนีถกอะไรกันบ้าง นั้นไม่มีใครทราบ พระดร. มหาทวนชัย อธิจิตโต ท่านเล่าว่าตอนนั้นท่านยังเป็นสามเณรมีหน้าที่ปูอาสนะสองที่หน้าพระประธาน เมื่อหลวงพ่อ และท่านเจ้าคุณพระธรรมธีรราชมหามุนี เข้าไปในโบสถ์แล้ว หลวงพ่อสั่งให้ท่านปิดประตู ห้ามใครเข้าใกล้



    แต่สามารถอนุมานได้ว่าท่านเจ้าคุณพระธรรมธีรราชมหามุนี และเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(ครั้งมีสมณศักดิ์ที่พระพิมลธรรม) มีประสงค์จะให้หลวงพ่อเปลี่ยนการปฏิบัติกรรมฐานจากวิชชาธรรมกายเป็นแบบวัดมหาธาตุ ซึ่งหลวงพ่อไม่ยอม(พระดร. มหาทวนชัย อธิจิตโต, ๒๕๔๕, ใต้บารมีหลวงพ่อ ใน ที่ระลึกงานมุทิตา ฉลองพัดยศ พระครูสัญญาบัตรชั้นโท พระครูมงคลพัฒนคุณ เจ้าอาวาส วัดโบสถ์ (บน) บางคูเวียง นนทบุรี, หน้า ๓๗)



    หลวงพ่อวัดปากน้ำได้เล่าให้ศิษย์บรรพชิตท่านฟังว่า ท่านปฏิบัติบรรลุญาณ ๑๖ มาเป็นสิบๆปีแล้ว ก่อนที่กรรมฐานแบบวัดมหาธาตุจะเข้ามาสู่ประเทศไทย เพราะวิชชาธรรมกายก็มีการพิจารณาไตรลักษณ์ และพิจารณาสติปัฏฐาน ๔ คือพิจารณากายในกาย เวทนาใน้เวทนา จิตในจิต และพิจารณาธรรมในธรรม และท่านยังได้บอกศิษย์ว่า สามเณรที่ทางวัดมหาธาตุรับรองว่าบรรลุญาณ๑๖แล้ว(เข้าใจว่าเป็นรูปแรก) ที่บอกใครๆว่าสามารถเข้าสมาบัตินั่งตัวแข็งได้ทุกที่นั้น ซึ่งโด่งดังมากในสมัยนั้น จะไม่สามารถเข้าสมาบัตินั่งตัวแข็งได้ที่วัดปากน้ำ และเป็นจริงตามที่หลวงพ่อพูด ต่อมาสามเณรรูปนั้นสึกแล้วเป็นหัวขโมย [หลวงพ่อฤาษีลิงดำ(พระราชพรหมยาน มหาวีระ ถาวโร) , ......, เรื่องจริงอิงนิทานเล่ม๑, น.๑๖๙- ๑๗๒. ]



    -->> หลวงพ่อวัดปากน้ำได้เขียนรับรองให้จริง แต่เขียนให้ในฐานะที่ท่านเป็นพระอาจารย์ที่ปรึกษา เขียนรับรองวิทยานิพนธ์ของศิษย์
    เพราะคนที่จะเขียนรับรองอะไรได้นั้น จะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในวิชานั้น ๆ ใช่หรือไม่

    (หลวงพ่อสดวัดปากน้ำเทศน์...ที่วัดมหาธาตุ) หลวงพ่อสดท่านเป็นพระผู้ใหญ่กว่าอย่างไร ท่านได้รับการไว้วางใจจากเจ้าคุณพระพิมลธรรม (ช้อย ฐานทตฺต มหาเถร) อธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุ ยุวราชรังสฤษฎิ์ องค์ที่ ๑๕ สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครอง และปฐมสภานายกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยมาก่อนที่จะเกิดเรื่องนี้



    การที่หลวงพ่อยอมเขียนรับรองการปฏิบัติกรรมฐานแบบวัดมหาธาตุฯ ตามที่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(อาสภเถร)สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครองขอร้องแกม..... และตามคำขอของเจ้าคุณพระธรรมธีรราชมหามุนี ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ท่านทั้งสองเสียหน้า หลวงพ่อได้เขียนรับรองไว้ใต้ภาพถ่ายของท่านที่มอบให้วัดมหาธาตุฯ มีใจความดังต่อไปนี้ :




    “ให้สำนักวิปัสสนา ในการที่ฉันได้เข้าปฏิบัติวิปัสสนาตามแบบวัดมหาธาตุสอนอยู่ในปัจจุบันนี้แล้ว ยืนยันได้ว่าการปฏิบัติแบบนี้ ถูกต้องร่องรอยในมหาสติปัฏฐานสูตรทุกประการ” พระภาวนาโกศล วัดปากน้ำ ธนบุรี ๒๐ เมษายน ๒๔๙๘

    [วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์, ไม่ระบุปีที่พิมพ์, ประวัติและผลงานพระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทฺธิ ป.ธ. ๙), วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์, กรุงเทพมหานคร หน้า ๑๓. (คณะ๕ โทร ๐๒ ๒๒๒-๖๐๑๑)] แต่หลวงพ่อไม่ยอมเขียนว่าวิชชาธรรมกายไม่เป็นวิปัสสนา




    จึงเป็นเหตุให้ผู้ที่ไม่ประสงค์ดีต่อวิชชาธรรมกายนำไปบิดเบือน คือพูดความจริงเพียงครึ่งเดียว แต่อีกครึ่งไม่ยอมบอกใครๆว่า ที่หลวงพ่อยอมเขียนรับรองให้นั้นเป็นการเขียนรับรองตามคำขอ
    เพราะเจ้าประคุณพระพิมลธรรม(อาสภเถร)สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครองนั้นใหญ่มาก มีอำนาจมาก เป็นเรื่องที่ได้ยินได้ฟังจากครูอาจารย์ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และที่เสียชีวิตไปแล้วเล่าให้ฟัง



    วิชชาธรรมกายนั้นเป็นทั้งสมถะและวิปัสสนา ผู้ปฏิบัติตามแนววิชชาธรรมกาย สามารถบรรลุนิพพานได้เช่นเดียวกัน แถมยังมีฤทธิ์ประดับบารมีด้วย
    ต่างกับการปฏิบัติวิปัสสนาแบบวัดมหาธาตุฯ ซึ่งโดยปรกติแล้วการปฏิบัติกรรมฐานแบบวัดมหาธาตุฯจะไม่มีฤทธิ์ประดับบารมี เว้นแต่เป็นของที่ติดภพเก่ามา หลักฐานที่ยืนยันได้แน่นอนว่าการปฏิบัติวิชชาธรรมกายนั้น สามารถบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้จริง คือตัวของหลวงพ่อเอง หลวงพ่อวัดปากน้ำได้บอกศิษย์บรรพชิตให้ทราบว่าท่านบรรลุญาณ ๑๖ มานานแล้ว ก่อนที่วิธีปฏิบัติกรรมฐานแบบวัดมหาธาตุจะเข้ามาสู่ประเทศไทย
    โดยเฉพาะอัฐิธาตุศิษย์วิชชาธรรมกายบางท่านกลายเป็นพระธาตุก็มีให้เห็นแล้ว



    หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านบอกว่า “ต้นธาตุสั่งให้ท่านมาเกิดเพื่อปราบมาร” เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๔๙๘ (นางแฉล้ม อุศุภรัตน์, ๒๔๙๙, โอวาทเจ้าคุณพ่อ, ใน เรื่องธรรมกาย ของพระมงคลราชมุนี, วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ, กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์ไทยพณิชยการ,หน้าธ–ป.) ซึ่งหลวงพ่อสดเทศน์ภายหลังจากที่ท่านเขียนรับรองการปฏิบัติกรรมฐานแบบวัดมหาธาตุฯในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษาแล้วประมาณ ๕ เดือนครึ่ง นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าหลวงพ่อเชื่อมั่นในวิชชาธรรมกาย




    การที่หลวงพ่อสดได้พยากรณ์ว่าสมเด็จป๋าจะได้เป็นใหญ่ที่สุดในหมู่สงฆ์เมื่อปี ๒๔๙๗ นั้น
    เพราะหลวงพ่อหยั่งทราบว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์จะต้องคดีจนหมดสิทธิ์ที่จะขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช ทั้งๆโดยตำแหน่งแล้วสมเด็จพระพุฒาจาย์ฯจะต้องได้เป็นสมเด็จพระสังฆราช ก่อนสมเด็จป๋าอย่างแน่นอน



    สมมุติว่าถ้าสมเด็จพระพุฒาจารย์ได้เป็นสมเด็จพระสังฆราชแล้ว
    สมเด็จป๋าหมดสิทธิ์ที่จะเป็นสมเด็จพระสังฆราช เพราะว่าสมเด็จป๋าสิ้นพระชนม์ก่อนสมเด็จพระพุฒาจารย์ถึง ๑๖ ปี คือสมเด็จป๋าสิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่๗ ธันวาคม ๒๕๑๖ ส่วนสมเด็จพระพุฒาจารย์มรณภาพ เมื่อ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๓๒ นั้นแสดงให้เห็นว่าหลวงพ่อทราบเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต


    หลวงพ่อสดหยั่งรู้อยู่แล้วว่าในปี ๒๔๙๘ ท่านจะต้องถูกเกณฑ์ให้เรียนกรรมฐานแบบวัดมหาธาตุ
    ท่านผู้มากไปด้วยความเมตตา ทราบดีว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์จะต้องคดี ยากที่หาหลักฐานมาแก้ต่าง แต่ถ้าได้คำรับรองของท่านไปใช้แก้ต่างก็สามารถช่วยให้ชนะคดีได้
    ซึ่งทนายของสมเด็จพระพุฒาจารย์ได้ใช้ข้อเขียนของหลวงพ่อสดที่เขียนรับรองว่าการปฏิบัติกรรมฐานวัดมหาธาตุถูกต้องตามสติปัฏฐาน ๔ ใช้เป็นหลักฐานหักล้างในการต่อสู้ จนชนะคดีในที่สุด (...มหาจุฬาฯ, ๒๕๓๕,ประวัติการสถาปนา เลื่อนชั้น ลดตำแหน่ง แต่งตั้ง ถอดถอน คืนสมณศักดิ์ พระพุทธาจารย์ สมเด็จพระพุฒาจารย์ พระพิมลธรรม สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พ.ศ. ๒๕๓๕ , (๒๐๘) ๒๕๓๒, หน้า ๒๐๗)




    “ระหว่างต้องคดี เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ต้องถูกคุมขังอยู่ที่ห้องสันติบาลตำรวจ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๕ ถึงวันที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๙ เป็นเวลา ๕ พรรษา” (...มหาจุฬาฯ, ๒๕๓๕,หน้า๑๑๙) โดยเจ้าประคุณสมเด็จฯนุ่งห่มผ้าขาวแบบสบงและอังสะ และมีจีวรห่มคลุม และท่านถือวัตรอย่างพระภิกษุ’ ( .....มหาจุฬาฯ, ๒๕๓๓, หน้า ๒๑๕ )




    บั้นปลายชีวิตของสมเด็จพระพุฒาจารย์ เมื่อมีอายุสูงขึ้นได้ถูกโรคาอาพาธเบียดเบียน จนมือและเท้าด้านซ้ายเป็นอัมพฤกษ์ ไม่สามารถใช้งานได้ตามปรกติ
    ต้องอาศัยศิษย์ทั้งที่เป็นบรรพชิตและคฤหัสถ์คอยปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิด ทุก ๆ อย่างในช่วงนี้เอง ศิษย์บางคนจำพวกได้ถูกความโลภเข้าครอบงำจิตสันดาน จึงอาศัยเกียรติคุณและตำแหน่งการงานของท่าน แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ทั้งภายในและภายนอกวัดมหาธาตุ ฯ โดยเฉพาะเรื่องการแต่งตั้งพระอุปัชฌาย์ปลอมของสมีเจี๊ยบ
    ซึ่งเป็นข่าวโด่งดังเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๒




    สมีเจี๊ยบหรือพระครูสมุห์สรศักดิ์(เจี๊ยบ) คมฺภีรปญฺโญเป็นพระฐานานุกรม ที่พระครูสมุห์ ของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ เป็นพระหนุ่มและเป็นเลขานุการประจำตัวของเจ้าประคุณ และในระหว่างที่เจ้าประคุณสมเด็จฯเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆ ราช ตั้งแต่วันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๑ ถึงวันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๒ ได้ถูกความโลภครอบงำ โดยเห็นแค่เงินสินจ้างรางวัลเลยถูกจับในคดีปลอมตราสมเด็จพระสังฆราช ทำการแต่งตั้งพระอุปัชฌาย์วิสามัญ ตลอดจนมั่วกับสีกา มีเมียเกือบ ๑๐ คนทั้งที่ยังครองผ้าเหลืองอยู่ สร้างความเสื่อมเสียให้สำนักวัดมหาธาตุฯ เจ้าประคุณสมเด็จฯ ตลอดวงการคณะสงฆ์เป็นอย่างมาก เรียกว่ากลางปี พ.ศ. ๒๕๓๒ สำนักวัดมหาธาตุฯ เสียชื่อเสียงมากที่สุด และในที่สุดพระครูสมุห์สรศักดิ์ก็ต้องถูกจับสึก เพราะคดีปลอมตราสมเด็จพระสังฆราชทำการแต่งตั้งพระอุปัชฌาย์วิสามัญ และเสพเมถุน เป็นอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระภิกษุเป็นนายสรศักดิ์ พรรัตนสมบูรณ์ หรือสมีเจี๊ยบ”.(...มหาจุฬาฯ, ๒๕๓๕, หน้า ๒๙๑)




    ถามว่าทำไม
    วิบากกรรมของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาสภมหาเถระ) จึงมีมากมายขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่เจ้าประคุณสมเด็จฯเป็นผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล และมีเจตนาดีต่อพระศาสนา ถ้าไม่ต้องคดีเสียก่อน รับรองว่าจะต้องได้เป็นสมเด็จพระสังฆราชอย่างแน่นอน



    -->> เป็นไปได้ไหมว่า
    วิบากกรรมของสมเด็จพระพุฒาจารย์นั้น ส่วนหนึ่งอาจเนื่องมาจากการที่ท่านได้บัญชาให้พระเถระผู้เชี่ยวชาญกรรมฐานฝ่ายมหานิกายของสงฆ์ไทย ต้องไปเรียนกรรมฐานแบบพม่า เพราะผู้เขียนเคยทราบจากพระเถระผู้เชี่ยวชาญกรรมฐานรูปหนึ่ง ท่านบอกว่ากรรมที่กระทำต่อผู้ทรงญาณสัมมาทิฏฐินั้นเป็นบาปมาก ยิ่งกระทำต่อพระอริยเจ้าแล้วจะบาปมากขนาดไหน

     
  2. howverts

    howverts สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +0
    ถึงนาย วิถีคนจร เราคิดว่านายอ่ะนะ ไม่ใช่ชาวพุทธหรอก แค่เกิดในแผ่นดินพุทธ นายอาจจะไม่มีศาสนาด้วยซ้ำ คนอะไรจะมาด่าว่าพระว่าวัด หรือนายไม่กลัวบาป หรือนายอาจจะพูดถูกก็ได้ แต่เชื่อเรานะ สุดท้ายไม่รู้ว่าใครจะถูกจะผิด มันจะมาตัดสินกันตอนตายไปแล้วไปที่โรงพิพากษา พระยายมบานผู้ทรงความยุติธรรมก็จะตัดสิน เตรียมใจไว้แล้วกันนะ นายอาจจะถูก หรือถ้านายผิด ก็เท่ากับว่านายทำบาปที่หนักมากๆ อาจจะไม่ได้ผุดได้เกิดอีกเลยก็ได้ อาจจะตกนรถขุมที่ลึกที่สุด ไม่มีบุญได หรือใครจะมาช่วยนายได้ทั้งนั้น
     
  3. มรรคโกวิโท

    มรรคโกวิโท สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +8
    ผมว่าดีนะครับ ผมเป็นคนพุทธครับ การที่เนื้อเพลงสอนให้คนของเค้ามาทำสมาธิ เป็นเรื่องที่ดีมากครับ ไม่จำเป็นต้องมานับถือพระพุทธเจ้าของเราก็ได้ครับ แต่นำสมาธิไปปฎิบัติก็จะพบกับสัจธรรม ของ ธรรมชาติที่แท้ได้ครับ ผมฟังแล้วก็รู้สึกดีนะครับที่ เค้าก็มีการเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
     
  4. กัปปะ

    กัปปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +118
    ผู้ไม่รู้คือผู้ไม่ผิด ผู้ผิดคือผู้ที่กระทำ
     
  5. NuJulie

    NuJulie Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +64
    พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามพระนาคเสนว่า
    " สมมติว่า คนผู้หนึ่งรู้ว่าทำอย่างไรเป็นบาป กับอีกคนหนึ่งไม่รู้เสียเลยว่าเป็นบาป ถ้าสองคนนี้ทำบาป ใครจะได้รับบาปมากกว่ากัน ? "
    " ผู้ที่ไม่รู้ย่อมบาปมากกว่าน่ะสิ มหาบพิตร "
    " อ่าว!.. ไหงเป็นเช่นนั้นล่ะ พระคุณเจ้า? "

    พระนาคเสนจึงอุปมาก้อนเหล็กที่ถูกเผาไฟจนร้อน แล้วทูลถามพระเจ้ามิลินท์ว่า
    " คนหนึ่งที่รู้ว่าเหล็กก้อนนั้นร้อน กับ อีกคนที่ไม่รู้ว่าเหล็กก้อนนั้นร้อน ใครจะหยิบได้เต็มมือแล้วถูกความร้อนเผาได้มากกว่ากัน "
    " อืม.. ก็ต้องเป็นคนที่ไม่รู้น่ะสิ พระคุณเจ้า "

    พระนาคเสนจึงเฉลยว่า
    " ฉันใดก็ฉันนั้น ผู้ที่รู้จักบาปบุญว่ามีผลอย่างไร ย่อมมีความเกรงกลัวละอายใจ ก็จะไม่กล้าทำบาป ที่ได้ทำอยู่ก็เลิกเสียและไม่กล้าทำบาปสถานหนัก
    แต่ผู้ที่ไม่รู้ว่าทำอย่างไรเป็นบาปและบาปมีโทษเพียงไร ย่อมทำบาปได้โดยไม่ยับยั้งชั่งใจ แม้บาปหนักๆก็ทำได้โดยไม่รู้ว่าต้องรับโทษหนัก
    เพราะอย่างนี้แหละ อาตมาจึงว่า คนไม่รู้บาปมากกว่า "



    มิลินทปัญหา
     
  6. howverts

    howverts สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +0
    จริงๆแล้วผู้ไม่รู้ ถ้าทำผิดยังไงก็คือกรรมที่เค้าสร้างไว้ ยังไงก็ต้องได้รับผลกรรมนั้น พระท่านยังบอกเลยว่า นรถทุกวันนี้มีผู้ที่กระทำผิดโดยไม่รู้ตัวเยอะมากๆ เพราะฉนั้น อย่าใช้ชีวิตประมาทนะจ๊ะ อย่าเบียดเบียนซึ่งกันแหละกัน ชีวิตที่ยังเหลืออยู่จงสร้างแต่กรรมดี เพื่อให้ตนเองเมื่อละโลไปแล้ว จะได้ไม่ไปอบาย หรือถ้าให้ดีควรแสวงหาพระนิพานเพื่อให้หลุดพ้นจากวัฏฏสงสารให้ได้ ขออนุโมทนาสาธุให้ทุกท่านที่ทำกรรมดี ขอให้พบพระนิพาน หรืออย่างน้อยก็ให้ไปเกิดในภพภูมิที่ สูงขึ้น อย่าหลงไปในอบาย สาธุ สาธุ......
     
  7. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
    โปรดอ่านให้เขาใจ และยกมานะครับ ว่าข้อความไหนที่ผมด่าพระ ข้อความไหนที่ผมด่าพระ ผมไม่ติดใจใคร คุณวงบุญ ผมก็ไม่ได้ติดใจนะ
    ดพราะที่นี้เราคุยกัน ใช้เหตุใช้ผล ถ้าท่านใช้ความอัคคติ ความ มัวหมองจะเกิดที่ใจท่านเอง ทำให้ใจไม่สงบ พุทธหรือไม่อยู่ที่ศรัทธาและปฏิบัติผมจะเป็นชาวพุทธหรือไม่ ถ้าคุณบอกใช่ก็ใช่ ถ้าคุณบอกไม่ก็ไม่ ก็ปรุงแต่งกันเอง
    ผมไม่สามารถไปรับผิดชอบความรู้สึกส่วนตัวคุณได้ อัตตาของใครของมันทั้งๆที่มันไม่มีของใคร และใครๆก็ไม่มีอัตตา
     
  8. howverts

    howverts สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +0
    ถึงนาย วิถีคนจร ผมนั่งอ่านมาตลอด ก็เห็นคุณกำลังกล่าวร้ายวัดนี้ และกำลังทำให้คนที่ไม่รู้และยังไม่เข้าใจ ส่วนใหญ่เข้าใจผิดๆตามที่นายชี้นำ สุดท้ายก็แล้วแต่เวรกรรมแล้วกันนะ เราไม่รู้จะช่วยนายยังไง เราก็ได้แต่สงสารนายนั้นแหละ
     
  9. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
    บุญได้แน่นอนครับ แต่จะหลง นั้นคือประเด็น บุญยังไม่ใช่เปลือกของศาสนาเลยครับ
    เอาหน่า สงสารผมก็ดี แฮะ มีคนสงสารด้วย
     
  10. กัปปะ

    กัปปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +118
    แปลกจังเลย..มุมนึงของความเป็นจริง กลับถูกว่า ว่าให้ร้ายคนอื่น ลองพิจารณาก่อนนะครับ หาข่าวเก่าดูเอานะครับ ว่ามีความจริงอย่างไรบ้าง อย่าพยายามมองว่าอีกมุมถูกเสมอ แม้จะเป็นวัดก้อตามที วัดมาจากไหนครับ มนุษย์ขี้เหม็นสร้างทั้งนั้น บางคนอกุศล ต้องการกอบโกยผลประโยชน์ให้ครอบครัว แต่บางรายสร้างด้วยจิตที่เป็นกุศล ก้อคงได้ผลบุญกันอย่างเต็มที่ แต่ที่คุณวิถีคนจรโพส ส่วนใหญ่ก้อมาจากข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ทั้งนั้น และ จากผู้โพสรายอื่นๆก้อมาจากหนังสือฉบับอื่นๆที่สัมภาษณ์ คนที่เคยประสบเหตุการณ์ในวัดดังกล่าว ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่ แล้วแต่พิจารณา ที่นี่มีไว้แสดงความคิดเห็น ไม่ได้มีไว้เพื่อโต้ตอบในสิ่งที่ตัวเองคิดด้านตรงข้าม หรือ หลงไปกับสิ่งที่ตัวเองเชื่อ ใช้ เหตุ และ ผล คิดหน่อยนะครับ สมองมีไว้คิดครับ จิตมีไว้พิจารณา มองดูให้ครบทุกด้านก่อนที่จะว่ากล่าวคนอื่นนะครับ...
     
  11. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
    ศิษย์หลวงพ่อสดโผล่ แฉเจ้าอาวาสธรรมกายพระลูกศิษย์ "หลวงพ่อสด" วัดปากน้ำภาษีเจริญสุดกลั้น วอนทุกฝ่ายหยุดการอ้างชื่อหลวงพ่อ ระบุถึงวิธีการสอนกรรมฐานจะไม่แตกต่างแต่วัตถุประสงค์ไม่เหมือนกัน ด้านผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำเผย "ธัมมชโยภิกขุ" เจ้าอาวาส "วัดธรรมกาย" ไม่ใช่ลูกศิษย์หลวงพ่อสด แต่เป็นลูกศิษย์ "อุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง" ย้ำปาฏิหารย์ไม่มีจริงหลวงพ่อสดไม่เคยสอนเด็ดขาด ชี้เรี่ยไรชาวบ้านเป็นการเบียดเบียนสัตว์โลกพระธเนศ หิตกาโม พระสอนวิปัสนากรรมฐาน วัดอัมพวัน พระผู้รับใช้ใกล้ชิดพระราชสุทธิญาณมงคลหรือ "หลวงพ่อจรัญ" พระลูกศิษย์ของพระมงคลเทพมุนี หรือ "หลวงพ่อสด" วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เปิดเผยว่า การฝึกนั่งวิปัสนากรรมฐานเป็นการเจริญสติทำให้เกิดปัญญาสามารถแก้ไขปัญหาชีวิต พัฒนาชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น การฝึกนั่งวิปัสนาจึงไม่ใช่การมุ่งให้เห็นอะไรได้ต่างๆนานา ซึ่งความจริงแล้วการเรียนด้านกรรมฐานแบ่งเป็นสองสายคือ สายสมถะภาวนาเป็นการฝึกจิตให้สงบสบาย อีกสายหนึ่งเป็นการฝึกที่ทางวัดอัมพวันใช้ปฏิบัติซึ่งก็คือการฝึกสายวิปัสนาภาวนามุ่งให้เกิดปัญญาส่วนเรื่องของการทำบุญเป็นการทำบุญสงเคราะห์ภายนอกบุญที่ดีที่สุดเป็นบุญที่เกิดภายใน คือจิตใจของเราเอง ซึ่งเป็นเรื่องของศีลภาวนาหลวงพ่อจรัญมาอยู่วัดอัมพวัน 42 ปีแล้ว ไม่เคยออกไปเรี่ยไรชาวบ้านหรือไม่เคยส่งจดหมายไปชักชวนใครให้นำเงินมาบริจาค ทางวัดมีแต่ช่วยคนและสังคมช่วยบ้านเมืองมาโดยตลอด ไม่เคยหลงทางด้วยการให้ชาวบ้านมาทำบุญเลย"ความจริงหลวงพ่อจรัญก็เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อสดเช่นกัน แต่ไม่เคยไปให้ใครต้องมาทำบุญกับทางวัด ถึงการบอกบุญไม่ใช่การผิดต่อพระธรรมวินัยก็ตาม แต่เป็นการเบียดเบียนโยมมากกว่า ซึ่งไม่ใช่แนวทางที่ทางวัดปฏิบัติและไม่ใช่แนวทางของสาวกพระพุทธเจ้าที่ปฏิบัติดีงามนำมาใช้หาเงิน วัดอัมพวันจะไม่หลงทางคือสร้างความงมงายให้พุทธศาสนิกชน เพราะพระพุทธองค์สอนให้ช่วยเหลือเกื้อกูลคน สอนให้คนเกิดปัญญารู้จักแก้ไขปัญหาชีวิต"ด้านการก่อสร้างถาวรวัตถุนั้น พระธเนศกล่าวว่า ไม่ใช่แนวทางของหลวงพ่อจรัญ เพราะวัดอัมพวันเน้นด้านการปฏิบัติดีงามตามรอยบาทพระพุทธองค์ การมุ่งด้านก่อสร้างวัตถุมีตัวอย่างให้เห็นมากแล้วระยะยาวไม่มีญาติโยมไปหาที่วัดเลย ทางวัดก็เคยมีพุทธศาสนิกชนมาร้องเรียนเหมือนกัน เกี่ยวกับการกระทำของวัดๆหนึ่ง แต่คงไม่เข้าไปวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น แนวการสอนก็ต่างคนต่างสอน ซึ่งผู้ที่เป็นสาวกแห่งพุทธศาสนาย่อมเรียนรู้ได้ถึงแนวทางที่ถูกต้อง เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะพระธรรมวินัยไม่ชัดเจน พระธรรมวินัยชัดเจนอยู่แล้ว แต่ใครจะปฏิบัติให้เป็นอย่างไรคงไม่ขอตำหนิ ถ้าจะหาทางสงบแค่ถือศิลห้าปฏิบัติได้ก็มีความสุข สงบสบาย แล้วไม่ต้องไปทำให้ใครต้องเดือดร้อนจนเกิดทุกข์พระศาสนานุรักษ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กล่าวถึงแนวทางการสอนของหลวงพ่อสดในช่วงที่ยังไม่มรณภาพว่า ได้มีโอกาสปรนนิบัติหลวงพ่อสดใน 4-5 ปีท้ายๆ ซึ่งก็ได้ร่ำเรียนศึกษาธรรมะไว้พอสมควร การสอนของหลวงพ่อสดไม่เคยนำเรื่องปาฏิหาริย์มาสอนสั่งลูกศิษย์ โดยเฉพาะ "พระของขวัญ" ที่หลวงพ่อแจกให้กับญาติโยมนำไปติดตัวก็ไม่เคยนำเรื่องของปาฏิหาริย์ไปเผยแพร่ แต่สื่อมวลชนก็ดีนำไปลงข่าวกันเอง พุทธศาสนิกชนเองก็ดีได้บอกเล่ากันปากต่อปาก จนส่งผลให้พระวัดปากน้ำมีคนต้องการไว้ครอบครองเช่าหากันมาก จึงต้องใช้จ่ายเงินกันเป็นจำนวนมาก"ในเรื่องการสอนให้นั่งวิปัสนากรรมฐานนั้น หลวงพ่อสดเน้นสอนให้คนเกิดสมาธิ ทั้งนี้การเกิดสมาธิจะช่วยให้เกิดปัญญาหาทางออกให้กับปัญหา ไม่ได้มีเรื่องของปาฏิหาริย์เข้ามาเกี่ยวข้อง สำหรับการเห็นภาพนั้นมีการเห็นจริงแต่ไม่ใช่เป็นการเห็นกันด้วยตาอย่างที่กล่าวอ้าง แต่การเห็นเป็นการเห็นธรรม ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าเห็นในความฝันขณะที่กำลังหลับอยู่"ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำยังกล่าวถึงการสอนกรรมฐานของ "วัดพระธรรมกาย" ว่า ก็ตรงตามที่วัดปากน้ำใช้สอนอยู่ แต่แตกต่างกันด้านวิธีการสอน ซึ่งเป็นเรื่องของวิธีการถ่ายทอด ความจริงแล้วพระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือ "หลวงพ่อธัมมชโยภิกขุ" เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย ไม่ได้เรียนกับหลวงพ่อสดโดยตรง แต่เรียนจาก "แม่ชีจันทร์ ขนนกยูง" ซึ่งก็เป็นศิษย์ของ "แม่ชีเทียน ธีระสวัสดิ์" อีกทอดหนึ่ง หลังจากได้ร่ำเรียนการนั่งวิปัสนาแล้วก็ออกไปสร้าง "วัดวรณี" เป็นการตั้งชื่อตามโยมผู้บริจาคที่ดินให้สร้างวัด"ได้ยินมาว่าหลังจากมีการก่อสร้างพระอุโบสถแล้วเสร็จ โยมวรณีไม่พอใจกับรูปลักษณ์ของตัวอุโบสถ ที่มีการก่อสร้างคล้ายกับศาสนาอื่น เวลาต่อมาโยมวรณีจึงหันกลับมานั่งกรรมฐานที่วัดปากน้ำ และได้บริจาคทุนทรัพย์ก่อสร้างศาลาปฏิบัติกรรมฐานขึ้นเป็นเงินกว่า 4 ล้านบาท"ส่วนการนำเรื่องปาฏิหาริย์อิทธิฤทธิ์มาเป็นจุดขายบุญตามที่วัดพระธรรมกายทำอยู่นั้น ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำเห็นว่าไม่เหมาะไม่ควรอย่างยิ่ง ทางพุทธศาสนาไม่ได้ให้ใครงมงายแต่ให้นำธรรมะมาปฏิบัติด้วยเหตุด้วยผล โดยเฉพาะเรื่องของการทำบุญมากได้มากนี้ถือว่าไม่ถูกต้อง แต่ถ้าทำโดยมุ่งไปที่ประโยชน์สูงสุดกับประชาชนและศาสนาถึงจะได้บุญ อย่างเช่นการสร้างห้องน้ำ ห้องส้วม ซึ่งเป็นที่ถ่ายทุกข์ของคนที่เป็นทุกข์มาก แต่เมื่อเข้าไปถ่ายทุกข์แล้วก็จะรู้สึกสบาย รู้สึกดี"เรื่องนี้อาตมาให้รู้สึกเห็นใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย สื่อมวลชนก็ทำหน้าที่ตรวจสอบสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล วัดพระธรรมกายก็ต้องการสร้างธรรมเจดีย์ ซึ่งก็เป็นธรรมดาอยู่เองว่าการสร้างอะไรก็ตามที่ใหญ่โตย่อมต้องมีปัญหา อย่างเดียวกับการสร้างกำแพงเมืองจีนก็เป็นปัญหามากในช่วงเวลานั้น"

    ที่มา : page3
    credit : อเธน่า เทพีแห่งชัยชนะ รักนปชแดง
    แก้ไข
     
  12. กัปปะ

    กัปปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +118
    ดีครับ คุณวิถีคนจรที่ได้โพส เพราะอย่างน้อยคงจะได้เป็นการสื่ออีกมุมหนึ่งที่ใครหลายๆคนอาจไม่รู้
     
  13. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649
    งานพระศาสนาของวัดพระธรรมกายขยายไปถึงไหนกันแล้ว ตอนนี้จะฟื้นฟูพระ

    ศาสนากันแล้ว ปีหน้าจะบวชพระเป็นล้านรูปแล้ว บางคนยังมานั่งหลงๆกับข่าว

    เก่าๆที่ทางวัดถูกการเมืองเข้าเล่นงาน ข่าวจะจริงหรือไม่นั้นไม่สนใจ มันไม่ใช่

    ความจริงอีกด้านแต่มันเป็นความเท็จทุกประการ


    สิ่งที่บางคนทำอยู่ มันมิได้เกิดประโยชน์ต่อพระศาสนาเลยน่ะ
     
  14. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=Z0I32Sw8oHc]YouTube - อาณาจักรพระเจ้าอยู่ในตัวคุณ[/ame]

    บทเพลงนี้ แต่งโดยบาทหลวงครับ ที่ต่างประเทศ เค้ามานั่งสมาธิวิชชาธรรมกาย

    แล้วมีผลการปฎิบัติเข้าถึงพระธรรมกายภายในครับ จึงแต่งบทเพลงขึ้นมา และ

    หันมานับถือพระรัตนตรัยเป็นสรณะ
     
  15. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649
    วันนี้ที่วัดมีพิธีบวชอุบาสิกาแก้ว 1 ล้านคน ขณะที่หลวงพ่อธัมมชโย

    กำลังนำบูชาพระรัตนตรัย และนั่งสมาธิอยู่ คุณกัปปะก็กำลังมุ่งอกุศล

    จิตไปที่ท่านพอดี ช่างประจวบเหมาะนัก เวลาเดียวกันเลย
     
  16. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649
    ประเด็นที่ว่า "หลง" นั้นคืออะไร

    สาระของพระศาสนา ที่พุทธเหนือกว่าศาสนาอื่นคือ "พระนิพพาน"

    แล้วเราไม่ได้สอนเพื่อพระนิพพานตรงไหน บารมีทั้ง10 คือบันไดสู่

    พระนิพพาน แต่โดยเฉพาะหมู่คณะวัดพระธรรมกาย เป็นพุทธภูมิ ยัง

    ไปนิพพานไม่ได้ เค้าต้องเตรียมเสบียงไว้มากๆ เพื่อสร้างบารมี เป็น

    พุทธภูมิชุดสุดท้าย ไม่ขอเข้านิพพานแม้อยู่ต่อหน้าพระพักตร์พระ

    สัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะต้องการ "เก็บตก" และรอสรรพสัตว์ทั้งหมด

    เข้านิพพานไปก่อน



    ส่วนเรื่องวิธีสร้างบารมี เค้าก็มีครูบาอาจารย์ที่ตามติด ติดตาม และ

    อธิษฐานกันมาเป็นอสงไขยกัปป์อยู่แล้ว
     
  17. howverts

    howverts สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +0
    อยากให้คุณ วิถีคนจร และ คุณกัปปะใช้ปัญญาเยอะๆ ที่คุณทั้งสองพูดมาก็ถูกแต่ไม่จริง เพราะ พวกคุณทั้งสองเชื่อข่าว ซึ้งข่าวจะเขียนชีนำยังไงก็ได้จริงมะล่ะ ลองเปิดใจซิ เอาใจที่่เป็นใจอกุสนที่มุ่งหน้าไปสู่ทางไปอบายออกก่อน แล้วลองเข้าไปศึกษาดู ผมชื่นชมคุณ วงบุญพิเศษนะ คนนี้นีแหละที่ดวงตาและจิตใจเห็นธรรมของจริง แล้วลูกศิษวัดหลายสิบล้านคนก็คิดเหมือนท่านวงบุญอยากให้ท่านวงบุญคิดหาวิธิช่วย คนสองคนนี้ที่กำลังจะไปอบาย เพราะสองคนนี้เหมือนจะฉลาดแต่ฉลาดไม่จริงสองคนนี้ เพราะผมรู้สึกส่วนตัวนะว่าสองคนนี้ ได้แต่มองคำสอนของศาสนาแต่ไม่เคยได้เข้าใจหรือ ปฎิษัติให้ลึกซึ้งพูดง่ายๆ (เหมื่อนคนที่พูดเป็นอย่างเดียวแต่ทำไม่เป็น) ได้แต่ก๊อปหลักธรรมมาโชว์ว่ารู้(รู้ไม่จริง) ผมไม่ได้โกรธพวกคุณนะ แต่สงสาร เพราะถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่ ก็มีแต่อบายนั้นแหละที่พวกคุณจะต้องไป อ่ะถ้ายังไม่กล้าเข้าวัด ดูถ่ายทดสดผ่านเวปก็ได้ Dhamma Meditation Peace Buddha กฎแห่งกรรม การนั่งสมาธิ สันติภาพ พระพุทธเจ้า เพราะแต่ก่อนมีคนที่คิดเหมือนคุณนั้นแหละมาชี้นำผม แล้วหลังจากนั้นผมก็ลองเปิดใจไม่เชื่ออะไรไม่เชื่อใคร จะเชื่อในตัวเองแล้วก็ ลองเข้าไปศึกษาดู ทุกวันนี้แค่ดูผ่านทาง เวปก็รู้สึกมีความสงบสุขแล้วล่ะ จริงๆอยากไปวัดนี้นะ แต่อยู่ไกล อนาคตอันใกล้นี้ก็ว่าจะหาเวลาไปทุกวัดหยุด (ทุกวันอาทิตย์ต้นเดือน) สาธุๆๆ ขอให้พระรัตนตรัยได้โปรด..ดลบันดานให้มนุษย์ทุกคนมีดวงตาเห็นธรรม ปิดอบายไปสวรรค ถึงพระนิพาน สาธุ สาธุ สาธุ ขอโทษด้วยถ้าเราทำให้นาย วิถีคนจร และ กัปปะ ต้องเสียใจ ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2011
  18. กัปปะ

    กัปปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +118
    แปลกจัง ถ้ามีคนฉลาดอย่างพวกคุณ ศิษย์วัดทั้งหลายเนี่ย ผมว่า วัดคงเจริญอีกเยอะ เพราะได้เงินบริจาค เพราะอยากขึ้นสวรรค์กันอีกเยอะ แต่ที่จะเจริญไปทางไหน ผมไม่รู้ และไม่อยากรู้ด้วย สิ่งใดที่ใครก่อกรรมไว้กับศาสนา กรรมนั้นคงคืนกลับอย่างแน่นอน และผมไม่โทษคนอย่างคุณหรอก คนที่ตาบอดมืดมิด เห็นผิดเป็นชอบน่ะ เมื่อถึงเวลาที่กรรมคุณเบาบางลง เมื่อนั้นคุณคงพบกับความจริง ตื่นเถอะครับ กระทู้นี้มีแต่ศิษย์วัดธรรมกายที่ออกมาโต้ตอบเท่านั้นแหละ..เพราะอะไรล่ะ คงยอมรับความจริงไม่ได้มั้ง ประเภทที่ว่า มีการเมืองเข้ามาเกี่ยว คงไม่รู้จะโทษใครแล้วมั้ง...สังเกตุสิ โทษมั่วไปหมด สารพัดจะอ้าง แต่คนที่เข้ามาอ่าน ส่วนใหญ่เขาพิจารณาเองได้ว่าอะไรจริง อะไรไม่จริง ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย เคยได้ยินไหม ไม่มีมูล หมามันไม่ขี้ หรอกนะ
     
  19. kamoochi

    kamoochi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +326
    ทำมะทำโมะ ทำโมทำเมา ทำเอาทำเอง
     
  20. paintkiller

    paintkiller เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    334
    ค่าพลัง:
    +946
    ทำไมไม่ไปฟื้นฟูทางภาคใต้มั่งละครับ ถ้าทำได้รับรองเลยครับ ดีมากกว่าเสียอีก
    ทองแท้ไท้กลัวไฟ ฉันใด ธรรมย่อมรักษ์ผู้ประพฤติธรรม ฉันนั้นไม่ใช่เหรอครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...