ร่วมแจมประวัติและพระเครื่อง สุดยอดพุทธคุณสายใต้ครับ

<DIR>

</DIR>esun พูดว่า (11:24 AM):


<DIR>

</DIR>.................
น้ำเองค่ะ พูดว่า (11:24 AM):

.....................

มาแล้วนะค่ะ คุณ Cornell ยังมีชีวิตอยู่ด้วยล่ะ อิอิ

 

ลืมบอกไปเลย วันนี้สายโทรมาแจ้งเรื่องนางกวักพิมพ์หัวมวยค่ะ สวยกริ๊ปเลย เลยได้มาเข้ารังอีก 2 องค์เรียบร้อย ไม่เอาก็ไม่ได้ค่ะ สั่งเขาหาไว้ให้ แต่ราคาตึงไปนิด หมื่นเศษทั้งสององค์เลยค่ะ เป็นหัวมวยยาวทั้งคู่ค่ะ

 

ท่าจะไม่มาเขียนกระทู้ตัวเองแล้ว ดีเหมือนกันค่ะ มีอะไรก็คุยในเอ็มเหมาะที่สุดเลย จะได้รู้กันสองคนค่ะ ว่าแต่หาของเก่งเหลือเกินนะช่วงนี้ ได้อะไรดี ๆ มาเพียบ

น้ำมีอะไรบอกด้วยนะ สมัคร Amulet กับ dd พระดอทคอมไว้เรียบร้อยแล้วล่ะ แต่ไม่ได้ชื่อน้ำ เนื่องจากต้องสำเนาหลักฐานทั้งบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน และเขาใช้เบอร์โทรศัพท์ที่บ้านด้วย แต่ตอนนี้น้ำยังไม่ได้กลับบ้าน ให้เพื่อนสมัครให้แทนไปเรียบร้อยแล้ว เพิ่งสมัครวันนี้เองแระ เด๋วไม่กี่วันนี้น้ำจะลุยแล้ว อย่าเผลอไปเช่าพระน้ำละกัน เด๋วจะหาว่าไม่บอกไม่รู้นะ ตอนนี้อะไรเข้าที่เข้าทางแล้วด้วยค่ะ เข้าล๊อคหมดเลย ยังไงไว้คุยเอ็มแล้วน้ำจะบอกให้นะค่ะว่าใช้ชื่อใน Amulet กับ dd พระว่าอะไร

 

วันนี้น้ำจองปิดตามหาลาภจากกระทู้คุณเพชรไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ เลยอยากเล่าประสบการณ์สำหรับพระปิดตาพิมพ์นี้ให้ฟัง ไม่ได้เชียร์นะค่ะ เพราะตั้งแต่น้ำเช่ามาไม่เคยมีความคิดที่จะปล่อยพระพิมพ์นี้แม้แต่ครั้งเดียว จำไม่ได้ว่ามีกี่องค์ แต่ไม่เกิน 6 องค์ พระปิดตามหาลาภ หลวงตาปลอด สมกับสมญานามของท่านเลยทีเดียวค่ะคุณ Cornell จริง ๆ น้ำไม่เคยแขวนมาก่อนเหมือนกัน ได้มาก็เก็บ เพราะมีแม่นางกวักไว้แล้ว ไม่รู้นึกอย่างไร วันจันทร์เป็นวันแรกที่น้ำหยิบมาติดตัว ถอดแม่นางกวักไปองค์นึง ในคอปกติจะเป็นนางกวัก 4 องค์ ลุงไข่ วัดเจดีย์องค์นึงค่ะ พอมาวันจันทร์เปลี่ยนมาเป็นนางกวัก 3 องค์ ลุงไข่ 1 องค์ แล้วใส่ปิดตามหาลาภ หลวงตาปลอดไปแทนที่องค์นึง น้ำก็บนตามปกติว่าขอให้หาเงินคล่อง ๆ ทุกวัน ไม่น่าเชื่อค่ะ ตั้งแต่วันจันทร์มานี้น้ำหาเงินได้มาก ๆ เลยทีเดียวค่ะ มากกว่าปกติซะอีก นึกแล้วยังงงตัวเองเลย เลยเกิดความรู้สึกขึ้นว่า หากเรานำแม่นางกวักหลวงตาปลอด มาห้อยคู่กับปิดตามหาลาภของท่านแล้ว อะไร ๆ จะสำเร็จเร็วขึ้นกว่าเดิมค่ะ 4 วันที่ผ่านมานี้มีอะไรดี ๆ เข้ามาเยอะมากมาย แปลกจริง ๆ เรื่องนี้ ดังนั้นน้ำจึงใคร่แนะนำไว้เลย หากมีแม่นางกวักหลวงตาปลอดติดตัวแล้ว อย่าลืมที่จะหาปิดตามหาลาภของท่านติดตัวไว้ในพวงอีกสักองค์นึงนะค่ะ ว่าแต่คุณ Cornell คงไม่ต้องก็ได้ เดือน ๆ รับเป็นแสนแล้ว

 

อรุณสวัสดิ์ยามเช้าค่ะ วันนี้มาพร้อมข่าวดีเลยแต่เช้าค่ะ

 

เข้ามาศึกษาหลวงพ่อปลอด วัดหัวป่าครับ

 

ยินดีต้อนรับค่ะคุณลูกแม่ค้า ดีใจจังที่มีคนสนใจพระเครื่องหลวงตาปลอดเพิ่มขึ้นอีก 1 ท่านแล้วค่ะ ขออนุญาตใช้กระทู้คุณ Cornell ช่วยตอบแทนเลยละกัน มีอะไรสอบถามได้นะค่ะ น้ำเองอาจไม่เก่งพระสายใต้เท่าไร ไม่เหมือนคุณ Cornell ที่เชี่ยวชาญมาก แต่ที่กล้ารับรองคือ หลวงตาปลอดเป็นเกจิรูปหนึ่งของภาคใต้ที่เก่งมาก ๆ ค่ะ พระเครื่องของท่านทุกพิมพ์ต่างมีประสบการณ์มาแล้วนักต่อนักค่ะ

 

คุณลูกแม่ค้ามีอะไรสามารถสอบถามได้นะค่ะ เผื่อคุณ Cornell ไม่เข้ามาตอบ น้ำจะได้ตอบให้เองค่ะ เจ้าตัวก็อย่างนี้แระ งานเยอะค่ะ เพราะแม่นางกวักหลวงตาปลอดช่วยค่ะ งานล้นมือเลย เลยหาเวลาไม่ได้เหมือนใครเขา

 

วันนี้ขอเล่าประสบการณ์ดี ๆ สักเรื่องก่อนละกันค่ะ เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อเช้าเลย เปิดมือถือไม่ทันไร มีพี่สุภาพสตรีท่านนึงโทรมาจากชลบุรี ทำงาน รพ.แห่งหนึ่งที่นั่นค่ะ โทรมาบอกว่าได้เชิร์ทมาเจอเรื่องที่น้ำเขียนเล่าเกี่ยวกับแม่นางกวักหลวงตาปลอด ก็เลยคุยกันทางโทรศัพท์ค่ะ ประมาณ 15 นาทีได้ น้ำก็เล่าให้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ ที่ว่าทำไมน้ำถึงศรัทธาแม่นางกวัก คุยไปคุยมา น้ำก็เลยเล่าเรื่องวัดซะเลย พี่เขาก็ถามขึ้นมาว่า วัดนี้ใช่วัดที่มีพญานาคด้วยหรือเปล่า เพราะเคยมีคนไปมาแล้วกลับมาเล่าให้ฟัง อยากมามาก ๆ น้ำเลยตอบว่าใช่ค่ะ เพราะที่วัดก็มีตำนานเรื่องพญานาคสองตัวอยู่ด้วยค่ะ พี่เขาบอกว่าช่วงสงกรานต์จะชวนเพื่อน ๆ ที่ รพ.มา พร้อมหาปัจจัยส่วนหนึ่งมาสร้างศาลา และห้องน้ำด้วย พอตกเย็นโทรมาคุยอีกแล้วค่ะ สอบถามเรื่องแม่นางกวักกับทางวัดเพิ่มเติม ได้ข้อสรุปว่า พี่เขานัดหมายเพื่อน ๆ ว่าสงกรานต์มาแน่นอนค่ะ

 

<HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>
<!-- google_ad_section_start -->หากจะกล่าวถึงพระเถราจารย์ที่เป็นผู้ทรงวิทยาคมเรืองวิทยาเวทย์บำเพ็ญตนในเพศสมณะที่สมบูรณ์ด้วยศีลาจริยาวัตรอันงดงาม ประกอบด้วยวัตรปฏิบัติอันสมถะสันโดษ ปราศจากมลทินใดๆ พลังจิตแก่กล้าด้วยเมตตาธรรม เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรครองจิตใจผู้คนทั่วไป พุทธศาสนิกชนต่างทราบเกียรติประวัติของพระเถระรูปหนึ่งเป็นอย่างดี พระเถระรูปนี้ คือ พระครูพิศิษฐ์บุญสาร หรือหลวงพ่อปลอด ภาษาถิ่น คือ “พ่อท่านปลอด” หรือ “ตาหลวงปลอด” แห่งวัดหัวป่า ตำบลบ้านขาว อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา
ชาติภูมิ

พระครูพิศิษฐ์บุญสาร (หลวงพ่อปลอด บุญฺญสฺสโร) นามเดิมว่าปลอด นามสกุล อ่อนเเก้ว ถือกำเนิดเมื่อวันศุกร์ ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 10 ปี จอ ตรงกับวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2441 จ.ศ.1260 ร.ศ.117 ค.ศ. 1989 ที่ หมู่ 4 ต.ตะเครียะ อ.ระโนด จ.สงขลา เป็นบุตรคนที่ 3 ในจำนวนพี่น้อง 6 คน ของนายสุข นางฝ้าย อ่อนเเก้ว สำหรับพี่น้อง ได้เเก่ นายดำ อ่อนเเก้ว นางกิมเนี่ยว อ่ำปลอด พระครูพิศิษฐ์บุญสาร นายเถื่อน อ่อนเเก้ว นายถั้น อ่อนเเก้ว เเละ นางซุ่นเนี่ยว อ่อนเเก้ว
ชีวิตยามปฐมวัย

เด็กชายปลอด อ่อนเเก้ว เป็นผู้ที่มีความประพฤติเรียบร้อย เป็นบุตรที่อยู่ในโอวาทของบิดามารดา เป็นผู้ที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาโอบอ้อมอารีเป็นที่รักของญาติพี่น้อง ครั้นพออายุควรเเก่การศึกษา บิดาจึงได้นำไปฝากพระอธิการคง ฆงคสฺสโร เจ้าอาวาสวัดหัวป่าในสมัยนั้น เพื่อศึกษาภาษาไทย อักษรขอม และอักษรสมัยใหม่ต่างๆ ซึ่งพระอธิการคงได้รับไว้เป็นศิษย์และสอนให้ด้วยตนเอง จนกระทั่งมีความรู้ความสามารถ อ่านออกเขียนได้

บรรพชาและอุปสมบท

หลวงพ่อปลอด ได้รับการศึกษาอบรมด้านพระธรรมวินัย ครั้นพออายุได้ 19 ปี เกิดเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา จึงได้ขอบรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันพุธ ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 8 ปีมะโรง ตรงกับวันที่ 12 กรกฎาคม 2459 ณ วัดหัวป่า โดยมีพระอธิการคง ฆงคสสโร เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากบรรพชาแล้ว สามเณรปลอดก็ได้ศึกษาวิชาวิทยาเวทย์ และคาถาอาคมต่างๆจากหลวงพ่อคง ด้วยความเป็นผู้มีความเพียรสูง จึงได้ศึกษาวิชาต่างๆ จากหลวงพ่อคงอย่างรวดเร็ว
พออายุครบอุปสมบท สามเณรปลอดก็ได้อุปสมบท เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 13 กรกฎาคม 2460 ตรงกับ ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 8 ปีมะเส็ง ณ วัดหัวป่า โดยพระอธิการคง ฆงคสฺสโร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระสุก ธมฺมสโร และ พระชู ติสโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ปุญฺญสฺสโร”
ด้วยเหตุที่เป็นผู้ที่รักในการศึกษาหาความรู้ จึงเริ่มศึกษาพระพุทธศาสนา พระปริยัติธรรมเพิ่มเติม จนสอบผ่านและได้เลื่อนวิทยฐานะตามลำดับ ดังนี้

• อายุ 35 ปี พรรษาที่ 14 สอบได้นักธรรมตรี นวกภูมิ ณ สำนักเรียนวัดหัวป่า ได้รับประกาศนียบัตรเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2475
• อายุ 38 ปี พรรษาที่ 17 สอบไล่ได้นักธรรมโท มัชฌิมภูมิ ณ สำนักเรียนวัดหัวป่า ได้รับประกาศนียบัตรเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2478
• วันที่ 5 ธันวาคม 2517 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็น “พระครูพิศิษฐ์บุญสาร”

นอกจากความรู้ทางธรรมแล้ว ท่านยังได้ศึกษาเกี่ยวกับวิทยาเวทย์ จากอาจารย์ที่มีความรู้เรื่องไสยเวทย์ ไม่ว่าจะเป็นสมณะชีพราหมณ์ หรือเพศฆราวาส ได้ศึกษาภาษาขอมจากพระอาจารย์ไข่ ศึกษาวิธีทำตะกรุดพิศมร จากอาจารย์ทวดทองขาว ซึ่งเป็นฆราวาสและผู้เรืองวิทยาเวทย์แก่กล้ามาก โดยเฉพาะด้านคงกระพันชาตรี หนังเหนียว ศาสตราอาวุธทั้งหลายไม่สามารถทำอันตรายได้เลย
นอกจากนี้ยังได้ศึกษาเพิ่มเติมจากอาจารย์เพิ่ม ซึ่งเป็นฆราวาสอยู่ที่อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง และจากพระอาจารย์ผู้เรืองเวทย์ต่างๆอีกมากมาย จนรู้แตกฉานทางวิทยาคมในแขนงต่างๆ จนในที่สุดได้เป็นพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียง และเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกในงานต่างๆนับครั้งไม่ถ้วน
นับได้ว่าหลวงพ่อปลอด เป็นพระอริยะสงฆ์ที่เปี่ยมล้นด้วยคุณธรรม และเมตตาจิตรเป็นพระเถราจารย์ที่สำคัญรูปหนึ่งของภาคใต้ ท่านเป็นภิกษุที่มีความเมตตา ยินดีรับทุกข์ของทุกคนที่ไปขอความช่วยเหลือ ช่วยขจัดปัดเป่าความทุกข์ของผู้เดือดร้อน เป็นศูนย์กลางความสามัคคี ใครทะเลาะวิวาทกันก็เรียกมาพูดคุย จนกระทั่งคู่กรณียอมรับในคำตัดสิน แม้ในยามวิกาล ซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้ถูกงูพิษกัด ได้รับการรักษาจนรอดปลอดภัยทุกราย ด้วยเหตุนี้ท่านจึงได้รับความเคารพนับถืออย่างสูงในละแวกบ้าน จนชาวบ้านเรียกท่านติดปากว่า “พระอาจารย์ปลอด” หรือ “พ่อท่านปลอด”
ในทางวิชาแพทย์แผนโบราณ หลวงพ่อปลอดเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการบำบัดรักษาโรคนานาชนิด เช่น การรักษาผู้วิกลจริต หรือเสียสติ การรักษาโรคพิษสุนัขบ้า ผู้ติดยาเสพติด ผู้ถูกสัตว์มีพิษกัดต่อย โดยเฉพาะวิชาสยบแมลงป่อง วิชาผสานพลังจิต เป็นที่เลื่องลือยิ่งนัก ท่านจึงเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของผู้ตกทุกข์ได้ยาก เป็นผู้สร้างประโยชน์ให้กับสังคม ช่วยเหลือทางราชการในการรักษาพยาบาล เนื่องจากสมัยนั้นโรงพยาบาลของรัฐมีไม่เพียงพอ และอยู่ห่างไกลการคมนาคมไม่สะดวก นอกจากนั้นท่านยังมีพลังจิต มีพลานุภาพในการทำน้ำพระพุทธมนต์เพื่อขจัดปัดเป่า ผู้ที่ถูกคุณไสยหรือผีเข้า ล้างสิ่งอัปมงคล และอีกส่วนหนึ่งที่เป็นที่ทราบกันดีในหมู่ลูกศิษย์ คือท่านมี “วาจาสิทธิ์” พูดอะไรจะเป็นไปตามที่พูดเสมอ ในแต่ละปีทางวัดจะจัดพิธีสรงน้ำหลวงพ่อปลอด ในเดือน 5 (เมษายน) ของทุกๆปี บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายเฉพาะผู้ชายจะหมอบลงกับพื้น เริ่มที่ประตูห้องตลอดไปตามแนวระเบียงนอกชานกุฏิ จนถึงสถานที่ที่เจ้าหน้าที่ของวัดจัดไว้ เป็นที่ให้ลูกศิษย์และประชาชนทั่วไปมาสรงน้ำ โดยทุกคนต้องการให้หลวงพ่อเหยียบบนร่างกายของตนเพื่อเป็นสิริมงคล พร้อมกับอธิษฐานขอพรตามปรารถนา
งานด้านการปกครอง

• พ.ศ. 2474 เป็นเจ้าอาวาสวัดหัวป่า
• พ.ศ. 2478 เป็นเจ้าสำนักเรียนวัดหัวป่า
• พ.ศ. 2507 เป็นพระอุปัชฌาย์

เนื่องจากหลวงพ่อปลอดเป็นพระที่เคร่งครัดในธรรมวินัย ท่านจึงยึดมั่นในระเบียบการครองวัดตามระเบียบของมหาเถรสมาคม มีการทำอุโบสถ สังฆกรรม (สวดปาฏิโมกข์) ตลอดปี มีกฎระเบียบของวัดเกี่ยวกับ การบวชนาค นวกภิกษุ การเรียนการสอนปริยัติธรรม และการ อบรมศิษย์วัด เป็นต้น
งานด้านการศึกษา
เนื่องจากหลวงพ่อปลอด เป็นผู้มีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการศึกษา ท่านจึงพยายามสั่งสอนศิษย์ทุกคนให้ได้รับการศึกษา และหาความก้าวหน้าในชีวิตด้านการศึกษา วิธีการส่งเสริมและสร้างแรงจูงใจให้ศิษย์รักการศึกษา คือ การตั้งรางวัลให้ทุนกับผู้ที่มีความอุตสาหะ ขยันหมั่นเพียร และเรียนดี นอกจากนั้น ท่านยังสนับสนุนโดยการส่งภิกษุสามเณร ที่ท่านเห็นว่ามีภูมิปัญญาควรแก่การส่งเสริมให้ไปศึกษาเล่าเรียน ณ สำนักเรียนอื่นๆ ซึ่งมีการจัดการศึกษาในระดับที่สูงกว่า ดังนั้น จะเห็นได้จากศิษย์ของหลวงพ่อปลอดหลายรูปจบปริญญาตรี โท และปริญญาเอก
ตั้งแต่ ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสเป็นต้นมา ท่านเริ่มปฏิบัติหน้าที่ในทางเผยแพร่พระพุทธศาสนา โดยเป็นผู้ให้การอบรมศีลธรรมแก่นักเรียนและประชาชน มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 – 2535 และในปี พ.ศ. 2519 ท่านได้ร่วมมือกับธรรมฑูตในการเผยแพร่ศีลธรรมให้กัวนักเรียนและชาวบ้านหัวป่า ส่งเสริมให้ประชาชนร่วมทำความดี ทำบุญกุศล และร่วมพิธีในวันสำคัญทางพุทธศาสนา และที่สำคัญคือ ท่านเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชน ในช่วงเข้าพรรษาของทุกๆจะมีผู้เลื่อมใสศรัทธาบวชเรียนประจำพรรษาอยู่วัดหัวป่า เป็นจำนวนมากจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
งานด้านสาธารณูปการ และการพัฒนาวัด
หลวงพ่อปลอดนอกจากเป็นพระอาจารย์ที่เรืองวิทยาเวทย์แล้ว ยังเป็นพระผู้นำ พระนักพัฒนา ท่านชอบสร้างความเจริญให้กับท้องถิ่น ท่านไม่เคยอยู่นิ่งเลย ได้สร้างสิ่งต่างๆ อาทิ

1. • พ.ศ. 2483 สร้างอาคารเรียน โรงเรียนวัดหัวป่า มีลักษณะทรงปั้นหยา กว้าง 8 เมตร ยาว 24 เมตร ราคาก่อสร้าง 2,000 บาท
   • พ.ศ. 2492 สร้างพระอุโบสถถาวร หลังที่ 3 ทดแทนหลังเดิมที่ชำรุด
   • พ.ศ. 2497 สร้างศาลาการเปรียญ ลักษณะทรงไทยชั้นเดียว กว้าง 14 เมตร ยาว 16 เมตร ราคาก่อสร้าง 70,000 บาท
   • พ.ศ. 2505 เริ่มดำเนินการก่อสร้างอุโบสถหลังใหม่ เนื่องจากหลังเก่าชำรุดมาก จึงให้รื้อและสร้างใหม่ให้ถาวร กว้าง 9 เมตร ยาว 16 เมตร
   • พ.ศ. 2513 ได้บูรณะปฏิสังขรณ์กุฏิ ลักษณะทรงไทย 2 ชั้น กว้าง 3 เมตร ยาว 6 เมตร ค่าบูรณะ 20,000 บาท และในปีเดียวกันท่านได้ชักชวนให้ชาวบ้านขุดสระน้ำในในบริเวณที่ดินวัด เพื่อให้มีน้ำใช้ตลอดปี
   • พ.ศ. 2515 ได้บูรณะปฏิสังขรณ์กุฏิลักษณะทรงไทย 2 ชั้น กว้าง 9 เมตร ยาว 9 เมตร ค่าบูรณะ 65,000 บาท ท่านได้ชักชวนให้ราษฎรบ้านหัวป่าพัฒนาเส้นทางคมนาคม โดยตัดถนนหน้าวัดยาว 2 กิโลเมตร
   • พ.ศ. 2523 สร้างศาลาการเปรียญ (โรงธรรม)
   • พ.ศ. 2524 สร้างเมรุเผาศพ (รื้อแล้ว)
   • พ.ศ.2526 – 2527 สร้างหอระฆัง

ช่วงสุดท้ายของชีวิต
หลวงพ่อปลอดได้มรณภาพด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2537 สิริอายุรวม 97 ปี พรรษาที่ 76 ปัจจุบันร่างของท่านนอนสงบนิ่งอยู่ในโลงแก้ว ณ กุฏิหลังหลังใหม่ (ย้ายกลับหลังเดิมแล้ว)วัดหัวป่า หากท่านผู้ใดเป็นศิษยานุศิษย์ ผ่านไปอำเภอระโนด จะเข้าไปกราบบูชาสรีระของท่านเพื่อขอพร ขอบารมี คุณงามความดีของหลวงพ่อมาคุ้มครองปกป้องรักษาให้ประสพโชคดีมีความสุขสืบไป

ที่มา.. 1. น.อ.ชาติชาย นันทเสนีย์ เรื่อง หลวงพ่อปลอดวัดหัวป่า นิตยสารมหาโพธิ์ เล่มที่ 76-81
2. ทรงพล มากชูชิต นิตยสารเทียนชัย ฉบับพิเศษ
3. สุศิษย์ เรื่องชีวประวัติหลวงพ่อปลอด หนังสือระโนดสังสรรค์ ครั้งที่ 31
<!-- google_ad_section_end -->
<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>
</FIELDSET>

 

วันนี้ตื่นแต่เช้าหน่อย นั่งจัดของเตรียมส่งให้ลูกค้าค่ะ เยอะนิดนึง เสร็จแล้วก็แวะมาอรุณสวัสดิ์คุณ Cornell ซะหน่อย

 

ไปถวายสังฆทานมาเรียบร้อย วันนี้โอนเข้า รพ.สงฆ์ ไป 200 บาทค่ะ ไถ่ชีวิตโค กระบืออีก 200 เลยเอาบุญมาฝากคุณ Cornell ด้วย หัดเข้ากระทู้ตัวเองบ้างนะ ไม่ใช่คุยแต่ในเอ็มค่ะ มีคนเขาคิดถึง คอยติดตามผลงานกันเยอะ

 

รบกวนสอบถามครับ
นางกวักของหลวงพ่อ อ่านมาว่ามี ๓ ยุค ต้น กลาง ปลาย อยากทราบแบบละเอียดๆหน่อยครับ
ต้น กลาง ปลาย แต่ละยุค มีกี่พิมพ์ กี่เนื้อ และจำนวนครับ อ้อเกือบลืม ลุงไข่ นี่หน้าตาเป็นยังไงครับ ขอลายละเอียดด้วยครับ
ขอบคุณครับ

 

รบกวนสอบถามครับ
นางกวักของหลวงพ่อ อ่านมาว่ามี ๓ ยุค ต้น กลาง ปลาย อยากทราบแบบละเอียดๆหน่อยครับ
ต้น กลาง ปลาย แต่ละยุค มีกี่พิมพ์ กี่เนื้อ และจำนวนครับ อ้อเกือบลืม ลุงไข่ นี่หน้าตาเป็นยังไงครับ ขอลายละเอียดด้วยครับ
ขอบคุณครับ<!-- google_ad_section_end -->

นางกวักหลวงตาปลอดมีสร้าง 3 ยุคค่ะ ยุคต้นส่วนใหญ่เนื้อหาจะผสมชันนะโรงเป็นส่วนใหญ่ หลวงตาปลอดกดพิมพ์ด้วยตัวท่านเอง บางครั้งพระเลยไม่ค่อยสวยเสียเท่าไร ยุคต้นก็พวกพิมพ์โบราณ พิมพ์หัวมวย ซึ่งแยกออกเป็นหัวมวยสั้น หัวมวยยาว กรรมการใหญ่ กรรมการเล็ก ถุงเงินถุงทอง เป็นต้นค่ะ สำหรับยุคกลางก็พวกเนื้อว่านทั่ว ๆ ไปค่ะ ส่วนยุคปลายจะเป็นพวกเคลือบบรอนซ์ ยุคนี้ค่านิยมจะสูงมากเนื่องจากองค์พระจะสวยคมสมบูรณ์มาก นางกวักหลวงตาปลอดที่สำคัญที่สุดต้องดูแหล่งที่มาด้วยค่ะ เพราะเคยเจอหลายครั้งที่เขาตีเป็นของท่านทั้งที่ไม่ใช่ค่ะ

 

สำหรับจำนวนการสร้างที่แน่ชัดคงตอบไม่ได้ค่ะ เพราะท่านสร้างไปเรื่อย ๆ ค่ะ แต่ไม่มากแน่นอน โดยเฉพาะพิมพ์พวกกรรมการใหญ่ กรรมการเล็ก หัวมวย พิมพ์โบราณ พิมพ์ทรงเหล่านี้พบเห็นได้ยากมากค่ะ แทบนับองค์ได้เลย คนที่ได้ส่วนใหญ่ก็เป็นชาวบ้านในละแวกนั้น หลายคนได้รับจากมือตาหลวงปลอดโดยตรงค่ะ แล้วมักจะหวงแหนกันมาก ไม่ยอมให้หลุดมือออกมาอย่างแน่นอน พิมพ์ที่พบเห็นโดยทั่วไปมักจะเป็นพวกพิมพ์เนื้อว่านโดยทั่วไป และพิมพ์พวกเคลือบบรอนซ์ทองค่ะ พระพิมพ์นางกวักเท่าที่เคยพบก็มีไม่กี่พิมพ์ค่ะ แต่เคยเชิร์ทหาในเน็ตไปเจอพิมพ์ทรงแปลก ๆ ก็มี ซึ่งอันนี้ต้องดูว่าเจ้าของเขาได้จากใครมา เรื่องแหล่งที่มานี่สำคัญมาก ๆ ค่ะ เพราะมีการยัดกันเยอะเหลือเกิน ส่วนลุงไข่จะเป็นรูปทรงคล้ายกุมารทองค่ะ หายากมาก แต่พอดีน้ำทำตลับทองใส่ให้ท่านอยู่ในพวงนางกวักหลวงตาปลอดแล้วคะ เลยไม่อยากถ่ายภาพมาโชว์เท่าไรในนี้ ต้องขอโทษอย่างสูงค่ะ

 

คุณลูกแม่ค้ามีอะไรสอบถามเพิ่มเติมเขียนได้เลยนะค่ะ ดึก ๆ น้ำมาใหม่ค่ะ หลังสามทุ่มไปแล้ว ต้องออกไปส่งของให้ลูกค้าแล้วค่ะ สำหรับพระเครื่องหลวงตาปลอดน้ำยินดีให้คำแนะนำเท่าที่สามารถตอบได้ค่ะ ด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง

 

ภาพลุงไข่ วัดเจดีย์ รุ่นแรกค่ะ เอาของคุณ Cornell มาลงให้ชมละกันค่ะ พอดีเจอในกระทู้นี้เองค่ะ มีลักษณะแบบนี้เลยค่ะคุณลูกแม่ค้า ประสบการณ์มานักต่อนักแล้ว แต่หายากมาก ๆ ค่ะ ไม่ค่อยพบเจอเท่าไร

 

ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ



ดูๆไปผมว่าเหมือนกุมารนะครับ แต่ไหงเรียกลุง!!!

ใครสร้างครับ ออกปีอะไรครับ มีกี่เนื้อครับ จำนวนกี่ตนครับ

ขอบคุณครับ

 

ใช่แล้วค่ะ บางครั้งเขาก็เรียกไอ้ไข่ เรียกตาไข่ เรียกลุงไข่บ้างค่ะ แล้วแต่คนเรียกค่ะ ของปลอมมีเยอะมาก ราคาอาจไม่สูงมากจนเกินไปนัก แต่ของปลอมเพียบค่ะ วัตถุมงคลของท่านมีทั้งเหรียญรุ่นแรก แหวน ล๊อคเก็ตค่ะ เท่าที่เคยเจอมานะค่ะ อาจมีอย่างอื่นอีก แต่ไม่ทราบแน่ชัดค่ะ ตามภาพจะเป็นหล่อรุ่นแรกเนื้อโลหะค่ะ ประสบการณ์ลุงไข่ ขอให้ ไหว้รับเด่นชัดมากค่ะ สำหรับการจัดสร้างถ้าข้อมูลไม่คลาดเคลื่อนนะค่ะ หลวงตาเพิ่มซึ่งท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดเจดีย์ในขณะนั้นได้จัดสร้างขึ้นค่ะเมื่อปี 2526 จำนวนการสร้างไม่แน่ชัด

 

ทีนี้ขอเล่าประสบการณ์ลุงไข่ให้ฟังสักเรื่องละกันค่ะ แต่ก่อนน้ำก็ไม่เคยได้ยินชื่อท่านมาเหมือนกัน เพิ่งนำท่านติดตัวจริง ๆ ไม่น่าเกิน 3 เดือนด้วยซ้ำไปค่ะ สาเหตุที่นำติดตัวเป็นเพราะได้ยินกิตติศัพท์ที่เขาร่ำลือกันว่าลุงไข่ หรือ ไอ้ไข่ วัดเจดีย์ ขอได้ไหว้รับ ก็เลยบูชามา เสร็จแล้วก็อธิษฐานไว้ในใจว่า ถ้าสิ่งที่ได้ยินคำร่ำลือมาเป็นความจริง ขอให้ช่วยเรื่องงานที่กำลังทำในช่วงนั้นให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี หลังจากที่อธิษฐานไปไม่นาน งานที่ทำตอนนั้นก็สำเร็จอย่างราบรื่น ไม่มีปัญหาอุปสรรคใด ๆ เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย นับจากวันที่ได้ลุงไข่มาขึ้นคอก็บอกกล่าวแม่นางกวักหลวงตาปลอดว่าจะขอนำลุงไข่ขึ้นคอด้วยนะ ช่วยเกื้อกูลซึ่งกันและกันด้วยล่ะ และนับจากวันนั้นเป็นต้นมา ในคอมีเพียงแค่แม่นางกวักและลุงไข่ติดตัวอยู่ตลอดเวลาในยามเดินทางไปไหนข้างนอก ประสบการณ์ที่ได้รับมีมากมายไม่เว้นวัน แต่ไม่ใช่เรื่องเสี่ยงโชค เป็นประสบการณ์ดี ๆ ที่ได้เฉกเช่นเดียวกับแม่นางกวักหลวงตาปลอดไม่ผิดเพี้ยนเลยแม้แต่น้อย น้ำจึงเชื่อมั่นและศรัทธาลุงไข่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าแม่นางกวักหลวงตาปลอดเช่นกัน