@ คชสีห์/เทพพระพิฆเนศ อาจารย์เฮง ไพรวัลย์ งาแกะ เรื่มเปิดที่เบาๆ @

ในห้อง 'ร้องเรียนและปัญหา' ตั้งกระทู้โดย พลังชาตรี 13, 7 พฤศจิกายน 2010.

  1. kim9

    kim9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +2,179
    อิทธิพลานุภาพ หลวงพ่อทวด วัดช้างให้

    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> [​IMG] <noscript> <iframe src="http://ads.palungjit.org/show.php?z=16" width="350" height="250" marginwidth="0" marginheight="0" hspace="0" vspace="0" frameborder="0" scrolling="no"></iframe> </noscript>
    อิทธิพลานุภาพ หลวงพ่อทวด วัดช้างให้

    [​IMG]


    ความ จริงแล้วประสบการณ์ของหลวงพ่อทวด ได้เกิดขึ้นอย่างมากมายจนนับครั้งไม่ถ้วน และได้มีการบันทึกเป็นตัวหนังสือที่มีประจักษ์พยานยืนยันชัดเจน ท่านผู้อ่านก็คงได้อ่านผ่าน

    สายตากันไปแล้วทุกคน การเขียนประสบการณ์ครั้งนี้ผมได้คิดไตร่ตรองอยู่หลายครั้งแล้วว่า จะเขียนดี หรือไม่ เพราะมีคนเขียนบอกเล่ากันหลายคนและเขียนกันหลายครั้ง ผมเขียน

    ครั้ง นี้จะเป็นการเอามะพร้าวมาขายสวนหรือปล่าวก็ไม่ทราบ อีกประการหนึ่งเรื่องนี้มัน เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของบุคคลและอาจ เกี่ยวกับคดีด้วย แต่เห็นว่าเวลามันผ่านไปเนิ่นนาน

    มาแล้ว ประกอบกับต้องการยกย่องและหลวงพ่อทวดให้หลายๆคนได้ศรัทธายิ่งๆขึ้น

    ผมจึงตัดสินใจจับปากกา ขึ้นมาเขียนประสบการณ์หลวงพ่อทวดอีกครั้งหนึ่งที่เกิด ขึ้นมานานแล้ว

    และ ขอให้ท่านผู้อ่านเรื่องนี้จบแล้วโปรดใช้วิจารณญาณ ประกอบด้วยว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้เพราะอะไร? เพราะความบังเอิญหรือเพราะบารมีของหลวงพ่อทวดกันแน่



    เหตุการณ์ ครั้งนั้นมันเกิดขึ้นมาร่วม 30 ปีแล้ว ขณะนั้นผมราชการเป็นครูสอนอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี พอมีเวลาว่างๆอย่างช่วงวันหยุดหรือโรงเรียนปิด

    เทอม ผมจะมาดูสวนดูไร่ที่ อ.ละแม จ.ชุมพร เสมอๆ เพราะเป็นสวนที่คุณตาของผมมาซื้อไว้ตั้งแต่ก่อนปี พ.ศ.2500 ซึ่งสมัยนั้นราคายังถูกอยู่มาก ตอนแรกสวนของผมอยู่แต่บริเวณ

    ปากนำ้ละแมเท่านั้น ต่อมาได้ขยับขยายไปซื้ออีกแปลงหนึ่งที่บริเวณเขาชะมด

    บริเวณ เขาชะมดเมื่อก่อนเป็นที่แบบที่คนทางภาคใต้เรียกกันว่านิคม คือยังไม่มีการออกโฉนดหรือ นส.3 มีเพียงแต่หลักฐานที่ทำกินเท่านั้น อาณาบริเวณก็ยังเป็นป่าดงอยู่มาก สัตว์ป่า

    ก็ชุกชุม เหนือๆขึ้นไปก็ยังมีที่วางให้คนมาถากถางจับจองได้ บริเวณเขาชะมดมีคนอพยพมาจับจอง และซื้อที่ทำสวนทำไร่กันมากและก็มาจากหลาย ถิ่นหลายจังหวัด

    ที่เขาชะมดนี้ผมได้รู้จักชายคนหนึ่งผมเรียกแกว่าน้า ยม (ขออภัยที่ผมต้องสงวนชื่อจริงนามสกุลจริง) ซึ่งแกอพยพมาจาก อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช มาอยู่ก่อนหน้าผมไม่กี่ปี

    สำหรับน้ายมนี้แกเป็นคน มี อัธยาศัยดีมาก เพื่อนบ้านต่างให้ความรักความเกรงใจ ประกอบอาชีพด้วยความขยันจนสร้างฐานะขึ้นมาอยู่ได้แบบไม่เดือดร้อน แต่ลึกๆแล้วทุกคนก็ทราบว่า

    น้ายมนี้แกเป็นนักเลง เป็นคนจริงไม่รังแกและสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น แต่จะมีใครมารังแกหรือกลั่นแกล้งแกไม่ได้เหมือนกัน

    ปกติ น้ายมแกจะ้ห้อยหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ เตารีดใหญ่ปี 05 อยู่องค์เดียวในคออยู่เป็นประจำ โดยใส่ตลับเงินหนาแบบสมัยก่อนและห้อยติดกับสร้อยสแตนเลส เวลานั้นหลวงพ่อ

    ทวดไม่ได้ดังเหมือนสมัยนี้ ราคาไม่แพงด้วย ขนาดเนื้อว่านปี 97 ยังให้กันปล่าวๆได้เลย

    คืน วันหนึ่ง...แกลงมานั่งเฝ้ามะพร้าวแห้งที่บรรจุในกระสอบแห้งเพื่อจะนำไปขาย ที่อ.หลังสวน จ.ชุมพร แต่รุ่งเช้า ที่ต้องลงมาเฝ้าเพื่อป้องกันคนมาขโมยนั่นเอง ด้วยเห็นว่าสนิทสนมกัน

    ผม จึงไปนั่งเฝ้าเป็นเพื่อนแกด้วย ปกติน้ายมแกไม่ค่อยดื่มเหล้า แต่เวลามีการมีงานแกก็นั่งสังสรรค์และดื่มกับ เขาบ้าง แต่ก้ดื่มแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนมากแกจะนั่งฟังคนอื่นคุยเสีย

    มากกว่า พอเห็นว่าผมไปอยู่เป็นเพื่อนแก แกเลยใช้ให้ลูกแกไปซื้อเหล้าโรงจากร้านค้ามาหนึ่งขวด แล้วเอามานั่งดื่มกับผม กันสองคน ตอนหนึ่งผมเอ่ยถามแกว่าเคยมีประสบการณ์ กับหลวงพ่อทวดหรือ ?
    ถึงได้ห้อยคอไม่ เคยห่างเลย?

    พอผมเอ่ยถาม น้ายมนิ่งครู่นึงแล้วพยักหน้าช้าๆ ผมจึงขอให้แกเล่าประสบการณ์ให้ฟัง ซึ่งแกก็ยินดีเล่าให้ฟังดังนี้

    เมื่อ ก่อนนั้นน้า (หมายถึงน้ายม ผู้เล่า) ไม่ได้มีอาชีพเป็นคนดีอย่างนี้หรอก แต่มีอาชีพแบบว่าคนดีเขาไม่ทำกันคือมี อาชีพเป็นมือปืนรับจ้าง แต่งานก็ไม่มีบ่อยนักนานๆครั้งถึงจะมีสักที

    วัน หนึ่งได้มีคนว่าจ้างให้ไปยิงคนที่ นาบอน จ.นครศรีธรรมราช ในราคา 1000 บาท (1000บาท เมื่อ 30 ปีก่อน) คนติดต่อได้พาน้าไปอยู่บ้านเขา อยู่ประมาณ 2-3 วัน เพื่อรอ

    โอกาส จนวันหนึ่งคนติดต่อได้มาบอกแกว่าวันนี้ ตอนเย็นให้ลงมือได้เพราะเหยื่อจะเดิน ทางไปธุระด้วยรถไฟ ซึ่งรถไฟจะมาถึง ต.นาบอน (สมัยนั้นยังไม่ได้เป็นอำเภอ) ในตอนเย็นๆ

    เกือบๆจะค่ำแล้วเดินทางคนเดียวด้วย

    พอถึงเวลาคน ติดต่อก้ได้มารับน้านั่งรถมอเตอร์ไซค์ไปที่สถานีรถไฟนาบอน พอไปถึงคนติดต่อก็ได้พาไปนั่งแอบ อยู่หลังห้องขายตั๋วแล้วก็ชี้เป้าหมายไปที่ คนๆหนึ่ง ซึ่งเป็นเหยื่อใน

    ครั้งนั้น เหยื่อเป็นชายอายุประมาณ 33-34 ปี นั่งอยู่บนเ้ก้าอี้ม้าหินอ่อนหน้าสถานีรถไฟ โดยมีสัมภาระเป็นกระเป๋าเดินทาง 1 ใบและชะลอมใส่ผลไม้ 1 ชะลอม เมื่อชี้เป้าหมายเป้น

    ที่มั่นเหมาะแล้ว คนติดต่อก็บอกว่าเมื่อทำงานสำเร็จแล้ว ให้วิ่งไปที่จุดนัดพบข้างสถานีรถไฟ ซึ่งที่นั้นจะมีคนเอามอเตอร์ไซค์มารอรับอยู่คนหนึ่ง ส่วนคนติดต่อจะนั่งดื่มกาแฟข้างๆ

    สถานีนั่นเอง

    เมื่อจำเหยื่อ ได้แม่นยำและตกลงเป็นที่มั่นเหมาะแล้ว คนติดต่อก็ได้เดินไปที่ร้านกาแฟ ส่วนน้าได้เดินไปหาเหยื่อเพื่อรอโอกาสจังหวะที่จะลงมือ

    แค่น้าเดินมา จากหลังห้องขายตั๋วมายังเหยื่อที่นั่งอยู่ จากผู้ชายอายุประมาณ 33-34 ปี

    "กลับเป็นพระสงฆ์แก่ๆ รูปหนึ่งนั่งอยู่แทน "

    [​IMG]

    ค้วยคิดว่าเหยื่อจะเดินไปทำธุระหรือเข้าห้องน้ำเพราะกระเป๋าเดินทาง และชะลอมผลไม้ยังวางอยู่เหมือนเดิม

    น้า จึงนั่งลงที่บนม้าหินอ่อนข้างๆพระสงฆ์แก่ๆสูงอายุ
    รูปนั้นเพื่อรอเหยื่อ กลับมาและคิดว่าจะลงมือขณะที่รถไฟจอดเทียบสถานีดีกว่า เพราะตอนนั้นคนกำลัง ชุลมุนง่ายต่อการทำงาน


    วันนั้นรถไฟเสียเวลานานมากแต่เหยื่อที่น้ารออยู่ไม่มาสักที ขณะที่นั่งรออยู่นั้น
    พระภิกษุชราภาพรูปนั้นก็ได้หันหน้าที่น้าแล้วพูดเปรยๆขึ้นว่า

    "ชีวิตใครเขาก็รัก ต่างคนต่างก็กลัวตายกันทั้งนั้น สูก็กลัวความตายเหมือนกัน"

    เมื่อพระภิกษุรูปนั้นพูดจบ น้าตัวชาดิก หน้าร้อนผ่าว ท่านพูดแบบนี้เพื่ออะไรกัน?

    เมื่อ พูดประโยคแรกจบแล้ว
    พระ ภิกษุชรารูปนั้นได้หันหน้ากลับ แล้วมองทอดสายตาไปยังป่าสวนยางพาราด้าน หน้าสถานีอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดเปรยๆขึ้นมาอีก โดยไม่หันหน้ากลับมา

    "เวร กรรมนั้นมีจริง ทำอะไรก็ได้นั้น ฆ่าเขาลูกเมียเขาก็เดือดร้อน เขาฆ่าเราลูกเมียเราก็เดือดร้อน งานการดีๆก็มีเยอะ ทำไมถึงไม่ไปทำ"

    พูด จบน้าตัวสั่นเลย ทั้งๆที่น้าเป็นคนใจแข็งมาก แต่ทำไมพอพระสงฆ์รูปนั้นพูดน้าถึงเกิดความกลัวจนต้วสั่นก็ไม่รู้ ท่านพูดเหมือนกับว่าท่านรู้ว่าน้ามาที่นี่เพื่อทำอะไร ขณะนั้นน้าก็ได้

    หัน ไปมองรอบๆก็ไม่เห็นเหยื่อเดินมาสักที ทั้งๆทีกระเป๋าเดินทางและชะลอมใส่ผลไม้ก็ยังวางอยู่ที่เดิม พอหันกลับมามองพระภิกษุรูปนั้น ก็เห็นว่าท่านกำลังจ้องมองน้าอยู่พอดี
    [​IMG]

    แล้วท่านก็ได้พูดขึ้นมาอีกว่า

    "สูทำบาปมามากแล้ว หยุดสักทีเถอะ"


    ขณะ ที่น้ากำลังสับสนอยู่นั้น ก็พอดีรถไฟที่จะเข้ากรุงเทพ ก็เข้ามาจอดที่ชานชาลาสถานี ผู้คนต่างก็กุลีกุจอรีบขึ้นรถไฟ
    พระภิกษุรูปนั้นก็ลุกขึ้นยืนมือหนึ่งถือกระเป๋าเดินทางและมือหนึ่งถือชะลอมใส่ผลไม้ของเหยื่อที่น้ามานั่งรออยู่แล้วหันมาพูดกับน้าว่า

    "สูเลิกทำชั่วได้แล้วละ ตอนนี้ยังไม่สายเกินไป กลับตัวเสียแต่ตอนนี้เลยยังมีโอกาสอยู่"

    จาก นั้นท่านก็หิ้วกระเป๋าเดินทางและชะลอมใส่ผลไม้ขึ้นรถไฟ ส่วนน้ายืนงง จนรถไฟออกจากสถานีไป พอหายงงก็หันกลับมามองที่ม้านั่งหินอ่อนที่พระภิกษุชรานั้นนั่งอยู่ ก็เห็นว่าบน

    ม้านั่งหินอ่อนนั้นมีห่อกระดาษเล็กๆวางอยู่ ก็หยิบขึ้นมาดู เห็นเป็นซองบุหรี่แต่ข้างในเหมือนกับมีของหนักๆบรรจุอยู่

    ยังไม่ทันจะแกะดู ก็พอดีคนที่มาติดต่อเดินเข้ามาต่อว่าทันทีว่า

    ทำไม ไม่ลงมือ? น้าก็บอกว่า ไม่ทราบว่าเหยื่อหายไปไหน? คนติดต่อก็ว่าจะหายไปไหนล่ะ ก็นั่งคุยอยู่ด้วยกันตั้งนานแล้วหิ้วของขึ้นรถไฟไปต่อหน้าต่อตา น้านี้พอได้ฟังขนลุกชูชัน

    ทันที ขณะนั้นคนติดต่อได้ก้มลงมองดู ห่อกระดาษในมือน้าพอเห็นว่าเป็นซองบุหรี่ก็ ไม่ สนใจ จากนั้นก็ได้ชวนกันกลับ ตกลงงานนั้นก็ไม่สำเร็จ รุ่งขึ้นน้าเลยเดินทางกลับอ.หัวไทร ทันที

    ในห่อกระดาษซองบุหรี่นั้น
    ภาย หลังเมื่อน้าแกะออกดูแล้วปรากฎว่าเป็นพระเครื่องหลวงพ่อทวด พิมพ์เตารีดใหญ่ปี 05 ที่น้าห้อยคออยู่นี่แหละและหลังจากนั้นคำพูดของพระภิกษุชรารูป

    นั้นก็ยังก้องอยู่ในหุของน้าตลอดเวลาโดยเฉพาะคำพูดประโยคที่ว่า

    "สูเลิกทำชั่วได้แล้วละ ตอนนี้ยังไม่สายเกินไป กลับตัวเสียแต่ตอนนี้เลยยังมีโอกาสอยู่"

    [​IMG]

    หลัง จากคิดอยู่หลายวัน น้าจึงตัดสินใจเลิกอาชีพทำชั่วอย่างเด็ดขาด และด้วยที่เคยทำชั่วไว้มากก็กลัว ว่าญาติพี่น้องและพรรคพวกที่น้าได้กระทำเอาไว้จะตามล้างแค้น น้าจึงได้อพยพ

    ครอบครัวพาลูกเมียมาทำไร่หากินอยู่ที่เขาชะมดมาจนทุกวันนี้แหละ

    ผม นั่งฟังน้ายมจนจบ เห็นว่าประสบการณ์ของหลวงพ่อทวดทีมีต่อแกนั่นผิดแปลกกับคนอื่นๆ

    คือไม่ได้เป็นประสบการณ์ที่ช่วยให้รอดพ้นจากอันตราย

    แต่เป็นประสบการณ์ที่ ช่วยดึงน้ายมรอดพ้นจากวังวนของการประกอบกรรมชั่ว

    และหากไม่เพราะ บารมีของหลวงพ่อทวดที่ช่วยให้กลับเนื้อกลับตัวได้

    น้ายมยังบอกว่า ไม่รู้เหมือนกันว่าแกจะมีชีวิตรอด และอยู่สุขสบายเหมือนบัดนี้หรือเปล่า?


    ที่ สำคัญแกยังสงสัยไม่หายว่า วันนั้นทำไมแกถึงมองเห็นเหยื่อเป็นพระภิกษุชราไป ได้? แล้วพระภิกษุชรารูปนั้นยังช่วยสอนเตือนให้แกคิดได้อีกและ.....

    หลวงพ่อทวด พิมพืเตารีดใหญ่ปี 05 องค์นี้มาจากไหน ?



    ข้อมูลจากจากหนังสือ พระเครื่องกรุงสยาม
     
  2. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    พระขรัวอีโต้ กรุวัดเลียบ "พระรอดเมืองใต้"

    พระขรัวอีโต้ กรุวัดเลียบ "พระรอดเมืองใต้" เป็นพระเครื่องเนื้อผงขนาดเล็ก เท่ากับพระรอดเลยเรียกกันว่า พระรอดเมืองใต้ พระขรัวอีโต้ กรุวัดเลียบ(วัดราษฎร์บูรณะ) ผู้สร้างคือ สมเด็จพระศรีสมโพธิ์ และนายทองด้วง


    พระขรัวอีโต้ กรุวัดเลียบ "พระรอดเมืองใต้"

    พระขรัวอีโต้ วัดเลียบ (วัดราษฎร์บูรณะ) เชิงสะพานพุทธ ฝั่งกรุงเทพฯ เป็นพระเครื่องเนื้อผง องค์เล็กกะทัดรัด ขนาดประมาณเท่ากับ พระรอด กรุวัดมหาวัน จ.ลำพูน อีกทั้งพิมพ์ทรงละม้ายคล้ายกัน ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "พระรอดเมืองใต้"


    จากแผ่นทองแดงจารึกภาษาขอม ระบุว่า ผู้สร้างพระขรัวอีโต้นี้คือ สมเด็จพระศรีสมโพธิ์ และ นายทองด้วง มหาดเล็กคนสนิทของท่าน

    สมเด็จพระศรีสมโพธิ์ เป็นผู้มีคาถาอาคมแก่กล้า ชาวบ้านเคารพนับถือท่านมาก และต่างพากันเรียกสามัญนามของท่านว่า พระขรัวอีโต้

    ตามประวัติเล่ากันว่า เมื่อครั้งสมัยไทยเสียกรุงแก่พม่าครั้งที่ ๒ เมื่อปี ๒๓๑๐ สมเด็จพระศรีสมโพธิ์ได้ถูกต้อนไปอยู่เมืองพม่าหลายปี ต่อมาเมื่อ พระเจ้ากรุงธนบุรี (สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช) ทรงกู้อิสรภาพได้แล้ว สมเด็จพระศรีสมโพธิ์ จึงได้หลบหนีพม่า กลับมาสู่เมืองไทย พร้อมกับโยมน้องผู้หญิงของท่านคนหนึ่ง

    ในระหว่างทาง เวลาค้างแรม ท่านจะนำ มีดอีโต้ คั่นตรงกลาง ระหว่างท่านกับโยมน้องผู้หญิงทุกครั้ง จนกลับมาถึงกรุงธนบุรี โดยพำนักอยู่ที่วัดราษฎร์บูรณะ (วัดเลียบ)

    ชาวบ้านและพระสงฆ์ต่างโจษจันกันว่า ท่านจะต้องอาบัติปาราชิกกับโยมน้องผู้หญิงของท่านอย่างแน่นอน เพราะเป็นการรอนแรมมาด้วยกันเพียง ๒ คน

    เมื่อมีการร่ำลือกันมากๆ ท่านจึงประกาศเชิญผู้ที่กล่าวหา และผู้ที่สงสัยในตัวท่าน มาที่ริมสระน้ำในวัด แล้วเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง โดยมี มีดอีโต้ เป็นพยาน แต่ไม่มีใครเชื่อ ท่านจึงทำการเสี่ยงสัตย์ต่อพระแม่คงคา ขอให้พระแม่คงคาเป็นพยานยืนยันว่า

    ถ้าท่านบริสุทธิ์ อยู่ในศีลพรหมจรรย์จริง ขอให้มีดอีโต้เล่มนี้จงลอยน้ำ

    หลังจากนั้น ท่านได้ขว้าง มีดอีโต้ ของท่านลงไปในน้ำ ได้เกิดปรากฏการณ์เป็นที่มหัศจรรย์มาก มีดอีโต้ไม่จมน้ำ กลับลอยอยู่บนผิวน้ำ ทั้งๆ ที่ปกติจะต้องจมน้ำ เพราะมีดเป็นเหล็ก ย่อมมีน้ำหนักพอสมควร

    ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ จึงตื่นตะลึงและโจษขานกันว่า ขรัวอีโต้ลอยน้ำ พร้อมกันนั้น ทุกคนก็เชื่อในความบริสุทธิ์ของท่าน และเรียกชื่อท่านว่า พระขรัวอีโต้ลอยน้ำ หรือ พระขรัวอีโต้ จนเป็นฉายานามของท่านตลอดมา

    พระขรัวอีโต้ เป็นผู้มีวิชาความรู้ทางคาถาอาคมมาก ชาวบ้านต่างพากันให้ความเคารพศรัทธาเลื่อมใส ขณะเดียวกันท่านก็ได้เป็นที่พึ่งพาอาศัยของชาวบ้านมาโดยตลอด จนได้เป็น สมเด็จพระศรีสมโพธิ์

    ต่อมาท่านพร้อมกับ นายทองด้วง ได้สร้าง พระเนื้อผง ขนาดองค์พระเล็กกะทัดรัด ขึ้นมาเพื่อสืบพระศาสนา โดยบรรจุไว้ที่เจดีย์วัดราษฎร์บูรณะ ว่ากันว่าจำนวนพระที่สร้างมีมากถึง ๘๔,๐๐๐ องค์ ตามพระธรรมขันธ์ พระเครื่องนี้ชาวบ้านเรียกตามชื่อของท่านว่า พระขรัวอีโต้ เป็นความเข้าใจที่ง่ายดี

    พระขรัวอีโต้ ที่บรรจุเอาไว้ในองค์เจดีย์ ถูกชาวบ้านลักขุดอยู่เป็นประจำ จนในที่สุด พระได้แตกกรุอย่างเป็นทางการ เมื่อพ.ศ.๒๔๗๓ ช่วงที่ทางราชการได้ขยับขยายพื้นที่ เพื่อก่อสร้าง สะพานพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก


    พระขรัวอีโต้ กรุวัดเลียบ(วัดราษฎร์บูรณะ)

    ต่อมาได้มีผู้นำพระขรัวอีโต้ พระพิมพ์นี้ไปใช้แล้วเกิดประสบการณ์มากมาย โดยเฉพาะด้านแคล้วคลาดคงกระพันชาตรี จนได้รับสมญานามว่า พระรอดเมืองใต้



    http://img529.imageshack.us/img529/3295/anigifvhu.gif กดเลยครับ

    สนใจบูชาโทรมาสอบถามได้ครับ 0827893576
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กุมภาพันธ์ 2011
  3. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    วิธีบูชามีดหมอที่ให้เกิดอนุภาพสุงสุด

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]



    วิธีการบูชามีดหมอที่ให้เกิดอนุภาพสุงที่สุด

    บางท่านอาจจะมีมีดหมอไว้บูชาที่บ้านแต่ท่านอาจจะไม่ทราบวิธีที่จะบูชา อย่างทุกหลัก เพื่อให้เกิดอนุภาพสุงสุดในมีดหมอของอาจารย์ที่ได้ทำขึ้นมาครับ

    ผมขอที่จะอธิบายให้ฟังอย่างคร่าวๆครับ

    1. มีดหมอ นั้นตามตำราถือได้ว่าเป็น เครื่องรางชั้นสุง อย่างหนึ่งในประเภทเครื่องรางของขลัง เลยที่เดียวครับ การที่เราจะเสาะหาบูชาแล้วนำมาบูชาที่บ้านเรือน เราจะ ต้องอราธนาบอกกล่าวหรือทำพิธีรับเข้ามาในบ้านเรือนของเราก่อนอื่นเป็นอันดับแรก เพื่อที่ป้องกันสิ่งอัปมงคล ไสยเวทย์มนต์ดำ และในการช่วยรักษาอาการต่างๆนั้น ก็จะต้องมีวิธีการอาราธนาบอกกล่าวต่อบูรพาจารย์ผู้ที่จัดสร้างหรือทำมีดหมอนั้นแล้วถึงได้กระการได้ตามที่บอกกล่าวไป
    แต่ในยามที่เก็บไว้เฝ้าบ้านเรือนนั้นถ้าเป็น มีดขนาดเล็กที่มีปลอกจึง ควรดึงใบมีดออกจากฝักอยู่เสมอประมาณ 1 นิ้ว เพื่อให้พลังอำนาจพุทธคุณ บูรพาจารย์ที่สร้าง มีดหมอแผ่บารมีปกป้องบ้านเรือนและบุคคลในครอบครัว

    2. มีดหมอขนาดใหญ่ ที่มีฝักและไม่มีฝัก การจัดสร้างตามเจตนารมณ์ของบูรพาจารย์จะแบ่งได้ 2 ประเภท ครับ

    2.1 มีดหมอขนาดใหญ่ที่มีฝัก ตามตำราโบราณได้กล่าวไว้ว่าเป็นการสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันตัว ในยามหมู่ศัตรูที่จองมาทำร้าย เป็นการทำลายอาคมหรือถอนอาคมของบุคคลนั้นๆให้สิ้นไป เป็นการป้องกันตัวโดยแท้

    2.2 มีดหมอขนาดใหญ่ที่ไม่ทำฝัก ตามตำราโบราณที่บูรพาจารย์สร้างขึ้นมาไว้เฝ้าบ้านเรือน การสร้างยิ่งมีความยากมากที่จัดสร้าง เป็นการตั้งป้องกัน ไสยเวทย์ คุณไสย มนต์ดำ สิ่งอัปมงคล ต่างๆ ซ้ำต้องลงพระคาถาสำทับในการทำลายอาคมหรือถอนอาคมผู้ที่บุกลุกเข้ามาในบ้านเรือนที่มีอาคมแก่กล้าอีกด้วย
    สำหรับวิธีอาราธนาใช้นั้นคือ ในสภาวะปกติให้ท่านเก็บคมมีดลงเพื่อให้มีดหมอ(หรือดาบ)น้อมนำนำพาสิ่งที่ดีเป็นสิริมงคลเสริมสร้างความร่มเย็นให้กับครอบครัวและเสริมบารมีให้กับผู้ที่บูชา
    แต่ในยามที่ท่านบังเกิด ความรู้สึกในจิตใจว่าจะมีสิ่งไม่ดีหรือสิ่งที่ชั่วร้ายจะเข้ามาแผ้วพาน ตำรากล่าวไว้ว่าให้ท่านอาราธนาบอกกล่าวแล้ว ยกมีดหมอหรือดาบเอาด้านคมหงายขึ้น เพื่อป้องกันเหตุร้ายนั้นๆโดยอาศัยอำนาจพุทธคุณชั้นสุงของมีดหมอหรือดาบของบูรพาจารย์ให้ช่วยขับไล่ขจัดออกไปให้สิ้นซาก
    (หมายเหตุ ผู้ที่บูชาจะรับรู้ความรู้สึกดังกล่าวได้ด้วยพุทธานุภาพของมีดหมอและดาบได้)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2011
  4. บัวสุวรรณ56

    บัวสุวรรณ56 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2011
    โพสต์:
    203
    ค่าพลัง:
    +12
    ขอขอบพระคุณ คุณอาพลังชาตรีมากครับ ที่ให้คําแนะนํา ในครั้งนี้

    ขอบพระคุณมากครับ
     
  5. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    ยังมีหลายๆท่าน ที่สอบถาม ลูกอมหลวงปู่ทิม ประคำ ตะกรุดสาริกา

    มาอย่างไม่ขาดสายว่ามีเหลืออยู่หรือเปล่า ตอนนี้หมดทุกอย่างครับ

    รอหน่อยครับถ้ามีแล้วจะแจ้งให้ทราบครับผม ราคาบูชาแจ้งเลยครับ

    1. ลูกอมผงพรายกุมาร บูชาราคาแท้ๆ 8000/11000 บาท อยู่ที่ขนาดความใหญ่

    2. ประคำผงพุทธคุณ/ผงพรายกุมาร บูชาราคาแท้ๆ 4000/5000 บาท อยู่ที่ขนาด

    3. ตะกรุดสาริกาคู่ บูชาราคาแท้ๆ 4500/5000 บาท ความสวย

    ขอบคุณมากครับ
    ย้ำครับราคาแท้ของก็แท้เช่นกันครับ


    [​IMG]


    พระผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม ของดีที่ใครก็อยากได้ไว้บูชา บางท่านมีแล้วก็อยากมีอีกหลายคนคงรู้สึกว่า * แพง * แพงสุดๆ ราคาขึ้นทุกพิมพ์ทุกอย่างทุกเวลา ต่อไปก็คงหมดสิทธิ์ที่จะได้บูชา ผมจึงอยากแนะนำให้หา ลูกอมผงพรายผงพราย - ลูกประคำผงพรายกุมาร - ตะกรุดสาริกา (เป็นตะกรุดที่ฝังหลังพระขุนแผนพิมพ์ใหญ่)
    สามชิ้นที่ต้องหา มาแขวนบูชากันครับ ราคาเบากว่ากันมากครับ ตามจริงแล้วลูกอมกลมๆที่ปั้นเป็นลูกกลมนั้นเพื่อที่นำมากดเป็นพระพิมพ์ขุนแผนลูกใหญ่ก็พิมพ์ใหญ่เล็กก็เป็นพิมพ์เล็กครับ ลูกที่กดกดไม่ทันก็จะแข็งนำไปกดพิมพ์ไม่ได้ก็กลายมาเป็น "ลูกอมผงพรายมหาภูติและลูกประคำ"

    การสร้างลูกอมผงพรายหลวงปู่ทิม ท่านศึกษาตำราที่ตกทอดมาจากหลวงพ่อสังฆ์เฒ่า ซึ่งเป็นปู่แท้ๆ ของท่าน ผงพรายกุมารมหาภูติ สร้างจาก กะโหลกเด็กชาย ผีตายท้องกลม ตายวันเสาร์ เผาวันอังคาร โดยลูกศิษย์ที่หลวงปู่ครอบครูให้เป็นที่เรียบร้อยแล้วจะไปสืบหาตามที่หลวงปู่บอกมา โดยที่มิได้กำหนดเวลามาก่อน ศพผีตายท้องกลมศพเด็ก พอได้ข่าวก็จะไปขอกับญาติศพเพื่อที่จะนำมาให้หลวงปู่ทำพิธีขอขมา และสะกดวิญญาณ หลังจากนั้นก็กำชับกับศิษย์ว่า อย่าเผาให้หมด เพื่อจะเก็บเอากะโหลกเด็ก ไปให้หลวงปู่ สร้างพระ เครื่องรางที่ท่านปลุกเสก มีประสบการณ์เป็นที่กล่าวขานเป็นที่สุด กล่าวกันว่าผู้ใดได้ครอบครองบูชา ผงพรายกุมารนับว่าเป็นของวิเศษขั้นสูง จะส่งผลให้เกิดโภคทรัพย์ ความเจริญรุ่งเรือง เป็นสิริมงคลแก่ตนเอง ประสบการณ์มีมากมายโดยเฉพาะทางด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาด และโชคลาภ
    ไม่เป็นสองลองใคร

    พุทธคุณนั้นยอดเยี่ยมมากๆครับ รับรองว่าไม่แตกต่างอะไรกันเลยกับพระพิมพ์ขุนแผนบูชาหลักแสนและล้าน ผู้ที่มีลูกอมลูกประคำตะกรุดสาริกาไว้บูชาย่อมทราบกันดีทุกๆท่านว่าได้ผลตามที่ต้องการ สำหรับท่านที่มีอยู่แล้วยังอาราธนาไม่เป็น ท่านที่ยังไม่มีแต่คิดว่าต่อไปคงจะได้มาบ้างสักลูก และท่านที่นับถือหลวงปู่ มาลองดูกันครับ

    วิธีอาราธนาลูกอมผงพราย (จากปากหลวงปู่ทิม)

    มีคนถามหลวงปูว่า " ลูกอมนี่ดีอย่างไร "
    หลวงปู่ตอบว่า " ไม่อยากจะบอก ตามแต่จะใช้ นี่ทำดีที่สุดแล้ว

    "เวลานำติดตัวให้ว่า" นะโมฯ 3 จบ แล้วต่อด้วยคาถานี้

    @@ สัพพะพุทธานุภาเวนะ สัพพะธัมมานุภาเวนะ สัพพะสังฆานุภาเวนะ อานุภาเวนะ ๆ ๆ จงอยู่ใต้พุทธบารมี @@

    ว่าดังนี้แล้วนำติดตัวไปลูกอมจะมีอิทธิฤทธิ์แรงและเห็นผลเร็วครับ แต่จงเชื่อมั่นในองค์หลวงปู่ทิมและ ลูกอมประคำผงพราย-ประคำมหาภูติ ที่เรามีอยู่ อย่าลังเลสงสัย อย่าไขว้เขวแล้วจะบังเกิดผลอย่างแน่นอน ถ้าท่านอยากจะขอพรอะไรควรขอ "หลังเที่ยงคืน"


    หากันเถอะครับ ไม่จำเป็นต้องของผมขอให้เป็นของแท้ๆก็พอ ก่อนที่ราคาบูชาจะทะลุ ไปมากกว่านี้

    ที่ผมก็ไม่มีแล้วหาเข้าเหมือนกันครับ มีแต่พวกสั่งมายังหาไม่ได้เลยครับ

    แนะนำครับ

    การเช่าหาควรจะศึกษาเสียก่อน ไปหาดูของแท้ก่อนที่ร้านมีมาตฐาน ผงพรายหลวงปู่ดูไม่ยากครับดูง่ายมากๆ
    "คำเตือน" อย่าโลภเห็นของถูกแล้วใจกลับเสียด่ายเงิน ของดีของถูกไม่มีหรอกครับ สู้เถอะครับของแท้ไม่แพง

    ลูกอมผงพราย/ประคำ/ตะกรุด/ หลวงปู่ทิม ชุดนี้ผ่านการรับรองสถาบันที่เป็นสากลมาแล้วว่า แท้


    รายการที่ 1./2./3.
    ลูกอมผงพราย/ประคำ/ตะกรุด/หลวงปู่ทิม ชุดนี้ผ่านการตรวจสอบจากสถาบันที่เป็นที่ยอมรับเรียบแล้วครับ ลงให้ชมพร้อมใบตรวจสอบรับรอง
    แท้
    จริงแล้วโดยส่วนตัวผมนั้นก็ดูขาดครับลูกอมหลวงปู่ทิม ที่ส่งไปตรวจสอบเพราะมาตฐานเขาดีกว่าครับ


    [​IMG] [​IMG][​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2011
  6. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    หมากทุย เจ้าพระคุณผล วัดหนัง สักลูกครับ

    หมากทุย เป็นเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ ผู้นิยมสะสม
    เครื่องรางของขลัง หมากทุยที่มีชื่อเสียงโด่งดัง มากที่สุดเห็นจะได้แก่ หมากทุย
    " หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง " บางขุนเทียน ซึ่งท่านได้สร้างตามกรรมวิธี กล่าวคือ จะต้องใช้
    หมากทุยตายพรายทั้งทะลาย (ต้นหมากที่ยืนตายและทะลายยังติดอยู่กับต้น) เมื่อพบ
    หมากทุยที่ต้องการแล้ว ก่อนขึ้นไปเก็บจะต้องบริกรรมพระคาถาตามขั้นตอน ของ
    หลวงปู่ก่อน และเมื่อจะปีนต้องขึ้นต้นหมาก ให้หันหน้าไปทางทิศตะวันออก เมื่อเขยิบ
    ไปที่หนึ่งก็ให้บริกรรมพระคาถาบทหนึ่ง และเมื่อขึ้นไปถึงทะลายหมากแล้ว จะต้องเพ่ง
    ไปที่ผลหมากพร้อมกับบริกรรมพระเวทย์แล้วจึงใช้ปากคาบเอาผลหมากมาให้ได้ตาม
    จำนวนที่ต้องการ เมื่อได้หมากทุยมาแล้ว ท่านจะทำการเอาเนื้อหมากข้างในออกให้หมด
    เสร็จแล้วก็ลงอักขระเลขยันต์ ตามตำราของท่านอันดี อยู่ว่า "นะปถมัง" เป็นหลักใหญ่
    และประกอบด้วย หัวใจ พระรัตนตรัย คือ มะ อะ อุ และพระนามย่อพระเจ้าห้าพระองค์
    คือ " นะโมพุทธยะ " และหัวใจมหาอุตคือ " อุดทัง อัดโธ" ลงในกระดาษสาแล้ว
    บรรจุลงไปในลูกหมากที่เตรียมไว้ แล้วอุดด้วยชันนางโรงใต้ดิน เมื่อปลุกเสกดีแล้ว
    จะถือเป็นเครื่องรางชั้นดี " เรียกว่า หมากทุย วัดหนัง " ที่นักนิยมเครื่องรางของขลัง
    เสาะแสวงหามาครอบครองกัน มีสรรพคุณเด่นชัดในด้านทางอยู่ยงคงกระพัน ชาตรี
    ชนิดที่ว่า " แมลงวันไม่กินเลือด " เลยแหละครับ

    ตามตำหรับตำราเดิมสายวัดหนัง ท่านเจ้าคุณผล เจ้าอาวาสรุ่นต่อจากหลวงปู่เอี่ยม ผู้ซึ่งสืบทอดวิชาหมากทุยมาจากหลวงปู่เอี่ยม ในเรื่องพุทธคุณจึงถือว่าไม่ต่างกันครับ

    ถ้าคิดจะหาของหลวงปู่เอี่ยมล่ะก็ ของแท้ราคาแท้ๆนะครับ มี 100000 บาท
    ของเจ้าคุณผลผมว่าไม่ต่างกันครับพอหาบูชากันได้



    รอถ่ายภาพอยู่ครับ แสงไม่มีครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2011
  7. ongvip

    ongvip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,511
    ค่าพลัง:
    +2,216
    พี่ครับ

    ผมรอใบขับขี่อยู่นะครับ
    อย่าลืมนะพี่

    ด้วยความเคารพ
    อ๋อง

    ปล. มุขพี่นี่ไม่ใช่ธรรมดาเลยนะ......จัดให้ตามขอครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2011
  8. arjarhnnop

    arjarhnnop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    37,321
    ค่าพลัง:
    +76,428
    ไม่ได้เข้ามาซะหลายวัน...................


    หุหุหุ.........ไปกันใหญ่เชียว...............เสียดาย.........
     
  9. ongvip

    ongvip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,511
    ค่าพลัง:
    +2,216
    ดีครับอาจารย์

    ต้อนรับกลับ กทม. ครับ

    เสียดายอะไรครับ.............
     
  10. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    ตอนนี้ อ.นพ ไม่เสียดายอะไรหรอกครับ ท่านอยากเห็นเป้ พี่อยู่คุณ อ๋อง
     
  11. arjarhnnop

    arjarhnnop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    37,321
    ค่าพลัง:
    +76,428

    อยากชมของในเป้.......ครับ


    วันไหนผ่านไป จะขอนัดชมเสียหน่อย...............


    ไม่รู้อยู่ กทม หรือ อยุธยา ............ อิอิ
     
  12. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    “หลวงพ่อหม่น” พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง “เทพเจ้าแห่งทุ่งหนองจอก”

    “หลวงพ่อหม่น” พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง “เทพเจ้าแห่งทุ่งหนองจอก”

    หลวงพ่อหม่นนี้มีชื่อเสียงโด่งดังพุทธคุณเลิศล้ำ สมัยก่อนมีเรื่องราวประสบการณ์เกี่ยวกับ ตะกรุด และ พระหนัง ของหลวงพ่อหม่น มากมาย

    “หลวงพ่อหม่น” ก้าวเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์แบบไม่ได้ตั้งใจ กล่าวคือมีเพื่อนบ้านคนหนึ่งอยู่ละแวกวัดพระยาปลาตั้งใจจะบวชเต็มที่ ไปขอฤกษ์กำหนดพิธีอุปสมบทเรียบร้อยแล้ว ทางบ้านก็จัดงานกันอย่างเอิกเกริก กลางคืนเตรียมทำขวัญนาค กะว่าพรุ่งนี้เช้าทำการอุปสมบทแล้วอยู่ๆ ผู้เป็นนาคก็เกิดเสียชีวิตกระทันหัน เมื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเช่นนั้น ทางบ้านนาคก็เกิดความสับสนอลหม่าน เสียงส่วนใหญ่ไม่อยากให้ล้มเลิกงานบวช ไหนๆ ก็จัดงานแล้วจึงตกลงกันหาคนบวชมาเป็นนาคแทนเสียเลย อีกประการหนึ่งก็จะเป็นการอุทิศให้กับผู้ตายด้วย

    ในครั้งนั้นไม่มีใครคาดคิดเลยว่า “นายหม่น” ผู้ที่ยอมโกนหัวบวชเป็นพระแทนนาคผู้เสียชีวิตกระทันหัน จะลาการใช้ชีวิตทางโลกตราบชั่วอายุขัยของท่านเลยเป็น การเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อย่างถาวร เมื่อตอนท่านบวชอายุเท่าไหร่ แม้แต่พระอุปัชฌาย์ตลอดจนฉายาที่ท่านได้รับก็ไม่มีใครทราบ

    “หลวงพ่อหม่น” หลังจากที่บวชเป็นพระ ก็เกิดความร่มเย็นในบวรพุทธศาสนา จำพรรษาอยู่ตลอดไม่ยอมสึก ครั้นพอออกพรรษาท่านก็ออกธุดงควัตรปลีกวิเวกแสวงหาสัจธรรมแห่งชีวิต และความหลุดพ้นจากกามกิเลสทั้งหลายทั้งปวง พอเข้าพรรษาบางปีก็กลับมาจำพรรษาที่วัดพระยาปลา บางปีก็ธุดงค์จากถิ่นไปไกลๆ จำพรรษาที่อื่น ส่วนใหญ่เล่ากันว่าท่านจะธุดงค์ไปกับหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา บางครั้งก็จะธุดงค์องค์เดียว ในช่วงระหว่างที่ธุดงค์บำเพ็ญศีลภาวนา อย่างเคร่งครัดนั้น หากท่านพบพระอาจารย์ท่านใดก็จะขอร่ำเรียนวิชาอาคมต่างๆ ซึ่งพระเกจิอาจารย์ส่วนใหญ่จะไปได้วิชาอาคมจากการเดินธุดงค์นั่นเอง จะถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติระหว่างธุดงค์ก็ว่าได้ คือหากพบกันระหว่างทางจะแวะทักทายโอภาปราศัยแลกเปลี่ยนวิชาอาคมซึ่งกันและกัน แล้วก็นำมาปฏิบัติฝึกฝนสร้างสมบารมีให้แก่กล้าขึ้น

    “หลวงพ่อหม่น” ท่านเดินธุดงค์ไปทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน บางครั้งก็เข้าไปถึงประเทศเขมร พบพระอาจารย์ระหว่างทางที่ไหนก็ขอเรียนวิชานำติดตัวกลับมา สำหรับวิชาการทำ “ตะกรุด” นั้น ทราบว่าพระอาจารย์ที่สอนท่านทำก็คือ “หลวงพ่อเนียม” ที่มาเป็นเจ้าอาวาสวัดพระยาปลานี่เอง ซึ่งไม่ทราบว่า “หลวงพ่อเนียม” เป็นใครมาจากไหนอีกเช่นกัน ทราบแต่เพียงว่า “หลวงพ่อเนียม” องค์นี้เก่งในเรื่องการทำ ตะกรุด ยิ่งนัก และ ตะกรุดของท่านก็เลื่องลือในเรื่องของความอยู่ยงคงกระพัน จัดเป็นปรมาจารย์ มีวิชาอาคมแก่กล้า ท่านมาเป็นสมภารอยู่วัดพระยาปลาได้ 2 ปี แล้วก็ลาจากวัดไป ไม่ทราบว่าท่าน หายไปไหน จนกระทั่ง “หลวงพ่อหม่น” ก้าวเข้ามารับตำแหน่งเจ้าอาวาสปกครองวัดแทน หลังจากที่หลวงพ่อหม่นเป็นเจ้าอาวาส ท่านก็อยู่ทำนุบำรุงวัดก่อสร้างบูรณะเสนาสนะต่างๆ ให้เจริญรุ่งเรืองขึ้น ในยุคของท่านชาวบ้านย่านคลอง 12 หนองจอก มีนบุรี และลำลูกกาให้ความเคารพศรัทธาท่านมาก ต่างยกย่องว่าท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีวิชาอาคมแก่กล้ายิ่งนัก ยุคของท่านย่านนั้นไม่มีใครมีชื่อเสียงโด่งดังเท่า “หลวงพ่อหม่น” เลย

    เล่ากันว่าครั้งแรกของการทำ ตะกรุดและพระ เป็นการลองวิชาที่ได้รับถ่ายทอดมาจาก “หลวงพ่อเนียม” พระอาจารย์ของท่าน ประกอบกับท่านเองก็มีวิชาอาคมแก่กล้าบำเพ็ญเพียรภาวนานั่งวิปัสสนากรรมฐานมาตลอด

    หลังจากทำตะกรุดเสร็จหลวงพ่อหม่นจะปลุกเสกเดี่ยว แล้วก็นำออกแจกจ่ายกันช่วงเข้าพรรษา พอออกพรรษาปีไหนไปธุดงค์ท่านก็จะนำตะกรุดติดตัวไปแจกจ่ายชาวบ้านไปทั่ว จนกระทั่งมีผู้ได้รับประสบการณ์มากมายจนชื่อเสียงโด่งดังระบือลือลั่น
    หลวงพ่อหม่นนั้นมีชื่อเสียงมากในเรื่องของการ "โชดลาภ" และ “คงกระพันชาตรี” เรื่องการป้องกันนั้นไม่ว่าจะป้องกันจากสัตว์ร้ายขบกัดแล้วยังป้องกันคุณไสยต่างๆ ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้อีกด้วย

    พุทธคุณทางด้านตะกรุดหลวงพ่อหม่น เด่น ทางโชดลาภ อยู่ยงคงกระพันเป็นเลิศ แถมด้วย โชดลาภ อย่างมากจนมีเซียนพนันต่างๆนิยมพกติดตัวเมื่อมีการละเล่น

    มีคนโดนฟันเต็มๆ มีดไม่ระคายผิวเล่นเอาตะลึงทั้งงานวัด นักเลงย่านลำลูกกามีเรื่องทะเลาะวิวาทกันในงานวัด อีกพวกหนึ่งชักปืนจ่อยิงคู่อริระยะเผาขน นกสับไกปืนแต่กระสุนไม่ลั่น สับซ้ำหลายครั้งก็ไม่ได้ผล พอยกยิงขึ้นฟ้าปืนลั่นสนั่นงาน เล่นเอาบรรดาหนุ่มฉกรรจ์สมัยนั้นต้องหาตะกรุดคู่มาเป็นเครื่องรางของขลังป้องกันภัยให้กับตนเอง ชื่อเสียงของหลวงพ่อหม่นจึงดังกระฉ่อนมากๆในย่านคลอง 12



    บูชาตะกรุดคู่ “เทพเจ้าแห่งทุ่งหนองจอก”

    “หลวงพ่อหม่น” คลอง 12 ที่ 3000 บาท

    มหาอุดชาตรี และโชดลาภ


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0021.JPG
      IMG_0021.JPG
      ขนาดไฟล์:
      119.6 KB
      เปิดดู:
      68
    • IMG_0023.JPG
      IMG_0023.JPG
      ขนาดไฟล์:
      119.7 KB
      เปิดดู:
      60
    • IMG_0032.JPG
      IMG_0032.JPG
      ขนาดไฟล์:
      74.5 KB
      เปิดดู:
      44
    • IMG_0022.JPG
      IMG_0022.JPG
      ขนาดไฟล์:
      118.2 KB
      เปิดดู:
      42
    • IMG_0026.JPG
      IMG_0026.JPG
      ขนาดไฟล์:
      108.4 KB
      เปิดดู:
      46
    • IMG_0027.JPG
      IMG_0027.JPG
      ขนาดไฟล์:
      111.6 KB
      เปิดดู:
      50
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2011
  13. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    ปรกอยุธยาพิมพ์เล็ก ล่ารางวัล

    ปรกอยุธยาพิมพ์เล็ก ไว้ล่ารางวัล 1 ใน 2 ติดแน่ไม่ติดคืนเต็ม

    บรรยายด้วยภาพ กรุราชบูรณะ ยิ่งใหญ่ที่สุดในสยาม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0038.JPG
      IMG_0038.JPG
      ขนาดไฟล์:
      174.2 KB
      เปิดดู:
      58
    • IMG_0039.JPG
      IMG_0039.JPG
      ขนาดไฟล์:
      168.3 KB
      เปิดดู:
      66
    • IMG_0040.JPG
      IMG_0040.JPG
      ขนาดไฟล์:
      159.4 KB
      เปิดดู:
      64
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กุมภาพันธ์ 2011
  14. คนกรุงศรี

    คนกรุงศรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +763
    รอชมรายการนี้ครับ .................
     
  15. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    พรุ่งนี้นะครับแต่เช้าๆได้ชมแน่ๆครับ ต้องขอโทษด้วยครับอุปกรณ์ไม่ครบ
     
  16. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    แก้เหงาครับ ครับ


    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    ที่ไหน หน่อ

    เชือกกลางพันใหม่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2011
  17. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    จ๊าบไหมครับ
     
  18. ongvip

    ongvip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,511
    ค่าพลัง:
    +2,216
    พี่ทำไมชอบเอาครูบาอาจารย์ที่ผมเคารพมาล่อให้ผมอยากอยู่เรื่อยเลย
    รับผิดชอบด้วยนะ แก้ให้ผมหายอยากด้วย (จะล้มละลายอยู่แล้วพี่) 555555555

    ด้วยความเคารพ
    อ๋อง
     
  19. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    ผิดคลาดๆ หรือว่าไปสัญญากับใครที่กระทู้อื่น ว่า

    กราบขอบพระคุณพี่ๆทุกท่านที่ให้ความกรุณา
    ต่อไปนี้หนูสัญญาว่าจะไม่พยายามจองตัดหน้าใครแล้วครับ


    ด้วยความเคารพ


    555555555555555 คุณอ๋อง
     
  20. คนกรุงศรี

    คนกรุงศรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +763
    คุณเล็กครับ ดอกนี้ไม่เอาออกมาประมูลหรือแบ่งให้เพื่อนๆบ้างเหรอครับ ผมยังไม่มีไว้บูชาเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...