ด้วยเหตุใด กริยาของพระอรหันต์จึงไม่เป็น บุญและบาป

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Ongsathit, 25 ธันวาคม 2010.

  1. Ongsathit

    Ongsathit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +572
    จิต คือ ความนึกคิด อารมณ์ คือ เกิดจากการปรุงแต่งการนึกคิด
    การปรุงแต่ง คือ เมื่ออายตนะทั้ง 6 ตา หู จมูก ลิ้น กาย ทำหน้าที่อย่างเป็นเอกเทศ สำหรับ ใจหรือวิญณาญขันธ์นี้ ในบางครั้งปรุงแต่งจาก สัญญาขันธ์ที่เป็น อดีตหรืออนาคต ก็ทำให้เกิด อารมณ์ได้ ในมนุษย์เรา ทุกข์และสุข ต่างๆจะเกิดจากการปรุงแต่งนี้ จึงแสดงออกเป็นกริยา ทางกาย วาจา ใจ ทั้งดีและชั้ว
    แต่สำหรับ พระอรหันต์ ท่านดับอารมณ์เหล่านี้ไม่มีการปรุงแต่งอารมณ์ต่างๆใน ขันธ์ 5 และอายตนะทั้ง5จึงมีแต่กริยาที่ บริสุทธิ์ ล้วนๆจึงไม่มี บุญและบาป ในธาตุขันธ์ท่าน เป็นเหตุให้ ธาตุ 4 ขันธ์ 5 ของพระอรหันต์เป็น พระธาตุ
     
  2. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ดีครับ ในความคิดของคุณ ongsathit1 พระอรหันต์ท่านดับขั้นไหนของวงจรปฏิจจสมุปบาทครับ
    ที่ว่า ท่านดับอารมณ์เหล่านี้ไม่มีการปรุงแต่งอารมณ์ต่างๆ ในขนัธ์ 5
     
  3. LungKO

    LungKO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    590
    ค่าพลัง:
    +925
    ขอเพิ่มเติมหน่อยนะครับ
    พระอรหันต์ท่านทำทุกอย่าง เป็นแต่กิริยา เท่านั้น ท่านทำด้วยพรหมวิหารธรรม
    คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
     
  4. ศิษย์ธรรมเทพ

    ศิษย์ธรรมเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +786
    กริยาของพระอรหันต์ไม่เป็นบาป เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ แต่ไม่เป็นบุญนี่ต้องขยายความให้ชัดเจนหากผู้ที่ยังไม่ได้ศึกษาธรรมหรือศึกษาน้อยจะเข้าใจผิดไปได้ ถ้าจะขยายความต้องว่าดังนี้

    พระอรหันต์มีกริยาล้วนแล้วแต่มี ศีลเป็นปกติ มีเมตตา กรุณา มี อุเบกขา ทั้งนั้นเมื่อที่ท่านกระทำบุญญกริยาใดๆ เช่นแผ่เมตตา ช่วยเหลือสรรพสัตว์ ท่านย่อมต้องได้บุญนั้นๆ แต่พระอรห้นต์มิได้มีความอยากได้บุญ อุปมาดัง เมื่อทำงานได้เงินมาเงินนั้นเป็นสิทธิ์ของท่านท่านจะใช้หรือไม่ใช้หรือจะให้ใครก็เป็นเรื่องของท่าน ท่านมิได้เดือดร้อนวุ่นวาย ดังนี้ จึงเป็นที่มาของคำที่หลวงปู่ชอบ ฐานสโม กล่าวว่า "บุญเราก็ไม่เอา บาปเราก็ไม่เอา"
     
  5. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    อันขันธ์ 5 นั้นยังให้เกิดอาสวะ หากว่าทำลายแล้วซึ่งอาสวะจิตไม่ได้ถูกผูกมัดด้วยกิเลส ตัณหา อุปาทาน คงเหลือไว้เพียงสังขารและวิญญาณ แล้วสิ่งที่จะก่อให้เกิดกรรมนั้นเปรียบได้ดั่งขว้างลูกบอลใส่กำแพงแต่หากไม่มีแล้วซึ่งกำแพงลูกบอลนั้นจะกระเด้งกลับมาไหม พระอรหันต์ท่านตัดแล้วซึ่งอาสวะ ทำลายแล้วซึ่งอวิชชา หากว่าอาสวะเปรียบได้ดั่งสำนึกที่เกาะรัดจิตอยู่ ซึ่งสำนึกเปรียบได้ดั่งความเคยชินที่เรามีอยู่ ความเคยชินที่เรามีอยู่เปรียบได้ดั่งเครื่องใช้ไฟฟ้า หากว่าเราเคยใช้เครื่องใช้ไฟฟ้ามาตลอดแล้วเราไม่ได้ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้านานๆเข้าก็ยังแต่จะทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้านั้นเสียเท่านั้น
     
  6. ศิษย์ธรรมเทพ

    ศิษย์ธรรมเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +786
    สาธุ อนุโมทนา กรรมนั้นแลเปรียบเสมือนดั่งขว้างลูกบอลอย่างที่ท่านว่า หรือ หากเปรียบดังนายพรานธนูแผลงศรออกไปแล้ว คือ เจตนานั้นเกิดแล้วหากแต่จะกระทบกับเป้าหรือไม่นั้นเป็นเรื่องหนึ่ง ถูกแล้วเกิดความเสียหายหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง มีผลสะท้อนหรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เป็นดังนี้ทั้งกุศลกรรม และอกุศลกรรม ลูกธนูเมื่อถูกปล่อยออกมาย่อมต้องมีเจตนา ทั้งที่เป็นกุศล และอกุศล (กุศลเจตนา และ อกุศลเจตนา มีผลแล้วทั้ง 2 แบบ) เมื่อพระอรหันต์ท่านเกิดกุศลเจตนาสิ่งใดก็ดีท่านตั้งเจตนาออกไปแล้วดับคือวางอุเบกขา กล่าวคือ มิได้คาดหวังหรือเป็นทุกข์ ห่วง กังวล ว่าจะถูกเป้าหรือไม่ จะมีผลสะท้อนหรือไม่ แต่หยุดทันทีเมื่อลูกธนูถูกปล่อยออกมา ดังนี้

    ปล.ผมยินดีย่างยิ่งที่ได้แลกเปลี่ยนและถกข้อธรรมกับท่านผู้รู้ สาธุอีกครั้ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2010
  7. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    คุณ ศิษย์ครูเทพ ครับ ผมยังไม่เข้าใจที่อธิบายมาเลยครับ สรุปว่ามีวิบากหรือเปล่าครับ
     
  8. ศิษย์ธรรมเทพ

    ศิษย์ธรรมเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +786
    ข้อความที่อธิบายนั้นอยู่บนเรื่องของกริยาแห่งพระอรหันต์ไม่เป็นบุญและบาป ในส่วนการขยายความว่าทำไมกริยาพระอรหันต์ไม่เป็นบุญ อันที่จริงถ้าจะให้สั้นกระชับก็ต้องบอกว่าพระอรหันต์ท่านทำบุญแต่มิได้สนใจหรือคาดหวังกับบุญ จึงบอกว่าพระอรหันต์ไม่เอาบุญเป็นอย่างนี้ ส่วนเรืองบาปคงมิต้องสงสัยพระอรหันต์ท่านไม่เอาอยู่แล้ว
     
  9. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    สิ่งอันใดนั้นเป็นของโลก ทุกข์ทั้งหลายเกิดขึ้นก็ในโลกล้วนแล้วแต่เป็นอนัตตาเมื่อความไม่มีตัวตนแล้วจะให้ไขว่ขว้าอะไร แต่หากว่ายังเห็นถึงความมีตัวตนก็ยึดมั่นถือมั่นถึงความทุกข์ หรือ ความสุข แล้วจะให้หนีความทุกข์ไปได้อย่างไรในเมื่อสุขกับทุกข์เขาเป็นเพื่อนกัน เป็นเหมือนเส้นขนาน หากว่าเราทำบุญแล้วไม่ได้บุญจะยังทำอยู่ไหม ขอให้เจริญในธรรม
     
  10. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    หากว่าคุณไม่รังเกียจที่จะถกธรรมกับผมนะครับ oatthidet@hotmail.com นี่เมล์ผมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2012
  11. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    เปรียบเหมือนกับว่า ท่านเรียนจบรับปริญญาแล้ว ก็ไม่สนใจคะแนนเก็บคะแนนพิศวาทและการทดสอบจากอาจารย์อีกแล้วน่ะครับท่าน หรือไม่ก็เหมือนกับว่า ท่านคิดเก็บบุญบารมีเพื่อตีตั๋วไปนิพพาน เมื่อท่านตีตั๋วนิพพานได้แล้ว ท่านก็ไม่สนใจบุญบารมีอีกต่อไป เพี่ยงแต่รอเวลาเครื่องออกเท่านั้นเอง
     
  12. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    เพราะจิตสิ้นการยึดมั่นถือมั่นด้วยอุปทานแล
     
  13. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +3,166
    การกระทบใดๆ การรับรู้ใดๆ การแสดงเจตนาใดๆ ไม่มีผล ไม่มีกำลังพอ จะก่อให้เกิดชาติ

    อนุโมทนากับทุกท่านด้วยครับ
     
  14. Equal

    Equal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +195
    สาธุธรรม ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นเทอญ _/|\_

    ในธรรมทั้งหลายประกอบด้วยการฟังตามกันมา นึกคิดกันมา ลงมือปฏิบัติและพิสูจน์ด้วยตนเอง ...

    ขอให้ธรรมแห่งโพธิธรรมมีแต่ทุกๆ โพธิจิตด้วยเทอญ สาธุ _/|\_

    ท่านเว่ยหลาง สังฆปรินายกเซนองค์ที่ ๖ ซึ่งนั่งสมาธิดับขันธ์มาเป็นเวลา ๑,๐๐๐ กว่าปีแล้ว โดยร่างกายมิได้บุบสลายเน่าเปื่อยและยังคงนั่งสมาธิอยู่เหมือนเดิม ร่างของท่านถูกพบเมื่อเจดีย์แห่งเมืองโซกายถูกเปิดออก เมื่อจีนได้เปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๒

    ครอบครัวของท่านเป็นคนยากจนอัตคัดขัดสนมาก จึงทำให้ท่านไม่ได้เข้าโรงเรียน เมื่อบิดาเสียชีวิตลงต้องตัดฟืนขายเพื่อเลี้ยงดูมารดา

    วันหนึ่งได้นำเอาฟืนไปขายที่ตลาด ได้ยินชายผู้หนึ่งกำลังท่อง วัชรสูตร จิตใจก็ลุกโพลงสว่างไสว จึงได้ตัดสินใจเดินทางไปขอศึกษาธรรมจากสังฆปรินายกองค์ที่ ๕ ซึ่งต่อมาท่านเว่ยหลาง ก็ได้รับการมอบหมายให้สืบทอดตำแหน่งสังฆปรินายกองค์ต่อมา ด้วยโศลกที่ท่านวานเด็กวัดคนหนึ่งเขียนต่อจากโศลกของ ท่านชินเชา ซึ่งเป็นหัวหน้าศิษย์

    โศลกของท่านชินเชา

    "กายของเราคือต้นโพธิ์
    ใจของเราคือกระจกเงาอันใส
    เราเช็ดมันโดยระมัดระวังทุกๆ ชั่วโมง
    และไม่ยอมให้ฝุ่นละอองจับ"

    โศลกของท่านเว่ยหลาง

    "ไม่มีต้นโพธิ์
    ทั้งไม่มีกระจกเงาอันใสสะอาด
    เมื่อทุกสิ่งว่างเปล่าแล้ว
    ฝุ่นละอองจะลงจับอะไร"
     
  15. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    พระพุทธเจ้า ท่านสอนธรรม ท่านไม่ได้บุญเหรอครับ แล้วตอนที่หลวงพ่อฤาษีลิงดําท่านปวดหัว ท่านไปปล่อยปู่ แล้วหายปวดหัวเลย มันก็บุญหนิครับ
     
  16. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    834
    ค่าพลัง:
    +1,524
    อรหันต์ไร้ใจ ไร้เจตนาแห่งอัตตา
     
  17. blank123

    blank123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +229
    เมื่อใด มีกรรม(การกระทำ ) ก็ย่อมมี วิบาก( ผลของกรรม ) เป็นคู่ขาปาท่องโก๋เสมอแหล่ะ
    ม่ะว่า ผู้ก่อกรรมนั้น จะ เป็น พระอรหันต์ขั้นเทพ หรือ เห็บหมาสักตัว ก็ตาม
    ยกตัวอย่าง ง่าย ๆ ให้เห็น ภาพนะจ๊ะ

    ถ้า พระอรหันต์นั่นดันซุ่มซ่าม เอ๊ย บังเอิญไปเหยียบตรีน จิ๊กโก๋ เข้า
    แม้ จะเป็นภาวะ พ้นเจตนา ไม่มี บาป กระโดดมาเกาะดวงจิต
    แต่ก็คิดเอาเองว่า หากเคราะห์ หามยามซรวย ก็จะเกิดเป็น วิบาก
    ทำให้โดนจิ๊กโก๋หมั่นไส้ ไล่กระทืบจนนิพพาน ก่อนวัยอันควร ได้อยู่ดีอ่ะ
    ส่วน วิบากของไอ้จิ๊กโก๋นั่น ก็ค่อนข้างจะหนักทีเดียว
    ก็ ไม่ใช่ว่า เป็นเพราะ อนันตริยะกรรมด้วยการฆ่าพระอรหันต์ตายคาตรีน นะ
    แต่เป็นเพราะ โดนชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์จนจมธรณี ตะหาก


    เอ ? ว่าแต่ ถ้ากิริยา ของ พระ ออ-ระ- หัน ทั่นไม่เป็นทั้งบุญ แล บาป
    งั้น พระ ออ-ระ-หัน ทั่นน้ำตาไหลพราก ๆ ได้ปล่าวคร้าาาาาาา
    แบ่บว่า ม่ะได้ ฉงฉัย อาราย ก๊ะเรื่อง อรหันต์เจ้าน้ำตา หรอกนะเจ้าคะ
    แต่ ถามทิ้งถามขว้าง ไปงั้นเอง อะซิก ๆ :'(
     
  18. ตาดำดำ

    ตาดำดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +732
    - โดยส่วนตัวคิดว่าพระอรหันต์ก็ยังทำบุญได้ แต่เรื่องทำกรรมไม่น่ามี เพราะกรรมเกิดจากเจตนา ในเมื่อท่านเจตนาดี พ้นจากกิเลสจะทำกรรมชั่วได้ยังไง แต่ก็ยังทำบุญ สร้างคุณงามความดี หรืออนุโมทนาบุญได้
    - เคยได้ยินเรื่องหลวงพ่อจรัญ ท่านอธิษฐานไว้ให้ศีลบริสุทธิ์ พอคนถวายน้ำปานะที่คั้นไม่ครบ 8 ครั้ง ท่านฉันแล้วก็ปวดศีรษะจึงทราบได้แล้วไม่ฉันต่อ ดังนั้นพระอรหันต์ท่านระมัดระวังอย่างดีที่สุดที่จะไม่ให้เกิดอกุศลใดๆไม่ว่ากับตัวท่านหรือผู้อื่น
     
  19. paislam

    paislam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +146
    ขออธิบายตามความเข้าใจของผมและอิงจากฟังหลวงตาเคยเทศน์ไว้เมื่อนานแล้ว จิตที่บริสุทธิ์ผุดผ่องมีอำนาจในการชำระธาตุขันธ์ให้สะอาด
    ตามไปด้วยซึ่งเป็นผลพลอยได้ อาจจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่สำเร็จพระอรหันต์ ตอนมีชีวิตถ้าสำเร็จมานาน หลังจากนิพพาน อัฐิจะกลายเป็นพระธาตุรวดเร็วมาก หากสำเร็จได้ไม่นานหลังจากนิพพานไปอาจใช้เวลาสักระยะนึงถึงจะแปรสภาพเป็นพระธาตุ

    พระอรหันต์มีจิตที่หลุดพ้นจากกิเลสแล้ว ไม่ว่า บุญและบาป

    ย่อมไม่มีผลอะไรแก่พระหันต์อีก เพราะท่านจะไม่มาเกิดเพื่อเสวยผล บุญ บาป ต่อไป

    กรรมนั้นจึงเป็นเพียงกิริยา เท่านั้น อีกประการหนึ่ง กรรมที่เคยทำแต่ชาติปางก่อน

    หรือกรรมชาติปัจบันที่ทำก่อนบรรลุพระอรหันต์ ยังคงให้ผลอยู่ ยกตัวอย่าง

    พระโมคคัลลานะที่ถูกโจรทุบตีจนกระดูกแตก องคุลิมาน ที่สังหารคนมากมาย 999 คน เป็นผลกรรมทำให้หลังจากบวชในพุทธศาสนา ถูกขว้างปาด้วยก้อนหินจนบาตรแตก บางคนคิดว่าค่าคนมากมายทำไมโดนขว้างปาเพียงก้อนหิน เคยมีหลวงพ่อท่านกล่าวว่าด้วย อริยผลที่ท่านสำเร็จ มีส่วนบั่นทอนกำลังกรรมให้เบาลง ตรงนี้ค่อนข้างจะละเอียดอ่อนมาก เป็นปัจจัตตังครับ


    แต่ผลกรรมให้ผลเพียงชาตินั้นชาติสุดท้าย ครั้นพระอรหันต์เข้านิพพานเมื่อใด ก็กลายเป็นอโหสิกรรมเมื้อนั้น

    มาดูถึงปุถุชนคนธรรมดา หากทำกรรมใดไว้ย่อมได้รับผลเต็มๆ ตรงจุดนี้ขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัยที่เกื้อกูลกัน

    บางคนคิดว่าชาตินี้ทำดีแต่ยังไม่ได้รับผลของความดี อันนี้ต้องย้อนมองดูภพชาติที่ผ่านมาไปทำอะไรไว้

    ซึ่งถ้าไม่ได้ทิพจักขุญาน มาคิดไปคงเป็นบ้าแน่นอน ขนาดพระพุทธเจ้ายังทรงห้ามสำหรับผู้ที่ใคร่ศึกษาเรื่องกรรม

    ถึงอย่างนั้นพระพุทธเจ้ายังแบ่งเรื่องกรรมเป็นหมวดใหญ่ๆ 12 ประเภท ถ้าลงลายละเอียดลึกกว่านี้คงไม่จบ ไม่สิ้น

    พระพุทธองค์ยังสอนอีกว่า ให้อยู่กับปัจจุบันธรรม ทำให้มากย่อมมีผลทำให้ไปสู้ความหลุดพ้นได้ ดังคำพูดที่ว่า

    ปัจจุบันเป็นที่รวมของอดีตและอนาคต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...