ขอเชิญท่านแวะเข้ามากระทู้นี้ตั้งคำถามเองตอบเองครับ

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย Samarnl, 19 ธันวาคม 2010.

  1. กุนเชียง

    กุนเชียง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    378
    ค่าพลัง:
    +1,593
    ตอบเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ป่ะเจ้าของกระทู้
     
  2. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    [​IMG]
    [​IMG]
    ต้องขอชมว่ายอดๆ สุดยอดอย่างนี้ซิถึงจะเรียกว่ารักกันจริง คนอื่นบางคนยังไม่รู้จะได้รู้
    แล้ววันหลังมีเวลามาเยี่ยมเยือนกันใหม่เด้อ...
    แต่อย่าลืมเอาความรู้มาฝากกันด้วยล่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 ธันวาคม 2010
  3. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ครับ...ปุจฉา...วิสัชชนา...อย่างนี้แหละครับเรียกได้ว่าตรงประเด็น....[​IMG]
    เชิญนะครับเพื่อเป็นธรรมทาน...มีเท่าไหร่เอามากองไว้ที่นี่ให้หมดเลย เดี๋ยวจะเตรียมกระบุง ตะกร้ามานั่งรอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 ธันวาคม 2010
  4. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    [​IMG]

    นี่ก็ไม่เบาเหมือนกัน หลายกิโลหลายสิบขีด ขยันหาเรื่องได้ขยันหาเรื่องดีไม่รู้ไปเอาเรื่องที่ไหนมาลงให้อ่านได้สาระบ้างไม่ได้สาระบ้าง ก็สนุกไปอีกแบบเน๊าะไม่เครียด ช่างสรรหาจริงจิ้ง แต่อย่าลืมพกผ้าก๊อด กับสก๊อดเทบบ้างล่ะเดี๋ยวเลือดไหลไม่หยุด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 ธันวาคม 2010
  5. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    [​IMG]
    น้านน่านนั่นน่าน จะไม่งกไปหน่อยเหรอ จะมาเอาท่าเดียว ของตัวเองไม่ยอมให้...พับผ่าซิอ้าว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 ธันวาคม 2010
  6. ppojai

    ppojai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    4,637
    ค่าพลัง:
    +9,971
    ถาม การที่เราอิจฉา ริษยา ที่เขาทำควมดี ถ้าเรามีสติ เราก็ไม่เป็น
    ท่านอาจารย์ ค่ะ ขณะใดที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นไม่ใช่อกุศล เพราะฉะนั้นนี่เป็น

    ความต่างกันของ กุศลจิต กับ อกุศลจิต
    ...................
    สติม่ายมี อกุศลจิตเกิด พึงมีสติ..จะได้ไม่เกิดอกุศลจิตช่ายหมายคะ
    .................
    เวปนี้ เวปลุงหมานหรือเวปคุณมันทะเลคะนี่...
     
  7. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 ธันวาคม 2010
  8. Mantalay

    Mantalay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,065
    เวปนี้ เวปลุงหมานหรือเวปคุณมันทะเลคะนี่...ฮา

    แล้วมากันบ่อยๆนะขาประจำ.........[​IMG]5555<!-- google_ad_section_end -->



    [SIZE=-1][​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [/SIZE]

    ลุงของหนู กระทู้ก็ต้องเป็นของหนูด้วย อะๆๆๆๆ
     
  9. สุปราณะ

    สุปราณะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    206
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +122
    ฮิ ฮิ .... ไม่เคยเข้ามาในห้องนี้เลยจนกระทั่ง พบข้อความนี้


    ที่นี่ http://palungjit.org/threads/%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1.270886/page-6#post4172185

    กะเลยต้องตามมาดูซะหน่อย .....
     
  10. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    [​IMG]

    เอามาฝากค่ะ จากคำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำวัดท่าซุง)

    ปัญญา...แท้จริงคือ...
    เมื่อข้าพเจ้าได้มาพิจารณาทบทวน ถึงปัญหาที่ข้าพเจ้าถาม และหลวงพ่อได้เมตตาอธิบายตอบมาแล้วโดยละเอียดๆในหลายๆเรื่อง

    ก็บังเกิดความฉงนสนเท่ห์ใจในคำ ๆหนึ่ง คือคำว่า“ปัญญา” เข้า อาทิเช่นหลวงพ่อพูดว่า “จิตยังไม่มีปัญญาเพียงพอ”

    หรืออธิบายว่า “เมื่อทรงฌานได้ก็เอากำลังของฌานไปพิจารณา วิปัสสนาได้โดยง่าย และในที่สุดปัญญาก็จะเกิด เมื่อปัญญาเกิดก็จำปัญญานั้นแหละไปห้ำหั่นกิเลาตัณหา อุปาทาน และอกุศลกรรมได้”เป็นต้น

    <O:p</O:pด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงได้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยในคำว่า “ปัญญา”ขึ้นมา ปัญญา จะเกิดขึ้นมาได้ก็ต่อเมื่อทรงฌานได้ แล้วเอากำลังของฌานไปพิจารณาวิปัสสนาญาณ เท่านั้นหรือ ก็แล้วที่ข้าพเจ้าจำแม่นเรียนหนังสือเก่งล่ะ ไม่ใช่เพราะด้วยข้าพเจ้ามีปัญญาดีหรอกหรือ

    หรือที่คนอื่นๆเขาได้ปริญญาโท ปริญญาเอก นั่นเล่าไม่ใช่เพราะเขามีปัญญาดีหรอกหรือ ก็ไม่เห็นว่าจะต้องทรงฌานให้ได้ แล้วไปนั่งพิจารณาวิปัสสนาญาณสักหน่อยนี่

    <O:p</O:pเมื่อเกิดความสงสัยเช่นนี้ ในวันหนึ่งข้าพเจ้าจึงได้หาโอกาสถามหลวงพ่อว่า “หลวงพ่อครับ การที่ผมดูหนังสือเรียนเที่ยวเดียวแล้วจำได้โดยไม่ต้องท่อง แล้วท่องเล่าเหมือนคนอื่นเขา จะเรียกว่าผมมีปัญญาดีไหมครับ”<O:p</O:p

    “ไม่ใช่ปัญญาดีหรอก เขาเรียกว่า ความจำดีต่างหากเล่า” หลวงพ่อตอบเรื่อยๆ<O:p</O:p

    “แล้วคนเรียนเก่งๆ ที่เขาไปทำปริญญาโท ปริญญาเอก ได้เล่าครับจะยกย่องว่า เขามีปัญญาดีไหมครับ” ข้าพเจ้าถามต่ออย่างไม่ลดละ

    <O:p</O:p“ไม่ใช่ปัญญาดีอีกนั่นแหละ แต่เขามีความจำดีอย่างคุณนี่แหละ” หลวงพ่อตอบยิ้มๆ

    <O:p</O:p“อ้าว หลวงพ่อ ความจำดีก็ต้องมีปัญญาดีไม่ใช่เหรอครับ” ข้าพเจ้ารีบถาม

    <O:p</O:p“ความจำดีก็เพราะสมองดี สมองดีก็คือเครื่องบันทึกความจำดีเหมือนเช่นเครื่องบรรทึกเสียงหรือเครื่องบันทึกความจำของคอมพิวเตอร์ดีนั่นแหละ บันทึกไว้

    หากต้องการใช้เมื่อไรก็นึกย้อนเอา รีไวนด์เอาหรือกดเอา ข้อมูลต่างๆ ที่บันทึกไว้ก็จะออกมานั่นเอง เขาไม่เรียกว่าปัญญาดีนะ เขาเรียกว่าสัญญาดีต่างหากเล่าคุณ”หลวงพ่ออธิบาย

    <O:p</O:p“เอ เท่าที่ผมจำได้ผมก็ไม่เคยไปสัญญากับใครที่ไหนนะครับ” ข้าพเจ้าชักงง

    <O:p</O:p“สัญญา น่ะเขาแปลว่าความจำได้ อย่างงไปเลย คุณมีความจำดีก็เพราะมีสัญญาดี คุณหรือใครก็ตามเรียนหนังสือเก่ง ก็เพราะจำคำสอนของครูบาอาจารย์และผู้รู้ได้ดีกว่าคนอื่น

    และเพราะความจำดีนี้เองทำให้มีโอกาสค้นคว้า อ่านตำรับตำราได้มากกว่าคนอื่นและจำได้แม่นยำกว่าคนอื่น ดังนั้นเมื่อสอบทีไรใครเขาจะไปสู้คนที่มีความจำดีได้เล่าคุณ แต่อย่าลืมนะ ถ้าครูเขาสอนผิด คุณก็จะจำได้แบบผิดๆ

    ถ้าตำรับตำราผิด คุณก็จำผิด เหมือนเครื่องบรรทึกเสียงหรือเครื่องคอมพิวเตอร์นั่นแหล่ะ หากป้อนข้อมูลผิดเข้าไปละก็เสร็จเลยมันก็ต้องบันทึกผิดจำผิด ด้วยจริงไหม

    [​IMG]


    คุณเคยจำคำในหลักศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงได้ไหม หลวงพ่ออธิบายแล้วย้อนถาม
    <O:p</O:p
    “ที่ว่าในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ใช่ไหมครับหลวงพ่อข้าพเจ้าถาม<O:p</O:p

    “เออ นั่นแหละ คุณว่าเดี๋ยวนี้มันยังคงเป็นความจริงอยู่ทั้งหมดไหม” หลวงพ่อถาม

    ทำให้ข้าพเจ้าต้องนิ่งคิดอยู่สักครู่ จึงตอบว่าในสมัยตอนผมเด็กๆ เป็นความจริงครับหลวงพ่อในน้ำมีทั้งกุ้ง หอย ปู ปลามากมาย และทุ่งนาในกรุงเทพฯ ทั้งแถบพระโขนง สะพานควาย บางเขน เขียวชอุ่มไปด้วยข้าวทั้งนั้น

    แต่ตอนนี้น่าเสียดายจริงๆ ครับผมยังแอบเปลี่ยนข้อความเสียใหม่เลยว่า “ในน้ำมีไร(ตัวไร เพราะน้ำเน่า),ในไร่มีรา(เชื้อรา),ในนามีบ้านจัดสรร”

    <O:p</O:p“แล้วข้อความท่อนอื่นๆ ในหลักศิลาจารึกล่ะว่าอย่างไร” หลวงพ่อถามต่อ

    <O:p</O:p“ครับ ผมพอจำได้อยู่บ้างว่า ใครใคร่ค้าช้างค้า ค้าม้าค้า ค้าวัวค้า ควายค้า อะไรทำนองนี้แหละครับ แล้วก็มีว่า ไพร่ฟ้าหน้าใส ครับ”ข้าพเจ้าตอบ

    <O:p</O:p“เอาละจำได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น แล้วคุณว่าเดี๋ยวนี้เป็นเช่นนั้นหรือไม่” หลวงพ่อถามยิ้มๆ

    <O:p</O:p“เดี๋ยวนี้หรือครับ จะเปิดเขียงขายหมูสักเขียงยังยุ่งวุ่นวายจะหายอะไรไปขายสักหาบก็หาที่วางขายได้แล้วครับ ต้องขายเป็นที่เป็นทางถูกรีดไถทั้งตำรวจ ทั้งเจ้าหน้าที่สรรพากร

    ยิ่งไพร่ฟ้าในกรุงเทพฯเจอมลภาวะที่เป็นพิษและการจราจรติดขัดด้วยแล้ว หาหน้าใสไม่มี หรอกครับ ทุกวันนี้มีแต่ไพร่ฟ้าหน้าเหลืองซีดเสียส่วนใหญ่ครับ” ข้าพเจ้าตอบตามความเป็นจริง

    <O:p</O:p“แล้วสุภาษิตโบราณที่ว่า สิบพ่อค้าไม่เท่าพระยาเลี้ยงล่ะ คุณว่าเดี๋ยวนี้เป็นจริงไหม” หลวงพ่อถามต่อ

    <O:p</O:p“ไม่จริงแล้วครับ ผมเห็นสิบพะยาเดินตามตูดพ่อค้า นักธุรกิจออกบ่อยไป” ข้าพเจ้าตอบอย่างขัดใจ

    <O:p</O:p“เอ้อ แล้วที่ว่า ไม่มีขยะมูลฝอยหมาไม่ขี้ล่ะ” หลวงพ่อถามอย่างสนุก

    <O:p</O:p“ก็ไม่จริงอีกแหละครับ เพราะหมาบ้านผมมันไปคุ้ยกองขยะเล่นจริงแต่มันไม่ขี้ เพราะมันกลัวขยะแขยงก้น เห็นกลับมาขี้ที่สนามหญ้าหน้าบ้านบ้าง บนถนนในบ้านบ้าง ผมต้องโกยทิ้งทุกวันเลยครับ” ข้าพเจ้าตอบตามความเป็นจริง


    <O:p</O:p“เห็นไหม แม้แต่หลักศิลาจารึกก็ดี สุภาษิตโบราณต่างๆ ก็ดีอาจถูกต้องเป็นจริงได้เฉพาะสมัยหนึ่ง ระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นเอง

    หาได้เป็นความจริงตลอดกาลไม่แม้แต่วิชาคำนวณที่คุณเรียน เคยจำกันได้มิใช่หรือว่า 1+1 เป็น 2, 0+0 เป็น 0 แล้วเดี๋ยวนี้ภาษาคอมพิวเตอร์เขาว่า 0+0 เป็น 1 แต่ 1+1 กลับเป็น 0 มิใช่หรือ” หลวงพ่ออธิบายแล้วถามยิ้มๆ

    เล่นเอาข้าพเจ้าตัวแข็งด้วยเป็นความจริงตามที่หลวงพ่อพูดทุกอย่าง “ดังนั้นแม้คุณ" <?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:personName>ฟังมาก ดูตำรับตำรามาก เรียนมาก ค้นคว้ามาก จนมีความรู้ เพราะความจำดีมีสัญญาดี สักเพียงไรก็ตาม

    ความรู้ที่คุณได้มานั้น ก็หาได้เป็นความจริงตลอดกาลไม่ อาจผิดหรือถูกก็ได้ ดังนั้นจึงจะยังเรียกว่ามีปัญญาไม่ได้นะ” หลวงพ่ออธิบายต่อ

    <O:p</O:p“ถ้ายังงั้นปัญญา คืออะไรแน่ครับ หลวงพ่อ” ข้าพเจ้ารีบถามต่อด้วยความข้องใจ

    <O:p</O:p“ปัญญา โดยความหมายทั่วๆ ไปแล้วแปลว่าความรู้ที่เกิดขึ้นจากการพินิจพิจารณา หรือจะแปลว่าความเฉลียวฉลาดก็ได้นะ

    มิใช่รู้อย่างเดียวต้องนำเอาความรู้ที่ได้นั้นมาพิจารณาด้วย หรือมิใช่ฉลาดอย่างเดียว ต้องมีเฉลียวใจด้วย จึงจะเกิดความรู้แจ้งเห็นจริงถึงแก่นแท้ของการรู้ในแต่ละอย่างได้นั่นแหละจึงจะเรียกว่า “ปัญญา” ล่ะ

    <O:p</O:pตัวอย่างเช่น หากคุณเห็นรถยนต์สวยคันหนึ่งแล่นผ่านมาคุณก็อาจจะบอกได้ทันทีว่าเป็นรถเบ็นซ์ รถวอลโว่ รุ่นใด กี่ซี.ซี.มีสมรรถนะอย่างไร ราคาค่างวดเท่าไร สร้างจากประเทศไหน บริษัทอะไร

    เพราะคุณฟังเขามาบ้าง จึงจำได้ด้วยมีสัญญาดี แต่ด้วยเพราะไม่มีปัญญาจึงทำให้จิตของคุณมีความหวั่นไหว กินไม่ได้นอนไม่หลับเนื่องจากความอยากได้ในรถคันที่คุณเห็นขึ้นมา

    [​IMG]


    แต่ถ้าคุณมีความเฉลียวใจ หรือได้มาพินิจพิจารณาให้รู้แจ้งแทงตลอดแล้ว คุณก็จะเกิดความรู้ใหม่ขึ้นมาว่ารถสวยรุ่นใหม่คันนี้ต่อไปอีก 2-3 ปี ข้างหน้ามันก็จะต้องกลายเป็นรุ่นเก่าไม่ทันสมัยอีกต่อไป

    สีที่สวยงามหากกะเทาะออกก็คงจะดูไม่ได้เบาะอ่อนนุ่มที่สวยเก๋นั้นหากลอกออกดูภายในก็คงมีสภาพเช่นเดียวกับเบาะนั่งของรถแบบอื่น

    และถ้าคุณจะซื้อรถคันนี้ให้ได้ ก็จะต้องเดือดร้อนในการวิ่งเต้นหาเงินหาทองมาและแม้เมื่อหาเงินได้แล้ว คุณจะรับภาระหนี้สินไหวไหม

    <O:p</O:p
    นอกจากนั้น เมื่อคุณได้รถมาขับขี่ก็คงจะไม่สบายใจนักด้วยเกรงจะถูกรถอื่นชนหรือเฉี่ยวเอา ยิ่งในตรอกในซอยที่เต็มไปด้วยหลุมด้วยบ่อและฝุ่นดินหนาทึบด้วยแล้ว ก็ยิ่งหนักใจใหญ่

    และแม้เอารถให้เด็กล้างก็คงจะต้องไปควบคุมแจ ยิ่งต้องเอารถไปจอดในย่านชุมนุมชนหรือตรอกซอยแคบๆ หรือที่เปลี่ยวๆ ก็คงจะต้องนั่งเฝ้ารถคันใหม่ด้วยความเป็นห่วง

    หากได้พิจารณาโดยละเอียดเช่นนี้แล้วก็จะเห็นความทุกข์ในรูปแบบต่างๆ ที่จะเกิดตามมาจากการดิ้นรนเป็นเจ้าของรถเบ็นซ์รูปงามคันนั้น เมื่อเห็นทุกข์ ความอยากได้ใคร่ดีในรถเบ็นซ์รูปงามคันนั้นก็ย่อมหมดไป

    นี่แหละคือ “ปัญญา” ล่ะ”หลวงพ่ออธิบาย และเมื่อเห็นข้าพเจ้ายังตั้งใจฟังก็พูดต่อว่า “และถ้าจะให้ชัดก็ต้องยืนยันว่า ปัญญา ได้แก่การเจริญวิปัสสนาญาณจนรู้แจ้งเห็นจริงตามกฎธรรมดา ไม่มีอารมณ์คิดที่จะฝืนกฎธรรมดาเหล่านั้นจนในที่สุดจะได้ญาณทั้ง 8 คือ

    <O:p</O:p1.จุตูปปาตญาณ-รู้ว่าคนและสัตว์ตายแล้วไปเกิดที่ใด อีกทั้งรู้ว่าคนและสัตว์ที่มาเกิดนั้นมาจากไหน

    <O:p</O:p2.เจโตปริยญาณ-รู้อารมณ์จิตของคนและสัตว์

    <O:p</O:p3.ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ-ระลึกชาติในกาลก่อนได้ไม่จำกัดชาติ

    </O:p</O:p</O:p4.อตีตังสญาณ-รู้เหตุการณ์ในอดีตของคนและสัตว์สิ่งของ สถานที่ได้โดยไม่จำกัดกาลเวลา

    <O:p</O:p5.อนาคตังสญาณ-รู้เหตุการณ์ต่อไปในอนาคตของคนสัตว์ สิ่งของ สถานที่ได้โดยไม่จำกัดกาลเวลา

    <O:p</O:p6.ปัจจุปปันยังสญาณ-รู้เหตุปัจจุบันของคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ ได้ตามความเป็นจริง

    <O:p</O:p7.ยถากัมมุตาญาณ-รู้ผลกรรมของคนและสัตว์ได้ทั้งอดีต อนคต และปัจจุบัน

    <O:p</O:p8.ทิพยจักษุญาณ-มีความรู้ปรากฏแก่จิตเหมือนตาเห็น สามารถ เห็นผีเห็นเทวดาได้

    <O:p</O:pญาณทั้ง 8 นี้อย่าได้หนักใจนะว่าจะทำไม่ได้ เมื่อใดที่ผู้ปฏิบัติสามารถทรงฌาน 4 ได้คล่องแคล่วแล้วถอยลงสู่อุปจารสมาธิหรือฌาน 1 ฌาน 2 เพื่อพิจารณาวิปัสสนาญาณด้วยแล้ว

    นอกจากว่าท่านจะได้ญาณทั้ง 8 แล้วท่านยังมีปัญญาแตกฉานในการอธิบายถ้อยคำหัวข้อธรรม และสามารถแก้อรรถปัญหาต่างๆ ได้อย่างอัศจรรย์ นอกจากนั้นยังรอบรู้ และเข้าใจภาษาอย่างอัศจรรย์อีกด้วย (ไม่ว่าจะเป็นภาษาของพรหม เทพ มนุษย์ สัตว์ อสุรกาย)

    เป็นยังไงคุณมนูญ แบบนี้ยังจะมีนักภาษาศาสตร์คนใดในโลกสู้ท่านได้จริงไหม นี่ซิเขาจึงเรียกว่ามีปัญญา จริงใช่ไหมล่ะ”

    <O:p</O:p“เพียงแค่ได้ญาณใดญาณหนึ่งใน 8 ที่หลวงพ่อว่า ก็นับว่ามีปัญญาเกินกว่าปุถุชนคนธรรมดาในโลกนี้แล้วนะครับ”

    ข้าพเจ้ายอมรับและสารภาพถึงความในใจที่มีอยู่แต่เดิมว่า

    “หลวงพ่อครับ ผมจะขอยอมรับสารภาพกับหลวงพ่อว่า แต่เดิมก่อนที่ผมจะได้พบหลวงพ่อนั้น ผมมีความหยิ่งทะนง และเชื่อมั่นในตนเองมาโดยตลอด ว่าเป็นผู้มีสติปัญญาที่อยู่ในชั้นระดับดีเยี่ยมผู้หนึ่งทีเดียว

    เพราะเป็นที่ยอมรับของบรรดาเพื่อนฝูงและครูบาอาจารย์ตลอดมาว่าเป็นผู้มีความจำดีมาก และเรียนหนังสือเก่ง ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ผมไม่ค่อยจะเลื่อมใสศรัทธา ที่จะรับฟังคำสั่งสอนของพระภิกษุสงฆ์

    เพราะคิดว่าพระภิกษุสงฆ์เหล่านี้เรียนน้อยกว่าผม บางองค์จบแค่ประถม 4 ก็มี เมื่อเรียนน้อยก็ย่อมรู้น้อย สติปัญญาก็น่าจะน้อยตามไปด้วย

    ดังนั้นท่านจะมีปัญญามาสอนอะไรผมได้ และในบางครั้งผมยังเคยแอบนึกขำว่าคนระดับปริญญาโท ปริญญาเอกไปทนนั่งฟังพระแก่ๆ อบรมสั่งสอนกันได้อย่างไร
    จนกระทั่งในวันนี้เองผมจึงได้เข้าใจว่าสิ่งที่ผมมีในตัวเองนั้นเป็นเป็นเพียงแค่มี “สัญญา” ดีเท่านั้นเอง ซึ่งอาจจะจำในสิ่งที่ถูกก็ได้ ผิดก็ได้ หาได้มี “ปัญญา” รู้แจ้งเห็นจริงเท่าทันในกิเลส ตัณหา อุปทาน และอกุศลกรรมไม่”
    <O:p</O:p
    “เออ ไม่เลวนี่เข้าใจได้รวดเร็วดี อย่าลืมนะคนที่มีความจำดี มีสัญญาดีนั้น หากเจริญวิปัสสนาญาณพิจารณาความจริงโดยสม่ำเสมอแล้ว ปัญญาจะเกิดขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วกว่าคนอื่นนะ เพราะจดจำข้อมูลต่างๆ ที่จะมาพิจารณาได้มากกว่าเขา” หลวงพ่ออธิบายไห้กำลังใจแก่ข้าพเจ้า
    <O:p</O:p

    ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คำถามของข้าพเจ้าและคำตอบของหลวงพ่อในข้อนี้ จะทำให้ท่านผู้อ่านมีความเข้าใจคำว่า “ปัญญา” ยิ่งขึ้น โดนเฉพาะท่านผู้อ่านซึ่งเป็นคนที่มีมิจฉาทิฐิเช่นเดียวกับข้าพเจ้า
     
  11. Mantalay

    Mantalay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,065
    เข้ามาแล้ว ไปไหนไม่ได้นะค่ะ ต้องเข้ามาทุกวันค่ะ ยินดีต้อนรับนะค่ะ
    [​IMG][​IMG]
    เอ้า...หิ้วววววว
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ธันวาคม 2010
  12. สุปราณะ

    สุปราณะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    206
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +122
    เข้า ๆ ออก ๆ เริ่มจะติดใจซะแล้วสิคะ

    ดูเหมือนจะหาสาระไม่ได้ แต่สาระเพียบ (กว่าห้องอภิญญา, พุทธศาสนา เสียอีก) พร้อมความเฮฮา คลายเครียดดีจังค่ะ ....
     
  13. pimapinya

    pimapinya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +2,044
    ถามกัน...ตอบกัน...หนูก็ตามอ่านแล้วกัน อันใหนน่าสนใจแบกใส่สมองให้หมด แต่ปฎิบัติได้ไม่หมดไม่ว่ากันเด้อค่ะ
     
  14. Mantalay

    Mantalay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,065
    กระทู้ในเครือ ลุงหมานที่หลานทำค่ะ


    [​IMG]
    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    หนูพิมถามกัน...ตอบกัน...หนูก็ตามอ่านแล้วกัน อันใหนน่าสนใจแบก
    ใส่สมองให้หมด แต่ปฎิบัติได้ไม่หมดไม่ว่ากันเด้อค่ะ<!-- google_ad_section_end -->
    ตามสบายจ้า
    ได้แค่ไหนก็แค่นั้น
    พี่เองก็ไปไม่ถึงไหนหรอก
    วิ่งหนีนรกกันเถอะค่ะ555
    เอ้า....วิ่งๆๆๆๆๆไป
    ...........................[​IMG]............​
    [​IMG]<= ลุงหมาน น้องน่านเอาธรรมะมาฝากเพียบค่ะ
    .................................อ่านกันหลายวันเล้ยกว่าจะจบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ธันวาคม 2010
  15. นิพ_พาน

    นิพ_พาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,984
    ค่าพลัง:
    +7,810

    มาแล้วพี่แหลมออกจากถ้ำแล้ว มาให้ความรู้บ่อยๆๆนะพี่จะได้น้อม
    นำไปปฏิบัติค่ะ การหาทุกข์ใส่ตัวพอตกเช้าเราก็ไปปลดทุกข์แบบนี้
    จะมีประโยชน์หรือพี่ หรือว่าเราต้องหาทุกข์แล้วสะสมไปเรื่อยๆๆ
    แล้วค่อยปลดที่เดียวไม่เปลืองน้ำนะพี่ว่าไหม.....
     
  16. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    [​IMG]น่าน ๆ ๆ ๆ นัน น้านนนนน มาชุดใหญ่เลยไม่กล้าอ้างอิงกลัวเปลืองเนื้อที่เว็บ คิดได้มาใหม่เด้อน่าน
     
  17. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    ถามได้ครับ แต่จะตอบได้หรือเปล่า นั่นอีกเรื่อง ครับ ..

    ครับผม ถ้าไม่จุดธูป ก็ไม่อยากออกเหมือนกัน .. สงสัย อารมณ์ อุเบกขา หรือไม่ก็ความ ขี้เกียจ เข้าคอบงำ ..

    นู๋อายุเท่าไหร่ ครับ ลองเอาอายุตั้งนะ คูณด้วย 365 วันสิ ดูซิ นู๋เข้าห้องน้ำ ไม่ว่าจะ หนักนิด หรือเบาหน่อย น่ะ กี่ครั้งแล้ว ... น่าเบื่อหน่ายมั้ย หรือนู๋ มีความสุข กับกิจกรรมดังกล่าว เหอ ๆๆๆๆ คงเปลืองน้ำ น่าดูเนอะ ...

    ตอบได้มั้ยในชีวิตทั้งชีวิต และนู๋เคยร้องให้ กับอารมณ์ที่กระทบ กระทั่ง จากโลกธรรม มั้ย ว่ามันกี่ร้อย กี่พันหน สุขหรือทุกข์ อันใหนมากกว่ากัน บางครั้งการข่มยิ้ม มันก็สวนกับอารมณ์ แห่งความเป็นจริง ...
     
  18. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ถามเองตอบเองครับ

    ถาม
    ในพระอภิธรรมมีคำว่า อิสสา กับ อิจฉา นั้นเหมือนกันหรือแตกต่างกันอย่างไร

    ตอบ
    มีความแตกกันอย่างเห็นได้ชัด
    ธรรมชาติที่ชื่อว่า อิสสา นั้นเพราะอรรถว่า ริษยา มีความชิงชัง ซึ่งสมบัติของผู้อื่น อิสสานั้น อิสสาอารมณ์ภายนอก จะไม่มีใครอิสสาตัวเอง เป็นไปด้วยอำนาจของ โทสะ หรืออิสสาไม่อยากให้ใครได้ดีกว่าตน ร่ำรวยกว่าตน ปัญญาดีกว่าตน หรือได้ลาภสักการะมากกว่าตน หรือกลั่นแกล้งให้ได้รับความเสียหาย เช่นโยนทิ้ง ลักเอาไปทำลายหรือซ่อนเสีย อย่างนี้เป็นต้นเรียกว่าอิสสา

    อิจฉา นั้นเป็นไปด้วยอำนาจของ โลภะ คือ อยากมีปัญญาดีอย่างเขาบ้าง อยากได้ในสิ่งที่เขามี อยากร่ำรวยเหมือนคนอื่นเขาบ้าง อยากได้ลาภที่อย่างคนอื่นเขาได้บ้าง เช่นเห็นเขาถูกล๊อตตารี่รางวัลใหญ่ก็อยากถูกอย่างเขาบ้าง อยากมีเงินมีทองอย่างเขาบ้าง ซึ่งต่างกับอิสสาโดยสิ้นเชิง แต่เราอาจจะใช้คำพูดผิดไปจากความเป็นจริงจริง
    อิสสา จึงเป็น โทสะ
    อิจฉา จึงเป็น โลภะ
    ทั้งสองเป็นอกุศลด้วยกันต่างกันโดยอำนาจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 ธันวาคม 2010
  19. ppojai

    ppojai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    4,637
    ค่าพลัง:
    +9,971
    "เห็นไหมว่าบุญเกิดจากตรงไหน เพียงแต่คิดให้เป็นเท่านั้นเอง คิดที่จะให้กับคิดที่จะเอาก็ต่างกันแล้ว คิดให้เป็นบุญคิดเอาเป็นบาปได้
    ........
    สติม่ายมี อกุศลจิตเกิด พึงมีสติ..จะได้ไม่เกิดอกุศลจิตช่ายหมายคะ
    .................ตอบ ครับถูกต้องเลย เราควรประคองสติให้เกิดให้มากบุญก็เกิดมาก เพราะสติจะเกิดได้นั้นจะต้องเกิดในมหากุศลเท่านั้น

    (k)ได้คำตอบแล้วจ้า ๆ รับทราบใส่รอยหยักน้อย ๆ ของสมองแล้วค่า คุณลุงหมานขา.. แจ่มแจ้งแดงแจ๋.......เลยคร้า ๆ ๆ ขอบพระคุณในคำตอบมาก ๆ ค่ะ...

    เวปนี้ เวปลุงหมานหรือเวปคุณมันทะเลคะนี่...ฮา

    แล้วมากันบ่อยๆนะขาประจำ.........[​IMG]5555<!-- google_ad_section_end -->
    ...................
    (k) ต้องมาค่า... ต้องมาหาความรู้เพิ่มเติม แล้วจะหามาโพสด้วย เพราะไม่งั้นเจ้าของกระทู้จะต่อว่ามาแต่คว้า ไม่รู้จักค้น..จ๊ะ
     
  20. ppojai

    ppojai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    4,637
    ค่าพลัง:
    +9,971
    (k) กระทู้ไหนเราตั้งเอง ตอบเอง
    ถามเอง งง..เองงงงงงงงง ก็เป็นของเราล่ะจ๊ะ คุณมันทะเลขา..........
     

แชร์หน้านี้

Loading...